ppsan
|
|
« on: 14 October 2021, 21:57:21 » |
|
จามจุรีศรีจุฬาฯ พระราชอารมณ์ขันของในหลวง วันที่ทรงปลูกต้นจามจุรี เรื่องประทับใจไม่รู้ลืมของชาวจุฬาฯ
ทุกคนคงรู้ว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยคือต้นจามจุรี ใครที่ได้เคยไปเยี่ยมเยือนก็จะเห็นต้นจามจุรี จำนวนมากปกคลุมอยู่จนถึงปัจจุบัน
จากการสืบค้นตามข้อมูลของหอประวัติของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่าหลักฐานที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของการถือว่าจามจุรีเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย หรือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวจุฬาฯนั้นยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด แต่อาจารย์และนิสิตรุ่นเก่าๆเล่าให้ฟังว่า ในอดีตใครก็ตามประสงค์จะไปติดต่อราชการหรือธุระส่วนตัวที่ “โรงเรียนมหาวิทยาลัย” หรือ “โรงเรียนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” ซึ่งค่อย ๆ สั้นลงมาเป็น “โรงเรียนจุฬาฯ” และเหลือแต่ “จุฬาฯ” นั้น จะมีผู้แนะนำให้สังเกตว่าที่ใดเป็นโรงเรียนมหาวิทยาลัย นั่นคือให้ไปที่ปทุมวันตรงบริเวณที่มีถนนผ่านต้นจามจุรีมากๆ พอไปถึงจะเป็นตึกเรียน มีนักเรียนและอาจารย์ ส่วนเส้นทางที่จะไปสถานที่ซึ่งมีจามจุรีมากๆ นั่นคือ ถนนพระราม 1 ถนนพระราม 4 และถนนพญาไท
นิสิตรุ่น พ.ศ.2490 กว่าๆ เริ่มพบกับจามจุรีที่เป็นซุ้มรับน้องใหม่ ปลายทศวรรษนี้เริ่มมีมาลัยจามจุรีมอบให้น้องใหม่หรือเป็นรางวัลสำหรับนักกีฬาของคณะต่างๆ
ในปี พ.ศ. 2492 ต่อกับปี พ.ศ. 2493 วงดนตรีสุนทราภรณ์ได้แต่เพลง “จามจุรีศรีจุฬาฯ” ให้แก่ชาวจุฬาฯ ทั้งนี้เพราะสมัยโน้นวงดนตรีสุนทราภรณ์และจุฬาฯใกล้ชิดกันมาก สุนทราภรณ์ได้นำความผูกพันระหว่างชาวจุฬาฯ และจามจุรีมาแต่งเนื้อร้องที่มีความหมายกินใจ และใส่ทำนองเพลงที่ไพเราะยิ่ง
ช่วงเวลา พ.ศ. 2490 จามจุรีเป็นชื่อทีมฟุตบอลที่แข่งขันชิงถ้วยรางวัลต่างๆ .. สโมสรนิสิต (สจม.) และสโมสรนิสิตเก่า (สนจ.) ใช้เป็นชื่อทีมฟุตบอลแข่งขันงานที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจัดขึ้น คนรุ่นหลังๆโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบและติดตามการแข่งขันฟุตบอลเริ่มรู้ว่าชาวจุฬาฯ มีความผูกพันกับจามจุรีเพียงใด
นอกเหนือจากข้อมูลที่ประมวลมาข้างต้นแล้ว สิ่งที่นิสิตจุฬาฯ มีความรู้สึกนึกคิดตรงกันคือสีดอกจามจุรีเป็นสีชมพู จามจุรีให้ร่มเงาสำหรับการเดินไปมา การพักผ่อน การดูหนังสือ ใช้กิ่งก้านใบจามจุรีในกิจกรรมรับน้องใหม่กับการแข่งขันกีฬา วัฏจักรของจามจุรีสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวจุฬาฯ กล่าวคือสีเขียวชอุ่มให้ความสดชื่นในภาคต้น และภาคที่สองทั้งใบและฝักหล่นพื้นเตือนให้รีบดูหนังสือเตรียมตัวสอบปลายปีมิฉะนั้นจะพบกับการ repeat หรือ retire.... จามจุรีอยู่ที่จุฬาฯมานานจนบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ด้วยเหตุนี้จามจุรีกับจุฬาฯ จึงผูกพันกันมากจนกลายเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยและเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจุฬาฯ
