google doodle ชอบเอาศิลปินมาสดุดี
บางคนก็ดังมาก บางคนก็ดังน้อย แต่ทุกคนล้วนมีผลงานหยุดโลก (pipat@thaiaudioclub)
วันนี้เขาอุทิศให้กับRobert Doisneau (pronunciation: [ʁɔbɛʁ dwano])
(14 April 1912 – 1 April 1994)
"The marvels of daily life are so exciting; no movie director can arrange the unexpected that you find in the street."
________________________________________________________________________________
เห็นรูปพี่ปุ๊บ สมองผมคิดถึงรูปนี้ปั๊บ (
krairerk@thaiaudioclub)
________________________________________________________________________________
โรแบร์เกิดในห้วงเวลาที่อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์กำลังขยายตัวเพราะศักยภาพของรูปถ่าย
ราวๆ 1930' ลงไป สิ่งพิมพ์ทั้งหลายยังไม่สามารถพิมพ์รูปได้อย่างง่ายดายตามใจปราถนา
เพราะเทคนิคการสร้างรูปเพื่อใช้ในการพิมพ์ยังล้าหลังมาก
ระบบพิมพ์ที่ต้องใช้บล๊อกในการพิมพ์รูป ทำให้เสียค่าใช้จ่าย มีขั้นตอนยุ่งยาก
และช่างภาพที่มีศิลปะนิสัยเหมาะแก่การถ่ายรูปแบบเจอรนัลลิสต์ ก็มีน้อย
โรแบร์ เริ่มต้นด้วยการเรียนช่างฝีมือ และจบออกมาเป็นดราฟแมน ซึ่งเป็นอาชีพที่ทุกวันนี้สาบสูญไปแล้ว
ดราฟแมนหรือช่างลายเส้น คือคนที่เขียนลายเส้นด้วยปากกาคอแร้งให้เส้นชัดคม เอาไปกัดบล๊อกตีพิมพ์ได้ผลออกมางดงาม
นิตยสารฉบับหนึ่งๆ จะต้องมีช่างเขียนลายเส้นหลายคน ดังนั้น เมื่อนิตยสารที่โรแบร์ทำงานอยู่ เริ่มถ่ายรูปมาใช้ประกอบสิ่งพิมพ์ เขาจึงถือโอกาสไปทำงานเป็นผู้ช่วยตากล้อง หลังจากนั้น เขาก็กลายเป็นตากล้องเสียเอง
โรแบร์เก่งมากในการถ่ายชีวิตผู้คนบนท้องถนน ดังที่โคเท่ข้างบนบอกไว้
เขาเห็นนาฎกรรมแห่งชีวิตในทุกหนแห่งของปารีส งดงามมีชีวิต มีแรงกระตุ้นขนิดที่ใครก็สร้างขึ้นไม่ได้
ผมจะเสนอผลงานของเขาสักจำนวนหนึ่งให้พวกเราได้เห็นว่า ผลิตผลแห่งความงามจากฝีมืออัจฉริยะนั้น ทำให้โลกต้องหยุดดูได้อย่างไร
และจะไม่จำกัดที่งานชนิดใดชนิดหนึ่ง ดนตรี ถ้ามีโอกาส ก็จะนำมาลง
อนึ่ง ท่านใดนึกสนุก จะร่วมวงก็เชิญนะครับ
ขอได้โปรดแบ่งปันความรู้กันในทุกๆ สาขาวิชาชีพเทอญ
รูปเต็มของ 'Le baiser de l'hôtel de ville'.(Kiss by the hôtel de ville) 1950
แน่นอนครับลุงซานต้า มันมาจากกล้องไลก้า___________________________________________________________________________________________________________________
รูปที่คุณหมอนำมา ภายหลังมีสุภาพสตรีหลายคน มาอ้างตัวว่าเป็นพยาบาลในรูป
คดีนี้ยังไม่ปิด
ส่วนรูป The Kiss นั้น ต่อมามีคดีฟ้องร้อง เพราะมีผู้อ้างตัวว่าคือสองคนในรูป
และต้องการค่าเสียหาย เพราะตามกฏหมายฝรั่งเศส หน้าตาคนมีลิขสิทธิ์
โรแบร์ชนะคดี แต่กลับกลายเป็นว่า รูปนี้ เขาขอให้หนุ่มสาวแสดง
The couple in Le baiser were Françoise Delbart, 20, and Jacques Carteaud, 23, both aspiring actors. In 2005 Françoise Bornet (née Delbart) stated that
"He told us we were charming, and asked if we could kiss again for the camera. We didn't mind. We were used to kissing. We were doing it all the time then, it was delicious. Monsieur Doisneau was adorable, very low key, very relaxed."
