Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
หมวดหมู่ทั่วไป => สาระน่ารู้ => Topic started by: ppsan on 14 September 2019, 10:15:39
-
ตอนที่ 12 วังก้านเหลือง…น้ำตกจากใต้ดิน
by admin 02.08.2018
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0270-copy.jpg)
เมื่อพูดถึงน้ำตก แน่นอนว่าทุกคนจะต้องนึกถึง “ภูเขา” แต่เชื่อหรือไม่ว่าท่ามกลางที่ราบลุ่มแห่งแม่น้ำป่าสัก จังหวัดลพบุรี กลับมีน้ำใสไหลเย็นมารวมตัวกันกลายเป็นน้ำตก กลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ได้ยินแม่ค้าเขาพูดกันถึงน้ำตกนี้ ตอนแรกๆก็แทบไม่อยากจะเชื่อตรงที่ บริเวณนี้มันไม่มีภูเขาเลยแล้วแหล่งน้ำมาจากไหนถึงกลายเป็นน้ำตกได้ เมื่อสงสัยแล้วก็เดินทางกันทันที่แถมยังไม่ทันได้จ่ายเงินอีกด้วย เพื่อมุ่งหน้าไปยังน้ำตกแห่งนี้ที่มีชื่อว่า “น้ำตกวังก้านเหลือง”
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0271M.jpg)
เอาจริงๆนะ ตลอดสองข้างทางที่วิ่งรถมาจากตัวเมืองลพบุรีก็พอมองเห็นภูเขาอยู่บ้าง แต่ไม่ว่าจะชี้ไปที่เขาลูกไหน พี่คนขับรถก็บอกว่าไม่ใช่ เอาไงหละทีนี้ ก็ตามใจพี่เขาไป เพียงแปปเดียว (เพราะไม่ได้ขับเอง ก็แค่นั่งมาเรื่อย) เราก็มาถึง น้ำตกวังก้านเหลืองกันแล้วครับ (แต่ยังถึงแค่ป้ายน้ำตกนะ) ซึ่งอยู่ที่ ต.ท่าหลวง อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี หากใครอยากจะตามมาก็กดพิกัด GPS มาที่นี่ได้เลย 15.112091, 101.111915 หรือจะดูตำแหน่งผ่านแผนที่ออนไลน์ก็ง่ายแค่ คลิกตรงนี้ ได้เลย https://www.google.com/maps/place/15%C2%B006'43.5%22N+101%C2%B006'42.9%22E/@15.1078918,101.1127088,8447m/data=!3m1!1e3!4m6!3m5!1s0x0:0x0!7e2!8m2!3d15.112091!4d101.1119155
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0273.jpg)
อะอะอะ อาจจะมีบางคนกำลังแย้งในใจว่า น้ำตกแห่งนี้อยู่ที่อำเภอชัยบาดาล จ.ลพบุรีต่างหาก ข้อนี้ผมไม่เถียงเลยครับ เพราะหากเราข้ามฝากน้ำตกไป ก็จะเป็นพื้นที่ของตำบลท่าดินดำ อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรีแล้วครับ นั่นหมายความว่าสายธารของน้ำตกแห่งนี้เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างสองอำเภอ และมีทางเข้าสองทางครับ แต่คนละอยู่คนละอำเภอกันนะครับ ซึ่งทางฝั่งอำเภอชัยบาดาลก็จะอยู่ในพื้นที่ของ สวนรุกขชาติวังก้านเหลือง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทีนี้ก็แล้วแต่ใครสะดวกนะครับ
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0274M.jpg)
จากจุดจอดรถฝั่งอำเภอท่าหลวง เดินลงมาหาโซนลำธารไม่ไกลเลย ก็พบกับความประทับใจแรกถึงความใสของสายน้ำของ“ห้วยมะกอก”และความสะอาดของพื้นที่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี คาดว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นโซนที่คนน่าจะมาเล่นน้ำกันมากในยามที่อากาศร้อน เพราะสังเกตจากรากไม้ที่โผล่พ้นดินที่อยู่ข้างๆ ที่มีลักษณะผิวที่เกลี้ยงเกลาเป็นพิเศษ ซึ่งน้ำตกแห่งนี้มีน้ำใสไหลเย็น มาเล่นได้ตลอดทั้งปีนะครับ
