Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 23:24:53

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง  |  "ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [8]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: "ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [8]  (Read 804 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 29 August 2024, 08:52:10 »

"ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [8]


Vuttikorn Phavichitr
ผู้ดูแล  · 23 มีนาคม 2017  ·

ย้อนเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย
สปัน เธียรประสิทธิ์ ตอนที่ ๘

..



..


" ดอกฟ้าหนีไปกับนักร้อง "

.......หนังสือพิมพ์ประโคมข่าวหน้าหนึ่ง ฉันถูกตัดออกจากตระกูล พ่อประกาศห้ามญาติพี่น้องทุกคนมาพูดจาติดต่อกับฉัน

ชีวิตฉันตกต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ

เขาพาฉันไปไหว้แม่เขาที่เชียงใหม่ แล้วพาฉันกลับกรุงเทพ มาอาศัยบ้านนายตำรวจคนหนึ่งแถวฝั่งธน บ้านนายตำรวจผู้นี้เล็กและคับแคบมาก ฉันกับเขาต้องอยู่ห้องเล็กไม่มีตู้เสื้อผ้า เสื้อผ้าฉันอยู่ในกล่องใต้เตียง เสียงหนูร้องอยู่ใต้เตียง เวลากล่องเสื้อออกมาลูกหนูหลายตัวส่งเสียงร้องกัน พอจะเปิดสวิทช์ไฟมือก็จับไปถูกตุ๊กแก อยู่ที่นี่ต้องช่วยเขาทำกับข้าว เลี้ยงลูกเล็กๆ ๓ คนให้เขา สามีฉันอึดอัดก็เลยไม่ค่อยอยู่บ้าน ปล่อยให้ฉันอยู่แต่เพียงลำพัง

........ใครจะคิด ชีวิตฉันจากเจ้าหญิงกลายเป็นยาจก

ภรรยาตำรวจที่ฉันอยู่ด้วย ได้แนะนำให้รู้จักกับครอบครัวหนึ่ง ซึ่งมีลูกสาวรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน เขาได้ชวนเพื่อนมาเรียนตัดเสื้อผ้ากับฉันที่บ้าน และก็มีเพื่อนเค้ามาจ้างฉันตัดเสื้อ ก็พอมีรายได้บ้าง

ต่อมา...ฉันและสามีก็ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านน้าของฉัน น้าคนที่จนที่สุด เป็นน้องคนสุดท้องของแม่ฉัน เราก็จ่ายค่าเช่าให้เค้าบ้าง มีสองห้องนอนเค้าแบ่งให้นอน ซึ่งก็รับแขกไปด้วยเป็นบ้านชั้นเดียวเล็กๆ น้าเคยเป็นลูกมือทำงานที่ร้านตัดเสื้อ จึงกลายเป็นลูกมือฉันไปเลย ลูกค้าเพิ่มขึ้นทุกวัน มีรายได้ไม่เหงา

เมื่อฉันท้องลูกคนแรก แม่ฉันได้ยกที่ดินเล็กๆให้ ที่เป็นซอยแยกจากกล้วยน้ำไท ถนนยังเป็นขี้โคลน แม่ของสามีได้ให้เงินมาสร้างบ้าน ซึ่งมีแค่ห้องนอนเดียว รอบบ้านเป็นทุ่งนาโล่ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่แม้แต่ต้นเดียว ห่างผู้คนมาก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ตะโกนให้คนช่วย จะไม่มีใครได้ยิน เพราะมีบ้านเราอยู่หลังเดียวเท่านั้น ฉันอยู่ ๒ คนกับป้าสูงอายุ ฉันจ้างมาเพื่อให้เลี้ยงลูกตอนคลอด

ฉันเต็มไปด้วยหวาดหวั่นวิตก เพราะถ้าจะคลอดจะทำยังไง สามีก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่โชคดีที่วันที่เจ็บท้องเค้ากลับมาพอดี จึงพาไปโรงพยาบาลหญิง แล้วเขาก็หายไปเลย ฉันเจ็บท้องอยู่ ๑ วัน ๑ คืน ถูกทิ้งให้นอนครวญครางอยู่คนเดียว จนถึงเวลาคลอดก็ไม่มีใครอยู่ หลังจากคลอดแล้ว วันถัดมาเค้าก็กลับมาพร้อมกับนักข่าวสร้างภาพเอิกเกริก

ลูกฉันน่ารักมาก เป็นของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิต ต่อไปนี้...ฉันจะต้องสู้เพื่อลูก น้ำตาแห่งความปิติไหลไม่หยุด ต่อไปนี้ฉันจะไม่ว้าเหว่อีกแล้ว ใครจะอยู่ใครจะไปฉันไม่สนใจ

