Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 02:43:28

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  หมวดหมู่ทั่วไป  |  สาระน่ารู้  |  เรื่องที่ควรรู้เท่าทันระดับโลก  |  สมาคมลับ
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: สมาคมลับ  (Read 1341 times)
LAMBERG
มายิ้มในใจกันไว้เรื่อยๆ สนุกดีๆ
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 1,479


View Profile
« on: 13 January 2013, 11:32:15 »

สมาคมลับ


เป้าหมายแรกของพวกฟรีเมสันคือการต่อสู้กับศาสนาคริสต์ หลังจากนั้น เป้าหมายของพวกนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้กับทุกศาสนา เพื่อสถาปนาอิสราเอลขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่งและเพื่อกลับไปสู่ปาเลสไตน์ ใน ค.ศ.1717 พวกฟรีเมสันได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่งภายใต้ชื่อใหม่ว่า"สมาคมฟรีมาโซนิคหรือฟรีเมสัน"เพื่อต่อต้านศาสนาอย่างเปิดเผย นอกจากนั้นแล้ว พวกนี้ยังได้ใช้เครื่องหมายใหม่เป็นรูปสามเหลี่ยมและวงเวียนปลายแหลมสองด้านเป็นสัญลักษณ์อีกด้วย แหล่งพบปะหรือที่เรียกกันว่า “ลอดจ์” (lodge) แห่งแรกของคนพวกนี้ถูกตั้งขึ้นในอังกฤษโดยใช้คำขวัญใหม่ว่า “เสรีภาพ ภราดรภาพและเสมอภาค”ต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มมาโซนิคและสโมสรต่างๆที่กล่าวไว้ข้างต้น

หลังจากนั้น คนพวกนี้ก็ตัดสินใจประกาศเป้าหมายที่แท้จริงของตนดังต่อไปนี้ คือ

1) เพื่อรักษาศาสนายูดาย


2) เพื่อต่อสู้ศาสนาต่างๆโดยเฉพาะนิกายแคธอลิก


3) เพื่อเผยแพร่การไม่เชื่อในพระเจ้าและลัทธิเสรีนิยม
หลังจากนั้น แหล่งพบปะใหม่ๆของพวกฟรีเมสันก็ถูกตั้งขึ้นในสหรัฐฯ

งานศึกษาหลายชิ้นโดยนักเขียนชาวตะวันตกตลอดจนแถลงการณ์ของพวกยิวและการศึกษาค้นคว้าเป็นการเฉพาะได้พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกยิวกำลังวางแผนที่จะทำให้โลกเสื่อมทรามลงโดยคำขวัญที่สวยหรูต่างๆซึ่งมุสลิมเป็นเป้าแรกที่ต้องทำลาย คนพวกนี้มีคำขวัญว่า “ศาสนานำไปสู่การแตกแยกในขณะที่ฟรีเมสันนำเราไปสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”

มีรายงานในสารานุกรมมาโซนิคที่ออกในฟิลาเดลเฟียเมื่อปี ค.ศ.1906 ว่าแหล่งพบปะทุกแห่งของพวกมาโซนิคจะต้องเป็นสัญลักษณ์ของวิหารชาวยิวและครูทุกคนจะต้องเป็นตัวแทนของกษัตริย์ยิวและองค์การฟรีเมสันทุกแห่งจะต้องรวบรวมผู้ทำงานชาวยิวไว้ ในแถลงการณ์ของพวกมาโซนิคที่ ออกในลอนดอนในค.ศ.1935 กล่าวว่า : “ความปรารถนาของเราก็เพื่อที่จะก่อตั้งลัทธิความเชื่อที่สมาชิกของลัทธิใช้วิธีการมีความสัมพันธ์ทางเพศ” ดังนั้น จึงได้มีการตั้งสโมสรต่างๆสำหรับคนชอบเปลือยกายขึ้นและพยายามอย่างเต็มที่ในการทำลายคุณค่าทางศีลธรรม

เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายของตน พวกฟรีเมสันได้ใช้ชื่อต่างๆกัน เช่น “ลูกหลานแห่งพันธสัญญา” (Children of covenant) “คิวานี”(Kiwani) “ไลออนเนส” (Lioness) “ยะฮ์เวห์ เพรสเซนส์” (Yahweh Presence) “เอ็กซเชนจ์” (Exchange) “สโมสรโรตารี” (Rotary Club) และอื่นๆ ชาร์ลส มาร์ไดน์ (Charles Mardine) ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ในหนังสือเรื่อง Rotary and The Like ของเขาซึ่งตีพิมพ์ใน ค.ศ.1936

1) ลูกหลานแห่งพันธสัญญา (Children of covenant) พวกมาโซนิคกลุ่มนี้เกิดขึ้นในนิวยอร์คใน ค.ศ.1843 โดยมีสมาชิกเป็นชาวยิวโดยเฉพาะ หลังจากนั้น กลุ่มนี้ก็มีสาขาหลายแห่งทั่วโลก ในการประชุมครั้งหนึ่งซึ่งคนกลุ่มนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3/5/1966 นายฟอร์สเตอร์ ดัลลัส ได้กล่าวในที่ประชุมว่า : “อารยธรรมตะวันตกวางพื้นฐานอยู่บนความเชื่อของยิว ประเทศตะวันตกทั้งหมดจะต้องป้องกันฐานที่มั่นของอารยธรรมของตน นั่นคือ อิสราเอล”


2) “กลุ่มคิวานี” กลุ่มนี้มีคำขวัญว่า “รู้ด้วยตัวเองก็แล้วกันว่าจะทำให้เสียงของพวกท่านเป็นที่รับฟังได้อย่างไร” กลุ่มนี้ถูกจัดตั้งขึ้นใน ค.ศ.1915 ในเมืองดีทรอยต์ สหรัฐฯ


