Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
17 November 2024, 03:59:20

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,443 Posts in 12,838 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง  |  สามก๊ก สรุปจบเข้าใจง่าย
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: สามก๊ก สรุปจบเข้าใจง่าย  (Read 369 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« on: 11 July 2024, 10:33:49 »

สามก๊ก สรุปจบเข้าใจง่าย


สามก๊ก - The Wild Chronicles - blockdit.com


*** สามก๊ก สรุปจบเข้าใจง่าย ***

กว่าที่ประเทศจีนจะมาถึงปัจจุบันนี้ได้ ต้องผ่านสงครามกลางเมืองและสภาพบ้านเมืองแตกแยกมาแล้วหลายยุคสมัย และหนึ่งในยุคที่มีการต่อสู้ดุเดือดและมีชื่อเสียงที่สุด คือ ยุคสามก๊ก ซึ่งเกิดถัดจากสมัยราชวงศ์ฮั่นนั่นเอง

มีการหยิบเอาประวัติศาสตร์ช่วงนี้ไปเขียนเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์หลายฉบับ มีฉบับหนึ่งของนักเขียนชื่อหลอกว้านจงนั้นมีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง ทำให้ประวัติศาสตร์ตอนนี้เป็นที่แพร่หลายไปทั่ว จนปัจจุบันมีการทำสื่อออกมามากมายทั้งภาพยนต์ ซีรีย์ เกมส์ การ์ตูน

แม้สิ่งที่หลอกว้านจงเขียนไม่ตรงตามประวัติศาสตร์ทั้งหมด แต่ก็พอมีเค้าโครงพอทำให้ชาวโลกให้ความสนใจประวัติศาสตร์ตอนนี้มากขึ้น (ปกตินับว่ายุคสามก๊กเกิดใน ค.ศ. 220 - 280 แต่ถ้านับการเริ่มในนิยาย เรื่องนี้เริ่มตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 2 แล้ว)

บทความนี้จะพาทุกท่านไปสัมผัสเรื่องสามก๊กเวอร์ชันหลอกว้านจง โดยจะเรียกชื่อตามแบบไทย เพื่อให้ท่านสามารถเรียนรู้นิยายอิงประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเรื่องนี้โดยเข้าใจง่ายนะครับ

.....


*** ที่มาของสามก๊กฉบับไทย ***

ในไทยนั้นก็มีการแปลสามก๊กหลอกว้านจงไปหลายสำนวน สำนวนที่มีชื่อเสียงและเก่าแก่ คือสามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง ซึ่งแปลไว้ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 มีเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เป็นแม่กองแปล และต่อมามีการถอดบทเรียนจากวรรณกรรมเรื่องนี้ไปใช้มากมาย ทั้งกลศึก, การใช้คน หรือการคิดอ่านวางแผน จนมีสุภาษิตในหมู่คนไทยว่า “อ่านสามก๊กสามจบคบไม่ได้” หรือ “ยังมิได้อ่านสามก๊กอย่าพึงคิดการใหญ่”




เนื่องจากในตอนแปลนั้น มีการแปลชื่อตัวละครด้วยสำเนียงฮกเกี้ยน และเป็นฮกเกี้ยนโบราณสำเนียงย่อยที่ถูกเอามาทำให้เป็นสำเนียงไทยอีกที ทำให้ไม่เหมือนฮกเกี้ยนมาตรฐาน จนอาจเรียกว่าไทยมีชื่อตัวละครสามก๊กของตนเองเวอร์ชันนึง ไม่เหมือนที่อื่น ยกตัวอย่างเช่นชื่อ ขงเบ้ง นั้น ฮกเกี้ยนมาตรฐานเรียก ค้องบิ๋ง และจีนกลางเรียก ข่งหมิง



ชุดสามก๊ก 3 เล่มสีทองนี้น่าจะคุ้นตากันดี

.....


*** กำเนิดโจรโพกผ้าเหลือง ***

ราชวงศ์ฮั่นของจีนมีอายุมาได้ 400 ปี ถึงรัชกาลพระเจ้าเลนเต้ แต่เนื่องจากเลนเต้มัวเมาสุรานารี และหูเบาเชื่อพวกขันที ทำให้ปล่อยปละละเลยจนพวกขันทีทำการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขูดรีดชาวบ้าน ทำให้แผ่นดินเป็นทุรยศ ผู้คนได้รับความเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

จนใน ค.ศ. 184 มีชายชื่อเตียวก๊กประกาศตนเป็นผู้วิเศษ นำพาชาวบ้านก่อกบฏต่อราชวงศ์ฮั่น พวกกบฏผูกผ้าโพกหัวสีเหลือง เรียก “โจรโพกผ้าเหลือง”



