ppsan
|
|
« on: 24 January 2013, 13:05:05 » |
|
@. บทกวี..ของ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์..@ _____________________________________________________________________
หวานคมเคียว...
เอนระนาบอาบน้ำค้างกลางแดดหนาว ทอดรวงยาวยอดระย้าราน้ำใส ละลานรอบขอบฟ้าคราพลิ้วใบ เพียงพรมใหญ่ไหวระยาบทาบเปลวทอง
เพรียกเพลงเรือเมื่อสางหมอกจางสี ระเรื่อยรี่เลียบลัดตัดชายหนอง สาวเจ้าพายย้ายเยื้องชำเลืองมอง หนุ่มก็พร้องเพลงเกี่ยวเกี้ยวแก้กัน
โอ้ช่อทิพย์รวงทองชะน้องเอ๋ย พี่ควงเคียวเกี่ยวเกยไม่เคยหวั่น หวาดแต่ใจเจ้าไม่จริงมิ่งแจ่มจันทร์ จะเกี่ยวค้างเสียกลางคันเท่านั้นเอย ฯ
สาวสะเทิ้นเอิ้นเอ่ยเผยโอษฐ์โอ้ ดอกโสนริมนาพี่ยาเอ๋ย จะลดเลี้ยวเกี่ยวใจน้องไม่เคย ที่ไหนเลยจะเชี่ยวเท่าคนเจ้าชู้ ฯ
เพลงรักแว่วแผ่วหวานกังวานหวิว ทั้งทุ่งทิวทั่วใกล้ไกลเกินกู่ นกร่ายฟ้ามาเรียงเคียงริมคู สาวหนุ่มคู่คลอแข่งร่วมแรงงาน
เขาเริงรื่นลงแขกแลกแรงเรี่ยว ต่างจับหน้าคว้าเคียวเกี่ยวผสาน ล้วนข้าวงามอร่ามกอคลอน้ำนาน เขาขานบอกออกอุทาน ..หวานคมเคียว
( บทประพันธ์ของ : อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #1 on: 24 January 2013, 13:06:38 » |
|
นกขมิ้น เขาคลอขลุ่ยครวญเสียงเพียงแผ่วผิว ชะลอนิ้วพลิ้วผ่านจากมานหมอง โอดสะอื้นอ้อยอิ่งทิ้งทำนอง เป็นคำพร้องพริ้งพรายระบายใจ
โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกขจร นกขมิ้นเหลืองอ่อน จะนอนไหน ค่ำลงแล้วแนวพนาและฟ้าไกล เจ้านอนได้ทุกเถื่อนท่าไม่อาทร
แล้วหวนเสียงเรียงนิ้วขึ้นหวิวหวีด เร่งอดีตดาลฝันบรรโลมหลอน ถี่กระชั้นสั่นกระชากใจจากจร ระเรื่อยร่อนเร่มาเป็นอาจิณ
โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ
ข้าเคยฝันถึงฟ้ากว้างกว่ากว้าง ฝันถึงปางทับเปลี่ยวเรี่ยวน้ำไหล ถึงช่อเอื้องเหลืองระย้าคาคบไม้ ในแนวไพรนึกเหมือนเป็นเพื่อนเนา
รู้รสแรงแห่งทุกข์และสุขสิ้น บนแผ่นดินแผ่นเดียวเปลี่ยวและเหงา จิบน้ำใจจนทั่วเจียนมัวเมา ไร้ร่มเงารังเรือนและเพื่อนตาย
เขาเคลียนิ้วเนิบนุ่มเสียงทุ้มพร่า เหมือนหวนหาโหยไห้น่าใจหาย เจ้าขมิ้นเหลืองอ่อนนอนเดียวดาย จะเหนื่อยหน่ายหนาวน้ำค้างที่กลางดง
เสียงฉับฉิ่งหริ่งรับขยับเร่ง จะพรากเพลงเพื่อนยินสิ้นเสียงส่ง เขาเบือนนิ้วผิวแผ่วแล้วราลง เสียงนั้นคงเน้นครางอย่างห่วงใย