3) “ไลออเนสส์” สาขานี้ปรากฏขึ้นในชิคาโกมาตุภูมิของสโมสรโรตารี ตามหนังสือพิมพ์อัล-อะฮ์รอมฉบับวันที่ 2/12/1985 รัฐมนตรีหญิงได้ไปเปิดสโมสรไลออเนสส์แห่งแรกที่โรงแรมเชอราตันไคโร รายชื่อสมาชิกของกลุ่มนี้มีอยู่ในหนังสือพิมพ์ด้วย

4) “เอ็กซเชนจ์” ถูกก่อตั้งขึ้นในเมืองดีทรอยต์ในสหรัฐฯเมื่อวันที่ 27/3/1916 โดยชาร์ลส เบอร์คี ซึ่งเป็นพ่อค้าอัญมณีคนหนึ่ง กลุ่มนี้จัดประชุมครั้งแรกขึ้นใน ค.ศ.1917


5) “ยะฮ์เวห์ เพรสเซนส์” เป็นมูลนิธิของพวกยิวในชื่อคริสเตียน ยะฮ์เวห์เป็นนามของพระผู้เป็นเจ้า (พันธสัญญาเก่า) ถูกตั้งขึ้นในเพนซิลวาเนีย สหรัฐฯหลังจากนั้นก็ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์คในค.ศ.1909 ผู้ปฏิบัติงานของมูลนิธินี้จะออกไปเยี่ยมเยียนผู้คนที่บ้านเพื่อส่งเสริมหลักการที่วางพื้นฐานอยู่บนคัมภีร์โตราห์ (ซึ่งคนพวกนี้ได้บิดเบือนแล้ว) กลุ่มนี้เป็นสมาคมยิวที่อันตรายที่สุดกลุ่มหนึ่งทั้งนี้เนื่องจากมันหลอกลวงชาวคริสเตียนและสร้างเรื่องเท็จต่างๆขึ้นมาเกี่ยวกับศาสดา เช่น การพยากรณ์ถึงดินแดนแห่งพันธสัญญา


ใน ค.ศ.1951 ความลับของพวกฟรีเมสันก็แดงขึ้นในวารสารของกองทัพโดยนายทหารคนหนึ่งซึ่งเข้าไปร่วมกันคนพวกนี้และหลังจากนั้นได้ออกมาเปิดเผยความลับของคนพวกนี้ นอกจากนี้แล้ว นายทหารคนหนึ่งยังได้เปิดเผยความลับของคนพวกนี้ในหนังสือเรื่อง “The World is the Doll of Israel” (โลกนี้คือตุ๊กตาของอิสราเอล) ซึ่งได้ถูกแปลเป็นภาษาอาหรับ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีหนังสือบางเล่มเกี่ยวกับเรื่องฟรีเมสันที่เป็นประโยชน์และสมควรที่จะกล่าวถึงในที่นี้ เช่น “Freemasonry Open Air” และ “Pawns on the Chase”โดย ดร.มุฮัมมัด อะลี อัซ-ซุบี, นอกจากนี้ ดร.มุฮัมมัดเคยเป็นพวกมาโซนิคคนสำคัญคนหนึ่งในเลบานอน แต่หลังจากนั้น เขาสำนึกผิดและได้กลับมาสู่อิสลามและได้ถูกพวกฟรีเมสันฆ่า


ในหลายประเทศจะไม่ยอมให้คณะผู้นำของประเทศขึ้นมาสู่อำนาจอย่างไร้ทิศทาง บางประเทศเข้มข้นถึงขนาดมีองค์กรลับที่สุด เพื่อที่จะสรรหาและฝึกฝนผู้คนขึ้นไปสู่การมีอำนาจและการดูแลอำนาจ องค์กรหนึ่งซึ่งทรงพลังมากในสมัยโบราณหลายร้อยปี และยังคงทรงพลังต่อเนื่อง จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็คือ “ฟรีเมสันส์”

ขอเรียนซะก่อนนะครับ ว่าฟรีเมสันส์ไม่ใช่องค์กรศาสนา แต่เป็นศูนย์รวมใจของสมาชิกและภราดรภาพ ฟรีเมสันส์เคยถูกมองว่าเป็นพวกที่มีแนวความคิดขบถต่อสังคม ผู้อ่านท่านลองไปค้นชื่อของสมาชิกขบวนการปฏิวัติในสหรัฐฯ และในฝรั่งเศสดูซีครับ ไม่ว่าในสงครามประกาศอิสรภาพเมื่อ พ.ศ. 2318-2326 และการปฏิวัติฝรั่งเศสเมื่อ พ.ศ. 2332-2342 หรือในการเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งสำคัญ ในประเทศทางแถบยุโรปและในอเมริกากลาง ท่านจะพบว่าสมาชิกขององค์กรฟรีเมสันส์มีบทบาทนำแทบทั้งสิ้น จึงมีหลายคนมองว่าฟรีเมสันส์เป็นองค์กรที่มีบทบาททางการเมือง แต่สมาชิกฟรีเมสันส์ก็ออกมาปฏิเสธว่า พวกตนไม่ยุ่งการเมือง


ฟรีเมสันส์เคยถูกมองว่าเป็นสมาคมลับ แต่พวกฟรีเมสันส์เองมองว่าพวกตนไม่ใช่สมาคมลับ แต่เป็นสมาคมที่กุมความลับต่างหาก

ถ้าผู้อ่านท่านที่เคารพเข้าไปในเว็บไซต์ ท่านจะเห็นว่ามีการสมัครบุคคลเข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์กันเปอะปะ ขอเรียนนะครับว่า คำประกาศรับสมัครเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์ที่ท่านเห็นนั้น มักจะไม่เป็นความจริง เพราะการเข้าเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์จริงๆจะมีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก จะต้องเป็นชายที่มีความเป็นอิสระ ไม่ผูกพัน, เชื่อในความมีตัวตนของพระผู้เป็นเจ้า (จะพระเจ้าตามความเชื่อของชาวคริสต์หรือศาสนาอื่นไม่ก็ได้) มีอายุไม่ตํ่ากว่า 18 ปี ต้องมีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมและจริยธรรม และข้อสุดท้ายก็คือ จะต้องมีชาติกำเนิดที่เป็นไท ไม่เคยตกเป็นทาส


