Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...

ภาพประทับใจ => ผนังเก่าเล่าเรื่อง => Topic started by: ppsan on 13 March 2022, 11:13:20

Title: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 11:13:20

รามเกียรติ์  ถึงตอน "จองถนน" แล้วครับ
เอ๊ะ...จองถนน...คืออะไร  มีอะไรเกิดขึ้นมั่ง...เชิญเสพ

เล่าความรามเกียรติ์ 21...

แผนต่างๆของทศกัณฐ์ที่จะตัดศึกก่อนจะมาถึงลงกา...ไม่ได้ผล...แถมยังได้หลานเขยมาแบบไม่รู้ตัวอีก...

ทัพของพระรามก็ยกคืบเข้าใกล้กรุงลงกาทุกทีๆ...จนมาหยุดอยู่คนละฝั่งมหาสมุทร
พระรามก็เรียกประชุมพล...ขอความเห็นว่าเราจะข้ามไปฝั่งโน้นยังไงกันดี...

ไอ้ที่ถามเนี่ย...ไม่ใช่เพราะการข้ามมันลำบากยากเย็นอะไรเลย...ก็ดูจากฤทธิ์เดชลูกน้องพระรามแต่ละตัว...จะพาทั้งกองทัพเหาะข้ามก็ไม่ยาก...จะเอาปลาอานนท์  เอาพญานาคมาแทนเรือเฟอร์รี่...ก็ง่ายดาย...ต่างตนต่างก็เสนอตัวกันวุ่นวาย...

แต่มีลิงผู้ใหญ่ตัวนึงเสนอว่า...ทำอะไรง่ายๆเดี๋ยวไม่สมพระเกียรติ...ต้องให้ยากให้ลำบากเข้าไว้...

...เอาหินไปถมทำเป็นถนนข้ามมหาสมุทร...จากฝั่งนี้ไปจนถึงลงกา...เอาให้เลือดตากระเด็นแบบนี้  นั่นแหละได้สมพระเกียรติกันแน่นอน...

ถ้าเป็นสมัยนี้...ไม่มีทางทำได้แน่นอน...ต้องทำ EIA  EHIA เดี๋ยวก็มี NGO มาประท้วงแน่นอน...แต่สมัยนั้น...ขอแค่ถูกใจนายใหญ่...อนุมัติทันที...

กองทัพขนหินแบ่งเป็นสองพวก...หนุมานคุมพวกนึง...อีกพวกนึง  มีลิงระดับไล่เลี่ยกัน  ชื่อ นิลพัท...เป็นแม่กอง...

สองกองนี้เขาจะผลัดกัน...ถ้ากองนึงเหาะไปขนหิน...ก็จะมาโยนให้อีกกองนึงรับไปเรียงในมหาสมุทร...

ทีแรกนิลพัทเป็นฝ่ายเหาะไปขนหิน...แต่ที่เป็นเรื่องขึ้นมาเพราะ  เดิมสองลิงนี่เขาก็มีเรื่องเขม่นๆกันอยู่...เที่ยวนี้นิลพัทก็เลยอยากจะแกล้งหนุมาน...

สองมือสองตีน...จับภูเขามาข้างละลูก...รวมสี่ลูก...พอมาถึงหนุมานก็บอก...ไอ้นิลฯ  มึงค่อยๆทิ้งมาทีละลูกนะ...นิลพัทไม่ฟังเสียง...กูหนัก...ไม่ไหวแล้ว...โยนโครมมาทั้งสี่ลูก...หนุมานต้องแผลงฤทธิ์จนใช้มือรับไว้ได้ทันทั้งหมด...

อ๋อ...ไอ้นิลฯ...มึงเล่นกะกูใช่มั้ย...ได้เลยเพื่อน...

พอสลับฝั่งหนุมานเหาะไปขนหินบ้าง...ได้เวลาเอาคืน...คราวก่อนนิลพัทมึงขนมาสี่ใช่มั้ย...ทีของกูบ้างมึงเจอ...

ผูกศิลาเข้าทุกเส้นขน
ทั่วตนจะเว้นก็หาไม่
เรียกเร่งบริวารบรรดาไป
ได้พร้อมกันแล้วก็เหาะมา ฯ

ครั้นถึงร้องลงไปทันที
ท่านผู้มีฤทธิ์แกล้วกล้า
จงรับเอาก้อนศิลา
ที่เราขนมาให้วานร

นิลพัทเจอภูเขาทิ้งมาทีเป็นร้อยยังงี้...จำเป็นล่ะครับ...ต้องเอาตีนมาช่วยรับ...หนุมานก็โกรธ...ทีกูยังเอามือรับหินของมึง...แล้วมึงเสือกใช้ตีนรับ...ไม่ให้เกียรติกันนี่หว่า...

ว่าแล้วสองลิงก็กัดกัน...จนฟ้าร้องแผ่นดินไหว...

พระลักษมณ์ต้องออกมาตวาด...พวกมึงกัดกันยังกะหมา  เดี๋ยวกูส่งไปเล่นละครลิงให้หมดเลย...สรุปสุดท้าย...ถ้าอยู่ด้วยกันไม่แคล้วกัดกันอีก...ต้องส่งนิลพัทกลับไปดูแลเมืองขีดขิน...แล้วคอยส่งเสบียงมาให้...

จบเรื่องลิงกัดกัน...แต่การจองถนนยังไม่ค่อยคืบหน้า...สุครีพสังเกตว่าทิ้งหินลงไปทุกวันๆ...แต่ทำไมมันกลับพร่องลงๆ...ก็ใช้ให้หนุมานดำน้ำลงไปดูที...

จำได้ไหมครับ...ตอนทศกัณฐ์แกนิยมหาของแปลกๆมาทำเมีย...หนึ่งในนั้นคือปลา...แล้วก็ได้ลูกสาวมาตัวนึง...ชื่อสุพรรณมัจฉา...

แม่ปลาทองนี่แหละตัวดี...พ่อใช้ให้มาช่วยงาน...ก็พาลูกน้องบริวารปลาทั้งหลาย...ลิงขนหินมาทุ่ม...ปลาก็ขนออกไป...ถนนถึงไม่ได้ไปไหนซะที...

หนุมานเจอตัวการ...ก็เข้าสู้รบ...รบไปรบมาเดาออกไหมฮะว่าจบยังไง...หุหุ...

ก็จบแบบเดียวกับเบญกายแหละท่านผู้ชม...

............................................


องคต...เป็นราชทูตไปลุยลงกา...ทูตองคตจะแสบแค่ไหน...เชิญเสพ...

เล่าความรามเกียรติ์ 22...

การจองถนนข้ามไปลงกา...ก็เรียบร้อย...ฝ่ายขัดขวาง...นางสุพรรณมัจฉา...ขวางไปขวางมา...ได้ลูกติดท้องไปตัวนึง...ชื่อ มัจฉานุ...รูปร่างหน้าตาก็เหมือนหนุมานมีหางแหละฮะ...เรื่องฤทธิ์เดชนี่ก็สูสีกับพ่อเค้าอยู่...

ข้ามมาแล้วก็เจอกับอุปสรรคเล็กๆน้อยๆ...ก็คือทศกัณฐ์แกให้ลูกน้องมาเนรมิตแผ่นดินปลอมๆขึ้นมา  แล้วไปยักษ์ตนนั้นก็ไปยืนแบกแผ่นดินอยู่ข้างใต้...กะว่า  ถ้าพระรามมาหยุดทัพอยู่บนแผ่นดินนี้เมื่อไหร่...จะคว่ำแผ่นดิน...ให้แบนแต๊ดแต๋ตายยกกองทัพทันที...

แต่พิเภกแกจับยามดูไม่กี่ที...รู้แผนหมดว่าเกิดอะไรขึ้น...มีแผ่นดินปลอม...มียักษ์แบกอยู่  แบกท่าไหนยกแขนกี่องศา...แกแทบจะบอกได้หมด...พระรามก็สั่งให้หนุมานไปจัดการ...หนุมานก็แทรกแผ่นดินลงไปสู้กับยักษ์ที่แบกแผ่นดินอยู่...

สู้ไปสู้มา...ก็...ฆ่ายักษ์ตาย...

แหม...อ่านถึงตรงนี้ผมถึงกับเป่าปากด้วยความโล่งอก...เอ้อ...อย่างน้อยพี่หนุฯของผม  ก็รู้จักเลือกเพศมั่ง...ไม่ใช่เอะอะก็จบแบบเบญกาย  หรือสุพรรณมัจฉา  ลูกเดียว...

ด่านเล็กๆผ่านไปแล้ว...คราวนี้  ตามธรรมเนียมสงคราม...ต้องมีการสื่อสาร  หรือท้าทาย  หรือยื่นเงื่อนไขกันก่อน...ค่อยห้ำหั่นกัน...

การเลือกผู้เป็นทูตคราวนี้...ถือว่าเลือกได้ทรมานใจยิ่งนัก...เพราะไม่มีใครจะทำให้ทั้งทศกัณฐ์  และนางมณโฑ  กระอักกระอ่วนใจได้มากเท่า...องคต...ทำไมล่ะ...

จำได้ไหม...ตอนที่ทศกัณฐ์ได้นางมณโฑมาเป็นรางวัล...ก็ถูกพาลีตบไปเป็นเมีย...จนมีลูกก็คือองคตนี่แหละ...เรียกง่ายๆว่าเป็นลูกผัวเก่านางมณโฑ...

อีกอย่าง...เจ็ดวันติดๆ  ที่ท่านทศฯต้องกินข้าวเดนนางกำนัล...แล้วต้องยอมเป็นปูให้ไอ้ลิงน้อยลากเล่นอยู่...ก็ไอ้ลิงน้อยองคตนี่แหละที่ลากเช้าลากเย็น...

คราวนี้พอถึงลงกา...เฮ้ยยาม...มึงไปบอกนายมึงว่า  เด็กชายองคต  มาหาลุงปูจ๋า...อยากลากลุงปูจ๋าเล่นอีกรอบ...

พอรอนานหน่อย  ไม่ได้ดังใจ...องคตก็แผลงฤทธิ์โชว์ใหญ่...ทำตัวใหญ่บังแสงอาทิตย์บ้าง...ให้รอนาน  ก็ถีบประตูเมืองพังบ้าง...แม่มณโฑให้นางกำนัลเอาข้าวปลามาให้กิน...ก็ไล่ฆ่านางกำนัลวงแตกไป...

พอเจอหน้าลุงปูจ๋า...ทศกัณฐ์ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงตระหง่าน  ก็เริ่มข่มขู่...ไอ้จ๋อ  ทำไมมึงไม่ทำความเคารพกู  มายืนเด๋ออยู่ทำเบื๊อกอะไร...องคตไม่สนใจ...ทศกัณฐ์มึงนั่งบนบัลลังก์สูงนักใช่มั้ย...

ยืนอยู่กลางหมู่เสนายักษ์
จะเกรงท้าวทศพักตร์ก็หาไม่
จึ่งม้วนหางต่างอาสน์อำไพ
นั่งให้สูงเทียมอสุรี

เรียกว่าเล็กๆน้อยๆไม่มียอมกันล่ะ...แล้วก็เริ่มอ่านสาส์นทันที

เนื้อหาหลักๆของสาส์น...คือต้องให้ทศกัณฐ์คืนนางสีดา...แล้วคืนธรรมดาไม่ได้นะ...ต้องเอานางสีดาทูนหัวไปถวายด้วย...

ทศกัณฐ์ก็โกรธสิฮะ...สั่งการ  หวังเฉา  หม่าฮั่น...ว้ายย  ผิดเรื่อง...องครักษ์ทั้งสี่...ฆ่าไอ้จ๋อนี้ให้ได้...

แต่ก็เหมือนสั่งให้ไปตายแหละฮะ...องครักษ์ทั้งสี่ก็อยู่ในสภาพศพไม่สวยเท่าไหร่...แล้วองคตก็เหาะกลับกองทัพ...

ทศกัณฐ์ชักกลุ้ม...ข้าศึกยกมาประชิดลงกาแล้ว...พอดีนึกได้...อ้อ...ยังมีอาวุธเด็ดอยู่อีกอัน...เสด็จปู่เคยมอบไว้ให้...

อาวุธเด็ดนั้นคือ...ฉัตรแก้วของท้าวธาดา...เด็ดยังไง...ติดตามตอนต่อไป...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 15:37:55

เล่าความรามเกียรติ์ 23...

ถึงตอนเปิดตัว...ไมยราพ...จะมีอาวุธอะไรมาสู้พระรามบ้าง...เชิญเสพ


ฉัตรวิเศษของพระเจ้าปู่มอบให้ไว้...มีคุณสมบัติที่น่างง  และขัดหลักอะคีมีดิส  ผิดกฎยูเรก้าอยู่หลายอย่าง...
กางอยู่ที่ลงกา...แต่ดันมืดไปได้ถึงที่กองทัพพระราม...งงหนึ่งล่ะ...

ฉัตรมีขนาดใหญ่โตมโหฬาร...ขนาดที่ทศกัณฐ์หอบเอาญาติโกโหติกาขึ้นไปอยู่บนฉัตรได้...อินเดี๊ย  อินเดีย...

ตัวฉัตรเองมีแสงสว่าง...ทศกัณฐ์ขึ้นไปอยู่บนฉัตรแล้วจะมองเห็นทัพพระรามฝ่ายเดียว...ฝ่ายพระรามมองกลับมาไม่เห็น...แต่เอ๊...ตามธรรมชาติ...คนที่อยู่ที่มืด  ต้องมองเห็นคนที่อยู่ที่สว่าง...อันนี้กลับกันซะงั้น...

เอ้า...งงมาหลายตอนแล้วนี่...งงอีกที่จะเป็นไรไป...
พอทศกัณฐ์กางฉัตรวิเศษนี้  ก็ส่งผลให้ทัพพระรามมืดขึ้นมาทันที...

หลังจากโทรเรียกการไฟฟ้าหลายรอบ  ช่างยังไม่มาซะที...พิเภกก็สะกิดพระราม...นายๆๆ  ทศกัณฐ์มันยกฉัตรของท้าวธาดาพะย่ะค่ะ  ถึงได้มืดเป็นเข้าถ้ำยังงี้...

ถึงคิวสุครีพโชว์บ้าง...ก็บุกไปลงกา...มึงเล่นยกฉัตรให้ทัพกูมืดหรอ...งั้นกูใช้กลยุทธ...หายตัวเข้ากองทัพมึงมั่งฮิ...

