Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
ภาพประทับใจ => สถานที่สวยงาม => Topic started by: ppsan on 08 January 2024, 16:58:16
-
สุโขทัย รุ่งอรุณแห่งอาณาจักรไทย [5] วัดศรีชุม
วัดศรีชุม
วัดศรีชุม เป็นศาสนโบราณสถานแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บริเวณนอกเขตกำแพงเมืองทิศเหนืออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย วัดแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ซึ่งมีนามว่า "พระอจนะ" องค์พระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ในมณฑป ซึ่งปัจจุบันยอดพระมณฑปได้พังทลายหมดแล้วหลงเหลือแต่เพียงผนังกำแพงโดยรอบ ทำให้เป็นพระพุทธรูปกลางแจ้งจนถึงทุกวันนี้
โครงสร้างของวัดศรีชุมมีความพิเศษกว่าวัดแห่งอื่น ๆ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเนื่องจากเป็นวัดที่ไม่เจดีย์ประธาน แต่ถูกแทนที่ด้วยพระมณฑปที่ประดิษฐานพระพุทธรูปด้านใน ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังวิหารหลัก วัดแห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หรือราวพุทธศตวรรษที่ 19 ได้รับการบูรณะขึ้นครั้งแรกจากกรมศิลปากรเมื่อปี พ.ศ. 2496 และบูรณะบริเวณมณฑปอีกครั้งหนึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2510
พระพุทธอจนะ ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย นอกจากนี้บริเวณด้านข้างพระมณฑปทางทิศเหนือยังประกอบด้วยต้นมะม่วงป่าขนาดใหญ่อายุมากกว่า 200 ปี มีความสูงถึงยอดกว่า 20 เมตร ได้รับการอนุรักษ์และขึ้นทะเบียนรุกข มรดกของแผ่นดิน โดยกระทรวงวัฒนธรรม
"วัดศรีชุม" มาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิม ซึ่งหมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อ ศรีชุม จึงหมายถึงดงของต้นโพธิ์ แต่ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่เขียนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่เข้าใจความหมายนี้แล้ว จึงเรียกสถานที่นั้นว่า "ฤๅษีชุม"
วัดศรีชุมนั้น สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยปรากฏอยู่ในศิลาจารึกสุโขทัยหลักที่ 1 ว่า
เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้...............มีพระอจนะ มีปราสาท" พระประธานในมณฑปจึงมีชื่อว่า "พระอจนะ"
พระมณฑปกว้างด้านละ 32 เมตร สูง 15 เมตร ผนังหนา 3 เมตร ผนังด้านซ้ายเจาะเป็นทางทำบันได ในผนังขึ้นไปถึงหลังคา ตามฝาผนังอุโมงค์มีภาพเขียนเก่าแก่แต่เลอะเลือนเกือบหมด ภาพเขียนนี้มีอายุเกือบ 700 ปี เพดานผนังมีแผ่นหินชนวนสลักภาพลายเส้นเป็นเรื่องในชาดกต่างๆ มีจำนวน 50 ภาพ เรียงประดับต่อเนื่องกัน ทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นงานจิตรกรรมไทยที่เก่าแก่ที่สุด
ในสมัยอยุธยา เมื่อครั้งสมเด็จสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ประกาศอิสรภาพในปี พ.ศ. 2127 ที่เมืองแครง ทำให้หัวเมืองต่าง ๆ ยกเลิกการส่งส่วยให้กับพม่า แต่ยังมีเมืองเชลียง ( สวรรคโลก) ที่ไม่ยอมทำตามพระราชโองการของพระองค์ พระองค์จึงนำทัพเสด็จมาปราบเมืองเชลียง และได้มีการมาชุมนุมทัพที่วัดศรีชุมแห่งนี้ก่อนที่จะไปตีเมืองเชลียง และด้วยการรบในครั้งนั้นเป็นการรบระหว่างคนไทยกับคนไทยด้วยกัน ทำให้เหล่าทหารไม่มีกำลังใจในการรบไม่อยากรบ สมเด็จพระนเรศวรจึงได้วางแผนสร้างกำลังใจให้กับทหาร โดยการให้ทหารคนหนึ่งปีนบันไดขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ และพูดให้กำลังใจแก่เหล่าทหาร ทำให้ทหารเกิดกำลังใจที่จะต่อสู้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดตำนานพระพูดได้ที่วัดศรีชุมแห่งนี้ และพระนเรศวรยังได้มีการทำพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาขึ้นที่วัดแห่งนี้ด้วย