สมัยก่อน ห้ามผู้หญิงเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์อย่างเด็ดขาด จนกระทั่งวันหนึ่ง เอลิซาเบธ อัลด์เวิร์ธ มองลอดช่องอิฐผนัง บังเอิญไปพบเห็นการประกอบพิธีกรรมขององค์กรนี้ที่บ้านของคุณพ่อ เมื่อถูกจับได้ ชาวฟรีเมสันส์จึงแก้ไขปัญหาด้วยการยอมรับเธอเข้าเป็นสมาชิกหญิงคนแรก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็จึงเกิดองค์กรของสมาชิกฟรีเม-สันส์ที่รับผู้หญิงเข้าร่วมด้วย



ก่อนที่จะเข้ารับพิธีกรรมเป็นฟรีเมสันส์เต็มตัว ผู้จะเป็นจะถูกเรียกว่า แคนดิเดต ที่มีความหมายว่า ผู้ถูกเสนอตัว คนที่เป็นแคนดิเดต จะสวมเสื้อและกางเกงธรรมดา แต่จะต้องพับแขนเสื้อขึ้นไปข้างหนึ่ง ขากางเกงก็จะพับขึ้นไปอีกข้างหนึ่ง ปล่อยข้างหนึ่ง จะต้องถูกผูกตาด้วยผ้าผูกตาสีดำ ซึ่งหมายถึงว่า ก่อนจะมาเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์ ยังคงอยู่ในโลกมืดที่มืดมน แคนดิเดตจะมีเชือกผูกเงื่อนคล้องที่คอ ต้องปล่อยปลายเชือกไว้ให้กับสมาชิกฟรีเมสันส์คนอื่นเป็นผู้ถือ

แคนดิเดตจะถูกนำไปอยู่ตรงระหว่างเสา 2 ต้น ที่หน้าโต๊ะบูชา เสาทั้ง 2 ต้นนี่แทนสัญลักษณ์ของเสา 2 ต้น ที่เคยอยู่ตรงหน้าวิหารแห่งโซโลมอน ระหว่างเสา 2 ต้น จะมีโต๊ะบูชาที่มีคัมภีร์ฟรีเมสันส์เปิดอยู่ หน้าที่เปิดของคัมภีร์จะมีสัญลักษณ์ไม้ฉากและวงเวียนวางอยู่ ที่นี่แคนดิเดตจะทำพิธีให้สัตย์สาบานปฏิญาณตน ว่าจะเชื่อในพระเจ้าของฟรีเมสันส์ และจะกระทำตนตามแบบอย่างของฟรีเมสันส์ คำปฏิญาณข้อสำคัญของแคนดิเดตก็คือ จะต้องรักษาความลับของหมู่คณะเท่าชีวิต


ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงไม่มีเรื่องของพวกฟรีเมสันส์ แพร่งพรายออกสู่โลกภายนอก เมื่อสาบานเสร็จก็จะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ เป็นชุดเครื่องแบบของสมาชิกฟรีเมสันส์ เมื่อพิธีสำเร็จแล้ว ก็จะมีการนำผ้าผูกตาและบ่วงคล้องคอเอาไปทิ้ง


จากนั้นสมาชิกใหม่ก็จะได้ผ้ากันเปื้อนที่คาดไว้ตรงเอวแบบผ้ากันเปื้อนของทารก ที่ต้องใช้ผ้ากันเปื้อน ก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ พิธีกรรมที่ว่านี้ทำกันโดยเปิดเผย แต่พิธีกรรมหลังจากนั้นเป็นพิธีกรรมลับอีกหลายพิธี ซึ่งไม่เป็นที่เปิดเผยต่อคนอื่น ดังนั้น ใครก็ตามที่แอบไปได้เห็นการกระทำพิธีกรรมลับอันนี้ ก็จะต้องถูก ให้เข้าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์


http://atcloud.com/stories/26286

____________________________________________________________________________
ขอเรียนยํ้าว่ามีจริงๆครับ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน และผมมีความเชื่อว่าจะยังมีต่อไปในอนาคตอีกนานเท่านาน


คนระดับโลกที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกขององค์กรลับตั้งแต่เด็กๆ องค์กรเหล่านี้รับสมาชิกยากมากจริงๆ แต่เมื่อรับไปแล้ว สมาชิกก็จะเขยิบขึ้นเป็นคนระดับโลก เดินทางมาไหนไปประเทศใด จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจัดการอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง เมื่อปฏิบัติ การงานสิ่งใด ก็จะมีมือที่มองไม่เห็นคอยจำกัดศัตรูเพื่อให้ท่านใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่น


องค์กรลับระดับโลกดังๆ ก็เช่น องค์กรหัวกะโหลกกระดูกไขว้ หรือ สกัลล์ แอนด์ โบนส์ สภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ CFR, ไทรเลตเทรอล คอมมิสชัน, บิลเดอร์เบิร์ก และ อิลลูมิเนติ องค์กรลับทั้ง 5 แห่งเหล่านี้มีการจับมือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ช่วยเหลือกัน ต่อมาจึงครองโลกได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดยิ่งขึ้น

อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ สมัยหนุ่มเคยเข้าพิธีสาบานตนต่อหน้าคัมภีร์ฟรีเมสันส์ แต่ไม่ได้เข้าพิธีอย่างสมบูรณ์ จึงไม่ถือว่าเป็นสมาชิกของฟรีเมสันส์ ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช คนลูกก็เหมือนกัน พยายามหาทางเข้าเป็นสมาชิก แต่ทำพิธีได้ไม่ครบจึงไม่ถือว่าเป็นสมาชิกฟรีเมสันส์


