Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 16:05:07

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,616 Posts in 12,928 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  กิจกรรมที่น่าสนใจ  |  กิจกรรมหลังเลิกงาน  |  ฟังเพลงที่ไพเราะเป็นพิเศษ  |  +++++++++++ นี่คือแผ่น CD Audiophile.... แผ่นเดียวในดวงใจ ++++++++++
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: +++++++++++ นี่คือแผ่น CD Audiophile.... แผ่นเดียวในดวงใจ ++++++++++  (Read 2299 times)
LAMBERG
มายิ้มในใจกันไว้เรื่อยๆ สนุกดีๆ
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 1,479


View Profile
« on: 01 January 2013, 10:39:27 »

A Living Past : Music Maker Patron’s Sampler


Album      :    A Living Past : Music Maker Patron’s Sampler
Artist       :    Various Artists
Label/No.    :    Music Maker/9410
Style       :    Blues

              นักเล่นเครื่องเสียงน้อยคนนัก ที่ไม่คุ้นหูกับชื่อของ มาร์ค เลวินสัน (Mark Levinson) เพราะชื่อนี้ได้สร้างความเป็น “อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล” เอาไว้ในวงการเครื่องเสียงบ้านมากมาย...เขาเป็นผู้ก่อตั้งเครื่องเสียงบ้านระดับ “อภิมหาไฮ-เอนด์” โดยเอาชื่อของตัวเองคือ Mark Levinson มาการันตีตั้งเป็นชื่อยี่ห้อ ปรากฏว่าดังขจรขจายทะลายวงการ เป็นเครื่องเสียงระดับ “อภิมหา” ทั้งราคาและคุณภาพ ถึงแม้ว่าในเวลาต่อมาเขาจะโบกอำลาซาโยนาระจาก Mark Levinson ไปได้นายทุนเงินหนา โยนถุงเงินมาให้ทำแบรนด์ใหม่ และในอีกมุมหนึ่งเครื่องเสียงบ้านแบรนด์ Mark Levinson จะถูก Harman International เข้ามาเทคโอเวอร์ไปก็ตาม แต่ด้วยชื่อเสียงเรียงนามของแบรนด์ Mark Levinson ที่สร้างสมมาเนิ่นนานบานตะไท ก็ส่งให้ Mark Levinson ก็ยังเป็นที่นิยมชมเปาะของออดิโอไฟล์มาจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าตัวจริง-เสียงจริงอย่างนายมาร์ค เลวินสัน ไม่ได้มีเอี่ยวและส่วนเกี่ยวข้องแล้วก็ตาม

                หลังเลิกราจาก Mark Levinson พ่อยอดชายนายมาร์คของเรา ก็ออกมาทำแบรนด์เนมใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Cello...จะด้วยความแค้นฝังหุ่นหรืออะไรก็ตามแต่ นายมาร์คบรรจงลงมือออกแบบแบรนด์ใหม่ชนิดสุดลิ่มทิ่มดาก ปรากฏว่า Cello ดังระเบิดเถิดเทิงกว่า Mark Levinson แบรนด์เก่าเป็นไหนๆ และทุกอย่างน่าจะแฮปปี้เอนดิ้งจบลงด้วยดี แต่ด้วยเพราะทำแต่ระดับไฮ-เอนด์มานาน นายมาร์ค เลวินสัน ก็อยากทำอะไรที่อยู่ในระดับสามัญประจำบ้านดูบ้าง แต่โปรเจ็คท์นี้ไม่เป็นที่ถูกโฉลฃกของนายทุน ที่จะถูกจะแพงก็ขอให้แดงไว้ก่อน...เมื่อความเห็นเดินเป็นเส้นขนาน ไม่มีวันบรรจบพบกันได้ นายมาร์ค เลวิสัน ก็เปิดหมวกอำลาเป็นคราที่สอง และคราวนี้แยกวงออกมาเป็น “ศิลปินเดี่ยว” ไม่ขอเอี่ยวกับใคร ควักเงินของตัวเองออกมาทำแบรนด์ใหม่ชื่อ Red Rose Music สบายใจเฉิบไปเลย! และก็ได้ทำเพลงออกมาสนับสนุนสินค้าของตัวเอง และก็ฮือฮากันตามระเบียบ เพราะยี่ห้อมาร์ค เลวินสันแล้ว จะทำอะไรออกมาก็ต้องไชโย...ไชโย...ลีโอสามขวดกันก่อนว่า...เจ๋ง!