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0275.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0276.jpg)
เดินต่อมาอีกหน่อย ก็จะเริ่มปรากฏเป็นชั้นนำ้ตก ลดหลั่นกันเป็นขั้นๆไม่สูงมาก ปกคลุมด้วยมวลต้นไม้สีเขียว ทำให้พื้นที่โดยรวมมีความร่มรื่นเหมาะสำหรับเป็นพี่พักผ่อนอย่างยิ่ง แม่ค้าแถวนั้นยังเล่าให้ฟังอีกว่าบางวันที่แสงแดดแรงๆ น้ำในน้ำตกปรากฏเป็นสีฟ้าอมเขียว สดใสและสวยงามมาก เป็นที่น่าเสียดายที่วันที่เราไปแดดไม่ค่อยแรงเท่าไร แต่ความสวยงามและเสน่ห์ของหินของน้ำตกวังก้านเหลือก็สามารถสร้างความรื่นรมย์ในใจให้กับทีมงานเราได้
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0280.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/08/17861478.jpg)
ภาพจาก edtguide.com
จากการสังเกตโดยรอบจะพบว่าหินของน้ำตกวังก้านเหลือแห่งนี้มีลักษณะโค้งมน ไม่ค่อยมีเหลี่ยมแหลมคมที่จะคอยสร้างความรำคาญเวลาเล่นน้ำได้ อีกทั้งปราศจากตะไคร่น้ำทำให้ไม่ลื่นเวลาเราเดินไปตามกระแสน้ำหรือยืนบนโขนหิน ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับเราเวลาเดินในน้ำ นั่นเป็นเพราะหินตามสายน้ำแห่งนี้เป็นหินปูน ที่เกิดจากการสะสมตัวของสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) หรือหินปูนที่ละลายปนมากับสายน้ำ จนค่อยๆยึดเกาะกับกิ่งไม้ รากไม้และหินเดิม จนพัฒนารูปร่างกลายมาเป็นโขดหินที่เราเห็นได้จากปัจจุบัน
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0278.jpg)
เมื่อน้ำมีสารละลายแคลเซียมคาร์บอเนตสูงจึงส่งผลให้น้ำมีความเป็นด่างสูงไปด้วย ทำให้พวกพืชน้ำไม่สามารถเจริญเติบโตได้ จึงทำให้ตามโขดหินไม่ลื่นมากนัก แต่ก็จะยังคงมีสาหร่ายบางชนิดเกิดขึ้นได้ตามท้องลำธาร
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0283.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0285.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0284.jpg)
สาเหตุที่น้ำในน้ำตกหินปูนลักษณะนี้มีความใสเป็นพิเศษก็เนื่องมาจากแคลเซียมคาร์บอเนตในน้ำทำปฎิกิริยากับคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในอากาศ ทำให้เกิดการแข็งตัวและตกตะกอน ได้เป็นหินปูนสีขาวขุ่นตามที่เราเห็นตามพื้นท้องน้ำ เมื่อกำจัดตะกอนออกไปได้ น้ำจึงมีความใสเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นเกร็ดความรู้เดียวกับคนสมัยก่อนที่นำเอาน้ำปูนขาวหรือปูนแดงไปละลายในน้ำ จากนั้นทิ้งไว้สักพักก็จะตกตะกอน แล้วเทเอาเฉพาะน้ำใสๆ นำไปแช่ผัก หรือผลไม้ที่จะนำไปดองจะทำให้ผักหรือผลไม้นั้นกรอบ น่ารับประทาน เนื่องจากในพืชผักและผลไม้ทุกชนิด มีคาร์บอนไดออกไซดเป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว เมื่อสัมผัสกับน้ำปูนใสก็จะเกิดปฎิกิริยาให้ผักหรือผลไม้นั้นๆแข็งขึ้น ทำให้เรารู้สึกกรอบนั่นเอง
