Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...

ภาพประทับใจ => ผนังเก่าเล่าเรื่อง => Topic started by: ppsan on 22 July 2024, 08:44:22

Title: "อิน-จัน" แฝดสยาม (Siamese twins)
Post by: ppsan on 22 July 2024, 08:44:22
"อิน-จัน" แฝดสยาม (Siamese twins)


อิน-จัน (11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 - 17 มกราคม พ.ศ. 2417) เป็นชื่อของฝาแฝดสยาม ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยเป็นที่มาของคำว่า "แฝดสยาม" เนื่องจากเกิดที่ประเทศสยาม (ประเทศไทย) ฝาแฝดที่มีหน้าอกติดกันและใช้ตับร่วมกัน เป็นฝาแฝดคู่แรกของโลกที่สามารถดำรงชีพเหมือนคนธรรมดาได้ตลอดชีวิต

อิน-จันได้สัญชาติอเมริกันเมื่อปี พ.ศ. 2382 และใช้นามสกุลว่า บังเกอร์ (Bunker) มีลูกหลานสืบตระกูลมาจนถึงทุกวันนี้ ชื่อเสียงของอิน-จัน ทำให้เกิดคำเรียกแฝดตัวติดกันว่า แฝดสยาม (Siamese twins) ตามชื่อเรียกประเทศไทยในเวลานั้น

ฝาแฝดอิน-จัน เป็นฝาแฝดที่มีตัวติดกันทางส่วนหน้าอก (บันทึกของชาวตะวันตกบอกว่า เนื้อที่เชื่อมกันระหว่างอกนี้สามารถยืดได้จนทั้งคู่สามารถหันหลังชนกันได้)


(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/8/88/ChangandEng2.jpg)
อิน (พี่-ซ้ายมือ) จัน (น้อง-ขวามือ)


(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/a/a8/Chang-eng-bunker-PD.png)
ภาพวาดฝาแฝดอิน-จัน บังเกอร์ ราว ค.ศ. 1836

.


Title: Re: "อิน-จัน" แฝดสยาม (Siamese twins)
Post by: ppsan on 22 July 2024, 08:46:46

"อิน-จัน" แฝดสยาม (Siamese twins) - 2

ฝาแฝดอิน-จัน เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2354 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีน ที่จังหวัดสมุทรสงคราม โดยมีบิดาเป็นชาวจีนอพยพแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ชื่อ นายที มารดาเป็นคนไทยชื่อ นางนาก (บันทึกของชาวตะวันตกเรียกว่า นก (Nok)) ซึ่งฝาแฝดคู่นี้สามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ แตกต่างไปจากแฝดติดกันคู่อื่น ๆ ที่มักเสียชีวิตหลังคลอดได้ไม่นาน

ตามกฎหมายในเวลานั้น ทั้งคู่ต้องถูกประหารชีวิตเนื่องจากความเชื่อที่ว่าเป็นตัวกาลกิณี แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็หาได้มีเหตุการณ์ใด ๆ ตามความเชื่อไม่ โทษนั้นจึงได้รับการยกเลิก

เมื่อทั้งคู่อายุได้แค่ 2 ขวบ บิดาก็เสียชีวิตลงด้วยอหิวาตกโรค ภาระจึงตกอยู่ที่มารดาแต่เพียงผู้เดียว แฝดทั้งคู่จึงช่วยเหลือมารดาเท่าที่เด็กในวัยเดียวกันจะทำได้ เช่น จับปลา ขายน้ำมันมะพร้าว และทำไข่เค็มขาย จนในปี พ.ศ. 2367 ความพิเศษของเด็กทั้งคู่ทราบไปถึงพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นางนากและอิน-จันเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วในปี พ.ศ. 2370 ก็มีพระบรมราชานุญาตให้อิน-จันได้เดินทางร่วมไปกับคณะทูตเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศโคชินไชน่า (เวียดนามในปัจจุบัน)

ในปี พ.ศ. 2367 นายโรเบิร์ต ฮันเตอร์ พ่อค้าชาวอังกฤษ หรือที่คนไทยสมัยนั้นเรียกว่า "นายหันแตร" ได้นั่งเรือผ่านแม่น้ำแม่กลอง และได้พบแฝดคู่นี้กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ ด้วยความประหลาดและน่าสนใจ นายฮันเตอร์จึงคิดที่จะนำฝาแฝดคู่นี้ไปแสดงโชว์ตัวที่สหรัฐอเมริกา จึงเข้าทำความสนิทสนมกับครอบครัวของฝาแฝดอยู่นานนับปี จนพ่อแม่ของทั้งคู่ไว้วางใจ ในที่สุดนายอาเบล คอฟฟิน กัปตันเรือสินค้า เดอะ ชาเคม (The Sachem) ซึ่งขณะนั้นได้เข้ามาทำการค้าในประเทศไทย ก็เป็นผู้นำตัวคู่แฝดออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2372 ขณะนั้นอิน-จัน อายุได้ 18 ปี โดยใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 138 วัน จึงถึงเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ และที่นี่เองที่คู่แฝดได้ทำการเปิดตัว ก่อนจะออกเดินทางแสดงทั่วอเมริกาและยุโรปอีกร่วม 10 ปี (เอกสารบางฉบับบอกว่า ไม่ได้เริ่มที่บอสตัน แต่ไปตั้งหลักที่รัฐแคลิฟอร์เนีย) โดยสัญญาที่ทำไว้กับนายฮันเตอร์และนายคอฟฟินสิ้นสุดลงเมื่อทั้งคู่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ โดยในช่วง 2 ปีแรก ทั้งคู่ก็ได้รับส่วนแบ่งค่าตอบแทน แต่ก็มีบางครั้งก็ถูกเอาเปรียบด้วย เมื่อเป็นอิสระทั้งคู่ก็เปิดการแสดงเอง และได้แสดงไปทั่วสหรัฐอเมริกา