โจรโพกผ้าเหลือง

ตัดบทไปที่ชายคนหนึ่งชื่อ เล่าปี่ ซึ่ง “สูงประมาณห้าศอกเศษ หูยานถึงบ่า มือยาวถึงเข่า หน้าขาวดังสีหยก ฝีปากแดงดังชาดแต้ม จักษุชำเลืองไปเห็นหู” (ที่ว่ามานี้แปลว่าโหงวเฮ้งดีมาก) แม้เขาจะมีเชื้อสายกษัตริย์ แต่บรรพบุรุษกลับตกอับลงเรื่อยๆ จนพอถึงรุ่นเขาก็กลายเป็นคนทอเสื่อขาย อย่างไรก็ตามเล่าปี่เป็นคนจิตวิทยาดี ดรามาเก่ง ทำให้คนหลงรักได้ง่าย

เมื่อทางการมาประกาศชวนชาวบ้านจับโจรโพกผ้าเหลือง เล่าปี่ได้เข้าสมัครและได้รู้จักกับผู้กล้าชื่อกวนอู และเตียวหุย พวกเขาถูกคอกันจึงสาบานเป็นพี่น้องที่สวนดอกท้อหลังบ้านเตียวหุย พร้อมพูดประโยคอมตะว่า “แม้ไม่เกิดวัน เดือน ปีเดียวกัน แต่ขอตายวัน เดือน ปีเดียวกัน!” ซึ่งนี่เป็นฉากที่ทำให้ลูกผู้ชายชาวจีนอ่านแล้วซาบซึ้งใจ และทำตามมาตลอด



คำสาบานในสวนท้อ

อนึ่ง กวนอู ขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์ ใช้ง้าวเป็นอาวุธ นอกจากนั้นยัง “สูงประมาณหกศอก หนวดยาวประมาณศอกเศษ หน้าแดงดังผลพุทราสุก ปากแดงดังชาดแต้ม คิ้วดังตัวไหม จักษุยาวดังนกการะเวก เห็นกิริยาผิดประหลาดกว่าคนทั้งปวง” (นี่ก็โหงวเฮ้งดี แต่โหงวเฮ้งดีไม่ได้แปลว่าหล่อ พวกหล่อๆ หน้าขาวน่ะให้ไปเป็นพระเอกงิ้ว ไม่ได้เป็นขุนนางหรอก)

สำหรับ เตียวหุย นั้นใช้ทวนงูเลื้อยเป็นอาวุธ ติดสุราเรื้อรัง มีนิสัยหยาบช้า และ “สูงประมาณ 5 ศอก ศีรษะเหมือนเสือ จักษุกลมใหญ่ คางพองโต เสียงดังฟ้าร้อง กิริยาดังม้าควบ” ทั้งกวนอู เตียวหุยเป็นนักรบมากฝีมือ แต่มีข้อเสียคืออีโก้สูง สำหรับเล่าปี่นั้นใช้กระบี่คู่ แต่ไม่ได้เก่งต่อสู้เท่า เน้นใช้จิตวิทยากล่อมคนไปเรื่อยๆ

เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ร่วมกันปราบโจรโพกผ้าเหลืองเป็นสามารถ ครั้งหนึ่งยังเคยช่วยขุนนางชื่อตั๋งโต๊ะไว้ได้ แต่เมื่อตั๋งโต๊ะเห็นพวกเขาเป็นฟรีแลนซ์ไร้ยศ ก็ไม่สนใจนัก

โจรโพกผ้าเหลืองถูกปราบมากๆ ต่อมาก็เฟดตัวลง



เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย

.....


*** เค้าลางหายนะ ***

หลังพระเจ้าเลนเต้เสด็จสวรรคตในปี 188 โฮจิ๋น ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ของราชสำนัก เข้าดูแลการสืบราชสมบัติของเล่าเปียน ฮ่องเต้รัชกาลต่อมา มาถึงตอนนี้ทั้งโฮจิ๋น และฝ่ายขันที ต่างคิดกำจัดอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อชิงความเป็นใหญ่ แต่โฮจิ๋นเสียทีถูกฝ่ายขันทีลวงไปฆ่าก่อน



โฮจิ๋นกับสิบขันที

ก่อนตายโฮจิ๋นเคยส่งจดหมายไปถึงตั๋งโต๊ะ ซึ่งเป็นตอนนั้นขุนศึกใหญ่ในเมืองเสเหลียงทางตะวันตก (ปัจจุบันอยู่แถวๆ มณฑลกานซู) เพื่อขอทหารมาช่วยรักษาความสงบในเมืองหลวง

ครั้นตั๋งโต๊ะมาถึงเมืองหลวงลกเอี๋ยง (ลั่วหยาง) ในปี 189 เห็นว่าสถานการณ์วุ่นวายเพราะขุนนางฝ่ายโฮจิ๋นและขันทีปะทะกัน พอดีเขาสามารถควบคุมตัวฮ่องเต้ที่มีขันทีพาตัวออกมาได้ จึงถืออำนาจเข้าไปเคลียร์เมืองหลวง