แอบๆหายตัวเข้าไปจนไปถึงหน้าทศกัณฐ์...ที่ก็ห้อยโหนอยู่บนฉัตร (ชักไม่แน่ใจว่า  นี่มันฉัตรท่านท้าวธาดา  หรือม้าหมุนท่านท้าวดิสนี่ย์กันแน่วะ)...สุครีพก็คลายมนต์ลง...จ๊ะเอ๋  ลุงทศฯ...คราวนี้มึงตายแน่...

ทศกัณฐ์ก็ตกใจสิฮะ...ไอ้รอบๆตัวน่ะมีแต่เมียๆทั้งนั้น  ไม่มีขุนศึกคนไหนมาช่วยเลย...

เมื่อนั้น
ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ไม่รู้ที่จะต่อฤทธา
ผู้เดียวพะว้าพะวังใจ

เวียนวงไปตามกงฉัตร
หลีกลัดมิให้เข้าใกล้
กรหนึ่งกอดนางมณโฑไว้
กรสองคว้าได้นางอัคคี

สิบเจ็ดกรอุ้มฝูงกำนัล
กรหนึ่งแกว่งพระขรรค์ชัยศรี
ขัดขวางทางที่จะต่อตี
อสุรีถอยรับวานร

โถๆๆๆ  ลุงทศฯ...อุตส่าห์มีตั้งยี่สิบมือ...อุ้มเมียซะสิบเก้ามือ..ใช้สู้มือเดียว...

ก็แพ้สิฮะ...สุครีพหักฉัตรได้สำเร็จ...แต่ยังไม่ฆ่าทศกัณฐ์...เพราะเดี๋ยวเกินคำสั่ง...ขอแค่หยามไว้ก่อนคือ...สุครีพใช้ตีนคีบมงกุฎทศกัณฐ์ออกจากหัว...เอาไปถวายพระราม

...อ่านๆมาถึงตรงนี้  ก็ชักลังเลว่า...เอ...ทศกัณฐ์นี่เค้าเก่งจริงรึเปล่าหว่า...แพ้พาลี...แพ้สุครีพ...เจอหนุมาน  เจอองคต...ก็ทำอะไรลิงพวกนี้ไม่ได้...

เมื่อสู้แต่ลำพังไม่ได้  ก็ต้องไปขอร้องเพื่อน...ทศกัณฐ์ไปขอให้เพื่อนที่ชื่อ  ไมยราพ...เป็น ซีอีโอเมืองบาดาล...มาช่วยหน่อย...

ทั่นไมยราพนี่เก่งทางล่องหนหายตัว...ก็กะว่าจะหายตัวเข้าไปอุ้มพระรามพระลักษมณ์ออกมาฆ่าซะ...จบง่ายดี

ฝ่ายไมยราพเอง  ก่อนจะไปช่วยทศกัณฐ์  ก็ฝันนู่นนี่...ทำนายออกมาได้ว่า  มึงเด๊ดแน่นอน  แต่แกก็ยังดื้อ...แม่ห้ามว่าอย่าไปสู้พระรามเลย...ก็ไม่เชื่อ

ก็เลยประกอบพิธีปรุงยา  เพื่อเอามาทาให้หายตัว...ไอ้ตอนสุครีพจะหายตัว...ทำไมท่องมนต์ไม่กี่คำก็หายได้...ถึงคราวไมยราพ...พิธีต้องวุ่นวายขายปลาช่อน...

ต้องมีตั้งกระท้งกระทะ...บดสมุนไพร  เห็ดนั่นเห็ดนี่ใส่เข่าไป...อ่านมนต์  เป่ากล้อง...มีนางฟ้าผุดขึ้นมา  แล้วก็ฆ่าทิ้ง...มีเสือสิงห์โผล่ขึ้นมากระจองอแงวุ่นวายไปหมด...

กว่าจะได้ยามาทาตัว  ให้ล่องหนได้...เล่นเอาเหนื่อย...แล้วเอาไปใช้ได้ผลมั้ย...ต้องติดตาม

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 24...

ถึงตอนพระรามโดนลักพาตัว...ใครเป็นขโมย  ลักพาไปอย่างไร...เชิญเสพ


ไมยราพได้ยาวิเศษ...ทาปุ๊บหายตัวได้ปั๊บล่ะ...
แล้วฝ่ายพระรามล่ะ...รู้ตัวมั้ยว่าจะโดนอุ้ม...รู้สิฮะ...รู้ได้ยังไง...แหม  พระเอกระดับนี้ก็ฝันเอาสิ...

ตื่นขึ้นมาก็เอาความฝันมาถามทั่นกูเกิ้ลพิเภก...เท่านี้ก็รู้หมด  ว่ามียักษ์ฝ่ายทศกัณฐ์คอยจะมาอุ้ม...ต้องระวังป้องกันไว้...ถ้าพ้นคืนนี้ไปไม่เกิดอะไรขึ้น...ก็แปลว่าพ้นแล้ว...

คืนนี้ก็เลยต้องมีการวางเวรยามกันโกลาหล...ผู้ที่รับภาระใหญ่สุดไม่พ้น...หนุมาน...ต้องออกเดินตรวจตราไพร่พลเหรอ...ระดับนี้เดินให้เสียเหงื่อทำไม...มีฤทธิ์เดชเวทย์มนต์ก็ใช้ซะ...

สูงจดภวัคพรหมาน
ใหญ่เท่าจักรวาลสิงขร
เบื้องตํ่าใต้พื้นดินดอน
หยั่งถึงสาครรองดิน

หางวงเป็นปราการล้อม
โอบอ้อมโยธาไว้สิ้น
อันพลับพลาแก้วโกมิน
ขุนกบินทร์เอาไว้ในอุรา

อ้าโอษฐ์ออกเป็นทวาร
ใบบานปิดเปิดนั้นชิวหา
พิเภกกับพระลักษมณ์อนุชา
นั่งรักษาองค์พระจักรี

มาแบบทั่นชิวหาอีกรายแระ...แต่ฝ่ายพระเอกนิ...ยังไงก็ต้องจบสวยอยู่แล้ว...

พอไมยราพดอดมาดูลาดเลา...เฮ้ยมันมีกำแพงล้อมรอบ  มองไม่เห็นพลับพลาพระรามเลยว่ะ...แล้วจะเข้าไปยังไงเนี่ย...ลองดำดินลงไปจนลึกสุด...ก็ยังเจอกำแพง...เหาะขึ้นไปถึงสตราโตสเฟียร์...แม่งก็ยังไม่พ้นกำแพง...

เลยปลอมตัวเป็นลิงกระจอกๆ...ปนเข้าไปสืบข้อมูลในไพร่พล...ได้ความมาว่า...ฝ่ายพระรามก็รู้ตัวว่ามียักษ์จะมาอุ้ม...ต่อเมื่อพ้นกลางคืนเข้าสู่รุ่งเช้าแล้ว...จึงจะนับว่าปลอดภัย...

อ๋อ...งั้นได้สิ  มึงรอตอนสว่างใช่มั้ย...ไมยราพลอบออกมา...กลับร่างเดิมแล้วขึ้นไปที่ยอดเขา...งานนี้กูจะหลอกลิงซะหน่อย...

ยืนอยู่เหนือยอดคิรินทร
ดั่งพญาไกรสรราชสีห์
จับกล้องปัทมราชรูจี
อสุรีกวัดแกว่งไปมา ฯ

โชติช่วงเพียงดวงดาวประกาย
สีพรายจำรัสพระเวหา
แจ่มจับกับแสงดารา
ในเวลาปัจฉิมราตรีกาล ฯ

เจ้าเล่ห์ไม่เบานะทั่นไมยฯ...แกล้งทำเป็นว่าเช้าแล้ว  พระอาทิตย์จะขึ้นแล้ว...พวกจ๋อทั้งหลายก็เชื่อซะด้วย  นึกว่าพ้นเคราะห์กันแล้ว...ก็หละหลวมกันขึ้น...

คราวนี้ไมยราพก็ขึ้นไปอยู่เหนือลม...เป่ายาสลบรมทั้งกองทัพ...พระรามพระลักษมณ์  หนุมานสุครีพ...กรนกันน้ำลายยืด...

แล้วไมยราพก็เข้าไปอุ้มพระราม...เอาไปขังไว้ในเมืองบาดาล...

พอลมพัดมา...หนุมานตื่นขึ้น...เฮ้ย  หลับไปตั้งกะเมื่อไหร่วะ...แล้วนี่กูเผลอกลืนนายลงท้องไปป่าววะเนี่ย...ก็ตรวจเช็คกันวุ่นวาย...

ปรากฏว่านายใหญ่หายไปแล้วจริงๆ...ปลุกนายรอง...พระลักษมณ์...นายๆๆ...แย่แล้ว...พระรามหายไปแล้ว...

พระลักษมณ์รู้เข้า...ทำไงทายซิ...ก็ร้องไห้สิฮะ...ทำอย่างอื่นเป็นที่ไหน...จนพิเภกต้องเข้ามาบอกว่า...พระรามยังไม่ตายหรอก...โดนไมยราพอุ้มเอาไปขังไว้ที่เมืองบาดาล...

เป็นหน้าที่หนุมาน...ต้องออกตามพระรามไปเมืองบาดาล...

เริ่มต้นจาก...เมื่อไปถึงบึงใหญ่...เจอดอกบัว...ต้องหักก้าน  แล้วเล่นสไลเดอร์ไปตามก้านบัว...ไปเจอกำแพง...พังกำแพง...เจอยักษ์...ฆ่ายักษ์...เจอช้าง  เจอยุง...ฆ่าแม่งให้หมด(เออ...คนแต่งแกคิดยังไงอ้ะ...เจอช้างเสร็จ...ให้ไปเจอยุง)

แล้วหนุมานก็ไปเจอบึงน้ำใหญ่อีกบึง...ระหว่างที่ลังเล  ไม่รู้จะไปทางไหนต่อ...ก็มาเจอกับไอ้ตัวที่เฝ้าบึงน้ำ...ป๊ะกันทีแรกก็แปลกใจแล้ว...มันเป็นใครหว่า  ดันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกูเปี๊ยบเลย...แต่เสือกมีหางเป็นปลา...ไม่รู้ล่ะ...ต้องสู้กันก่อน...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 15:43:14

เล่าความรามเกียรติ์ 25...

พระรามโดนลักพาตัว...หนุมานจะเข้าไปช่วยยังไง...เชิญเสพ


สู้กันไปสู้กันมา...หนุมานอาจจะเก๋าเกมกว่าหน่อยเลยได้เปรียบ...ได้จังหวะรวบขาฝ่ายตรงข้าม...ฟาดโครมกับพื้น...เฮ้ย...มันยังเฉย  ไม่หักไม่เดี้ยง...ลุกขึ้นมาสู้ต่อได้...จนหนุมานชักสงสัย...

เดี๋ยวก่อน  ไอ้ลิงเล็ก...มึงชื่ออะไร...ลูกเต้าเหล่าใครวะ...

กูชื่อ...มัจฉานุ...แม่ชื่อสุพรรณมัจฉา...พ่อกูชื่อหนุมานเฟ้ย...

จำได้ไหมครับ...ตอนจองถนน...หนุมานได้นางสุพรรณมัจฉาเป็นเมีย...แล้วนางก็สำรอกลูกออกมาเป็นมัจฉานุนี่แหละ...ตามธรรมเนียม...ใครขี้เกียจเลี้ยงลูก  ก็ฝากเทวดาเลี้ยงไว้...ไมยราพมาเจอจ๋อน้อยเข้า  รู้สึกถูกชะตา...ก็เอามาเลี้ยง  แล้วให้เฝ้าสระน้ำ  ทางเข้าเมืองบาดาล...

ทีแรกมัจฉานุไม่เชื่อ...ไหน  ถ้าลุงเป็นพ่อฉันจริง  ลองหาวเป็นดาวเป็นเดือนให้ดูทีฮิ...หนุมานบอก  เฮ้ย  แค่ดาวเดือนกระจอกปายยย...ว่าแล้วก็หาวเป็นกาแลกซี่อันโดรมีด้าออกมา...นั่นแหละลูกถึงเข้าไปกราบพ่อได้...

หนุมานถามทางว่า  เมืองบาดาลน่ะไปต่อยังไง...มัจฉานุก็อึกอัก...จะบอกโต้งๆก็เหมือนเนรคุณไมยราพ...ก็ใบ้ๆไป...จนหนุมานไปต่อได้...

พอไปถึงเมืองบาดาล...หนุมานก็ร่ายเวทย์กำบังตา(อ้าว...พี่หนุฯไม่เห็นต้องทำพิธีอะไรมากมายเหมือนทั่นไมยฯเลย)...เข้าไปสืบข่าวว่าพระรามถูกขังอยู่ที่ไหน...

ยักษ์ที่ให้ข่าวโดยไม่ตั้งใจ  ชื่อนาง พิรากวน...แกกับลูกชายที่ชื่อ  ไวยวิก...ผู้ที่อยู่เฉยๆก็ดวงซวย...เพราะตอนไมยราพเอาความฝันมาให้โหรทำนาย...โหรแม่งก็โคตรมั่ว  ดั๊นไปทำนายว่า...ไมยราพจะเสียบัลลังก์...ผู้ที่จะมาครองเมืองต่อ...ชื่อไวยวิก...

โดนสิฮะ...ไวยวิกบอก  กูยังไม่ได้ทำอะไรเลยค้าบบบ  ทั่นไมยยย...แต่ก็ถูกจับมาขังกรงไว้...ถ้าจับพระรามมาได้เดี๋ยวจะเชือดพร้อมกันเลย...

จังหวะนั้นเป็นตอนที่นางพิรากวน  ถูกใช้ให้มาตักน้ำ...เพื่อเอาไปต้มลูกชายตนเองกับพระราม...ก็ออกมาตักไป  ร้องห่มร้องไห้...เพ้อพร่ำรำพันไป...

หนุมานพอได้ความ...ก็แสดงตัวว่าเป็นทหารของพระราม...ถ้าช่วยนายใหญ่ได้แล้ว...ก็จะช่วยลูกชายของยายด้วย...

แต่ปัญหาคือ...หนุมานจะเข้าไปในดงตาลท้ายเมือง  ที่ขังพระรามกับไวยวิกยังไงล่ะ...

