ppsan
|
|
« on: 28 August 2024, 16:02:27 » |
|
"ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [5]
Vuttikorn Phavichitr ผู้ดูแล · 19 มีนาคม 2017 ·
ย้อนเรื่องราวชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย สปัน เธียรประสิทธิ์ ตอนที่ ๕
..
..
คฤหาสน์ใหญ่โต แต่หัวใจเหลือนิดเดียว การมาอยู่ที่ใหม่ ใช่ว่าจะมีความสุข พ่อกลับไปเข้าค่าย ญาติมากหน้าหลายตา บางคนก็ไม่ชอบหน้าฉันนัก ต้องคอยระแวงระวังตัว ถึงจะอยู่บ้านใหญ่โตหรูหรา แต่ขาดความอบอุ่น ไม่แน่ใจว่าใครจะรักเรา ทุกคนเขามีแม่ แต่ฉันรู้สึกโดดเดี่ยว พี่ใหญ่ก็ไม่คุยด้วยเขาเห็นฉันเป็นเด็ก เขาชอบนั่งสุงสิงกับผู้ใหญ่ หลานคุณย่าทั้งหมดอยู่รวมกันที่บ้านนี้ ทั้งลูกของอาและลูกพ่อที่เกิดกับแม่เลี้ยง อิจฉากันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่ฉันไม่ชอบทะเลาะกับใคร เถียงใครไม่เป็นจึงหลบเสีย
อยู่ไม่กี่เดือน เราก็เกือบสูญเสียบ้านหลังนี้ไปเพราะสงครามโลกครั้งที่ ๒ รอบบ้านเราถูกระเบิดจากฝ่ายพันธมิตรทำลายจนแทบไม่เหลืออะไร เราจึงต้องทิ้งบ้านใหญ่หนีอพยพไปอยู่ชานเมืองแถวบ้านกล้วย (ซอยทองหล่อในปัจจุบัน) เมื่อมีเสียงหวอ เราก็จะโดดลงตุ่มที่ฝังไว้เป็นระยะๆ ทุกครั้งคุณย่าจะเรียกชื่อแต่ฉันกับพี่ใหญ่ หลานคนอื่นๆมักว่าคุณย่ารักและห่วงเราเป็นพิเศษ เปล่าหรอก คุณย่ากลัวว่าถ้าเราเป็นอะไรไป แม่เราจะมาด่า เพราะย่าโดนแม่เล่นงานมามาก อยู่ต่อมาก็ซวยอีก ญี่ปุ่นมาสร้างโรงงานเก็บอาวุธติดกับบ้าน พวกผู้ใหญ่จึงส่งเด็กๆอพยพไปอยู่อัมพวา
ที่อัมพวา เราอยู่บ้านโบราณ ยกพื้นขึ้นมาหน่อย สำหรับ นอน กิน นั่งเล่น มีห้องนอนเพียงห้องเดียว เด็กๆนอนเบียดกันเหมือนปลาซาดีนที่ถูกเรียงในกระป๋อง แบ่งเป็นสองมุ้ง ชายและหญิง คืนหนึ่งฉันนอนไม่หลับเพราะเสียงกลองรำวงจากอำเภอมันกระทุ้งใจ ฟังแล้วสนุกสนานคึกคัก จนต้องย่องออกมาปลุกเด็กรับใช้ ให้หนีไปดูรำวงกัน เข้าไปร่วมวงนั่งหน้าเป๋ออยู่ซักพักมีใครไม่รู้มาโค้งขอรำวงด้วย ฉันรึจะอดได้ ขามันกระตุกอยู่แล้ว ลุกขึ้นรำป้อ พอพักหนึ่งก็มีทั้งหนุ่มทั้งแก่มาขอฉันรำวง แต่ฉันไม่มองหน้าใครเลยเพราะอายุแค่ ๑๓ มีอารมณ์ขวยเขินอยู่มาก มีเสียงประกาศจากนายอำเภอ ว่าคนที่ได้รางวัลที่๑ รำสวยที่สุดได้แก่คนใส่เสื้อสีเหลือง ฉันเองแหละ ดีใจมากเกิดมายังไม่เคยได้รับรางวัลสักที ฝ่ายชายได้แก่ชายร่างใหญ่ดำปื๋อ ใส่สร้อยเส้นเบอเร่อ แถมฟันทองอีก ๓ ซี่ เราจึงถูกเชิญ ให้รำวงด้วยกัน เสร็จแล้วย่องกลับเข้าบ้านไม่ให้ใครเห็น