ตั๋งโต๊ะในสื่อต่างๆ มักทำออกมาให้อ้วนๆ หื่นๆ เลวๆ

ตอนนั้นตั๋งโต๊ะไม่เพียงเคลียร์พวกขันที แม้แต่ขุนนางอื่นๆ ที่ไม่เชื่อฟังก็ถูกเคลียร์หมด เขาจัดการเปลี่ยนให้เล่าเหียบ โอรสอีกคนของเลนเต้ขึ้นเป็นจักรพรรดิพระนามว่า “เหี้ยนเต้” ให้เป็นหุ่นเชิดของตนเอง และตั้งตนเป็นมหาอุปราชเสียเลย

เมื่อตั๋งโต๊ะเป็นใหญ่แล้วก็กระทำการหยาบช้าต่างๆ ทั้งเข่นฆ่าผู้คน ยึดทรัพย์สิน และมาหลับนอนกับเหล่านางสนมกำนัล ไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา ด้วยเหตุนี้จึงมีคนมากมายอยากกำจัดเขา แต่ยังไม่กล้าเพราะตั๋งโต๊ะมีกำลังมาก และมีบุตรบุญธรรมชื่อลิโป้ เป็นยอดฝีมือที่หลายๆ คนยกให้เก่งที่สุดในเรื่องนี้คอยคุ้มกัน




หนึ่งในฝ่ายต่อต้านตั๋งโต๊ะนั้นมีชายชื่อ โจโฉ เป็นคนฉลาดและทะเยอทะยาน “สูงประมาณห้าศอก จักษุเล็ก หนวดยาว” (ส่วนสูงในนี้ไม่ต้องสนใจเท่าไรนะครับ มันเป็นหน่วยวัดโบราณที่ไม่เหมือนหน่วยวัดสมัยใหม่ และทีมเจ้าพระยาพระคลังก็มีแปลผิดด้วย)

โจโฉเคยเป็นหัวหน้าทหารรักษาประตูเมืองหลวง เอากระบองตีคนที่สัญจรแบบผิดกฎไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม แม้จะมีอุดมการณ์ แต่ก็เป็นคนดาร์คๆ อุปนิสัยของเขาสะท้อนออกมาได้อย่างชัดเจนจากประโยคที่เขาจะพูดในภายหลังว่า “ข้ายอมทรยศโลก ดีกว่ายอมให้โลกทรยศข้า!”



ประโยคนี้ของโจโฉมาจากตอนที่โจโฉกำลังหลบหนี แล้วระแวงครอบครัวชาวบ้านที่ให้ที่พักพิง เขาก็ฆ่าทิ้งเพราะเกรงว่าจะไปแจ้งทางการ

ตอนนั้นโจโฉเอากระบี่ชั้นดีไปจะลอบฆ่าตั๋งโต๊ะ แต่ตั๋งโต๊ะรู้ตัวก่อน โจโฉจึงเนียนเปลี่ยนไปถวายกระบี่แล้วหนีไป จนถูกประกาศจับไปทั่ว เขาชักชวนเรียกขุนศึก 18 หัวเมืองมาช่วยกันปราบตั๋งโต๊ะ มีขุนนางอาวุโสชื่ออ้วนเสี้ยวเป็นผู้นำ และเล่าปี่ กวนอู เตียวหุยเข้าร่วมแจมด้วย

ตอนนั้นแม้ลิโป้จะออกโรงสู้เอง แต่ถูกเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย สร้างวีรกรรม “3 รุม 1” จนต้องล่าถอย (ลิโป้เก่งมาก ดังนั้นการที่รวมพลังสามรุมหนึ่งทำให้ล่าถอย ก็แปลว่าสุดยอดแล้ว)

ต่อมาตั๋งโต๊ะสู้พวกขุนศึกไม่ได้ จึงเผาเมืองลกเอี๋ยงทิ้งแล้วหนีไปยังเมืองเตียงอั๋น (ฉางอาน) ซึ่งเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของจีนที่อยู่ทางตะวันตก แต่ปรากฏว่าฝ่ายกองทัพ 18 หัวเมืองขาดความสามัคคี และอ้วนเสี้ยวเป็นผู้นำที่ไม่ดี ขุนศึกต่างๆ จึงแยกย้ายไม่ได้ตามตีตั๋งโต๊ะต่อ

...ณ จุดนี้ ขุนศึกต่างๆ ในแผ่นดินล้วนรู้สึกว่าฮ่องเต้ราชวงศ์ฮั่นหมดอำนาจไปแล้ว ทั้งหมดจึงสะสมกำลังชิงความเป็นใหญ่ ทำให้จีนเข้าสู่ยุคขุนศึกอย่างเต็มตัว

