Messages |
Topics |
Attachments
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
Messages - ppsan
3
« on: Today at 15:35:10 »
.
4
« on: Today at 10:24:40 »
พระปฐมบรมราชโองการ
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จผ่านพิภพสืบสนองพระองค์สมเด็จพระบรมชนกนาถ และทรงรับพระบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑๐ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงบริบูรณ์ด้วยพระบรมขัตติยราชอิสริยยศตามโบราณราชประเพณีแล้ว เมื่อวันเสาร์ ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒
เมื่อพระมหาราชครูพิธีศรีวิสิทธิคุณ ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเครื่องราชกกุธภัณฑ์ ขัตติยราชวราภรณ์ เครื่องราชูปโภค และพระแสง ถวายอนุษฏุภศิวมนตร์และอนุษฏุภวิษณุมนตร์ สรรเสริญพระเป็นเจ้าตามคติเทวราชา และกราบบังคมทูลพระกรุณาถวายชัยมงคลแล้ว พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการ ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” จากนั้น ทรงหลั่งทักษิโณทกตั้งพระราชสัตยาธิษฐานจะทรงปฏิบัติพระราชกิจครองราชอาณาจักรไทยโดยทศพิธราชธรรมจรรยาดังพระปฐมบรมราชโองการที่พระราชทานไว้
พระปฐมบรมราชโองการในรัชกาลปัจจุบัน อันเป็นประถมธรรมิกราชวาจาองค์นี้ แสดงให้เห็นถึงพระบรมราชปณิธานที่สืบเนื่องมาโดยตรงจากสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า โดยทรงย้ำถึง “หน้าที่” ในการที่จะทรง “ครองแผ่นดิน” ด้วย “วิธีการ” ก็คือ “โดยธรรม” อันมี “เป้าหมาย” คือ “เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร” ทรงยืนยันว่าจะทรงวางพระองค์ในฐานะพระประมุขผู้ทรงครองแผ่นดิน ภายในกรอบของความเป็นธรรม และมีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สุขของราษฎรในอาณาพระบารมี ตามราชนีติธรรมนีติของความเป็นธรรมิกราชา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังทรงประกาศอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่แห่งรัชกาลปัจจุบัน ในอันที่จะ “สืบสาน รักษาและต่อยอด” พระบรมราโชบาย แนวพระราชดำริ พระราชกรณียกิจ พระราชจริยวัตรที่สมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ ทรงพระมหากรุณาพระราชทานและทรงบำเพ็ญเป็นเนติแบบอย่างอันประเสริฐไว้แล้วทุกรัชสมัย มาเป็นครรลองของการกำหนดพระบรมราโชบาย แนวพระราชดำริ ตลอดจนการทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎร
เราทั้งหลายผู้อาศัยใต้พระบรมโพธิสมภาร จึงพึงเทิดทูนพระปฐมบรมราชโองการนี้ไว้เป็นอุดมการณ์เหนือเกล้าเหนือกระหม่อม พร้อมปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและพากเพียรตามหน้าที่ร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันในอันที่จะพลีอุทิศสรรพกำลังอาสาสนองงานแผ่นดิน เพื่อก่อให้เกิดผลเป็นความผาสุกมั่นคงของราชอาณาจักรไทยด้วยความกตัญญูกตเวทีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ และด้วยเป้าหมายสูงสุดคือประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรทุกหมู่เหล่า สมพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นมิ่งขวัญหลักชัยของปวงประชาชาติไทยที่ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” ทุกประการ.
“โอมฺ เทวสฺส อิมํ ปฐมํ โองฺการภูตํ สูรสีหนาทํ สมฺปฏิจฺฉามิ ฯ”
ข้าพระพุทธเจ้า ขอรับพระบรมราชโองการสุรสิงหนาท ประถมธรรมิกราชวาจา
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ
.
8
« on: Today at 09:22:21 »
พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10
พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10
พระปฐมบรมราชโองการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการออกมหาสมาคม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยศูรยพิมาน
พระบรมราโชวาท/พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแก่ข้าราชการ ผู้ปฏิบัติงาน รวมทั้งประชาชนทั่วไปเนื่องในโอกาสต่าง ๆ มาเผยแพร่
เพื่อเป็นข้อคิดและเครื่องเตือนใจให้แก่ปวงชนชาวไทยได้น้อมนำไปยึดถือปฏิบัติเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต
รวมทั้งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ และทรงมีน้ำพระราชหฤทัยห่วงใยทุกข์สุขของชาวไทยทั้งแผ่นดิน
-----------------------------------------------------------------------------
พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
-----------------------------------------------------------------------------
พระปฐมบรมราชโองการ ร.10 ในการออกมหาสมาคม
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
จากพระปฐมบรมราชโองการของ “พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
ไม่เพียงสะท้อนถึงพระราชปณิธาน และความตั้งใจอันแน่วแน่ในการทรงงานเพื่อจะสืบสาน รักษา และต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และแนวพระราชดำริต่าง ๆ ของ “พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร”
ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัยมไหยศูรยพิมาน
.
