Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
เรื่องราวน่าอ่าน => หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง => Topic started by: ppsan on 10 August 2022, 11:21:50
-
จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ
จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ
หม่อมราโชทัย
←อธิบายเรื่องราชทูตไทยไปยุโรป
อธิบายตำนานนิราศลอนดอน→
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าดิศวรกุมาร กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์เชิงอรรถประกอบ
ตอนที่ ๑ ว่าด้วยราชทูตออกจากกรุงเทพฯ จนถึงเมืองสิงคโปร์
ตอนที่ ๒ ว่าด้วยราชทูตออกจากเมืองสิงคโปร์ไปถึงเมืองไกโร แว่นแคว้นอายฆุบโต
ตอนที่ ๓ ว่าด้วยราชทูตออกจากไกโร ไปถึงเกาะมอลตา แลเมืองยิบรอลตา เมืองไวโคแลปอร์ดสมัท
ตอนที่ ๔ ว่าด้วยราชทูตไปจากเมืองปอร์ดสมัท ถึงเมืองลอนดอน แลดูการเล่นต่าง ๆ
ตอนที่ ๕ ว่าด้วยราชทูตนำพระราชสาส์นขึ้นไปเฝ้ากวีน
ตอนที่ ๖ ว่าด้วยพระนางเจ้าเชิญราชทูตไปเลี้ยงโต๊ะ
ตอนที่ ๗ ว่าด้วยที่ว่าราชการ ชื่อปาลิเมนต์แลเมืองเบอมิงฮัม เมืองแมนเชสเตอ เมืองลิเวอปูล แลเมืองชิฟิลว์
ตอนที่ ๘ ว่าด้วยเฝ้ากวีนที่วังบักกิงฮัม แลดูการรำเท้า การซ้อมทหาร แลการอาวาหเจ้าลูกเธอหญิงใหญ่
ตอนที่ ๙ ว่าด้วยกวีนให้เจ้าหญิงลูกเธอ ปรินเซสกับปรินซเฟรดดริกวิลเลียมลาไปเมืองปรูเซีย แลราชทูตไปดูคุก ดูคลัง แลดูแม่น้ำเทมส์
ตอนที่ ๑๐ ว่าด้วยกวีนตั้งขุนนาง แลราชทูตเข้าเฝ้าทูลลา ราชทูตไปดูที่ขังคนบ้า แลบริติชมิวเซียม
ตอนที่ ๑๑ ว่าด้วยราชทูตออกจากเมืองลอนดอน ไปถึงท่าโดเวอ แลว่าด้วยประเทศเครดบริเตน
ตอนที่ ๑๒ ว่าด้วยผู้รับใช้ปรนิบัติราชทูตที่โฮเต็ล แลราชทูตออกจากลอนดอนจะกลับมาเมืองไทย มาแวะที่เมืองฝรั่งเศส
ตอนที่ ๑๓ ว่าด้วยราชทูตอยู่เมืองสุเอศ แล้วกลับมาถึงเมืองคาลี แลเมืองสิงคโปร์ จนถึงกรุงเทพฯ
ตอนที่ ๑๔ ต่อจดหมายเหตุของหม่อมราโชทัย ว่าด้วยแขกเมืองที่มาส่งราชทูตเข้าเฝ้า
ใบเพิ่มที่ ๑ บาญชีคนที่ไปในกองทูต
ใบเพิ่มที่ ๒ บาญชีเครื่องราชบรรณาการ แลสิ่งของส่งไปพระราชทาน
..........
จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ
หม่อมราโชทัย
เชิญอ่านได้ที่...
https://th.wikisource.org/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9
-
จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ/ตอนที่ 1
< จดหมายเหตุเรื่องทูตไทยไปประเทศอังกฤษ
ตอนที่ ๑ ว่าด้วยราชทูตออกจากกรุงเทพฯ จนถึงเมืองสิงคโปร์
ข้าพระพุทธเจ้า หม่อมราโชทัย กระต่าย ได้รับพระราชทานจดหมายรายเรื่องความ ตามระยะทางที่พวกราชทูตกราบถวายบังคมลา ออกจากกรุงเทพมหานคร ไปจำเริญทางพระราชไมตรีพระเจ้ากรุงลอนดอน ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย
ใจความว่า ณวันศุกร์ เดือน ๙ ขึ้น ๓ ค่ำ จุลศักราช ๑๒๑๙ ปีมะเสงนพศก ( พ.ศ. ๒๔๐๐ ) เวลาบ่าย ๕ โมงเศษ พระยามนตรีสุริยวงศ์ ราชทูต เจ้าหมื่นสรรเพธภักดี อุปทูต จมื่นมณเฑียรพิทักษ์ ตรีทูต หม่อมราโชทัย ล่าม จมื่นราชามาตย์ นายพิจารณ์ สรรพกิจ ผู้กำกับเครื่องมงคลราชบรรณาการ (๑) พร้อมกันในพระบรมมหาราชวัง เชิญพระราชสาส์นขึ้นใส่พระยานุมาศแห่ไปถึงท่าพระ แล้วเชิญลงเรือพระที่นั่งชลพิมานไชย ล่องลงไปเมืองสมุทปราการ
วันเสาร์ เดือน ๙ ขึ้น ๔ ค่ำ ย่ำรุ่งแล้ว พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท กับเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ สมันตพงศ์พิสุทธ มหาบุรุษรัตโนดม ว่าที่สมุหกระละโหม ให้เชิญพระราชสาส์นแลรับเครื่องราชบรรณาการ ลงเรือพระที่นั่งกลไฟสยามอรสุมพลเสร็จ
เวลาเช้าโมงหนึ่ง พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ แลพวกขุนนางทั้งผู้มีชื่อซึ่งจะไปด้วยราชทูตนั้นรวม ๒๗ คน ลงในเรือแล้วให้ใส่ไฟใช้จักรออกไปถึงเรือรบอังกฤษเปนเรือกลไฟชื่อ เอนกวนเตอ จักรท้ายยาว ๒๑๔ ฟิต กว้าง ๓๓ ฟิต กินน้ำลึก ๑๘ ฟิต ถ้าจะคิดอย่างไทย ฟิตหนึ่ง ๑๔ นิ้ว กับ ๓ กระเบียดใหญ่ยาว ๒๑๔ ฟิต คือ ๑ เส้น ๑๒ วา ๓ ศอกคืบกับกึ่งนิ้ว กว้าง ๓๐ ฟิต คือ ๕ วา ๖ นิ้ว กับ ๓ กระเบียด กินน้ำลึก ๑๘ ฟิต คือ ๑๑ ศอกกับนิ้วกึ่ง กำลัง ๓๖๐ แรงม้า คนในเรือกัปตัน ๑ ออฟฟิเซอ ๒๐ ลูกเรือทหารคนใช้รวม ๑๘๖ คน เปนเรือกวีน (๒) โปรดให้มารับพวกราชทูต เวลาเช้า ๓ โมงครึ่งกัปตันกับขุนนางนายทหาร