อีกด้านหนึ่งมีขุนศึกชื่อซุนเกี๋ยน เขานำคนคุ้ยซากเมืองลกเอี๋ยงที่มอดไหม้ แล้วเกิดไปเจอตราแผ่นดินจีนจึงลอบเก็บไว้ คิดว่าความชอบธรรมในการครองแผ่นดินอยู่กับข้านี่แหละ คะลัก คะลัก



เล่าปี่ กวนอู เตียวหุยลุยกับลิโป้ สมัยออกรบให้กับกองทัพ 18 หัวเมือง

ฝ่ายตั๋งโต๊ะที่อยู่เตียงอั๋นยังคงทำตัวเป็นทรราชอยู่เช่นเดิม แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรเพราะเกรงฝีมือลิโป้ ต่อมาขุนนางผู้ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นจึงออกอุบาย ส่งหญิงงามนามเตียวเสี้ยนไปยั่วยวนและยุยงให้ตั๋งโต๊ะแตกคอกับลิโป้ สุดท้ายลิโป้ก็ฆ่าตั๋งโต๊ะในปี 192 และต้องหลบหนีจากเมืองเพราะสู้ลูกน้องตั๋งโต๊ะที่เหลือไม่ได้

ทั้งนี้เตียวเสี้ยนไม่มีตัวจริงในประวัติศาสตร์ นิยายล้วนๆ แต่เนื่องจากสามก๊กเวอร์ชันนี้ดังมาก นางจึงได้รับยกย่องเป็นหนึ่งในสี่หญิงงามของจีน (อย่างไรก็ตามมีบันทึกเหมือนกันว่าลิโป้ลอบมีชู้กับเมียน้อยตั๋งโต๊ะที่ไม่ทราบชื่อ แล้วกลัวถูกจับได้จึงเป็นเหตุหนึ่งให้ปฏิวัติ)



เตียวเสี้ยน สมญา “จันทร์หลบโฉมสุดา” แปลว่าสวยมากจนพระจันทร์ยังต้องหลบ

.....




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #1 on: 11 July 2024, 10:37:57 »


*** เริ่มยุคขุนศึก ***

หลังจากตั๋งโต๊ะตายแล้ว ลูกน้องเก่าตั๋งโต๊ะก็ตีกันแย่งอำนาจ แผ่นดินแตกเป็นเสี่ยงๆ ตอนนั้นโจโฉสามารถช่วยพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่หนีจากลูกน้องตั๋งโต๊ะไว้ได้ จึงเชิดพระเจ้าเหี้ยนเต้เป็นหุ่นของตน ตั้งกองกำลังอยู่ ณ เมืองฮูโต๋ (ปัจจุบันคือนครสวี่ชาง มณฑลเหอหนาน)

หลังจากนั้นโจโฉสามารถชนะก๊กลิโป้ และขุนศึกอื่นๆ ได้ จึงได้แผ่นดินภาคกลางที่มีประชากรมากมาอยู่ในอาณัติ เล่าปี่ก็มาสวามิภักดิ์อยู่กับโจโฉด้วย



ลิโป้ถูกประหารชีวิต เนื่องจากมีประวัติเสียๆ ว่าเป็น “ลูกสามพ่อ” (ไปอยู่กับใครก็เรียกเขาเป็นพ่อ จากนั้นหักหลังเรียบ) โจโฉจึงไม่รับมาอยู่ด้วย

มีช่วงหนึ่งที่เล่าปี่เสียเมืองต้องหลบหนี ทำให้โจโฉสามารถได้กวนอูมาอยู่ด้วยเป็นช่วงสั้นๆ ในช่วงนี้ถึงแม้โจโฉจะเสนอลาภยศให้กวนอูมากมาย แต่กวนอูก็ไม่สนใจ ต้องการกลับไปอยู่กับเล่าปี่ท่าเดียว สุดท้ายอยู่มาวันหนึ่ง กวนอูสบโอกาสจึงออกเดินทางไปหาเล่าปี่ ระหว่างนั้นทหารฝ่ายโจโฉไม่ทราบจึงรบป้องกันคนหนี สุดท้ายกวนอูจึงหักไปได้ 5 ด่าน ฆ่านายทัพโจโฉไปถึง 6 คน กลายเป็นตำนานแห่งความโหดสัส



กวนอูหักด่าน

ต่อมา ซุนเกี๋ยน หรือขุนศึกที่เคยแฮบตราแผ่นดินไว้ได้ตายลง ซุนเซ็กลูกของเขาจึงนำตราแผ่นดินไปแลกกับกำลังทหารของขุนศึกอีกคนชื่ออ้วนสุดมาได้ และใช้กองทหารนี้ขยายอิทธิพลในแถบกังตั๋งได้เป็นอันมาก (กังตั๋ง ภาษากลางเรียก เจียงตง ในที่นี้หมายถึงดินแดนที่อยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำแยงซี ปัจจุบันทับซ้อนกับดินแดนเจียงหนาน หรือตอนใต้แม่น้ำ ซึ่งเป็นส่วนที่อุดมสมบูรณ์ และอากาศดีของจีน)