ดงตาลท้ายเมืองอสุรี
อยู่ที่ในกรงเหล็กใหญ่
อสุรารักษาทั้งนอกใน
ซึ่งจะพาเข้าไปนั้นยากนัก

ด้วยว่ากุมภัณฑ์นายประตู
ชั่งดูมิให้เบาหนัก
ถึงจะเหาะข้ามกำแพงยักษ์
ก็จะต้องจักรกรดมรณา

มาตรแม้นจะแปลงเป็นแมงวัน
อย่าสำคัญจะพ้นยักษา
ขุนกระบี่ผู้มีปรีชา
ตรึกตราอย่าให้เสียการ

ระบบป้องกันยังกะเพนตาก้อนเลยล่ะฮะ...แต่หนุมานก็ออกอุบาย...แปลงร่างเป็นไยบัว...ติดสไบนางพิรากวนเข้าไป...

จะมีปัญหาอยู่บ้างก็ตรง...พอไปเจอด่านชั่งน้ำหนัก...ถึงแม้จะเห็นแค่นางพิรากวนคนเดียว...แต่ที่จริงแล้ว  แบกน้ำหนักของหนุมานไว้อีกทั้งตัว...ปรากฏว่าน้ำหนักเกินถึงขั้นตาชั่งหัก...ยักษ์เข้ามาล้อม...นางพิรากวนก็เล่นตามแผนทันที...

แหม...เกินนิดๆหน่อยๆ...ช่วยๆกันน่าจ่า...ร้อยนึงพอป่าว...

ว้ายยย...ไม่ใช่...เอาใหม่...
นางพิรากวน...ก็กวนขึ้นมาทันที...โอ๊ย...ตาชั่งแม่งเก่าขนาดนี้แล้ว...มันก็หักน่ะซี่...ลูกกูจะตายอยู่วันพรุ่งนี้แล้ว...มึงยังจะมารังแกคนแก่อีกหรอ...

พวกจ่าได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ...นางพิรากวนก็สะบัดตูดหนีไปทันที

สุดท้ายหนุมานก็ได้เข้าไปแบกพระรามที่ยังหลับอยู่  ออกมาได้...รีบพาออกไปฝากไว้บนยอดเขาแห่งนึง  ฝากเทวดาแถวนั้น...เฮ้ยนี่นายใหญ่พวกลื้อเลยนะ  ช่วยดูแลหน่อย...อั๊วจะกลับไปฆ่าไมยราพแป๊บ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 26...

ตายน่ะตายแน่  แต่บทสุดท้าย  ไมยราพจะตายยังไง...เชิญเสพ


หนุมานเหาะกลับไปท้าสู้กับไมยราพ  ที่เมืองบาดาล...ผลัดกันรุกผลัดกันรับจนเหนื่อยอ่อนไปทั้งคู่...ยังไม่แพ้ชนะกัน...

ไมยราพเลยเสนอ...มึงกะกูมาผลัดกันตีคนละสามทีกว่า...ใครทนก็รอดไป...
...แต่กูขอตีก่อนนะ...

อ้าวว...อีไมยฯ...มึงเอาเปรียบนี่หว่า  ขอตีก่อน...แต่กูไม่กลัวหรอก...บีมายเกสต์...มา...กูนอนให้มึงตีก่อน...

อาวุธที่ไมยราพใช้ตีหนุมาน...คือต้นตาลขนาดมหึมาสามต้น...มาบิดเกลียวทำเป็นกระบอง...

หนุมานร่ายมนต์ให้ร่างกายอดทน...แล้วก็นอนรอให้ตี...ไมยราพฟาดซะสุดแรงเกิด...สามเปรี้ยงผ่านไป...ตัวหนุมานถึงกับจมลงไปในดิน...

แต่ไม่บาดเจ็บอะไร...ลุกขึ้นมา...คราวนี้ทีกูมั่งนะอีไมยฯ...

ตาหมายเขม้นจะพิฆาต
องอาจดั่งพญาไกรสร
สองมือกวัดแกว่งคทาธร
วานรก็ฟาดลงสามที ฯ

เสียงสนั่นครั่นครื้นอากาศ
ตระบองแหลกกายขาดไปกับที่
แล้วฉีกแขนขาอสุรี
ขุนกระบี่ขว้างไปด้วยฤทธา

โห...หนุมานเอาคืน  ถึงขั้น rest in pieces...แยกเป็นชิ้นๆกันเลยทีเดียว...

แต่...ไมยราพไม่ตายฮะ...ไอ้ที่แยกเป็นชิ้นๆ...มันกลับมาต่อกันใหม่ได้...นี่มึงยักษ์หรือเลโก้วะเนี่ย...

ลุกขึ้นมาสู้กันอีกยก...จนหนุมานได้เปรียบ...เหยียบอกไมยราพติดพื้นไว้...ตะโกนถามนางพิรากวน...
ยาย...ไอ้นี่มันฆ่าไม่ตายอ้ะ...เอาไงดี...

ยายพิรากวนก็บอกเคล็ดลับ...ไอ้ไมยฯมันถอดดวงใจไว้...เป็นแมลงภู่ตัวนึง  อยู่ยอดเขาตรีกูฎ...

แล้วยอดเขาอยู่ไหนยาย...อยู่ปู๊นแน๊...
ปู๊นไหน...โห  โคตรไกลเลยว่ะ...แต่ไม่เป็นไร...นิยายอินเดียซะอย่าง...

เท้าเหยียบอสุราไว้มั่น
กรนั้นประนมเหนือเกศา
ก็ร่ายพระเวทอันศักดา
นิมิตกายกายาวานร ฯ

รูปนั้นใหญ่เท่าพรหมาน
สูงตระหง่านดั่งหนึ่งสิงขร
พร้อมทั้งสี่พักตร์แปดกร
สำแดงฤทธิรอนเกรียงไกร

เท้าซ้ายเหยียบอกอสุรี
มิให้เคลื่อนจากที่ขึ้นได้
เท้าขวานั้นก้าวทะยานไป
ยังในตรีกูฏบรรพตา

ไมยราพบอก...ยอมละครับ...ถ้าเค้าจจะเขียนบทให้พี่ทำได้ถึงขนาดนี้...หนุมานก็คว้าจับขยี้แมลงภู่แล้วก็ตัดหัวไมยราพไปพร้อมกัน...คราวนี้ตายจริง...

แล้วหนุมานก็เหาะ  พาพระรามกลับกองทัพ...พอพระรามฟื้น  คำแรกที่ถาม...ไหนล่ะ  ที่พิเภกทำนายไว้...ยักษ์เยิ้กที่ไหนไม่เห็นมาเลย...พิเภกลื้อมั่วป่าววะ...

หนุมานและพรรคพวก  แทบสลบ...ไปรบมาแทบเป็นแทบตาย...นายมาถามยังงี้...

เสร็จศึกไมยราพ...ทศกัณฐ์ก็เร่งหาคนไปตายแทนอีก...คราวนี้ก็ถือว่ามีฤทธิ์เดชไม่น้อย...น้องชายคนรอง...กุมภกรรณ...

กุมภกรรณเอง...นอกจากจะมีฤทธิ์มีเดชน่าเกรงขามแล้ว...ยังถือว่าเป็นยักษ์มีคุณธรรมอีกตนนึง...พอพี่ชายขอให้ไปรบกับพระราม...กุมภกรรณก็บอกเลย...

ไอ้ที่ยุ่งเนี่ย...เพราะมึงไปลักเมียเขามานะพี่ทศฯ...

น่าสังเกตนะฮะ...คราวก่อน  พิเภกก็เตือนแบบนี้...ถึงกับถูกขับออกจากเมือง...แต่ก็อย่างว่าแหละฮะ...พิเภกแกเป็นยักษ์ไม่มีฤทธิ์...เก่งแต่ดูดวง...เรียกว่าสายบุ๋น...ทศกัณฐ์เลยไม่เกรงใจ...

คราวนี้กุมภกรรณเตือนแบบเดียวกันบ้าง...ทศกัณฐ์ไม่กล้าหักกับน้องคนนี้แฮะ...ก็ได้แต่ด่าโขมงโฉงเฉง...

สุดท้ายกุมภกรรณคงรำคาญ...เออๆๆๆ...กูไปรบให้ก็ได้วะ...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 15:48:38

เล่าความรามเกียรติ์ 27...

ถึงตอนกุมภกรรณ  ลากหอกโมกขศักดิ์มาแผลงฤทธิ์...ฝ่ายพระรามจะสู้ยังไง...เชิญเสพ


กุมภกรรณนี่...นอกจากแกจะแกฤทธิ์เยอะแล้ว  ยังเจ้าเล่ห์ไม่เบา...

ในการรบยกแรก...คนที่จะมารับแขกคือสุครีพ...กุมภกรรณหยามก่อนเลยว่า...ไอ้ตัวแดง...ผลประกอบการแย่ตลอดล่ะซี่มึง  ถึงได้ตัวแดงแจ๋ขนาดนี้...ป่าวโว้ย  กูลูกพระอาทิตย์  ต้องตัวแดงสิวะ...

ไอ้ตัวแดง  มึงอย่ามาโม้...ระดับมึงน่ะไม่ค่อยเก่งหรอก...ถ้าเก่งจริง  มึงไปถอนต้นรังใหญ่มาให้กูดูก่อน...จะเชื่อว่ามึงมีฝีมือพอจะมาสู้กะกูได้...

น้าครีพของเราก็ดันหลงเชื่อคนง่าย...เค้าให้ถอน  ก็เหาะไปถอน...ต้นรังใหญ่ยักษ์นะฮะ  ไม่ใช่ถอนหญ้าแห้วหมู...ก็เลยเสียแรงไปเยอะ  แล้วพอกลับมาสู้กับกุมภกรรณ...ผลคือ...หมดแรงข้าวต้ม...แพ้สิฮะ...ถูกกุมภกรรณจับตัวไปได้...

เดือดร้อนหนุมาน...ต้องไปช่วยน้าครีพกลับมา...

เริ่มยกแรกฝ่ายพระรามท่าทางไม่ค่อยดีซะแล้ว...

มายกสอง  กุมภกรรณแกมีออพชั่นเพิ่มอีก...คือหอกโมกขศักดิ์...

หอกนี้ชื่อดังนะฮะ...เพราะสมัยก่อน  เด็กๆรุ่นผมต้องเรียนบทนี้กันทุกคน...ผมยังท่องกลอนบางตอนได้จนทุกวันนี้เลย...ไม่รู้เด็กสมัยนี้เรียนบทนี้อยู่รึเปล่า...

เหมือนเศรษฐีสมัยนี้ล่ะฮะ...อะไรที่มีค่ามากๆ  เอาไปฝากเซฟที่แบ๊งค์ไว้...หอกนี่ก็เหมือนกัน...กุมภกรรณไปฝากพระพรหมไว้...

ตอนไปขอคืน...พระพรหมก็ติงๆอยู่...เฮ้ย  เอาไปทำอะไรนอกลู่นอกทางรึเปล่าท่านกุมฯ...ทำไมหอกวิเศษระดับนี้  อยู่เฉยๆมันขึ้นสนิมได้...

กุมฯก็กลุ้มใจอยู่เหมือนกันอ้ะฮะ  ท่านพรหม...แต่ขัดพี่ทศฯแกไม่ได้...คามม่อน...เอามาเหอะ...

พอได้มาแล้วก่อนจะเอาไปแทงใคร...ก็ต้องมีพิธีลับหอก...กุมภกรรณก็ซุ่มทำพิธีทันที...

ฝ่ายพระราม...หลังจากที่หนุมานไปชิงสุครีพคืนมา...ก็รอแล้วรอเล่า...เอ๊...ไอ้กุมฯมันโดนหนุมานเล่นงานซะงอม  ตอนไปชิงสุครีพ...แล้วไหงมันเงียบไม่ยักมาเอาคืน...ท่านพิเภก  ส่องหน่อยซิ...

ส่องแล้วพะย่ะค่ะ...กุมภกรรณมันไปแอบทำพิธี  เพิ่มสมรรถนะยูเรเนี่ยมอยู่...อ้อ...ดูผิดๆ...มันไปทำพิธีลับหอกโมกขศักดิ์อยู่พะย่ะค่ะ...

แล้วหอกมันเจ๋งมากหรอ...

สุดยอดเลยพะย่ะค่ะ  ถ้ามันไม่ลับหอก  สนิมเขรอะยังงี้  โดนแทงมีหวังบาดทะยักแดก...แต่ถ้ามันลับหอกสำเร็จ...สงสัยเรามีเหนื่อย...ไม่รู้จะสู้มันยังไงเลยล่ะนั่น...

พระรามก็ใช้...(ก็เห็นมีเก่งๆอยู่ไม่กี่ตัวแหละ)...หนุมาน...อีกแล้วครับท่าน...มึงไปทำลายพิธีไอ้กุมฯมันหน่อย...

หนุมานก็ชวนลูกพี่ลูกน้องของตน...องคต...ไปทำลายพิธีด้วยกัน...

คงเพราะว่ารู้นิสัยกุมภกรรณดี  ว่าเป็นยักษ์สำอาง  สะอาดสะอ้านน้ำหอมฟุ้งตลอดเวลา...ก็เลยวางแผน...ไอ้คต  กูจะแปลงเป็นหมาเน่าลอยน้ำไปนะ...พอไปถึงที่ๆไอ้กุมฯมันทำพิธี...มึงแปลงเป็นอีกา...ลากไส้กูออกมา...หนงหนอนมึงลากออกมาให้ยั้วเยี้ยเลยน้า...เอาให้ไอ้กุมฯแม่งแดกข้าวไม่ได้เป็นเดือนเลย...

แล้วก็จริงอย่างที่สองจ๋อเขาเตี๊ยมกัน...

เมื่อนั้น
พญากุมภกรรณยักษี
ลับหอกอยู่ในพิธี
อสุรีแลไปในสาคร

เห็นสุนัขเน่าลอยมาวนอยู่
มีหมู่แมลงวันตอมว่อน
กาจิกเหม็นตลบอบขจร
หมู่หนอนคลาคลํ่าทั้งกายา

แต่เห็นก็ให้อาเจียน
คลื่นเหียนเวียนพักตร์ยักษา
ลับหอกไม่ได้ดั่งจินดา
ก็ลุกมายังรถมณี

เรียกว่าต้องร้องขอยาดมยาหอมกันให้วุ่น...พิธีก็ต้องล้มเลิกกลางคัน...

แต่ถึงพิธีลับหอกจะไม่สำเร็จ...กุมภกรรณก็ลากหอกโมกขศักดิ์ออกไปรบ  ใช้แม่งทั้งสนิมเขรอะๆยังงั้นแหละ...
ดีซะอีก...แทงใครเผื่อมีบาดทะยักแถมด้วย...