เจ้าดอกเอยดอกขจรอาวรณ์ถวิล นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน เขาวางขลุ่ยข่มน้ำตาว้าเหว่ใจ ตอบไม่ได้ดอกหนาข้าคนจร
(บทประพันธ์ของ : อ. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #2 on: 24 January 2013, 13:07:41 » |
|
ตรงมุมที่ไม่มีใครเอาใจใส่
ฝันถึง.... ฝ่ามือหนึ่งซึ่งลูบไล้บนใบหน้า ด้วยความรักและปรานียิ่งชีวา จะหลับตาผ่อนพัก บนตักนั้น
เมื่อเวลาที่คอยคล้อยมาถึง วันนั้นซึ่งสดใสเหมือนในฝัน อากาศคงสดชื่นในคืนวัน ลมคงผันพัดเอื่อยเฉื่อยเฉื่อยโชย
เสียงเห่กล่อมเป็นลำนำด้วยคำเพราะ หวานเสนาะเจื้อยแจ้วคงแผ่วโผย มาเอื้อปลุกปลอบปลิดที่อิดโรย ลบระโหยรอยระแหง แห่งชีวิต
เพื่อบางทีฉันคงหลับลงได้ บนตักใครคนหนึ่งผู้ซึ้งจิต พร้อมฝ่ามือไล้เลื่อนเหมือนนิมิต ด้วยความรักกล่อมสนิทให้นิทรา
ขณะดาววาววิบพริบตาถี่ และเดือนที่ยิ้มละไมในเวหา ฉันทรุดลงตรงนี้หรี่หลับตา ฝันถึงมือนั้นมา พยาบาล
บทประพันธ์ของ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #3 on: 24 January 2013, 13:08:38 » |
|
บนลานอโศก
หยาดน้ำแก้วกลอกกลิ้งกิ่งอโศก โลกทั้งโลกลอยระหว่างความว่างเปล่า มีความรื่นร่มเย็นแผ่เป็นเงา ลมแผ่วเบาบอกลำนำคำกวี
เราพบกันฝันไกลในความรัก เริ่มรู้จักซึ้งใจ ในทุกที่ มีแต่เรามิมีใคร ในที่นี้ ใบไม้สีสดสวยโบกอวยชัย
อยากให้รู้ว่ารักสักเท่าฟ้า หมดภาษาจะพิสูจน์พูดรักได้ เต็มอยู่ในความว่างกว้างและไกล คือหัวใจสองดวงห่วงหากัน
หลับตาเถิดที่รักเพื่อพักผ่อน ฟังเพลงกลอนพี่กล่อมถนอมขวัญ ใจระงับรับใจในจำนรรจ์ ต่างแพรพันผูกใจห่มให้นอน
โอ้ดอกเอ๋ยดอกโศกตกจากต้น เปียกน้ำฝนปนทรายปลายเกสร โศกสำนึกหนาวกมลคนสัญจร นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะร่อนลง
เมตตาแล้วแก้วตาอย่าทิ้งทอด ช่วยให้รอดอย่าปล่อยบินลอยหลง จะหุบปีกหุบปากฝากใจปลง ขอเกาะกรงแก้วกมลไปจนตาย
งามเอยงามนัก แฉล้มพักตร์ผ่องเหมือนเมื่อเดือนฉาย งามตาค้อนคมเยื้องชำเลืองชาย ลักยิ้มอายแอบยิ้มงามนิ่มนวล
จะห่างไกลไปนิดก็คิดถึง ครั้นดื้อดึงโดยใจก็ไห้หวน ถนอมงามห้ามใจควรไม่ควร ให้ปั่นป่วนไปทุกยามนะความรัก
ผีเสื้อทิพย์พริบพร้อยลอยแตะแต้ม เผยอแย้มยิ้มละไมใจประจักษ์ ทุกก้านกิ่งมิ่งไม้เหมือนทายทัก ร้อยสลักใจเราให้เฝ้ารอ
ฝันถึงดอกบัวแดงแฝงผึ้งภู่ คล้ายพี่อยู่เป็นเพื่อนในเรือนหอ ชื่นเสน่ห์เกษรอ่อนละออ โอ้ละหนอหนาวนักเอารักอิง
ในห้วงความคิดถึงซึ่งเงียบเหงา ใจสองเราเลื่อนลอยอย่างอ้อยอิ่ง คอยคืนวันฝันเห็นจะเป็นจริง โลกหยุดนิ่งแนบสนิทในนิทรา
