Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
เรื่องราวน่าอ่าน => หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง => Topic started by: ppsan on 12 July 2024, 14:53:05
-
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 11 - 20]
moncheep siva
28 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
เล่าปี่เติบโตขึ้นจากอุ้งมือของโจโฉ...แต่เพราะอะไรหรือ คนกตัญญูรู้คุณเช่นเล่าปี่ จึงลุกขึ้นมาเป็นศัตรูโจโฉซะเอง...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/01/5c4db08e030eb844b94d0386.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 11...
กวนอูลากง้าวขึ้นม้าออกรบกับกองทัพตั๋งโต๊ะ...พวกแม่ทัพเจ้าเมืองก็งงๆกันอยู่...เอ้อ ไอ้ยักษ์หน้าแดงนี่มันไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย บอกจะรบก็ไปเลย...
...ไม่กี่อึดใจ เสียงม้าล่อกลองศึก ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าตัวทหารเอกเข้ารบกันแตกหักแล้ว...
ที่ประชุมก็ยกหู จองศาลาวัด สั่งโลงศพทันที ขอแบบติดแอร์นะ เพราะหัวกับตัวคงแยกกันมา ฉีดฟอร์มาลีนไม่ได้...
แล้วก็ชักชวนกันไปนอกค่าย...ก็กะจะไปเก็บศพกวนอูนั่นแหละ เพราะคิดว่าไม่รอดแหงๆ
...ยังไม่ทันออกพ้นประตูค่ายก็เจอ...กวนอูก็ขี่ม้าเข้ามา ข้างอานม้าแขวนไว้ด้วยหัวของ ฮัวหยง...ไอ้มีดฆ่าไก่จอมพิฆาตนั่นเอง...
ทุกคนตะลึง...มีแต่โจโฉยิ้มกริ่ม...กูว่าแล้วมั้ยล่ะ...ยื่นจอกสุราจอกเดิมให้...
...กวนอูรับจอกสุรานั้นมา...ท่ามกลางอากาศหนาวของฤดูวินเทอร์ สุรายังอุ่นอยู่เลย...
..................
...มีดฆ่าไก่หักไปแล้ว มีดฆ่าวัวต้องออกโรงเอง...ลิโป้ออกรบกับกองทัพรวมมิตร คราวนี้ก็ยิ่งฉิบหายหนักกว่าเก่า...
...หลังจากตัดหัวฝั่งรวมมิตรไปอีกหลายหัว ก็ต้องส่งเตียวหุยออกโรงไปรับหน้าลิโป้...
รบกันไปพักนึง ดูวี่แววแล้วมีแต่เจ๊ากับเจ๊ง...กวนอูกับเล่าปี่ก็ต้องโผนออกไปช่วยน้องเล็ก แบบสามคนรุมลิโป้คนเดียว...
...ในสามก๊กไม่ได้จัดเรทติ้งไว้ว่า ขุนศึกคนไหนแร้งกิ้งอันดับหนึ่ง...แต่ถ้านับแถวหน้าๆของสุดยอดฝีมือล่ะก้อ...กวนอูกับเตียวหุยต้องอยู่ในนั้นด้วยแน่...
...แล้วลองคิดดู การรบในครั้งนี้ ลิโป้ต้องรับศึกจากยอดฝีมือถึงสองคน แถมด้วยเล่าปี่...ซึ่งตอนนั้นอายุแค่สามสิบต้นๆ ไม่ใช่ตาแป๊ะแก่ๆ แต่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ทางดาบสองมือด้วยอีกคน...
...แล้วก็ยันอยู่แบบมีแต้มกลับบ้านด้วย...จะเก่งไปไหนครับเฮียโป้...
แต่สุดท้าย ที่โจโฉระดมทัพมา รบกันจะเป็นจะตาย...ไอ้ทัพที่ระดมมาก็กัดกันเองตามระเบียบ...ก็แตกสลายแยกย้ายกลับบ้านกันไป...
ส่วนตั๋งโต๊ะก็ชิบหายวายวอด เพราะแผนการของท่านเสนาบดีใหญ่...ตามที่เล่ามา...
...พระเจ้าเหี้ยนเต้...ก็ตกเป็นลูกไก่ในกำมือของคนนั้นคนนี้ หมุนเวียนกันไป...จนสุดท้ายมาตกอยู่ในมือโจโฉ เมื่อโจโฉมาเทคโอเวอร์ส่วนกลาง ได้เป็นถึงระดับผู้สำเร็จราชการในเมืองหลวง...
...เฮียโจเอง รู้สึกประทับใจในฝีไม้ลายมือของเล่าปี่ แอนด์เดอแก๊งส์...ก็เลยเอาเข้ามาชุบเลี้ยงไว้ใกล้ตัวในเมืองหลวง
พาเข้าเฝ้าฮ่องเต้...อ้าว แซ่เล่าเหมือนกันนี่(ราชวงศ์ฮั่นคือแซ่เล่า)...งั้นลองสาวโคตรเหง้ากันดูหน่อย...สาวไปสาวมา เจอว่าระดับชั้นของเล่าปี่นี่ เป็นระดับอา...เหี้ยนเต้ก็เลยแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา...หูยยย เท่ไม่เบา
นึกดูครับ จากที่เป็นแค่ขุนศึกบ้านนอกกระจอกๆ...ยกกำลังไปรบกับใครก็มีกำลังแค่เรือนพัน...ในขณะที่ใครจะไฝว้กะใครสมัยนั้น...ขี้หมูขี้หมาต้องมี สี่ซ้าห้าหมื่น ไปจนหลายสิบหมื่น
วันนี้ได้ชูคอเป็นถึงพระเจ้าอา...เล่าปี่จึงสำนึกในบุญคุณของโจโฉล้นหัว...
แต่ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงของโจโฉ จึงมีการกระทำหลายครั้งส่อไปทางลบหลู่ฮ่องเต้ ขัดหูขัดตาผู้จงรักภักดีเช่นเล่าปี่ยิ่งนัก...โดยเฉพาะครั้งนึงที่สำคัญ...
เป็นประเพณีที่ฮ่องเต้จะมีการทรงพระสำราญ โดยการไปล่าสัตว์...แต่คนระดับนี้ไม่ใช่ว่าจะถือธนู เดินเทิ่งๆเข้าป่าไปยิงนกยิงหนู...
นู่น...เขาเกณฑ์คนเป็นพัน ไปไล่ต้อนสัตว์ป่ามา...ฮ่องเต้กับคนใหญ่คนโต ก็หาที่เหมาะๆรอ...พอเก้งกวาง ตัวอะไรวิ่งผ่านหน้า...ก็ใช้ธนูยิงเอาตามชอบใจ...
แล้วพอถึงเวลา...ข้าทาสบริวารก็ต้อนกวางวิ่งผ่านมาหลายตัว พระเจ้าเหี้ยนเต้...ฮ่องเต้ผู้เหยาะแหยะ...ก็ยิงธนูออกไป...เป้าหมายพระองค์คือ ทิ้งกะขว้าง...คือยิงทิ้งยิงขว้างไปเสียหมด...เรียกว่ายิงกันจนอายล่ะ
คงเซ็งพระองค์เองไม่น้อย...ก็หันมาหาโจโฉ...เอ้าท่านผู้สำเร็จฯ...โชว์ฝีมือหน่อยซิ...
โจโฉเห็นเป็นโอกาส ที่จะทดสอบอะไรบางอย่าง...ก็เลยขอพระราชทานลูกธนูจากเหี้ยนเต้มายิง
อันว่าลูกธนูของฮ่องเต้นี่มันมีพิเศษกว่าคนอื่น ตรงที่มันฉาบทองเหลืองอร่าม...
โจโฉนี่ยังไงก็ขุนศึกเก่า...ไม่ต้องสงสัยเลย เพียงดอกแรกก็ปักเข้าตัวกวางอย่างแม่นยำ...บรรดาข้าราชบริพาร ส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นหรอก ว่าลูกธนูออกมาจากใคร...เห็นแต่ลูกธนูสีทองยิงซี้ซั้วมาหลายดอก พอดอกนี้เข้าเป้า...ก็ตบมือกระทืบตีน แหกปาก "ฮ่องเต้จงเจริญ" กันยกใหญ่...
โจโฉไม่รอช้า กระตุ้นม้าออกไปกลางแจ้ง คล้ายๆว่าจะรับเสียงสรรเสริญนั้นแทน...
อ้าว งงเด้...ทุกคนเงียบกริบ...เฮ้ย ตกลงใครยิงวะ...
กวนอู ซึ่งทำหน้าที่องครักษ์เล่าปี่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย...หน้าที่แดงอยู่แล้ว ก็ยิ่งแดงแทบจะเป็นมะเขือเทศ...เห็นการกระทำที่เป็นการหยามฮ่องเต้ต่อหน้า เกือบจะโผนม้าออกไปฟันโจโฉเดี๋ยวนั้นเลย...ดีที่เล่าปี่ห้ามไว้
.
-
moncheep siva
29 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
เล่าปี่ ถูกโจโฉสงสัยในความซื่อตรง...เจ้าพ่อลับลวงพรางระดับนี้ จะพาตนเองหลุดจากข้อสงสัยของโจโฉได้หรือไม่...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/01/5c4fff43e3f50c3c162f8d8f.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 12...
สรุปวันนั้นการล่าสัตว์ก็จบลงอย่างกร่อย...เหี้ยนเต้ ผู้ทรงพลานุภาพทั่วมหาอาณาจักรจีน...แต่เพียงในนาม...ทนถูกการหยามเกียรติเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว ก็เลยกลับไป...ร้องไห้กะเมีย
ฮือๆๆ กระซิกกระซิก...เค้าทนไม่ไหวแล้ว โจโฉมันหยามเค้า ทำไงดีล่ะเมียจ๋า...
เราต้องหาคนช่วยแล้วล่ะพี่เหี้ยน...ฮองเฮาแนะนำ
แล้วก็เข้าสูตรนิยาย...เหี้ยนเต้กัดนิ้วตัวเอง(ใครเคยทำมั่ง ผมว่าคงโคตรเจ็บเลย...ทำไมไม่ใช่มีดวะ)...เอาเลือดเขียนข้อความลงบนแพรขาว ระบายความทุกข์ร้อน และหาคนมาช่วย...
เขียนเสร็จแล้ว ส่งไงดี...ทำแฟนเพจ ทวีตเตอร์ หรือตั้งไลน์กลุ่ม...เอ...ชื่อกลุ่มไรดีน้าาา..."รักเหี้ยน ช่วยเหี้ยนด้วย"...เฮ้ยไม่ได้ เดี๋ยวโจโฉเข้ามาเห็น...
เหี้ยนเต้ใช้วิธีนี้(ที่จริงก็ฉลาดนี่นา)...เรียกขุนนางที่ไว้ใจได้ มารับพระราชทานเสื้อ แล้วเอาไอ้ที่เขียนน่ะ เย็บแอบเข้าไปในตะเข็บเสื้อ
มอบเสื้อพร้อมพยักพเยิด ขยิบหูขยิบตาให้กันแล้ว...ขุนนางผู้นี้ก็จะออกไปหาสมัครพรรคพวกที่จงรักภักดี...โดยมีลายพระหัตถ์เขียนด้วยเลือดของเหี้ยนเต้ เป็นสิ่งยืนยัน
...ตังสิน...คือชื่อนายพลที่ได้รับแมสเซจจากเหี้ยนเต้...ตังสินชักชวนผู้ที่เชื่อใจว่า จงรักภักดีกับฮ่องเต้ มาร่วมขบวนการ power ranger...วางแผนโค่นโจโฉ...ซึ่งแน่นอน หนึ่งในนั้นต้องมีขุนพลที่กำลังมือขึ้น แถมมีแซ่เดียวกับเหี้ยนเต้ด้วย...เล่าปี่
แต่ขบวนการที่เอาหัวเป็นเดิมพันแบบนี้ ต้องทำกันให้ลับที่สุด...ไอ้ที่เอะอะก็ประชุมๆๆ ส่งไลน์ โพสต์เฟสกันแบบนี้ไม่ได้...ทุกคนพอรู้ภารกิจแล้วก็ต้องแยกย้ายกันไปดำเนินการลับๆ...
