การแสดงโขนพระราชทานเรื่อง รามเกียรติ์ ชุด "ศึกมัยราพณ์"

เก็บมาฝาก จาก ศึกมัยราพณ์
ผ่านไปแล้วสำหรับการแสดงโขนยิ่งใหญ่แห่งปี "ศึกมัยราพณ์"

มีโอกาสสัมผัสกับงานนี้ อย่างค่อนข้างใกล้ชิด ขอนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เบื้องหลังบางอย่างมาฝากแฟน ๆ โขนครับ

การแสดงโขนพระราชทาน ชุด "ศึกมัยราพณ์"

คงจะไม่กล่าวถึงที่มาที่ไปนะครับ แต่จะนำบรรยากาศในห้องแต่งตัวมาฝากกันมากกว่าครับ

หัวโขนที่ใช้ในการแสดง ครูจอม เป็นผู้รับผิดชอบเป็นส่วนใหญ่ ครูจอมท่านเป็นอาจารย์อยู่ที่จันทรเกษม
นั่งคุยกัน ครูจอมบอกว่า อย่างไรก็ต้องมาทุกวัน เพราะระหว่างการแสดง มีโอกาสที่หัวโขนจะเสียหาย
เพราะฉะนั้น ต้องพร้อมซ่อมแซมเสมอ

เครื่องประดับของนักแสดงแต่ละคน แยกกล่องไว้เป็นชุด ๆ เลย อย่างชุดนี้ที่เห็น เป็นของมัจฉานุ

ทั้งยักษ์ ทั้งลิง เทวดา นางฟ้า รวม ๆ กันก็เยอะอยู่ แค่กล่องเครื่องประดับ ก็อย่างที่เห็นเลยครับ

ส่วนชุดนี้เป็นของพระราม กำไลข้อมือ ทำขึ้นใหม่ข้างละ 7 ชิ้น เล่นรอบนึง ก็ใส่กันทีนึง กว่าจะใส่ครบ ใช้เวลามิใช้น้อยเลย

เสื้อผ้าที่ใช้ใส่แสดง ใช้เล่นทุกวัน ปักมาอย่างดี ซักไม่ได้ การดูแลก็ทำได้แค่ นำมาผึ่ง ตากแดด แล้วก็รีดให้เรียบ

มีหน่วยงานนี้ ประจำอยู่ในหอประชุมเล็กด้วย

มาถึงการแต่งหน้า นำทีมโดยพี่ขวด มนตรี วัดละเอียด จาก โรงเรียนสอนศิลปการแต่งหน้า MTI

พี่ขวดและทีมงาน (คนกลางไม่ใช่นะครับ ท่านมัยราพณ์หลงมา)

แต่งหน้านักแสดงที่ไม่ได้สวมหัวทั้งหมด แม้กระทั่ง ยุง ก็ต้องแต่ง

ขอนำการแต่งหน้าเทวดา มาให้ดูเป็นตัวอย่างครับ ขอบคุณน้องปูที่มาเป็นแบบให้

เริ่มจากก่อนแต่ง

อาจจะไม่ครบทุกขั้นตอนนะครับ ไม่งั้นยาวแน่

คิ้วหายไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า

เขียนตาเสร็จแล้ว มาเติมคิ้วใหม่

คิ้วกลับมาใหม่แล้วทั้งสองข้าง

แต่งเสร็จแล้วครับ

แต่งเครื่องเป็นเทวดาเรียบร้อย ถ่ายภาพร่วมกับ น้องข้าวตู ช่างแต่งหน้าคนเก่ง

งานของข้าวตู ไม่ได้มีแค่ แต่งหน้านะครับ พระราม พระลักษณ์ ต้องลงแป้งที่ตัว แขน ขา รวมถึงเท้าด้วย

มาดูเรื่องแต่งตัว เสื้อผ้ากันบ้าง ขอเป็นมัยราพณ์แล้วกัน

เครื่องประดับ จัดมาเต็ม ๆ บางวง ก็ยืมคนอื่นมาใส่ถ่ายรูป ฮ่าฮ่าฮ่า

ที่ผมชื่นชอบที่สุด เห็นจะเป็นสัมมาคารวะ ผู้ที่ทำหน้าที่แต่งกายให้นักแสดง ส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์
นักแสดงหลังจากแต่งกายเสร็จ จะขอบคุณทุกครั้ง น่ารักมาก

ก่อนจะไปแสดง ก็ต้องกราบไหว้ครูอาจารย์ขอพรก่อน

มัยราพณ์พร้อมออกรบแล้วครับ

การแสดงครั้งนึง จะใช้นักแสดงรับบทมัยราพณ์ ทั้งหมด 3 ท่าน แล้วก็มีผู้แสดงเป็นมัยราพณ์ทั้งหมด 6 ท่าน สลับสับเปลี่ยนกันเล่น

ท่านแรก จะเล่นช่วงทำพิธี งานนี้ ทำพิธีเหงื่อตกเลย เพราะไฟสปอร์ตไลท์ ฉายเข้าปะรำพิธีตลอด

คนที่สองจะเล่นช่วง สะกดทัพ เข้าไปเป่ายา

รวมถึงต้องแบกพระราม ลงเมืองบาดาลด้วย

ส่วนมัยราพณ์คนสุดท้าย เล่นตอนรบกับหนุมาน

หนุมานเอง ก็ไม่ธรรมดา แต่งตัวก็ต้องมา 2-3 คนช่วยกันแต่ง

ใช้นักแสดง 3 คนต่อรอบการแสดงเหมือนกัน รูปนี้พิเศษสุด เพราะเป็น 4 หนุมาน

คนแรก เล่นตั้งแต่ต้นเรื่อง จนกระทั่งถึงรบกับยุง

คนที่สองเล่นตอน เจอมัจฉานุ บทยากอีกบท คือ ตอนกระโดดลงบ่อบัว ไหล่ช้ำไปหลายทีเลย

คนที่สาม เล่นตอน รบกับมัยราพณ์

การแสดงรอบสุดท้าย ขอปรับท่า จัดยากขึ้นไปอีกหน่อย

เอาเบื้องหลังมาฝาก ก่อนจะออกไปแสดงจริง มีการซ้อมท่ากับทศกัณฑ์ก่อน

นักแสดงที่น่าเห็นใจที่สุด คือน้อง ๆ ที่รำเบิกโรงฉุยฉายกิ่งไม้เงินทอง ต้องมาถึงก่อน แต่งตัวก่อน แต่ต้องอยู่จน Final
เรียกว่า มาก่อน กลับพร้อมกัน รำเสร็จตั้งแต่บางตัวยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย

ขวัญใจของท่านผู้ชมอีกกลุ่ม ก็คือ นายประตูทั้งสามท่าน มุขกระจาย หัวเราะกันไม่หวาดไม่ไหวเลย

น้องเติ้ล แสดงเป็นมัจฉานุ เล่นจบรอบนึง ก็มานวดกันที เนื่่องจากข้อมือซ้น แต่สู้ครับ

ตอนท้าย จะมีนางฟ้า เทวดา บินมาอวยพร ก็เป็นกลุ่มนี้ ถ่ายภาพร่วมกับทีมงานที่ดูแลระบบรอก

ครูอู๋ นอกจากเล่นเป็นลิง มัยราพณ์แปลง แล้ว ก่อนจะมาเล่น ก็ต้องนั่งแต่งตัวให้นักแสดงก่อนด้วย

ฉากที่สร้างความประทับใจให้ท่านผู้ชมอย่างมากมาย

สุดท้าย ทีมงานทั้งหมด ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเป็นที่ระลึก เสียดายแทนท่านที่พลาดโอกาสชมสด ๆ ด้วยตนเอง การจะเพิ่มรอบอีก คงไม่สามารถแล้ว เพราะศูนย์

วัฒนธรรมฯ ก็จะปิดปรับปรุง นักแสดงเอง ก็หมดสภาพกันเป็นแถว รอบนักเรียนบางรอบ พวกหนุมานรุ่นใหญ่ ยังต้องมาเล่นเป็นลิงตัวน้อย เพราะตัวจริง ไม่

สบายเป็นแถว ที่น่าเสียดายคือ รอบแรก ๆ บางรอบไม่เต็ม มีที่ว่างเหลือพอประมาณ เลยมาฮอตฮิตหนัก ๆ ก็รอบท้าย ๆ หาบัตรกันเป็นระวิง อย่างไรเสีย ปี

หน้าฟ้าใหม่ คงจะมีตอนใหม่มาให้ชมกันอีกแน่ เมื่อถึงเวลานั้น อย่าพลาดโอกาสดี ๆ กันอีกนะครับ

ขอบคุณทุกคำแนะนำติชม รวมถึงข้อมูลต่าง ๆ หากจะเสริมให้ด้วย จักขอบคุณมากครับ

ฉากพลับพลา

ฉาก อม พลับพลา

ตอนมัยราพณ์ขึ้นไปแกว่งกระบอง หลอกกองทัพ มัยราพณ์อยู่สูงมิใช่น้อยเลย

ดูจากมุมนี้ เห็นชัดเลยว่า ขึ้นไปสูง มีความลับมาเปิดเผยด้วยครับ

มัยราพณ์ที่ขึ้นไปยืนบนเขา กับ ที่มาแบกพระรามเป็นคนละตัวกัน ที่ยืนบนเขา ไปยืนรอบนเขาตั้งแต่หนุมานยังไม่อมพลับพลาเลย
เรียกว่า ยืนสูงอยู่นานมาก ทั้งนี้ ก็เพื่อความสมบูรณ์ของการแสดงนั่นเอง

ที่มา : http://topicstock.pantip.com/chalermkrung/topicstock/2011/08/C10910795/C10910795.html

เราเห็นพร๊อพที่เป็นกระทะหัวกะโหลกอ่ะค่ะ ชอบมากเลย งานสวยมากเลยนะค่ะ
จากคุณ : i_am_alive

เสียดายฉากนี้ ผมถ่ายมานิดหน่อย พอมีมาฝากแค่นี้ครับ ขออภัยด้วย

มีตัวละครบางตัว ที่ไม่รู้ว่า จะมีผู้ชมท่านใดเห็นหรือไหม บทไม่มีอะไรมากไปกว่า นั่งนิ่ง ๆ
แต่นี่ก็คือบทบาทหน้าที่ ที่จะเติมเต็มให้การแสดงสมบูรณ์มากขึ้น

ตัวละครบางตัว แม้แต่ชื่อยังไม่มี ทุกคนรู้จักแต่ตำแหน่งว่า นายประตู แต่ผมเชื่อว่า ผู้ชมจำ นายทวาร--บาน ได้แน่นอน
รอบสุดท้าย จัดหนักมาก หยอกเย้า

อยากเห็นพระรามบ้างจัง ขอมาจัดให้ครับ แบบนั่งในพลับพลาได้ไหม

อีกสักรูปสำหรับพระราม ในรอบปกติ อาจารย์ธีรเดช กลิ่นจันทร์ กับ อาจารย์สมเจตน์ ภู่นา จะสลับกันเล่นเป็นพระราม

แต่ในรอบสุดท้าย พิเศษสุด อาจารย์ธีรเดช เล่นเป็นพระราม อาจารย์สมเจตน์ เล่นเป็นพระลักษณ์
ส่วนเด็ก ๆ อีกสองคนที่เห็นยืนข้าง ๆ คือพระรามกับพระลักษณ์ที่บรรทมในพลับพลา แล้วโดนมัยราพณ์มาลักตัวไปครับ

เท่าที่ได้มีโอกาสคุยกับทีมงาน ช่วงแรก ๆ หวั่น ๆ เหมือนกันว่า จะไม่มีคนดู ยิ่งบางรอบคนดูแถวหน้ายังไม่เต็มเลย
นักแสดงบอกเองเลยว่า มองไปแล้วใจแป้ว แต่ของดีมีคุณภาพ ปากต่อปาก คำต่อคำ สุดท้าย ตั๋วไม่พอ ขอให้เพิ่มรอบ ซึ่งก็ไม่ได้แล้วจริง ๆ

ส่งท้ายด้วยภาพ Final ในรอบการแสดงปกติครับ แค่นักแสดง ก็ยืนกันเต็มเวทีแล้ว เยอะจริง ๆ

อาจารย์สมชาย ฟ้อนรำดี คุณพ่อของน้องเสือที่แสดงเป็นมัจฉานุ อีกคน ได้เขียนบทกวีไว้ในเฟชบุ๊คของท่าน
ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอ ณ ที่นี้ด้วยครับ

วันนี้ศึกมัยราพณ์ลาโรงแล้ว แต่เสียงเพลงยังแว่วกังวานหวาน
ทุกบทบาทในโขนพระราชทาน คือตำนานสำนึกในพระกรุณา
พระบารมีมากล้นวิมลมาศ แด่ปวงศาสตร์ปวงศิลป์อันเรืองค่า
สมเด็จองค์ราชินีทรงนำพา ปวงประชาประจักษ์ชัดสมบัติไทย

