ppsan
|
|
« on: 02 September 2024, 09:02:08 » |
|
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย สปัน เธียรประสิทธิ์ ภาค ๒ [4]
Vuttikorn Phavichitr 12 มกราคม 2018 ·
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายภาค ๒ สปัน เธียรประสิทธิ์
ตอนที่ ๔ เปลี่ยนรัชกาล
พ.ศ. ๒๔๗๖ หลังจากการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ราชอาณาจักรสยาม มีการฉลองรัฐธรรมนูญครั้งแรก แต่บ้านเมืองยังไม่สงบนัก จึงไม่ใช่งานใหญ่โต
ต่อมาพ.ศ. ๒๔๗๗ รัฐบาลของพันเอกพหลพยุหเสนาได้จัดงานรัฐธรรมนูญงานใหญ่โดยมีการประกวดนางงามเป็นครั้งแรก
ฉันดีใจตื่นเต้น เมื่อพ่อมาขอแม่จะเอาเราไปเที่ยวงาน เป็นครั้งแรกที่เจอพ่อ ตอนนั้นอายุแค่ ๓ ขวบ แม่ให้พี่เลี้ยงชื่อ พริ้ง (ไม่เริงเมือง) เคยเป็นแม่นมแม่มาก่อน ไปคอยดูแล แต่ไม่ให้ไปค้างกับพ่อ ต้องกลับมาบ้าน ที่ฉันจำได้ติดตาคือ พริ้งจะต้องเกาะข้างนอกท้ายรถซึ่งจะมีคานให้ยืนและมีที่จับ ฉันขอให้พ่อเอาแกนั่งในรถกับเรา แดดก็ร้อน เดี๋ยวตกลงมาตาย
พ่อบอกว่าไม่ได้ เพราะแกเป็นคนใช้ จะมานั่งร่วมกับเราไม่ได้ สงสารแกจับใจ ฉันหันหลังไปเคาะกระจกเล่นกับแก แกก็เคาะหัวเราะเล่นตอบ แกดูสนุกสนาน ภาพนี้ยังฝังอยู่ในใจฉันตลอดมา ทำไมหนอคนสมัยนั้นจึงแบ่งฉันวรรณะอย่างทุเรศที่สุด ขนาดฉันอายุแค่ ๓ ขวบ ยังนึกเห็นใจและไม่ชอบการกระทำนี้เลย
และเห็นอาจารย์สาวที่พวกเรารู้จักอยู่ใกล้บ้าน เธอนั่งรถสามล้อ และให้คนใช้นั่งยองๆตรงที่วางเท้า ฉันกลัวแกจะตกลงมา คนที่มีฐานะช่างไม่เห็นใจคนที่ต่ำต้อยกว่า ฉันเห็นแล้วเศร้าใจ
พอถึงงาน พ่อให้ยายพริ้งอยู่เฝ้ารถ พวกเราก็เดินเที่ยว งานนี้จัดที่วังสราญรมย์คนแน่นมาก มองอะไรไม่ค่อยเห็น เดินไปเดินมาหลงทาง หาพ่อไม่เจอ อายุแค่ ๓ ขวบ สูงยังไม่ถึงสะเอวคน มองหาทางไม่เจอ เห็นแต่ก้นคนแน่นไปหมด จุกที่คอเพราะพยายามกลั้นไม่ให้ร้องไห้ ฉันยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี ได้แต่เดินตามเสียงประกาศเด็กหลงทาง เป็นชั่วโมง มันมืดไปหมดด้วยฝูงชนที่แออัด
ถ้าไม่เจอพ่อเราจะทำยังไง จะเรียกคนที่อยู่ใกล้ให้ช่วยก็ไม่กล้า กลัวเค้าจับตัวไป เกือบถึงที่เค้าประกาศ ได้ยินเสียงพ่อ
“ลูกเล็ก พ่ออยู่ที่นี่”
ฉันวิ่งเข้ากระโดดกอดพ่อ ร้องไห้โฮเลย พ่ออุ้มปลอบสักพัก พ่อปล่อยลงและสั่งว่า
“เอามือใส่ไว้ในกระเป๋าพ่อ อย่าเอาออกมานะ”
แน่นอนฉันจับแน่น แต่ไม่มองดูอะไรอีก มันหมดสนุกและเพลียมาก จะกลับท่าเดียว พ่อเลยต้องกลับ ตั้งใจจะไปดูประกวดนางงามเพิ่งจะมีครั้งแรก ก็เลยอดกัน
ภายหลังได้ยินเขาพูดกันให้แซดว่า นางสาวไทย ได้แก่ นางสาวกันยา เทียนสว่าง ฉันเจอเธอบ่อยครั้งหลังจากเธอกลับจากอเมริกา ขนาดเธออายุมากแล้วยังสวยสง่าอยู่เลย
พ่อมารับครั้งที่ ๒ ห่างกันไม่กี่เดือน มาขอพาลูกสองคนไปชมบารมีในหลวงรัชกาลที่ ๘ ซึ่งกำลังจะเดินทางไปศึกษาต่อที่สวิตเซอร์แลนด์ หลังจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูลเชิญ พระวรวงศ์เธอ. พระองค์เจ้าอานันทมหิดล ขึ้นครองสิริราชสมบัติ เป็นรัชกาลที่ ๘ แห่งราชวงศ์จักรี
ขณะมีพระชนมายุ ๙ พรรษา เฉลิมพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
ภาพพระองค์ยังประทับอยู่ในใจฉันจนทุกวันนี้ ทั้งๆที่ฉันอายุแค่ ๔ ขวบ จำรายละเอียดได้ทั้งหมด จำเครื่องทรงงามและพระมาลามีขนนก ประทับบนรถม้าที่มีที่นั่ง ๒ ข้าง
อีกทั้ง ราชองครักษ์ซึ่งเป็นญาติทางพ่อนั้น คุณลุงธงชัย (หลวงสุรณรงค์ โชติกเสถียร)มีตำรวจ ๒ คนขี่ม้านำหน้า และขบวนทหารตามอีกยาวเหยียด
พ่อเอาฉันขึ้นไปเสียบกับช่องยิงปืนของป้อมมหากาฬ ซึ่งอยู่ข้างหน้าภูเขาทอง นั่งห้อยเท้าต่องแต่งโดยพ่อจับเอวเอาไว้ ฉันก็ยังกลัวหัวทิ่มลงมา แต่ความตื่นเต้นมีมากกว่า. เหมือนอยู่ในความฝัน ซึ่งมีเทวดาองค์น้อยๆ ทรงเครื่องสวยงามผ่านมาโปรด
เมื่อเสด็จผ่านไป พ่ออุ้มฉันลงจากป้อม วิ่งไปขึ้นรถ รีบไปยืนรอรับเสด็จที่สะพานพุทธ ตื่นตากับสะพานที่เปิดได้ กษัตริย์พระองค์น้อย. ประทับอยู่บนหอสูงของเรือ ชื่อ เรือหลวงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นเรือคู่บ้านคู่เมืองของประเทศเรา ภาพยังประทับอยู่ในใจของฉัน
.
.
|