ppsan
|
|
« on: 01 September 2024, 09:16:58 » |
|
"ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [15]
Vuttikorn Phavichitr ผู้ดูแล · 31 มีนาคม 2017 ·
ย้อนเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย สปัน เธียรประสิทธิ์ ตอนที่ ๑๕
..
..
........ ชีวิตยังไม่พ้นวิบากกรรม.......
ชีวิตคนเราจะสมหวังตลอดไปไม่ได้ ต้องมีวิกฤตเข้ามาแทรก อย่างที่เขาพูดกันว่าชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ทุกอย่างเป็นไปตามดวง ซึ่งเกิดจากกรรมที่ทำมา ฉันได้ดูดวงตัวเองก็รู้ว่ากำลังตกอยู่ในเคราะห์อย่างหนัก จึงบอกลูกและคนสนิทว่า
" เตรียมใจไว้นะ อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่ ซึ่งหนักมาก อาจจะต้องเจอผ่าตัดใหญ่ หรือ จะต้องเสียเงินมากมาย หรือ ถึงแก่ชีวิตเพราะเคราะห์ครั้งนี้หนักมาก "
พอถึงเวลาที่บอกใครๆไว้ ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่ โดยขนของไม่ทัน ที่จริงก็เตรียมยกของ เช่น
เปียโน เครื่องดนตรี และ เฟอร์นิเจอร์ จ้างคนมายกไว้บนโต๊ะสูงจากพื้น ๑ เมตร และข้าวของยกสูงขึ้นมา ใครเลยจะคิดว่า น้ำท่วมเกือบถึงเพดาน ไม่มีอะไรเหลือ เฟอร์นิเจอร์ฝังมุกและของดีที่เอามาจากเมืองนอกเน่าพังหมด ฉันออกจากบ้านก่อนน้ำท่วมพร้อมกับรถหนึ่งคัน อีกสองคันจมน้ำเสียหมด
ฉันย้ายไปอยู่กับลูกหนิง ซึ่งขอให้อยู่ต่อไปเลย เขาเป็นห่วงแต่ฉันยืนยันจะกลับ เพราะฉันชอบอยู่เงียบๆ ฉันได้บอกใครๆว่า
" เสียเงินข้าวของไปนึกว่าฟาดเคราะห์ เพราะตัวเองไม่เจ็บก็ดีแล้ว "
ฉันไม่เสียใจหรือเสียดายกับข้าวของ เมื่อนึกถึงคนที่ไม่มีบ้านอยู่ น่าสงสารมากกว่า เรายังดีกว่าเขา ยังมีที่ให้อยู่อาศัย เรามีบุญนักหนาแล้ว ของเสียไปก็ไม่เป็นไร ตายไปก็ เอาไปไม่ได้ นึกดีใจว่าได้ฟาดเคราะห์ไปแล้ว
กำลังจะย้ายกลับบ้านก็เกิดเดินไม่ได้ ขากระดุกกระดิกไม่ได้ พอขยับจะปวดมาก เริ่มชา ก็ตกใจ ลูกรีบพาเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วนเพราะถ้าช้าอาจจะเป็นอัมพาตไปชั่วชีวิต หมอพบว่ามีก้อนเนื้อไปกดทับประสาทที่ปลายสันหลัง ฉันไม่ตกใจเลย คิดว่าก็ดีจะได้หมดเคราะห์เสียที หลังผ่าตัดก็โล่งอกเดินได้ทันที
หลังจากนั้นแค่ไม่ถึงเดือน ก็เกิดการปวดท้องอย่างแรง โชคดีที่ยังอยู่กับลูก ฉันเข้าโรงพยาบาลอีกคราว เจอมะเร็งลำไส้ใหญ่ หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน เพราะลำไส้บวมตันหมดแล้ว และถามว่าทนได้อย่างไรตั้งสองปีกว่า เป็นยาวนานมากจนลำไส้เน่าไปมาก