บิลล์ คลินตัน ฉายแววผู้นำตั้งแต่ยังเด็ก สมัยเด็กได้ทำพิธีในสำนักเดอ โมเลย์ ซึ่งเป็นสำนักฟรีเมสันส์สำหรับเด็ก สมาชิกองค์กรลับฟรีเมสันส์ คนอื่นๆ ก็เช่น เฮนรี ฟอร์ด, วอลเตอร์ ไครส์เลอร์, โธมัส เจ วัตสัน, เอิร์ล วอร์เรน (หัวหน้าคณะทำงานสอบสวนคดีลอบสังหาร จอห์น เอฟ.เคนเนดี,เจ. เอดการ์ ฮูเวอร์ เจ้าพ่อเอฟบีไอ),


กษัตริย์วิลเลียมที่ 4 แห่งอังกฤษ, กษัตริย์จอร์จที่ 4 แห่งอังกฤษ, กษัตริย์จอร์จที่ 6 แห่งอังกฤษ, โฮเซ เดอ ซาน มาร์ติน (วีรบุรุษของชาวอาร์เจนตินา), นโปเลียน โบนาปาร์ต, กษัตริย์ฮุสเซน แห่งจอร์แดน, ยาวะหะราล เนห์รู, ยิตซัค ราบิน, ยัสเซอร์ อาราฟัต, เซอร์ วินส์ตัน เชอร์ชิลล์,วูล์ฟกัง อมาดิอุส โมสาร์ต, ลุตวิก ฟาน บีโธเฟน, เกรน ฟอร์ด, คลาร์ค เกเบิล, จอห์น เวย์น, โธฮัน วูล์ฟกัง, ฟอน เกอเธ, จอห์น เกรน, เจมส์ วัตต์ ฯลฯ

ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ตั้งแต่คนแรก จอร์จ วอชิงตัน มาจนถึงปัจจุบัน เป็นสมาชิกฟรีเมสันส์เต็มรูปแบบถึง 15 คน และรองประธานาธิบดี 19 คน


ปัจจุบัน ในสหรัฐอเมริกามีสำนักงานองค์กรลับฟรีเมสันส์ อยู่ครบทุกรัฐ องค์กรฟรีเมสันส์เข้าไปในสหรัฐฯเมื่อ พ.ศ. 2276 สำนักฟรีเมสันส์แห่งแรกตั้งที่เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเสตต์ แต่เป็นสาขาจากอังกฤษ สำนักงานที่เป็นของสหรัฐฯอย่างแท้จริงนั้น ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2277 ที่เมืองซาวันนา รัฐจอร์เจีย ต่อมาพวกฟรีเมสันส์ในสหรัฐฯแบ่งเป็น 2 สาย คือสายสมัยใหม่ และสายเก่าแก่ที่เรียกว่าสายแอนเทียนต์


ในหลายประเทศมีองค์กรลับคอยดูแลความเป็นไปของชาติ โดยการรวบรวมคนที่ฉลาดจริงๆ มีการศึกษาดี เข้ามาอยู่ด้วยกัน คนพวกนี้จะเข้าใจความเป็นไปของโลก มีเครือข่ายระโนงโยง ไปเหมือนใยแมงมุม เมื่อมีปัญหาที่ประเทศชาติบ้านเมืองของตนต้องการความช่วยเหลือ สมาชิกขององค์กรลับเหล่านี้ก็จะใช้ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่สุดของตัวเองเข้า ไปจัดการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น

ผมมีความเชื่อเป็นการส่วนตัวว่า ในประเทศไทยของเรา ก็มีสมาชิก องค์กรลับฟรีเมสันส์อยู่หลายคน สมาชิกขององค์กรที่ทรงอิทธิพลอย่าง CFR ก็น่าจะมีไม่น้อย



ในยุคที่ "แสงสว่างแห่งปัญญา" อันเกิดจากศักยภาพของมนุษย์ ผู้ซึ่งสามารถปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ พ้นไปจากการครอบงำทางความคิดอันล้าหลังของศาสนจักร ได้เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วทั้งยุโรป…องค์กรลับอย่างฟรีเมสันก็ได้แสดงตัวให้ชาวยุโรปได้รับรู้กันในฐานะ "สมาคมแห่งภราดรภาพ" หรือ "สมาคมของผู้ที่มีความสุขต่ออิสรภาพ" และได้ประกาศคำขวัญในหมู่มวลสมาชิกเอาไว้ว่า"เสรีภาพ-ความเสมอภาค-และภราดรภาพ"ที่ในระยะเวลาต่อมามันได้กลายมาเป็นคำขวัญของบรรดาขบวนการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจการปกครองของรัฐบาลต่างๆในยุโรปไปโดยลักษณะใดก็ไม่อาจทราบได้…???


แต่โดยบรรยากาศความร้อนแรงในยุค "แสงสว่างแห่งปัญญา" กำลังสาดส่องอยู่ทั่วยุโรปนั้น สมาคมลับอีกแห่งหนึ่งที่ชาวยิวมีส่วนเข้าไปพัวพันตั้งแต่จุดเริ่มต้น และมีบทบาทในการรองรับความหิวกระหายเสรีภาพ-ความเสมอภาค-ภราดรภาพของชาวยุโรปได้ถนัดถนี่ยิ่งกว่าฟรีเมสันก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน นั่นก็คือองค์กรที่ใช้ชื่อว่า "อิลูมิเนติ" ( illuminati ) ซึ่งโดยความหมายที่ถอดความมาจากภาษาละตินนั้น ก็หมายถึง "แสงสว่าง" หรือ "ความรู้แจ้ง"ไม่ต่างไปจาก "แสงสว่างแห่งปัญญา" เช่นเดียวกับคำว่า "เอ็นไลท์เทนเม้นท์" นั่นเอง…
บทบาทของ "อิลูมิเนติ" นั้นได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างชัดเจนในยุโรปตั้งแต่ประมาณช่วงปี ค.ศ. ๑๔๙๒ ในบรรดาเมืองสำคัญๆ ของประเทศเสปน อันเป็นแหล่งรองรับวิทยาการที่หลั่งไหลจากจักรวรรดิอิสลามเข้ามาสู่ยุโรปในช่วงแรกๆ นั่นเอง เช่น เมือง เซวิลล์, คอร์โดบา และทอเลโด ฯลฯ เป็นต้น หลังจากนั้นบทบาทของ "อิลูมิเนติ" ก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมาในฝรั่งเศสในช่วงปี ค.ศ. ๑๖๒๓-๑๗๒๒ และแพร่สะพัดไปสู่ประเทศอังกฤษในช่วงระยะเดียวกัน ก่อนที่จะลุกลามไปสู่เยอรมันโดยเฉพาะในแคว้นบาวาเรียในช่วงปี ค.ศ. ๑๗๗๗ โดยชาวยิวที่มีชื่อว่า "อาดัม ไวซ์ชวาปท์" และได้แพร่ต่อไปยังโปแลนด์ สวีเดน เดนมาร์ค ฮังการี ออสเตรีย ฯลฯ ก่อนที่จะไปปรากฏตัวชัดเจนในประเทศรัสเซียตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๗๙๐ เป็นต้นมา…