จัดทหารถือปืนยืนเรียงเคียงกันคำนับพระราชสาส์นสองแถว ๆ ละ ๖ คน มีคนตีกลองคน ๑ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้า พระยาศรีสุริยวงศ์ จึงขึ้นไปบนเรือเอนกวนเตอก่อน แล้วให้หม่อมราโชทัยเชิญพระบรมราชสาส์น จมื่นมณเฑียรพิทักษ์ เชิญพระบวรราชสาส์นขึ้นไปต่อภายหลัง กัปตันขุนนางแลทหารคำนับพระราชสาส์นแล้วให้ทหารยิงปืนใหญ่สลูตราชทูต ๑๙ นัด แล้วให้เชิญพระราชสาส์นขึ้นไว้บนโต๊ะในห้องข้างท้าย เปนที่พวกราชทูตอยู่ ครั้นขนเครื่องราชบรรณาการขึ้นบนเรือเอนกวนเตอเสร็จแล้ว เวลาบ่ายโมงหนึ่งพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ก็ลงเรือพระที่นั่งสยามอรสุมพลกลับเข้ามากรุงเทพ ฯ เวลาบ่ายโมงเศษกัปตันโอแกแลแฮน ให้ใส่ไฟใช้จักรออกจากที่ทอดสมอนอกสันดอน
พอเวลาสว่างขนเปนวันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๕ ค่ำ ถึงหน้าภูเขาสามร้อยยอด เวลาพลบถึงเกาะอ่างทองได้ลมดี กัปตันให้เอาจักรขึ้นแล่นใบไป
วันจันทร์ เดือน ๙ ขึ้น ๖ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งถึงเกาะพงัน ครั้นเวลาสายขัดลมเรือไม่เดิน บางทีก็ถอยหลัง บางทีเดินไปสักหน่อยถึงบ่าย ๒ โมงจึงมีลม แล่นออกไปได้ถึงแหลมกลุมพุกพอพลบ
วันอังคาร เดือน ๙ ขึ้น ๗ ค่ำ สว่างที่อ่าวยางตรงเกาะกระ (๓) ขณะนั้นขัดลม จนบ่าย ๒ โมงเศษจึงได้ลมแล่นต่อไป พ้นเกาะกระประมาณ ๒๕ ไมล์ คือ ๑๑๒๕ เส้น พอค่ำ
วันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๘ ค่ำ มาสว่างตรงแหลมหน้าเมืองตานีเวลาพลบถึงหน้าเมืองกลันตัน ลมทวนหน้า กัปตันให้ใส่ไฟใช้จักรต่อไป
วันพฤหัสบดี เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ มาสว่างที่หน้าเมืองตรังกานูพ้นอ่าวตรังกานูออกไปมีเกาะชื่อเกาะฝ้าย เรือทวนน้ำทวนลม จนเวลาค่ำจึงถึงเกาะตังโกรัน พวกจีนเรียกเกาะเต๊า เปนแขวงเมืองตรังกานูกัปตันให้เอาจักรขึ้น ใช้ใบไป
วันศุกร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๐ ค่ำ สว่างพ้นเกาะตังโกรันออกไปประมาณ ๒๕ ไมล์ คือ ๑๑๒๕ เส้น เรือทวนน้ำทวนลมก้าวไม่ออก กัปตันให้ทหารหัดปืนใหญ่ทำท่ารบต่าง ๆ ให้ราชทูตดู เวลาบ่ายโมงหนึ่งให้เอาจักรลงที่ แล้วใส่ไฟใช้จักรต่อไป เวลาทุ่มเศษถึงหน้าเมืองปะหัง
