ppsan
|
|
« on: 27 August 2024, 17:00:55 » |
|
"ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ [4]
Vuttikorn Phavichitr ผู้ดูแล · 17 มีนาคม 2017 ·
ย้อนเรื่องราว ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยาย สปัน เธียรประสิทธิ์ ตอนที่ ๔
..
..
คุณพ่อเลี้ยงของฉันต้องย้ายไปเป็นข้าหลวงที่พระตะบอง พวกเราจึงต้องกลับมาเตรียมตัวที่กรุงเทพ ฉันดีใจ เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะทำให้ชีวิตฉันดีขึ้น วันเดินทางกลับ มีข้าราชการและนักเรียนที่โรงเรียนมาตั้งแถวส่ง แล้วมีการกล่าวคำอวยพร
เมื่อเราเดินทางกลับมาและได้พักที่บ้านคุณตาหลวงพิมล ซึ่งเป็นน้าของแม่ อยู่ที่ซอยจราจรหลังโรงหนังเฉลิมกรุง วันรุ่งขึ้น แม่ให้คนไปบอกน้าๆ 2 คน ซึ่งเป็น น้องสาวของแม่ ว่าเราอยู่กรุงเทพแล้ว เมื่อน้ามาเยี่ยม พี่ใหญ่เล่าเรื่องถูกตบให้น้าฟัง แล้วให้น้าติดต่อพ่อ ให้มารับไปอยู่ด้วย น้าเห็นใจหลานจึงหลอกแม่ว่าจะพาหลานไปดูหนัง กินข้าว แต่จริงๆแล้ว น้านัดให้พ่อมาเจอ บังเอิญจริงๆที่พ่อได้ลาพักมาสองอาทิตย์ เพราะถูกส่งไปเป็นหมอประจำหน่วยเคลื่อนที่คุมอาวุธ หนีหลบซ่อนญี่ปุ่นอยู่ในป่าลึก หกเดือนจึงจะได้เข้ามากรุงเทพ บ้านพ่ออยู่ใกล้ร้านตัดเสื้อของน้า จึงนัดให้พ่อมาเจอที่ร้านน้า พ่อพาเราไปบ้านที่ถนนสุรศักดิ์ บ้านใหญ่อย่างกับวัง ข้างในสวยงามวิจิตร พ่อบอกว่า
"ถ้ามาอยู่กับพ่อ พ่อจะให้ลูกทุกอย่าง แหวน เพชร มรกต อะไรที่ลูกอยากได้"
พอกลับบ้านมาเจอแม่ พี่ใหญ่ไม่รอช้าเข้าไปพูดกับแม่ว่า
"หนูจะไปอยู่กับพ่อ"
แม่กรีดร้องสุดเสียง คว้าไม้ที่พิงอยู่ข้างฝากระหน่ำตีพี่ใหญ่ ฉันตกใจกลัวพี่จะตายจึงเข้าไปคร่อมพี่ใหญ่ไว้ จึงโดนไปด้วย พอลุกขึ้นได้ฉันฉุดพี่ใหญ่วิ่งหนีออกนอกบ้าน วิ่งถึงปากซอยก็มีคนมาพากลับไป แม่นั่งร้องไห้อยู่เข้ามากอดฉันพาไปอาบน้ำทายา เป็นครั้งเดียวที่ฉันจำได้ว่าแม่กอดฉัน ฉันใจอ่อนสงสารแม่ ฉันจะทิ้งแม่ไปได้อย่างไร
น้าทั้งสองคนถูกไล่ออกจากบ้าน ตัดขาดจากการเป็นพี่น้องอีกสองราย จนตายจากกันก็ไม่เคยติดต่อกัน พี่ใหญ่นั่งร้องไห้อยู่คนเดียว ฉันปลอบเท่าไหร่ก็ไม่หยุด
"ฉันจะหนีไปอยู่กับพ่อ เธอจะไปหรือไม่ไปก็ตามใจ"
เวลานั้นฉันลังเลสับสนบอกไม่ถูก
สามวันต่อมาเป็นวันที่จะต้องเดินทางไปพระตะบอง น้าคงไปบอกพ่อ พ่อมาที่หัวลำโพง ฉันและพี่สาววิ่งมาหาพ่อที่กระไดรถไฟ แต่ถูกแม่ผลักกลับเข้าไป ฉันกับพี่ได้แต่โผล่มาทางหน้าต่าง พูดกับพ่อ
"ไปอยู่ที่นั่นต้องขยันเรียนนะลูก"
ฉันเริ่มงง นี่ เขาจะเอายังไงกัน ไหนบอกจะมารับแล้วกลับมาสั่งสอน พอเสียงระฆังรถไฟดังขึ้น รถไฟเริ่มเคลื่อนตัว พ่อวิ่งตามรถไป
"ฉันไปแล้ว เธอจะอยู่ก็ตามใจ"