ภาพอาจารย์สมชายกับน้องเสือครับ

กำลังจะไปสลบแล้วเชียว มาเห็นคุณ iced latte แล้วเปรี้ยวปาก ขอภาพหม่อมป้า เอ๊ย หม่อมแม่พิรากวน จะมีแสดงสองท่านครับ
ท่านแรก อาจารย์ป้อม นฤมล ณ นคร ตอนนางลอย ท่านแสดงเป็น นางตรีชฎา แม่ของเบญจกาย

ส่วนอีกหนึ่งหม่อมป้า คือ ครูเจี๊ยบ เปรมใจ เพ็งสุข ตอนนางลอย ท่านแสดงเป็น นางเบญกาย จัดให้ตามคำขู่ครับ ฮ่าฮ่าฮ่า

ขออภัยด้วยครับเรื่อง นักดนตรี กับ ผู้พากย์ ถ่ายรูปไว้น้อยมาก โดยเฉพาะ ผู้พากย์ ช่วงเวลาที่ท่านเข้ามาพากย์ เป็นช่วงเวลาการแสดง
แล้วก็ยืนหลบอยู่ในความมืด ไม่สามารถถ่ายภาพมาฝากได้จริง ๆ ขอเป็นภาพผู้ขับร้องและผู้บรรเลงวงปี่พาทย์ แทนแล้วกันนะครับ

มีสองวง ภาพนี้วงด้านขวามือของผู้ชม

วงที่สอง ทางซ้ายมือของท่านผู้ชม สำหรับผู้พากย์-เจรจา มีทั้งหมด สี่ท่านคือ

นายดำรงศักดิ์ นาฏประเสริฐ
นายเชาวนาท เพ็งสุข
นายธีรภัทร์ ทองนิ่ม
นายสุธีร์ ชุ่มชื่น

แต่ผมไม่ทราบว่า ท่านใด พากย์เสียงใดบาง ต้องขออภัยด้วยครับ

...

เสียดายอย่างเดียวคือเรื่องประชาสัมพันธ์ มารู้ก็แบบสองสัปดาห์สุดท้ายแล้ว หาตั๋วไม่ทันจริงๆ
เสียดายอย่างแรงจริงๆ อยากทราบว่ามีซีดีการแสดงวางแผงขายที่ไหนบ้างครับ
จากคุณ : kingofearth
....................................

ตอบคุณ kingofearth เรื่องการประชาสัมพันธ์
จริง ๆ แล้ว งานนี้ มีการประชาสัมพันธ์ต่อเนื่องมายาวนานพอสมควรครับ
ในเวบของ ไทยทิกเกต ก็ประกาศขายบัตรล่วงหน้าเป็นเดือน

ถ้าผ่านแถวอนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ป้ายคัตเอ้าท์ ใหญ่มาก ตอนนี้ก็ยังติดอยู่
เพียงแต่ว่า บางครั้ง การแสดงแบบนี้ ความสนใจของผู้ชมอาจจะยังค่อนข้างจำกัด
ก็ได้แต่หวังกันว่า ผลของกระแสปีนี้ จะทำให้เกิดการตื่นตัวและสนใจในการแสดงของไทยมากขึ้นครับ
.................................................

เห็นชมหนุมานว่าหล่อกันนักหนา ขอนำเสนอ ภาพหนุมานทั้งสาม ตอนเพิ่งจะเลิกจากการแสดงมาหมาด ๆ
เหงื่อยังไม่แห้ง เสื้อเปียก ๆ หัวกระเซิงมาให้ชมกันซะหน่อยแล้วกัน

คนซ้าย ครูบ๊อป แสดงเป็นหนุมาน ตอนเจอมัจฉานุ ที่ลื่นริมบ่อ กระโดดลงสระบัว คนนี้เลยครับ

คนกลาง ครูเต้ แสดงเป็นหนุมาน ตั้งแต่ต้นเรื่อง จนกระทั่งรบกับเหล่ายุง บีบเขา แปลงร่างเป็นใยบัว คนนี้เหมาหมด

ส่วนคนขวาสุด ครูเอ๊กซ์ แสดงเป็นหนุมานตอนรบกับมัยราพณ์ ที่บอกมัยราพณ์ว่า "ถ้าแม้นตีสามตึง มรึงตาย"

..................
สำหรับ ซีดี ดีวีดี มีจำหน่ายแน่นอนครับ แต่คงต้องอีกสักระยะ เพราะต้องใช้เวลาในการดำเนินการสักหน่อย
เนื่องจากเป็นงานที่มีความสำคัญ ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มข้น

ส่วนจำหน่ายที่ไหนบ้าง อย่างน้อยต้องมีที่ มูลนิธิส่งเสิรมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ แห่งหนึ่งแน่นอน
ส่วนจะมีที่ใดอีก คงต้องรอข่าวอีกครั้งครับ
................

ภาพนี้เป็นตอน หนุมาน ลื่นที่ขอบสระบัว ตกใจขึ้นมากอดกับมัจฉานุ

ทุกรอบ ฉากนี้เรียกเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือจากผู้ชมได้มากมาย

ส่วนเรื่องเสียงพากย์ หม่อมแม่พิรากวน ทำไมต้องเป็นเสียงผู้ชาย

ขอออกตัวก่อนว่า ผมเอง ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับโขนเลยนะครับ ถ่ายรูปเป็นอย่างเดียว

พอดีไปอ่านเจอที่มีท่านผู้ชมสอบถามน้องแบงค์ ทศกัณฑ์ใน คห. 34 คนที่ซ้อมกับหนุมาน
แล้วน้องแบงค์ตอบไว้ในเฟสบุ๊ค ผมขอลอกมาฝากแล้วกัน ผิดถูกอย่างไรบอกเพิ่มเติมกันได้ครับ

ผู้พากย์-เจรจานั้น ส่วนมากเป็นผู้ชายครับ
แต่เดิมตัวโขนทุกตัวใช้ผู้ชายแสดงล้วน จึงใช้ผู้ชายพากย์เป็นส่วนใหญ่ครับ
และการพากย์-เจรจาค่อนข้างยาก ต้องใช้พลังเสียงเยอะมาก
ดังนั้นจึงใช้ผู้พากย์เป็นผู้ชายเรื่อยมาตั้งแต่โบราณครับ

..............................