เล่าปี่...หลังจากเซ็น MOU เรียบร้อย ก็เริ่มขั้นตอนแรกด้วยด้วยการ...ปลูกต้นไม้...อ้าว เฮ้ย!!เฮียปี่???
ฝ่ายโจโฉ...ถึงแม้การกระทำจะคล้ายตั๋งโต๊ะเข้าไปทุกที แต่พี่แกฉลาดกว่าเยอะ ด้วยมีความระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา
เหี้ยนเต้...ลูกไก่ในกำมือ กลับไปร้องไห้กับเมีย...ก็ได้ข่าว...เรียกคนนั้นคนนี้เข้าพบ เหมือนจะดำเนินการอะไรบางอย่าง...อันนี้ก็รู้ แต่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันเสียที
หันไปส่องทางเล่าปี่ ไอ้นี่มันขุนศึกระดับพระกาฬ อยากรู้ว่าเอากะเค้าด้วยรึเปล่า...อ้าว...ขุนศึกตัวฉกาจ แปลงร่างเป็นนักเลงต้นไม้ซะงั้น...ทำราวกับว่าเบื่อการสู้รบเสียเต็มประดา ดาบไม่อยากจับ อานม้าไม่อยากนั่งอีกแล้ว
เบื่อจิงป้ะ...อยากรู้ โจโฉก็เลยต้องเชิญมาพบซักหน่อย...
...เล่าปี่เองก็ตุ๊มๆต่อมๆ...ผู้ยิ่งใหญ่โจโฉ เชิญไปเจียะจิ้วที่บ้าน...มันยังไงกันหว่า
เมื่อเล่าปี่มาถึงบ้าน...โจโฉไม่รอให้ตั้งตัว ก็ยิงคำถามแรกจี้ใจดำทันที
"ได้ข่าวว่าตอนนี้คิดการใหญ่อยู่นี่"...โชคดี เล่าปี่เพิ่งไปฉีดโบท๊อกซ์มา สีหน้าสีตาก็เลยไม่แสดงออกอะไร ก็หัวเราะแหะๆกลับเกลื่อน...โจโฉก็โอบไหล่พาไปเจียะจิ้วในสวน
ชวนคุยต่อ...เห็นว่าเล่าปี่ตอนนี้ทำสวนปลูกต้นไม้ซะใหญ่โต เทียบกับสวนของข้าแล้วเป็นไงมั่ง...แน่นอน เล่าปี่ก็ต้องยกยอปอปั้นโจโฉเป็นธรรมดา...วุ้ย ของข้ามันผู้น้อย...จะไปเทียบชั้นเทียบบารมีกับของท่านได้ไงล่ะค้าบบบ...แผล็บๆๆๆ
กินกันไปคุยกันไป ฝนก็เริ่มมา ฟ้าแลบแปลบปลาบ...ความเชื่อของจีนโบราณ...ฟ้าแลบฟ้าร้อง นั่นคือมังกรคะนองฤทธิ์...โจโฉก็ตั้งคำถามว่า รู้จักฤทธิ์ของมังกรมั๊ย มันมีทำอะไรได้มั่ง...
เล่าปี่ส่ายหัว...เคยเห็นก็แต่ที่เค้าเชิดตอนตรุษจีนนั่นแหละท่าน...
โจโฉก็ฝอยต่อว่า อันฤทธิ์ของมังกรนั้นมากมายเหลือคณานับ...แต่เป็นแบบซ่อนเร้น งำประกาย...ถ้าอยากรู้ต้องไปฟังเพลง "นินจา" ของคริสติน่า ชุดแรก...เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ๆๆ...เกิดทันป้ะ
เล่าปี่ส่ายหัวอีก...โจโฉชักเซ็ง อีนี่มันง่าวเหลือเกิน ก็ยิงคำถามต่อ...แล้วท่านว่า ในแผ่นดินนี้น่ะ มีใคร ลับลวงพราง ได้ราวกับมังกรบ้าง
เล่าปี่ชักใจไม่ดี...เฮ้ย คำถามมันเฉียดไปเฉียดมา นี่เฮียโจมันรู้อะไรรึเปล่าวะ...ก็ยกตัวอย่างชื่อขุนศึก เจ้าเมืองดังๆในช่วงนั้นส่งเดชไป...พวกเนี้ยล่ะมั้ง มังกรที่ท่านว่า...
...โจโฉหัวเราะกึกๆ ทำหน้าเย้ยหยัน...ชื่อที่ท่านยกมาเหล่านี้ ข้าไม่ให้ราคาเลยซักตัว...
"คนที่มีความสามารถระดับมังกร มีฤทธิ์มากมาย แต่ลับลวงพรางเก่ง ทำอะไรก็ซ่อนเร้นปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้”...โจโฉเว้นระยะ จ้องหน้าเล่าปี่เขม็ง...
”ก็มีแต่ตัวเรา กับท่านแค่นี้"...คำตอบนี้ทำเอาเล่าปี่ช็อค นึกว่าโจโฉรู้แผนการลับเสียแล้ว หัวขาดแน่กู...ตกใจถึงขนาดตะเกียบหลุดจากมือ...
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/01/5c50001905fe33449b051aab.jpg)
เล่าปี่ทำแต๋วแตก กลัวเสียงฟ้าร้อง โดดนั่งตักโจโฉ
.
-
moncheep siva
30 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
มังกรเช่นเล่าปี่ แม้ยังไม่เติบกล้า แต่จะให้ทนอยู่ในบ่อเล็กๆของโจโฉได้อย่างไร...
หนทางดิ้นรนไปสู่ความยิ่งใหญ่ของเล่าปี่ จะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/01/5c5103a14da38c33f016bb76.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 13...
เล่าปี่ถูกยิงคำถามจี้ใจดำ...ตกใจถึงกับตะเกียบหลุดมือ...
แต่นิยายก็คือนิยายล่ะฮะ...มันช่างบังเอิญเสียนี่กระไร จังหวะนั้น อัสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงมาพอดี...เอ้อ อัสนีบาต ก็คือฟ้าผ่าไงฮะ
ด้วยความไวปัญญา บวกความตอแหลในสันดาน...เล่าปี่รีบยกมือขึ้นอุดหู กรี๊ดกร๊าดแต๋วแตก กระโดดขึ้นนั่งตักโจโฉ...ทำเป็นว่ากลัวเสียงฟ้าร้อง กลบเกลื่อนความตกใจในคำถามอย่างโคตรเนียน...
โจโฉเห็นเช่นนั้น ก็แอบหัวเราะหึหึถุยไปทีนึง นึกดูถูกในใจว่า...เนี่ยนะขุนศึก...กะอีแค่เสียงฟ้าร้องแม่งยังกลัวขนาดนี้ จะไปคิดการใหญ่อะไรได้
ตั้งแต่นั้น คนที่ลับลวงพรางดั่งมังกรในสายตาโจโฉ...ก็ไม่มีชื่อเล่าปี่รวมอยู่ด้วย...แต่เราก็รู้แล้วว่า ความจริงใครเป็นมังกรเหนือมังกร...ใครเป็นชายเหนือชาย...เอ้อ ไม่ใช่มั้ง...
ต่อมาไม่นาน มีนักเลงโตทางภาคตะวันออก ชักมีท่าทีกระด้างกระเดื่องกับโจโฉ...นักเลงสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน...ชื่อน่าหยิกแก้มเสียเหลือเกิน...
พี่ชื่อ อ้วนเสี้ยว...น้องชื่อ อ้วนสุด
ต่างฝ่ายต่างก็มีอาณาเขตของตัวเอง ซึ่งในเวลานั้นก็ถือว่าใหญ่โตไม่น้อย...แล้วยังมีทีท่าจะมารวมกัน เทียบรัศมีเมืองหลวงซะอีก...โจโฉมองแล้ว ถ้าปล่อยให้ปีกกล้าขาแข็งมารวมกันเมื่อไหร่...ตอนนั้นจะปราบยาก
ในเมืองหลวงเอง...ลูกไก่เหี้ยนเต้ก็ทำท่าทางไม่น่าไว้ใจ โจโฉจะวางมือออกไปบัญชาการรบเอง...ก็ไม่อยากเสี่ยง...
...เรียกประชุมเหล่าขุนพล โจโฉมองซ้ายมองขวา เกาหัวไปหลายแกรก...จะหาใครที่ไว้ใจได้นำทัพไปปราบ...ก็ยังไม่รู้จะให้ใคร
เล่าปี่เองก็อ่านขาดในเรื่องนี้ว่า...ถ้าจะช่วยเหลือพระเจ้าเหี้ยนเต้ ต้องอาศัยกลยุทธ์ ป่าล้อมเมือง...และตอนนี้คือโอกาสที่จะออกไปโตจากภายนอก...รีบยกมืออาสาทันที...เฮีย ศึกนี้ ปี่จัดห้ายยย...โจโฉก็ ok...จัดทัพให้เล่าปี่ยกออกไปยันทัพสองอ้วน
หลังจากเล่าปี่ไปไม่นาน ก็มีที่ปรึกษาระดับหัวกระทิของโจโฉ เพิ่งกลับมาจากราชการต่างเมือง...พอรู้ข่าวว่าโจโฉประมาท มอบกองทัพให้เล่าปี่ออกไปไกลหูไกลตา ก็ตกใจ...เฮ้ยเฮียโจ ลื้อปล่อยเสือเข้าป่ายังงี้ เดี๋ยวได้เดือดร้อนนาาา...
โจโฉนึกขึ้นได้...เออจริงเว้ย แหม่ อั๊วมันสะเพร่าไปหน่อย...ก็ส่งคนไปตามเล่าปี่กลับ...รอบแรกก็ไม่มาหลายรอบก็ยังไม่กลับมา...โจโฉรำคาญ เลยแอบๆสั่งเมืองที่อยู่ในเส้นทางผ่าน...เฮ้ย ถ้าไอ้ปี่มันผ่านไปทางมึง...มีโอกาสเชือดได้เชือดเลยน้าา...แล้วมาเอารางวัลที่เฮีย
แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีใครเชือดเล่าปี่ลง...โจโฉเอง ในตอนนั้นตีค่าเล่าปี่ต่ำกว่าความเป็นจริง...ก็มองแค่ว่า เด็กมันอยากโต ไม่อยาก under controlใคร...ปล่อยๆแม่งไปก่อนก็ได้วะ
เรื่องมันมาแดงเอาตรงนายพลตังสิน...นายพลที่รับแมสเซจมาจากเหี้ยนเต้...อีนี่ก็ซุ่มซ่ามชิบเป๋ง พาเพื่อนหัวขาดแทบหมดก๊วน...ก็วันนึงไม่รู้อีไปเมาท่าไหน ทำจดหมายนัดแนะหลุดมาจากตัว...มีคนเก็บได้ เอาไปฟ้องโจโฉ...เลยต้องตายยกตระกูล
จากจดหมายที่เปิดเผยชื่อผู้ร่วมก่อการทุกคน...โจโฉถึงกะต้องเขกกระโหลกตัวเอง...เล่าปี่แม่งเล่นด้วยนี่หว่า โห...ต้มกูซะเปื่อย ฟ้าร้องแกล้งเอามืออุดหู...อีนี่...มิน่าเล่า ตามให้กลับยังไงแม่งก็ไม่ยอม...ที่แท้มันไม่ใช่แค่อยากโตด้วยตัวเองอย่างที่กูคิด...แต่นี่มันกะออกไปซ่องสุมคน แล้วจะกลับมาซัดกะกูเป็นแน่แท้
โจโฉให้ความสำคัญกับคนที่ตบตาเขาได้ ถึงขนาดลงทุนคุมทัพขนาดใหญ่ไปตามล้างตามเช็ดเล่าปี่ ด้วยตนเองเลย...ก็จัดทัพแบบภารกิจทูอินวัน...
ไปซัดกับสองอ้วน และตามบี้เล่าปี่ด้วย...
สถานการณ์ตอนนั้น ก็เรียกว่าฝุ่นตลบเลยล่ะ...แมมมอธชนกัน แถมยังคอยเอาตีนมากระทืบสมันน้อยเล่าปี่ด้วย...ผลของการถูกบี้ถูกบดครั้งนี้ ทำให้เล่าปี่และน้องร่วมสาบานทั้งสองแตกกระจาย...ตัวเล่าปี่เอง ต้องยอมบากหน้าไปพึ่งอ้วนเสี้ยว...ที่ตอนแรกยกทัพจะมาปราบเค้านั่นแหละ...กิ๊วๆๆ หน้าไม่อายยย
กวนอูเอง...โจโฉเล่นจับเมียคนนึงของเล่าปี่เป็นตัวประกัน...ด้วยความเป็นน้องที่ดี กวนอูก็เลยต้องยอมมาอยู่กับโจโฉ เพื่อความปลอดภัยของพี่สะใภ้...