เมื่อกลับบ้านฉันกางมุ้งให้ลูกนอนกับพี่เลี้ยงตรงข้างกระได ซึ่งเป็นที่แคบๆ ห้องน้ำอยู่ข้างล่างห้องเดียว ฉันต้องย่องลงกระไดไม่ให้ลูกตื่น ตอนที่ทารุณที่สุด คือ ตอนฝนตก บ้านที่อยู่กลางท้องนา โดนแดดแรงไม้กระดานที่ฝาที่เป็นรูปยาวๆก็โก่ง พายุฝนมาก็ซัดน้ำเข้ามาตามร่อง น้ำท่วมห้อง ต้องอุ้มลูกทั้งคืนไม่ได้หลับนอน เวลาฟ้าผ่าน่ากลัวมาก ครั้งหนึ่งฉันนึกว่าตาย เพราะฉันเห็นสายฟ้าวิ่งเข้ามาทางหน้าต่าง พร้อมเสียงดังจนแก้วหูสะเทือน ฉันอุ้มลูกตัวแข็งทื่อ ช็อคไปสักพักนึกว่าโดนฟ้าผ่าตายไปแล้ว

เมื่อเวลาวิกฤตผ่านพ้นไป ฉันอยากจะนึกว่าลูกคนนี้ เกิดมาเหมือนเทพธิดาน้อยที่ฟ้าส่งมาช่วยแม่ ฉันไปปรึกษาพระ ตั้งชื่อเขาว่า ปัญญ์ชลี แปลว่า ผู้รุ่งเรืองด้วยปัญญา ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ เขายังไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย ฉันต้องทำงานหนักมาก เพื่อลูกจะต้องมีทุกอย่างเหมือนคนอื่น

๒ ปีให้หลัง ก็บังเอิญมีท้องอีกคน ขณะที่ตั้งครรภ์ อารมณ์ฉันแปรปรวนมาก เพราะกลัวไม่มีเงินเลี้ยงลูก ตอนนั้น ฉันพยายามหาเวลาทำบุญเข้าวัดเพื่อให้จิตสงบบ้าง ลูกคนนี้เกิดมาจึงอารมณ์ร้อน แต่ใจบุญมาก เบี้ยเลี้ยงไปโรงเรียนเขาเอาไปซื้ออาหารให้สุนัขหมด ฉันต้องทนกับอารมณ์ของเขาแต่ก็ทำใจได้ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นเด็กซื่อและจิตใจดี

เขาดื้อมาก แต่ฉันไม่เคยตีเขา วิธีทำโทษคือไปจับหมาหรือแมวมาขู่ว่าถ้าไม่ทำจะตีหมาแมว เขาร้องไห้ลั่นยอมทำทุกอย่าง " แม่อย่าตีมันนะ "เมื่อเขาทำผิดอะไรฉันไม่ดุ แต่ฉันจะให้ลูกสาวคนโตไปหลอกเขาว่าแม่ร้องไห้เสียใจอยู่ในห้อง เค้าจะวิ่งมากอดแม่แล้วร้องไห้ " ลูกขอโทษแม่อย่าร้องไห้ ลูกจะไม่ทำอีกแล้ว " ฉันก็ขำนอนคว่ำหน้าหัวเราะ เขาก็นึกว่าฉันสะอื้น เขายิ่งเสียใจใหญ่ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ปราบเด็กคนนี้ ทำให้เขาสงสาร เพราะส่วนลึกในจิตใจ เขาเป็นคนดีมีเมตตากรุณา โชคดีของฉันที่ทั้งสองคนเป็นคนที่เรียนหนังสือดี ฉันต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาไปจี้ไปสอน

ครั้งหนึ่ง ลูกคนเล็ก ถามว่า

" แม่จ๋า...ทำไมพี่น้องญาติเราเค้าได้ไปเที่ยวเมืองนอกกันเรื่อย ทำไมลูกไม่ได้ไป "

ฉันก็ตอบว่า " แม่ให้สัญญา ลูกของแม่จะต้องได้ไปรอบโลก ลูกของแม่จะต้องได้ไปเรียนเมืองนอก "

ฉันจึงต้องทำงานหนักและไม่เคยใช้เงินเลย

### ขอความกรุณา ถ้าจะแสดงความคิดเห็นใดๆ  กรุณาอย่าเอ่ยนามถึงผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องราวนี้นะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ ###

.



.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.048 seconds with 22 queries.