เสียงพี่ใหญ่ร้องพร้อมกับปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่าง
"โดดเลยลูก".....พ่อตะโกน
พี่ใหญ่โดดพ่อรับไว้ได้ เสียงพ่อตะโกนซ้ำ
"ลูกเล็กกก.....โดดลงมาเร็วๆ"
ฉันปีนขอบหน้าต่าง ลังเล สงสารแม่
"โดด.....เร็วโดด"
เป็นไงเป็นกัน ฉันโดด พ่อรับทัน แต่ฉันช็อคตัวแข็งก้าวขาไม่ได้ ฟันกระทบกันจนกรามแข็งไปหมด เสียงโหยหวนของแม่ตามหลังฉันมา
"เล็ก ใหญ่ กลับมาหาแม่ก่อน"
แล้วรถไฟค่อยแล่นห่างออกไป
พ่ออุ้มฉันออกมาอย่างทุลักทุเล ผู้คนแตกตื่น พ่อพาเราขึ้นรถตรงไปสถานีตำรวจ เพื่อจดคำให้การว่า เราอยากอยู่กับพ่อ เสร็จแล้วพ่อพาเรากลับบ้าน
อยู่ได้ประมาณห้าวัน อากำลังจะพาไปตัดเสื้อ ก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงแม่ร้องเรียก
" หนูเล็กลูกแม่ "
ฉันตกใจกระโดดตัวลอยเพราะกลัวสุดขีด กลัวถูกลากไปตี ฉันหนีขึ้นกระไดพร้อมตะโกนสุดเสียง
"พี่ใหญ่ หนีเร็ว แม่ตามมาแล้ว"
เราหนีขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า ตัวสั่นงันงก กอดเสาแน่น จนพ่อขึ้นมาปลอบ
"ไม่ต้องกลัวลูก พ่ออยู่กับลูกแล้ว แม่เขาจะกลับ ลูกควรไปกราบลาแม่"
แต่เราก็ไม่กล้าไป
หลังจากที่แม่กลับไปไม่กี่วัน ก็มีจดหมายมาฟ่อนเบ้อเร่อ แม่เขียนคร่ำครวญ ฉันสงสารแม่เหลือเกิน พี่ใหญ่ว่าฉัน ร้องไห้ทำไม น่าจะดีใจ ชีวิตดีขึ้นแล้ว แต่ฉันก็ยังร้องไม่หยุด ร้องทั้งวัน จนพี่ใหญ่หาว่าฉันบ้า
พี่ใหญ่ซึ่งปกติเป็นคนอ่อนแอไม่แข็งแรง แต่ใจแข็งผิดกับฉัน ฉันร่างกายแข็งแรงก็จริงแต่เป็นคนใจอ่อน
.. คำนำจากหนังสือ
หนังสือ "ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย" ของ สปัน เธียรประสิทธิ์ จัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสครบ 7 รอบ หรืออายุ 84 ปี หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวของสปันตั้งแต่ครั้งเยาว์วัยจนถึงปัจจุบัน เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ คนทั่วไปอาจคาดไม่ถึงว่าเป็นเรื่องจริง ชีวิตสปันผ่านวิกฤตมาหลายครั้งหลายครา ชีวิตเคยขึ้นสูงสุดลงมาต่ำสุด ดังที่ผู้อ่านจะได้อ่านต่อไป หนังสือเล่มนี้มีข้อคิด คติสอนใจ ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเองในการดำเนินชีวิต รวมถึงสามารถนำไปถ่ายทอดสอนลูกหลานอันเป็นที่รัก ไม่ให้เดินทางผิดตัดสินใจพลาดพลั้ง หรือ นำมาปรับใช้เป็นวิธีให้กำลังใจลูกหลาน ในยามที่เขาทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งสำเร็จ
นอกจากนั้น หนังสือเล่มนี้จะทำให้ท่านผู้อ่านได้เห็นและเข้าใจในสัจธรรมของชีวิต การปล่อยวาง สอนให้รู้จักการทำสมาธิ การบริหารจิตใจอย่างง่ายๆ เพื่อให้ชีวิตพบกับความสุขที่แท้จริง
สปัน เธียรประสิทธิ์
.
|