ฝั่งพระราม...ศึกนี้เป็นระดับไม่ธรรมดา  ถึงกับต้องส่งนายรอง...พระลักษมณ์ออกมารบด้วย...แสดงถึงเลเวลของกุมภกรรณนี่ประมาทไม่ได้เชียว...

พอเจอหน้าก็หยามกันก่อนเลย...กุมภกรรณบอก...น้องสาว...อ้อนแอ้นอย่างนี้จะรบกับพี่ไหวหรอ...

พระลักษมณ์ก็โต้ทันที...แล้วมึงรู้ไม๊น้องๆมึง  ทูษณ์ ขร ตรีเศียรน่ะ  ตายเพราะฝีมือใคร...

อ้าว...ปากดียังงี้  กุมภกรรณคงเอาไว้หรอก...ก็ซัดหอกโมกขศักดิ์  เสียบอกพระลักษมณ์เข้าอย่างจัง...ถึงกับลงไปกองสลบกับพื้น...

พวกลิงๆตกใจใหญ่  ไม่รู้นายรองตายรึเปล่า...ก็พากันรบป้องกันจนแยกออกมาได้...ส่งข่าวไปบอกพระราม...

พอพระรามมาถึง...ทำไงพอเดาออกไหมฮะ...นั่นแหละฮะ...ร้องไห้ตามระเบียบ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 28...

หอกโมกขศักดิ์จะเวิร์คมั้ย...กุมภกรรณจะงัดอะไรมาเล่นงานฝ่ายพระรามอีก...เชิญเสพ


พระเอกร้องไห้สะอึกสะอื้น  ทำอะไรไม่เป็น  จนพิเภกต้องมาชี้ทางสว่าง...

บัดนั้น
พญาพิเภกยักษี
เห็นพระองค์ทรงโศกโศกี
อสุรีกราบลงกับบาทา

ทูลว่าพระลักษมณ์สุริย์วงศ์
ยังไม่ปลงชีวังสังขาร์
อันโมกขศักดิ์อสุรา
พรหมาประสิทธิ์ประสาทไว้

ทรงอานุภาพฤทธิรุทร
ต้องใครจะฉุดนั้นไม่ไหว
แต่มียาคู่หอกชัย
ให้ไว้สำหรับแก้กัน

แต่ต้องทำตามเงื่อนไข...ข้อที่หนึ่ง...พิเภกบอก...แผลห้ามโดนน้ำ...อ้อไม่ใช่...ห้ามโดนแสงอาทิตย์...หมายความว่า...ถ้ารอให้ถึงรุ่งเช้าพระอาทิตย์ขึ้น...พระลักษมณ์เด๊ดแน่นอน...

เงื่อนไขต่อมา...ต้องไปเอายาสองขนาน...สังกรณีกับตรีชวา...ที่เขาสรรพยา...ผสมกับน้ำปัญจมหานที...ก็แม่น้ำทั้งห้านั่นแหละ...บดรวมๆกัน...ทาๆๆ...หายๆๆๆ  พะย่ะค่ะ...

พระรามได้สติ  หันไปมองทหารทั้งเจ็ดสิบเจ็ดสมุทร...ก็เลือกใช้ตัวเดิม...หนุมาน...จัดการ...

อันที่จริงก็ไม่ต้องยกมาเป็นกองทัพก็ได้นะฮะ...เอาหนุมาน  กับพรรคพวกไม่เกินสิบตัว...ก็สู้ได้อยู่แล้ว...ไอ้เจ็ดสิบเจ็ดสมุทรไม่รู้ยกมาให้เหนื่อยทำไม

หนุมานก็วางแผน...อันดับแรกต้องไปคุยกับพระอาทิตย์ก่อน...ให้ลดสปีดลงนิดนึง...

เอ้อ...ทำไมไม่ให้สุครีพไปเนาะ...เค้าพ่อลูกกันน่าจะคุยกันง่าย...แต่ก็...ตามบทเขาเขียนมายังงี้...

พอหนุมานไปถึง...กำลังจะเช้าพอดี...ไม่มีเวลาให้คุยอะไรแล้ว...

เห็นพระอาทิตย์ขับรถ
เลี้ยวลดตามเหลี่ยมสิงขร
ล่วงจากทวีปอุดร
ไขสีอ่อนอ่อนขึ้นมา

ขุนกระบี่ผู้ปรีชาไว
ไม่อาลัยแก่ชีพสังขาร์
ผาดโผนโจนทะยานด้วยฤทธา
ฉวยท้ายรัถาพระสุริยัน

ผลคือ...หนุมานเวลดัน...กลายเป็นลิงย่าง  ตายแหงแก๋อยู่ท้ายรถ...พระอาทิตย์รู้สึกว่ารถมันสะเทือนๆยังไงพิกล  สงสัยต้องไปเข้าศูนย์ถ่วงล้อสักหน่อย...ก็บังเอิญหันไปเห็นซากลิงแห้งติดอยู่ท้ายรถ...แต่ที่แปลกใจคือ  ลิงอะไรหว่า  มีขนเพชร...เอ่อๆๆ  หมายถึงขนที่เป็นเพชรน่ะฮะ...

ก็เลยชุบชีวิตขึ้นมา...แนะนำตัวกันเรียบร้อย  เจรจาต่อรองกันได้แค่ว่า...พระอาทิตย์จะหยุดรถให้ไม่ได้หรอก...แต่จะขับไปบังๆอยู่หลังเมฆให้แล้วกัน...ช่วยได้แค่นี้อ้ะ...

แค่นี้ก็แค่นี้วะ...หนุมานไปต่อที่เขาสรรพยา...ไอ้สมุนไพรสังกรณีกับตรีชวา...ก็ดันเป็นสมุนไพรเล่นตัวซะอีก...กว่าจะจับได้ต้องให้ออกฤทธิ์...ใช้หางม้วนตั้งแต่ตีนเขาค่อยล้อมไปจนถึงยอดเขา...ถึงจะได้สองสมุนไพรนี้มา...

ส่วนปัญจมหานที...ก็ไปเอาที่อยุธยา...ได้มาแล้ว  พิเภกก็จัดการปรุงยาแก้ไขจนพระลักษมณ์ฟื้นขึ้นมาได้...

สองยกแล้วนะที่กุมภกรรณชนะคะแนน...แต่ถ้าอยากจะน๊อค...ต้องใช้กลยุทธ์ต่อไป...ทดน้ำ

เริ่มจากเนรมิตร่างกายใหญ่โต  แล้วก็ลงไปนอนขวางอยู่ใต้น้ำแห่งหนึ่ง...ผลคือ...น้ำที่ไหลมาทางกองทัพพระรามเริ่มแห้งลง...เดือดร้อนล่ะซี่...

ทางแก้ของฝ่ายพระราม...ก็เหมือนเดิม...พระรามถาม...พิเภกบอก...หนุมานไปลุย...

เอ้อท่านพิเภก...แล้วกุมภกรรณมันนอนทดน้ำอยู่ที่ไหนล่ะ...

ขออภัยพะย่ะค่ะ...กุมภกรรณมันปิดโลเคชั่น...ข้าพุทธเจ้าก็แทร็คมันไม่เจออ้ะ...หนุมานก็ต้องไปด้นเอาเอง...

แต่ด้วยจุดอ่อนเล็กๆน้อยๆ...มีผลถึงแพ้ชนะได้...ก็เพราะนิสัยส่วนตัวกุมภกรรณแกเป็นหนุ่มสำอางค์...ขับรถสปอร์ต...น้ำหอมต้องฟุ้ง...ทุกวันเลยสั่งให้นางกำนัลห้าตนเอาดอกไม้ไปถวาย...แต่ห้ามบอกใครนะว่าไปถวายที่ไหน...ก็แปลว่ามีแต่นางกำนัลพวกนั้นที่รู้ที่กุมภกรรณไปนอนทดน้ำ...

หนุมานแกก็ด้นไปเรื่อย...ปลอมตัวอย่างนั้น...ไปถามคนนี้...ไปเจ๊าะแจ๊ะกับคนนู้น...จนไปเจอกับนางกำนัลทั้งห้าที่มีหน้าที่ถวายดอกไม้จนได้...ฉากนี้เหมือนหนังสายลับเลยอ้ะ...ตอนนางกำนัลแยกกันไปเก็บดอกไม้...หนุมานแอบโผล่มาฆ่านางกำนัลคนนึง  แล้วปลอมตัวเข้าไปแทน...

พอรู้พิกัดแน่นอน...หนุมานก็มุดน้ำลงไปสู้กับกุมภกรรณ...ทำลายพิธีทดน้ำได้สำเร็จ...

หอกไม่สำเร็จ...ทดน้ำก็ไม่สำเร็จ...หมดออพชั่นแล้ว...ยกต่อไป...ยกสุดท้าย...กุมภกรรณต้องออกรบด้วยตนเอง...คราวนี้มาเจอพระรามให้รู้ดำรู้แดงกันซะที...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 15:53:23

เล่าความรามเกียรติ์ 29...

วันนี้ปิดฉากกุมภกรรณแล้ว...ทศกัณฐ์จะส่งใครออกรบอีก...เชิญเสพ


ไอ้ตอนกุมภกรรณจะยกทัพออกมารบกับพระราม...ก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นกับกองทัพดังนี้...

ครั้นมานอกราชนิเวศน์
ให้เกิดเหตุวิปริตลางใหญ่
ช้างม้าตื่นเต้นวุ่นไป
บันดาลให้เห็นอัศจรรย์

ทั้งรถที่พญามารทรง
กำกงไม่สะเทือนเลื่อนลั่น
ราชสีห์ซึ่งเทียมมาทั้งพัน
หน้านั้นก็กลับเป็นหน้าลา

ผีภูตทั้งสี่สำแดงกาย
เดินกรายผ่านทางขวางหน้า
กาแร้งบินว่อนร่อนมา
ถาบถาโฉบลงที่ธงชัย

พิณพาทย์เภรีไม่มีเสียง
สำเนียงพลโห่ดั่งร้องไห้
ธงทิวก็ไม่ปลิวสะบัดใบ
โขมดไพรกู่ร้องเยือกเย็น

เป็นเราๆท่านๆ...เจอลางบอกเหตุขนาดนี้...ก็นอนคลุมโปงอยู่บ้านล่ะฮะ...ไม่ร้งไม่รบมันแล้ว...คงจะชนะหรอก...
แต่กุมภกรรณแกยังแข็งใจไป...

การรบของตัวเอกๆในรามเกียรติ์  ไม่ค่อยมีอะไรมากหรอกครับ...อาวุธหลักก็คือ ศร...ก็ยิงกันไปยิงกันมา...
ฝ่ายนึงก็แผลงมา...ฆ่าลิงตาย...อีกฝ่ายก็แผลงกลับ...ลิงฟื้น  ยักษ์ตายมั่ง...

ฝ่ายนึงแผลงศรไปถูกรถอีกฝ่ายนึงหักไป...อีกฝ่ายก็แผลงศรมาแก้...

สุดท้ายก็ตามบท...กุมภกรรณถูกศรพระรามปักอก...ก่อนตายก็ได้เห็นว่าพระรามคือพระนารายณ์...ก็บ่นเสียดายว่า  รู้งี้เชื่อภิเภกซะดีกว่า...น้องชายเคยเตือนแล้ว...ตอนนั้นดันไม่เชื่อ...

เอ้อ...แล้วเค้ายังมีการขอกันได้ด้วยนะ...กุมภกรรณขอพระรามว่า  ถ้าตนตายแล้วช่วยส่งขึ้นสวรรค์ด้วย...พระรามก็ยอมตามนั้น...เป็นอันว่า...หมดกุมภกรรณไปอีกคนแล้ว...

คราวนี้ทศกัณฐ์ทำไงต่อล่ะ...เจเนอเรชั่นเดียวกัน  น้องนุ่งตายโหงกันหมด...เหลือพิเภกก็ไม่นับ...เพราะไปอยู่ฝั่งพระรามเต็มตัว...

“ป๊ะป๋า...หนูจัดการให้เอง”...คราวนี้อินทรชิตอาสามั่ง...ทศกัณฐ์ก็ดีใจ...ขอบใจมากลูกเอ๋ย...มีคนไปตายแทนแล้ว...พ่อดีใจ๊ดีใจ...

ฝั่งพระราม...คนที่จะออกมารับหน้าอินทรชิต...คือพระลักษมณ์...

รบกันยกแรกไม่ค่อยเท่าไหร่...ออกแนวโชว์อาวุธแข่งกันซะมากกว่า...

ไอ้นู่นยิงศรมา...ไพร่พลฝั่งนี้ตาย...ฝั่งนี้ก็ยิงศรไปแก้...ไพร่พลกูฟื้น  ไพร่พลมึงตายมั่ง...กูยิงไปอีก...รถมึงหัก...มึงก็มาโจมตีบนรถกู...กูก็ตีมึงซ้ำ...

ขำๆกันสักพักก็เลิกกันไป...ไอ้ที่ตายก็ฟื้น...ไอ้ส่วนไหนที่เสียไปก็เสกกันขึ้นมาใหม่...เออ...เก่งทั้งคู่ว่ะ

อินทรชิตเห็นว่า...อาวุธเท่าที่ตัวเองมี...ถ้าต้องออกไปสู้กันอีก...คงเหมือนรบโชว์งานวันเด็ก...ต้องเพิ่มเลเวลก่อน...เลยขอทศกัณฐ์ว่าจะไปทำพิธี ชุบศรนาคบาศ...ระหว่างนี้...ป๋าทศฯ  ช่วยส่งใครไปตายพลางๆก่อนนะ...

สงสัยอินทรชิตคงเคยทำงานสถานเสาวภามาก่อน...เพราะว่าพิธีของแกคือ...รีดพิษงูฮะ...แต่แกใช้เวทย์มนต์กดดัน...จนบรรดานาคทั้งหลายทนไม่ไหว...ต้องยอมคายพิษลงไปที่ศรนาคบาศของแก...

ระหว่างที่อินทรชิตทำพิธีทรมานงูอยู่...คนที่ทศกัณฐ์ส่งไปตายแทนคือ...มังกรกัณฐ์  ลูกพระยาขร...น้องทศกัณฐ์...

จำได้ไหมฮะที่พระอิศวรสาปไว้...มังกรกัณฐ์นี้ก็คือทรพีชาติที่แล้วนั่นเอง...

พอเจอหน้าหลาน...ทศกัณฐ์ก็เสี้ยมทันที...พ่อของเอ็งน่ะถูกฝ่ายพระรามฆ่าตาย...มันทรมานยังงั้น...น่าแค้นยังงี้...

