Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 17:43:42

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง  |  "ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [15]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: "ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [15]  (Read 858 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 01 September 2024, 09:16:58 »

"ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [15]


Vuttikorn Phavichitr
ผู้ดูแล  · 31 มีนาคม 2017  ·

ย้อนเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย
สปัน เธียรประสิทธิ์ ตอนที่ ๑๕

..



..


........ ชีวิตยังไม่พ้นวิบากกรรม.......

ชีวิตคนเราจะสมหวังตลอดไปไม่ได้ ต้องมีวิกฤตเข้ามาแทรก อย่างที่เขาพูดกันว่าชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ทุกอย่างเป็นไปตามดวง ซึ่งเกิดจากกรรมที่ทำมา ฉันได้ดูดวงตัวเองก็รู้ว่ากำลังตกอยู่ในเคราะห์อย่างหนัก จึงบอกลูกและคนสนิทว่า

" เตรียมใจไว้นะ อาจจะเกิดอะไรขึ้นกับแม่ ซึ่งหนักมาก อาจจะต้องเจอผ่าตัดใหญ่ หรือ จะต้องเสียเงินมากมาย หรือ ถึงแก่ชีวิตเพราะเคราะห์ครั้งนี้หนักมาก "

พอถึงเวลาที่บอกใครๆไว้ ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่  โดยขนของไม่ทัน ที่จริงก็เตรียมยกของ เช่น 

เปียโน เครื่องดนตรี และ เฟอร์นิเจอร์ จ้างคนมายกไว้บนโต๊ะสูงจากพื้น ๑ เมตร และข้าวของยกสูงขึ้นมา ใครเลยจะคิดว่า น้ำท่วมเกือบถึงเพดาน ไม่มีอะไรเหลือ เฟอร์นิเจอร์ฝังมุกและของดีที่เอามาจากเมืองนอกเน่าพังหมด ฉันออกจากบ้านก่อนน้ำท่วมพร้อมกับรถหนึ่งคัน อีกสองคันจมน้ำเสียหมด

ฉันย้ายไปอยู่กับลูกหนิง ซึ่งขอให้อยู่ต่อไปเลย เขาเป็นห่วงแต่ฉันยืนยันจะกลับ เพราะฉันชอบอยู่เงียบๆ ฉันได้บอกใครๆว่า

" เสียเงินข้าวของไปนึกว่าฟาดเคราะห์ เพราะตัวเองไม่เจ็บก็ดีแล้ว "

ฉันไม่เสียใจหรือเสียดายกับข้าวของ เมื่อนึกถึงคนที่ไม่มีบ้านอยู่ น่าสงสารมากกว่า เรายังดีกว่าเขา ยังมีที่ให้อยู่อาศัย เรามีบุญนักหนาแล้ว ของเสียไปก็ไม่เป็นไร ตายไปก็ เอาไปไม่ได้ นึกดีใจว่าได้ฟาดเคราะห์ไปแล้ว

กำลังจะย้ายกลับบ้านก็เกิดเดินไม่ได้ ขากระดุกกระดิกไม่ได้ พอขยับจะปวดมาก เริ่มชา ก็ตกใจ ลูกรีบพาเข้าโรงพยาบาล หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วนเพราะถ้าช้าอาจจะเป็นอัมพาตไปชั่วชีวิต หมอพบว่ามีก้อนเนื้อไปกดทับประสาทที่ปลายสันหลัง ฉันไม่ตกใจเลย คิดว่าก็ดีจะได้หมดเคราะห์เสียที หลังผ่าตัดก็โล่งอกเดินได้ทันที

หลังจากนั้นแค่ไม่ถึงเดือน ก็เกิดการปวดท้องอย่างแรง โชคดีที่ยังอยู่กับลูก ฉันเข้าโรงพยาบาลอีกคราว เจอมะเร็งลำไส้ใหญ่ หมอบอกว่าต้องผ่าตัดด่วน เพราะลำไส้บวมตันหมดแล้ว และถามว่าทนได้อย่างไรตั้งสองปีกว่า เป็นยาวนานมากจนลำไส้เน่าไปมาก

