Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
วิถีสู่ชีวิตแห่งความพอเพียง => ความสุขทางเลือก => Topic started by: ppsan on 21 November 2021, 22:07:34
-
เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 15 เรียน กีฬา : ความรับผิดชอบของเด็ก
เรื่องเล่าเด็กบ้านนอก : 15
เรียน กีฬา : ความรับผิดชอบของเด็ก
" ปรี๊ดดดด..." เสียงนกหวีดของคุณครูดังขึ้นแต่เช้ามืด
" เห้ยย ตื่น ตื่น ตื่น เร็ว " เสียงเพื่อนๆที่นอนอยู่คนละมุ้งส่งเสียงเรียก พรรคพวกที่กำลังงัวเงียอยู่
" กี่โมงแล้ว" น้อยส่งเสียงถาม หลังจากลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
" ตีห้าแล้ว เร็ว เดี๋ยวไม่ทันคนอื่น " เพื่อนอีกคนรีบส่งเสียงกระตุ้น คนที่เหลือ
หลังจากล้างหน้าล้างตา แต่งตัวเรียบร้อย เด็กๆทุกคนที่มา 'เข้าค่ายนักกีฬา'ก็มาเข้าแถวหน้ากระดานเพื่อเช็คชื่อ
" เอ้าพวกผู้ชาย ครบแล้วเตรียมตัวนะ วันนี้เราจะวิ่งไปทาง ทุ่งใหญ่ ไปถึงฝายนะ แล้วค่อยวนกลับมา" เสียงคุณครู ที่เป็นผู้ฝึกสอนกีฬาและคอยควบคุมการซ้อมของนักกีฬาของโรงเรียนออกคำสั่ง
" ส่วนพวกนักเรียนหญิง วันนี้เอารอบสนาม 20 รอบ ก็พอ "
" โหยยยย " เสียงพวกนักกีฬาฝ่ายหญิงร้องตอบพร้อมๆกัน
" เอาตามนี้แหละ ใกล้วันแข่งแล้ว เดี๋ยวไม่มีแรง สู้โรงเรียนอื่นไม่ได้นะ เอ้า พร้อมแล้ว ไปเลย หัวหน้าทีมไป นำไปเลย " ครูออกคำสั่งอีกรอบ
'ระยะทางที่ครูกำหนดเส้นทางการวิ่ง สำหรับเด็กผู้ชาย ไป-กลับ ประมาณเกือบสิบกิโลเมตร เด็กผู้หญิงประมาณห้ากิโลเมตร'
(https://t1.blockdit.com/photos/2020/07/5eff1e5d7887ef170cf584be.jpg)
(https://t1.blockdit.com/photos/2020/07/5eff1e5d28ff8c0cc0a4229f.jpg)
กีฬาของโรงเรียนประถมประจำปี ในเขตตำบลที่มีอยู่เจ็ดโรงเรียนด้วยกัน จะมีการจัดขึ้นในช่วงปลายปี ก่อนปีใหม่
นักเรียนคนไหนที่เป็นตัวแทนสำหรับกีฬาประเภทต่างๆ ต้องมารวมตัวกันซ้อมในช่วงเย็น หลังเลิกเรียน แล้วต้องเอาเสื้อผ้ามาผลัดเปลี่ยน สมุดหนังสือ หรือการบ้านมาทำที่โรงเรียนซึ่งเรียกกันว่า 'เข้าค่ายกีฬา'โดยมีระยะเวลาประมาณสองอาทิตย์
สถานที่เข้าค่ายก็คือที่โรงเรียน และห้องเรียนที่ใช้เรียนในตอนเช้า เป็นที่นอนในเวลากลางคืน