ตามหลักฐานระบุว่าวัดแห่งนี้ได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าลิไท และมีการดูแลบูรณะเรื่อยมา สันนิษฐานว่าวัดนี้ได้ถูกทิ้งร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย จนกระทั่งในสมัย รัชกาลที่ 9 ได้มีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์ ในปี พ.ศ. 2495 โดยเริ่มมีการบูรณะพระพุทธรูปพระอจนะ โดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี และอาจารย์เขียน ยิ้มสิริ วัดจึงอยู่ในสภาพที่เห็นในปัจจุบัน
สภาพโบราณสถาน
วัดศรีชุม เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสุโขทัย สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพ่อขุนรามคำแหง ในวัดปรากฏโบราณสถานขนาดใหญ่ลักษณะมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดใหญ่เต็มมณฑป ซึ่งสันนิษฐานว่าในอดีตตัวมณฑปน่าจะมีหลังคาคล้ายโดม ตัวมณฑปนั้นตั้งอยู่บนฐานสูง ด้านหน้าเปิดเป็นช่องเห็นพระพักตร์พระพุทธรูปงดงามแต่ไกล
ตัวโบราณสถานประกอบด้วยอาคารหลัก 2 หลัง หลังแรกเป็นมณฑปรูปสี่เหลี่ยมกว้าง 32 คูณ 32 ม. สูง 15 ม. ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่มีชื่อว่า พระอจนะ ในด้านหน้า เป็นวิหารหลวงมี 6 ห้อง ปรากฏในศิลาจารึกว่า “เบื้องตีนนอน” อยู่ทางทิศเหนือ จะมีพระพุทธรูปใหญ่ “เบื้องหัวนอน” จะอยู่ทางทิศใต้ สมัยพ่อขุนรามคำแหงโปรดให้สร้างมณฑปครอบพระพุทธรูปไว้ และในสมัยพระเจ้าลิไทโปรดให้ก่อผนังใหม่อีกข้างให้ห่างจากผนังเดิม 1 เมตร 50 ซ.ม. โดยช่องว่างให้ทำบันได ทำอุโมงค์ขึ้นไปทางด้านหลังองค์พระ ผนังของอุโมงค์นี้โปรดให้ไปแกะหินชนวนจากเจดีย์เก้ายอดที่วัดมหาธาตุที่แกะ สลักเป็นเรื่องราวชาดก 550 พระชาติ และในส่วนที่แกะหินชนวนโปรดให้สร้างพระสาวกปางลีลากระทำอัญชลีขึ้นแทน ในการสร้างมณฑปที่มีผนัง 2 ชั้นนั้นได้รับอิทธิพลศิลปะโปโลนนารวะของลังกา ซึ่งแพร่หลายมากในสมัยปรกมพาหุ ในสมัยพ่อขุนรามคำแหงนิยมสร้างพระอัฏฐารส และสมัยพระยาลิไทนิยมสร้างพระสาวกลีลา
พระอจนะ
"พระอจนะ" คำว่า อจนะ มีผู้ให้ความหมายพระอจนะว่าหมายถึงคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง” “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้” พระอจนะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ วัสดุปูนปั้น แกนในก่ออิฐและศิลาแลง หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร สูง 15 เมตร องค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่เต็มวิหาร ศิลปะแบบสุโขทัย
ศิลาจารึกวัดศรีชุม
ศิลาจารึกวัดศรีชุมเรียกว่า ศิลาจารึกหลักที่ 2 ทำด้วยหินดินดานเป็นรูปใบเสมา กว้าง 67 เซนติเมตร สูง 275 เซนติเมตร หนา 8 เซนติเมตร ด้านที่หนึ่งจารึกอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย มี 107 บรรทัด ด้านที่สองมี 95 บรรทัด มีอายุประมาณ ปี พ.ศ. 1880 - 1910 นายพลโทพระยาสโมสรสรรพการ เมื่อครั้งเป็นที่หลวงสโมสรพลการ พบที่อุโมงค์วัดศรีชุม เมืองเก่าสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. 2430 ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
ความสำคัญของวัด
วัดศรีชุมมีการวางผังที่แปลกกว่าวัดทั่วไป ที่ใช้มณฑปที่มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ประดิษฐานเป็นประธานของวัดเปรียบเป็นอุเทสิกเจดีย์ และมีพระวิหารต่อออกมาแบบที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น นักโบราณคดีให้ความเห็นว่ามณฑปพระอจนะน่าจะสร้างโดยมีคติเป็นพระคันธกุฎี คือที่ประทับของพระพุทธเจ้าในสมัยพุทธกาล
1.วัดนี้เป็นสถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 2 หรือศิลาจารึกวัดศรีชุม พูดถึงความเป็นมาของราชวงศ์พระร่วง และราชวงศ์ผาเมืองและการตั้งเมืองสุโขทัย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันความเป็นของแท้ดั้งเดิมของจารึกหลักที่หนึ่งในคราวที่มีกรณีข้อกล่าวหาว่าจารึกหลักหนึ่งเป็นของปลอม