อย่านะ อย่าเชียวนะ ฉันเป็นพระพี่นางเชียวนะ

...................
ศิลปวัฒนธรรมไทยอันสวยสดงดงาม ที่ควรมีไว้คู่บ้านคู่เมือง และช่วยกันอนุรักษ์ส่งเสริม สืบทอดไว้ให้คงอยู่ชั่วนิรันดร์
เพื่อลูก, หลาน, เหลน, โหลน จะได้ภูมิใจในความเป็นไทย

ไม่คิดว่าจะเข้ามาดูเลย .. ไม่ได้มีความสนใจในโขน ไม่ได้มีความชอบส่วนตัวเลยจริงๆ
แต่เห็นขึ้นกระทู้แนะนำอันดับหนึ่ง เลยคิดว่ามันต้องมีดี วันนี้เลยลองคลิกเข้ามาดู
เชื่อไหมครับ ผมน้ำตาจะไหล ซึ้งในพระกรุณา อิ่มเอมในความเป็นไทย

ผมเป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่ห่างไกลเรื่องพวกนี้ แต่พอได้อ่าน ได้ดูรูป กลับรู้สึกว่า ตัวเองน่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น
นี่สินะครับ เรื่องของกระทู้แนะนำจึงเป็นที่ถกเถียงกัน เพราะมันมีความสำคัญจริงๆ
เปลี่ยนให้คนที่ไม่รู้ ไม่คิด ไม่รัก กลายเป็นอีกคนเลย ขอบคุณเฉลิมกรุงครับ

ขอบคุณคะ ..... พูดไม่ออกคะ จุก ตื้นตันมาก ปลื้มสุดๆคะ
มีโอกาสรอบหน้าไม่พลาดแน่นอนคะ
ขออนุญาตนำรูปไปลงใน FB นะคะ อยากให้คนอื่นเห็นความงดงามแบบนี้บ้าง

สำหรับผู้สนใจชมการแสดงเช่นนี้ ลองคงต้องหมั่นสอบถามไปยัง
โรงละครแห่งชาติ - กรุงเทพมหานคร
โรงละครภาคตะวันตก - สุพรรณบุรี
โรงละครภาคตะวันออกเฉียงเหนือ - นครราชสีมา

กรมศิลปากรอ่่อนประชาสัมพันธ์ไปหน่อยค่ะ มีเวปไซค์แต่ไม่ค่อย update การแสดง
ถึงจะมีการแสดงประจำทุกเดือน ก็ไม่ค่อยมีคนรู้ นอกจากขาประจำ

แต่โขนพระราชทานนี้ ทำให้เกิดการตืนตัวกันมากขึ้น
หวังว่า ผู้ที่ชอบอยู่แล้ว ผู้ที่เพิ่งเริมชอบ คงติดตามและสนับสนุนในฐานะผู้ชมกันต่อไป

ไม่จำเป็นต้องเล่นเป็น ขอเพียงแค่เป็นผู้ที่ดูเป็นบ้าง
เราก็มั่นใจว่า เอกลักษณ์การแสดงนาฎศิลป์และดนตรีไทย จะคงอยู่ไปชั่วลูกชั่วหลานค่ะ

เห็นเบื้องหลังแบบนี้แล้ว ยิ่งภาคภูมิใจในศิลปะอันละเอียดอ่อนของชาติเรา อยากให้ทั้งคนไทยและต่างชาติ
ได้รับรู้เรื่องราวเบื้องหลังแบบนี้เยอะๆ จะได้รู้ว่า กว่าจะออกมาโชว์แต่ละรอบ ทีมงานต้องทำงานกันหนักแค่ไหน
ถ้ามีการแสดงอีก น่าจะมีการทำสารคดีเบื้องหลังด้วยนะคะ

บอกตามตรงค่ะว่า ตอนแรกไม่มีความคิดจะไปดูเลยซักนิดเดียว
พี่สาวโทรมาขอให้พาแม่เค้า(ป้าเรา) ไปดูให้หน่อย เพราะไม่มีคนขับรถ
เราเลยไปในฐานะคนขับรถค่ะ ง่วงมาก เพิ่งเลิกงาน กะว่าจะไปนั่งหลับเต็มที่

แต่พอได้ไปดูแล้ว..แบบว่าอึ้งมากๆ ไม่ง่วงเลยซักนิดเดียว สนุก อลังการตลอดทั้งเรื่อง เห็นใจทีมงานมากๆ ท่าทางจะเหนื่อย
เรานั่งแถวที่สองติดขอบเวที ฉากหนุมานกับมัจฉานุ เห็นเหงื่อของนักแสดงหยดติ๋งๆ ลอดหัวโขนออกมาเป็นน้ำเลย
ดูแล้วโอ้ววว สุดยอดๆๆๆๆ

ต้องขอบคุณ พี่และคุณป้า ที่ทำให้เราได้มีโอกาสไปดูในครั้งนี้ คราวหน้าถ้าจัดอีกจะชวนพ่อแม่ไปดูด้วยแน่นอนค่ะ
ช่วยประชาสัมพันธ์เยอะๆหน่อยนะคะ

ชอบพระพี่นางมากๆค่ะ ทั้งสีหน้าท่าทางแบบว่าเป๊ะมาก.. โอ้ยย สุดยอดด
ตอนถอดหัวโขนแอบปลื้มคนที่เล่นเป็นไมยราพ ที่ตัวสูงๆ ใหญ่ๆอะค่ะ หล่ออะ (อร๊ายย เขิลล์)

ขอบคุณแทนทีมงานมากเลยครับ

ผมส่งกระทู้นี้ให้ทีมงาน นักแสดงรวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องได้ดูกัน
ทุกคนดีใจและปลาบปลื้มใจที่ คนไทยยังรักและหวงแหนศิลปของไทย

ปีหน้าคงจะต้องมีการแสดงโขนพระราชทานอีกแน่นอน
แต่จะเป็นตอนอะไรนั้น ก็ต้องติดตามกันต่อไปครับ
.................

เห็นหลายท่านปลื้ม มัยราพณ์ กัน ขอนำภาพของมัยราพณ์ทั้ง 6 ท่าน มาให้ชมกันชัด ๆ ไปเลยดีกว่า

เริ่มจากท่านแรก
อาจารย์ต๋อง ปกรณ์ วิชิต รับราชการเป็น นาฏศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร แสดงเป็นมัยราพณ์ช่วงทำพิธีครับ

...................

มัยราพณ์ท่านที่สอง
อนุชา สุมามาลย์ ปัจจุบันเป็นนาฏศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร

เติ้ง แสดงเป็นมัยราพณ์ตอนทำพิธี เช่นเดียวกันครับ

..................

มัยราพณ์ท่านที่ 3

บัญชา สุริเจย์ รับบทหนักตลอด คือตอนที่ไปเป่ายา แล้วก็แบกพระรามลงบาดาล

น้องบัญชาเป็นนักแสดงที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาครับ

................