อย่างไรก็ตามซุนเซ็กนั้นไปสังหารผู้วิเศษคนหนึ่ง และถูกวิญญานผู้วิเศษตามหลอกหลอนจนตายตั้งแต่อายุไม่มาก ซุนกวน น้องชายซุนเซ็ก จึงได้ขึ้นปกครองแทน

ซุนกวนนี้ รูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว ตาเขียว หนวดเคราแดง ดูๆ ไปแล้วเหมือนฝรั่ง (แต่คำจีนตาเขียว อาจหมายถึงตาเป็นประกาย) แม้ไม่มีฝีมือทางบู๊มากเท่าพี่ชาย แต่มีความสามารถในการปกครองสูงมาก ในบรรดาผู้ก่อตั้งทั้งสามก๊กนั้น ซุนกวนมีอายุน้อยที่สุด ครั้งหนึ่งโจโฉถึงกับเคยชมซุนกวนว่า “ถ้าจะมีบุตร ต้องให้ได้อย่างซุนกวน”



ซุนเซ็กคิดถูกที่แลกตราหยกแผ่นดินกับทหารมาใช้สร้างฐานอำนาจ

อ้วนสุดได้ตราหยกแผ่นดินมาก็คิดกำเริบเสิบสาน ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ในปี 197 แต่เปรี้ยวไปหน่อยจึงถูกปราบในปี 199 ในช่วงเดียวกันเมื่อเล่าปี่อยู่ด้วยโจโฉนั้น โจโฉได้ทำการทดสอบเล่าปี่มากมาย แต่เล่าปี่แกล้งทำตัวห่วย ไม่ทะเยอทะยานเพื่อให้โจโฉคลายความระแวง

มีกลุ่มขุนนางในฮูโต๋คิดกำจัดโจโฉคืนอำนาจให้พระเจ้าเหี้ยนเต้ โดยดึงเล่าปี่เข้าร่วมด้วย แต่แผนแตกเสียก่อน จึงมีการประหารชีวิตขุนนางเหล่านั้น ส่วนเล่าปี่ออกอุบายหลบหนีจากโจโฉมาได้ โดยหนีไปพึ่งเล่าเปียว ข้าหลวงเมืองเกงจิ๋ว (ปัจจุบันอยู่แถบมณฑลหูเป่ย)



เล่าปี่แกล้งตกใจเสียงฟ้าร้องให้โจโฉคลายความระแวง

หลังจากนั้นโจโฉเบนความสนใจไปยังภาคเหนือ เพื่อสู้ชิงความเป็นใหญ่กับอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวมาจากตระกูลขุนนางจึงมีคนเข้าร่วมมาก แต่เป็นคนคิดเล็กคิดน้อย เจ้ายศเจ้าอย่าง จึงบริหารสู้โจโฉไม่ได้

ในศึกใหญ่ที่กัวต๋อ ปี 200 นั้น โจโฉสามารถเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้อย่างยิ่งใหญ่ จากนั้นโจโฉใช้เวลาอีก 7 ปีในการทำลายเขตอิทธิพลของแซ่อ้วนที่เหลือในภาคเหนือลง จนทำให้ก๊กของโจโฉหรือวุยก๊ก กลายขุมกำลังที่เข้มแข็งที่สุดต่อจากนี้ไปจนแทบจะจบเรื่อง



โจโฉนำทัพในศึกกัวต๋อ

ต่อมาเล่าปี่อยากได้ ขงเบ้ง มาเป็นที่ปรึกษา ขงเบ้งนี้เป็นบัณฑิตที่มีปัญญาล้ำเลิศ ถึงขั้นมีฉายาว่า มังกรหลับ (ฮกหลง) เขาเก็บตัวอยู่บนภูเขาแต่หยั่งรู้เรื่องราวในแผ่นดินประดุจมีเวทมนต์ (ซึ่งในนิยายก็ดูเหมือนจะมีจริงๆ) ขงเบ้งต้องการทดสอบความจริงใจของเล่าปี่ จึงถ่วงเวลาให้ต้องเป็นฝ่ายถ่อมาหาถึง 3 ครั้ง 3 ครา แล้วค่อยให้พบ

เมื่อพบแล้วขงเบ้งได้ทำการอ่านสถานการณ์แผ่นดินให้เล่าปี่ฟังแบบโชะโชะโชะ มองขาด โดยเขาบอกว่าต่อไปแผ่นดินจะแบ่งเป็นสามก๊ก คือก๊กของโจโฉ ก๊กของซุนกวน และก๊กของเล่าปี่ ให้เล่าปี่พยายามคุมเกงจิ๋วในภาคกลาง และเสฉวนในภาคตะวันตก จากนั้นร่วมมือกับซุนกวนหาช่องตีโจโฉ จึงจะชนะโจโฉได้ (แล้วค่อยไปเคลียร์กับซุนกวนทีหลัง)