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0277.jpg)
บริเวณนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนว่า หินในน้ำตกวังก้านเหลืองแห่งนี้เป็นหินปูน มีลักษณะคล้ายกับหินย้อยที่เราพบเห็นในถ้ำภูเขาหินปูนทั่วไป แต่นี่เป็นปรากฏการณ์หินย้อยในน้ำตก แสดงให้เห็นว่าในช่วงน้ำหลากปริมาณน้ำที่นี้ก็อาจมีมากจนม่านน้ำตกขยายกว้างมาถึงจุดที่ยืนถ่ายภาพนี้
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0282.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0281.jpg)
เมื่อได้นั่งพักบนโขดหิน พักกายสักหน่อย พร้อมทบทวนเรื่องราวและองค์ความรู้ที่เราเดินสำรวจผ่านมา กลับทำให้นึกขึ้นได้ว่า พื้นที่แถบนี้เป็นที่ราบลุ่ม ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภูเขาเลย แล้วต้นกำเนิดของน้ำตกนี้มาจากไหน ที่สำคัญคือใกล้ๆแถวนี้ ไม่มีภูเขาหินปูนสักหน่อย แล้วแคลเซียมคาร์บอเนตที่ละลายปะปนมากับสายน้ำนี้มาจากไหนกัน
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0279-1620x1080.jpg)
ยืนยันด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียมภาพนี้ จะเห็นว่าน้ำตกวังก้านเหลืองตั้งอยู่บนพื้นที่ราบ ท่ามกลางพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน ปราศจากซึ่งภูเขา คำถามที่ตามมาก็คือ “แล้วหินปูนมาจากไหน ?”
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/08/Kaojaithailand-0272M.jpg)
เมื่ออยากรู้แล้วเราก็ต้องออกเดินทาง มุ่งหน้าไปทิศตะวันออก ไปยังจุดกำเนิดของน้ำ ซึ่งก็มีจะระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตรกว่าๆจากตัวน้ำตก เพื่อความเข้าใจเกี่ยวกับน้ำตกแห่งนี้ให้มากขึ้น แต่เดินมาได้ครึ่งทาง เราก็เริ่มเจอกับคำตอบของที่มาของแหล่งน้ำกันละครับ กับคำว่า “ตาน้ำผุด” ถามว่าเดินย้อนกลับไปไหม ตอบได้เลยครับว่า “ไม่” เพราะเดินมาไกลแล้ว
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0292.jpg)
ยิ่งเดินไปไกลเรื่อยๆ บรรยายกาศเหมือนยิ่งเดินเข้าไปในป่าลึก สองข้างทางเงียบสงบ ไร้ซึ่งบ้านเรือนของผู้คน ทั้งที่ในแผนที่จากดาวเทียมก็พอเห็นบ้านเรือนอยู่บ้าง ทำให้เราไม่ค่อยกังวลมากนักระหว่างเดินทาง สภาพของลำธารมีความรกชัฏด้วยเศษกิ่งไม้ ใบไม้ พอสมควร แต่เพียงแค่เรามองทุกอย่างให้เป็นศิลปะเข้าไว้ทุกอย่างก็จะดูเป็นสิ่งที่น่าจดจำไปหมด มีแรงยกกล้องมาถ่ายรูปแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0291.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0287.jpg)
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0293.jpg)
ด้วยระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร มาทางทิศตะวันออก เราก็เดินทางมาพบกับ “ตาน้ำผุด” หนึ่งในจุดกำเนิดของน้ำตกวังก้านเหลือง เนื่องจากหากสังเกตในภาพดาวเทียมนี้ จะเห็นว่ายังคงมีแนวสายน้ำจากทางทิศตะวันออกไหลมาสมทบน้ำจากตาน้ำแห่งนี้อยุ่