องค์กรอย่างอิลูมิเนตินั้น… แตกต่างไปจากฟรีเมสันตรงที่สามารถสลัดหลุดออกมาจากกรอบความคิดในเรื่อง "พระเจ้า" ได้อย่างสิ้นเชิง หันมาให้ความสำคัญกับ "ความรู้" และ "ความมีเหตุมีผล" ที่เกิดจากการ "ค้นคิดอย่างเป็นอิสระ" ภายใต้ศักยภาพความเป็นมนุษย์ อันเป็นสิ่งที่ควรจะได้รับการยึดมั่น-ศรัทธาแทนความเชื่อในเรื่องสิ่งสูงสุดทางศาสนา…หรือที่เรียกๆ กันว่าแนวทาง "ความรู้นำไปสู่สุขคติ" (Gnosticism)…


บทบาทขององค์กรฟรีเมสันและอิลูมิเนติ ที่ต่างก็แผ่กระจายเข้าไปมีอิทธิพลเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วทั้งยุโรปในขณะนั้น มันจะมีที่มา-ที่ไปแตกต่างกันหรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่…แต่สิ่งที่ทำให้ฟรีเมสันและอิลูมิเนติมีความเหมือนกันและสอดคล้องกันและกันก็คือ องค์กรทั้งสองล้วนแล้วแต่เป็นสมาคมลับ และต่างก็เป็นสมาคมที่ชาวยิวเข้าไปมีบทบาทในการก่อตั้งและขับเคลื่อนมาตั้งแต่แรกด้วยกันทั้งคู่…???

http://atcloud.com/stories/26286

__________________________________________________________________________
ในการปฏิวัติฝรั่งเศสปี ค.ศ. ๑๗๘๙ หัวหอกสำคัญในการก่อการปฏิวัติโค่นล้มอำนาจพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๖ เพื่อเปลี่ยนระบอบการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐ ที่เรียกกันว่าพวก "จาโคแบงส์" (Jacobins) ได้ถูกกล่าวหาหรือตั้งข้อสงสัยว่า มี


ในการก่อการปฏิวัติเพื่อโค่นล้มอำนาจของพระเจ้าเฟอร์ดินันด์ที่ ๗ ในประเทศเสปน ช่วงปี ค.ศ. ๑๘๑๙ "นักสาธารณรัฐนิยม" ผู้เป็นหัวหอกสำคัญในการปฏิวัติอย่าง "ราฟาเอล เดล เรียโก อิมูเนซ" ก็เป็นที่รู้จักกันในฐานะสมาชิกคนสำคัญขององค์กรฟรีเมสันกันมาตั้งแต่แรก…


"สมาคมศิลปะและการฝีมือ",  "สมาคมพิธีศพ" , สมาคมเลี้ยงเด็กกำพร้า", "สมาคมหาคู่"…ฯลฯ แต่ภายใต้กิจกรรมของสมาคมต่างๆ ที่ดูเหมือนกับไม่ได้มีจุดประสงค์และเป้าหมายใดๆ ที่อาจจะกระทบต่อนโยบายกำจัดสิทธิ์ซึ่งรัฐบาลรัสเซียมีต่อชาวยิวเลยนั้น โดยการเชื่อมโยงของเครือข่ายสมาคมต่างๆ เหล่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ชาวยิวในรัสเซียสามารถสร้าง "อำนาจรัฐซ้อนรัฐ" หรือ "อำนาจการปกครองตัวเอง" ซ้อนอยู่ในอำนาจของรัฐบาลรัสเซียได้สบายๆ หรือสามารถใช้สมาคมต่างๆ ดูแลปกครองชาวยิวตามตัวบทกฎหมายของชาวยิวเอง แม้นว่ารัฐบาลรัสเซียจะมีคำสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่ให้ชาวยิวหรือชนชาติส่วนน้อยใดๆ ทำการปกครองตัวเองภายในแผ่นดินรัสเซียก็ตาม…ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจนัก ที่เมื่อเกิดการปฏิวัติโค่นล้มระบบซาร์ในรัสเซีย ช่วงปี ค.ศ. ๑๙๑๗ กลุ่มกำลังที่มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติไม่ว่ากลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "บอลเชวิค" หรือ "เมนเชวิค" ก็แล้วแต่ ต่างก็ถูกระบุถึงการมีสัมพันธ์โยงใยอยู่กับสมาคมลับอย่างอิลูมิเนติ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับชาวยิวในรัสเซียที่ล้วนแต่เติบโตขึ้นมาภายใต้เครือข่ายขององค์กรบังหน้าในลักษณะรัฐซ้อนรัฐกันมาตั้งแต่แรก…

บทบาทของชาวยิวไม่ว่าโดยฐานะตัวบุคคล โดยองค์กรทั้งในแบบลับๆ หรือเปิดเผย ที่มีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมในยุโรปนั้น…ว่าไปแล้วค่อนข้างเป็นอะไรที่สับสน สลับซับซ้อน จนยากที่จะควานหาเป้าหมาย แนวทางกันได้ชัดๆ มีทั้งบทบาทที่แสดงออกในลักษณะ ปิดบัง ซ่อนเร้นจนยากที่จะหาร่องรอยหลักฐานใดๆมาเป็นข้อพิสูจน์ได้ มีทั้งลักษณะที่เปิดเผยตรงไป-ตรงมาซึ่งถูกแสดงออกผ่านนักธุรกิจ พ่อค้า

