Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 21:39:36

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  Recent Posts

Recent Posts

Pages: [1] 2 3 ... 10
1

พระที่นั่งชุมสาย

พระที่นั่งชุมสาย เป็นพระที่นั่งชั่วคราว ลักษณะเป็นแท่นสี่เหลี่ยมจำหลักลายปิดทอง มีเสา ๔ ต้น หลังคาคาดด้วยผ้าขาว มีระบาย ๓ ชั้น คลุมด้วยตาข่าย มีพู่ห้อยที่ระบายชั้นล่าง ด้านบนทำเป็นลวดลายปิดทอง ตรงกลางเป็นรูปพระมหามงกุฎ สามารถถอดเก็บและเคลื่อนย้ายไปประกอบได้ใหม่เมื่อต้องการ ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์ประทับในงานพระราชพิธีต่าง ๆ หรือสำหรับวางเครื่องบวงสรวงในพระราชพิธีสำคัญ
(ขอบพระคุณข้อมูลจากเพจ พิกุลบรรณศาลา)

.











6




.


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/Pikullibrary

.




2
พระที่นั่งชุมสาย


“พระที่นั่งชุมสาย” และ "ผ้าทิพย์ปักลายพระครุฑพ่าห์" บนพลับพลาที่ประทับในพิธีสวนสนามและถวายสัตย์ปฏิญาณตนของทหารรักษาพระองค์ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ พระลานพระราชวังดุสิต



.


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/aksorn.pichai?hc_ref=ARSZFQY548Axfbwloc_K0fKpbfACE5jNInxR8jeDCJsXYltQM2ti3lixzo2Ua_waqQs

.




4
พระปฐมบรมราชโองการ




พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จผ่านพิภพสืบสนองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถ และทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงบริบูรณ์ด้วยพระบรมขัตติยราชอิสริยยศตามโบราณราชประเพณีแล้ว เมื่อวันเสาร์ ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒

       เมื่อพระมหาราชครูพิธีศรีวิสิทธิคุณ  ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์  ขัตติยราชวราภรณ์  เครื่องราชูปโภค  และพระแสง  ถวายอนุษฏุภศิวมนตร์และอนุษฏุภวิษณุมนตร์  สรรเสริญพระเป็นเจ้าตามคติเทวราชา  และกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายชัยมงคลแล้ว พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” จากนั้น ทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกิจครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจรรยาดังพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานไว้

       พระปฐมบรมราชโองการในรัชกาลปัจจุบัน อันเป็นประถมธรรมิกราชวาจาองค์นี้ แสดงให้เห็นถึงพระบรมราชปณิธานที่สืบเนื่องมาโดยตรงจากสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โดยทรงย้ำถึง “หน้าที่” ในการที่จะทรง  “ครองแผ่นดิน” ด้วย “วิธีการ” ก็คือ “โดยธรรม” อันมี “เป้าหมาย” คือ “เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร” ทรงยืนยันว่าจะทรงวางพระองค์ในฐานะพระประมุขผู้ทรงครองแผ่นดิน ภายในกรอบของความเป็นธรรม และมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรในอาณาพระบารมี ตามราชนีติธรรมนีติของความเป็นธรรมิกราชา

       ยิ่งไปกว่านั้น ยังทรงประกาศอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่แห่งรัชกาลปัจจุบัน ในอันที่จะ “สืบสาน รักษาและต่อยอด” พระบรมราโชบาย แนวพระราชดำริ พระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตรที่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระมหากรุณาพระราชทานและทรงบำเพ็ญเป็นเนติแบบอย่างอันประเสริฐไว้แล้วทุกรัชสมัย มาเป็นครรลองของการกำหนดพระบรมราโชบาย แนวพระราชดำริ ตลอดจนการทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร

       เราทั้งหลายผู้อาศัยใต้พระบรมโพธิสมภาร จึงพึงเทิดทูนพระปฐมบรมราชโองการนี้ไว้เป็นอุดมการณ์เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พร้อมปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและพากเพียรตามหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันในอันที่จะพลีอุทิศสรรพกำลังอาสาสนองงานแผ่นดิน เพื่อก่อให้เกิดผลเป็นความผาสุกมั่นคงของราชอาณาจักรไทยด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ และด้วยเป้าหมายสูงสุดคือประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า สมพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญหลักชัยของปวงประชาชาติไทยที่ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”  ทุกประการ.

“โอมฺ เทวสฺส อิมํ ปฐมํ โองฺการภูตํ สูรสีหนาทํ สมฺปฏิจฺฉามิ ฯ”

ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระบรมราชโองการสุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ

.