...ช่วงนี้ โจโฉก็พยายามเล่นแผนทั้งบีบทั้งดึงทั้งล่อ เพื่อให้กวนอูแตกคอกับเล่าปี่ มาเข้าสังกัดตนให้ได้...
...จัดที่อยู่ที่พัก ให้เมียเล่าปี่กับกวนอูอยู่ห้องเดียวกัน...หนุ่มๆสาวๆใกล้ๆกันยังงี้ เดี๋ยวมึงได้ฟาดเมียพี่มึงแน่...
...แต่เปล่า...กวนอูก็เล่นออกมาพักอยู่นอกห้องตลอด อาทิตย์นึงจะเปิดประตู ทักทายถามไถ่พี่สะใภ้ซะที...เรียกว่าไม่เปิดช่องให้ใครซุบซิบนินทาได้เลย...
...บ๊ะ หรือกวนอูมันขี่ม้ามากไป จนเตะปี๊บไม่ดัง งั้นเอาใหม่...โจโฉจะบำรุงบำเรอกวนอูขนาดหนัก ทั้งเสิ้อผ้าเงินทอง ของมีค่าทั้งหลายประเคนให้...กวนอูก็ไม่มีท่าทีจะวอกแวก หรือจะทิ้งเล่าปี่ไปเลย...
...นี่ก็เป็นส่วนนึง ที่คนรุ่นหลังยกย่องให้กวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์...
ฝ่ายโจโฉเอง แม้ว่าจะจะทุ่มค่าตัววีคละกี่แสนปอนด์ ก็ไม่อาจจะดึงกวนอูเข้าทีมได้...ก็ชักจะท้อใจ ถึงกับต้องอ้างบุญอ้างคุณออกมาตรงๆ...กูให้มึงขนาดนี้ มึงยังไม่ยอมเซ็นกะกูอี๊กกกกก
...กวนอูไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงบุญคุณที่โจโฉไม่ฆ่าตนในฐานะเชลยศึก แถมยังให้นู่นให้นี่อีกมากมาย...ก็เลยต้องรับปากว่า จะไม่จากไป ถ้ายังไม่ได้ทดแทนบุญคุณโจโฉซะก่อน...
ส่วนเตียวหุย ก็ไม่รู้แตกไปคุมวินรถตู้ที่ไหนซักแห่ง...ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ไม่เล่าแล้วกัน...
.
-
moncheep siva
31 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
เรื่องเล่าตอนนี้ จะเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตเล่าปี่...จากขุนศึกกระจอกงอกง่อย จะถีบทะยานขึ้นมาเบียดเป็นหนึ่งในสามก๊กได้อย่างไร...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/01/5c527bc0adf0be254856f755.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 14...
ตอนที่แก๊งเล่าปี่พลัดพรากจากกัน มันมาสนุกตรงที่สองผู้ยิ่งใหญ่ โจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็ยังฟัดกันฝุ่นตลบ...อย่าลืมนะว่าตอนนี้ เล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยว กวนอูอยู่กับโจโฉ
...เฮียอ้วนเค้ามีทหารเอกสองคน เรียกว่ามือฉมังทั้งคู่...ทำเอาทหารฝ่ายโจโฉหัวหลุดไปหลายหัว
โจโฉเอง ถึงจะมีสุดยอดฝีมือระดับกวนอูอยู่ในมือ แต่แรกๆก็ไม่อยากหยิบออกมาใช้ เพื่อไม่เปิดโอกาสให้มีการทดแทนบุญคุณเกิดขึ้น...แต่สุดท้ายคิดขึ้นได้...
ใช้กวนอูนี่แหละวะ ถ้ามันฆ่าทหารเอกอ้วนเสี้ยวได้ ไอ้อ้วนมันต้องหันไปตัดหัวเล่าปี่แน่นอน แล้วกวนอู พ่อยอดขมองอิ่ม ต้องตกมาเป็นของพี่โจในที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า...ก็เลยไหว้วานกวนอูลากง้าวมาออกโรงเอง...
ผลก็คือ...หัวของทหารเอกทั้งสองของอ้วนเสี้ยว เป็นฝ่ายหลุดบ้าง ในวาระไม่ห่างกันนัก...พอทหารเอกตายทีนึง อ้วนเสี้ยวก็เม้งแตก จะเอาหัวเล่าปี่มาแทนให้ได้ ค่าที่กวนอูเป็นน้องร่วมสาบานของเล่าปี่...แต่เฮียปี่แกก็ลื่นๆ ประคองตัวรอดไปได้ทั้งสองรอบ
แล้วในที่สุด...สามพี่น้องชิ่งกลับมารวมตัวกันได้...
...ระหว่างที่ยักษ์ใหญ่ อ้วนเสี้ยวกับโจโฉเค้าฟัดกัน...ทัพเล็กๆของเล่าปี่ก็พยายามจะโลว์โพรไฟล์ จนแทบจะขุดรูอยู่อยู่แล้ว...แต่เมื่อโจโฉบี้อ้วนเสี้ยวจมดินสำเร็จ ก็ไม่ลืมโจทก์เก่าที่เคยตอแหล ทำเป็นตะก่งตะเกียบหลุดมือ...เล่าปี่ก็ถูกไล่กระทืบต่อ...
ถึงเวลาต้องโกยแน่บออกจากรู พาทัพจุ๋มจิ๋มไม่กี่พันคน ปุเลงๆไปขออาศัยเมืองๆนึง ซึ่งใหญ่โตขนาดเป็นหัวเมืองเอก เผอิญเจ้าเมืองก็แซ่เล่าเหมือนกัน...เค้าก็เลยเวลคั่ม
แต่ไม่รู้ว่าเฮียปี่ของเรา อยู่บ้านเค้าแล้วไปวางตัวยังไง...จนไปขัดหูขัดตาคนในครอบครัวเจ้าเมืองเข้า...ที่สำคัญคือตอนเจ้าเมืองป่วยกระเสาะกระแสะ กำลังบรรยากาศมาคุกันอยู่ว่าจะยกเมืองให้ลูกคนไหน...เล่าปี่ก็ดั๊นนน เสนอหน้าไปออกความเห็นกะเค้าด้วย
...ก็ผลประโยชน์ใหญ่ขนาดยกบ้านยกเมืองกันนี่ แล้วคนนอกเสือกไปออกความเห็น...ต้องถูกคนในเหม็นขี้หน้าแน่นอน....แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ พวกเครือญาติส่วนนึงของเจ้าเมือง วางแผนกำจัดเล่าปี่ทันที...
...แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดหัวกันง่ายๆตรงๆ...เพราะเล่าปี่เค้าก็มีกองกำลังของเค้า ถึงจะจุ๋มจิ๋มก็เถอะ...แต่ทหารเอกเค้าใช่ย่อยซะที่ไหน...ก็เลยต้องมีการวางแผน หลอกไปงานเลี้ยงเพื่อจะรุมฆ่า
เล่าปี่เอง ไม่รู้ว่าซื่อหรือโง่แล้วก็ไม่ได้สำเหนียกทิศทางลมเลย ว่าไปทำตัวขวางตีนใครไว้...เค้าชวนไปงานเลี้ยงก็ไป นั่งไม่รู้เอ๋อะไรอยู่ตัวคนเดียว...ถึงจะมีมือพระกาฬระดับจูล่ง ไปเป็นทหารองครักษ์...แต่จูล่งก็ถูกลากออกไปเมาข้างนอกงานจนได้...
โชคดีที่ยังมีคนสงสาร เลยไปกระซิบให้รู้ว่าตอนนี้เค้าจะยำมึงละนะ...แต่เวลาก็จวนตัวเหลือเกิน...จะออกไปตามองครักษ์ก็กลัวไม่ทัน...เผ่นขึ้นม้า จะควบไปทางไหนก็ถูกล้อมไว้หมด...เหลือทางเดียว...เล่าปี่จำต้องลงแส้ม้า โจนลงแม่น้ำทันที
ม้าของเล่าปี่นี่สงสัยจะเป็นม้าน้ำ...เจ้าของลงแส้ก็โจนพรวดลงแม่น้ำทันที แล้วก็ตะกุยตะกายพาข้ามไปจนได้...
แต่การหนีตายข้ามแม่น้ำมาได้ครั้งนี้ เป็นความโชคดีบนความโชคร้าย...เพราะเป็นเหมือนการเปิดบทใหม่ให้กับชีวิตเล่าปี่เลยทีเดียว...
...เดิมถึงแม้ก๊วนเล่าปี่ จะมีทหารระดับพระกาฬหลายคน แต่ก็ไปไม่สุดซะที ซ้ำยังทำท่าหุ้นจะลงติดฟลอร์ จนเหลือทหารหยิบมือเดียว...ก็เพราะไม่มีเสธ.มือดีๆมาช่วยโค้ชให้นั่นแหละ...
คราวนี้ถึงเวลาซะที ที่ชีวิตเล่าปี่จะได้มาเจอโค้ชมืออาชีพกับเค้าบ้าง...เล่าปี่เหยาะม้าไปเรื่อยๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้...เปะปะไปจนได้เข้าไปเจอกับจีเนียสเข้ากลุ่มนึง
มันก็นิย้ายนิยายแหละครับ...จีเนียสกลุ่มนี้ ถึงจะทำไร่ไถนาเป็นอาชีพ แต่ก็ดันเชี่ยวชาญพิชัยสงคราม รู้เรื่องรบทัพจับศึกโดยไม่ต้องไปออกสนามรบ หรือจบเวสป๊อยต์...ได้ยังไงก็ไม่รู้...แต่เอาเป็นว่าเก่งก็แล้วกัน
...ถ้าถามคนอ่านสามก๊ก คิดว่าใครฉลาดสุด...แทบทุกคนจะตอบว่า ขงเบ้ง...
แต่ผมว่าจริงๆแล้ว คนแรกๆที่เล่าปี่มาเจอนี่แหละฉลาดสุด แกชื่อ สุมาเต็กโช...
...ไม่ต้องทำตัวลึกลับ หรือวางท่าฉลาดลึกล้ำอะไรมาก...แกเข้าพบง่าย พูดคุยง่ายๆ เป็นชาวบ้านธรรมด๊าธรรมดา...แต่ก็ฟุตเวิร์คหนีของแกไปได้เรื่อยๆ มีความสุขปลูกข้าวออร์แกนิคของแกไป ไม่ต้องไปเป็นเสธ.ให้ทีมไหน...ขนาดเล่าปี่ออกปากชวนตรงๆให้ไปทำงานด้วย แกก็บ่ายเบี่ยง...พอโดนตื๊อหนักๆเข้า ก็ทำเป็นบ้าๆบอๆ หนีพ้นจนได้...
แล้วที่สำคัญ...ที่ว่าฉลาดๆอย่างขงเบ้ง บังทอง ชีซี...ลูกศิษย์แกทั้งนั้น...
สุดท้ายเล่าปี่ไปสอยมาได้คนนึง ก็เรียกว่าระดับเกรดเอล่ะ...แล้วเมื่อเข้ามาเป็นเสธ.ให้ทัพจุ๋มจิ๋มของเล่าปี่...ก็สามารถยันโจโฉหน้าแหงนไปได้เหมือนกัน
โจโฉถึงกะอึ้ง...เฮ้ย เล่าปี่มันไปโมฯทัพมันยังไงหว่า...เมื่อก่อน ตีตรงไหนมียุบ ทุบตรงไหนมีร้อง...คราวนี้มีเถียงเว้ย...เสียงดังเสียด้วย
พอสืบรู้ว่าใครเป็นมันสมองให้ทัพเล่าปี่...โจโฉก็เล่นงานช่องว่าง ที่เสธ.คนนี้คิดไปไม่ถึง...ไปจับตัวแม่ไอ้ ชีซีมาซิ...
...เอ้าแม่ เขียนจดหมายเกลี้ยกล่อมลูกชายให้มาอยู่กับข้าหน่อย...