            สำหรับ A Living Past : Music Maker Patron’s Sampler เป็นแผ่นซีดีการกุศลที่มาร์ค เลวินสัน ทำขึ้นมาในยุคที่รุ่งเรืองเฟื่องฟูอยู่กับ Cello...ที่ว่าเป็นแผ่นการกุศลก็เนื่องจากว่า ทำขึ้นมาเพื่อหารายได้ช่วยเหลือศิลปินเพลงบลูส์ระดับ “พ่อเพลง-แม่เพลง” หลายๆคนที่กำลังจะเหลือไว้แค่ “ตำนาน” เพราะหลายคนอยู่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต และใช้ชีวิตอย่างลำบากยากไร้ บางคนนอนรักษาอย่างอนาถาอยู่บนเตียงคนไข้ของโรงพยาบาล และบางคนอยู่อย่างสิ้นไร้ไม้ตอกขาดคนดูแล...ด้วยกลัวว่า “ตำนานบลูส์” เหล่านี้จะสูญหายไปโดยไม่มีอะไรเหลือไว้ให้นึกถึง นายมาร์ค เลวินสัน ก็เลยทำซีดีชุดนี้ขึ้นมาด้วยประการฉะนี้แล!

            เนื่องจากเป็นแผ่นการกุศล ที่ไม่ต้องวัดครึ่งหนึ่ง-กรรมการครึ่งหนึ่ง แผ่นนี้พอตกมาถึงเมืองไทย โดย “เสี่ยเปา” แห่งเอกซ์เซลล์ ไฮ-ไฟ สั่งเข้ามา จึงมีราคาที่แทบช็อค...พระเจ้าช่วยจ๊อดด้วยเถิด! ราคามันแพงโคตรถึง 2,500 บาท...คิดดูเถอะในสมัยนั้นแผ่นซีดีธรรมดาราคา 320 บาท ถ้าเป็นประเภทออดิโอไฟล์ก็แค่ 500 กว่าๆ แต่นี่ปาไปถึง 2,500! แต่ก็แปลกแฮะ!ที่ขายดีมีเรตติ้งที่สูงเอาเรื่อง...เหตุผลสำคัญที่ทำให้แผ่นนี้ขายดีเหมือนไล่แจก ก็น่าจะมาจากชื่อของนายมาร์ค เลวินสัน ที่รับประกันได้ในทุกกรณี และอีกประการหนึ่งเครื่องไม้เครื่องมือในการบันทึกเสียง และทำมาสเตอร์จะเป็นของ Cello ทั้งหมด...แค่นี้ไม่ต้องจ้างเปิดเพลงละพัน วันละเพลง ก็ดังระเบิดระเบ้อก่อนออกวางจำหน่ายด้วยซ้ำไป