5
พระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10



ข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐
The Coronation of King Rama X

พระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 - พระราชทานปฐมบรมราชโองการ
         
เฉลิมพระนาม พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน พระปฐมบรมราชโองการ


ภาพจาก เฟซบุ๊ก Live NBT2HD

.



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam

          หลังจากพิธีในช่วงเช้าของการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก วันที่ 4 พฤษภาคม 2562 เสร็จสิ้นลง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จะทรงเป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี ซึ่งการออกพระนาม จะต้องออกพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

          โดยจะทรงพระปรมาภิไธยเต็ม "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam

.



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Wassana Nanuam

          ในส่วนของการขานพระนาม ใช้ว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกเสียงอ่าน ระ-บาท-สม-เด็จ-พระ-ปอ-ระ-เมน-ทะ-ระ-รา-มา-ธิ-บอ-ดี-ศรี-สิน-ทร-มะ-หา-วะ-ชิ-รา-ลง-กรณ-พระ-วะ-ชิ-ระ-เกล้า-เจ้า-อยู่-หัว โดยถือเป็นพระปรมาภิไธย จารึกในพระสุพรรณบัฏ

          ทั้งนี้ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน พระปฐมบรมราชโองการ "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

.



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Live NBT2HD

.



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Live NBT2HD

.



ภาพจาก สปริงนิวส์

.



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Live NBT2HD

.



ภาพจาก เฟซบุ๊ก Live NBT2HD

.


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://king.kapook.com/view209558.html

.




6
ราชาภิเษก: สัญลักษณ์ ความหมาย และความเปลี่ยนแปลงของสถาบันกษัตริย์ยุคใหม่ทั่วโลก


ราชาภิเษก: สัญลักษณ์ ความหมาย และความเปลี่ยนแปลงของสถาบันกษัตริย์ยุคใหม่ทั่วโลก



16 เมษายน 2019

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์แห่งรอบทศวรรษ ซึ่งสถาบันกษัตริย์ของหลายประเทศทั่วโลก "ผลัดแผ่นดิน" เปลี่ยนรัชสมัย

เมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จขึ้นครองราชย์ได้ระยะหนึ่ง ตามธรรมเนียมของหลายประเทศจะต้องมีการประกอบพิธีเพื่อเป็นการสถาปนาให้ทรงดำรงสถานะพระราชาหรือพระจักรพรรดิอย่างสมบูรณ์ ซึ่งพิธีนี้เรียกว่า "ราชาภิเษก" โดยในแต่ละวัฒนธรรมมีขั้นตอนและจุดสำคัญในการประกอบพิธีนี้แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการทำพิธีสวมพระมหามงกุฎ (coronation) ซึ่งเป็นจุดเน้นในพิธีราชาภิเษกของวัฒนธรรมตะวันตก หรือพิธีขึ้นประทับบนพระราชบัลลังก์ (enthronement) ในวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกก็ตาม


"ราชาภิเษก" โดยเนื้อแท้นั้นคืออะไร

เมื่อกล่าวถึงพิธีราชาภิเษก สิ่งที่หลายคนคุ้นตาจากการชมภาพบันทึกประวัติศาสตร์ของพิธีดังกล่าวทั้งจากของไทยและของต่างประเทศ คือบรรยากาศการประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งบรรดาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่งดงามอลังการละลานตา แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังภาพตรึงตาตรึงใจเหล่านี้ คือการสื่อความหมายสำคัญในการสถาปนาให้บุคคลผู้หนึ่งขึ้นเป็นจอมคนเหนือประชาราษฎร์ทั้งแผ่นดิน



พิธีราชาภิเษกมักจะเชื่อมโยงกับคติความเชื่อและพิธีกรรมทางศาสนาเป็นส่วนใหญ่ โดยแสดงถึงการที่อำนาจเบื้องบน เช่นสวรรค์ ทวยเทพ หรือพระผู้เป็นเจ้า ให้การยอมรับบุคคลที่ขึ้นเป็นกษัตริย์

ในประเทศที่นับถือคริสต์ศาสนา พิธีกรรมส่วนใหญ่มาจากแบบอย่างของชาวยิวที่มีระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิล เช่น กษัตริย์พระองค์ใหม่จะได้รับการเจิมด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ตามจุดสำคัญทั่วร่างกายในพิธีราชาภิเษก ซึ่งแสดงถึงการที่ทรงรับถ่ายทอด "เทวสิทธิ์" (divine right) มาจากพระเจ้า ทำให้ทรงมีพระราชอำนาจในการปกครอง รวมทั้งในการตัดสินประเด็นต่าง ๆ ทางศาสนาและจิตวิญญาณของประชาชน