...แม่ชีซีเค้าผู้ดีเก่า จงรักภักดีกับราชวงศ์ฮั่น...เอาจานฝนหมึกขว้างหน้าโจโฉแบบไม่กลัวตาย...ลูกชายกูเค้าอยู่กับคนกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นดีอยู่แล้วโว้ย ไม่มาอยู่กับโจรอย่างพวกมึงหรอก...
...แม่ชีซีแทบจะหัวขาดอยู่ตรงนั้น เพราะความโกรธของโจโฉ...ดีที่ที่ปรึกษาคนนึงกล่อมให้เย็นลง...ขอเวลาเดี๋ยวนะเฮีย อั๊วจัดการให้...
.
-
moncheep siva
1 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
หนึ่งในตัวละครชื่อดังของสามก๊ก จะปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในตอนนี้ สร้างความสั่นสะเทือนให้กับมหาอาณาจักรจีน อย่างที่เรียกได้ว่า...พลิกฟ้า คว่ำแผ่นดิน...เขาจะเป็นใครนั้น...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/02/5c53ee6b69f0ee407fbc0dcb.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 15...
เมื่อแม่ของชีซี ไม่ยอมลงให้โจโฉ ที่ปรึกษาคนนั้นก็ดำเนินอุบายอย่างแยบยล ด้วยการส่งของกินของใช้มาให้แม่ชีซีประจำ...ใส่ยากล่อมประสาทเพื่อเกลี้ยกล่อมงั้นเรอะ...เฮ่ยบ้าน่า นั่นมันในหนัง...
...แต่เป็นเพราะที่ปรึกษารู้ว่า ตามประสาผู้ดีเก่า เมื่อมีคนให้ของแม่ชีซีก็ต้องเขียนจดหมายขอบคุณตอบกลับไป...ที่ปรึกษานั้นก็เอาจดหมาย ไปพยายามลอกลายมือของคุณนายแม่...
จนแน่ใจแล้วว่าลอกลายมือได้เหมือนเปี๊ยบ...คราวนี้ก็ลงมือเขียนจดหมายปลอมเป็นลายมือแม่ อ้อนวอนชีซีให้มาอยู่กับโจโฉ...
ชีซีเจอจดหมายลายมือแม่ตัวเองเข้า ก็ถึงกับจบสิ้น...วิ่งขี้มูกโป่งเข้าไปหาเล่าปี่ ซึ่งเล่าปี่ก็ไม่รู้จะห้ามปรามยังไง ต้องยอมปล่อยให้ชีซีไปหาโจโฉ ตามคำเรียกร้องบนจดหมายปลอม...
พอไปถึง กลับกลายเป็น...ชีซีถูกแม่ด่าซะแทบจะตัดแม่ตัดลูก ที่ทิ้งเล่าปี่มา...และในคืนนั้นเอง แม่ชีซีก็ผูกคอตาย...
เฮ้อ...ทำไมคนแต่งใจร้ายกับจีเนียสคนนี้ยิ่งนัก...
เอาใหม่...คราวนี้เล่าปี่ไปสอยเสธ.ระดับเอบวกมาเลย...คนๆนี้ถ้าเป็นนักบอล ค่าตัวต้องสองร้อยล้านปอนด์ขึ้น...และก็เหมือนคนรู้จักฟุตบอล ต้องรู้จักชื่อเมสซี่...คนรู้จักสามก๊ก ก็ต้องรู้จักชื่อนี้...ขงเบ้ง
แต่กว่าจะได้โคตรเพชรแบบนี้มาอยู่ในมือ ก็ไม่ใช่ว่าจะอาศัยอำนาจหรือเงินทองที่มี ไปทุ่มไปบังคับให้เค้ามาอยู่ได้...เล่าปี่เองก็ต้องแสดงออกถึงความจริงใจ ที่อยากได้ขงเบ้งมาเป็นเสธ. และตั้งใจจะกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นจริงๆ...
...ลงทุนถ่อสังขารไปถึงภูเขามังกรหลับที่ขงเบ้งอาศัยอยู่ถึงสามรอบ หน้าหนาวหิมะหนาเตอะ กูก็ไม่ถอย...ไปแล้วไม่เจอ ไปแล้วไม่เจอ หรือไปเห็นใครที่ดูฉลาดๆน่าจะเป็นขงเบ้ง ก็เข้าไปกราบกรานฝากเนื้อฝากตัว...ก็กราบผิดคนเด๋อด๋ามาหลายครั้ง จนกวนอูเตียวหุยที่ไปด้วยรู้สึกอับอาย ที่คนระดับเจ้าเมืองอย่างเล่าปี่ ต้องมาทำอะไรทุเรศๆยังงี้...เพียงเพราะเชื่อว่าหนุ่มบ้านนอกคอกนาคนนึง ฉลาดพอที่จะช่วยกอบกู้บ้านเมืองได้...
...แล้วในที่สุด ความพยายามเข้าพบครั้งที่สาม เล่าปี่ก็ได้คุยกับขงเบ้ง...ยิ่งคุยก็ยิ่งติดใจในความรอบรู้ ยุทธศาสตร์ รัฐศาสตร์ ไสยศาสตร์ ไม่มีติดขัดเลยซักเรื่อง...แม้ขงเบ้งยังอิดๆออดๆ...โอ๊ยท่านเจ้าเมืองจะมาหวังอะไรกับคนบ้านนอกอย่างโพ้มมม...แต่ถามอะไร ขงเบ้งแม่งตอบได้หมด...ยังงี้จะไม่ให้ติดใจได้ไงล่ะ
เล่าปี่ก็เลยต้องใช้วิชาแอ๊คติ้ง เหมือนที่เคยใช้กับโจโฉ...ลงทุนกรีดน้ำตาอ้อนวอน...ท่านอาจารย์ มาอยู่กับข้าเถอะ มาช่วยกันกอบกู้บ้านเมืองเถอะ...ขงเบ้งใจอ่อน...เอาล่ะๆๆ ไปก็ไป...แต่ก่อนอื่น มาทำความตกลงกันก่อน...
เปิดจอพรีเซ้นต์...ท่านเล่าปี่ ท่านย่อมจะเห็นแล้วว่า ตอนนี้โจโฉปักหลักมั่นคงอยู่ในเมืองหลวงและอาณาจักรทางเหนือ ส่วนทางใต้นั้น แซ่ซุนก็วางรากลึกจนมั่นคงไม่แพ้กัน...ที่เหลือก็ขุนศึกขี้ๆ ไม่มีค่าพอจะมอง...
แล้วท่านล่ะ จะตั้งตัวจนกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นได้ ท่านคิดว่าต้องทำยังไงก่อน...
...เล่าปี่ตอบเลย...ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง...
ขงเบ้งเอาถาดตีหัวป้าบนึง...ไม่เล่นยังงี้สิท่าน...แล้วขงเบ้งก็ประกาศยุทธศาสตร์ชาติยี่สิบปี...โน่นท่านเล่าปี่ จงมองไปทางตะวันตก ณ ผืนแผ่นดินเสฉวน...
ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศฮั่น...เล่าปัง ก็ตั้งเนื้อตั้งตัวมาจากผืนแผ่นดินตะวันตกนั้น...ตัวท่านก็ย่อมจะเติบโตได้ด้วยแผนเดียวกัน เพราะฉะนั้น โกเวสต์คือเป้าหมายใหญ่ของเรา...
ก่อนจากบ้านเพื่อเข้ามาเป็นเฮดโค้ชให้เล่าปี่ยูไนเต็ด...ขงเบ้งเห็นตัวอย่างชีซีแล้ว จึงได้อพยพครอบครัวไปอยู่ในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครค้นพบได้...
...ขงเบ้งประจำการณ์ได้ไม่นาน อสูรร้ายโจโฉก็เคลื่อนทัพเข้ามาใกล้ เพื่อหมายขย้ำเล่าปี่ให้จมเขี้ยว...และก็เป็นโอกาสให้ขงเบ้งโชว์ฝีมือนัดประเดิมสนาม...
ถ้าเป็นมวย...โจโฉ เฮฟวี่เวท ก็คุ้นเคยกับการไล่ทุบเล่าปี่ มวยระดับฟลายเวท...ทุบเอาทุบเอา...เล่าปี่ก็ได้แต่แย๊บถอยๆ ปากคอบวมเจ่อ ตาปิด...คราวนี้พอได้ขงเบ้งมาเป็นเสธ. ลูกแย๊บแม่งคมขึ้นผิดหูผิดตา...
แย๊บแรก...ทัพหน้าโจโฉสิบหมื่นเข้าลองของก่อน...สิบหมื่นต่อทหารเล่าปี่สามพัน แม่ทัพหน้านั่งแคะขี้ฟัน คิดง่ายๆว่า เดินเข้าไปตบกบาลแม่งคนละที ทหารเล่าปี่ก็คอย่นตายหมดแล้ว...
...ชีซี ที่ตอนนี้มาอยู่กับโจโฉแล้วอย่างไม่เต็มใจ ถึงจะเกียร์ว่างไปวันๆ แต่พอทราบข่าวว่าเล่าปี่ได้ระดับขงเบ้งมาเป็นกุนซือ...อดสงสารไม่ได้ ก็ยังออกปากเตือนว่า...อย่าประมาททัพเล่าปี ที่มีโค้ชชื่อขงเบ้งเป็นอันขาด...
...โจโฉไม่ใส่ใจ คิดว่าชีซีเขียนเสือให้วัวกลัว เพราะยังห่วงนายเก่าอยู่ ก็สั่งลุยต่อ...ผลคือ...ขงเบ้งหลอกทัพหน้าของโจโฉ ไล่เข้ามาในทุ่งหญ้าสูงๆ...แล้วก็ฌาปนกิจซ้าาา...เผาเป็นผีไปสิบหมื่น...
ไม่เป็นไรสิบหมื่น...ทหารแสนนึงสำหรับโจโฉ ถือว่าสิวๆ...เอ้าไล่ตื้บต่อไป
แย๊บสอง...ขงเบ้งพากองทัพพิการถอยมาพักที่เมืองเล็กๆ...แถวสองของโจโฉยกตามมาอีกสิบหมื่น ทหารเล่าปี่ก็แกล้งถอนตัวกวาดต้อนผู้คนหนีออกไป...แต่ก่อนออกไป วางเชื้อเพลิงไว้ทั่วอาคารบ้านเรือน...แล้วคืนนั้นก็ย้อนกลับมา ยิงธนูไฟจนไหม้ไปทั้งเมือง
ทหารโจโฉเดินทางมาเหนื่อยๆกำลังหลับสบาย ก็หูตาเหลือก เผ่นออกทางประตูเมืองที่เปิดอยู่ด้านเดียว...ด้านนั้น ขงเบ้งสั่งทหารให้วางกระสอบกั้นแม่น้ำเอาไว้จนเอ่อ...ได้เวลา ก็พังกระสอบปล่อยน้ำท่วมทหารโจโฉ...ตายไปอีกสิบหมื่น
...สองแย๊บ ขงเบ้งสอยทหารโจโฉไปสองแสนแล้วนะ...ในขณะที่ทหารเล่าปี่หายไปสองพัน จากห้าพันเหลือสามพัน...
.
-
moncheep siva
2 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
ช่วงเปิดตัวขงเบ้งตอนต้น สถานการณ์ของกลุ่มเล่าปี่ นับว่าเจียนไปเจียนอยู่อย่างหนัก...กุนซือสมองเพชรอย่างขงเบ้ง จะพาทีมเล่าปี่ รอดพ้นโซนตกชั้นได้อย่างไร...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/02/5c554bc8004c26374f48cd75.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 16...
แต่ผลจากแย๊บสอง ที่กวาดต้อนผู้คนออกจากเมือง ไอ้ผู้คนเหล่านี้ก็เลยต้องหอบลูกจูงหลาน เกาะกระเอวมากับกองทัพด้วย...ทัพเล็กๆที่เหลือแค่สามพันของเล่าปี่ นอกจากกระจอกงอกง่อยแล้ว ก็เลยกลายเป็นทัพที่กระจองอแงเป็นที่สุดด้วย...