                ใน Living Past : Music Maker Patron’s Sampler มีอยู่ทั้งหมด 17 เพลง เป็นเพลงร้อง 13 เพลง ส่วน 4 แทรคที่เหลือจะเป็นการบอกกล่าวถึงเรื่องราวต่างๆ...เพลงที่บันทึกส่วนใหญ่จะเป็นเพลงบลูส์ระดับ “คลาสสิค” ที่ต้นฉบับออริจินัลเดิมๆได้สูญหายไปตามกาลเวลา เมื่อนายมาร์ค เลวินสันนำมาปัดฝุ่นเจียระไนกันใหม่ ก็ยังใช้คนร้องเดิมๆ และวางรูปแบบของดนตรีไว้ในบรรยากาศเดิมๆเช่นกัน คือจะมีเสียงร้องกับเสียงกีตาร์โปร่งเป็นหลัก จะมีเสียงเปียโนเข้ามาประกอบอยู่ 2-3 เพลง...จังหวะและลีลาของเพลงจะไปแบบเรื่อยๆ และจะเป็นแบบ Pure Blues เหมือนกันหมด หากทั้งชีวิตจิตใจไม่ใช่สาวกของเพลงบลูส์แล้ว อาจจะฟังกันได้ไม่นาน พาลจะอึดอัดเอาดื้อๆ เพราะเสียงร้องและดนตรีจะมาในทางเดียวกันหด คือเสียงร้องจะเป็นแบบแผดเสียงและโหนเสียง บางทีก็บ่นงึมๆงัมๆ ฟังไม่ได้ศัพท์แต่ต้องจับมากระเดียด ในส่วนของภาคดนตรีก็หม่นๆทึมๆ แทบจะไม่มีเพลงหนึ่งเพลงใดที่แตกต่างออกไป แต่กับความแตกต่างของอารมณ์ และทักษะในการร้องและการเล่นของแต่ละคน ก็พอที่จะช่วยลดดีกรีของ “ความเหมือน” ให้เจือจางและบางเบาลงได้บ้าง...เหมือนกับซดน้ำแกงจืดนั่นล่ะครับ เพียงแต่เป็นแกงจืดที่เลือกใช้ของดีๆ ถูกปรุงด้วยกุ๊กมือเทวดา จากเหลาเลิศหรู และบรรจงเทแกงจืดลงในชามเบญจรงค์ ใส่ถาดทองมาน้อมองค์บรรจงเสิร์ฟให้เรากินนั่นล่ะครับ

                ถึงแม้ว่าลีลาของเพลงจะเฉื่อยๆดูทึมๆไปบ้าง แต่มีอย่างหนึ่งที่แผ่นนี้ทำออกมาได้ดีมาก นั่นคือการบันทึกเสียงที่เก็บ “บรรยากาศ” มาได้โดยมิให้ขาดตกหกหล่นแม้แต่น้อย...ขั้นตอนของการผลิตมันยุ่งยากลำบากตั้งแต่เริ่มทำ “เดโม” กันแล้ว เพราะศิลปินแต่ละคนที่ถูกกำหนดเอาไว้ ล้วนแล้วแต่เป็นไม้ที่ห่างจากฝั่งไม่ถึงศอกไม่ถึงเมตรกันทั้งนั้น หลายคนเจ็บกระเสาะกระแสะอยู่ที่บ้าน และบางคนก็นอนรักษาตัวอยู่บนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกเหิรเดินไปไหน  จำเป็นต้องขนเครื่องไม้เครื่องมือมาบันทึกเสียงกันถึงบ้าน  รวมทั้งบันทึกเสียงกันบนเตียงของคนไข้ในโรงพยาบาล...โดยเฉพาะในโรงพยาบาลที่มีปัญหานานาสารพัน เป็นต้นว่าความจำกัดของห้องที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยต่อการทำงานมากนัก อีกทั้งตัวศิลปินเองก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์พูลสุขดีนัก อาการกระเสาะกระแสะก็ยังมีอยู่ เพราะหลายเพลงที่บันทึกเสียงอยู่นั้น จะมีเสียงไอค็อกๆ แค็กๆ และเสียงหอบเหนื่อยของศิลปิน “ไม้ใกล้ฝั่ง” เหล่านี้ มีให้ได้ยินกันเป็นช่วงๆ หรือเสียงของไมโครโฟนตกหล่นอยู่หนสองหน แผ่นนี้ก็เก็บตกบรรยากาศเหล่านั้นมาได้จนหมด