.
อังกฤษ



สำหรับพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของราชวงศ์อังกฤษในยุคปัจจุบัน ขั้นตอนที่ตามมาหลังจากการเจิมน้ำมันศักดิ์สิทธิ์คือการถวายชุดคลุมและผ้าคลุมยาว รวมทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์ (crown jewels) ซึ่งชิ้นสำคัญได้แก่ลูกโลกทองคำประดับอัญมณี (orb) ที่มีสัญลักษณ์กางเขนอยู่ด้านบน สื่อถึงการปกครองของพระเยซูคริสต์เหนือผืนโลก นอกจากนี้ยังมีพระธำมรงค์ (แหวน) เป็นสัญลักษณ์ของการที่กษัตริย์ทรง "อภิเษกสมรส" หรือทรงผูกมัดพระองค์เองเข้ากับพระราชอาณาจักร ส่วนพระคทา (scepter) ที่มีหัวเป็นรูปนกพิราบหรือกางเขนนั้น แสดงถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพระจิต (Holy Ghost) ในคริสต์ศาสนา

ถัดจากนั้นจะเป็นพิธีสวมพระมหามงกุฎ โดยอาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี นักบวชสมณศักดิ์สูงสุดของศาสนจักรแห่งอังกฤษ (The Church of England) จะเป็นผู้วางพระมหามงกุฎลงบนพระเศียร ตามมาด้วยพิธีเสด็จขึ้นประทับบนพระราชบัลลังก์ เพื่อให้บรรดาพระราชวงศ์และขุนนางเข้าเฝ้าถวายพระพร ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละขั้นตอนในพิธีราชาภิเษกนี้เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการที่พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งกษัตริย์ โดยแต่ละขั้นตอนแสดงถึงการถวายพระราชอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในหลากหลายด้านที่แตกต่างกันออกไป



การใช้บรรดานักบวชสมณศักดิ์สูงเป็นผู้ประกอบพิธีราชาภิเษก ยังแสดงถึงการสนับสนุนของศาสนจักรซึ่งเป็นขุมพลังสำคัญต่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งจะช่วยป้องกันการคัดค้านต่อต้านของชนชั้นปกครองและกษัตริย์จากแคว้นอื่น เนื่องจากในอดีตผู้ที่ขึ้นครองราชสมบัติมักจะต้องได้รับความเห็นชอบจากเหล่ากษัตริย์ด้วยกันอีกด้วย

.
เอเชีย


พิธีราชาพิเษกของกษัตริย์ที่กัมพูชาเมื่อปี พ.ศ. 2407 ใช้น้ำสรงร่างกายเพื่อชำระล้างและก้าวสู่ชีวิตใหม่

สำหรับประเทศในเอเชีย ที่นับถือพุทธศาสนาหรือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู พิธีราชาภิเษกมีความเกี่ยวข้องกับคติของอินเดียโบราณที่ใช้ "น้ำ" เป็นสื่อในการสถาปนาแต่งตั้งบุคคลสำคัญ โดยถือว่าการใช้น้ำรดหรือสรงชำระร่างกาย แสดงถึงการก้าวย่างเข้าสู่ช่วงชีวิตใหม่และมีสถานะใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ดังนั้นใจความสำคัญของพิธีราชาภิเษกในคติแบบพราหมณ์-ฮินดูก็คือพิธีการสถาปนากษัตริย์ด้วยการสรงน้ำหรือ "มุรธาภิเษก" นั่นเอง ซึ่งถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนผ่านจากมนุษย์ธรรมดาไปเป็นสมมติเทพหรืออวตารของพระเจ้า


พิธีราชาภิเษกทางตอนใต้ของประเทศอินเดียมีนักบวชเข้าร่วม 40 คน และแขกกว่า 1,000 คน

สำหรับกษัตริย์ที่เป็นพุทธมามกะ พิธีราชาภิเษกยังแสดงออกถึงความเป็นจักรพรรดิราช หรือกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจบารมีเหนือกษัตริย์อื่น ๆ และความเป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตอีกด้วย โดยคติความเชื่อเรื่องแก้ววิเศษ 7 ประการซึ่งเป็นเครื่องประดับบารมีของพระจักรพรรดิราชนั้น ถูกนำมาสอดแทรกไว้ในการถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ซึ่งพระมหากษัตริย์ในยุครัตนโกสินทร์หลายพระองค์มีเครื่องราชกกุธภัณฑ์ 5 อย่างหรือ "เบญจราชกกุธภัณฑ์" ได้แก่ พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี พัดโบกวาลวิชนี ธารพระกร และฉลองพระบาทเชิงงอน เป็นเครื่องแสดงถึงพระบารมีในด้านต่าง ๆ