วันเสาร์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาย่ำรุ่งถึงเกาะหม้อใต้เมืองปะหังหน่อยหนึ่ง เวลาย่ำค่ำถึงเกาะนาก พวกจีนเรียกแต้ปั๊ว
วันอาทิตย์ เดือน ๙ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เวลาสว่างถึงศิลาขาว ที่ศิลาขาวนั้น เปนศิลางอกขึ้นพ้นน้ำบ้าง อยู่ใต้น้ำบ้าง เปนที่น่ากลัวเรือเข้าเรือออกจะโดนก็จะเปนอันตราย จึงก่อหอคอยสูงจุดโคมไว้บนนั้น เรือเข้าออกจะได้เห็นเปนที่สังเกต มีคนผลัดเปลี่ยนกันรักษาอยู่ที่นั้นเปนนิจเวลาเช้า ๔ โมงถึงเมืองสิงคโปร์ รวม ๙ วัน
กัปตันให้ชักธงพระจอมเกล้าขึ้นบนปลายเสากระโดงหน้าแล้วให้ทอดสมอลงกัปตันก็ลงเรือโบตขึ้นไปหาออนเนอ เรบล์ บลันแดล เจ้าเมือง ๆ ให้มิศเตอร์แมกเนียลงมาทักถามข่าวราชทูตที่ในเรือรบ มิศเตอร์แมกเนียบอกว่าเจ้าเมืองสิงคโปร์ให้มาแจ้งความแก่ท่านราชทูตว่า ได้ยินข่าวราชทูตจะออกมานานแล้ว เจ้าเมืองสิงคโปร์ตั้งใจคอยอยู่ทุกวันมิได้ขาดแต่วันนี้ราชทูตมาถึงเปนวันอาทิตย์ เจ้าเมืองเสียใจนัก ด้วยจะจัดแจงเชื้อเชิญแลยิงสลูตรับยังไม่ได้ ขอเชิญพักอยู่ในเรือรบสักคืนหนึ่งก่อนต่อรุ่งขึ้นวันจันทร์จึงจะจัดทหารตั้งกระบวนรับราชทูต ให้เปนเกียรติยศแก่พระเจ้าอยู่หัวกรุงสยาม ราชทูตตอบว่าชอบแล้ว เมื่อเรือกลไฟเข้าไปถึงกรุงเทพ ฯ พระเจ้าอยู่หัวแลท่านเสนาบดีผู้ใหญ่ก็ได้จัดแจงให้เราออกมา เราก็มีความปราร์ถนาจะออกมาให้ถึงโดยเร็ว จะใคร่พบรู้จักกับเจ้าเมืองแลขุนนางด้วย แต่วันนี้เปนวันอาทิตย์จะของด ต่อเวลาพรุ่งนี้จึงจะจัดแจงรับทูตานุทูตนั้น ตามแต่เจ้าเมืองสิงคโปร์จะจัดแจงให้สมควารแก่พระเกียรติยศเถิด พูดกันเท่านั้นแล้วมิศเตอร์แมกเนียก็ลากลับไป
วันจันทร์ เดือน ๙ ขน ๑๓ ค่ำ เวลาเช้าโมงครึ่ง เจ้าเมืองสิงคโปร์ให้จัดเรือโบตลำหนึ่ง หน้าเรือปักธงพระจอมเกล้า ท้ายเรือปังธงอังกฤษ มีขุนนางฝ่ายทหารขัดกระบี่หน้าเรือคน ๑ อยู่ท้ายเรือคน ๑ คนตีกระเชียง ๑๐ เล่ม คนถือของถ่อง่ามคอยรับเรือ ๒ คนคนถือหางเสือคน ๑ รวมอังกฤษ ๑๕ คน ออกมารับราชทูตที่เรือรบพวกราชทูตทั้ง ๖ คนแต่งตัวใส่หมวกยอดทอง ใส่เสื้อเข้มขาบ นุ่งผ้า ยกทอง ใส่สนับเพลา คาดเข็มขัดราตคด ใส่ถุงเท้ารองเท้า (๔) เมื่อราชทูตจะลงเรือขึ้นไปในเมืองนั้น ที่เรือเอนกวนเตอ มีทหาร ๑๒ คน ถือปืนปลายหอกยืนคำนับส่ง ครั้นพวกราชทูตทั้ง ๖ คนลงเรือโบตออกไปห่างกำปั่นประมาณ ๓ เส้นเศษ ที่ในเรือรบยิงปืนใหญ่นัดหนึ่ง ให้ขุนนางที่บนเมืองรู้เปนสัญญาว่าราชทูตลงเรือมาแล้ว เมื่อราชทูตถึงท่าหน้าเมือง มิศเตอรแมกแกนซี ที่สองเจ้าเมือง กับมิศเตอแมกเนียแลจีนกิมจิ๋ง เปนที่พระพิเทศพานิชสยามพิชิตภักดี (๕) ทำราชการฉลองพระเดชพระคุณ เปนผู้ช่วยดูแลว่ากล่าวในที่กงสุลไทยอยู่ที่เมืองสิงคโปร์ ลงมายืนคอยรับราชทูตอยู่ เมื่อพวกขุนนางไทยจะขึ้นจากเรือนั้นมิศเตอรแมกเนีย ลงมายืนถึงที่ริมเรือ แล้วยื่นมือให้ราชทูตแลขุนนางไทยจับประคองขึ้นไป ครั้นขึ้นไปบนตลิ่งพร้อมกันแล้ว มิศเตอรแมกแกนซีบอกว่า เจ้าเมืองก็ลงมาคอยรับอยู่ด้วย แต่บัดนี้หาสู้สบายไม่ขอลาขึ้นไปก่อน ให้ข้าพเจ้ากับมิศเตอรแมกเนีย คอยรับราชทูตแทน ครั้นพูดกันเท่านั้นแล้ว นายทหารก็เป่าแตรสัญญา ให้ทหารปืนใหญ่หน้าป้อม ๔ กระบอกยิงสลูต ๑๙ นัด ที่ปืนใหญ่นั้นมีทหารรักษาอยู่กระบอกละ ๕ คน ๔ กระบอกรวมทหาร ๒๐ คน ทางที่ราชทูตขึ้นนั้นมีทหารปืนปลายหอกยืนคำนับอยู่สองแถว ๆ ละ ๖๕ คน สองแถว ๑๓๐ คน มีคนเป่าแตรตีกลองตีฉาบอิก ๒๔ คนมาตามส่งราชทูตด้วย รถที่มารับ พวกราชทูต ๕ รถ แต่รถราชทูตอุปทูตรถหนึ่ง เปนรถมีประทุน เทียมด้วยม้าเทศคู่หนึ่ง ครั้นมาถึงตึกที่พัก ชื่อเรศเปอแรนศโฮเตลเปนตึกสำหรับเศรษฐีนายห้างขุนนางคนไปมาเช่าอาศรัย เจ้าเมืองสิงคโปร์จัดทหารแต่งตัวถือปืนปลายหอกผลัดเปลี่ยนกันเดินยาม ตรวจตรารักษาพวกราชทูตทั้งกลางวันกลางคืน ๓๐ คน มีรถประจำอยู่สำหรับให้ใช้ ๓ รถ ในตึกนั้นมีเตียงที่นอนครบทุกนาย แล้วเวลาเช้า ๓ โมงเลี้ยงเข้า เที่ยงเลี้ยงน้ำชา มีขนม นมโค น้ำตาลทราย ผลไม้ต่าง ๆ บ่าย ๓ โมงเลี้ยงเข้าเย็น เวลา ๒ ทุ่มเลี้ยงน้ำชา มีของ เหมือนเลี้ยงกลางวันอิกครั้งหนึ่ง มีเครื่องสำหรับใช้ต่าง ๆ เปนอันมาก เจ้าเมืองสิงคโปร์ให้มิศเตอรแมกเนีย มาเยี่ยมเยียนถามข่าวอยู่เนือง ๆ แลขุนนางอื่นก็ไปมามิได้ขาด