มัยราพณ์ท่านที่สี่

วัชรวัน ธนะพัฒน์ หรือ ครูหนู

ถ้าวันไหน บัญชา มาแบก ครูหนูก็จะไปเล่นตอนรบ แต่ถ้าบัญชาพัก ครูหนู ก็จะมาแบกแทน
ถ้าใครเคยดูนางลอย คนนี้แหละครับ ที่จีบสีดาแปลง แล้วเขินจนผู้ชมเขินตาม

...............

มัยราพณ์ท่านที่ 5

วีรกร ศุขศาสตร์ ปัจจุบันเป็นอาจารย์คณะศิลปศึกษา สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์

แบงค์แสดงเป็นมัยราพณ์ ตอนรบ ที่โดนหนุมานตีด้วยต้นตาล กลิ้งเป็นลูกขนุนแหละครับ

................

มัยราพณ์ท่านที่หก

ถ้าใครเคยดู Thailand's Got Talent แล้วเชียร์ทีมคิดบวกสิปป์ อาจจะคุ้นหน้ากับคนนี้

ยุทธนา อัมระรงค์ เพราะ เอ็ม คือหัวหน้าทีมคิดบวกสิปป์ นั่นเอง เอ็ม แสดงเป็นมัยราพณ์ตอนออกรบเช่นกันครับ

................................................................

ทศกัณฐ์ มีนักแสดงสองท่าน ผลัดกันแสดง

ท่านแรก สุทธิ สุทธิรักษ์ ปัจจุบันเป็น นาฏศิลปิน สำนักการสังคีต กรมศิลปากร

...............

ทัศกัณฐ์ อีกคน

พิชิตชัย คะแน คนนี้เป็นนักแสดงที่มาจากการคัดเลือกครับ

..............

ภาพนี้เป็นอาจารย์ต๋อง ปกรณ์ วิชิต (มัยราพณ์) กำลังจะผูกอุบะ เพื่อประดับหัวโขนครับ

....................

ขอบคุณที่นำภาพมาให้ชม พร้อมเรื่องเล่าดีๆนะคะ เราเป็นอีกคนหนึ่งที่หาบัตรไปดูไม่ได้ เพราะต้องการดูรอบบ่าย
ซึ่งมีไม่กี่วันเอง ขนาดว่าจองวันแรกๆ ก็ยังหาไม่ได้ บัตรที่เหลือก็ไกล เราก็กลัวจะมองไม่เห็น จนแล้วจนรอดในที่สุดก็ไม่ได้ไปดู

เมื่อปีที่แล้วตอนนางลอย เรานั่งดูข่าวอยู่ต่างประเทศด้วยความเสียดายว่าจะต้องอดดูเป็นแน่
พอมาปีนี้อยู่เมืองไทยก็พยายามหาบัตรเต็มที่ แต่ก็ไม่มีโอกาสอีก

ด้วยความสงสัยทำไมการแสดงดีๆถึงได้แสดงเพียงไม่กี่รอบ ดูการแสดงที่ต่างประเทศเค้าแสดงกันทีละหลายๆ เดือน
บางทีเป็นปีเลยด้วยซ้ำ เสียดายเพราะเชื่อว่ามีคนอยากดูอีกมากที่หาบัตรไม่ได้เหมือนเรา
จากคุณ : หมูแดงจ้ะ
........................

อยากมีฝีมือถ่ายรูปเทพๆ แบบ จขกท จัง
ขอบคุณ จขกท นะคะ ที่เก็บภาพเบื้องหลังมาให้ชมกัน ดิฉันก็ได้ชมแค่เบื้องหน้า พอได้ชมเบื้องหลังแล้ว ประทับใจเพิ่มอีกเท่าตัว

เออ สงสัยอีกอย่างค่ะ ทำไมหัวโขนมัยราพณ์มีอยู่หัวหนึ่ง (เรียกหัวรึป่าว) ต้องพันผ้าสีดำ แตกต่างจากอันอื่นด้วย
ตอนชมการแสดงสงสัยมากเลย มันมีนัยยะสำคัญอะไรหรือเปล่า

จากคุณ : อุโมงค์
............................

ตอบคุณหมูแดงจ้ะ

จริง ๆ แล้ว การแสดงไม่น้อยรอบนะครับ เบ็ดเสร็จแล้วน่าจะสัก 30 รอบได้ คือผมไม่แน่ใจตัวเลยจริง ๆ ว่าเท่าไร

สาเหตุนึงที่ยาวกว่านี้ไม่ไหว อยากเรียนว่า นอกจากสาเหตุของทีมงานที่กล่าวได้ว่า หมดสภาพ
นักแสดง ต้องมาถึงหอประชุมตั้งแต่ประมาณ 10-11 โมงเช้าเป็นอย่างช้า กว่าจะเลิก จบได้จริงคือเกือบห้าทุ่มทุกวัน

นักแสดงหลายคนป่วย จนเล่นไม่ไหว อย่างอาจารย์ต๋อง ปกรณ์ วิชิต รอบหลัง ๆ แสดงไม่ไหว เนื่องจากเจ็บแขนมาก แกว่งกระบองไม่ไหวเลยล่ะครับ

พวกนักแสดงสมทบ ทั้งเขนลิง เขนยักษ์ ก็ป่วยกันหลายคน แล้วกลุ่มนี้ ยังเป็นนักเรียน นักศึกษาทั้งนั้นด้วย มาแสดง ยังเอาการบ้านมานั่งทำกันเลยครับ

ทีมนักแสดงยังมีโอกาสสับเปลี่ยนหมุนเวียนบ้าง แต่นักร้อง นักดนตรี หมุนไม่ได้ ถ้าใครดูรอบหลัง ๆ จะเห็นได้เลยว่า ผู้พากย์ เสียงแหบแห้งไปมาก

งานนี้ ทีมงานก็พยายามเพิ่มรอบให้มากที่สุดแล้วครับ ก็ได้แต่หวังไว้ว่า ปีหน้าฟ้าใหม่ คงจะเต็มทุกรอบนะครับ

ขอตอบคุณอุโมงค์ด้วยเลยนะครับ
..............

ทำไมหัวโขนมัยราพณ์มีอยู่หัวหนึ่ง (เรียกหัวรึป่าว) ต้องพันผ้าสีดำ แตกต่างจากอันอื่นด้วย มันมีนัยสำคัญ อะไรหรือเปล่า

หัวมัยราพณ์ที่พันผ้าดำ จะเป็นหัวที่ใช้ในการแสดงช่วงทำพิธีครับ สังเกตที่ตัวนักแสดง ก็จะมีผ้าดำพันไว้เช่นกันครับ

...................