วัฒนธรรมชาติอื่นๆ

แม้แต่ละประเทศจะมีรายละเอียดในการประกอบพิธีราชาภิเษกแตกต่างกันไป แต่ทั้งหมดยังคงสาระสำคัญในการสื่อความหมายถึงการยอมรับและสถาปนาบุคคลผู้หนึ่งขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยในบางครั้งพิธีราชาภิเษกยังรวมถึงการยอมรับจากประชาชนซึ่งเป็น "พลังอำนาจจากเบื้องล่าง" นอกเหนือไปจากการยอมรับของศาสนาจักรและอำนาจเบื้องบนอีกด้วย เช่นพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์เนปาล จะต้องทรงรับน้ำสรงมุรธาภิเษกจากตัวแทนวรรณะทั้งสี่ คือกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ และศูทร



ไม่จำเป็นว่าการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์ในยุโรปจะต้องมีพิธีสวมพระมหามงกุฎ (coronation) เสมอไป บางประเทศ เช่น เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และลักเซมเบิร์ก ไม่เคยมีการประกอบพิธีดังกล่าวมาก่อนในประวัติศาสตร์ ส่วนกษัตริย์สเปนนั้นมีพระราชพิธีราชาภิเษกซึ่งรวมเอาขั้นตอนการสวมพระมหามงกุฎเอาไว้ด้วยเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อหลายร้อยปีก่อน

กรณีของมาเลเซียซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีจะต้องได้รับเลือกจากบรรดาสุลต่านผู้ครองรัฐจำนวน 9 รัฐ เพื่อผลัดเปลี่ยนกันขึ้นครองราชย์ในตำแหน่งประมุขสูงสุดหรือ "ยังดีเปอร์ตวนอากง" ทุก 5 ปีนั้น พิธีราชาภิเษกเป็นไปอย่างเรียบง่าย สมเด็จพระราชาธิบดีทรงเครื่องประดับพระเศียรแบบดั้งเดิมแทนพระมหามงกุฎ เสด็จเข้าในกระบวนแห่ไปยังพระราชวัง ก่อนจะทรงรับพระคัมภีร์อัลกุรอานมาจุมพิตและแสดงความเคารพ สื่อถึงการที่ทรงรับจะเป็นองค์อุปถัมภกและผู้พิทักษ์ปกป้องศาสนาอิสลาม จากนั้นทรงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าบรรดาพระราชวงศ์ คณะรัฐมนตรี และบุคคลสำคัญทางการเมือง



บรูไนเป็นประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอีกประเทศหนึ่งที่ยังปกครองด้วยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ซึ่งพิธีราชาภิเษกของสุลต่านแห่งบรูไนจะเริ่มต้นด้วยการปักธงสีเหลืองและแดงบนเนินเขา 2 แห่ง เพื่อประกาศแก่ประชาชนและชาวต่างประเทศว่าสุลต่านพระองค์ใหม่ได้ขึ้นครองราชย์แล้ว และจะมีพิธีราชาภิเษกในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งในพิธีดังกล่าวสุลต่านจะทรงกริช "สินากา" (Si Naga) เสด็จเข้าในกระบวนแห่ไปยังพระราชวังเพื่อทรงรับการสวมพระมหามงกุฎและการถวายคำสัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีจากเหล่าข้าราชบริพาร ซึ่งคนเหล่านี้ต้องชักดาบประจำตัวของตนออกจากฝักขณะกล่าวคำปฏิญาณด้วย

ส่วนพิธีราชาภิเษกของกษัตริย์ในแอฟริกานั้นแตกต่างออกไปอีกอย่างมาก เช่นการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์แห่งสวาซิแลนด์ ซึ่งทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น "เอสวาตินี" เมื่อไม่นานมานี้ มีการประกอบพิธีหลายขั้นตอนเป็นการลับ แต่ในท้ายที่สุดกษัตริย์พระองค์ใหม่จะเสด็จออกและทรงเข้าร่วมในพิธีเต้นรำ โดยจะทรงเครื่องประดับทำจากขนนกแบบเต็มยศตลอดพิธีเต้นรำที่ยาวนานหลายชั่วโมง


ความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัยกับราชาภิเษกในโลกยุคใหม่