...เมื่อถึงคราวที่ทัพใหญ่ของโจโฉตามมาทัน ก็หนักเลย...ในช่วงที่โดนทุบโครมๆเจียนอยู่เจียนไปแบบนี้...ขอเอาไฟฟอลโล่วฉายมาที่ขุนศึกอีกคนของกองทัพเล่าปี่...ผู้เป็นหนึ่งในสองคน ที่ได้รับความไว้วางใจรับคำสั่งเสีย เมื่อตอนที่เล่าปี่ถึงวาระสุดท้าย...เขาคือใคร มาตามดูกัน...
...เจอของหนักขนาดนี้ ขงเบ้งก็ขงเบ้งเถอะ...ชักจะแย๊บไม่ค่อยออกแล้ว...ทหารก็รบพลางหนีพลาง พวกชาวบ้านที่ตามมาก็พะรุงพะรังยิ่งนัก...และสุดท้าย ไม่เพียงแต่ครอบครัวชาวบ้านเท่านั้นที่กระจัดกระจาย ครอบครัวเล่าปี่เองก็บ้านแตกสาแหรกขาดไม่แพ้กัน...เล่าปี่มีเมียหลักๆสองคน เมียคนใหญ่มีลูกชายชื่อ อาเต๊า...ซึ่งสำหรับคนจีนสมัยนั้น รู้ๆกันอยู่ว่าลูกชายมีค่าขนาดไหนสำหรับครอบครัว...
...เมียทั้งสองคนกับอาเต๊าลูกชาย...หายไปท่ามกลางสมรภูมิ...
กวนอูกับเตียวหุย ก็รบกันคนละทิศละทาง เรียกว่าไม่ได้หายใจหายคอกันอยู่แล้ว...เหลือขุนศึกหน้าใหม่ ที่ก็ยังไม่ได้สนิทใจกันนัก...จูล่ง รับอาสาลุยเดี่ยว ตามหาเมียและลูกชายให้เล่าปี่...
การตามหานี้ ไม่ใช่แบบเดินชมนกชมไม้แล้วก็ส่งเสียงเรียกไป...แต่มันคือการย้อนกลับไปลุยในอาณาเขตของศัตรู...ด้วยลำพังตนเองกับทวนและม้าหนึ่งตัว...
...จูล่ง เจ้าของเอกลักษณ์นักรบหน้าขาว ไม่มีหนวดเครา สวมเกราะเงิน ขี่ม้าขาว...ลุยเข้าไปฆ่าฟันขุนศึกของโจโฉเพื่อตามหาเมียกับลูกชายของเล่าปี่ จนม้าขาวกลายเป็นม้าแดงไปทั้งตัว...ด้วยเลือดของข้าศึก
ฟาดฟันมาหลายชั่วยาม...สุดท้ายก็ได้มาพบเมียคนรองของเล่าปี่ บาดเจ็บขาหัก อุ้มอาเต๊าแอบอยู่ข้างๆบ่อน้ำแห่งหนึ่ง...
...จูล่งพยายามจะเชิญคุณหญิงรองขึ้นม้าพร้อมอาเต๊า...ตนเองจะเดินเท้า ควงทวนฝ่าดงศัตรูพาออกไปให้ได้...
...คุณหญิงรองขอบคุณท่านขุนศึกยิ่งนัก ในน้ำใจนี้...แต่จูล่ง ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้...การที่ท่านจะดันทุรังฝ่าออกไปโดยการเดิน...มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ...
...เจนศึกระดับจูล่ง ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่คุณหญิงรองพูด...เป็นความจริง...แต่ด้วยหน้าที่...ถึงตัวจะตายก็ขอให้ครอบครัวเจ้านายปลอดภัย...
...โถ ท่านจูล่ง...คุณหญิงรองยิ้มอ่อน...ท่านตายแล้วนึกหรือว่าข้ากับอาเต๊าจะรอด...
...เถียงกันไปเถียงกันมาไม่จบซะที...ทหารโจโฉได้กลิ่น ก็เริ่มห้อมล้อมเข้ามาแล้ว...คุณหญิงรอง...ทั้งที่อาเต๊าก็ไม่ได้เป็นลูกที่เกิดจากตัวเอง แต่ด้วยจิตใจอันสูงส่ง...นางวางอาเต๊าลงกับพื้น...ฝากเด็กด้วยนะท่านจูล่ง...แล้วนางก็ตัดใจกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย...ตายคนเดียวดีกว่าตายหมู่วะ
...ไม่มีเวลาจะมาอาลัยอาวรณ์อะไร...จูล่งฉีกผ้าแถวนั้นมัดอาเต๊าไว้กับอก สวมเกราะทับอีกที ฉวยทวนโดดขึ้นม้า...คราวนี้กูเผ่นล่ะ...ก็ได้ฆ่าขุนศึกฝ่ายโจโฉอีกหลายคน กว่าจะฝ่ากลับมาหาเล่าปี่ได้...
สุดท้ายด้วยฝีมือบวกโชคช่วย...ทัพเล่าปี่รอดพ้นเงื้อมมือโจโฉในคราวนั้นมาได้ ก็กระเซอะกระเซิงล่องใต้มา จนเจอแม่น้ำใหญ่ขวางหน้า...
สถานการณ์ตอนนี้ ถือได้ว่าเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายจุดสำคัญของกลุ่มเล่าปี่เลย...เพราะถ้าตัดสินใจผิด หรือเดินเกมผิดนิดเดียว ก๊กเล่าปี่ก็จะเหลือแต่ชื่อ และสามก๊ก ก็จะไม่ได้เป็นสามก๊กในภายภาคหน้า...
เพราะถ้าข้ามแม่น้ำไป ก็จะเจอกับถิ่นของมาเฟียใหญ่...ซุนกวน จระเข้ยักษ์ที่พร้อมจะอ้าปากงับเล่าปี่ได้ในคำเดียว...ส่วนไอ้ข้างหลัง...เสือโจโฉก็ฮึ่มๆ แยกเขี้ยวกระชั้นเข้ามาทุกที...เล่าปี่ถึงกับนั่งแทะเล็บ...เอาไงดีหว่า
แหม่ๆๆ...ทำเป็นลืมไปได้ไง ในทีมมีกุนซือสมองเพชรอยู่...Don't worryเฮียปี่...เดี๋ยวเบ้งจัดการให้เอง...
...แสนยานุภาพของทัพโจโฉที่ตามมา ก็มาหยุดยั้งที่เมืองริมแม่น้ำแห่งนึง ไม่ไกลจากกองกำลังเล่าปี่มากนัก...เรียกว่าตะปบเมื่อไหร่ เล่าปี่ก็ขาดสองท่อน
แต่ยัง...เสือร้ายยังไม่ตะปบเหยื่อ...เพราะมองข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่...จนคนสมัยนั้นเรียกว่าทะเล...ณ อีกฝั่งนึง มาเฟียแซ่ซุนก็ครองอำนาจอยู่...ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าโจโฉ...แต่ถ้าลุกขึ้นมาฟัดกันเมื่อไหร่ ก็มีเหนื่อยทั้งคู่
อย่ากระนั้นเลย มาทำอะไรแถวถิ่นเค้า ก็น่าจะบอกกล่าวเจ้าถิ่นให้รู้ซะหน่อย...เลยส่งสาส์นข้ามแม่น้ำไปป้อนขนมหวานไว้ก่อน...เฮียซุน นี่โจนะ...ลื้อกะอั๊วมาช่วยกันตื้บเล่าปี่ดีกว่า...สำเร็จแล้วเดี๋ยวอั๊วมีเงินทอนให้...สนใจป่าว
มาดูอีกฟากของแม่น้ำบ้าง...
ก่อนจะเดินเรื่องต่อ...จำเป็นเหลือเกินครับ ที่เราจะต้องรู้จักชื่ออีกสามสี่ชื่อ เพื่อทำให้การเล่าเรื่อง มันราบรื่น...
แคว้นทางใต้นี้ มีเจ้าเมืองชื่อ "ซุนกวน"...มีเสธ.ชื่อ "โลซก" และมีทหารเอกชื่อ "จิวยี่"
จิวยี่เนี่ย เขาซี้กับพี่ชายซุนกวน ที่ชื่อ ซุนเซ็ก ถึงขนาดเป็นเขยน้อยเขยใหญ่กัน...เมียซุนเซ็กชื่อ เกียวใหญ่ เมียจิวยี่ชื่อ เกียวน้อย
ซุนเซ็กตาย...ซุนกวนครองเมืองต่อ จิวยี่ก็ช่วยซุนกวนดูแลแคว้นใต้ต่อมา...โดยคุมกองเรือเจ็ดพันลำ ปกป้องตลอดลำน้ำ...ไม่รู้มีเรือดำน้ำด้วยอ๊ะป่าว...
พอสาส์นจากโจโฉ วางโครมลงกลางสภาแคว้นใต้...สภาพก็เหมือนงิ้วสิบโรงเล่นพร้อมกัน เถียงกันโขมงโฉงเฉง...แต่หลังจากเอาน้ำร้อนสาดพอให้สงบลงบ้าง...ก็สรุปได้ว่า เสียงแตกเป็นสองพวก
พวกแรก พลเรือน...บอกให้ยอมเป็นพวกโจโฉเถอะ ขืนสู้มีหวังแย่...อีกพวก ทหาร...บอกไม่ยอมโว้ย เราก็มีศักดิ์ศรี...มึงมาเอะอะข้างบ้านกู ต้องออกไปตะเพิดกันบ้าง
ซุนกวนในฐานะนายใหญ่ ฟันธงเลย...บอก...งั้นกูรอจิวยี่ตัดสินใจ...อ้าวเฮ้ย...
.
-
moncheep siva
4 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
ขงเบ้ง กุนซือของก๊กที่นับว่ากระจอกที่สุดในเวลานั้น...จะงัดลูกเล่นแบบไหน ไปยุให้ซุนกวน ยักษ์เล็ก ลุกขึ้นมาซัดกับโจโฉ ยักษ์ใหญ่...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/02/5c56f4964fde38298c93fb9c.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 17...
แต่ข่าวที่โจโฉไล่กระทืบหนูน้อยเล่าปี่...โครมครามลั่นไปทั่วอาณาจักรจีน...มันก็ดังพอๆกับข่าวที่ว่า เล่าปี่มีสวนกลับเอาโจโฉหน้าหงาย ตายไปหลายแสนเหมือนกัน...
ท่าทางเล่าปี่คงมีดีอยู่ไม่น้อย...อดสงสัยไม่ได้...โลซก เสธ.ของแคว้นใต้ ก็ลงเรือข้ามแม่น้ำไปเยี่ยมกองทัพง่อยๆของเล่าปี่...
สุดท้ายไม่รู้ใครชวนใคร...ขากลับ ขงเบ้งในฐานะฑูตของเล่าปี่ ก็นั่งเรือมากับโลซก มาพำนักอยู่กับกองทัพซุนกวนด้วย
ฝ่ายจิวยี่...พอรู้ข่าวทัพโจโฉมาจ่ออีกฟากของแม่น้ำ เล่าปี่ก็มาพักเลียแผลอยู่ไม่ไกล แถมเสธ.ชื่อดังของเล่าปี่...ขงเบ้ง...ก็ข้ามฟากมาแคว้นใต้แล้วด้วย...จิวยี่ก็รีบบึ่งกลับเมืองหลวงทันที พอหัวเรือสปีดโบ๊ทเสียบเข้าท่า โดดขึ้นฝั่งปั๊บ...ถามคำแรก...ขงเบ้งอยู่ไหน ขอคุยด้วยก่อน สภงสภากูยังไม่เข้าล่ะ
ก่อนจิวยี่กับขงเบ้งจะคุยกัน...เรามาอ่านใจของทั้งสองฝ่ายก่อน...
ขงเบ้ง...อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบโคตรๆ เพราะต้นทุนที่ติดกระเป๋ามาต่อรองก็น้อยยิ่งกว่าน้อย...เรียกว่าไม่มีดีกว่า แถมดูเวย์แล้ว...แน่นอนว่าไม่มีทางเลือก ต้องทำทุกวิถีทาง ดันตูดให้ซุนกวนออกไปรบกับโจโฉให้ได้...ไม่งั้นถ้าซุนกวนจับมือกับโจโฉ กูแบนแต๊ดแต๋
จิวยี่...ได้เปรียบบานตะเกียง ตรงที่จะรบก็ได้ ไม่รบก็ได้...และมี option ให้เล่นตัวเพิ่มอีกคือ...อ้าว ถ้าอยากให้แคว้นใต้รบ...ขงเบ้งลื้อต้องเอาทัพเล่าปี่ออกหน้าสิ เดี๋ยวอั๊วช่วยเสริม...แบบนี้ได้สองเด้ง เพราะมีขุนศึกมือเจ๋งๆมาช่วยรบโจโฉ แถมยังได้ถลุงทหารของเล่าปี่ไปในตัว...