ร่มอโศกสดใสในความฝัน ร่มนิรันดร์ลานสวาทปรารถนา ร่มลำธารสีเทาเจ้าพระยา และร่มอาณาจักร ความรักเรา
(บทประพันธ์ของ : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ )
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #4 on: 24 January 2013, 13:09:34 » |
|
ความรัก
ความรัก ไม่ต้องการ แค่วันเดียว ความรัก ไม่ต้องเกี่ยว กับวันไหน ความรัก ไม่ต้องมี เวลาใด ความรัก ไม่ต้องใช้ ให้ใครชี้
ความรัก ไม่ต้องมี ข้อวิจารณ์ ความรัก ไม่ต้องการ การกดขี่ ความรัก ไม่ต้องให้ ใครตราตี ความรัก ไม่ต้องมี เส้นพรมแดน
ความรัก ไม่ต้องรอ ข้อพิสูจน์ ความรัก ไม่ต้องพูด ตามแบบแผน ความรัก ไม่ต้องการ การตอบแทน ความรัก ไม่ต้องแค่น หัวใจคน
ความรัก ไม่ต้องการ การเป็นต่อ ความรัก ไม่ต้องรอ ขอเหตุผล ความรัก ไม่ต้องย้ำ ความมีจน ความรัก ไม่ต้องทน ที่จะรัก
(บทประพันธ์ของ : อ. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ )
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #5 on: 24 January 2013, 13:10:30 » |
|
พิณสายรุ้งร่ายประเลงเพลงความหลัง
แม่ปิงวังยมน่านผสานสาย พรมวารีดุริยางค์หลั่งระบาย เล่านิยายยืดยาวเจ้าพระยา
สร้างสายทิพย์ชโลมไทยให้ชื่นฉ่ำ สร้างสายธรรมค้ำจุนบุญรักษา สร้างสายธารอุดมทัศน์เอื้อศรัทธา สร้างชีวาวิญญาณธารอารมณ์
มิ่งมหาวารีแห่งชีวิต เนรมิตหวานชื่น และขื่นขม กระแสธารมารดาค่าน้ำนม กระแสตรมน้ำตาค่าความรัก
กำจรเอื้องเมืองแม่แควสี่สาย มากำจายเจ้าพระยามหาศักดิ์ ร่ายลำนำน้ำใจไม่ผ่อนพัก อาณาจักรธารพระจันทร์นิรันดร
ขวัญเจ้าเอยเจ้าพระยาขวัญหล้าแหล่ง ชื่นบานแข่งขวัญฟ้าอ่าอัปสร เชิญขวัญชมชื่นใจในสาคร ฟังเพลงกลอนกล่อมขวัญบรรเลงลอย
ลมเมืองร้อนโรยมาจากนาข้าว ฉ่ำเนื้อสาวสไบกรองทองสายสร้อย เสียงขลุ่ยตามลำน้ำค่ำคืนคอย ให้เคลิ้มคล้อยปล่อยใจไปถึงดาว
เพชรน้ำฝนหล่นแล้วแก้วปรากฏ หวานยิ่งรสผึ้งรวงแห่งทรวงสาว ระเอิบเอมอิ่มหวังยั่งยืนยาว เริ่มเรื่องราวรังรองของชีวี
เพลงเรือรักเรือเร่จะเห่หาว โอ้ลมหนาวเจ้าพระยาฟ้าเปลี่ยนสี ดาวเดือนต่างดวงตาในราตรี ลอยนทีประทีปทิพย์กระพริบพริ้ม
ลำนำแห่งเจ้าพระยานี้อาถรรพณ์ กล่อมชีวันหวั่นไหวให้เอิบอิ่ม ระลอกน้อยลอยพยักเหมือนลักยิ้ม ประทับพิมพ์พักตร์แทนแผ่นดินไทย
เจ้าพระยาคือนิยามแห่งความรัก อาณาจักรศักดิ์ศรีที่ฝันใฝ่ สัญลักษณ์ลำนำแม่น้ำใจ รวมอยู่ในทุกที่ที่มีเธอ......