พิธีราชาภิเษกยังแสดงถึงการเปลี่ยนผ่านของกาลเวลาและยุคสมัยในสังคมต่าง ๆ โดยเห็นได้ชัดที่สุดในกรณีการเปลี่ยนชื่อรัชสมัยและการนับปีรัชศกตามการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงที่โลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 นี้ มีการเปลี่ยนผ่านจากยุคแห่งสงครามในรัชสมัยโชวะ มาถึงยุคแห่ง "สันติภาพทั่วหล้า" ในรัชสมัยเฮเซ และกำลังก้าวเข้าสู่รัชสมัย "เรวะ" ของสมเด็จพระจักรพรรดิพระองค์ที่ 126 ซึ่งชื่อของรัชสมัยนี้หมายถึง "ความสันติปรองดองอันรุ่งเรือง" สะท้อนถึงความปรารถนาการเปลี่ยนแปลงของชาวญี่ปุ่น จากสภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำมายาวนาน สังคมผู้สูงวัย การเมืองไร้เสถียรภาพ เข้าสู่ยุคแห่งความหวังครั้งใหม่



ทุกวันนี้พิธีราชาภิเษกในหลายประเทศมีการปรับเปลี่ยนให้เรียบง่าย สอดคล้องกับยุคสมัย และเข้าถึงประชาชนในทุกระดับมากขึ้น รวมทั้งลดความเกี่ยวข้องกับศาสนาและอำนาจเหนือมนุษย์ลง กษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงอาจจะเพียงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณต่อรัฐสภา หรือต่อกลุ่มผู้แทนพสกนิกรทุกหมู่เหล่า โดยถ้อยคำที่ใช้ในพิธีนี้เปลี่ยนแปลงไปได้ตามบริบทและความเหมาะสมของยุคสมัย เช่นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร ทรงกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ 3 ข้อ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อปี 1953 ว่าจะทรงครองราชสมบัติภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายบ้านเมือง จะทรงดำรงความเป็นธรรมด้วยพระเมตตา และจะทรงพิทักษ์รักษาศาสนจักรแห่งอังกฤษ


มกุฎราชกุมารนารุฮิโตะจะทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ในเดือนพฤษภาคมนี้

การที่พระมหากษัตริย์ซึ่งทรงล่วงเข้าวัยชราสละราชสมบัติให้แก่พระรัชทายาทในเวลาอันสมควร ก็เป็นอีกแนวโน้มหนึ่งของโลกสมัยใหม่ที่เริ่มมีการปฏิบัติกันแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในปี 2013-2014 สถาบันกษัตริย์ของเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ และสเปน มีการผลัดแผ่นดินด้วยวิธีการดังกล่าวซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การเปลี่ยนผ่านรัชสมัยเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ส่วนประเทศในเอเชียอย่างภูฏานนั้น สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก ได้สละราชสมบัติแก่พระราชโอรสมาตั้งแต่ปี 2008 ตามมาด้วยสมเด็จพระจักรพรรดิอะกิฮิโตะแห่งญี่ปุ่นซึ่งทรงตัดสินประกาศแนวทางดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว และจะมีพิธีขึ้นในวันที่ 30 เม.ย. นี้



สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2551
อย่างไรก็ตาม มีกษัตริย์ของยุโรปหลายประเทศที่ยืนยันจะยังไม่สละราชสมบัติตามแบบอย่างที่กำลังมาแรง เช่นสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 ของนอร์เวย์ พระชนมพรรษา 82 พรรษา เนื่องจากทรงถือว่าคำสัตย์ปฏิญาณที่ให้ไว้กับรัฐธรรมนูญของประเทศในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น เป็นคำมั่นสัญญาที่จะต้องทรงยึดถือ "ตลอดชีวิต"

ส่วนสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน พระชนมพรรษา 73 พรรษา มีพระดำรัสว่าจะยังไม่ทรงสละราชสมบัติให้แก่เจ้าหญิงวิกตอเรีย องค์มกุฎราชกุมารีซึ่งทรงเป็นที่ชื่นชมรักใคร่ในหมู่ประชาชนอย่างสูง เพราะสำหรับพระองค์แล้วประเด็นนี้ถือเป็น "เรื่องของพระผู้เป็นเจ้า"

.


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://www.bbc.com/thai/47944565

.




7
บรมราชาภิเษก : พระปฐมบรมราชโองการ ร. 10


บรมราชาภิเษก : พระปฐมบรมราชโองการ ร. 10



4 พฤษภาคม 2019

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย ความว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

เวลา 12.18 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ขณะประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ภายในพระที่นั่งไพศาลทักษิณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานอารักขาแก่ประชาชนชาวไทย ความว่า "เราจะสืบสานรักษาและต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

หลังเข้าพิธีสรงพระมุรธาภิเษก ทรงรับน้ำอภิเษก และทรงสวมพระมหาพิชัยมงกุฎ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ทั้งนี้เมื่อทรงประกอบพิธีครบทั้ง 3 ส่วนนี้ จึงถือได้ว่า "เป็นพระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์"