เล่าปี่ฟังยุทธศาสตร์นี้แล้วก็เห็นลู่ทางเป็นใหญ่ รู้สึกปลาบปลื้มใจเหมือนปลาได้น้ำ



ขงเบ้งกับเล่าปี่

หลังจากปราบภาคเหนือได้ราบคาบแล้ว โจโฉจึงตีลงมาทางใต้ต่อ เพราะเห็นว่าเหลือแค่เล่าปี่กับซุนกวนที่ขวางการรวมแผ่นดิน ช่วงนั้นเล่าเปียวเสียชีวิต บุตรเล่าเปียวยอมจำนนถวายเกงจิ๋วแก่โจโฉ ทำให้เล่าปี่ต้องหนีต่อลงมาทางใต้

ในปี 208 เกิดศึกสะพานเตียงปันเกี้ยว แม้ศึกนั้นเล่าปี่จะพ่ายแพ้เสียไพร่พลไปมาก แต่ก็มีวีรกรรมที่จูล่งซึ่งเป็นลูกน้องของเล่าปี่แสดงวีรกรรมบุกเดี่ยวฝ่าทัพโจโฉไปช่วยบุตรของเล่าปี่ชื่ออาเต๊าที่ยังเป็นทารกออกมาได้ (จูล่งหล่อ เก่ง นิสัยดี ไม่มีประวัติเสีย และตายตอนแก่ ในเกมส์จึงมักให้มีค่า stat พอสู้ลิโป้ได้ และเป็นพระเอกสายดี ขณะที่ลิโป้มักเป็นพระเอกสายดาร์ค)



ภาพจูล่งฝ่าทัพโจโฉไปรับลูกเล่าปี่ ในพระราชวังฤดูร้อน กรุงปักกิ่ง

เล่าปี่ได้อาเต๊ามาแล้ว ก็โยนลูกทิ้งตำหนิว่าทำให้จูล่งลำบาก ทำให้จูล่งต้องรีบรับอาเต๊าไว้ แล้วบอกด้วยความซาบซึ้งว่าเล่าปี่เป็นห่วงตนขนาดนี้จะยอมมอบชีวิตให้ (สันนิษฐานว่าอาเต๊าปัญญาอ่อนตั้งแต่การถูกโยนทิ้งครั้งนั้น)

อีกด้านหนึ่งเตียวหุยได้ไปยืนขวางสะพานเตียงปันเกี้ยว แล้วให้ทหารผูกกิ่งไม้กับหางม้า ลากไปมาให้มีฝุ่นคลุ้ง จนดูเหมือนมีคนมาก พร้อมกับพองตัวขู่ทัพโจโฉล่าถอยไปได้



ภาพสไตล์ญี่ปุ่น รูปเตียวหุยยืนดักรอทัพโจโฉบนสะพานคนเดียว

เมื่อโจโฉยึดเกงจิ๋วได้ ซุนกวนก็รู้สึกกริ่งเกรง จึงส่งทูตมาเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่ จากนั้นโจโฉกับเล่าปี่+ซุนกวนได้ทำศึกใหญ่ที่เซ็กเพ็ก (แปลว่าผาแดง สถานที่จริงๆ ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่คงอยู่สักแห่งฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซี) ในปี 208

ตอนนั้นโจโฉยกกองทัพเรือนับล้านล่องตามแม่น้ำจะมาตีกังตั๋ง แต่ถูกทีมงานขงเบ้ง + จิวยี่ (แม่ทัพของซุนกวน) รุมทำกลใส่แบบรัวๆ จนโจโฉเอาโซ่คล้องเรือทุกลำเข้าด้วยกันแบบมึนๆ (เชื่อว่าจะทำให้เรือไม่โคลงเคลง เพราะคนของโจโฉมาจากทางเหนือ เมาเรือง่าย)

ต่อมาฝ่ายพันธมิตรซุนเล่าใช้จังหวะนี้เผาเรือโจโฉเสีย ฝ่ายโจโฉผูกโซ่กับเรือทุกลำแล้วแก้ไม่ทัน เลยโดนเผาตายกันมาก หนีแบบไม่ทัน



โจโฉแตกทัพเรือ

.....