เครๆๆๆ...พอแล้วลุงทศฯ...ไม่ต้องบิ้วมาก...ยังไงหนูก็ต้องออกไปรบใช่ป้ะ...เออช่ายยยย...

งานนี้พระรามออกหน้าเองเลยฮะ...

เฮ้ย...อินทรชิตยังแค่พระลักษมณ์...มังกรกัณฐ์แม่งเก่งขนาดต้องพระรามเลยหรอ...

แหม...ก็จำที่พระอิศวรสาปไว้ได้ป่าว...ไอ้หมอนี่ต้องตายด้วยศรพระรามไง...คนอื่นออกรบเดี๋ยวผิดบท...ไม่ได้นะ

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 30...

อินทรชิต...แปลว่า  ผู้พิชิตพระอินทร์...คราวนี้มาปะทะกับพระลักษมณ์...จะบู๊ล้างผลาญกันขนาดไหน...เชิญเสพ


มังกรกัณฐ์เจอพระราม...ยกแรกๆที่เจอก็...แนวเดิม...เดี๋ยวไพร่พลกูตายก่อน...เดี่ยวไพร่พลมึงตายมั่ง  ของกูก็ฟื้น...

จะมีอะไรใหม่ๆมั่งก็ตรงที่...มังกรกัณฐ์แกเหาะขึ้นไปแอบบนฟ้า...แล้วเสกให้มีรูปตัวเองเต็มท้องฟ้าไปหมด...

พระรามก็งงสิฮะ...เฮ้ย  พิเภก...มึงช่วยกูดูทีซิ...ไหนมันตัวจริงวะ...

พิเภกก็บอก...ข้าก็ไม่รู้พะย่ะค่ะ...แต่ศรของท่านน่ะ  จะถือเฉยๆให้หนักมือทำไม...หลับหูหลับตายิงไปเถอะ...เดี๋ยวไปถูกตัวจริงมันตาย...ไอ้ที่หลอกๆน่ะก็หายหมด...

เอ้อ...หรอๆๆๆ...ขอบใจนะ...มึงช่วยกูได้มากเลย...

แล้วพระรามก็จับศรพรหมาสตร์...ยิงส่งเดชไปยังงั้นๆ...ถูกมังกรกัณฐ์ตายสมใจนึก...บางลำภู

แล้วพิธีชุบศรนาคบาศของอินทรชิตล่ะ...แน่นอน...ต้องไม่สำเร็จ...พระรามรู้จากพิเภก...ก็ส่งลิงเก่งๆตัวนึงไปทำลายพิธี...

แต่ลิงตัวนี้คงไม่ได้มีฤทธิ์ระดับหนุมาน  หรือองคต  ที่จะไปท้าตีท้าต่อยกับอินทรชิตได้...เลยใช้วิธี Hit & Run...ตีหัวเข้าบ้านแทน...

แกแปลงตัวเป็นหมี...ไปทำเสียงตึงตังโครมคราม...พวกนาคที่เข้าแถวรอคายพิษอยู่...นึกว่าครุฑมา...เค้าแพ้ทางกันอยู่...ก็เลยเผ่นหมด...พ้งพิษไม่คายแล้ว...

ถึงพิธีชุบศรไม่สำเร็จ...แต่ศรนาคบาศก็ยังใช้ได้ร้ายแรงอยู่...บวกกับเล่ห์กลอีกเล็กน้อย...ยกสองอินทรชิตก็เป็นฝ่ายได้เปรียบพระลักษมณ์...

แกให้ลูกน้องตนนึง  ปลอมเป็นตัวเองยืนเก๊กอยู่บนรถศึก  ส่วนตัวเองไปแอบๆซุ่ม...พอพระลักษมณ์เห็นอินทรชิตตัวปลอม...ไม่ทันดูตามม้าตาเรือ...ก็สั่งไอ้จ๋อทั้งหลาย...ลุย...

พอได้จังหวะพระลักษมณ์กำลังเผลอๆ...อินทรชิตก็ยิงศรนาคบาศใส่...

เสียงสนั่นลั่นพื้นสุธาดล
เป็นนาคเกลื่อนกล่นไม่นับได้
พ่นพิษมืดคลุ้มดั่งควันไฟ
ไล่รัดพระศรีอนุชา

เว้นแต่พิเภกผู้เป็นญาติ
ไม่ต้องนาคบาศของยักษา
อันหมู่วานรโยธา
นาคามัดกลิ้งกับดินดาน

คราวก่อนโดนหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณเกือบตายไปที...ตอนนี้โดนนาคบาศรัดกลิ้งอยู่กับพื้น...เหนื่อยใจจิมๆ...ตกลงเก่งมั้ยเนี่ย  พระลักษมณ์จ๋า...

...แต่อินทรชิตไม่ฆ่าพระลักษมณ์ทันทีเพราะมีแผน...ปล่อยพิเภกไปตามพระรามมา...เดี๋ยวพอเห็นน้องชาย  แม่งก็ร้องไห้ฟูมฟาย...ทำอะไรไม่เป็น...กูจะได้จัดการซะทั้งคู่ทีเดียว...

แล้วก็จริงดังคาด...พระเอกของเรายังคงบทบาทเจ้าน้ำตาไว้อย่างเหนียวแน่น...เจอน้องชายถูกนาครัดสลบอยู่กับพื้น  ก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว...พิเภกอีกน่ะแหละ...ถอนใจเฮือก...ต้องกูอีกแระ...สะกิดพระราม...

พระองค์ๆๆๆ...นาคน่ะ  มันกลัวอะไรรู้ป่าว...
กลัวเชือกกล้วยมั้ง...ฮือๆๆ(พูดไปร้องไห้ไป)

พิเภกแอบเบ้ปากมองบน...นั่นมันงูเหลือม...นี่มันนาคนะเว้ย  ไม่ใช่งูธรรมดา...เอ้าให้ตอบใหม่...นาคกลัวตัวอะไร...ขึ้นต้นด้วย ค.ควาย...

คิงคอง...เอ้อ...คงไม่ใช่...งั้น...ครุฑ...เออ  ใช่ว่ะ...นาคกลัวครุฑ...

งั้นไอ้ศรพลายวาตในมือพระองค์น่ะ...ใช้ให้เป็นประโยชน์สิวะ...พะย่ะค่ะ...

พระรามก็แผลงศรพลายวาต...ศรก็วิ่งไปสะกิดตูดครุฑถึงวิมานฉิมพลี...ครุฑก็ลงมาทำหน้าที่ขับไล่นาคไป...พระลักษมณ์ก็ฟื้นขึ้นมาได้...

ศรนาคบาศไม่สำเร็จแล้ว...อินทรชิตยังไม่ยอมแพ้...ทำพิธีชุบศรอันใหม่...ยี่ห้อ พรหมาสตร์...(เอ้  ยี่ห้อนี้คุ้นๆว่าพระรามก็มีนี่หว่า...ไม่รู้ใครก๊อปใครเนี่ย)

บอกป๋าทศฯ...ระหว่างนี้ให้ส่งใครไปตายแทนก่อนอีกซักคนนะ  หนูจะซุ่มทำพิธี...แล้วไม่ต้องให้ใครมารบกวนนะป๋า...ใครจะตายก็ไม่ต้องมาบอก  เดี๋ยวพิธีเสียหมด...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 16:03:15

เล่าความรามเกียรติ์ 31

อินทรชิต  มาสวัสดีปีใหม่ฝ่ายพระราม...คราวนี้แปลงกายเป็นพระอินทร์มาเลย...ฝ่ายพระรามจะแก้เกมยังไง...เชิญเสพ


ศึกอินทรชิตค่อนข้างจะเรื้อรัง...ต้องสู้กันหลายยกหน่อย...อย่าเพิ่งเบื่อกันนะฮะ...

ยกต่อมา...มันบังเอิญให้ฝ่ายพระรามต้องใช้ให้พิเภกไปเป็นแม่กองเสบียง...ก็เลยไม่ได้มานั่งพยักเพยิดอยู่ข้างๆ...

แล้วฝั่งอินทรชิต  ที่ชุบศรพรหมาศตร์สำเร็จแล้ว...
คราวนี้ยกทัพมาแบบหล่อๆเลยล่ะฮะ...คือแกเนรมิตตัวเองเป็นพระอินทร์...ขี่ช้างเอราวัณ...พร้อมขบวนเทวดานางฟ้า...แห่แหนกันมาเต็มอัตรา...

ว่าด้วยช้างเอราวัณ...หลายคนคงเคยได้ยินชื่อนี้...
รู้แหละว่าต้องใหญ่โตมโหระทึกแน่นอน...แต่จะใหญ่แค่ไหนล่ะ...อันนี้ก็เป็นสุดยอดจินตนาการของอินตะระเดียเขา...ลองมาฟังคำบรรยายกัน...

เอราวัณ...เป็นช้างเผือกมี 33 หัว...เจ๋งมั้ยล่า...ทศกัณฐ์มีแค่สิบหัวเอง  ยังสู้ไม่ได้อ้ะ...แต่แค่นี้ยังไม่พอ...

แต่ละหัวมีงา 7 กิ่ง...งาแต่ละกิ่งมีสระบัว7 สระ...แต่ละสระมีกอบัว 7 กอ...แต่ละกอมีดอกบัว 7 ดอก...แต่ละดอกมีกลีบ7 กลีบ...
แต่ละกลีบมีเทพธิดา 7องค์...เทพธิดาแต่ละองค์มีนางฟ้าเป็นบริวาร 7 นาง...โอ๊ย...เวียนหัวว่ะ...

มีผู้คำนวณให้แล้วว่า...บนตัวช้างเอราวัณ...มีนางฟ้าอยู่มากกว่ายี่สิบเจ็ดล้านนาง...ว้ายยย...เยอะยิ่งกว่าเห็บหมาอีกว่ะเนี่ย...

เหน็ดเหนื่อยกับการทำความรู้จักช้างเอราวัณแล้ว...เรามาดูว่าอินทรชิตทำไงต่อ...

แกก็ขี่ช้างเอราวัณมา...โดยมีขบวนนางฟ้าเทวดาแตรวง 
รำป้อฉิ่งฉับกันมาสนุกสนาน...พระลักษมณ์ก็ออกมาดูเพลินเลยล่ะ...ลิงไพร่พลก็มันแทบจะลุกขึ้นมาเต้นตามไปด้วย...

อย่างที่บอกล่ะครับว่าเป็นความบังเอิญที่พิเภกไม่อยู่...ก็เลยไม่มีใครสะกิด...เฮ้ย  นั่นมันไม่ใช่งานบวชนาคนะท่าน...มันเป็นแผนลวง...

เพลินไปเพลินมา...ไอ้พวกลิงก็ยังเต้นกันลืมตัว...อินทรชิตถือโอกาส  ยิงศรพรหมาศตร์เข้าใส่...

พระลักษมณ์หงายเก๋งลงไปทันที...โถๆๆๆ...นี่โดนกี่ครั้งแล้วเนี่ย  พระลักษมณ์หนอพระลักษมณ์...

บรรดาลิงลูกน้องก็กลิ้งกันหมด  ยกเว้นหนุมานที่ยังรอดอยู่ตัวเดียว...

ยังอีก...หนุมานก็ยังนึกว่าเป็นพระอินทร์จริงๆ...โกรธหนักมาก...ต่อว่าด่าทอ 
แล้วก็เข้าต่อสู้พยายามจะหักคอช้างเอราวัณให้ได้...เลยโดนอินทรชิตสวนด้วยศรพรหมาศตร์...หวดป้าบเข้าให้...ลงมากองสลบอยู่กับพื้น...

อินทรชิตหัวเราะแบบผู้ร้ายหนังไทย  แล้วก็ยังอุตส่าห์งัดแผนเดิมออกมาใช้อีกรอบ...
เฮ้ย...ปล่อยแม่งกองอยู่อย่างนี้แหละ...เดี๋ยวพี่ชายมันมาดู...ก็ร้องไห้สลบ...ไม่มีปัญญาทำอะไรได้หรอกวะ...ฮ่าๆๆๆ...

แล้วก็เป็นตามนั้น...พระรามมาเจอ...ร้องไห้สลบตามเคย...พอทศกัณฐ์รู้ข่าว 
ก็รีบส่งฮ. หรือสมัยนั้นก็คือบุษบกแก้ว...ไปรับนางสีดาเพื่อให้มาเห็นกับตา...ผัวเธอนะตายแล้วจริงๆ...

นางสีดาก็นั่งฮ. มากับนางตรีชาดา เมียพิเภก...ที่เป็นต้นห้อง...

แหม...พระราม-สีดา  สองคนนี่เค้าสมเป็นผัวเมียกันจริงๆ...
พระรามกอดน้องชายสลบ...นางสีดาก็เข้ามากอดเท้าพระราม...สลบไปด้วยกัน...เรียกว่านอนสลบร้อยเป็นพวงเหมือนไส้กรอกอีสานกันเลย...

นางตรีชาดาต้องเข้ามาสะกิด...
ตามบทน่ะ  ผัวท่านไม่น่าตายง่ายๆหรอก...อีกอย่างนะ...ไอ้บุษบกที่เรานั่งมาเนี่ย...ถ้าเป็นหญิงหม้ายนั่งนะ...มันจะเหาะไม่ขึ้น...ท่านลองขึ้นไปนั่งดูอีกทีซิ...

นางสีดาก็ขึ้นไปนั่งบุษบก...เออ  ยังเหาะได้แฮะ...สบายใจแระ...เหาะกลับเอาตัวเองไปเป็นตัวประกันต่อที่ลงกา...ให้พวกแมนๆเค้ารบกันต่อไป...

แล้วอินทรชิตนี่ก็ไม่รู้ยังไง  ได้เปรียบขนาดนี้แล้วยังไม่ซ้ำให้จบ...ยังปล่อยให้ฝั่งพระรามนอนกองกันอยู่ยังงี้...จนพิเภกกลับมาพอดี...

พอเห็นสภาพ  นายใหญ่นายรอง  สุครีพ  หนุมาน  องคต...เค้เก้อยู่กับพื้น...ก็เข้าแก้ไขหนุมานก่อน...
พอฟื้นมาแล้วก็ช่วยแก้โง่ให้...ไอ้ที่เอ็งไปสู้น่ะ...ไม่ใช่พระอินทร์หรอก...ไอ้อินทรชิตมันแปลงตัวมา

อ้าว แล้วพวกนายใหญ่นายรองที่โคม่าอยู่เนี่ย...แก้ยังไง...