.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://www.phralan.in.th/coronation/newsdetail.php?id=1168
.
13
« on: Today at 08:02:40 »
พระเขี้ยวแก้ว
พระเขี้ยวแก้ว หรือ พระทาฐธาตุ คือพระทันตธาตุส่วนที่เป็นเขี้ยวของพระโคตมพุทธเจ้า ซึ่งตามลักขณสูตรในพระไตรปิฎกภาษาบาลี ได้กล่าวถึงมหาปุริสลักขณะ 32 ประการ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง ลักษณะของพระทาฐะหรือเขี้ยวของบุคคลผู้มีลักษณะแห่งมหาบุรุษว่า "เขี้ยวพระทนต์ทั้งสี่งามบริสุทธิ์" ข้อมูลนี้จึงทำให้เชื่อกันว่า พระเขี้ยวแก้วมีทั้งหมด 4 องค์
-พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ท้าวสักกะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
-พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา ประดิษฐานที่แคว้นกลิงคะ แล้วจึงถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ลังกาทวีป (วัดพระเขี้ยวแก้ว ประเทศศรีลังกา ในปัจจุบัน)
-พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐาน ณ แคว้นคันธาระ แล้วเชื่อว่าถูกอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ที่เมืองฉางอัน ประเทศจีน (ซีอาน) โดยพระภิกษุฟาเหียนเมื่อคราวจาริกไปสืบพระศาสนายังอินเดีย ปัจจุบัน พระเขี้ยวแก้วองค์นี้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ ณ วัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง
-พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำซ้าย ประดิษฐานในภพพญานาค
เป็นที่เชื่อกันว่า บนโลกมนุษย์ของเรานี้ มีพระเขี้ยวแก้วขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ 2 องค์ นอกจากนี้ พระเขี้ยวแก้วยังจัดเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ไม่แยกกระจัดกระจาย องค์มีลักษณะแข็งแกร่งรวมกันแน่น พุทธศาสนิกชนจึงมีความศรัทธาเลื่อมใสในองค์พระเขี้ยวแก้วเป็นอย่างมาก
.
พระเขี้ยวแก้วจำลอง ในพิพิธภัณฑ์เมืองโคลอมโบ ศรีลังกา
.
พระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา วัดพระธาตุเขี้ยวแก้ว เมือง Kandy
.
.....
ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก
https://th.wikipedia.org/wiki/พระเขี้ยวแก้ว#:~:text=พระเขี้ยวแก้ว%20หรือ%20พระทา,กันว่า%20พระเขี้ยวแก้วมี
.
15
« on: 21 December 2024, 21:33:11 »
ธรรมจักร
ธรรมจักร (สันสกฤต: धर्मचक्र; บาลี: dhammacakka) หรือ กงล้อแห่งธรรม เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้แพร่หลายในศาสนาอินเดีย เช่น ศาสนาฮินดู, ไชนะ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสนาพุทธ
"ธรรมจักร" แกะสลักจากหินทราย, พุทธศตวรรษที่ 12, พบที่วัดเสน่หา จังหวัดนครปฐม, ปัจจุบันเป็นของสะสมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ต้นกำเนิด
สัญลักษณ์กงล้อ/จักรเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์อินเดีย นักวิชาการ Madhavan และ Parpola ระบุว่าสัญลักษณ์กงล้อปรากฏมากในโบราณวัตถุจากอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ โดยเฉพาะบนตราประทับหลาย ๆ ตรา ตัวอย่างชิ้นสำคัญคือเป็นหนึ่งในสิบสัญลักษณ์บนป้ายโธลาวีรา[3] ปรากฏเป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์ตั้งแต่ราว 2500 ปีก่อน ค.ศ.