ที่จริงฉันปวดท้องมากว่า ๒ ปีแล้ว แต่คิดว่าเป็นกรดไหลย้อนหรืออาหารไม่ย่อย เพราะปวดท้องนั้นเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ  เลยไม่สนใจ  ก่อนผ่าตัดทรมานมาก เพราะเขาเอากล้องเข้าลำไส้ไม่ได้ มันตีบตันไปหมด ต้องเอาสายยางเข้าทางปากลงลำไส้ ดูดของในลำไส้ออกให้หมด ๒-๓ วัน เป็นการทรมานมาก เจ็บจนร้าวไปถึงสมอง ถ้าผ่าตัดเลยคงไม่ทรมานถึงขนาดนี้

ฉันจึงย้ายโรงพยาบาลมาอีกแห่ง ซึ่งมีน้องเขยดูแลอยู่ ก่อนเข้าฉันขอกลับบ้านที่อยู่เดิม  ขอพักสองวัน ฉันพักใจโดยขับรถออกไปซื้อต้นไม้มาลงที่บ้าน โดยไม่สนใจว่าจะต้องเข้าผ่าตัด พักใจอยู่สองวันก็เข้าผ่าตัด ซึ่งต้องรอให้เลือดก่อน เพราะมะเร็งได้ดูดเลือดไปจนเกือบหมดตัว

ฉันก็เร่งหมอให้ผ่าตัดเร็วๆ หมอบอกว่าไม่เคยเจอคนไข้อายุ ๘๒ เป็นแบบนี้ ไม่เคยงอแง ไม่เคยบ่น และ ไม่แสดงอาการเจ็บให้คนเป็นห่วง ฉันสั่งไม่ให้ลูกบอกใคร ไม่ให้ใครเยี่ยม ลูกเขยชมว่าแม่ยายไม่เห็นเหมือนลูกสาว ลูกสาวเข้าโรงพยาบาลทีไรเรื่องใหญ่ งอแงมาก

ฉันไม่ชอบให้ใครมาเห็นสภาพความเจ็บปวดให้สุขภาพจิตของเขาเสีย หมอและทุกคนที่เห็นจะพูดว่า หน้าตาไม่เหมือนคนเจ็บเลย ฉันยังยิ้มและหัวเราะ ลูกหลานมาหาก็คุยกันสนุกสนานเฮฮา ไม่เหมือนมาเยี่ยมคนไข้

แต่เรื่องมะเร็งฉันไม่เคยคิดว่าจะหายขาด อาจเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ เท่าที่ถาม คนที่เป็นต้องผ่าตัดอีกหลายครั้ง จนกว่าจะตาย  ฉันไม่กลัวตาย ก็ดี....เราจะได้เตรียมตัวถูก 

ฉันเริ่มทำงานที่คั่งค้างให้เรียบร้อย ขอเวลาอีกสามปีก็พอแล้ว จะอยู่ถึงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้  บ้านหลังใหญ่ที่เคยอยู่ก็ยังซ่อมไม่เสร็จ ฉันได้ย้ายมาอยู่หลังเล็ก ซึ่งเหมือนอยู่แพลอยกลางน้ำ ไม่มีสมบัติอะไรจะเก็บ จะอยู่หลังใหญ่ไปทำไม ขอแค่อยู่ด้วยความสะดวกสบาย มีการชวนเพื่อนเพื่อนของลูกมาเฮฮากันสองเดือนครั้งหนึ่งก็พอแล้ว

ขอให้ ทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องราวของฉัน มีความสุขและปล่อยวางทุกอย่างที่ทำให้เกิดความทุกข์ อย่าหวังความสุขจากคนอื่น ความสุขเกิดจากใจ และ ความนึกคิดของเราเอง

ร้อยเรียงเรื่องราวจากหนังสือ
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย
โดยคุณสปัน เธียรประสิทธิ์

.



.


ขอขอบคุณ Vuttikorn Phavichitr และ facebook ลักษณะไทย
https://www.facebook.com/groups/734710249885642/posts/1375746159115378/?paipv=0&eav=AfYLrbSxmakXSsk8lxU0J0HRXUNvsVLBj85QOsS4PlKEF29tjgDvS2Gx0ohaL8Bqm0c&_rdr

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.048 seconds with 21 queries.