ขงเบ้งจะทำยังไง กับการเจรจาที่ตนเองมีทางออกแค่ประตูเดียว...
...หลังผ่านพิธีต้อนรับ เซย์ How do you do กันแล้ว...การเจรจาก็เริ่มขึ้น ในวงสนทนาที่มีสามคน...จิวยี่ โลซก และขงเบ้ง...เออ เรื่องสำคัญขนาดนี้ ทำไมซุนกวนไม่มาคุยด้วยวะ...
อย่างที่บอกไปแล้วว่า ขงเบ้งมีทางออกประตูเดียว คือต้องดันให้แคว้นใต้รบกับโจโฉ...แน่นอน เหลี่ยมนี้จิวยี่ก็รู้...การเจรจาจะชิงไหวชิงพริบกันยังไง...ลองติดตาม...
เริ่มต้น จิวยี่สาธยายกำลังรบของโจโฉเสียใหญ่โต ทหารหกสิบเจ็ดสิบหมื่น ก็ผสมผเสกลายเป็นมืดฟ้ามัวดินราวๆสักร้อยหมื่น...ล้านคนเข้าไปแล้ว...กำลังขนาดนี้ใครไปหาญสู้ ก็เท่ากับฆ่าตัวตาย...ก็เลยคิดว่า แคว้นใต้คงจะยินยอมเป็นพันธมิตรกับโจโฉดีกว่า
พูดง่ายๆคือ จิวยี่กำลังบอกขงเบ้งว่า ตกลงกูจะร่วมมือกับโจโฉ กระทืบมึงล่ะนะ...
ก็ถือว่าสวยอยู่เหมือนกันนา สำหรับเหลี่ยมที่จิวยี่วางออกมา...ใจหวังว่าขงเบ้งได้ยินแล้วคงดิ้นพราดๆ เป็นเดือดเป็นร้อน...
แต่เปล่า...ขงเบ้งนิ่ง...แถมพยักหน้าหงึกๆซะอีกแน่ะ...คนที่ออกมาหัวฟัดหัวเหวี่ยง กลับเป็นโลซกฝ่ายเดียวกันซะงั้น...
โลซกก็ล้งเล้ง...ตายแล้วเฮียจิว...ลื้อมาเซดยังงี้ได้ไง...ไปวาดภาพกองทัพโจโฉซะใหญ่โตเกินจริง แถมยังยุให้ร่วมมือกับมัน เอาจริงๆก็เท่ากับเป็นลูกน้องมันกลายๆล่ะว้า...ไปกลัวอะไรมัน...ถึงจะร้อยหมื่นก็ทหารบก รบทางเรือกะเราเดี๋ยวแม่งก็เมาเรือ ลงคลานสี่ตีน...อย่าไปยอมมัน...
โลซกน่ะไม่ทันเกมจิวยี่...ที่น่าประหลาดใจก็คือ จะเดินเกมเจรจายังไง ทำไมไม่เตี๊ยมกันมาให้ดีก่อนวะเฮียจิว...ปล่อยโลซกให้โมโหจริงเถียงจริงซะฟันปลอมแทบกระเด็น แต่จิวยี่ต่างหากที่เล่นละครทุ่มเถียงกับโลซก เพียงเพราะหวังจะให้ขงเบ้งตกหลุมพรางการเจรจาครั้งนี้
...แต่เปล่า มังกรเหนือเมฆอย่างขงเบ้งมาแผนสูงกว่า...กลับนั่งยิ้มน้อยๆ ลูบหนวดมองเจ้าบ้านสองคนเถียงกันโชว์แขก...จนจิวยี่อดสงสัยไม่ได้...เฮียเบ้ง ลื้อนั่งยิ้มอะไรของลื้อวะ...
ขงเบ้งก็ขอโทษขอโพยที่เสียมารยาทไปหน่อย แต่มันอดขำไม่ได้...ไม่ได้ขำท่านจิวยี่นะ แต่อั๊วขำที่โลซกน่ะไม่รู้ดีรู้ชั่วเอาซะเลย หลับหูหลับตาเถียงอยู่ได้...โจโฉยกกำลังมาขนาดนี้ จะเอาอะไรไปสู้...ที่ลื้อคิดให้ยอมน่ะ ถูกต้องแล้วจิวยี่
จิวยี่ถึงกับ go no is ไปไม่เป็น...นึกว่าขงเบ้งมึงจะเถียง...เสือกมาเห็นด้วยกะกู...อะไรกันวะ
จิวยี่ก็เริ่มออกอาการสะดุดปากหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้...อ้าวเบ้ง ไหงมาแนะนำยังงี้ แล้วทำไมเล่าปี่เจ้านายลื้อ ถึงไม่ยอมอ่อนน้อมล่ะ...
มันไม่เหมือนกัน เฮียจิว...เล่าปี่น่ะท่านแซ่เล่า เป็นถึงพระเจ้าอา มี tatoo color ยังไงก็ต้องสู้วะ...
เฮ่ยๆๆๆ...นี่มันหลอกด่านายกูนี่หว่า...จิวยี่ชักเดือดในใจ
แต่คนที่ตามเกมเจรจาไม่ค่อยทัน ก็เจ้าเก่า...โลซก...เห็นสองคนนี่เออออห่อหมก ทำท่าจะยอมลงให้โจโฉ ก็โพล่งออกมาว่า...ลื้อสองคนพูดงี้ เหมือนจะให้จูงมือไปคำนับไอ้โจโฉ
ขงเบ้งได้ช่อง ไหลตามทันที...โอ๊ย ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกพี่ซก แค่จูงมือคนสองคนไปส่งโจโฉ ขี้คร้านจะเลิกทัพกลับไปวันนี้พรุ่งนี้เลย...
ใครอ้ะ...
อ๋อ สองคนนั้นเป็นสองสาวพี่น้องที่ลือกันว่า สวยที่สุดในแคว้นใต้ โจโฉมันเป็นติ่งสองสาวพี่น้องนี่ขนาดหนัก...บอกท่านซุนกวนลงทุนนิดนึง...หอบเพชรหอบทอง ไปขอซื้อสองนางนั่น เอาไปมอบให้โจโฉไอ้เฒ่าบ้ากาม...เพื่อความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง
จิวยี่ชักสะดุ้งใจ...เอ๊...สองสาวพี่น้อง สวยที่สุด...ชักเฉียดๆเว้ย...ถามหน่อยเบ้ง สองพี่น้องตระกูลไหน...
ขงเบ้งตอบหน้าตาเฉย ทำเหมือนไม่รู้เลยว่า สองสาวที่จะเอ่ยถึงนั้น สำคัญแค่ไหน..."ก็สองพี่น้องตระกูลเกียวไงละท่าน...เกียวใหญ่ กับเกียวน้อย"...
เราพอจำกันได้ไหมครับ...เกียวใหญ่ เมียซุนเซ็ก...เกียวน้อย นี่เมียจิวยี่เองเลย...ขงเบ้งแม่งเล่นโคตรแรงว่ะ
.
-
moncheep siva
5 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
"เมียข้า ใครอย่าแตะ"...ขงเบ้งใช้เหลี่ยมนี้ เจรจาจนเมืองกังตั๋งของแซ่ซุน ต้องลุกขึ้นมาเปิดศึกกับโจโฉ ทั้งที่ไม่เคยโกรธแค้นกันมาก่อน
ความซับซ้อนของสงครามนี้จะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/02/5c591513166fc83a4cfab233.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 18...
เมียตัวเองกับเมียเจ้านาย ถูกยกขึ้นมาอ้างว่า โจโฉหวังจะเคลม...ก็โกรธจนมือสั่นแล้ว...แต่จิวยี่มีสติพอจะเก็บอาการ...ถามต่อ...แล้วไอ้ที่ลื้ออ้างมาเนี่ย มีหลักฐานไหมเบ้ง...อย่ามาอ้างลอยๆ
ระดับขงเบ้งแล้ว เมื่อจะใส่ไฟก็ต้องเตรียมเชื้อฟืนมาเติมไม่ให้ขาดมือ...อ๋ายยย ลื้อไปอยู่ที่ไหนมา เฮียจิว...เรื่องนี้เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ที่โจโฉใฝ่ฝันถึงสองสาวนี่ ถึงขนาดแต่งเป็นกลอนมาเลยน้า อั๊วยังรู้เลย...มา...จะว่าให้ฟัง
แล้วขงเบ้งก็หันไปร่ายกลอนที่อ้างว่าโจโฉแต่ง ให้สองคนฟัง...เนื้อหาก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะได้สองสาวพี่น้องมานอนกก...ถ้าได้แล้วจะมาทำยังงั้นยังงี้...ลามกจกเปรต...
กลอนยังไม่ทันจบ...จิวยี่ก็ทนฟังต่อไม่ไหว เนื้อความที่กล่าวถึงเมียตน และเมียเจ้านายอย่างหยาบช้าลามก...ทำให้ชายชาติทหารอย่างจิวยี่ ถึงกับสติขาดผึง หลุดจากเกมเจรจา...ลุกขึ้นกระทืบเท้า ชี้ไปทิศทางของค่ายโจโฉ
"ไอ้นรกโจโฉ มึงกะกูอย่าอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันเลย"
...จนกระทั่งจิวยี่ลุกขึ้นมาเอะอะ ชี้มือกระทืบตีนขนาดนี้แล้ว...ขงเบ้งก็ยังแกล้งทำโง่ต่อไป
อ้าว...เป็นไรล่ะเฮียจิว...แผ่นดินไม่รัก ราษฎรไม่ห่วง ไปห่วงกะอีแค่สองสาวนั่นทำไม
อีเบ้ง มึงรู้ไว้เลย...สองสาวนั่น...คนนึงเมียเจ้านายกู...อีกคนน่ะ เมียกูเลย...
อุ๊ต้ะ...ขงเบ้งก็ทำเป็นตกอกตกใจ ขอโทษเป็นการใหญ่...อั๊วม่ายรู้ ม่ายรู้จริงๆ...
แต่เมื่อจิวยี่เชื่อว่าศักดิ์ศรีถูกหยามขนาดนี้ บวกกับความตั้งใจเดิมของตน ก็ไม่คิดจะยอมให้โจโฉอยู่แล้ว...จิวยี่ ซึ่งถือเป็นเสียงใหญ่สุดในสภาสงครามของแคว้นใต้ ก็ตะโกนเสียงดัง...ใครไม่ลุย กูลุย
...วันต่อมา โจโฉส่งคนเดินสาส์นมาทวงถามคำตอบ ว่าเอาไง...คำตอบของจิวยี่คือ กักตัวคนเดินสาส์นไว้ ส่งแต่หัวกลับไปอย่างเดียว...โถๆๆๆ ใครเป็นคนเดินสาส์นนี่ ซวยตลอด...
แคว้นใต้ประกาศสงครามกับโจโฉอย่างเป็นทางการ...โดยมอบให้จิวยี่ถืออาญาสิทธิ์ เป็นแม่ทัพใหญ่
จิวยี่ทำสัญญายืมตัวขงเบ้ง มาช่วยทำเกมรุก ร่วมกับแคว้นใต้ยูไนเต็ดชั่วคราว...ขงเบ้งก็ยอม เอาเรือน้อยที่พำนักของตน มาผูกห้อยอยู่ท้ายเรือแม่ทัพใหญ่...แต่ขณะเดียวกัน ขงเบ้งก็แอบบอกไปทางเล่าปี่ เจ้านายว่า...ถัดจากนี้ไปอีกหลายเดือน...ถึงวันนั้นๆ ให้จูล่งเอาเรือเล็กมาคอยรับตนเอง ตรงนู้นๆ ริมแม่น้ำห่างจากสมรภูมิพอประมาณ
เล่าปี่ก็งง...คนอ่านก็งง...อะไรกัน ธนูดอกแรกยังไม่ได้ยิงกันเลย...ขงเบ้งวางแผนราวกับสงครามจะจบแล้ว...ติดตามกันต่อไป เราจะเห็นได้ว่า ขงเบ้งคาดการณ์ได้ไกล และแม่นยำขนาดไหน...มึงจะเก่งยังกะนิยายเกินไปแล้ว...ก็นิยายน่ะสิครับ...