นักประวัติศาสตร์บางส่วนเชื่อมโยงจักรโบราณเข้ากับลัทธิสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ ในพระเวท พระสุริยะอวตารในปางพระมิตรมีการบรรยายว่าเป็น "ดวงตาของโลก" ในแง่นี้พระอาทิตย์จึงอาจมองเป็นดวงตา (จักษุ) ซึ่งให้ความสว่างและการมองเห็นแก่โลก ฉะนั้นจึงมีการเชื่อมโยงแนวคิดจักรเข้ากับแสงสว่างหรือปัญญา
ในศาสนาพุทธ
ในศาสนาพุทธ ธรรมจักรปรากฏใช้ทั่วไปเพื่อสื่อถึงธรรมของพระพุทธเจ้า, บ้างใช้เป็นสัญลักษณ์แทนพระโคตมพุทธเจ้า และใช้แทนหนทางสู่การตรัสรู้ ปรากฏใช้เช่นนี้นับตั้งแต่ศาสนาพุทธยุคแรก บางครั้งปรากฏเชื่อมโยงธรรมจักรเข้ากับอริยสัจสี่, อริยมรรคแปด และ ปฏิจจสมุปบาท
ธรรมจักรที่ปรากฏใช้ในยุคก่อนศาสนาพุทธถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์อัษฏมงคล และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่เก่าแก่ที่สุดของศิลปะอินเดีย
ตามธรรมเนียมพุทธระบุว่า พระพุทธเจ้าทรงเริ่มหมุนกงล้อแห่งธรรมครั้งแรกเมื่อทรงแสดงปฐมเทศนา ดังที่ปรากฏใน ธัมมจักกัปปวัตนสูตร การ "หมุนกงล้อแห่งธรรม" นี้เป็นการแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญที่มีผลต่อจักรวาล เข้าใจว่าศาสนาพุทธรับเอาแนวคิดของกงล้อในฐานะสัญลักษณ์มาจาก แนวคิดปรัมปราอินเดียของ จักรวรรติน ("ผู้หมุนกงล้อ", หรือ "จักรพรรดิแห่งเอกภพ") แนวคิดนี้ถูกรับมาแทนพระโคตมพุทธเจ้าในฐานะมหาปุริษา ในฐานผู้หมุนกงล้อ ("จักรวรรติน") ในทางจิตวิญญาณ แทนที่จะเป็นการหมุนกงล้อในทางโลกตามความหมายดั้งเดิมของจักรวรรติน
ในการตีความ "การหมุนกงล้อแห่งธรรม" นั้น พระพุทธโฆษาจารย์ ภิกษุองค์สำคัญในธรรมเนียมเถรวาท อธิบายว่า "กงล้อ" ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงหมุนนี้ เข้าใจหลัก ๆ ในแง่ว่าเป็นปัญญา ความรู้ และญาณ ปัญญาที่ว่านี้มีสองแง่มุม คือ ปฏิเวธญาณ (paṭivedha-ñāṇa) หรือปัญญาแห่งการรู้ตนถึงความจริง และ เทศนาญาณ (desanā-ñāṇa) ปัญญาของการประกาศความจริง
ปรากฏการออกแบบธรรมจักรมีซี่ที่แตกต่างกัน โดยที่พบมากคือ 8, 12, 24 หรือมากกว่านั้น การตีความจำนวนนี้แตกต่างกันไปตามธรรมเนียม โดยทั่วไปมักตีความถึงคำสอนต่าง ๆ ของพระพุทธเจ้า เช่น ในธรรมเนียมทิเบตตีความกงล้อ 8 ซี่ว่าแทนมรรคแปด และองค์ประกอบสามส่วนของจักร คือ ตุมล้อ, ขอบ และ ซี่ แทนการปฏิบัติสามประการของพระพุทธเจ้า (ศีล, สมาธิ และ ปัญญา) หรือในคติเถรวาทแบบไทย ตีความจักร 12 ซี่ หมายถึงปฏิจจสมุปบาทสิบสอง หรือ 31 ซี่ หมายถึง ภูมิทั้ง 31 (กามภูมิ 11 รูปภูมิ 16 และอรูปภูมิ 4) เป็นต้น นอกจากนี้ยังปรากฏการแทนความหมายของวงล้อที่หมุนไปในฐานะวงล้อของการเวียนว่ายตายเกิด (สังสารวัฏ) ซึ่งเรียกจักรในความหมายนี้ว่า "สงสารจักร" หรือ "สังสารจักร" และ "ภวจักร"
ในการใช้งานแบบอื่น ๆ
ปรากฏธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์ในศรมัณของศาสนาไชนะ และบางครั้งปรากฏบนเทวรูปของตีรถังกร และในภควัทคีตา ปรากฏแนวคิดของธรรมจักรและการหมุนกงล้อเช่นกัน
อโศกธรรมจักร 24 ซี่ ปรากฏในธงชาติอินเดีย เพื่อแทนแนวคิดของธรรมในศาสนาอินเดียโดยรวม และตราแผ่นดินอินเดียซึ่งเป็นภาพของหัวเสาอโศกรูปสิงห์จากสาญจีก็ปรากฏธรรมจักรบนนั้น สรเวปัลลี รธากฤษณัน รองประธานาธิบดีคนแรกของอินเดียระบุว่าอโศกจักรในสัญลักษณ์ของชาติอินเดียนั้นแทน "กงล้อของกฎหมายของธรรม" และ "ความจริงหรือสัตยะ" (ดังที่ปรากฏในคำขวัญประจำชาติ สัตยเมวชยเต), "คุณธรรม" และ "ดารเคลื่อนไหว" ในแง่ของ "พลวัตของการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ"
.
ธรรมจักรศิลา วัดพระพุทธบาทหินลาด อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
.
.
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์
.
.
.....
จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ธรรมจักร
.