.................................................................. จากหนังสือรวมบทกวี "คำหยาด" ผู้ประพันธ์ อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #6 on: 24 January 2013, 13:11:14 » |
|
ฉิมพลี จะกอดแก้วด้วยกลอนขจรกรุ่น เป็นอกหนุนอุ่นเนื้อเมื่อนอนหนาว แล้วร้อยดาวเรียงดวงเป็นรวงดาว สว่างพราวกะพริบพริ้มชมฉิมพลี
ประจงจูบกลางใจไกลกระเจิด ลอยเตลิดล่องหล้ามาเรื่อยรี่ อิสินธรผ่านสุทัศน์ข้ามนัทธี พี่จะชี้พลางเชิญให้เพลินชม
สีทันดรจรดลลอยด้นดั้น หลากสีสันชลาลัยพิไลสม หมู่มังกรนาคเกี้ยวกันเกลียวกลม ติมิงค์ล่มธารหลั่งถั่งทลาย
ครั้นข้ามพ้นสัตตภัณฑ์ทิวบรรพต ประมาณหมดพระสุเมรุเขม้นหมาย วิทยาธรเยือนเหมือนนิยาย คนธรรพ์รายอสุรินทร์กินรา
เลียบวิมานโลมละไมในนิมิต อันโสภิตวิจิตรพ้นบนเนินผา แล้วดำดั้นอโนดาตดาษดา บุษบาเบิกบานสะท้านใบ
พลันฉิมพลีวิมานไพรไม้งิ้วผัน ทั่วทวีปหิมวันต์ก็หวั่นไหว วิชชุแปลบแปลบ เปรี้ยง เปรี้ยงเปรี้ยงไป จนอ่อนใจกระเจิงจัดอัศจรรย์
(บทประพันธ์ของ : อ. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #7 on: 24 January 2013, 13:12:10 » |
|
เพียงความเคลื่อนไหว ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหา พอใบไม้ไหวพลิกริกริกมา ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก เพียงแววตาคู่นั้นสั่นสะทก ก็รู้ว่าในหัวอกมีหัวใจ โซ่ประตูตรึงผูกถูกกระชาก เสียงแห่งความทุกข์ยากก็ยิ่งใหญ่ สว่างแวบแปลบพร่ามาไรไร ก็รู้ได้ว่าทางยังพอมี มือที่กำหมัดชื้นจนชุ่มเหงื่อ ก็ร้อนเลือดเดือดเนื้อถนัดถนี่ กระหืดหอบฮวบล้มแต่ละที ก็ยังดีที่ได้สู้ได้รู้รส นิ้วกระดิกกระเดี้ยได้พอให้เห็น เรี่ยวแรงที่แฝงเร้นก็ปรากฏ ยอดหญ้าแยงหินแยกหยัดระชด เกียรติยศแห่งหญ้าก็ระยับ สี่สิบปีเปล่าโล่งตลอดย่าน สี่สิบล้านไม่เคยเขยื้อนขยับ ดินเป็นทรายไม้เป็นหินจนหักพับ ดับและหลับตลอดถ้วนทั้งตาใจ นกอยู่ฟ้านกหากไม่เห็นฟ้า ปลาอยู่น้ำย่อมปลาเห็นน้ำไม่ ไส้เดือนไม่เห็นดินว่าฉันใด หนอนย่อมไร้ดวงตารู้อาจม