ดู 2 รอบ รอบแรก 16 กรกฎา อีกรอบ 6 สิงหา

ชอบฉากที่หนุมานเจอกับมัจฉานุ ยิ่งดูรอบหลังเพิ่มความยาวของตอนนี้มากกว่าเดิมเยอะมากกกกก คุ้มๆๆๆ เป็นตอนที่น่ารักมากของหนุมาน 2 พ่อลูกเล่นกัน

ทั้งป้ายน้ำตา ป้ายขี้มูก จูบกันแล้วเช็ดปากทิ้ง พ่อล้างหน้าลูก ลูกล้างหน้าพ่อ หนุมานหน้าทิ่มลื่นขอบบ่อ ตกกะใจ ลุกมากอดกับมัจฉานุ ฯลฯ เป็นฉากที่ทำให้มี

ความสุขค่ะ

3 ทวารบาน ยิ่งดูยิ่งฮา รอบหลังๆ จัดเต็มจริงๆ มุขกระจาย บางมุขนี่ใหม่มากกกกกกกกก พระพี่นางน่าร๊ากกกกกอ้า~~~~~ ชิมิคะ? เราหัวเราะก๊ากๆ แต่พ่อกับ

แม่ยังงงมุขอยู่เลย เห็นว่าตัดฉากที่ยืดเยื้อออกไปเยอะ แต่ใส่มุขฮาๆเข้ามาแทน ทั้งเครื่องตรวจจับระเบิด เครื่องสแกน ไหนจะเสื้อผ้าหน้าผมของทวารบานทั้ง 3

อีก สุดๆเลยค่ะ ^ ^

แล้วก็คลายข้อสงสัย ฉากมัยราพณ์ขโมยพระรามมาจากพลับพลาโดยแบกขึ้นไหล่ทั้งๆท่านอน มองจากที่นั่งคนดูสงสัยว่าคนหรือหุ่น ได้เฉลยจากกระทู้นี้ว่าคน

จริงๆ แต่เป็นนักแสดงเด็ก จะได้เลิกเถียงกับแฟนซะที

ฉากที่มียักษ์ 4 ตนเฝ้ามัยราพณ์ตอนทำพิธีหุงสรรพยา เราสังเกตเห็นค่ะ ว่าเค้าขยับตัวนั่งบนเข่าทุกครั้งที่มัยราพณ์ขยับตัวลงมา พอมัยราพณ์กลับขึ้นพลับพลา

เค้าก็จะนั่งราบลงค่ะ เป็น 4 นักแสดงที่เติมเต็มอารมณ์ให้ฉากจริงๆ .....เราเห็นๆๆๆ ^ ^

ถ้าในส่วนของเวที ชอบหนุมาน อมพลับพลา ชื่นชมกับทีมงานที่เนรมิตรฉากค่ะ อย่างน้อยที่สุด เราก็ได้เห็นว่าหนุมานมีหน้าตายังไง สูงตั้ง 8 เมตร ^ ^ ตอน

โดนเป่ายา แล้วหนุมานตาปรือ น่ารักมากๆ ตอนดูรอบแรกตั้งตาคอยว่าตอนหนุมานหลับ แล้วมัยราพณ์จะเข้าไปในมือของหนุมานที่เป็นกำแพงได้ยังไง แต่

แล้วก็ โอ้ววววววว หนุมานแบมือ (กรี๊ดถูกใจอยู่คนเดียว) แต่ก็ชื่นชมทุกๆฉาก ทุกๆแสง สี เสียง เจ๋งสุดๆ

ฉากจบเทวดานางฟ้าเหาะมาโปรยดอกไม้ แพรวพราว ละลานตามากเลยค่ะ ตอนที่เห็นฉากนี้ตอนไปดูรอบแรก กรี๊ดเลย เทวดาที่เหาะมาเหมือนในรูปปฏิทินเลย

ค่ะ ^ ^ (มีแอบขาหลุดด้วย เข้าใจๆ เคยขึ้นสลิงเหมือนกันค่ะ 55555)

จากคุณ   : แม่เกี้ยมอี๋
....................................

ตอนมัยราพณ์แปลงเป็นลิง เห็นว่าไม่มีหาง เป็นเพราะเป็นร่างแปลงของยักษ์ใช่มั๊ยคะ? เป็นตัวเดียวในวรรณคดีรึเปล่าที่เป็นลิงไม่มีหาง ^ ^

พยามรื้อฟื้นความรู้สมัยเด็กๆอยู่ค่ะ เพราะที่บ้านมีบทละคอนเรื่องรามเกียรติ์และบ่อเกิดรามเกียรติ์ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ ที่เป็นกลอนแปดทั้งเล่ม เคยอ่านจบ

ตั้งแต่เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ยากสำหรับเด็กประถมที่ต้องตีความจากกลอน แต่ก็สนุกมากๆ ยิ่งมาดูโขนชุดนี้แล้วต้องลองรื้อมาอ่านดูอีกซักรอบ ^ ^

จากคุณ   : แม่เกี้ยมอี๋
.......................................

อยากถามว่า พอจะทราบมั้ยคะว่า
เพราะอะไรถึงใช้หอฯเล็ก เป็นที่แต่งตัว เพราะนักแสดงต้องเดินเท้าเปล่าออกมาไกลพอควรกว่าจะถึงหอฯใหญ่
ทั้งๆ ที่คราวนางลอย ถ้าจำไม่ผิดใช้ห้องแต่งตัวนักแสดงรอบหอใหญ่เป็นที่แต่งตัว
(สงสารน้องๆ ค่ะ เดินไกล ปวดตัว แล้วยังเจ็บเท้าอีก)

จากคุณ   : IndefiniteLearner
.......................................

ไปดูมาเหมือนกันเมื่อวันที่ 31 ที่ผ่านมา รอบบ่ายสอง .. ได้ของที่ระลึกมาเพียบ

ชอบฉากอมพลับพลา .. ตอนหนุมานตาปรือ เล่นเอาฮาเลย .. น่ารักอ่ะ

หม่อมป้าพิรากวนอีก . ตอนสองพ่อลูกเจอกัน แล้วร้องไห้ เช็ดน้ำมูก น้ำตา ล้างหน้าให้กัน ก็น่ารัก .. สรุป ชอบทุกฉากเลยละค่ะ

จากคุณ   : เจ้าหญิงโบราณล้านปี
..................................................