หรือเครือข่ายอำนาจทางการค้า อันเป็นบทบาทที่เคยหนุนช่วยอำนาจของสถาบันกษัตริย์ในบางช่วงบางระยะ แต่ก็กลับมามีบทบาทในการโค่นล้มอำนาจกษัตริย์ในช่วงระยะต่อมา มีทั้งตระกูลคหบดีชาวยิวที่อาศัยความมั่งคั่งทางการค้าแผ่ขยายเครือข่ายเข้าไปในหมู่ชนชั้นสูงในยุโรป ใกล้ชิดกับศูนย์กลางอำนาจรัฐจนกลายเป็นเครือญาติของราชวงศ์และชนชั้นขุนนางสืบต่อกันมาเป็นรุ่นๆ แต่ก็มีเครือข่ายของชาวยิวอีกกลุ่มหนึ่งที่อาศัยความเจ็บปวดเคียดแค้นของชนชั้นกรรมาชนแผ่ขยายความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับอำนาจที่เกิดขึ้นมาใหม่โดยนักปฏิวัติผู้พยายามโค่นล้มระบบขุนนางและกษัตริย์ลงไปให้ได้

และยังมีชาวยิวในแต่ละบุคคลที่อาศัยสติปัญญา ความเฉลียวฉลาดเฉพาะตัวแสดงบทบาททั้งในฐานะผู้กระตุ้นให้เกิดลัทธิทุนนิยมขึ้นมาในยุโรป รวมทั้งเป็นผู้ที่ให้กำเนิดลัทธิคอมมิวนิสต์อันเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับทุนนิยม จนบรรดาผู้ที่เชื่อมั่น-ศรัทธาต่อความคิดของชาวยิวทั้งสองฝ่ายต้องหันมาประหัตประหารกันเองทั่วทั้งยุโรปและทั่วทั้งโลกในเวลาต่อมาอีกด้วย….ฯลฯ ฯลฯ


แต่ภายใต้ลักษณะที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน สับสน และผิดแผกแตกต่างกันปาน


อารมณ์ความรู้สึกของชาวยิวแต่ละบุคคล หรือชาวยิวที่อยู่ในแต่ละกลุ่มก้อนองค์กรไม่ว่าจะเป็นยิวฝ่ายไหนก็แล้วแต่ แม้นว่าจะกระจัดกระจายพลัดพรากกันไปในแต่ละประเทศ เติบโตขึ้นมาในสังคมที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน อยู่ในสถานะทางชนชั้นที่แตกต่างกันจนอาจก่อให้เกิดทัศนคติที่แตกต่างกันในลักษณะเช่นใดก็ตามที…

แต่ท้ายที่สุดแล้ว…สายเลือดและวิญญาณของเผ่าพันธุ์ที่ถูกปลูกฝัง ตอกย้ำกันอย่างเอาจริงเอาจังมาตั้งแต่ยุคอับราฮัม อิสอัค ยาโคปมาโดยตลอด…ก็ยังสามารถโลดแล่นอยู่ในตัวตนของชาวยิวแต่ละรายได้เสมอๆ…และภายใต้อารมณ์ความรู้สึกที่ถูกฝังอยู่ในจิตวิญญาณของชาวยิวอย่างลึกซึ้งเช่นนี้ ทำให้ความแตกต่างในหมู่ชาวยิวทั้งหลาย กลับกลายเป็นสิ่งที่ถูกนำมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกลมกลืนระหว่างกันและกัน และนำไปสู่จุดมุ่งหมายอันเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ???

มุ่งหมายอันเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ???


จุดมุ่งหมายที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเลยตั้งแต่ต้น…นั่นก็คือจุดมุ่งหมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อเผ่าพันธุ์ของตัวเองด้วยกันทั้งสิ้น


ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าองค์กรลับอย่างฟรีเมสันจะแสดงการยอมรับต่อการมีอยู่พระเจ้า ในขณะที่องค์กรอิลูมิเนติปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า…แต่ท้ายที่สุด…ภายใต้เครือข่ายการเคลื่อนไหวของทั้งสององค์กรที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งยุโรป ก็ดูจะนำมาซึ่งผลสรุปอันเดียวกัน…นั่นก็คือ ในขณะที่ชนชาติต่างๆ ในยุโรปต่างก็ปั่นป่วนวุ่นวายจนกระทั่งมีผลลุกลามกลายเป็นความวุ่นวายของทุกๆชนชาติทั่วทั้งโลก…ชนชาติที่ยังคงแข็งแกร่งจนอาจจะปกครองโลกทั้งโลกได้ในวันใดวันหนึ่งก็คงเป็นชนชาติที่สืบเชื้อสายมาจาก "ผู้ที่ปล้ำสู้กับพระเจ้า" หรือชนชาติ "อิสราเอล"