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/08/Kaojaithailand-0274-2M.jpg)
บอกได้คำเดียวว่าเป็นตาน้ำที่น้ำไหลออกมาเป็นจำนวนมากจากใต้ดิน โดยสังเกตุจากความแรงดันที่ดันน้ำขึ้นมา จากข้อมูลในป้ายข้างๆตาน้ำผุดแห่งนี้บอกไว้ว่า “ตาน้ำผุดแห่งนี้ เป็นตาน้ำขนาดใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดิน เป็นต้นน้ำของน้ำตกวังก้านเหลือง อยู่ห่างจากน้ำตกประมาณ 1,200 เมตร จากการศึกษาลักษณะธรณีวิทยาใต้ดินสันนิษฐานว่าตาน้ำผุดเป็นน้ำใต้ดินที่ไหลออกมาจากรอยแตกเล็กๆ ที่มีความลึกจากผิวดินประมาณ 2 เมตร โดยความลึกตั้งแต่ 9 เมตร ลงไปเป็นชั้นหินแข็ง”
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0289.jpg)
และนอกจากนั้นยังให้ข้อมูลอีกว่า “จากคำบอกเล่าของชาวบ้านผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่มานานได้เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ห้วยมะกอกมีน้ำไหลไม่ตลอดปี น้ำจะแห้งขอดในฤดูแล้ง ครั้นอยู่มาปีหนึ่งเกิดความแห้งแล้งมาก ราษฏรจึงได้พยายามขุดหาน้ำจากลำห้วย แม้จะขุดลึกลงไปถึง 4 เมตรก็ยังไม่มีน้ำแต่พอขุดลึกลงไปอีกนึงค่อยๆมีน้ำไหลซึมออกมาและมีมากขึ้นๆจนกระทั่งนานเข้ามีแรงดันมากและกลายเป็นน้ำผุดขึ้นมามีน้ำไหลอยู่ตลอดปีจนกระทั่งทุกวันนี้” มาถึงจุดนี้ก็เข้าใจถึงที่มาของแหล่งน้ำของน้ำตกวังก้านเหลืองกันแล้ว ว่าแต่หินปูนหละมาจากไหน ? ในป้ายไม่เห็นบอก
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/07/Kaojaithailand-0290.jpg)
แต่หากดูจากภาพถ่ายจากดาวเทียมแล้วจะเห็นว่า ห่างออกไปทางทิศตะวันออกจากจุดตาน้ำผุดแห่งนี้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีกลุ่มภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านอยู่เป็นเทือกขนาดใหญ่บนพื้นที่มีความสูงประมาณ 250 เมตร เหนือระดับทะเลปานกลาง ขณะที่ ณ จุดน้ำตกวังก้านเหลือมีความสูงประมาณ 85 เมตร เหนือระดับทะเลปานกลาง อาจจะพอสรุปได้ว่า ระบบน้ำใต้ดินที่ไหลผ่านบริเวณน้ำตกวังก้านเหลืองปัจจุบันนี้ เชื่อมโยงกับน้ำใต้ดินที่ไหลมาจากบริเวณภูเขาหินปูนที่อยู่ทางทิศตะวันออก เป็นสาเหตุให้หินปูนที่ไหลปะปนมากับน้ำเกิดการสะสมตัวจนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามของน้ำตกวังก้านเหลืออย่างเช่นที่ได้เห็นกันในปัจจุบัน
(http://kaojaithailand.com/wp-content/uploads/2018/08/Kaojaithailand-0294M.jpg)
เอวัง และทั้งหมดก็เป็นด้วยประการฉะนี้ จะว่าไปแล้วธรรมชาติมันจะมีเหตุผลอยู่ในตัวเสมอ ขอแค่เพียงเราหมั่นหาความรู้ระหว่างการเดินทาง แค่นี้ก็จะยิ่งทำให้เราค่อยๆสั่งสมประสบการณ์ สร้างความเข้าใจต่อธรรมชาติ และตัวเอาเองยิ่งๆขึ้น ไว้ใครมีโอกาสแวะมาที่น้ำตกวังก้านเหลือแห่งนี้ ลองตามรอยเราดูนะครับ รับรองว่าเรื่องราวของธรรมชาติที่นี่จะยิ่งทำให้การเดินทางของคุณนั้นมีความหมาย สร้างคุณค่าสำหรับการออกเดินทางของคุณ อย่างแน่นอนครับ
เรื่องจาก http://kaojaithailand.com/2018/08/02/wang-kan-luang-waterfall/