แม้ขงเบ้งกับจิวยี่ จะสุมหัวกันสู้โจโฉ แต่ขณะเดียวกัน จิวยี่ก็เหล่ หามุมจะกระซวกขงเบ้งอยู่ตลอดเวลา...ค่าที่ฉลาดเกินไป ความคิดอะไรก็ล้ำหน้าตนไปหมด...แม้กระทั่งกะซุนกวนนายใหญ่...ขงเบ้งก็อ่านความคิดออกหมด...ยังงี้ปล่อยให้แก่ไม่ได้ มันเป็นเสี้ยนหนามแน่นอน...
สงครามระหว่างโจโฉกับแคว้นใต้นี้ นัยว่าเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ ภายใต้ชื่อ ยุทธการผาแดง มีตำแหน่งแห่งที่ชัดเจน...ผมเคยไปเมืองจีนแล้วเค้าก็พาไปที่ตรงนี้แหละ...เสียดายที่ไปกับทัวร์ ก็ต้องรีบๆลนๆหน่อย ไม่มีโอกาสได้นั่งดื่มด่ำจินตนาการถึงมหาสงครามในครั้งนั้น...
การห้ำหั่นเลคแรกเริ่มขึ้นในทะเล(แม่น้ำนั่นแหละ)...ก็เป็นอย่างที่คาดการณ์...ทหารโจโฉส่วนใหญ่เป็นชาวดอน มาเจอเรือเจอพายเข้า ก็ไม่คุ้น...หัวพายไปทาง ท้ายไปอีกทาง...เมาเรือแถมเข้าไปอีก...สู้กันได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็แจวกลับฝั่งกันน้ำบาน...
โจโฉฉุนขาด...เรียกนายพลเรือสองคนที่คุมกองเรือ ชัวมอ กับ เตียวอุ๋น จะมาตัดหัวซะให้ได้..นายพลเรือนี้ ไม่ได้เป็นลูกน้องโจโฉมาแต่ดั้งเดิม...แต่เป็นคนคุมทัพเรือของเมืองชายน้ำ...เมื่อโจโฉเทคโอเวอร์เมืองได้...ก็ต้องมาเข้าทีมเฮียโจ...เลยถูกมองว่าดึงเช็ง รบไม่เต็มที่...
นายพลเรือทั้งสองก็ระล่ำระลักชี้แจง...ท่านโจ ทหารของท่านน่ะ พายเรือยังไม่เป็นเลย แล้วก็เมาเรืออ้วกแตกเสียครึ่งกองทัพ...จะเอาอะไรไปรบ...
โจโฉยอมรับ...ก็จริงของมึง...งั้นยังไม่ต้องออกรบ...มึงเอาทหารลงน้ำซ้อมกันก่อน...พายซ้ายพายขวา ติ๊กกี้ตั๊กก้ากันให้เนียน...
จิวยี่เห็นทัพโจโฉซุ่มเงียบอยู่หลายวัน ไม่มาท้ารบเหมือนเคย มองมาจากอีกฝั่ง...เฮ้ย ทัพโจโฉมันเล่นอะไรกันวะ กลางคืนยังจุดคบซะสว่าง เอาทหารลงเรือแปรขบวนกันใหญ่...ต้องสอดแนมมั่งล่ะ...
ทหารสอดแนมกลับมารายงาน...ทางนู้นมันซ้อมกันใหญ่เลยครับ...ติ๊กกี้ตั๊กก้า...จ่ายตัดหลังแบ๊ค...ครอสมาจากปีก...แม่งซ้อมโจมตีทุกรูปแบบครับนาย
จิวยี่สะดุ้งใจ...ถ้าฝั่งนั้นมันเกิดฝึกจนคล่องไม่เสียเปรียบทางน้ำ กำลังมันก็มากกว่า...อันนี้เริ่มปวดตับแระ
ระหว่างมึนๆ หาทางออกไม่เจอ...ฝั่งโจโฉก็เดินแผน ที่ทุกสงครามต้องมี คือส่งสปายเข้ามาฝั่งแคว้นใต้...และกลายเป็นว่า...เข้าแผนจิวยี่พอดี...
...หนังสือสามก๊กนี่ ปั้นขงเบ้งซะฉลาดผิดมนุษย์มนา...ใครมาปะทะทางความคิด หรือการเจรจา ก็จะดูโง่เง่าเต่ามะเฟืองไปซะทุกคน...
จิวยี่ก็เช่นกัน ดูตามขงเบ้งไม่ทันไปซะทุกที...แต่การเดินเกมช๊อตต่อไปนี้ของจิวยี่ แสดงให้เห็นว่า ถ้าไม่เทียบกับขงเบ้ง เขาก็ฉลาดล้ำลึกอยู่ไม่น้อย...
คงจะด้วยสรรพกำลังใกล้เคียงกัน...ถึงจะซัดกันไปยกนึงแล้ว โจโฉก็ยังไม่ปิดทางการฑูตเสียทีเดียว...แต่ภาพคนเดินสาส์นที่กลับมาแต่หัว ลืมตัวไว้ฝั่งขะนู้น...ก็ทำให้โจโฉไม่รู้จะส่งใครไป...
แต่ก็มีผู้กล้าคนนึง ลุกขึ้นมาอาสา...เจียวก้าน
ด้วยความเป็นเพื่อนรักกับจิวยี่ ไล่เตะตูดกันมาตั้งแต่เด็ก...เจียวก้านเชื่อว่า ยังไงจิวยี่คงไม่ถึงกับจะฆ่าจะแกงเพื่อนเก่าได้ลงคอ...ก็อาสาลงเรือข้ามฝั่ง จะไปเกลี้ยกล่อมจิวยี่...
พอเทียบท่า ก้าวขึ้นจากเรือปั๊บ...จิวยี่ก็มารับทันที พร้อมคำทักทาย...
"อ้าวเฮ้ย ไอ้เจียว แหมไม่ได้เจอซะนาน นี่มึงจะมาเกลี้ยกล่อมกูรึไงเนี่ย"...
.
-
moncheep siva
6 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
จารชนที่โจโฉส่งมา ถูกความชาญฉลาดล้ำลึกของจิวยี่ ซ้อนแผนเล่นละครถวายคืนให้ฝั่งโจโฉ...การลงทุนเต้นคอฟเวอร์ ไมเคิ่ล แจ๊คสัน ของแม่ทัพแคว้นใต้ จะคุ้มค่าแค่ไหน...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/02/5c5a499549ea6d0fee50c987.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 19...
เจียวก้านเพื่อนเก่า ก้าวขึ้นฝั่งมาเจอหน้าจิวยี่ ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร ก็เจอดักคอซะหยุดกึก...เห็นๆอยู่ ว่าคนเก่าที่กลับไปแต่หัว ก็เพราะไอ้เรื่องเกลี้ยกล่อมนี่แหละ...เจียวก้านแทบจะหันหลังลงเรือกลับบ้านทันที
จิวยี่ก็เข้ามารั้งตัวไว้ หัวร่อเอิ๊กอ๊าก...บอกว่าล้อเล่นน่า รู้ว่าเพื่อนมาเยี่ยมกันเพราะคิดถึงใช่ป่าว
เจียวก้านก็ต้องเออออไป...จ้าๆๆๆๆ คิดถึงๆๆๆๆ ไม่เกลี้ยกล่อมๆๆๆ...
จิวยี่สั่งจัดเลี้ยงทันที...เฮ้ย วันนี้กิ๊กเก่ากูมา ขอเมาให้เต็มคราบซะหน่อยเว้ย...แล้วก็เรียกนายพลผู้ช่วยมา มอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้ พร้อมกำชับ
...วันนี้ใครมาพูดเรื่องสงครามเข้าหู...มึงบล๊อคเฟส เอ๊ย ไม่ใช่...มึงตัดหัวแม่งเลยนะผู้ช่วย
ก็สมดังที่เอ่ยปากไว้...คืนนั้นจิวยี่เรียกว่าเมาเป็นหมากันเลย...ท่านแม่ทัพใหญ่วันนี้นี่ ถึงขั้นเต้นคอฟเวอร์ ไมเคิ่ล แจ๊คสันได้ จอกแล้วจอกเล่า กระแทกเข้าไป...พอใกล้หมดสภาพ ก็ลากเจียวก้านเข้าไปนอนในเต๊นแม่ทัพด้วย
ยังไม่พอ...กรนสนั่นไปได้สักพัก ก็เผยอตัวขึ้นมาอ้วก...อ้วกแม่งบนที่นอนนั่นแหละ แล้วก็กรนต่อ
เจียวก้านเผ่นหนีภัยอ้วก ไปนั่งที่โต๊ะทำงาน...กำลังกลุ้มว่าจะทำยังไง อาสามาเกลี้ยกล่อม แต่ไม่มีโอกาสเปิดปากเลย กลับไปคงงานงอก...
สายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษ คล้ายๆจดหมายซุกอยู่ หยิบมาอ่านซะหน่อย...เหยยย...เจียวก้านตาวาว
เนื้อความเป็นจดหมายมาจากนายพลเรือทั้งสอง ลูกน้องที่เพิ่งมาเข้าสังกัดของโจโฉน่ะแหละ...บอกว่าที่ตกลงกันไว้น่ะ ยังหาโอกาสตัดหัวโจโฉไม่ได้ ตอนนี้ก็ต้องทำตัวเนียนๆไปก่อน ขอให้จิวยี่รอหน่อย คงไม่นานจะเอาหัวโจรเฒ่าข้ามฝั่งมาฝาก...
เอาล่ะสิ...เจียวก้านคิด...เกลี้ยกล่อมไม่ได้ แต่ได้ข่าวสำคัญยิ่งกว่ากลับไป...ไม่เสียเที่ยวล่ะเว้ย...เจียวก้านซุกจดหมายไว้ในอกเสื้อ...
เอ้...แล้วยังงี้ถ้ารอถึงเช้าคงไม่รอด จิวยี่คงรู้ว่าจดหมายหายไป...เอาไงดีวะกู...
พอดีจิวยี่พลิกตัว แล้วละเมอออกมา..."เฮ้ย ท่านชัวมอ เตียวอุ๋น...หัวไอ้โจโฉน่ะ เมื่อไหร่จะได้"
"ชัวมอ เตียวอุ๋น"...เฮ้ย นี่มันชื่อนายพลเรือของโจโฉนี่นา...เจียวก้านใจเต้นโครมคราม...ค่อยๆกระแซะถามจิวยี่ หวังว่าจะละเมอออกมาเป็นเรื่องเป็นราว...
แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ความอะไรมากขึ้น...พอดีมีทหารมากระซิบดังๆอยู่ข้างเต๊น...
"ท่านแม่ทัพๆๆ คนของนายพลชัวมอมาขอพบ"...
เจียวก้านยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นนอนหลับ กลิ้งอยู่แถวๆนั้น...
เรียกอยู่พักนึง จิวยี่ก็ทำเป็นสะดุ้งตื่น...เฮ้ย มีไรวะ อ้าวแล้วนี่ใครมานอนเต๊นกูเนี่ย จับแม่งตัดหัวซะดีมั้ย...อ้อ เพื่อนกูเอง...ตายห่า ตอนเมาๆไม่รู้เผลอพูดอะไรไปรึเปล่า
จิวยี่ออกไปคุยกับทหารนอกเต๊น...เจียวก้านพยายามแอบฟัง ก็จับความไม่ได้ ได้ยินแต่ชื่อ ชัวมอ เตียวอุน โผล่มาเป็นระยะๆ...
สักพักจิวยี่ก็กลับเข้ามา แต่คราวนี้ย้ายไปนอนเตียงสนาม...ไม่ใช่อะไรหรอก...เปิดโอกาสให้เจียวก้าน...
เจียวก้านเองนอนกลุ้มอยู่ว่าจะหนีไปยังไง...พอสบโอกาส ก่อนฟ้าสาง ก็เล็ดรอดออกจากเต๊นท่านแม่ทัพ...ทหารเวรยามกี่คนๆ เหมือนจะพร้อมใจกันหูหนวกตาบอดไปซะหมด...แทบจะปูพรมแดงส่งเจียวก้านขึ้นเรือกลับไป...
