ppsan
|
|
« on: 08 October 2021, 07:52:35 » |
|
10 ข้อดีที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายหากคุณรับประทานไข่ไก่วันละ 2 ฟอง
ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่ทั้งอร่อย ราคาถูก ปรุงง่าย และมีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก การรับประทานไข่ไก่แต่ละฟองไม่เพียงคุณจะได้รับโปรตีน 7 กรัมและพลังงาน 85 แคลอรีเท่านั้น แต่คุณยังได้รับสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ และกรดอะมิโน ไข่แดงยังมีโคลีนซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญไขมันในร่างกายซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่คุณอาจเคยได้ยินมาในอดีต และต่อไปนี้คือ 10 ข้อดีที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายหากคุณรับประทานไข่ไก่วันละ 2 ฟอง
1. ช่วยบำรุงและปกป้องสมอง
ไข่ถูกเรียกเป็นอาหารของสมองเนื่องจากมันมีสารอาหารสำคัญที่เรียกว่าโคลีน (Choline) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของเยื่อหุ้มเซลล์และเยื่อหุ้มสมอง อีกทั้งยังเป็นสารตั้งต้นในการสร้างอะเซททิลโคลีน(Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ใช้ในการส่งกระแสประสาทของสมอง การรับประทานไข่ไก่เป็นประจำจะช่วยปกป้องสมองจากการเสื่อมถอยเมื่อคุณอายุมากขึ้น
2. ปกป้องสายตาและช่วยให้การมองเห็นดีขึ้น
งานวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่าไข่ไก่อุดมไปด้วยลูทีน (Lutein) สารนี้มีหน้าที่ในการมองเห็นที่ชัดเจนและคมชัด ลูทีนยังปกป้องคุณจากการเป็นต้อกระจก การเสื่อมสภาพของกล้ามเนื้อตามอายุ และในไข่ยังมีวิตามินเอสูงซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสุขภาพดวงตา
3. ช่วยร่างกายดูดซึมแคลเซียม
วิตามินดีในไข่นั้นดีต่อฟันและกระดูกของคุณ มันไม่เพียงแต่เสริมความแข็งแรงของฟันและกระดูก แต่ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น ไข่ไก่หนึ่งฟองมีวิตามินดี 3 ประมาณ 50 IU ซึ่งส่วนใหญ่พบในไข่แดง ไข่ไก่มีวิตามินเอและวิตามินดีสูงพอๆกับน้ำมันตับปลาแต่รสชาติอร่อยกว่าเยอะ
4. ช่วยปกป้องผม ผิว และตับ
ไข่มีวิตามินบีช่วยให้เส้นผมแข็งแรงมีสุขภาพดี และช่วยปกป้องผิวจากการเกิดจุดด่างดำ ด่างขาว และแผลที่มุมปาก นอกจากนี้ฟอสโฟลิพิด (Phospholipid) ที่มีอยู่ในไข่ไก่ยังช่วยขับสารพิษออกจากตับช่วยป้องกันการเป็นโรคตับได้ดี
5. ลดความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
งานวิจัยใหม่พบว่าฟอสโฟลิปิดที่มีอยู่ในไข่ช่วยควบคุมการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและการอักเสบในร่างกาย รวมทั้งพบว่าการรับประทานไข่เป็นประจำทุกวันไม่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และยังช่วยยับยั้งการผลิตคอเลสเตอรอลของร่างกายอีกด้วย นอกจากนี้ไข่ยังมีกรดโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์อันเป็นผลให้ช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
6. ช่วยในการลดน้ำหนัก
จากการศึกษาพบว่าหากคุณรวมอาหารแคลอรีต่ำกับการรับประทานไข่ไก่เป็นอาหารเช้า คุณจะสามารถลดน้ำหนักได้เร็วเป็นสองเท่า อาหารเช้าแบบนี้ทำให้คุณอิ่มนานช่วยให้คุณลดปริมาณอาหารที่บริโภคใน หนึ่งวัน ไข่ยังมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหารและช่วยให้คุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น
7. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
ไข่มีโคลีนซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านมได้ถึง 24% ในงานวิจัยหนึ่งพบว่าผู้หญิงที่บริโภคผลไม้ ไข่ และผักลดโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมได้มาก ผู้หญิงที่กินไข่อย่างน้อย 6 ฟองต่อสัปดาห์มีความเสี่ยงต่ำกว่าผู้ที่กิน 2 ฟองหรือน้อยกว่าในหนึ่งสัปดาห์ถึง 44%
8. เป็นอาหารจำเป็นสำหรับสตรีมีครรภ์
ไข่มีวิตามิน B9 หรือเรียกอีกอย่างว่ากรดโฟลิกซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการจำลองดีเอ็นเอ ช่วยในการเจริญเติบโตของทารกในระหว่างตั้งครรภ์ หากสตรีมีครรภ์ไม่ได้รับวิตามิน B9 เพียงพออาจนำไปสู่ความผิดปกติแต่กำเนิดในเด็กและโรคโลหิตจาง วิตามิน B9 ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดและการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย
9. ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
ไข่ไก่ 2 ฟองมีปริมาณซีลีเนียม 59% ของ RDI (ปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อวัน) ซีลีเนียมเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและควบคุมฮอร์โมนไทรอยด์ หากเด็กและวัยรุ่นได้รับซีลีเนียมไม่เพียงพออาจเป็นโรคคีชาน (Keshan disease) และคาชีน-เบค (Kashin-Beck disease) ซึ่งอาจส่งผลต่อหัวใจ กระดูก และข้อต่อ ไข่มีวิตามินเอและธาตุเหล็กซึ่งช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในปริมาณสูง นอกจากนี้ไข่ยังเป็นวิธีการรักษาที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งในการปัดเป่าความหนาวเย็นและไข้หวัดใหญ่
10. ช่วยชะลอความแก่
ไข่มีวิตามินเอที่จำเป็นสำหรับสุขภาพตาและการเจริญเติบโต วิตามินเอจากไข่ไม่เพียงช่วยเพิ่มการปกป้องผิวจากริ้วรอยที่เกิดจากวัยตามธรรมชาติ แต่ยังช่วยให้ร่างกายของคุณผลิตสารประกอบสำหรับสร้างผิวหนังด้วย ไข่เป็นแหล่งของลูทีนและซีแซนทีนซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์ที่จำเป็นสำหรับสายตาที่เฉียบคมและช่วยชะลอการเสื่อมสภาพตามวัยอีกด้วย
อย่างไรก็ตามคุณต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานไข่ที่ปรุงด้วยการทอด เช่น ไข่ดาวและไข่เจียว เพราะน้ำมันที่ติดมากับไข่เป็นตัวอันตรายหากรับประทานมากเกินไปจะเกิดผลร้ายต่อร่างกายมาก ดังนั้นคุณควรเลือกรับประทานเฉพาะไข่ต้มหรือไข่ที่ปรุงด้วยวิธีอื่นที่ไม่ใช้น้ำมัน
.......... ข้อมูลและภาพจาก healthy-foodnetwork, brightside, indiatimes
จาก ตะเกียง https://www.takieng.com/stories/24762
|