จนเมื่ออายุได้ 28 ปี ใน พ.ศ. 2382 (ค.ศ. 1839) ทั้งคู่ก็ได้ลงหลักปักฐานที่หมู่บ้านแทรปฮิลล์ (Traphill) เขตชานเมืองวิลส์โบโร (Wilkesboro) เคาน์ตีวิลส์ ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยลงทุนซื้อที่ดิน 11 เอเคอร์ พร้อมกับได้เปลี่ยนชื่อและเปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกัน โดยมีชื่อว่า เอ็ง-ชาง บังเกอร์ (Eng and Chang Bunker) พร้อมกับได้แต่งงานกับหญิงชาวอเมริกัน อินสมรสกับ Sarah Ann Yates (1822 - 1905) และจันสมรสกับ Adelaide Yates Bunker (1823 - 1917) และมีลูกด้วยกันหลายคน จัน 10 คน อิน 11 คน ซึ่งระหว่างที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตในต่างประเทศนั้น มีความพยายามหลายครั้งจากหลายบุคคลที่จะทำการผ่าตัดแยกร่างทั้งคู่ออกจากกัน แต่ท้ายที่สุดก็มิได้มีการดำเนินการจริง ๆ

อิน-จัน หันมาทำเกษตรกรรมไร่ฝ้าย โดยซื้อทาสไว้ใช้ทำงานที่ตัวแกเองทำไม่ได้ โดยต่อมามีทาสอยู่ถึง 33 คน ซึ่งนับว่าร่ำรวยพอสมควร เพราะในสมัยนั้นทาสเป็นทรัพย์สินที่มีราคาพอ ๆ กับที่ดิน และในรัฐที่การมีทาสถูกกฎหมาย ก็มีประชากรเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นที่มีฐานะพอจะมีทาสไว้ใช้งาน อิน-จันมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของความขัดแย้งในเรื่องการมีทาสในสังคมอเมริกัน สงครามกลางเมืองอเมริการะเบิดขึ้นใน เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1861 รัฐนอร์ทแคโรไลนาเป็น 1 ใน 11 รัฐ ที่แยกตัวจากสหภาพเพื่อก่อตั้งเป็น สมาพันธรัฐอเมริกา โดยมีเมืองหลวงที่ริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย คริสโตเฟอร์ลูกชายของจัน และสตีเฟน ลูกชายของอิน ต่างเข้าร่วมรบในกองทัพของสมาพันธรัฐ เมื่อสงครามจบลงและฝ่ายสมาพันธรัฐ (ใต้) แพ้สงคราม คู่ฝาแฝดสูญเสียทรัพย์สินของตนเกือบหมด

จากบันทึกที่ได้บันทึกไว้ ระบุว่า จัน (คนน้อง) เป็นคนที่มีอารมณ์ร้อน หุนหันพลันแล่น และชอบดื่มสุราจนเมามาย ขณะที่ อิน (ผู้พี่) กลับมีนิสัยตรงกันข้าม คือ ใจเย็น สุขุมกว่า และไม่ดื่มเหล้า อีกทั้งทั้งคู่เคยทะเลาะวิวาทจนถึงขั้นชกต่อยกันเองมาแล้วด้วย

จากการที่จันผู้น้องนิยมดื่มเหล้าจนเมามายบ่อย ๆ ทำให้เป็นโรคหลายโรค จนในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2417 จันก็เสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวาย จากนั้นอีกราว 2 ชั่วโมงถัดมา อินก็ได้เสียชีวิตตามไปด้วย ซึ่งจากการชันสูตรและลงความเห็นของแพทย์สมัยใหม่ ระบุว่า อินต้องสูญเสียเม็ดเลือดแดงให้แก่จันที่เสียชีวิตไปแล้ว ผ่านทางเนื้อที่เชื่อมกันที่อก สิริอายุรวม 63 ปี

.

(https://scontent.fbkk24-1.fna.fbcdn.net/v/t39.30808-6/452194083_533088395715053_6774921331962258848_n.jpg?_nc_cat=100&ccb=1-7&_nc_sid=127cfc&_nc_ohc=pD7fk7fDBooQ7kNvgGo52OC&_nc_ht=scontent.fbkk24-1.fna&oh=00_AYAcucL4c6OqBRTedZxOdqIvWuGYyJbP47KM0MKzqpmoxA&oe=66A3A67D)

.




Title: Re: "อิน-จัน" แฝดสยาม (Siamese twins)
Post by: ppsan on 22 July 2024, 08:47:44


(https://www.sarakadeelite.com/wp-content/uploads/2020/05/eng-chang-open.jpg)
อิน-จัน บังเกอร์ แฝดสยาม ผู้บุกเบิกสายสัมพันธ์ไทย-อเมริกา




Title: Re: "อิน-จัน" แฝดสยาม (Siamese twins)
Post by: ppsan on 22 July 2024, 08:54:13

ครอบครัว ลูก-หลานตระกูล บังเกอร์ ของ อิน-จัน

(https://scontent.fbkk24-1.fna.fbcdn.net/v/t39.30808-6/452309987_533092432381316_5123301200365105582_n.jpg?_nc_cat=105&ccb=1-7&_nc_sid=bd9a62&_nc_ohc=7DV_viy2xTMQ7kNvgGy-mRi&_nc_ht=scontent.fbkk24-1.fna&oh=00_AYAcf9DoDEsoNA8Nu5M3xYHCAXDgKry4XRVyg87YKA4E3g&oe=66A3A68F)