ที่จริงฉันปวดท้องมากว่า ๒ ปีแล้ว แต่คิดว่าเป็นกรดไหลย้อนหรืออาหารไม่ย่อย เพราะปวดท้องนั้นเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่สนใจ ก่อนผ่าตัดทรมานมาก เพราะเขาเอากล้องเข้าลำไส้ไม่ได้ มันตีบตันไปหมด ต้องเอาสายยางเข้าทางปากลงลำไส้ ดูดของในลำไส้ออกให้หมด ๒-๓ วัน เป็นการทรมานมาก เจ็บจนร้าวไปถึงสมอง ถ้าผ่าตัดเลยคงไม่ทรมานถึงขนาดนี้
ฉันจึงย้ายโรงพยาบาลมาอีกแห่ง ซึ่งมีน้องเขยดูแลอยู่ ก่อนเข้าฉันขอกลับบ้านที่อยู่เดิม ขอพักสองวัน ฉันพักใจโดยขับรถออกไปซื้อต้นไม้มาลงที่บ้าน โดยไม่สนใจว่าจะต้องเข้าผ่าตัด พักใจอยู่สองวันก็เข้าผ่าตัด ซึ่งต้องรอให้เลือดก่อน เพราะมะเร็งได้ดูดเลือดไปจนเกือบหมดตัว
ฉันก็เร่งหมอให้ผ่าตัดเร็วๆ หมอบอกว่าไม่เคยเจอคนไข้อายุ ๘๒ เป็นแบบนี้ ไม่เคยงอแง ไม่เคยบ่น และ ไม่แสดงอาการเจ็บให้คนเป็นห่วง ฉันสั่งไม่ให้ลูกบอกใคร ไม่ให้ใครเยี่ยม ลูกเขยชมว่าแม่ยายไม่เห็นเหมือนลูกสาว ลูกสาวเข้าโรงพยาบาลทีไรเรื่องใหญ่ งอแงมาก
ฉันไม่ชอบให้ใครมาเห็นสภาพความเจ็บปวดให้สุขภาพจิตของเขาเสีย หมอและทุกคนที่เห็นจะพูดว่า หน้าตาไม่เหมือนคนเจ็บเลย ฉันยังยิ้มและหัวเราะ ลูกหลานมาหาก็คุยกันสนุกสนานเฮฮา ไม่เหมือนมาเยี่ยมคนไข้
แต่เรื่องมะเร็งฉันไม่เคยคิดว่าจะหายขาด อาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เท่าที่ถาม คนที่เป็นต้องผ่าตัดอีกหลายครั้ง จนกว่าจะตาย ฉันไม่กลัวตาย ก็ดี....เราจะได้เตรียมตัวถูก
ฉันเริ่มทำงานที่คั่งค้างให้เรียบร้อย ขอเวลาอีกสามปีก็พอแล้ว จะอยู่ถึงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ บ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่ก็ยังซ่อมไม่เสร็จ ฉันได้ย้ายมาอยู่หลังเล็ก ซึ่งเหมือนอยู่แพลอยกลางน้ำ ไม่มีสมบัติอะไรจะเก็บ จะอยู่หลังใหญ่ไปทำไม ขอแค่อยู่ด้วยความสะดวกสบาย มีการชวนเพื่อนเพื่อนของลูกมาเฮฮากันสองเดือนครั้งหนึ่งก็พอแล้ว
ขอให้ ทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องราวของฉัน มีความสุขและปล่อยวางทุกอย่างที่ทำให้เกิดความทุกข์ อย่าหวังความสุขจากคนอื่น ความสุขเกิดจากใจ และ ความนึกคิดของเราเอง
ร้อยเรียงเรื่องราวจากหนังสือ ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย โดยคุณสปัน เธียรประสิทธิ์
.
.
ขอขอบคุณ Vuttikorn Phavichitr และ facebook ลักษณะไทย https://www.facebook.com/groups/734710249885642/posts/1375746159115378/?paipv=0&eav=AfYLrbSxmakXSsk8lxU0J0HRXUNvsVLBj85QOsS4PlKEF29tjgDvS2Gx0ohaL8Bqm0c&_rdr
.
|