ฉันนั้นความเปื่อยเน่าเป็นของแน่ ย่อมเกิดแก่ความนิ่งทุกสิ่งสม แต่วันหนึ่งความเน่าในเปือกตม ก็ผุดพรายให้ชมซึ่งดอกบัว และแล้วความเคลื่อนไหวก็ปรากฏ เป็นความงดความงามใช่ความชั่ว มันอาจขุ่นอาจข้นอาจหม่นมัว แต่ก็เริ่มจะเป็นตัวจะเป็นตน พอเสียงร่ำรัวกลองประกาศกล้า ก็รู้ว่าวันพระมาอีกหน พอปืนเปรี้ยงแปลบไปในมณฑล ก็รู้ว่าประชาชนจะชิงชัย
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ จาก "เพียงความเคลื่อนไหว"
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #8 on: 24 January 2013, 13:12:52 » |
|
คืนหนึ่งในแควน้อย แพไม่ไผ่ไหลผ่านน่านน้ำน้อย ระเรื่อยลอยหลามหลากจากป่าเปลี่ยว ผ่านเงื้อมผาผงาดง้ำน้ำควั่นเกลียว เกาะ แก่ง เรี่ยว เลี้ยวอ้อมค้อมคุ้งแคว
เดือนลอยทวนทิวฟ้าขึ้นมาแล้ว ประกายแพรวพรายระยับจับกระแส ไกลแสนไกลในสายหมอกระลอกแร เรืองร่างแหหิ่งห้อยพร้อยไม้น้ำ
ในดงดึกลึกเร้นเห็นทิวเขา เป็นเงาเงางำทับชระอับอ่ำ หมู่ยางยูงยืนซึมอยู่คลึ้มคล้ำ ยะเยียบฉ่ำเฉียบหนาว ณ ราวไพร
หริ่งเรไรร่ายไม้พิไรกล่อม ประโลมอ้อมราตรีที่หลับใหล นกละเมอเพ้อผวามาไกลไกล แพไม้ไผ่ผ่านเลียบอย่างเงียบงัน
ภาพเช่นนี้นึกเห็นเป็นเพียงภาพ ยังกำซาบซึ้งจิตยามคิดฝัน คิดถึงคนเคยพร่ำเพ้อรำพัน เมื่อไรกันคืนเช่นนี้จะมีมา
โอ้แม่กลองเมืองกาญจน์บันดาลจิต ให้หวนคิดคืนครองแม่กรองจ๋า อย่าหลงมนต์เมืองเขาเจ้าพระยา เพี้ยง วาจาจงขลังยินยังเธอ
(บทประพันธ์ของ : อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ )
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #9 on: 24 January 2013, 13:13:47 » |
|
วารีดุริยางค์ แทบฝั่งธารที่เราเฝ้าฝันถึง เสียงน้ำซึ่งกระซิบสาดปราศจากเสียง จักรวาลวุ่นวายไร้สำเนียง โลกนี้เพียงแผ่นภพสงบเย็น
เพื่อชื่นชมรมณีย์กับชีวิต ที่จะคิดที่จะทำตามคิดเห็น ระเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉ่ำลืมลำเค็ญ ลืมความเป็นปรัศนีของชีวิต
หางนกยูงระย้าเรี่ยคลอเคลียน้ำ แพนดอกฉ่ำช้อยช่อวรวิจิตร งามดั่งเปลวเพลิงป่ามานิรมิต สร้อยโสภิตอภิรุมพุ่มหัวใจ
เพรชน้ำค้างค้างหล่นบนพรมหญ้า เย็นหยาดฟ้ามาฝันหลงวันใหม่ เคล้าเคลียหยอกดอกหญ้าอย่างอาลัย เมื่อแฉกดาวใบไผ่ไหวตะวัน
มโหรีจากราวป่ามาเรื่อยรี่ ราชินีแห่งน้ำค้างจะห่างหัน ฝักต้อยติ่งแตกจังหวะประชันกัน จักจั่นจี่เจื้อยรับเรื่อยร้อง
ลมระเริงลู่หวิวพลิ้วระลอก สัพยอกยอดไม้ไปลิ่วล่อง แล้วใบไม้ก็ไหวส่าย ขึงข่ายกรอง ทอแสงทองทอดประทับซับน้ำค้าง
ดอกไม้ป่าปรุงกลิ่นประทิ่นป่า อบบุหงามาลัยทั่วไพรกว้าง หอมจนหอบหัวใจไปเคว้งคว้าง เคลิ้มถวิลกลิ่นปรางอบกลางทรวง
ผีเสื้อสวยแต้มสีที่กลีบแก้ม ชมพูแย้มแดงระยับสลับม่วง ก้านเกสรอ่อนฉ่ำน้ำผึ้งรวง หยาดหยดพวงพุ่มระย้าจากคาคบ
และเราลิ้มรสหวามของความหวาน จากสายธารที่ไหลไม่รู้จบ จากสายใจไหลย้อนซอกซอนซบ เงียบสงบระงับลงตรงมุมนี้
เลิกความคิดขันเข่งปรุงแต่งจิต เลิกชีวิตวุ่นวายในทุกที่ เลิกเดือดร้อนดิ้นรนคนไยดี ไม่ต้องมีปรารถนาในอารมณ์
ฟังต้นไม้สายน้ำย้ำให้หยุด หยุดเสียทีเถิดมนุษย์หยุดสะสม หยุดปรุงแต่งแสร้งตามความนิยม สร้างสังคมโสโครกโลกจึงร้อน
จงหยุดชมชื่นใจในใจเถิด ทุกสิ่งเกิดก่อไว้ในใจก่อน สมมติจากหัวใจไปทุกตอน ใจจึงซ่อนทุกสิ่งจริงลวงไว้ สงสารใจ ใจเจ้าเอ๋ยไม่เคยนิ่ง วนและวิ่งคืนและวันหวั่นและไหว เหมือนถูกกายกำบังกักขังใจ ใจจึงได้ดิ้นรนทุกหนทาง
กลางคืนคอยเป็นควันอั้นอัดไว้ ครั้นกลางวันก็เป็นไฟไปทุกอย่าง ร่างกายถูกผูกพันสรรพางค์ เป็นสื่อกลางแก่ใจรับใช้การ
เมื่อใจทุกข์กายก็ต้องทนครองทุกข์ ครั้นใจสุขกายก็สุขสนุกสนาน วนเวียนหว่างทุกข์สุขทุกวันวาร แล้วสะสมสันดารการเป็นคน
ทุกวิถีที่ใจได้เที่ยวท่อง ล้วนขึ้นล่องอยู่ระหว่างกลางปลายต้น ที่โคจรของใจไม่เคยจน ไม่เคยพ้นไม่เคยพรากจากวงจร
ใจจึงหน่ายจึงเหนื่อยจึงเมื่อยล้า วุ่นผวาว่อนไหวถูกไล่ต้อน เกิดแล้วก่อล่อแล้วเร้นเย็นแล้วร้อน ไม่พักผ่อนเพียงสักคราวเฝ้าแฟบฟู
รู้และเห็นเป็นไปตามใจอยาก จึงเหมือนฉากขวากขวางกำบังอยู่ หยุดเสียทีหยุดเสียเถิดเปิดประตู เพื่อได้รู้และได้เห็นตามเป็นจริง
ขอกายเจ้าจงเป็นเช่นต้นไม้ ยืนอยู่ได้โดยภพสงบนิ่ง เพื่อแผ่ร่มและเป็นหลักให้พักพิง แต่งดอกพริ้งผลัดฤดูอยู่ชั่วกาล