ก่อนหน้านี้ พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ได้กล่าวเวทสรรเสริญเปิดศิวาลัยไกรลาส จบแล้ว กราบบังคมทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศจากพระแท่นมณฑล มีพระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธย เบญจราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ และพระแสงราชศัตราวุธ มามอบให้ประธานพระครูพราหมณ์



จากนั้นเวลา 12.16 น. ประธานพระครูพราหมณ์ถวายอนุษฏุภ ศิวมนตร์ และถวายอนุษฏุภวิษณุมนตร์ โดยเอ่ยประโยคสำคัญเป็นครั้งแรกว่า "ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม..." และระบุอีกตอนหนึ่งว่า "ขอทรงรับพระมหาสิริราชสมบัติ ถวัลยราชสมบัติ ขอจงทรงแผ่นปกครองทั่วปฐพี ขอจงทรงชนะอริราชดัสกร ทุกเมื่อเทอญ" ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเป็น "พระมหากษัตริย์โดยสมบูรณ์"

ก่อนที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระปฐมบรมราชโองการพระราชทานแก่ปวงชนชาวไทย และทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจปกครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจริยา

หลังจากนี้การออกพระนามในหลวง ร. 10 จะเป็น "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"

รับสั่งให้ทำหน้าที่โดยยึดประโยชน์ประเทศ-ความผาสุกประชาชน

ต่อมาเวลา 14.56 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงฉลองพระองค์ครุย เสด็จออกพระทวารเทวราชมเหศวรมายังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ประทับเหนือพระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์บนพระราชบัลลังก์ภายใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร

จากนั้นพระบรมวงศานุวงศ์ และประมุข 3 สถาบัน ได้กราบบังคมทูลพระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในนามพระบรมวงศานุวงศ์

พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร ตำรวจ พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า

นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในนาม สนช.

นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ในนามของข้าราชการตุลาการ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสตอบ ความว่า ข้าพเจ้ามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาอยู่ในท่ามกลางมหาสมาคม พรั่งพร้อมด้วยทุกท่านจากทุกสถาบันสำคัญของชาติ และได้รับคำอวยพรอันเปี่ยมไปด้วยความปรารถนาดีและไมตรีจิต ขอขอบพระทัยและขอบใจในคำอำนวยพรและน้ำใจไมตรีของทุกท่านเป็นอย่างมาก



ในหลวง ร. 10 เสด็จออกมหาสมาคม ซึ่งถือเป็น "การว่าราชการครั้งแรก"

"ในโอกาสนี้ข้าพเจ้าขอเชิญชวนทุกท่านทุกฝ่ายในมหาสมาคมนี้ และประชาชนชาวไทยทุกคนได้ตั้งความปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้า ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติงานตามฐานะและหน้าที่ของตนโดยยึดเอาประโยชน์ คือความเจริญมั่นคงของประเทศชาติ และความผาสุกร่มเย็นของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด"

ขอคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาทุกท่านให้ประสบความสุขความเจริญ พร้อมด้วยพรอันเป็นมงคลทุกประการ

..

พระปฐมบรมราชโองการพระมหากษัตริย์แห่งบรมราชจักรีวงศ์





















.


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://www.bbc.com/thai/thailand-48158949

.




8
พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10


พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10



พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยศูรยพิมาน

พระบรมราโชวาท/พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่ข้าราชการ ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งประชาชนทั่วไปเนื่องในโอกาสต่าง ๆ มาเผยแพร่
เพื่อเป็นข้อคิดและเครื่องเตือนใจให้แก่ปวงชนชาวไทยได้น้อมนำไปยึดถือปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
รวมทั้งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ และทรงมีน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยทุกข์สุขของชาวไทยทั้งแผ่นดิน

-----------------------------------------------------------------------------

พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 -----------------------------------------------------------------------------

พระปฐมบรมราชโองการ ร.10 ในการออกมหาสมาคม

“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
จากพระปฐมบรมราชโองการของ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ไม่เพียงสะท้อนถึงพระราชปณิธาน และความตั้งใจอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และแนวพระราชดำริต่าง ๆ ของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”

ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยศูรยพิมาน



.


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://www.phralan.in.th/coronation/newsdetail.php?id=1168

.




9
พระปฐมบรมราชโองการ นับแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์


พระปฐมบรมราชโองการ นับแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์



ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระมหากษัตริย์จะพระราชทาน

" พระปฐมบรมราชโองการ "

หลังจากพราหมณ์ทูลเกล้าฯ ถวาย เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องราชูปโภคแล้ว
พระปฐมบรมราชโองการ นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลที่ ๙ มีเนื้อความเปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัย
ซึ่งล้วนแต่แสดงพระราชปณิธาน ในฐานะทรงเป็นผู้รับพระราชภาระแห่งบ้านเมือง

.





พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พุทธศักราช ๒๓๒๘

“...พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรปรารถนาเถิด...”

.





พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๕๒

“ แต่บรรดาพฤกษาและแม่น้ำใหญ่ น้อย และสิ่งของทั้งปวง ซึ่งมีในแผ่นดิน ทั่วขอบเขตแดนพระนคร ซึ่งหาเจ้าของหวงแหนมิได้
ให้พระราชทานแก่ สมณะ พราหมณ อณาประชาราษฎร์ทั้งปวง ตามแต่ปรารถนาเถิด ”

.





พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๓๖๗

“ เจ้าพระยา และพระยา ของซึ่งถวายทั้งนี้ จงจัดแจงบำรุงไว้ให้ดี จะได้รักษาแผ่นดิน ”

ในการพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่พบหลักฐานพระปฐมบรมราชโองการหลังจากพิธีถวายสิริราชสมบัติและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ที่พระที่นั่งภัทรบิฐ

พบแต่ “ พระราชโองการปฏิสันถาร ” ในการเสด็จมหาสมาคม ซึ่งโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเข้าเฝ้าเพื่อรับการถวายราชสมบัติ

จากนั้นจึงมีพระราชโองการตรัสปฏิสันถารกับเจ้าพระยา และพระยาทั้งปวง ซึ่งมีข้อความเดียวกันทุกรัชกาล
ต่อมาภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ยกเลิกพิธีส่วนนี้ มีแต่เพียงการถวายพระพรชัยมงคลจากขุนนางฝ่ายหน้าและข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเท่านั้น

.





พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๙๔

“ พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด ”

.






พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๑

“ แต่บรรดาที่ไม่มีเจ้าของผลไม้ทั้งน้ำในห้วยละหารตรท่าก็ดี ตามแต่สมณพราหมณาจารยอาณาประชาราษฎรจะมาแต่จตุระทิศต่างๆ ตามแต่จะปรารถนา ”

.

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๖

คำภาษามคธ “ อิทานหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชา มุทฺธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิธ ธฺมมิกราชปเวณิยา อนุชานามิ ยนฺติ สฺยามวิชิเต
อปรปริคฺคหิตํ ติณกฏฺโจทกํ สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพสฺยามรฏฺฐิกา ยถาสุขํ ปริภุญฺชนุตุฯ ”

คำแปล “ ครั้งนี้ท่านทั้งปวงพร้อมใจกัน ยอมให้เราเปนเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษกเปนใหญ่ในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้แล้ว เราขออนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี พรรณพฤกษชลธีในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มีเจ้าของหวงแหนนั้น ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรทั้งปวงจะปรารถนาใช้สอยเทอญ ฯ ”

.





พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๕๓

คำภาษามคธ “อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ
อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถ ฯ”

คำแปล “ ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน
เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ ฯ ”

.





พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๘

คำภาษามคธ “อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ
อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถ ฯ”

คำแปล “ ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน
เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ ฯ ”

.





พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

เสด็จสวรรคตก่อนทรงรับพระราชพิธีบรมราชภิเษก

.





พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓

“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ”

.

คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
กรมประชาสัมพันธ์ เลขที่ 9 ซอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://phralan.in.th/coronation/royalcoronationdetail.php?id=66

.




10
พระปฐมบรมราชโองการ นับแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์


พระปฐมบรมราชโองการ นับแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์



ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พระมหากษัตริย์จะพระราชทาน

" พระปฐมบรมราชโองการ "

หลังจากพราหมณ์ทูลเกล้าฯ ถวาย เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ และเครื่องราชูปโภคแล้ว
พระปฐมบรมราชโองการ นับตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ จนถึงรัชกาลที่ ๙ มีเนื้อความเปลี่ยนแปลงมาตามยุคสมัย
ซึ่งล้วนแต่แสดงพระราชปณิธาน ในฐานะทรงเป็นผู้รับพระราชภาระแห่งบ้านเมือง

.





พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พุทธศักราช ๒๓๒๘

“...พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรปรารถนาเถิด...”

.





พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วันที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๕๒

“ แต่บรรดาพฤกษาและแม่น้ำใหญ่ น้อย และสิ่งของทั้งปวง ซึ่งมีในแผ่นดิน ทั่วขอบเขตแดนพระนคร ซึ่งหาเจ้าของหวงแหนมิได้
ให้พระราชทานแก่ สมณะ พราหมณ อณาประชาราษฎร์ทั้งปวง ตามแต่ปรารถนาเถิด ”

.





พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๓๖๗

“ เจ้าพระยา และพระยา ของซึ่งถวายทั้งนี้ จงจัดแจงบำรุงไว้ให้ดี จะได้รักษาแผ่นดิน ”

ในการพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ไม่พบหลักฐานพระปฐมบรมราชโองการหลังจากพิธีถวายสิริราชสมบัติและเครื่องสิริราชกกุธภัณฑ์ที่พระที่นั่งภัทรบิฐ

พบแต่ “ พระราชโองการปฏิสันถาร ” ในการเสด็จมหาสมาคม ซึ่งโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเข้าเฝ้าเพื่อรับการถวายราชสมบัติ

จากนั้นจึงมีพระราชโองการตรัสปฏิสันถารกับเจ้าพระยา และพระยาทั้งปวง ซึ่งมีข้อความเดียวกันทุกรัชกาล
ต่อมาภายหลังพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ยกเลิกพิธีส่วนนี้ มีแต่เพียงการถวายพระพรชัยมงคลจากขุนนางฝ่ายหน้าและข้าทูลละอองธุลีพระบาทฝ่ายในเท่านั้น

.





พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๓๙๔

“ พรรณพฤกษ ชลธี แลสิ่งของในแผ่นดิน ทั่วเขตพระนคร ซึ่งหาผู้หวงแหนมิได้นั้น ตามแต่สมณชีพราหมณาจารย์ราษฎรจะปรารถนาเถิด ”

.






พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๑

“ แต่บรรดาที่ไม่มีเจ้าของผลไม้ทั้งน้ำในห้วยละหารตรท่าก็ดี ตามแต่สมณพราหมณาจารยอาณาประชาราษฎรจะมาแต่จตุระทิศต่างๆ ตามแต่จะปรารถนา ”

.

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๑๖

คำภาษามคธ “ อิทานหํ สพฺเพสํ อนุมติยา ราชา มุทฺธาวสิตฺโต สฺยาเมสุ อิสฺสราธิปจฺจํ รชฺชํ กาเรมิธ ธฺมมิกราชปเวณิยา อนุชานามิ ยนฺติ สฺยามวิชิเต
อปรปริคฺคหิตํ ติณกฏฺโจทกํ สมณพฺราหฺมณาทโย สพฺเพสฺยามรฏฺฐิกา ยถาสุขํ ปริภุญฺชนุตุฯ ”

คำแปล “ ครั้งนี้ท่านทั้งปวงพร้อมใจกัน ยอมให้เราเปนเจ้าครองราชสมบัติได้รับมุรธาภิเษกเปนใหญ่ในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้แล้ว เราขออนุญาตยอมให้ โดยธรรมิกราชประเพณี พรรณพฤกษชลธีในสยามราษฎร์วราณาจักรนี้ ซึ่งไม่มีเจ้าของหวงแหนนั้น ตามแต่สมณพราหมณาจารย์ ประชาราษฎรทั้งปวงจะปรารถนาใช้สอยเทอญ ฯ ”

.





พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๕๓

คำภาษามคธ “อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ
อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถ ฯ”

คำแปล “ ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน
เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ ฯ ”

.





พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๖๘

คำภาษามคธ “อิทานาหํ พฺราหฺมณา ราชภารํ วหนฺโต พหุโน ชนสฺส อตฺถาย หิตาย สุขาย ธมฺเมน สเมน รชฺชํ กาเรมิ ตุมฺหากํ สปริคฺคหิตานํ
อุปริ ราชกํ อาณํ ปสาเรตฺวา นาโถ หุตฺวา ธมฺมิกํ รกฺขาวรณคุตฺตี สํวิทหามิ วิสฺสฏฺฐา หุตฺวา ยถาสุขํ วิหรถ ฯ”

คำแปล “ ดูกรพราหมณ์ บัดนี้เราทรงราชภาระครองแผ่นดินโดยธรรมสม่ำเสมอ เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและสุขแห่งมหาชน
เราแผ่ราชอาณาเหนือท่านทั้งหลายกับโภคสมบัติ เปนที่พึ่ง จัดการปกครองรักษาป้องกัน อันเปนธรรมสืบไป ท่านทั้งหลายจงวางใจอยู่ตามสบาย เทอญ ฯ ”

.





พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร

เสด็จสวรรคตก่อนทรงรับพระราชพิธีบรมราชภิเษก

.





พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร วันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓

“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ”

.

คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
กรมประชาสัมพันธ์ เลขที่ 9 ซอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพระราม 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400


.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://phralan.in.th/coronation/royalcoronationdetail.php?id=66

.




Pages: [1] 2 3 ... 10
SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.076 seconds with 17 queries.