พิเภกก็บอกทางแก้ให้ว่า...ต้องไปเอายาที่เขาอาวุธ...แต่เขาเนี่ย  มันไม่ได้เข้าไปง่ายๆ...มีจักกรดพัดอยู่ตลอดเวลา...แต่พระอิศวรได้บัญชาเอาไว้ว่า...

อันในโองการเจ้าโลกา
ถ้าองค์นารายณ์อวตาร
มาเป็นพระรามสุริย์วงศ์
ในพงศ์อยุธยามหาศาล
พระน้องต้องศรขุนมาร
จึ่งให้ทหารฤทธิรุทร

ชื่อว่าหนุมานชาญณรงค์
ลูกองค์พระพายเทวบุตร
ไปยังภูผาอาวุธ
จักรนั้นจะหยุดด้วยฤทธี

จึ่งเอาโอสถพระอิศรา
มาแก้พรหมาสตร์ยักษี
พระลักษมณ์ก็จะคืนชีวี
ทั้งพวกกระบี่พลากร

โห...ถ้าผมเป็นฝ่ายยักษ์...น้อยใจตายเลยอ้ะ...ก็พี่เล่นเขียนบทไว้ก่อนยังงี้...
บทละเอียดถึงขนาดว่า  ใครจะถูกศรยิง...แล้วต้องให้ใครมาเอายา...ระบุชื่อด้วยนะ...ยังงี้ไม่รู้จะสู้ไปทำไม...ยักษ์ถูกเขียนบทให้แพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้วล่ะสิ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 32

แม้เป็นวันปีใหม่  แต่อินทรชิตไม่ยอมหยุด...คราวนี้จะงัดมุกอะไรไปสู้กับฝั่งพระราม...เชิญเสพ


แต่การไปเอายาที่เขาอาวุธ...ก็ไม่ใช่ว่าจะง่ายๆสบายบรื๋อ...มันต้องมีอะไรยากๆเข้าไว้หน่อย...

เช่น...ต้องแซะ  แล้วก็ยกเขามาทั้งลูก...
หนุมานก็ต้องวานเทวดาแถวๆนั้น...ช่วยๆกันประคองมาหน่อย...มาแล้วก็มาเหาะลอยอยู่เหนือลม...ให้ลมพัดเอากลิ่นยามาหากองทัพ...ก็เป็นอันฟื้นมาได้...

อินทรชิต...ลูกรักพ่อทศฯ...ก็ยังไม่ละความพยายามช่วยพ่อชิงเมียชาวบ้านให้สำเร็จให้ได้...คราวนี้มาอุบายใหม่...

ตอนยกทัพจะออกรบ...ก็เอานักโทษประหารตนนึง  ใส่ท้ายรถมาด้วย...เอาใส่มาทำไมหรอ...

ก็ให้ไอ้นักโทษนั้นน่ะ   แปลงกายเป็นสีดา...มึงต้องทำ...ไม่ทำนอกจากมึงหัวขาดแล้ว...ลูกเมียมึงโดนด้วย...แต่ถ้ามึงยอม...ลูกเมียมึงยังรอด...

การรบคราวนี้...อินทรชิตเลยได้สีดาตัวปลอม...นั่งติดท้ายรถมาด้วย...

พอมาปะหน้ากับพระลักษมณ์ (ยังไม่เข็ดอีกนะ  พระลักษมณ์)...ขณะกำลังมึนงงว่า 
พี่สะใภ้กูออกมาด้วยทำไม...อินทรชิตก็ทำเป็นอารมณ์เสีย  โวยวายนู่นนี่...แล้วก็จิกหัวสีดาปลอมทันที...

สีดาปลอมก็เล่นซะสมบทบาท...กรีดร้องขึ้นมาสุดเสียง...ลักษมณ์  ไม่ช่วยพี่เลยเหรอ...อินทรชิตก็จัดการ...

เมื่อนั้น
อินทรชิตฤทธิไกรใจหาญ
เท้าหนึ่งเหยียบเข่าสุขาจาร
ด้วยใจขุนมารชาญฉกรรจ์

กรซ้ายจิกเศียรอสุรา
กรขวากวัดแกว่งพระแสงขรรค์
ฟาดลงด้วยกำลังกุมภัณฑ์
เศียรนั้นก็ขาดจากกายา

สุขาจาร  คือชื่อยักษ์ที่ปลอมตัวเป็นนางสีดา...แล้วอินทรชิตยังมีขู่ซ้ำ...
พี่สะใภ้มึงตายโหงแล้ว...ไม่ต้องมาแก้แค้นกูหรอก...กูจะยกทัพไปตีถึงอยุธยาเมืองมึงเลย...คอยตั้งรับให้ดีเถอะ...แล้วอินทรชิตก็เลิกทัพกลับไป...

เปล่า...ไม่ได้ไปตีอยุธยาจริงหรอก...ประกาศถ่วงเวลาไปยังงั้น...เอาจริงเข้า...ก็ไปแอบซุ่มทำพิธี...

เดิมเคยชุบศรอันนั้นอันนี้...ไม่สำเร็จ...คราวนี้ไปซุ่ม...ชุบตัวเองเลย...ถ้าทำพิธีครบเจ็ดวัน...จะฆ่าไม่ตาย...

ฝ่ายพระลักษมณ์...เห็นพี่สะใภ้หัวขาดกระเด็นต่อหน้าต่อตา...ก็กระเซอะกระเซิงไปหาพี่ชาย...ยังไม่ทันบอกเล่าอะไร...สลบไปซะก่อน...

พอฟื้นขึ้นมาก็ฟูมฟาย  ฮือๆๆ  พี่สี  พี่สี  พี่สีแกหัวขาดตายโหงไปแล้ว...พอได้ยินพี่ชายก็เตรียมจะสลบตามอยู่แล้ว...ดีที่พิเภกอยู่ข้างๆ...คอยสะกิด

อย่าเพิ่งๆ...คนอ่านเค้าจะรำคาญตายห่านนะพะย่ะค่ะ...เอะอะสลบๆๆ...แล้วอีกอย่าง...หม่อมฉันเปิดบทดูแล้ว...ไอ้ที่ตายน่ะตัวปลอม...
เมียตัวจริงของพระองค์น่ะ...ยังสวยเช้งเหมือนเดิม...ไม่เชื่อส่งลูกน้องไปดูได้...ศพที่กลิ้งอยู่น่ะ...เป็นศพยักษ์ผู้ชาย...

อ้าว...แล้วที่ไอ้ชิตมันทำอุบายยังงี้  เพื่ออะไรวะ...

อ๋อ...มันซื้อเวลาพะย่ะค่ะ...
ตัวมันน่ะหวังให้เราเลิกทัพกลับไปป้องกันอยุธยา...มันจะได้ซุ่มทำพิธีชุบตัว...ถ้าสำเร็จครบเจ็ดวัน...คราวนี้ล่ะ...ฆ่ายากยิ่งกว่าเชื้อโรคดื้อยาซะอีก...

พระรามสั่งเลย...ลักษมณ์...มึงไปแก้ตัว...หาอินทรชิตให้เจอแล้วฆ่าซะ...แต่คราวนี้เอาพิเภกไปด้วย...กูขี้เกียจไปหามมึงกลับอีกรอบแล้วว่ะ...

พระลักษมณ์ก็ไปเสาะหาจนเจอ  ก็เข้าสู้กับอินทรชิต...ฉากสู้รบของนิยายอินเดียเค้าไม่ค่อยมีอะไรมาก...ต่างฝ่ายต่างก็หยิบศรยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้  มายิงใส่กัน...
บรรดาไพร่พลก็เป็นแค่ตัวประกอบ..ทั้งฝั่งยักษ์ฝั่งลิง....เดี๋ยวกูอยู่  มึงตาย...เดี๋ยวมึงฟื้น  กูตายมั่งผลัดกัน...

แต่คราวนี้พระลักษมณ์ไม่แพ้เหมือนคราวก่อนๆ...เพราะมีพิเภกคอยประกบแบบเรียลไทม์...อินทรชิตยิงศรอะไรมา...ต้องตอบโต้ด้วยศรอะไร...

ถ้าเทียบเป็นกอล์ฟ...ครั้งนี้พระลักษมณ์ก็ได้พิเภก...มาเป็นแคดดี้คู่ใจ...
แบบนี้ต้องออกด้วยหัวไม้สามพะย่ะค่ะ...อันนี้ต้องเหล็กเจ็ด...ช็อตนี้ต้องพิทชิ่งเวจ...ตกแล้วหยุดพะย่ะค่ะ...

อินทรชิตสู้ไปสู้มา...ชักเสียเปรียบ...อ้อ...คราวนี้มึงได้แคดดี้มือหนึ่งมาบอกบท...งั้นกูเผ่นไปตั้งหลักที่ลงกาก่อนก็ได้วะ...


............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 16:09:45

เล่าความรามเกียรติ์ 33...

ถึงคราวปิดจ๊อบอินทรชิตแล้วครับ...แต่บทลงเอยเป็นยังไง  มีอะไรพิเศษมั่ง...เชิญเสพ


อันที่จริง  อินทรชิตมีโอกาสหลายครั้งจะฆ่าพระลักษมณ์ได้...แต่ไม่รู้อะไรมาดลใจไม่ให้ฆ่า...

ครั้งแรก...พระลักษมณ์ถูกศรนาคบาศสลบ...อินทรชิตก็ปล่อยไว้...กะว่าพระรามมา  จะได้เชือดทีเดียวทั้งสองคน...ก็ไม่สำเร็จ

อีกครั้ง...ปลอมเป็นพระอินทร์มา...คราวนี้พระลักษมณ์เจ๊งบ๊งทั้งกองทัพ...ไม่เว้นแม้แต่หนุมาน...อินทรชิตก็ไม่ซ้ำให้ตาย...

แต่ก็ต้องเข้าใจล่ะครับ...นิยายเค้าชัดเจนตั้งแต่ต้นแล้วว่า...ใครพระเอก  ใครผู้ร้าย...

คราวล่าสุด...พระลักษมณ์ชักตีตื้นขึ้นมา  เพราะมีพิเภกมาคอยบอกไลน์...อินทรชิตนอกจากหักไม่ลงแล้ว...ยังเพลี่ยงพล้ำหน่อยๆ...จนต้องไปตั้งหลักที่ลงกา...

หมดมุขล่ะครับ...ศรเสิน  เวทย์มงเวทย์มนต์อะไร  ก็งัดมาใช้จนหมดแล้ว...ก็ได้แต่ร่ำลาเมีย...มาออกรบอีกครั้ง...

เปิดฉากรบกับพระลักษมณ์...ก็เริ่มเหมือนๆเดิม...จนจังหวะหนึ่ง  อินทรชิตตีตกทราย...พิเภกหยิบ “พลายวาต” ส่งให้พระลักษมณ์ทันที...

อ่านไลน์  โปรยหญ้า  ดูยอดไม้แล้ว...พระลักษมณ์ก็หวดพลายวาต  ครึ่งวงสวิงออกไปทันที...ปักอกอินทรชิตอย่างแม่นยำ...

คราวนี้...จะเป่าคาถาอาคมอะไร...ศรก็ไม่หลุดจากอกเหมือนเคย...อินทรชิตได้รับความเจ็บปวดเหลือแสน...
ก็แหม...ทำไมไม่ใช้ศรยี่ห้อนี้ตั้งแต่แรก...ไม่ต้องมาเหนื่อยสลบแล้วสลบเล่านะพระลักษมณ์นะ...

ถึงตรงนี้  พระลักษมณ์เก๊กหล่อขึ้นมาทันที...กูตีดำซะขนาดนี้...ชักพัตเตอร์ “พรหมาสตร์” ขึ้นมา...กะจะซ้ำให้จบๆไป

พิเภกตะโกนลั่น...ช้าก่อนพะย่ะค่ะ...ยังซ้ำไม่ได้...ด้วยว่า...

พระองค์จงงดอยู่ก่อน
อย่าเพ่อราญรอนยักษา
ตัวมันได้พรพรหมา
ว่าแม้นสิ้นชีพชนมาน

ถ้าเศียรตกพื้นปัถพี
ให้เกิดเป็นอัคคีแสงฉาน
ไหม้ไปทั่วทั้งจักรวาล
ร้อนดั่งเพลิงกาลบรรลัยกัลป์

แล้วองค์บรมพรหมา
ประทานพานแว่นฟ้าฉายฉัน
สำหรับรับเศียรกุมภัณฑ์
เมื่อมันจะสิ้นชีวี

เรียกว่าตายยากตายเย็นอยู่ไม่น้อย...คือหัวห้ามตกถึงพื้น  เดี๋ยวไฟไหม้เดือดร้อนกันเข้าไปอีก...

ก็เลยต้องให้องคต...ไปยืมพานจากวัดข้างบ้าน...เอ้อ...ไม่ใช่...ไปขอพานจากพระพรหมมาคอยรองหัวอินทรชิต...

อินทรชิตตายแล้ว...เอาไงดีกับหัวที่กลิ้งอยู่บนพานล่ะ...

ก็เหมือนในบ้านเรา...ต้องให้คนใหญ่คนโตมามีส่วนร่วมตอนท้ายหน่อย...
งานนี้ก็เลยเชิญพระรามมาตัดริบบิ้น...ยิงศรพรหมาสตร์ทำลายหัวอินทรชิต...เป็นอันว่าปิดจ๊อบ...

เพียงเพราะความอยากได้เมียชาวบ้าน...
ทศกัณฐ์ถึงกับต้องเสียน้องทุกคนไป...ลูกก็ตายเกือบหมด  แม้แต่ลูกชายคนโปรดก็ไม่รอด...เรียกว่าลงกาเหงาไปเยอะเลยล่ะฮะ...

หมดญาติแล้ว...คราวนี้หาเพื่อนไปตายแทนดีกว่า...
เมืองปางตาล...เจ้าเมืองคือ...สหัสเดชะ...อุปราชคือ...มูลพลัม...ทั้งสองตนเป็นเพื่อนทศกัณฐ์...
ที่มีบทบาทมากหน่อยคือ...สหัสเดชะ...

ตรงนี้แถมเรื่องภาษาไทยให้หน่อย...สหัส...หรือ...หัส...แปลว่าพัน (จำนวนพัน...ไม่ใช่เอาผ้ามาพัน)
เช่น...สหัสวรรษ...แปลว่า...พันปี...

ทศกัณฐ์...แปลตรงตัวคือ...สิบคอ...แกก็มีสิบหน้า  ยี่สิบมือ...เพราะฉะนั้น...สหัสเดชะ...น่าจะมีกี่หน้า...กี่มือดีล่ะ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 34...