ว่ากันว่า นายดีปรี พนม... คือหนึ่งในคนขององค์กรณ์นี้

ขอบคุณ

หลายเวป

ง่ายๆ ประเทศสหรัฐอเมริกาถูกก่อตั้งโดยองค์กรณ์นี้เพื่อใช้เป็นฐานยึดโลก

ขอบคุณ

หลายเวป

ประดุจถูกแยกให้กลายไปเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกันและกันเช่นนี้ สิ่งเหล่านี้กลับไม่ได้ก่อให้เกิดการละลายหรือการเจือจางความเข้มข้นใน "ความเป็นยิว" อันเป็นสิ่งที่ได้รับการถ่ายทอดสืบต่อกันมาในแต่ละรุ่นแต่ละรุ่นตลอดชั่วอายุของเผ่าพันธุ์นับเป็นพันๆ ปีที่แล้วลงไปได้เลย…???ในรัสเซีย เมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ ๑ ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายการปกครองประเทศ หลังจากได้ทำสงครามกับพระจักรพรรดินโปเลียนเป็นต้นมา จนเกิดการกดดัน การจำกัดสิทธิต่างๆ ของชาวยิวในรัสเซีย ชาวยิวในรัสเซียก็ได้หันมาจัดตั้งสมาคมในรูปแบบต่างๆ ที่เรียกกันว่า "เฮฟวรา" อันสามารถสะท้อนให้เห็นถึงความจัดเจนในการใช้รูปแบบของ "องค์กรบังหน้า" ที่กระจัดกระจายอยู่ในนามสมาคมนานาชนิด ไม่ว่า "สมาคมเลี้ยงอาหารคนจน", ในอิตาลี…ถึงแม้นจะไม่มีการเอ่ยถึงบทบาทของฟรีเมสันหรืออิลูมิเนติชัดเจนซักเท่าไหร่นัก แต่ในการปฏิวัติในอิตาลีนับตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๘๒๐ เป็นต้นมา หรือหลังจากที่พระจักพรรดินโปเลียนผู้สร้างคุณูปการให้กับชาวยิวทั่วทั้งยุโรปได้พ่ายแพ้ในสงครามวอเตอร์ลู และอำนาจของกษัตริย์และศาสนจักรกำลังถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในอิตาลี

http://atcloud.com/stories/26286

___________________________________________________________________________
องค์กรที่ทำการเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิวัติหรือเพื่อต่อต้านอำนาจของกษัตริย์และพระสันตะปาปาในอิตาลี ที่มีชื่อว่า "คาร์โบนา" นั้น แม้นว่าจะเป็นองค์กรที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาวคริสต์ก็ตาม แต่ก็เป็นที่รับทราบกันอย่างชัดเจนว่าได้รับเงินสนับสนุนจากกลุ่มพ่อค้าชาวยิวอย่างเต็มที่ หรือกลุ่ม "อิตาลีหนุ่ม" ที่พยายามก่อการปฏิวัติต่อมาหลังจากนั้น ก็ได้รับความสนับสนุนอย่างเปิดเผยจากชาวยิวในอิตาลีที่ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องเงินๆ-ทองๆเท่านั้น แต่ยังมีการระดมอาสาสมัครชาวยิวเข้าร่วมก่อการปฏิวัติกับกลุ่มอิตาลีหนุ่มภายใต้การนำของ "กิเซปป์ มาสินี" อย่างเปิดเผย… ความสัมพันธ์และเกี่ยวโยงกันอย่างใกล้ชิดกับองค์กรอิลูมิเนติ แม้นว่าคำขวัญที่ถูกใช้ในการปฏิวัตินั้นกลับเป็นคำขวัญที่ไม่แตกต่างไปจากคำประกาศของพวกฟรีเมสันกันเลยแม้แต่นิด นั่นก็คือคำว่า "เสรีภาพ-เสมอภาค-และภราดรภาพ"นั่นเอง…??? และภายใต้ความเหมือนกันหรือสอดคล้องต้องกันเช่นนี้… บทบาทขององค์กรทั้งสองยังมักจะถูกกล่าวถึงหรือถูกนำไปเกี่ยวโยงพัวพันกับความเคลื่อนไหวในการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจและทัศนคติทางสังคมที่กำลังก่อตัวขึ้นมาในประเทศต่างๆทั่วทั้งยุโรปในช่วงระยะนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า…??? อย่างไรก็ตาม…แม้นว่าองค์กรอย่างฟรีเมสันจะถูกกล่าวหา หรือตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีบทบาทในการต่อต้านอำนาจของฝ่ายศาสนามาโดยตลอด แต่ปรัชญาและแนวคิดของฟรีเมสันนั้นยังคงผูกติดอยู่กับกลิ่นอายทางศาสนาอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือการให้ความยอมรับต่อสิ่งสูงสุดในทางจิตวิญญาณหรือ "พระเจ้า" เพียงแต่การอธิบายความหมายหรือการตีความในเรื่องพระเจ้าของฟรีเมสันนั้น ออกจะพิลึก พิสดารแตกต่างไปคนละเรื่องคนละราวกับพระเจ้าในความหมายเดิมๆที่ชาวคริสต์เคยรับทราบในหลายแง่หลายมุมด้วยกัน ซึ่งก็คงไม่จำเป็นจะต้องเสียเวลากล่าวถึงในที่นี้……??? 

http://atcloud.com/stories/26286

_______________________________________________________________________________
สมาคมลับ
ความวุ่นวายทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ในบ้านเราปัจจุบันทุกวันนี้ ถ้าจะให้มีการแก้ไขไปตามระบบคงจะเป็นไปได้ยาก ข่าวล่ามาเร็วแจ้งว่ามีหลายหน่วยถูกจัดตั้งขึ้นเป็นลักษณะของสมาคมลับ ประสงค์ก็คือต้องการใช้วิธีการรุนแรงเข้าไปแก้ไขปัญหาของชาติ เช่น เมื่อรู้ว่ามีนายกเทศมนตรี หรือนายก อบต. คนไหนชั่วช้าสามานย์แอบลงนามให้ห้างค้าปลีกต่างชาติเข้าไปตั้งในถิ่นของตัวเองได้ ก็จะมีสมาชิกสมาคมลับเข้าไปจัดการขั้นเด็ดขาดถึงชีวิต ทั้งชีวิตของเจ้าตัวและ      ครอบครัวคนรอบข้าง

ต่อข้อถามที่ว่า นิติภูมิคุณเห็นด้วยกับสมาคมพวกนี้ไหม? ผมตอบได้อย่างเต็มปากเลยครับว่า “ไม่เห็นด้วย” เพราะว่าจะเกิดการโกลาหลอลหม่านขึ้นในประเทศ การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงคือช่องทางสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ความจริงให้สมาชิกในสังคมได้รับรู้อย่างถูกต้อง หากไปไม่ไหวจริงๆ ก็ยังมีช่องทางทางกฎหมายอีก