They posed at the Place de la Concorde, the Rue de Rivoli and finally the Hôtel de Ville. The photograph was published in the 12 June 1950, issue of Life.
The relationship between Delbart and Carteaud only lasted for nine months. Delbart continued her acting career, but Carteaud gave up acting to become a wine producer.
In 1950 Françoise Bornet was given an original print of the photo, bearing Doisneau's signature and stamp, as part of the payment for her "work," and thus her subsequent attempt at litigation in the 1990s was rejected by the court.
In April 2005 she sold the print at auction for 155,000€ to an unidentified Swiss collector via the Paris auctioneers Artcurial Briest-Poulain-Le Fur
http://en.wikipedia.org/wiki/Robert_Doisneau
งานชุดสำคัญในช่วงหลังคือการบันทึกชีวิตของปาโบล ปิกัสโส
http://www.arts-wallpapers.com/photos/robert_doisneau/img1ra.jpg
______________________________________________________________________________
ชมผลงานได้ที่เว็บของเขา
http://www.robertdoisneau.com/picasso.htm
1942
1953
1960 โฟโตดอคคิวเมนตารี่ Palm Springs
การปะทะกันระหว่างศิลปินที่อยู่ท่ามกลางผู้คน กับภูมิทํศน์ที่แสนอ้างว้างของเมืองใหม่__________________________________________________________________________________________________________________
ของผม The kiss ของ Gustav Klimt เป็นภาพที่หยุดโลกอีกภาพหนึ่งครับ อาการอ่อนระทวยของหญิงสาวภายใต้จูบอันเร่าร้อน (หนักแน่น) ของชายคนนั้นจนมือเธอทั้งสองข้างแสดงอาการ...ตามรูป แม้จะไม่ใช่รูปถ่ายซึ่งต่อเนื่องกับพี่ๆทั้ง 2 ท่าน อันเป็นรูปสะท้อนความรักท่ามกลางเมืองใหญ่ แต่ศิลปินก็วาดได้หยุดโลกมากๆ ครับ
ขอบคุณภาพจาก วิกิพีเดีย______________________________________________________________________________________________________________
คุณ melody ใจตรงกัน เห็นทีแรกงง นึกว่าเอ...ตรูยังไม่ได้โพสต์นี่หว่า
เหตุที่รูปเริ่มต้น ชื่อว่า The Kiss แล้วเฮียหมอนำรูปคล้ายกันมาลง
ก็เลยนำรูปอื่นๆ มาให้ชมไปด้วยกันเสียเลย
Francesco Hayez The Kiss 1859
oil on canvas 110 cm × 88 cm
Pinacoteca di Brera Milan
Auguste Rodin The Kiss ((Paolo and Francesca da Rimini) 1889
marble 181.5 cm × 112.5 cm × 117 cm
Musée Rodin Paris
Gustav Klimt The Kiss (1907-08)
Oil and gold on canvas 180 x 180 cm
Osterreichische Galerie, Vienna
http://www.artchive.com/artchive/k/klimt/kiss.jpg
อยากดูรูปสวยๆ เชิญที่กูเกิลสาขาใหม่ google art project
http://www.googleartproject.com/___________________________________________________________________________________________________________________