และใจเจ้าจักเป็นเช่นสายน้ำ ใสเย็นฉ่ำชื่นแล้วไหลแผ่วผ่าน เพื่อเลี้ยงชีพชโลมไล้ให้เบิกบาน เพียงพ้องพานผิวแผ่วแล้วผ่านเลย
อิสระเสรีที่จะไหล ด้วยเพลงไพเราะล้ำร่ำเฉลย ชมดอกไม้สายลมพรมรำเพย และชื่นเชยกับชีวิตทุกทิศทาง
วงของน้ำทำประกายกับสายแดด ร้อนจะแผดเผาทรายพริบพรายพร่าง ราวกากเพชรเกล็ดโปรยโรยระวาง หาดกรวดกว้างกลางน้ำเริ่มคร่ำครวญ
ไม่ใยดีปรีดาประสาโลก ไม่ทุกข์โศกเสียใจหรือไห้หวน มีความสุขอยู่ทุกยามตามที่ควร ไม่ปั่นป่วนไปตามความเร่าร้อน
รู้จักเพียงพอดีที่จะรับ ความเกิดดับธรรมดาอุทาหรณ์ พร้อมรู้สึกตามวิสัยไปทุกตอน เหมือนทุกก้อนกรวดทรายย่อมคล้ายกัน
(บทประพันธ์ของ : อ. เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #10 on: 24 January 2013, 13:14:31 » |
|
ร่วมกลอนรัก หัวใจรักเจ้าเอยช่างเอ่ยเอื้อน แว่วแว่วเหมือนมาตามมาถามข่าว มีน้ำอย่างหยาดแก้วกลบแววดาว เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
อารมณ์รักมักให้เห็นเป็นกวี ถ้อยคำรักคือวลีที่เริงรุ่ง ถึงไม่จำแต่ไม่ลืมยังปลื้มปรุง หอมแห่งทุ่งดอกไม้รักรายรอง
อ้อมกอดพี่จะสงวนไม่ด่วนเสนอ อ้อมตักเธอจงถนอมก่อนยอมสนอง ทั้งคมคำคมความให้ตามตรอง กระเทือนห้องหัวใจกันหลายชั้น
ดอกรักบานในใจใครทั้งโลก แต่ดอกโศกบานอยู่ในหัวใจฉัน คนเคยรักเคยร้างเคยห่างกัน ยังหวั่นหวั่นหวามหวามอยู่รำไร
โอ้นกเขาเจ้าขันกระชั้นแจ้ว เราโตแล้วหาตักอุ่นหนุนไม่ได้ ถ้าไม่ไปหาเขาเราเสียใจ แต่ถ้าไปหาเขาเราเสียตัว
ทั้งเสียวสะแสบไส้กระไรเลย อุแม่เอ๋ยเอาหัวใจออกไขทั่ว กล้าก็กล้าใจหนอกลัวก็กลัว เหมือนมายั่วมาย้ำมานำชัก
ขณะที่ปากมีไว้เพื่อให้พูด เธอก็ใช้ลิ้นการฑูตพูดเสียหนัก ส่วนหัวใจมีไว้เพื่อให้รัก เธอไม่ยักใช้มัน...ฉันเสียดาย
เหมือนระย้าผกาแก้วแววระยับ กระทั่งกับภูผาน่าใจหาย คือดวงแก้วแห่งรักมักวับวาย มีแต่จะตกกระจายไม่วายเว้น
หนึ่งจะมีรักใหม่อย่าให้รู้ สองจะอยู่กับใครอย่าให้เห็น ให้ฉันเถิดขอร้องสองประเด็น แล้วจะเป็นผู้แพ้ที่แท้จริง
สารพันสารพัดจะสัตย์ซื่อ ความรักคือความทุกข์ถูกทุกสิ่ง ประเดี๋ยวสุขสมหมายก็พรายพริ้ง ประเดี๋ยวยิ่งปวดร้าวก็เศร้าทรุด