                การบันทึกเสียงทำออกมาได้ดีมาก(มาร์ค เลวินสัน รับประกันอีกแล้วครับท่าน) เนื้อเสียงอิ่มข้น แต่ความถี่เสียงจะเกาะกลุ่มอยู่ในย่านกลางเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะย่านกลางต่ำไปจนถึงย่านกลางสูง เสียงในย่านต่ำและสูงไปกว่านี้ ไม่มีมากนัก เสียงโดยรวมจะออกมาในโทนเดียวกันหมด เพราะในแต่ละเพลงจะมีเพียงเสียงร้องกับเสียงชิ้นดนตรีคือกีตาร์เพียงชิ้นเดียว จะมีเปียโนและแบนโจเข้ามาแจมบ้าง ก็แค่ 2-3 เพลง...นอกจากเนื้อเสียงที่อิ่มข้นแล้ว เกรนเสียงจะเนียนและสะอาด บันทึกเสียงออกมาดี ไม่มีอาการวูบวาบและแกว่งของน้ำเสียง แต่ถ้าเป็นอาการแกว่ง, วูบวาบ ลุ่มๆดอนๆ เป็น-ตาย 50/50 เท่ากันของนักร้องรวมชรา(เหมือนรัฐบาลชุดนี้เป๊ะเลย) ที่เกิดจากการพ่ายแพ้สังขารของตัวเองแล้วละก็...มีให้เห็นกันเพียบเลย! ตรงนี้แหละที่ถือเป็นบรรยากาศที่พอจะกลบเกลื่อน “ความเหมือน” ของเพลงลงไปได้บ้าง

                หลายๆเพลงในอัลบั้มชุดนี้ ให้ความรู้สึกและอารมณ์ของบลูส์ที่ชวนน่าติดตาม อย่างเช่นเพลง Careless Love เสียงร้องของ Preston Fulp ในวัยเกือบ 80 ที่บันทึกกันบนเตียงคนไข้ในโรงพยาบาล เสียงข้อง Preston Fulp แหบแห้ง โหนเสียงสูงไปไม่ถึง มีอาการหอบเหนื่อยและกระแอมไอแทรกอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเสียงไมโครโฟนตกหล่นอยู่ 2-3 หน ตรงจุดนี้แหละ ที่ให้บรรยากาศ อารมณ์ และความรู้สึกที่ดีมาก

                แทรคที่ 13 เพลง Do You Know What it Meanes to Have a Friend เสียงร้องของ Guitar Gabriel และ Lucille Lindsey ก็ให้อารมณ์และความรู้สึกที่ชวนติดตามเช่นกัน ถึงแม้ว่าในภาคของดนตรีจะมีแค่กีตาร์เดินคอร์ดง่ายๆเพียงตัวเดียว ไม่สลับซับซ้อนอะไร แต่การนำเสนอทางด้านเสียงร้อง โดยเฉพาะเสียงร้องของ Lucille Lindsey ที่ทอดเอื้อนเสียงอ่างเศร้าสร้อย ก็สามารถถ่ายทอดความหมายของเพลงได้อย่างลึกซึ้งเต็มอารมณ์...อีกคนหนึ่งคือ Willa Mae Buckner ซึ่งเป็นนักร้องระดับคุณย่า-คุณยายอีกคนหนึ่ง เธอร้องเพลงได้ถึงอารมณ์มาก แม้ว่าอายุอานามจะปาเข้าไป 80 กว่าๆแล้วก็ตาม แต่ก็ยังหลงเหลือพลังของการแผดเสียง และการทอดเอื้อนอย่างโหยหวน