2.แผ่นหินที่แกะมาจากเจดีย์วัดมหาธาตุจารึกเป็นรูปบุคคล และรูปอาคาร เป็นหลักฐานชั้นสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่าอาคารและบุคคลในสุโขทัยเป็นอย่างไร
3.วัดศรีชุมถือเป็นสัญลักษณ์ทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสุโขทัย
.....
วัดศรีชุม (อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย)
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/85/Wat_Si_Chum%2C_Sukhothai_20231225.jpg/1024px-Wat_Si_Chum%2C_Sukhothai_20231225.jpg)
ซากเสาพระวิหารและพระมณฑปประดิษฐานพระอจนะ และต้นมะม่วงป่า
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/c/ce/Phra_Achana_%28I%29.jpg/1024px-Phra_Achana_%28I%29.jpg)
.
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/12/Wat_Si_Chum_in_Sukhothai_historical_park_08.jpg)
มณฑปวัดศรีชุม จังหวัดสุโขทัย ถ่ายเมื่อครั้งการก่อนบูรณะ ภาพถ่ายคาดว่าถ่ายเมื่อต้นรัชสมัยรัชกาลที่ 5
.
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/8/8d/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A122.JPG/1024px-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%B8%E0%B8%A122.JPG)
พระมณฑปและพระอจนะ
.
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4c/Sukhothai_Wat_Si_Chum.jpg/800px-Sukhothai_Wat_Si_Chum.jpg)
พระอจนะ วัดศรีชุม เมื่อปี พ.ศ. 2543
.
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/7/75/Naresuan_life_-_Wat_Suwan_Dararam_-_Section_06_%282127_BE%29.jpg/800px-Naresuan_life_-_Wat_Suwan_Dararam_-_Section_06_%282127_BE%29.jpg)
สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำพิธีถือน้ำพระพิพัฒนสัตยาปลุกปลอบใจขวัญทหาร ปฐมเหตุแห่งตำนาน "พระพูดได้" ( ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดสุวรรณดาราราม อยุธยา)
.
.....
-
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum01.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum02.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum03.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum04.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum05.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum06.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum07.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum08.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum09.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum10.jpg)
10
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum11.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum12.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum13.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum14.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum15.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum16.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum17.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum18.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum19.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum20.jpg)
20
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum21.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum22.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum23.jpg)
(https://www.orientalarchitecture.com/gallery/thailand/sukhothai/wat-si-chum/photos/wat-si-chum24.jpg)
.
.....
ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจาก...
https://th.wikipedia.org/wiki/วัดศรีชุม_(จังหวัดสุโขทัย)
https://www.orientalarchitecture.com/sid/1071/thailand/sukhothai/wat-si-chum
.