วันนี้รามเกียรติ์มีแถมภาคค่ำ...ถึงคิวสหัสเดชะ  มีฤทธิ์เดชยังไงมั่ง...เชิญเสพ


ไม่รู้จะเรียกว่าน่ากลัว  หรือน่าเกลียดกันแน่...สำหรับสหัสเดชะ...

ทศกัณฐ์...สิบหน้า  ยี่สิบมือ...นี่ก็ว่ายึกยือไม่น้อยแล้ว...
พี่นี่แกล่อเข้าไปพันหน้า...กะอีกสองพันมือ...

นึกภาพตามแล้วก็ขนลุก...แต่เป็นอันว่า...คตินิยายโบราณ...หน้าเยอะมือเยอะกว่าปกติ...เขาถือว่าเก่ง  มีฤทธิ์...

ก็ยกกันมาสามยักษ์ใหญ่...ทศกัณฐ์  สหัสเดชะ  และมูลพลัม...
ระหว่างยกทัพมารถของทศกัณฐ์เกิดเสียกะทันหัน...ด้วยว่าโดนฟ้าผ่า...

ว้า...รถกูเสียว่ะเพื่อน...พวกมึงไปตายกันสองตัวก่อนนะ...กูจะกลับไปลงกา...เอารถไปเข้าอู่...
ยกนี้ทศกัณฐ์ก็ยังไม่ได้มารบอีกตามเคย...

แต่อีกฝั่ง...พระรามออกศึกเอง...ไม่ใช่ว่าฮึกเหิมอะไรหรอก...พิเภกบอกให้ออกมายืดเส้นยืดสายมั่ง...

สองทัพเจอกันยกแรก...ตามเรื่องกล่าวไว้ว่า...สหัสเดชะได้พรพิเศษ...ใครเห็นก็จะต้องเกรงกลัวบารมี...
เฮ้ย...ใช่เหรอว้า...เกรงกลัวหรือหยะแหยง...กันแน่...

แต่ก็ด้วยภาพลักษณ์ของสหัสเดชะ...ทำให้ลิงระดับรองอธิบดีลงไป...เกรงกลัว  วิ่งหนีหายหมด...

เหลือแต่ลิงซีสูงๆ...หนุมาน...สุครีพ...อะไรประมาณนี้...ที่ยังทนรับหน้าได้...

สหัสเดชะก็โวยสิฮะ...ปัดโท่โว้ย...เฮียทศฯแม่งโม้นี่หว่า...
ไหนล่ะทัพลิงเจ็ดสิบเจ็ดสมุทร...กูเห็นไอ้จ๋ออยู่สี่ห้าตัวแค่เนี้ย...ขืนไปฆ่าเข้า  โดนคนนินทาตายห่า...หาว่ารังแกเด็ก...ไม่เอาละโว้ย...กลับบ้านๆๆๆ...

มูลพลัม  น้องชายก็ต้องชี้แจง...ใจเย็นเฮีย...ไอ้พวกจ๋อน่ะมันกลัวเฮียถึงได้หนีไปหมด...อันนี้ศึกใหญ่จริง...เฮียทศฯไม่ได้โม้นะฮะ...

ว่าแล้วมูลพลัมก็ยกทัพ...ออกฉายเดี่ยว...เพื่อเป็นการโชว์พี่ชายไปในตัว...แล้วก็ไปตายด้วยน้ำมือของพระลักษมณ์...

น้องชายตาย...พี่ชายโกรธมั้ย...ถามได้...เจ้าของมือสองพันมือ  เตรียมยกทัพออกรบเต็มอัตราศึก...
แน่นอน...การเคลื่อนไหวนี้  พิเภกต้องรู้...และวางแผน...ตีที่จุดแข็งของฝ่ายตรงข้ามก่อน...

ของวิเศษที่ทำให้สหัสเดชะน่ากลัว...คือ  คทา...ชี้ต้นตาย  ชี้ปลายเป็น...

เออ  น่ากลัวจริงๆด้วยอ้ะ...เกิดถือสุ่มสี่สุ่มห้า...ไอ้คนรอบๆตัวมีโอกาสตายหมด...
พิเภกก็วางแผนให้หนุมานปลอมตัวไปล่อลวงฝ่ายตรงข้าม...

สหัสเดชะเขาว่ามีพันหน้า...แต่ไม่ได้เอ่ยถึงว่ามีสมองเท่าไหร่...คาดว่าคงไม่เยอะนัก...

พอเจอหนุมานปลอมตัวเป็นจ๋อน้อย...หนีทัพพระรามมา...ก็เชื่อ...รับขึ้นมานั่งรถทรงด้วย...

ไอ้ที่เค้าว่าอย่ารับคนแปลกหน้าขึ้นรถนี่...มันจริงตั้งแต่สมัยนั้นเลย...

หนุมานในคราบจ๋อน้อย...ก็อ้อนต่อ...กลัวนั่นกลัวนี่...จนสหัสเดชะยื่นคทาวิเศษให้...มึงเอาไว้ป้องกันตัว...

เฮ้อ...สมควรแล้วพี่สหัสฯ...รับคนแปลกหน้าขึ้นรถแล้วยังยื่นปืนให้เค้าอีก...

หนุมานพอได้ของวิเศษแล้ว...จะรออัลลัยยย...ก็แผลงฤทธิ์สี่พักตร์แปดกร...เตรียมฆ่าสหัสเดชะสิฮะ...

ถึงตรงนี้ใครๆก็คิดว่า...หนุมานต้องใช้คทาชี้ให้สหัสเดชะตายแน่นอน...แต่หนุมานฉากนี้ก็แมนมากๆ...

อันซึ่งตระบองของเอ็งนี้
ถึงมีฤทธีเกรียงไกร
ตัวกูไม่คิดปรารถนา
อสุราต้องการจะคืนให้
ว่าพลางก็หักเสียทันใด
โยนไปตรงหน้าอสุรา

เอ...ไม่รู้ว่าแมนหรือใช้ไม่เป็นกันแน่...แต่สรุปคือ...สหัสเดชะตายด้วยน้ำมือหนุมาน...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 16:59:53

เล่าความรามเกียรติ์ 35...

รามเกียรติ์งวดเข้ามาทุกทีแล้วครับ...ทศกัณฐ์จะดิ้นรนยังไง  จะส่งใครไปรบอีก...เชิญเสพ


หลังจากสหัสเดชะตายไปแล้ว...ก็มีศึกนั่นศึกนี่  เกิดขึ้นมาอีกสองสามครั้ง...
ไม่น่าตื่นเต้นเท่าไหร่หรอกฮะ...จะขอเล่าแบบรวบรัดเลยแล้วกัน...

ศึกแสงอาทิตย์...
อีตาแสงอาทิตย์นี่แกเป็นน้องมังกรกัณฐ์...ก็คือเป็นหลานทศกัณฐ์นั่นแหละ...
ความพิเศษของแกคือ  แกมี แว่นแก้ววิเศษ...ส่องใครก็ตาย...

แต่แว่นอันนี้แกฝากไว้ที่พระพรหม...เวลาจะใช้...แกจะให้พี่เลี้ยงที่ชื่อ จิตรไพรี ไปขอมา...

ก็เสร็จสิครับ...พิเภกผู้รู้ล่วงหน้าไปซะทุกอย่าง...ให้องคตแปลงตัวเป็นจิตรไพรี...ตัดหน้าไปขอจากพระพรหมก่อน....

พอหมดอาวุธวิเศษ...แสงอาทิตย์ก็หมดท่า...ถูกพระรามฆ่าตาย...

ท้าวสัตลุง  กับ พระยาตรีเมฆ...
สองตนนี่เป็นเพื่อนทศกัณฐ์...ท้าวสัตลุงยังไม่ทันได้ออกอาวุธสักเท่าไหร่...ก็ด่วนถูกศรพระรามตายไปแต่หัววัน...

พระยาตรีเมฆหนีไปเมืองบาดาล...เจ้าเมืองบาดาล  บอกไม่เอา  ไม่ให้อยู่...เดี๋ยวกูเดือดร้อน...

ก็เลยหนีไป  ซ่อนตัวในเม็ดทรายอยู่ในมหาสมุทร...เฮ้ย...ไอเดียนี้เจ๋งดีว่ะ...

แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นมือหนุมาน...แกไปเค้นคอเจ้าเมืองบาดาลจนยอมบอกความจริง  ว่าพระยาตรีเมฆไปซ่อนตัวที่ไหน...

แล้วพี่แกก็ไปควานหาว่า  ทรายเม็ดไหนมีฟองปุดๆขึ้นมา...โหย...ความพยายามเป็นเลิศ...
พระยาตรีเมฆก็เลยได้ตายเป็นลำดับถัดมา...

ต่อมาทศกัณฐ์เอง  มีไอเดียจะทำพิธีชุบตัวเป็นเพชร...ถ้าทำได้ครบเจ็ดวัน...จะฆ่าไม่ตาย...
นั่นสิ...ทำไมไม่คิดทำตั้งแต่แรกวะ...

แต่ฝั่งพระรามก็รู้จนได้เหมือนเคย...ก็ส่งหนุมานและพวกมาทำลายพิธี...

แรกๆ...จะเข้าไปรุมทำร้ายทศกัณฐ์ยังไง...เฮียแกก็ยังเฉยเป็นพระอิฐพระปูน...เรียกว่ามีขันติสูงส่ง...

หนุมานเลยเหาะไปอุ้มนางมณโฑ  เมียทศกัณฐ์มา...แล้วลิงสามตัวช่วยกันลวนลามนางมณโฑต่อหน้าทศกัณฐ์...

ก็ทนไม่ไหวสิฮะ...ทศกัณฐ์ตบะแตก...ลุกขึ้นมาต่อสู้ป้องกันเมีย...
เป็นอันว่าพิธีนี้ก็ฟาล์วไปอีก...

ศึกต่อมา...สัทธาสูร กับ วิรุญจำบัง...
สัทธาสูรนี่เพื่อน...วิรุญจำบังนี่หลานทศกัณฐ์...
แล้วก็ตามเคย...พิเภกเป็นฝ่ายบอกหมดว่า  ใครมีอาวุธวิเศษอะไร...แล้วต้องแก้ยังไง...

นี่ถ้าฝ่ายพระรามไม่มีพิเภก...ไม่รู้ตายไปกี่รอบแล้วนิ...

สัทธาสูรนี่แกพิเศษตรงที่...ร้องขออาวุธจากเหล่าเทวดาได้...
เรียกว่า...ถ้าสัทธาสูรตะโกนสั่งเมื่อไหร่...เทวดาทั้งหลาย...จะขี้จะเยี่ยวหรือทำธุระอะไรอยู่...ต้องลุกขึ้นมาโยนอาวุธลงมาจากฟ้าให้โดยทั่วหน้า...

ยังงี้หนุมานกับองคตก็ต้องซ้อนแผน...ซ้อนแผนยังไงล่ะ...

ก็ให้องคตพาลูกน้องห้าร้อยตัวไปซ่อนอยู่ในก้อนเมฆ...หนุมานปลอมเป็นลิงป่า  ไปดักหน้าสัทธาสูรไว้
เจอหน้าก็ท้าทายกัน...จนสัทธาสูรพยายามจะโชว์พาว...ตะโกนขออาวุธจากเทวดา...

เทวดาก็โยนอาวุธลงมาให้มากมาย...แต่องคตและพวกที่ซ่อนอยู่ในก้อนเมฆ...เก็บไว้ได้หมด...

หนุมานก็เย้ยทันที...มึงโม้นี่หว่า...คราวนี้คอยดูกูมั่ง...
หนุมานก็ตะโกนขออาวุธมั่ง...พวกลิงที่ซ่อนอยู่ในก้อนเมฆก็โยนลงมาให้...แล้วสุดท้ายหนุมานก็ฆ่าสัทธาสูรตาย...

อ้าว...แล้วไอ้ที่ต้องพาพวกไปซ่อนในก้อนเมฆ...คอยเก็บอาวุธเทวดาไม่ให้หล่นมา...ทำเพื่อออออ...

............................................


เล่าความรามเกียรติ์ 36...

คราวนี้มาดูฝั่งวิรุญจำบังกันบ้าง

พ่อคนนี้ชื่อเค้าก็บอกแล้วว่า “บัง”  ก็แปลว่าทำให้มองไม่เห็น...คือเค้าหายตัวได้...ก็แว๊บเข้ามาฆ่าลิงเล็กเด็กน้อยซะบาน...
ยังไม่พอ...พอถึงคราวต้องหนี...กลับเสกหุ่นจำลองของตัวเอง  ให้อยู่สู้รบแทนซะด้วย...

แต่สุดท้ายหนุมานก็ไปตามฆ่าวิรุญจำบังจนได้...

อีกบทนึง...ซึ่งนับว่าเป็นช่วงท้ายๆของชีวิตทศกัณฐ์แล้ว...


เคยได้ยิน ท้าวมาลีวราช  มั้ยฮะ...ถ้าคนรุ่นเก่าๆหน่อย...อาจจะเคยผ่านตา...เวลาอ่านหนังสือพิมพ์...
มาลีวราชนะฮะ...ไม่ใช่มาลีฮวนน่า...

ถ้าพูดถึงใครที่จะต้องเป็นผู้ตัดสิน...หรือให้ความยุติธรรม...ก็อาจจะได้รับการขนานนามว่า “ท้าวมาลีวราช”...
ก็มาจากเรื่องรามเกียรติ์นี้แหละฮะ...

ท้าวมาลีวราช...เป็นปู่ของทศกัณฐ์...เป็นเพื่อนของปู่ของพระราม...เรียกว่าปู่เป็นเพื่อนกัน...แต่หลานกลับต้องมารบกัน...

ท้าวมาลีวราชได้ชื่อว่าดำรงความยุติธรรม...ศักดิ์สิทธิ์ถึงขนาดว่า...ถ้าแกลงว่าใครผิดและสาปแช่งแล้ว...ก็จะเป็นไปตามคำสาปนั้น...

คราวนี้ทศกัณฐ์ไม่รู้นึกยังไง...ทั้งที่ตัวเองไปขโมยเมียชาวบ้านเค้ามาทนโท่ 
แต่ยังกล้าไปเชิญปู่มาลีวราชมาตัดสินเรื่องนางสีดา...โดยมีเหล่าเทวดามากมายมาเป็นพยาน...

ทศกัณฐ์เบิกความก่อนว่า...ตนไปเที่ยวป่า...เจอนางสีดา...ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง  ลูกผัวก็ไม่มี...ก็เลยเอาตัวมา  จะทำเมีย...ผิดตรงไหน...