ประมาณต้นทศวรรษของ พ.ศ. 2500 ผู้บริหารจุฬาฯ เห็นว่าจามจุรีเป็นไม้ที่สลัดใบ และฝัก ทำให้ถนนและคูข้างถนนในจุฬาฯ สกปรก มีโรคพืชทำให้กิ่งก้านหักหล่น จึงไม่มีนโยบายปลูกทดแทนต้นที่ตายไป นอกจากนั้นในช่วง พ.ศ.2480 - 2500 มีคณะต่าง ๆ เกิดขึ้นมาก จึงต้องโค่นจามจุรีเพื่อสร้างตึกใหม่ จามจุรีจึงลดจำนวนลงอย่างน่าใจหาย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งว่าต้นจามจุรีมีความผูกพันกับคนแถวนี้มาก หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ปลูก จะเสด็จพระราชดำเนินมาปลูกต้นจามจุรีให้เอง และในวันที่ 15 มกราคม พุทธศักราช 2505 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกต้นจามจุรี 5 ต้น หน้าหอประชุม และพระราชทานพระราชดำรัสถึงความผูกพันระหว่างชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับต้นจามจุรี ทรงเน้นว่าดอกสีชมพูเป็นสัญลักษณ์สูงสุดอย่างหนึ่งของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทรงเล่าอย่างสอดแทรกพระราชอารมณ์ขันว่า ทรงปลูกต้นไม้ที่พระตำหนักไกลกังวล ต้นจามจุรีงอกขึ้นในบริเวณต้นไม้ที่ทรงปลูกไว้ จึงทรงถือว่าทรงปลูกต้นจามจุรีเหล่านั้นด้วย เมื่อจามจุรีโตขึ้นแล้วเห็นว่าควรเข้ามหาวิทยาลัยเสียที ก่อนจบกระแสพระราชดำรัส ได้รับสั่งว่า ขอฝากต้นไม้ไว้ 5 ต้นให้เป็นเครื่องเตือนใจตลอดกาล จามจุรีพระราชทาน 5 ต้นจึงยืนต้นอย่างแข็งแรงเป็นศรีสง่า และสิริมงคลแก่ชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมาจนถึงปัจจุบันและตลอดไป
"วันนี้มาปลูกต้นไม้ ไม่มาทำอะไรอย่างอื่น แต่ต้นไม้นี่สำคัญ สำคัญจริงๆ คือว่าทราบดีว่าต้นไม้นี่ชื่อจามจุรี ก้ามปูนี่ก็เป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยนี้ ก็ได้นำมาห้าต้น ห้าต้นนี้ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด คือว่าปีที่แล้วไปที่หัวหินแล้วก็ปลูกต้นไม้ พวกนี้ก็เกิดมาด้วย เมื่อเกิดมาแล้วสงสาร ก็ต้องเลี้ยง เลี้ยงจนเติบโตพอควร เห็นว่าโตแล้ว ควรเข้ามหาวิทยาลัยเสียที แล้วก็มหาวิทยาลัยที่เหมาะสมกับที่นี่ เพราะว่าเขาเอ็นดูต้นจามจุรี ก็เชื่อว่าต้นไม้ทั้งห้าต้นนี้ นิสิตทั้งหลายคงรักษาไว้ให้เติบโต ไม่ให้ล้มตาย คือต้นไม้พวกนี้ ก็คงจะเป็นความสำคัญสำหรับมหาวิทยาลัยต่อไป..." พระราชดำรัสวันทรงพระราชทานต้นจามจุรีให้กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในวันที่ 15 มกราคม 2505
"ฝากต้นไม้ไว้ให้ห้าต้น ให้เป็นเครื่องเตือนใจตลอดกาล" คือพระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2505 เมื่อครั้งทรงมาปลูกต้นจามจุรีให้ไว้แก่ชาวจุฬาฯ และต่อมาเนื่องในมหามงคลวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเถลิงถวัลย์สิริราชสมบัติครบรอบ 50 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงตกแต่งลานรอบต้นจามจุรีพระราชทานเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเฉลิมพระเกียรติกาญจนาภิเษก ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จฯมาทรงเปิดลานจามจุรีพระราชทานเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2539
ต้นจามจุรีทั้งห้าต้นที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงปลูกไว้เมื่อปี 2505 นั้น บัดนี้เติบใหญ่แผ่กิ่งก้านไพศาลให้ความร่มเย็นอยู่เป็นนิจบริเวณลานจามจุรี โดยทั้งห้าต้นล้อมด้วยเสาคอนกรีตและกั้นด้วยโซ่อยู่บริเวณหลังพระบรมราชานุสาวรีย์สองรัชกาล หากหันหน้าเข้าหาหอประชุมจุฬาฯ จะอยู่ทางซ้ายมือสองต้นและอยู่ทางขวามือสามต้น จามจุรีที่พระราชทานให้ชาวจุฬาฯทั้งห้าต้นจะหยั่งรากลึกในหัวใจของชาวจุฬาฯตลอดไป เเละเรื่องเล่าพระราชอารมณ์ขันดังกล่าว คือการให้ต้นจามจุรีที่ทรงเลี้ยงดูมา ได้เข้ามหาวิทยาลัยเสียที จึงถูกเล่าต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะชาวหอใน รวมถึงทุกๆคณะด้วยความประทับใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก - -คู่มือนิสิตใหม่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประจำ ปีการศึกษา 2555
|