พวกที่เคยใช้สมาคมพวกนี้ ก็มีจีน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่อิตาลีที่ผมเพิ่งไปเยือนมาสัปดาห์ที่แล้ว ตอนที่มีสมาคมลับ ผู้คนล้มหายตายไปอย่างไม่มีสาเหตุจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่คิดคดทรยศต่อชาติบ้านเมือง สังคมและเผ่าพันธุ์ตนเอง บางสมาคมเล่นไกลถึงญาติโกโหติกา ผู้บริสุทธิ์ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งด้วย

อิตาลีมีคาร์โบนารี หรือคาร์โบนีเรีย เป็นสมาคมลับของคนอิตาลี สมาชิกสมาคมลับพวกนี้ยึดอุดมการณ์เสรีนิยม ชอบการปกครองแบบสาธารณรัฐและเน้นความรักชาติ สมาคมคาร์โบนารีเริ่มต้นจากขบวนการต่อต้านการปกครองของฝรั่งเศสในรัฐเนเปิลส์ระหว่างสงครามนโปเลียน ต่อมาดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อต่อต้านระบบอนุรักษนิยม ตลอดจนต่อต้านอำนาจและอิทธิพลของจักรวรรดิออสเตรียในคาบสมุทรอิตาลี  ประสงค์ของสมาชิกของสมาคมนี้ก็คือการรวมชาติให้เป็นปึกแผ่น

คาร์โบนารีเป็นคำในภาษาอิตาลีหมายถึง คนเผาถ่าน ใครคนไหนก็ตามที่จะเป็นสมาชิกของสมาคมจะต้องผ่านการคัดเลือก ส่วนใหญ่จะเป็นข้าราชการที่รักชาติ พวกขุนนางก็เยอะ พวกที่เป็นเจ้าของที่ดินรายย่อยก็มีไม่น้อย ผ่านการคัดเลือกด้วยระบบที่เคร่งครัดแล้ว ยังต้องมีพิธีกรรมอะไรบานเบอะเยอะแยะ การสื่อสารของผู้คนในสมาคมลับก็ใช้สัญลักษณ์สลับซับซ้อน และใช้คำพูดที่เป็นรหัสลับติดต่อกัน

สมาคมลับคาร์โบนารีแพร่ขยายกระจายไปจนมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะมีพวกขายชาติส่วนหนึ่งได้รับประโยชน์ทางการค้าและอิทธิพลทางการเมืองจากต่างชาติ สมาคมลับสมาคมนี้มีแหล่งซ่องสุมอยู่ทั่วประเทศ แต่ศูนย์กลางของสมาคมอยู่ที่อิตาลีตอนกลางแถวรัฐสันตะปาปา ทางตอนใต้ก็อยู่ที่รัฐเนเปิลส์

สมาคมลับจะยึดเอาประโยชน์ของผู้คนในชาติส่วนใหญ่เป็นสำคัญ ดังนั้นจึงมักจะได้รับความเห็นใจและได้รับการช่วยเหลืออย่างลับๆ จากกองทัพ อย่างเช่น กษัตริย์พระองค์หนึ่งซึ่งปกครองอิตาลีในสมัยนั้นคือ พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 7 ไม่ค่อยดูแลประชาชน แถมเห็นแก่ประโยชน์พวกต่างชาติมากกว่าคนอิตาลี สมาคมลับ    คาร์โบนารีเห็นว่า ถ้าขืนยังให้ครองราชย์อยู่ ประเทศล่มจมแน่ ก็จึงคิดหาหนทางกำจัด ทหารบกของรัฐบาลพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 7 แทนที่จะจับกุม กลับช่วยเหลือพวกสมาคมลับทำการปฏิวัติจนพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 7 สูญเสียพระราชอำนาจ

อำนาจจากต่างชาติออสเตรีย ซึ่งเป็นพวกที่เคยได้รับประโยชน์ จึงเอากองทหารของตนเข้ามาปราบปรามและโค่นรัฐบาลปฏิวัติ    จากนั้นก็ช่วยให้พระเจ้า            เฟอร์ดินานด์ที่ 7 ให้กลับขึ้นไปได้นั่งอยู่บนบัลลังก์เหมือนเดิม

ออสเตรียเข้ามากอบโกยประโยชน์ในอิตาลีอยู่นาน   พวกสมาชิกสมาคมลับ        คาร์โบนารีจึงปลุกพลังมวลชนให้ลุกฮือ เมื่อสืบทราบว่า พระสันตะปาปาก็มีส่วน พวกคาร์โบนารีก็เอาพลังประชาชนไปปิดล้อมรัฐสันตะปาปา ทหารของพระสันตะปาปาเห็นผู้คนมาล้อมจึงกระจัดพลัดพรายหายไปจากรัฐ วิ่งหางจุกก้นหนีทัพกันหมด

พระสันตะปาปาหมดหนทาง จึงไปขอความช่วยเหลือจากต่างชาติออสเตรียให้มาจัดการกับพวกสมาชิกสมาคมลับคาร์โบนารี ออสเตรียก็เข้ามาปราบพวกก่อการและยึดแคว้นแฟร์ราราและโบโลญญาไปเป็นของตัว ตอนหลังประชาชนคนอิตาลีก็ลุกฮือต่อต้านพระสันตะปาปาใหม่ พระองค์ก็ทรงขอกำลังทหารจากออสเตรียอีก

ตอนหลังมีขบวนการลับลักษณะเดียวกันตั้งขึ้นมา ชื่อว่า ขบวนการอิตาลีหนุ่ม สมาคมลับคาร์โบนารีก็จึงค่อยๆ เลือนหายไปจากสังคมอิตาลี แต่มีผลงานที่ช่วยปกป้องประเทศชาติไว้มากมายอย่างน่าประทับใจ.

 
http://www.mediathai.net/module/newsdesk/newsdesk_subcat1.php?board_id=20493


Logged
มาคืน "สยามเมืองเคยยิ้ม" กลับสู่ "สยามเมืองยิ้มยุคก้าวหน้า" ด้วย ยิ้มสยาม กันนะครับ ... Welcome To Smile Siam by Siamese Smile

Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.09 seconds with 21 queries.