โดยในช่วงเช้าจะต้องออกไปวิ่งตามเส้นทางที่ครูกำหนด ในตารางการซ้อม หลังจากวิ่งก็จะมาซ้อมเบาๆที่สนามหญ้าของโรงเรียน พอเสร็จ ก็จะปล่อยให้นักเรียน กลับบ้านไปอาบน้ำที่บ้าน พร้อมกลับมาเรียน ในชั่วโมงเรียนตามปกติ
ทางโรงเรียนของน้อยที่มีสภาพพื้นที่ สนาม กว้างใหญ่ มักจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่ง หรือเรียกว่าสนามกลาง เพราะนอกจากพื้นที่อำนวยแล้ว การเดินทางก็สะดวก เพราะโรงเรียน ตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของตำบลพอดี
ทุกๆปีบรรยากาศในวันงานแข่งกีฬา ก็จะเต็มไปด้วยกองเชียร์ของโรงเรียนต่างๆ ที่ขนกันมาด้วยรถ 'อีแต๋น ' ห้องเรียนถูกแบ่งให้แต่ละโรงเรียนได้ใช้เป็นที่เก็บของ เก็บตัวนักกีฬา ของโรงเรียนแต่ละโรง
พ่อค้า แม่ค้า ทั่วหมู่บ้าน มาตั้งร้านขายของ ทั้งขนม ผัดหมี่ ส้มตำ เพิ่มบรรยากาศให้บริเวณรอบๆสนามกีฬาครึกครื้นขึ้นไปอีก
ด้วยความที่กีฬามีหลายประเภท แต่นักกีฬามีจำนวนน้อย ดังนั้นหนึ่งคน อาจจะต้องเล่นกีฬาหลายอย่าง เรียกว่า 'เดินสายแข่ง'ก็ว่าได้
จากแข่งแชร์บอลเสร็จ บางคน ต้องลงแข่งแฮนด์บอล บางคนต้องไปแข่งตระกร้อ ซึ่งบางคนต้องมีสลับ ไปวิ่งแข่งอีกด้วย
เรียกว่าต้องใช้แรง พละกำลังกันมาก ดังนั้นครูผู้ฝึกสอนจึงต้องให้นักกีฬาวิ่ง 'เอาแรง 'ไว้ให้มากเพราะต้องใช้พลังกันเยอะ
การเข้าค่ายของนักกีฬาโรงเรียนของน้อย ปีนี้ มีคนมาเข้าค่ายรวมกันเกือบสามสิบคน ทั้งนักกีฬา ชาย-หญิง ซึ่งส่วนมากก็จะอยู่ชั้นประถมปีที่ 6 และ 5 เป็นส่วนใหญ่
สนามกีฬาของโรงเรียน ก่อนการแข่งขันเต็มไปด้วยหญ้า ที่ยาวในระดับเข่า บางครั้งตกเย็นมีชาวบ้านจูงควายมากินหญ้าในสนาม หรือบางครั้งฝนตกก็จะมีน้ำท่วมขัง เวลาเตะบอลหรือซ้อมกีฬาก็จะต้องเจอกับ แอ่งน้ำที่ขังอยู่ หรืออาจจะโดน 'กับระเบิด' ของควายที่ปล่อยทิ้งไว้
จนครูต้องคอยห้ามไม่ให้ชาวบ้านปล่อยควายเข้ามาเลี้ยงในสนาม เพื่อจะได้เตรียมพื้นที่สำหรับแข่งกีฬา
(https://t1.blockdit.com/photos/2020/07/5eff1f02c127940cb03d189f.jpg)
' คืนก่อนวันแข่งกีฬา ' หลังจากที่ทุกคนทำการบ้านกันเสร็จแล้ว ครูเรียกมารวมกินข้าวด้วยกัน และทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกัน พร้อมกับติวเข้ม ในกีฬาแต่ละประเภท เสร็จแล้วให้แยกย้ายกันเข้านอน
น้อย นอนร่วมมุ้งเดียว กับ หม่าว เพื่อนซี้ ที่ต้อง เล่นฟุตบอลด้วยกัน โดยหม่าว ทำหน้าที่ 'โกลด์' ส่วนน้อยเล่นตำแหน่ง'กองกลาง'