จดหมายอย่างนึงล่ะ จิวยี่ละเมอก็ด้วยล่ะ แถมยังได้ยินว่า นายพลเรือฝั่งโจโฉ ส่งคนมาพบจิวยี่ซะอีก...เรื่องมันผูกกันคล้องจองขนาดนี้...เจียวก้านจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าตนเองไปเจอ hidden agenda เข้าให้จังๆ...ก็งับเต็มปาก คาบมาให้เจ้านาย...
จดหมายสำคัญวางตรงหน้าโจโฉ แถมเจียวก้านก็จีบปากจีบคอ ชงซะหวานเจี๊ยบ จะไปเหลือเหรอ...โจโฉเรียกนายพลเรือทั้งสองเข้าพบทันที
...พวกมึงต้องเอากองเรือ โจมตีพรุ่งนี้...
นายพลเรือทั้งสอง ก็แย้งว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม...โจโฉไม่สนใจ...กูจะเอายังงี้ มึงต้องทำตาม...
นายพลลูกแกะ จะยกเหตุผลอันเพียบพร้อมแค่ไหนก็ตาม...หมาป่าโจโฉก็ไม่ฟัง แถมอีบ่างเจียวก้านก็คอยสะกิดอยู่ข้างๆอีกแรง...เห็นมั้ยนายไอ้สองตัวนี่มันยื้อโคตรๆ ไม่ค่อยอยากออกรบ ดูท่ามันจะเล็งลูกกระเดือกนายไว้แน่นอน
สุดท้าย นายพลเรือทั้งสองก็ถูกลากออกไปตัดหัว...ข้อหาไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง
นายพลเรือหัวขาดไปแล้ว โจโฉตั้งนายพลบกมาบัญชาการทัพเรือแทน...จิวยี่รู้ข่าวนี้ กิ๊วก๊าวดีใจใหญ่...บอกนายพลบกหน้านี้กูไม่มีกลัว
หอบความดีใจ หน้าบานไปอวดโลซก...ไง กูเจ๋งป่าววางแผนซับซ้อนขนาดนี้...โลซกก็ยกยอขนานใหญ่...โหเฮียคิดได้ไงอ่ะ เกมนี้ไม่มีใครตามทันเลย...
คิกคักๆกันได้สักพัก นึกขึ้นได้...เออ แล้วขงเบ้งแม่งจะทันเกมกูไหมเนี่ย อย่ากระนั้นเลย...เฮ้ยซก เอ็งไปเยี่ยมๆมองๆไอ้เบ้งมันดูที ว่ามันรู้ทันแผนกูรึเปล่า...ก็เลยเป็นหน้าที่ของโลซก...ไปเยี่ยมเยียนอาคันตุกะในเรือน้อย
.
-
moncheep siva
7 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
ถ้าจิวยี่เป็นพริกขี้หนู...ขงเบ้งก็คือ พริกขี้หนูสวนคลุกวาซาบิ...ประสงค์ร้ายใดๆ ที่จิวยี่ครีเอทออกมากระหน่ำใส่ขงเบ้ง กลับถูกโต้ตอบได้เจ็บแสบตั้งแต่โพรงจมูกยันไส้ติ่ง...
ความแซ่บสุนทรีย์ของขงเบ้ง เป็นอย่างไร...เชิญเสพ
(https://t1.blockdit.com/photos/2019/02/5c5b96b7754d882d756a4e43.jpg)
สามก๊ก ตอนที่ 20...
เจอหน้า คำแรกที่ขงเบ้งทักทำเอาโลซกถึงกับเหวอ...ฝากแสดงความยินดีกับท่านจิวด้วย...โลซกอ้าปากหวอ...เบ้งมึงจะเก่งเกินไปแล้ว
ขงเบ้งสาธยายให้ฟัง...ทีแรกเห็นท่านแม่ทัพเมาปลิ้น ต้อนรับเพื่อนเก่าซะขนาดนี้ ก็งงๆอยู่...แต่พอวันรุ่งขึ้น เพื่อนหายไปแล้ว พิธีเลี้ยงส่งก็ไม่มี แปลว่าแอบหนีไปแน่นอน
พออีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวว่านายพลเรือฝั่งนู้นหัวขาด...เลยปะติดปะต่อได้ว่า...ทั้งหมดนี่คือการซ้อนแผนของจิวยี่ชัวร์...ฝั่งนู้นเอานายพลบกมาบัญชาเกมเรือ...จิวยี่งานเบาขึ้นเยอะ
จิวยี่รู้เรื่องจากปากโลซก ถึงกับถอนใจ...ไอ้คนฉลาดแบบผีเข้าเจ้าสิงยังงี้ เอาไว้ไม่ได้...ความมุ่งมั่นที่จะฆ่าขงเบ้ง ก็เพิ่มดีกรีขึ้นไปอีก...
ช๊อตต่อไปของจิวยี่...ก็เลยเป็นเรื่องจะฟันคอขงเบ้งล้วนๆ...ไม่มีโจโฉปน
.................
ระหว่างสงครามกำลังขับเคี่ยวกันอยู่ จิวยี่ก็ตั้งคำถามเบๆ ถามไปในที่ประชุมสภา...อันสงครามทางเรือนี้ อาวุธอะไรสำคัญที่สุด...เอ้านักเรียนตอบพร้อมกัน...
"ธนู"...เสียงตอบเซ็งแซ่...เก่งมากเลยทุกคน...เดี๋ยวไปกินนมแล้วนอนกลางวันกันน้าาา...
จิวยี่เปิดประเด็นต่อ...เพราะฉะนั้น กองทัพเราจึงต้องการลูกธนูเยอะมั่กๆๆ...ทั่นขงเบ้ง...ข้าพเจ้าต้องการลูกธนูสักร้อยหมื่น...ทั่นพอจะหามาให้ข้าภายในสิบวันได้หรือไม่...
ที่ประชุมถึงกับอึ้ง มองหน้ากันไปมา...เฮ้ย จิวยี่แม่ง กะเล่นขงเบ้งตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมว่ะคราวนี้...
...การทำลูกธนูร้อยหมื่น...ล้านดอก ภายในสิบวัน...ต่อให้ใช้ทหารทั้งกองทัพ ทำกันทั้งวันทั้งคืน...แถมให้ทหารโจโฉมาช่วยอีก...ก็ยังไม่น่าจะทัน
ขงเบ้งเอง ถ้าจะปฏิเสธไป...เอาเรื่องกำลังการผลิตเครื่องจ่งเครื่องจักรมากาง ยันไปอย่างมีเหตุมีผล...ก็น่าจะรอดตัวไปได้สวยๆ
แต่ขงเบ้งกลับตอบรับ!!! แถมบลัฟกลับด้วย...
แต่ก่อนจะไปฟังว่า ขงเบ้งบลัฟกลับยังไง...เรามาดูความคิดและอาวุธลับของพี่เบ้งกันก่อน...
ปฏิภาณไหวพริบของยอดมนุษย์ตนนี้ ทำงานทันทีเมื่อได้รับโจทย์ท้าทาย สมองแล่นปร๊าดรู้ว่าจะเสกธนูล้านดอกเอามาให้จิวยี่ยังไง...แต่แค่นั้นหาพอไม่...มันยังต้องอาศัยกรมอุตุฯเข้าช่วยด้วย...แล้วก็บังเอิญ คนมันเป็นพระเอกอ่ะ...ขงเบ้งดันมีตำราพยากรณ์อากาศ ชนิดที่แม่นยำโคตรๆ อยู่ในครอบครอง
ตามตำราที่ท่องจำจนขึ้นใจ บอกไว้ว่า...อีกสามวันนับจากนี้ ดินฟ้าอากาศจะเป็นใจให้กับขงเบ้ง ในการ "ผลิต"ลูกธนูได้ตามเป้าหมาย
เลยตอบกลับไป แบบไม่กลัวตาย...ทั่นแม่ทัพ สงครามติดพันขนาดนี้ สิบวันนานป๊ายยย...ลูกธนูร้อยหมื่น ข้าขอเวลาสามวันพอ...
ที่ประชุมถึงกะขำกลิ้ง นึกว่าขงเบ้งยิงมุก...ไม่เอาน่าทั่นขงเบ้ง...โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว...มาคิดดิ้งหมีอะไรเวลายังงี้
ขงเบ้งหน้าตาขึงขัง..."ข้าป่าวคิดดิ้งหมี คิดดิ้งแมวอะไรทั้งนั้น"...รู้นะว่าจิวยี่มึงอยากได้หัวกูตัวซี้ตัวสั่น งั้นกูเอาคอพาดเขียงยั่วน้ำลายมึงซะเลย...
คนที่เชื่อมั่นในตำราและสติปัญญาของตนเอง ก็วางคำมั่นลงไป..."ธนูร้อยหมื่นดอก ถ้าข้าส่งมอบไม่ทันภายในสามวัน...เอาหัวข้าไปเลย"...
จิวยี่ได้ที ก็รีบมัดขงเบ้งติดกะเขียง รออีกสามวันเถอะมึงคอขาดแน่...โดยการให้ทนายร่างสัญญาเซ็นกันเดี๋ยวนั้น...ตอนนี้ทุกคนมองขงเบ้งเป็นwalking dead กันไปหมด...เรียกว่าจองศาลานิมนต์พระกันได้ล่วงหน้าเลย...
ผ่านไปพักใหญ่ ไม่เห็นขงเบ้งมาเบิกข้าวของ ไม้ไผ่ ขนนก กาว...อะไรที่ใช้ทำธนู ไม่เห็นพูดถึง...
ไอ้คนร้อนรนทนไม่ได้ กลายเป็นจิวยี่เสียเอง...แล้วไอ้กองทัพแคว้นใต้ มันมีเสธ.อยู่คนสองคนรึไงก็ไม่รู้...หันซ้ายหันขวาก็ส่งสปายหน้าเดิมไปเยี่ยม...โลซก...โถ ส่งเหยื่อไปให้ขงเบ้งเคี้ยวแล่นแท้ๆ...
ไปเจอขงเบ้งนั่งแทะเม็ดก๊วยจี๊ตีหน้าเศร้า บอกว่าคำนวณผิดไปหน่อยว่ะซกเอ๊ย สงสัยรอบนี้จะไม่รอด ถ้าท่านโลซกมีน้ำใจ...พอจะช่วยอะไรข้าสักหน่อยได้มั้ย
โลซกน่ะขี้ใจอ่อนอยู่แล้ว...เอาสิเบ้งเอ๊ย...มึงอยากกินอะไรเดี๋ยวกูใส่บาตรไปให้...เมรุของมึงนี่ กูจะแต่งให้อย่างสวยเลยนะ ว่าแต่มึงสะดวกวัดไหนล่ะ...
ขงเบ้งขอบคุณ บอกว่าไม่รบกวนเรื่องนั้น...แค่อยากจะขอเรือเล็กเบาสักยี่สิบลำ พลประจำเรือพร้อม แล้วขอฟางกับผ้าดำเยอะๆ ถ้ามีพริตตี้แจ่มๆซักสี่ห้านางด้วย จะยอดเยี่ยม...อ้อ แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องไปบอกจิวยี่นะ...โลซกก็รับคำ...
จนถึงค่ำคืนที่ใกล้วันครบสัญญา เป็นคืนเดือนมืดตื๋อลมสงบ หมอกลงจัดถูกต้องตามตำราเป๊ะๆ...ขงเบ้งมาทวงของที่ให้หาไว้...แหม่ ไอ้ตรงนี้ก็เสียวไส้แทน ถ้าโลซกมันแกล้งลืมล่ะเบ้งเอ๊ย...แต่โลซกบอกว่าทุกอย่างพร้อม...ขงเบ้งก็ชวน...โลซก ไปเอาลูกธนูกัน...
เฮ้ย ไปเอาที่ไหนค่ำมืดดึกดื่น...ขงเบ้งลากโลซกลงเรือที่เตรียมไว้...เออน่า เดี๋ยวมึงก็รู้...
...ขงเบ้งสั่งให้ทหารผูกฟางเป็นรูปคน ปักไว้ให้เต็มเรือทุกลำ พร้อมผ้าดำขึงเป็นม่านโดยรอบ เรือทุกลำผูกโยงกันไว้...แล้วทั้ง 20 ลำก็แจวออกไปอย่างเงียบเชียบ...
.