*** โจโฉครองภาคตะวันตก เล่าปี่ตั้งตัว ***

หลังจบศึกผาแดง ทัพซุนกวนพยายามตีขึ้นเหนือไปทางโจโฉ ส่วนเล่าปี่ตีชิงเกงจิ๋วจากโจโฉได้พื้นที่มาเป็นอันมาก

แม้โจโฉจะเพิ่งแพ้ศึกใหญ่มา แต่ถึงกระนั้น ในปี 211 โจโฉยังสนใจตีชิงพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงเหนือจากขุนศึกเตียวฬ่อ แห่งนครฮันต๋ง (ปัจจุบันอยู่ในมณฑลส่านซี) แต่ขุนศึกหันซุยและม้าเฉียวซึ่งเป็นใหญ่อยู่เมืองเสเหลียง (เมืองเดิมของตั๋งโต๊ะ) ได้ยินว่าทัพโจโฉยกมาทางนี้ ก็เกรงภัย จึงช่วยกันมารบป้องกันเสียก่อน



ม้าเฉียว

โจโฉรบแพ้ทัพพันธมิตรม้าเฉียวหันซุยถึง 2 ครั้ง ครั้งหนึ่งชุลมุนมาก ได้ยินทหารอีกฝ่ายว่า “ให้จับโจโฉที่เป็นคนหนวดยาว” ถึงกับต้องตัดหนวดหนีตาย แต่เมื่อทราบว่าหันซุยกับม้าเฉียวระดมพลมาเพิ่มก็ดีใจ เพราะรู้ว่าถ้าชนะจะสามารถยึดแผ่นดินตะวันตกแบบเบ็ดเสร็จ

โจโฉออกอุบายยุให้หันซุยและม้าเฉียวแตกคอกันเอง ไม่นานก็สามารถเอาชนะสำเร็จ และได้พื้นที่ตะวันตกเฉียงเหนือของจีนมาครอบครอง



ภาพสไตล์ญี่ปุ่น รูปม้าเฉียวไล่ล่าโจโฉ

ในปี 211 ฝ่ายเล่าเจี้ยงในเอ๊กจิ๋ว (ปัจจุบันครอบคลุมมณฑลเสฉวนและฉงชิ่ง) เกรงภัยจากเตียวฬ่อและโจโฉ ที่ปรึกษาจึงแนะนำให้เชิญเล่าปี่ที่เป็นญาติมาช่วยป้องกัน แถมมีที่ปรึกษาเล่าเจี้ยงคนหนึ่งถึงกับพร้อมยกเมืองให้เล่าปี่อย่างเต็มที่ เล่าปี่ก็แบบนี่แหละลงล็อค จึงเข้าไปแทรกซึมแล้วฉวยโอกาสเคลมเอ๊กจิ๋วเสีย

เล่าปี่ทำทีขอทหารและเสบียงจากเล่าเจี้ยง แต่เล่าเจี้ยงส่งให้ไม่ครบ เล่าปี่จึงใช้ข้ออ้างบุกเสียเลย ในที่สุดเล่าปี่ก็ชิงเมืองเล่าเจี้ยงสำเร็จ จึงย้ายฐานหลักมาอยู่ที่เอ๊กจิ๋ว และให้กวนอูรักษาเกงจิ๋วไว้ จากนั้นก็ดราม่าๆ จนทุกคนคิดว่าตัวเองยังเป็นคนดีอยู่



เล่าปี่กับเล่าเจี้ยง

.....


*** สิ้นราชวงศ์ฮั่น ***

ในปี 215 โจโฉยกทัพมาตีเตียวฬ่อ ได้นครฮันตั๋ง แต่ยังไม่สนใจตีจะลงใต้เข้าสู่เอ๊กจิ๋ว เมื่อกลับไปเมืองหลวง ในปี 216 จึงตั้งตนเป็นวุยอ๋อง ซึ่งถือว่าเป็นระดับเจ้านายชั้นรองจากฮ่องเต้แล้ว

ในปี 217-219 เล่าปี่ยกพลไปตีชิงฮันต๋งมาจากโจโฉ ในครั้งนี้โจโฉถูกอุบายค่ายว่างของจูล่ง กลัวว่าจะถูกซุ่มโจมตีจึงถอยกลับไป เล่าปี่จึงได้ฮันตั๋ง และประกาศตั้งตนเป็นอ๋องเช่นกัน



แม่ทัพฝ่ายเล่าปี่ฆ่าแม่ทัพฝ่ายโจโฉในศึกฮันต๋ง

ในปี 219 กวนอูทราบว่าโจโฉกำลังรวบรวมไพร่พลหมายจะยกมาตีเกงจิ๋ว จึงยกทัพขึ้นไปชิงปิดล้อมก่อน ขณะนั้นกวนอูใช้กลศึกทดน้ำ (คือปล่อยน้ำจากเขื่อน) ทำลายทัพของโจโฉ ทำให้ทัพโจโฉอ่อนแอลงมาก

โจโฉเกรงภัยกวนอูถึงกับคิดจะย้ายเมืองหลวงหนี แต่ที่ปรึกษาแนะนำให้ผูกมิตรกับซุนกวนเพื่อให้กวนอูเผชิญศึก 2 ด้าน