อีก ๒-๓ วันต่อมา อาชวนฉันไปเยี่ยมชาวบ้าน จะเรียกว่าเยี่ยมก็ไม่ถูกนัก เพราะที่จริงเป็นการสอดรู้สอดเห็นมากกว่า ฉันชอบเสียอีก ได้มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง ใครจะรักกัน ใครจะตีกัน ใครจะเจ็บ ใครจะแต่งจะตายรู้หมด อาพาฉันแวะตลาด ฉันต้องผงะเพราะไปเจอคู่รำวง ถอดเสื้อใส่สร้อยยืนสับหมูโป๊กๆอยู่ ตายแล้ว ฉันเป็นลูกผู้ดีมีสกุล มารำวงกับคนขายหมู ซึ่งในยุคนั้นถือว่าต่างชั้นวรรณะกันมาก ฉันรีบคว้าแขนอาไปอีกทางทันที
อยู่อัมพวาจนสงครามสงบ ฉันจึงกลับมาเข้าเรียนที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ เพราะทางบ้านพ่อไม่ยอมให้กลับไปเรียนที่โรงเรียนวัฒนา ฉันเป็นนักเรียนที่แย่ที่สุด ไม่สนใจเรียน แต่ซิสเตอร์ก็รักฉัน เพราะฉันร้องเพลงเก่ง กิจกรรมเก่ง และได้คะแนนภาษาอังกฤษเยี่ยม แต่วิชาอื่นๆแย่มาก
เวลาเดินกลับบ้าน แถวหน้าโรงเรียนจะมีนักเรียนชายจากโรงเรียนคริสเตียนขี่รถมาเหล่หญิง มีอยู่คนหนึ่งเคยรู้จักกันมาก่อนตอนอยู่อนุบาลที่วัฒนา การสื่อสารกันก็คือ เมื่อขับรถผ่านก็จะโยนจดหมายลงข้างทาง เราก็แอบเดินไปเก็บโดยไม่ให้ใครเห็น เพราะสมัยนั้นเป็นเรื่องน่าอับอายขายหน้ามาก ถ้ามีแฟนหรือติดต่อกับผู้ชาย
วันหยุดเรามักจะไปหัวหินกัน ในยุคนั้น หัวหินเป็นที่รวมของเหล่าไฮโซ เป็นที่ที่หนุ่มสาวหลายคู่ได้ไปเจอกัน สาวๆจะเตรียมเสื้อผ้าไปหลายชุด แต่งตัวกันสวยๆ พอแดดร่มลมตกก็จะออกไปขี่ม้าหรือเดินเล่นที่ชายหาด ซึ่งต้องแต่งตัวโป๊หน่อย บางคนใส่ชุดอาบน้ำไปเดินโชว์หนุ่มๆโดยไม่ลงน้ำเลยก็มี มีหนังสือรายสัปดาห์มาขอถ่ายรูปฉันไปลงหนังสือ พ่อและย่าเห็น โดนเล่นงานเสียยกใหญ่ ฉันไม่เห็นจะผิดตรงไหน
จบชั้น ม.๖ พ่อส่งฉันไปเข้าโรงเรียนการเรือนวิสุทธิคาม (วังพระเสด็จ) เพื่อฉันจะได้รับการอบรมที่ดี เพื่อจะเป็นคุณหญิงคุณนายตามที่พ่อหวัง ฉันมีความสวยเป็นทุนอยู่แล้ว ความสวยของฉันดังไปทั่วสังคมชั้นสูงจนกระทั่งผู้ว่ากรุงเทพฯ มาขอให้ฉันไปประกวดนางสาวไทย พ่อโกรธหาว่าเขาดูถูกฉัน ฉันไม่เห็นว่าทำไมถึงคิดเช่นนั้น ฉันเห็นว่ามีเกียรติออกจะตาย
ครั้งหนึ่งมีการประกวดออกแบบเสื้อของประเทศไทย ฉันได้รับรางวัลที่ ๒ โดยออกแบบตัดเย็บเอง ขณะนั้นฉันอายุแค่ ๑๕ เท่านั้น พ่อควงฉันออกไปเดินโชว์ พอกลับถึงบ้านก็ตามเคย พ่อก็ไม่พูดคุยกับฉัน คงหมั่นไส้ด้วยซ้ำ เพราะนอกจากสวยแล้ว ความดีไม่ปรากฏเลย แต่พ่อก็แปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง เวลาใครมีงานส่งฉันไปช่วย จะต้องได้รับการชมเชยว่า เก่ง ขยัน ตลอดทุกครั้ง อันนี้ต้องยกความดีให้แม่ เพราะถูกเคี่ยวเข็ญมามากตอนอยู่เชียงราย ๓ ปี ระหว่างสงคราม
และแล้ววันหนึ่งพ่อเห็นข่าวลูกคนใหญ่คนโตถูกส่งไปเรียนอังกฤษ พ่อจึงคิดจะส่งฉันกับพี่ใหญ่ไปชุบเนื้อชุบตัว เพื่อจะให้เจอลูกชายเศรษฐีมีเกียรติ
ร้อยเรียงเรื่องราวจากหนังสือชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย โดย คุณสปัน เธียรประสิทธิ์
.
.
|