                เป็นแผ่นที่เก็บ “อารมณ์” ของคนร้อง และเก็บ “บรรยากาศ” ในระหว่างการบันทึกเสียงมาไว้ได้หมด ในปัจจุบันเป็นแผ่นที่หายากมากอีกแผ่นหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าแผ่นของเมืองจีนจะทำอัลบั้มชุดนี้ออกมาหรือเปล่า...ยังไงๆก็ขวนขวายกันนิด ไม่ได้แผ่นจริง แผ่น “ไรท์” ก็ยังดี! น่าเก็บครับ เพราะมันเป็นอีกตำนานหนึ่งของเพลงบลูส์


http://www.caraudioonline.net/content/view.asp?MenuID=6&ContentID=251
http://www.audio-teams.com/webboard/?ca1=21&id=53685

Logged
มาคืน "สยามเมืองเคยยิ้ม" กลับสู่ "สยามเมืองยิ้มยุคก้าวหน้า" ด้วย ยิ้มสยาม กันนะครับ ... Welcome To Smile Siam by Siamese Smile

kopmar
สมาชิกกิตติมศักดิ์
น้องใหม่ฝึกยิ้ม
*****
Offline Offline

Posts: 16

View Profile
« Reply #1 on: 01 January 2013, 10:44:56 »

สมัยบ้าเตรื่องเสียงผมชอบไปหาฟังตามร้านเครื่องเสียงมากๆ

ฟังแบบจับผิดเสียงนั้นเกินเสียงนี้ขาด กลางหวานกลางแห้ง

ก็ว่าไปตามเซียนหูทองเค้าแหละ จริงๆก็ฟังไม่ออกหรอกคับ อิอิ

หมดเงินไปเยอะครับ เล่นทั้งสาย ทั้งอิฐมหัสจรรย์ หลังๆเดินมาถูกทาง

เล่นแค่Bose   ปรีtasของไทย เพาเวอร์magnet แล้วก็ซีดีNADครับ
Logged
นักประพันธ์
นักประพันธ์
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 5,067


View Profile
« Reply #2 on: 01 January 2013, 10:48:17 »

ของผมเป็นของไทยล้วนครับ ทำเองเกือบทั้งหมดครับ แนวทางที่เป็นต้นแบบ คือ เนลสัน พาส กับ XAV ครับ วันหลังคงได้มาต่อเรื่องนี้กันยาวเฟื้อยมังครับ
Logged
นักประพันธ์
นักประพันธ์
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 5,067


View Profile
« Reply #3 on: 01 January 2013, 10:49:25 »


เล่นแค่Bose   ปรีtasของไทย เพาเวอร์magnet แล้วก็ซีดีNADครับ


แต่ละชิ้นเป็นรุ่นไรล่ะครับ อย่างเช่น ลำโพงโบส คงไม่ใช่ 901 มังครับ ปรีtas รุ่น ANGELA รึปล่าวครับ หรือว่า ไลเบิร์ด แล้ว Magnet ใช่ MA 5 มั้ยครับ NAD 5XXX
Logged
LAMBERG
มายิ้มในใจกันไว้เรื่อยๆ สนุกดีๆ
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 1,479


View Profile
« Reply #4 on: 01 January 2013, 10:51:41 »

ของผมก็เช่นกันมาในแนว DIY มีหลายชุดมากครับ เล็กสุดก็ชุดที่เล่นกับคอมพิเตอร์ ไปจนถึงระดับ ลำโพง Line Source แบบ IRS และซุปเปอร์ซิมเมททรีอย่าง WAMM ครับ

แต่ทุกชุดต้องเป็น Active Speacker ขับด้วย Single-Ended Class A Hybrid (หลอด+มอสเฟ็ท ไม่ก็ PASS Topology) ยกเว้นของคอมพิวเตอร์ กับ โฮมเธียเตอร์ เป็น Class D เพื่อประหยัดไฟครับ
Logged
มาคืน "สยามเมืองเคยยิ้ม" กลับสู่ "สยามเมืองยิ้มยุคก้าวหน้า" ด้วย ยิ้มสยาม กันนะครับ ... Welcome To Smile Siam by Siamese Smile

Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.049 seconds with 20 queries.