หลังจากที่กางมุ้งโดยใช้เก้าอี้ขึ้นวางบนโต๊ะ และใช้สายมุ้งผูกติดกับขาเก้าอี้ เป็นเสร็จเหมือนทุกคืน หม่าว กับน้อยก็เข้านอน พอครูเดินตรวจเช็คความเรียบร้อย ก็ปิดไฟ
ตกดึกประมาณตีสี่ เสียงเก้าอี้ที่ผูกขามุ้งหล่นดังโครม
"โอ้ยยย ... ช่วยกูด้วย "น้อยส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนในห้องต่างลุกขึ้น เพราะได้ยินเสียงร้องของน้อย โดยมีเพื่อนอีกคนที่ลุกขึ้นไปเปิดไฟ
พอแสงไฟสว่าง ต่างส่งเสียงเรียกถาม ว่าเป็นอะไร เพราะน้อยยังส่งเสียงร้องอยู่
" เห้ย เลือดเต็มหัวไอ้น้อยเลย หัวมันแตก " โรจน์ เพื่อนที่เป็นหัวหน้าทีมฟุตบอลร้องบอกเพื่อนคนอื่นๆ
"ไปตามครูมาเร็ว " เสียงเพื่อนส่งเสียงบอกกัน
สภาพที่เห็นน้อยเปิดมุ้งออกมาพร้อมกับเอามือกุมหัว ที่มีเลือดไหลออกมาเปื้อนเสื้อ เปรอะมุ้ง
แต่ หม่าว ยังคงหลับ พร้อมส่งเสียงกรนคร่อกๆ
" ปลุกไอ้หม่าวหน่อย มันนอนดิ้น จนทับมุ้ง สายมุ้งมันตึงเลยทำให้เก้าอี้มันหล่นทับหัวเพื่อนแล้ว " เสียงคุณครูที่มาถึงที่เกิดเหตุ
ครูพาน้อยไปห้องพยาบาลพร้อมกับทำแผลที่หัว ซึ่งไม่ได้มีการเย็บเกิดขึ้น แต่ใช้การกร้อนผมบริเวณที่หัวแตก แล้วใช้ยาล้างแผล กับสำลีกดทับ พร้อมผ้าก็อซ พันทับไว้อีกที
"ถ้าวันนี้ตอนเย็นลงเตะไม่ได้ ต้องหาตัวมาแทนน้อยแล้วครับครู เดี๋ยวมันจะปวดหัว " โรจน์ ออกอาการห่วงเพื่อน และทีมบอล
" อืม เดี๋ยวคอยดูกันอีกที ในตอนเย็น" ครู เริ่มกังวล
พอตกเย็นในวันแข่งกีฬา ซึ่งช่วงเช้าทั้ง กรีฑา กีฬาหลายชนิด โรงเรียนของน้อยก็กวาดแชมป์ไปได้ทั้งหมด จนถึงเวลาของฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาชนิดสุดท้ายที่ต้องแข่งขัน
นักกีฬาหลายคนมีอาการล้า เพราะบางคนแข่งมาหลายอย่าง พอถึงเวลาลง น้อยได้แต่นั่งดูเพื่อนๆวิ่งไล่หวดลูกฟุตบอลกลางสนาม แถมทีมของน้อยยังโดนยิงนำไปก่อน
พักครึ่งครูหันมาถามน้อยว่าอยากลงไหม พร้อมกับถามอาการที่หัว
" ผมอยากลงครับครู หัวไม่ปวดเลยครับ " น้อยรีบตอบครูด้วยความอยากลงไปช่วยเพื่อน
" เอ้า ลงก็ลง แต่ถ้ารู้สึกไม่ไหวรีบบอกเลยนะ เดี๋ยวจะอันตราย " ครูทำท่าคิดก่อนอนุญาตให้น้อยลงได้แต่ก็ยังเป็นห่วง
'ปรี๊ดดดด ....'
เสียงนกหวีดของกรรมการเป่าหมดเวลา ทีมโรงเรียนของน้อยพลิกกลับมาแซงชนะได้ 2:1จากการโหม่งของน้อยหนึ่งลูก และ โรจน์ อีกหนึ่งลูก