ปู่มาลีวราชฟังแล้วก็งงๆ...เลยใช้ให้พระวิษณุกรรมไปเชิญพระรามพระลักษมณ์มา (เจ๋งขนาดใช้เทวดาใหญ่ได้ก็แล้วกันล่ะ)...

พระรามก็เบิกความว่า...นี่เมียข้าพเจ้า...ทศกัณฐ์มันไปขโมยมา...

อ้าว...เบิกความสองข้าง...พูดขัดแย้งกัน...งั้นไปเอานางสีดามาถามทีซิ...

แน่นอน...นางสีดาก็ต้องเล่าไปตามความจริงว่าตนเป็นเมียพระราม...

เฮ้ย...ไอ้ทศฯ...เค้าก็รับตรงกันทั้งสองคนว่าเป็นผัวเมียกัน...มึงจะว่ายังไง...

ทศกัณฐ์ยังดื้อกับปู่...เถียงไปน้ำขุ่นๆ...ก็มันเป็นมนุษย์ด้วยกันก็ต้องเข้าข้างกัน...
อีกอย่าง...พระรามแม่งหล่อ  นางสีดาเห็นก็ต้องชอบอยู่แล้วเลยพูดเข้าข้าง...

ไม่เหมือนตัวข้านี่...เป็นยักษ์หน้าตาอัปลักษณ์เหมือนปู่...

อ้าว...ไอ้ทศฯ...มึงแอบกัดกูหรอ...

ท้าวมาลีวราชเห็นทศกัณฐ์ยังดื้อก็โกรธ...สาปให้แพ้สงคราม...

เอ้า...กูมีหน้าที่แค่นี้แหละ...สาปเสร็จแล้วมึงก็ไปรบกันต่อ...

ยกต่อมา...ทศกัณฐ์อุตส่าห์ไปขุด หอกกบิลพัท มาใช้...หอกนี้เป็นของท้าวลัสเตียน...พ่อทศกัณฐ์...

เวลาเจอหนุมานถาม...นี่หอกพ่องหรอ...ทศกัณฐ์จะได้ตอบว่า...เออ  ใช่...

ทศกัณฐ์กะจะใช้กับพิเภก...อีนี่ปากดีนัก...กูจะทำอะไรแม่งบอกพระรามหมด...ต้องจัดการไอ้น้องทรยศนี่ก่อน...

แต่ตอนทศกัณฐ์พุ่งหอกออกมา...ก็มีซีนพระเอกเกิดขึ้น...พระลักษมณ์กลัวหอกจะโดนพิเภกตาย...ใช้ศรปัดป้อง...เลยกลับมาถูกตัวเองเข้าอย่างจัง...

แล้วก็เหมือนฉายหนังซ้ำ...พระลักษมณ์สลบ...พระรามสลบ...พิเภกก็เซ็งๆ...ปลุกพระราม  บอกวิธีแก้ไป...
หนุมานก็เซ็งๆ...กูอีกแระ...ไปหายานู่นนี่นั่น...ผสมๆๆๆ  บดๆๆๆๆ  พอกๆๆๆๆ  ทาๆๆๆ  หายๆๆๆๆ...

ก่อนจะถึงช่วงท้ายของชีวิตทศกัณฐ์...ก็มีเรื่องราวให้เจ็บใจเล่น...

คือนางมณโฑสะกิดบอกทศกัณฐ์ว่า...ตอนที่อยู่รับใช้พระแม่อุมา  เมียพระอิศวรน่ะ...ท่านทรงให้สูตรปรุงน้ำทิพย์มาสูตรนึง...

เหรอ...ท่าทางจะกินกะหนมจีนอร่อยนะ...

บ้าสิเพคะ...นั่นมันน้ำยา...

อันนี้น้ำทิพย์...สารพัดประโยชน์เชียวล่ะเจ้าคะ...เอาไปพรมใครที่ตายแล้วก็ฟื้น...ไอ้ที่เหาะไม่ได้...โดนไอ้น้ำพรรค์นี้พรมเข้าไป...เหาะได้หายตัวได้กันถ้วนหน้า...

แต่ถ้าพี่ทศฯจะให้น้องทำพิธีปรุงน้ำทิพย์ให้...เค้ามีข้อแม้ว่า...ห้ามบึ๊ดจ้ำบึ๊ดกับใครตลอดการทำพิธี...
บ้ากามอย่างพี่ทศฯ...อดใจไหวมั้ยล่า...

เอาเลยที่รัก...พี่จะไปลงกับพวกอีหนูๆก่อนแล้วกัน...น้องมณโฑจัดการเลย...

............................................

Title: Re: เล่าความรามเกียรติ์ by moncheep siva ตอนที่ 21-37
Post by: ppsan on 13 March 2022, 17:02:46

เล่าความรามเกียรติ์ 37...

ตอนสุดท้ายของรามเกียรติ์แล้วครับ...ตอนนี้ยาวหน่อย  เพราะผมยกกลอนมาให้อ่านยาวๆ...อยากให้ได้ละเลียด  และสัมผัสได้ถึงพลังของกวีนิพนธ์กันครับ...


ทัพทศกัณฐ์ได้น้ำวิเศษมา  คราวนี้พอออกรบ...ยักษ์ตายปุ๊บก็พรมน้ำทิพย์...ก็ฟื้น...ไม่ฟื้นเปล่า...ลุกมาแบบ walking dead ...น่ากลัวกว่าเดิมเข้าไปอีก...

ฝ่ายยักษ์...พอตายก็พรม...ตายก็พรม...ฟื้นกันไม่จบไม่สิ้นยังงี้...ฝ่ายลิงชักไม่ไหว...

พระรามต้องแผลงศรเป็นตาข่ายไปกักยักษ์ผีดิบทั้งหลายเอาไว้...ถึงฆ่าไม่ตายกูก็ขังมึงไว้ก่อนแล้วกัน...แล้วก็ให้หนุมานไปดำเนินการซ้อนแผนทันที...

แน่นอน...ทั้งหมดที่ทำนี่...พิเภกบอก

หนุมานก็พาพรรคพวก...ปลอมตัวเป็นกองทัพของลงกา...คืนเข้าเมือง...ตัวหนุมานเองปลอมเป็นทศกัณฐ์...

เจอหน้านางมณโฑ...ก็ทำเป็นดีใจ...สั่งเปิดไวน์  ตั้งโต๊ะจีนฉลอง...พี่ปราบพระรามพระลักษมณ์เรียบร้อยแล้วน้องจ๋า...
เรามาบึ๊ดจ้ำบึ๊ดฉลองชัยกันเถอะ...

นางมณโฑหลงเชื่อ...ก็เลยตกเป็นเมียลิงอีกรอบ...พิธีแตก...

ทศกัณฐ์อยู่ในสนามรบก็งง...อ้าว  ทำไมหมู่นี้พรมแล้วไม่ฟื้นวะ...ขอเบรกเกมก่อน...

กลับไปลงกา...เฮ้ย...โรงพิทงพิธี...แม่งเลิกหมดแล้วทำไมวะ...ไปคุยกับนางมณโฑ...ถึงได้รู้ว่าเสร็จหนุมานซะแล้ว

มีเรื่องหนึ่ง...ว่าจะเขียนถึงตั้งนานแล้ว...ลืม...ขอแทรกไว้ตรงนี้แล้วกัน...

ซิกเนเจอร์อันนึงของรามเกียรติ์คือ...บทชมรถ...ซึ่งออกรถทีก็ชมกันที...ชมแต่ละครั้งก็หมดไปเกือบหน้ากระดาษ...

บทที่อยากจะยกตัวอย่างมาให้อ่านกัน...เป็นบทชมรถทศกัณฐ์ในศึกสิบขุนสิบรถ...ที่ถือว่าเป็นบทชมรถที่เว่อร์วังขนาดหนัก...

แต่ในอีกมุมหนึ่ง...ก็เป็นบทกลอนที่เพราะ  และทรงพลังน่าประทับใจอย่างยิ่ง...ลองละเลียดดูครับ...

รถที่นั่ง                                                             
บุษบกบัลลังก์ตั้งตระหง่าน 
กว้างยาวใหญ่เท่าเขาจักรวาล                                     
ยอดเยี่ยมเทียมวิมานเมืองแมน

ดุมวงกงหันเป็นควันคว้าง                                         
เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน 
สารถีขี่ขับเข้าดงแดน                                              
พื้นแผ่นดินกระเด็นไปเป็นจุณ

นทีตีฟองนองระลอก                                              
คลื่นกระฉอกกระฉ่อนชลข้นขุ่น 
เขาพระเมรุเอนเอียงอ่อนละมุน                                   
อนนต์หนุนดินดานสะท้านสะเทือน

ทวยหาญโห่ร้องก้องกัมปนาท                                     
สุธาวาสไหวหวั่นลั่นเลื่อน 
บดบังสุริยันตะวันเดือน                                           
คลาดเคลื่อนจัตุรงค์ตรงมา

...ได้รสชาติเอร็ดอร่อยดีไหมฮะ...หูย “เทียมสิงห์วิ่งวางข้างละแสน”...เรียกว่าสิงห์ตัวแรกถึงนครสวรรค์แล้ว  สิงห์ตัวสุดท้ายยังอยู่หน้าหมอชิตอยู่เลย

...นัยว่าสองบทล่างนี่เป็นฝีมือของท่านสุนทรภู่  นั่นเอง...

ศึกครั้งสุดท้ายของทศกัณฐ์...เริ่มตรงที่...ทศกัณฐ์ออกรบกับพระราม
โดนศรพระรามเข้าให้...มือด้วนหมดยี่สิบมือ...

เฮ้ย...กลับมาต่อกันได้อีก...
หัวขาดสิบหัว...ก็กลับมาต่อกันได้...

ยังกะหนัง Terminator สมัยก่อนเลยง่ะ...

พระรามบอก...กูงงกับมึงแระขอเบรกก่อน...พี่ทศก็ยอมให้เบรก

เจ้าเก่าก็ช่วยเฉลย...อ๋อ...พี่ทศฯแกไม่ตายง่ายๆ  เพราะถอดดวงใจ...ฝากไว้ที่พระโคบุตร...

อ้าวงั้นก็ง่ายเลย...หนุมาน  องคต...พวกมึงตอแหลเก่ง...ไปหลอกเอาดวงใจมาจากพระโคบุตรที

สองลิงก็ไปหลอกล่อพระโคบุตรอยู่ไม่กี่น้ำ...ก็ได้กล่องดวงใจมา...
ทศกัณฐ์ก็เสร็จสิครับ...

พอเจอหน้ารบกัน...พระรามก็ต้องทำงานประสานกับหนุมาน...พระรามยิงศรเสียบอกปั๊บ...

บัดนั้น                     
คำแหงหนุมานทหารใหญ่
ครั้นทศกัณฐ์ต้องศรชัย   
ล้มในพ่างพื้นพสุธา

จึงขยี้ดวงจิตขุนมาร      
แหลกลาญละเอียดด้วยหัตถา
ดับสูญสุดสิ้นวิญญาณ์  
ยักษาก็ม้วยชีวี...

ทศกัณฐ์ตายแล้ว...เรื่องต่อจากนั้นก็มี  พ่อแง่แม่งอน  ระหว่างพระรามกับนางสีดาบ้าง...ก็ไม่ค่อยมีน้ำหนักน่าสนใจสักเท่าไหร่...
ก็ขอจบ “เล่าความรามเกียรติ์” ไว้เท่านี้ครับ...

............................................


อันเนื่องมาจาก รามเกียรติ์...

บทปิดท้ายรามเกียรติ์ซักหน่อยครับ...


ผมอยากจะมองเรื่อง รามเกียรติ์...เป็นสองแง่มุม...
แง่มุมแรก...ไทยเรานำเรื่อง “รามยณะ” มาเป็นแกน...แล้วต่อยอดไปสู่ศิลปะแขนงอื่น...

วรรณกรรม และ นาฎกรรม...

วรรณกรรม...ในนาม “รามเกียรติ์” ก็งดงาม...ไพเราะเพราะพริ้ง...

ส่วนในแง่นาฎกรรมนี่...ถือว่าวิจิตรบรรจงทุกขั้นตอน...
โขนไทยจะไม่เล่นเรื่องอื่น  นอกไปจากรามเกียรติ์...

ตั้งแต่การออกแบบ character ของแต่ละตัวละคร...เครื่องแต่งกาย...เครื่องประดับ...
ท่ารำ...การเคลื่อนไหว...ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า...คนที่รำโขนเก่งๆ...เมื่อถึงบทอารมณ์ดี...สามารถรำจนทำให้เห็นหัวโขนยักษ์ยิ้มได้...

สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่กลั่นกรองออกมาจากสมองของศิลปินไทยโดยแท้...
น่ายกย่องยิ่งนัก...

อีกแง่หนึ่ง...คือตัวเนื้อเรื่องของ รามเกียรติ์เอง...
สะท้อนความมี “วรรณะ” อยู่สูง...

ซี่งก็ไม่แปลก...เพราะด้วยถิ่นกำเนิด  และยุคสมัย...ก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว...

ในเมื่อมันถูกกำหนดว่า  ใครเป็น “ฝ่ายดี” และใครเป็น “ฝ่ายไม่ดี”...ชัดเจนอยู่...

นนทก...มึงต้องเจียมตัว...โดนคนอื่นรังแกได้...มึงห้ามตอบโต้...

มึงหือใช่ไหม...ไปเกิดเป็นทศกัณฐ์...แล้วมึงก็ต้องแพ้อีก...ตามบทที่กำหนดเอาไว้...

สงครามในเรื่อง...จึงไม่ต้องไปถามหาความแฟร์...
ฝ่ายดีเอง  ก็กลัวแพ้ซะจน  ทำอะไรไม่ค่อยเท่อยู่เหมือนกัน...

นอกจากเขียนบทล่วงหน้า...ระดมพลไปช่วยพระเอก  แทบจะหมดสวรรค์...
ก็ยังส่งฝ่ายตัวเอง...ไปเกิดเป็นไส้ศึกในฝ่ายตรงข้าม...แล้วก็ให้ทรยศ  ข้ามฝั่งมาเป็นตัวคอยบอกทุกอย่างให้กับฝ่ายดี...

อืม...ความไม่แฟร์...ความแบ่ง “ฝ่ายดี”กับ “ฝ่ายไม่ดี” แบบที่ว่า...มันก็อาจจะอยู่คู่โลกเราไปอีกนานนะครับ...


..........
ขอขอบคุณ เรื่องจาก
https://www.blockdit.com/moncheep