ถ้ารักใครไม่ได้ก็ไม่รัก แต่กุจักชักดาบเข้าฉาบฉุด ดั่งโคถึกคึกคะนองลำพองรุด ใครจะยื้อใครจะยุดจะฉุดใจ
เมื่อรักกันไม่ได้ก็ไม่รัก ไม่เห็นจักเกรงการสถานไหน ไม่รักกุกุก็จักไม่รักใคร เอ๊ะ น้ำตากูไหลทำไมฤๅ
ข้อยฉวยช้อนกลอนรักมาถักร้อย เป็นสายสร้อยดอกไม้สร้อยลายสือ มอบไว้เป็นของขวัญมั่นกับมือ เสมอสื่อสารรู้...ใจสู่ใจ
(บทประพันธ์ของ : อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
Logged
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #11 on: 24 January 2013, 13:15:24 » |
|
+ ลำนำแห่งเจ้าพระยา + พิณสายรุ้ง ร่ายประเลง เพลงความหลัง แม่ปิงวั งยมน่าน ผสานสาย พรมวารี ดุริยางค์ หลั่งระบาย เล่านิยาย ยืดยาว เจ้าพระยา
สร้างสายทิพย์ ชโลมไทย ให้ชื่นฉ่ำ สร้างสายธรรม ค้ำจุน บุญรักษา สร้างสายธาร อุดมทัศน์ เอื้อศรัทธา สร้างชีวา วิญญาณ ธารอารมณ์
มิ่งมหา วารี แห่งชีวิต เนรมิต หวานชื่น และขื่นขม กระแสธา รมารดา ค่าน้ำนม กระแสตรม น้ำตา ค่าความรัก
กำจรเอื้อง เมืองแม่ แควสี่สาย มากำจา ยเจ้าพระยา มหาศักดิ์ ร่ายลำนำ น้ำใจ ไม่ผ่อนพัก อาณาจักร ธารพระจันทร์ นิรันดร
ขวัญเจ้าเอย เจ้าพระยา ขวัญหล้าแหล่ง ชื่นบานแข่ง ขวัญฟ้า อ่าอัปสร เชิญขวัญชม ชื่นใจ ในสาคร ฟังเพลงกลอน กล่อมขวัญ บรรเลงลอย
ลมเมืองร้อน โรยมา จากนาข้าว ฉ่ำเนื้อสาว สไบกรอง ทองสายสร้อย เสียงขลุ่ยตาม ลำน้ำ ค่ำคืนคอย ให้เคลิ้มคล้อย ปล่อยใจ ไปถึงดาว
เพชรน้ำฝน หล่นแล้ว แก้วปรากฏ หวานยิ่งรส ผึ้งรวง แห่งทรวงสาว ระเอิบเอม อิ่มหวัง ยั่งยืนยาว เริ่มเรื่องราว รังรอง ของชีวี
เพลงเรือรัก เรือเร่ จะเห่หาว โอ้ลมหนาว เจ้าพระยา ฟ้าเปลี่ยนสี ดาวเดือนต่าง ดวงตา ในราตรี ลอยนที ประทีปทิพ ย์กระพริบพริ้ม
ลำนำแห่ง เจ้าพระยา นี้อาถรรพณ์ กล่อมชีวัน หวั่นไหว ให้เอิบอิ่ม ระลอกน้อย ลอยพยัก เหมือนลักยิ้ม ประทับพิมพ์ พักตร์แทน แผ่นดินไทย
เจ้าพระยา คือนิยาม แห่งความรัก อาณาจัก รศักดิ์ศรี ที่ฝันใฝ่ สัญลักษณ์ ลำนำ แม่น้ำใจ รวมอยู่ใน ทุกที่ ที่มีเธอ......
(บทประพันธ์ของ : อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
|
|
|
Logged
|
|
|
|
|