วันอังคาร เดือน ๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เวลาเช้า ๓ โมงเศษ เชอรแมก กอสแลนด์ เปนขุนนางสำหรับตัดสินความในเมืองสิงคโปร์มาเยี่ยมราชทูตถึงตึกที่อยู่ เมื่อมานั้นแต่งตัวใส่เสื้อสักหลาดแดงกรอมลงไปถึงเท้า มีคนถือกระบองหุ้มเงินนำหน้าคู่หนึ่ง เวลา ๔ โมงเช้ามิศเตอรแมกเนีย เอารถ ๖ รถมาเชิญพวกราชทูตไปบ้านเจ้าเมือง พวกราชทูตทั้ง ๖ คน แต่งตัวเหมือนเมื่อแรกขึ้นมาจากกำปั่นเสร็จแล้ว มิศเตอรแมกเนีย ก็เชิญให้ขึ้นรถพาไปบ้านเจ้าเมืองบนยอดภูเขา เมื่อถึงนั้น มีทหารปืนปลายหอกยืนอยู่หน้าบันไดสองแถว ๆ ละ ๖ คน คนหนึ่งผลัดเปลี่ยนกันเดินถือกล้องส่องคอยดูเหตุการณ์ซึ่งจะมีมาในท้องทเลจะได้รู้โดยเร็ว ครั้นรถประทับหน้าบันไดแล้ว พวกราชทูตก็พากันขึ้นไปหา เจ้าเมือง ต่างทักทายปราไสกันตามธรรมเนียม แล้วลาเจ้าเมืองไปบ้านพระพิเทศพานิช อยู่ที่นั้นประมาณครึ่งชั่วโมงจึงกลับมาตึกที่สำนัก
วันพุธ เดือน ๙ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาเช้า ๔ โมงเศษ เจ้าเมืองมาเยี่ยมราชทูตถึงที่อยู่ พูดจากันแล้วก็ลากลับไป ประมาณ ๑๐ นาฑีรองเจ้าเมืองชื่อ มิศเตอร แมกแกนซี มาหาราชทูต ถามข่าวสุขทุกข์กัน ตามธรรมเนียม
รุ่งขึ้นวันพฤหัสบดี เดือน ๙ แรมค่ำหนึ่ง เวลาเช้า ๔ โมง มิศเตอร แมกเนีย มาเชิญพวกราชทูตไปเที่ยวดูถิ่นฐานบ้านเมืองแลไป หา เซอแมกกอสแลนด์ผู้ชำระความ แล้วกลับมาตึกที่พัก บ่ายโมง หนึ่งพวกกงสุลหลายชาติมาเยี่ยมราชทูต เวลาบ่าย ๔ โมงพวกราชทูต ไปหามิศเตอรแมกแกนซี เวลาทุ่มหนึ่งพระพิเทศพานิชเชิญพวกราชทูต ๖ คนไปกินโต๊ะ เลี้ยงอย่างอังกฤษ มีอังกฤษ ๑๑ คน ไทย ๖ คน จีน ๒ คน แขกคน ๑ รวมกัน ๒๐ คน
วันศุกร เดือน ๙ แรม ๒ ค่ำ เวลา ๔ โมงเย็น จีนจงฮวดนายห้างพระยาพิศาลศุภผล (๖) เชิญราชทูตไปกินโต๊ะเลี้ยงอย่างจีน มีไทย ๖ คน จีน ๒ คน รวม ๘ คน เวลา ๒ ทุ่มกัปตันกิมเสง (๗) จีน เชิญพวกราชทูตไปกินโต๊ะที่บ้านบนยอดภูเขา เมื่อไปนั้นจมื่นมณเฑียรพิทักษ์ จมื่นราชามาตย์ไปรถเดียวกัน รถนั้นล้าหลัง คนขับพาหลงทางไปไม่ถูกก็กลับคืนที่สำนัก ที่กัปตันกิมเสงเลี้ยงโต๊ะมีปี่พาทย์อย่างอังกฤษวงหนึ่ง ๒๘ คน มีพวกอังกฤษรำเท้าผู้ชายผู้หญิงเต้นเปนคู่กัน ประมาณ ๓๐ คู่ (๘) พวกอังกฤษที่ไปกินโต๊ะประมาณ ๑๕๐ เศษล้วนแต่ผู้ดีทั้งสิ้น พวกราชทูตไทย ๔ คน จีนประมาณ ๒๐ เศษ แขกเทศ ๗ คน แขกมะลายู ๑๕ คน พวกราชทูตอังกฤษรำเท้าอยู่จน ๕ ทุ่ม เศษจึงกินโต๊ะ ครั้นเสร็จพักอยู่สัก ๒๐ นาทีก็กลับมาตึกที่อยู่