ดีใจมากครับ ที่มีผู้ให้ความสนใจกับ "ศึกมัยราพณ์" ล้นหลามขนาดนี้ ทีมงานบอกว่า เห็นแล้วหายเหนื่อยกันเลยครับ
ภาพนี้มาฝากสำหรับ ท่านที่ชอบหม่อมป้าพิรากวน หนุมานกำลังย่องเข้ามาหา

..............

คุณ IndefiniteLearner ถามไว้ในความเห็น 198 ว่า

อยากถามว่า พอจะทราบมั้ยคะว่า
เพราะอะไรถึงใช้หอฯเล็ก เป็นที่แต่งตัว เพราะนักแสดงต้องเดินเท้าเปล่าออกมาไกลพอควร กว่าจะถึงหอฯใหญ่ ทั้งๆ ที่คราวนางลอย ถ้าจำไม่ผิดใช้ห้องแต่งตัว

นักแสดงรอบหอใหญ่เป็นที่แต่งตัว (สงสารน้องๆ ค่ะ เดินไกล ปวดตัว แล้วยังเจ็บเท้าอีก)

ขอตอบว่า ตั้งแต่ พรหมาศ จนถึง นางลอย แล้วก็ ศึกมัยราพณ์ ครั้งนี้ ทุกครั้ง ใช้หอประชุมเล็ก เป็นสถานที่แต่งตัวมาโดยตลอด
ลองดูแล้วกันครับว่า ใช้พื้นที่เยอะขนาดไหน ห้องแต่งตัวรอบหอใหญ่ รับไม่ไหวแน่

หากมีคำถามใด ฝากไว้ได้ครับ ถ้าทราบก็จะมาตอบ ถ้าไม่ทราบ จะพยายามสอบถามผู้รู้ให้ครับ
....

ฝากภาพนี้ เป็นอีกหนึ่งฉากในความทรงจำอันแสนประทับใจแน่นอนครับ

ความคิดเห็นที่ 207
ฉากนี้แอบน้ำตาคลอค่ะ T_T
ตอนนี้หนุมานชวนมัจฉานุเล่น แล้วก็ต้องแอบกระโดดลงไปในสระบัว

จริงๆ ชอบทุกฉากเลย แต่ชอบฉากหนุมานอบพลับพลามากๆๆๆ
จะกรี๊ดก็เกรงใจคนอื่น แหะๆ

สุดท้ายตอนจบที่นักแสดงออกทั้งหมด นี่ปรบมือกันดังมากกก ประทับใจจริงๆ ค่ะ

ขอบคุณอีกครั้ง สำหรับทีมงานทุกท่านทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง สำหรับผลงานดีๆ แบบนี้ค่ะ
รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของทางศูนย์วัฒนธรรม และ Thaiticket
ที่อำนวยความสะดวก และบริการอย่างดี ^_^

จากคุณ   : Bluebird at Bonneville~*
เขียนเมื่อ   : 13 ส.ค. 54 11:51:15
...................................................

ความคิดเห็นที่ 208
ขอสารภาพว่าตอนแรกไม่เคยมีความคิดจะไปดูโขนเลยค่ะ ทั้งๆที่เพื่อนๆเคยชวนหลายรอบแล้ว แต่ก็ไม่ยอมไปสักที
จนมาคราวนี้ บังเอิญว่าเพื่อนซื้อบัตรแล้วไปดูไม่ได้ เลยมาขอให้เราไปดูแทน พอดีเสียดายค่าบัตร ก็เลยยอมไปค่ะ

ตอนแรกกะว่าต้องหลับแน่ๆ แต่พอได้ดูจริงๆแล้วผิดคาดมากๆๆๆ มันทั้งสนุก ทั้งอลังการ
หลายฉากที่พอเปิดมาแล้วต้องร้อง "โอ้โห!!!" โดยเฉพาะฉากหนุมานอมพลับพลา ที่เราเคยเห็นแต่ในภาพวาด
ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะนำมาทำเป็นฉากในการแสดงสดๆ แบบนี้ได้ แต่พอได้เห็นกับตา รู้สึกทึ่งๆๆ มากๆๆๆ
มันช่างตื่นตาตื่นใจเหลือเกินค่ะ

ไม่เคยคิดมาก่อนว่าการมาดูโขนครั้งนี้ จะทำให้เราได้เปิดหูเปิดตามากมายขนาดนี้ เราดูบัตร 400 บาท
ตอนแรกคิดว่าคงนั่งสุดกู่ แต่ก็ไม่ใช่ ดูจบแล้วรู้สึกว่าบัตร 400 มันถูกสุดๆๆ ถูกเสียยิ่งกว่าถูก
เพราะเราไปดูละครเวทีบ่อยๆ บัตร 1000 up ทั้งนั้น

ดูโขนครั้งนี้เลยติดใจและประทับใจมากๆ เลยบอกเพื่อนไปว่า คราวหน้ามีอีก ไม่ต้องถามนะว่าจะดูหรือเปล่า แต่ให้จองให้เลย

ขอบคุณเพื่อนที่ติดธุระ แล้วให้เราไปดูแทน ขอบคุณกระทู้นี้ สำหรับภาพทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ที่ทำให้เราอ่านกระทู้ไป ดูรูปไป น้ำตาก็คลอเบ้าไปค่ะ

และที่สำคัญ..

ขอบคุณทีมงานและทีมนักแสดงทุกๆท่านมากๆนะคะ
ที่ทำให้เรารู้สึกว่า..

"โคตรภูมิใจ ที่ได้เกิดเป็นคนไทย"

ขอบคุณจริงๆค่ะ ^^

จากคุณ   : ตุ๊กตาไขลาน FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ   : 13 ส.ค. 54 12:25:03
..................................................

ความคิดเห็นที่ 211
ได้มีโอกาสไปชมมา3รอบเหมือนกันค่ะชอบมากจึงไปชมอีกซ้ำๆให้หนำใจ...
คลาสสิคงดงามอลังการยิ่งนัก ว่าครั้งที่ดูนางลอยนั้นงามมากแล้ว แต่ฉากศึกมัยราพณ์กลับยิ่งงดงามกว่าหลายเท่า
โดยเฉพาะฉากจบ บนสวรรค์มวลหมู่เหล่าเทวดา-นางฟ้าที่ประทับบนวิมานล่องลอยมาพร้อมกัน ตระการตามากสุดๆ ..
ฉากหนุมาณที่สลึม-สลือจากโดนมัยราพณ์เป่ายาพิษรมควันไป กลิ้งกลอกตาไปมา-สุดท้ายหมดสติหมดเรี่ยวแรงจนแขนตก..
เสียงปรบมือกึกก้องนานมากอีกครั้ง

ฉากฮาๆน่ารัก kiss me kiss ระหว่างคุณพ่อคุณลูกหนุมาณ-มัจฉานุฮามากจริงๆ..ตั้งแต่ดูโขนมา นมนาน
เพิ่งเจอลิงไฮเทค 2 ตัวนี้ปีนี้แหละที่จ๊วบๆจูบปากเสมือนคู่รักกันซะงั้น..555

หลังเลิกนักแสดงหลายท่านบาดเจ็บและเป็นไข้หนัก ล้มป่วยถึงต้องเข้านอนพักรักษาที่ร.พ.
1 ในผู้รับบทมัยราพณ์ แบกพระรามนั้น(คุณบัญชา สุริเจย์) โดนความคมของเหลี่ยมกระบองเพชรขูดบาดที่ต้นคอ
บาดเจ็บมาก แต่ก็อดทนเล่นให้ชมจนจบวาระการแสดง ด้วยความมีสปิริตสูง เลิกแล้วถึงไปพบแพทย์

นอกจากนักแสดงแล้ว ผู้อยู่เบื้องหลังถ่ายทอดขับขานเสียงร้องทำนองเสนาะไพเราะหวาน คือคณาจารย์และนักศึกษา
คณะศิลปนาฏดุริยางค์สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ซึ่งนำโดยครูทัศนีย์ ขุนทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านคีตศิลป์ไทย(ขับร้องเพลงไทย)
เป็นผู้คัดสรรนักร้องเสียงเอกมาถ่ายทอดน้ำเสียงบทร้องในครั้งนี้ค่ะ

การแสดงเบ็ดเสร็จ รวม 37 รอบค่ะ...

จากคุณ   : noinop
เขียนเมื่อ   : 13 ส.ค. 54 17:34:11

ความคิดเห็นที่ 212
ภาพสวยมากเลยค่ะ...ไปดูมาก็มีความประทับใจมากๆ และเสียดายแทนคนที่ไม่ได้ดูค่ะ
ตอนที่ดูก็เก็บข้อสงสัยในเรื่องราว..ศึกมัยราพณ์ จะถามใครก็ไม่มีใครรู้เรื่องราวรามเกียรติ์ตั้งแต่ต้นจนจบ
ถ้าในห้องนี้มีผู้รู้ก็ตอบให้คลายสงสัยด้วยนะคะ..

ในส่วนของตอนจบ การสู้ระหว่างหนุมานและมัยราพณ์ด้วยการตีด้วยต้นตาล
คือเราเองก็เหมือนจะเคยอ่านและคลับคล้ายคลับคลาว่า มัยราพณ์ถอดดวงใจเป็นแมลงภู่ ซ่อนไว้บนเขา
ทำให้ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย จนสุดท้ายหนุมานรู้ความลับนี้ ก็ขยายร่างไปหาแมลงภู่แล้วก็ขยี้จนตาย มัยราพณ์ถึงได้ตายในที่สุด...

แต่ที่ได้ดู เหมือนมัยราพณ์ตายง่ายเหลือเกิน..เลยอยากทราบว่า เรื่องราวมันยังไงกันแน่น่ะค่ะ

ขอบคุณล่วงหน้านะคะ

จากคุณ : พี่เหมาโหล Bloggang
เขียนเมื่อ : 13 ส.ค. 54 21:59:29
..................................................

ความคิดเห็นที่ 218
ผมก็ไปชมการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ นี้มา 2 รอบครับ

ครั้งแรกผมไปชมวันแรก ๆ เลย ( 17 ก.ค. 54 รอบ 14.00 น.) พี่สาวของผมชวนไปดูผมก็เลยไปดูกับเขาด้วย
พอผมได้ชมจบแล้วผมประทับใจเป็นอย่างมากเลยครับ ในชีวิตนี้ผมแทบจะไม่เคยได้ไปชมการแสดงโขน
ที่เป็นเรื่องราวอลังการแบบนี้มาก่อนเลยครับ

พอผมกลับมาที่บ้านผมก็มาเล่าให้คุณแม่ของผมฟัง คุณแม่ของผมท่านก็เลยอยากจะชมบ้าง
ผมจึงไปจองซื้อตั๋วได้รอบวันเสาร์ที่ 30 ก.ค. 54 รอบ 19.30 น. ครับ
ซึ่งคุณแม่ของผมได้ชมแล้วท่านก็รู้สึกประทับใจเหมือนกันครับ

เสียดายที่ผมไม่ได้ซื้อดีวีดีการแสดงชุด พรหมาศ และ นางลอย มาดูที่บ้าน
แต่ผมได้ซื้อโปสการ์ดสวย ๆ มาเขียนส่งให้แก่เพื่อน ๆ ครับ ส่วนของที่ระลึกอื่น ๆ ผมก็ได้ซื้อมาไว้เป็นที่ระลึกบ้างครับ

ด้วยความประทับใจในการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ ในครั้งนี้เป็นอย่างมาก
ผมเลยไปอัพบล็อคเล่าเรื่องความประทับใจและเชิญชวนท่านอื่นให้ไปชมกันด้วย ยังไงผมก็อยากจะให้ทางทีมงานฯ ลองเข้าไปเยี่ยมชมบล็อกนี้ของผมดูบ้างนะ

ครับ

คลิกไปที่ ...

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=akung-klong&month=07-2011&date=19&group=19&gblog=11

ท้ายสุดนี้ผมขอขอบคุณ คุณสุพจน์ (จขกท.) ที่ตั้งกระทู้ดี ๆ นี้ให้ท่านอื่นได้ชม ซึ่งได้ทั้งสาระ ความรู้ ความบันเทิง
และความประทับใจเป็นอย่างมากครับ แล้วผมก็ต้องขอขอบคุณทีมงานของการแสดงโขน ชุด ศึกมัยราพณ์ ในครั้งนี้
ทุก ๆ ท่านมาก ๆ เลยครับ ที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ที่ได้ชมอย่างมากมากมายมหาศาลครับ

แล้วผมจะบอกว่า ...

การแสดงโขนในปีหน้า ไม่ว่าการแสดงจะเป็นตอนอะไรก็ตาม ผมก็ต้องไปชมให้ได้ครับ ..อิอิ

จากคุณ : ด้วยความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง (อาคุงกล่อง) FriendFlock Bloggang
เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 54 18:23:53
...................................................

ที่มา : http://topicstock.pantip.com/chalermkrung/topicstock/2011/08/C10910795/C10910795.html

----------------------------------------------------------------------------------------