กวนอูรบ

ก่อนหน้านั้นเนื่องกวนอูเคยดูถูกซุนกวนมาก่อน โดยซุนกวนสู่ขอลูกสาวกวนอูไปแต่งกับลูกชายตน แต่กวนอูกลับตอบว่า “บุตรเราเป็นชาติพยัคฆ์ ไม่คู่ควรกับลูกสุนัขคอร์กี้!” ทำให้ซุนกวนโกรธมาก เมื่อสบโอกาสจึงส่งทัพมาบ้อมกวนอู

กวนอูรบเก่ง แต่อีโก้สูงและไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น ในที่สุดจึงรบแพ้ ถูกจับได้ กวนอูไม่ยอมจากทรยศเล่าปี่มารับใช้ซุนกวน จึงถูกประหารชีวิต และเกงจิ๋วตกเป็นของซุนกวนในปี 220 (ความซื่อสัตย์ของกวนอูนี้ทำให้เขาได้เป็นเทพแห่งความซื่อสัตย์ของชาวจีนนั่นเอง)



กวนอู กับลูกเลี้ยง และทหารคนสนิท

ปีเดียวกัน โจโฉเสียชีวิต โจผีขึ้นเป็นวุยอ๋องแทน แล้วกดดันให้พระเจ้าเหี้ยนเต้สละราชสมบัติแก่ตน นับเป็นจุดสิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น ในปี 221 เล่าปี่เห็นดังนั้นจึงปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้ ตามมาด้วยซุนกวนที่ขึ้นเป็นฮ่องเต้ในปี 229 ทางใต้

ในลักษณะนี้แผ่นดินจึงแตกเป็นสามก๊กโดยสมบูรณ์ โดยมีวุยก๊กของแซ่โจครองทางเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือ จ๊กก๊กของเล่าปี่ครองดินแดนเสฉวนทางตะวันตกเฉียงใต้ และง่อก๊กของซุนกวนครองดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้



โจผีตั้งตนเป็นฮ่องเต้

.....




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #2 on: 11 July 2024, 10:39:35 »


*** เล่าปี่สวรรคต ***

เมื่อกวนอูตาย พี่น้องร่วมสาบานอย่างเล่าปี่และเตียวหุยก็เสียใจมาก ต้องการฆ่าซุนกวนให้หายแค้น แม้ขงเบ้งจะทัดทานว่าการจะชิงแผ่นดิน ยังไงต้องผูกมิตรซุนกวนช่วยกันต้านวุยก๊กก่อน (เพราะวุยก๊กใหญ่กว่าง่อก๊ก จ๊กก๊กมาก ถ้าก๊กเล็กตีกันเอง จะพากันแพ้หมด) แต่เล่าปี่ไม่ฟัง ตรงนี้ก็แสดงทั้งจุดดี และจุดอ่อนของเล่าปี่ คือไม่ว่าเขาจะตอแหลเก่งแค่ไหน แต่ก็มีความจริงใจต่อพี่น้องจริงๆ

ขณะกำลังเตรียมไพร่พลไปตีซุนกวนนั้น ปรากฏว่าเตียวหุยดื่มเหล้าเมามายและสั่งลงโทษลูกน้องต่างๆ อย่างโหดร้ายจนลูกน้องทนไม่ไหว จับเตียวหุยฆ่าเสีย เล่าปี่เลยเสียน้องอีกคน



เล่าปี่กับเตียวหุยในโหมดเศร้า

เล่าปี่ไม่มีกวนอู เตียวหุยแล้ว ก็หน้ามืดตามัวด้วยความแค้น ยกทัพมหาศาลไปตีซุนกวนเองโดยไม่ฟังที่ปรึกษา แถมยังประมาทตั้งค่ายแบบเรียงกันยาวๆ ซึ่งผิดหลักพิชัยสงคราม ดังนั้น ลกซุน ซึ่งเป็นแม่ทัพฝ่ายซุนกวนที่ก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะโนเนมได้โอกาสทีจุดไฟเผาค่าย ฆ่าทหารเล่าปี่ตายเป็นอันมาก และเล่าปี่เองก็ต้องตรอมใจสวรรคตทั้งที่ยังกลับไม่ถึงเฉิงตู

...การพาทหารไปตายอย่างมากนี้ ทำให้ก๊กแซ่เล่าฟื้นตัวกลับมาเป็นดังเดิมไม่ได้อีก และทำให้ปณิธานรวบรวมแผ่นดิน สานต่อราชวงศ์ฮั่นของขงเบ้งกลายเป็นงานช้างไปโดยปริยาย



ลกซุนเผาค่ายเล่าปี่

.....


*** ขงเบ้งเข็นครกขึ้นภูเขา ***

หลังจากเล่าปี่สวรรคต ก็มีฮ่องเต้พระองค์ถัดมา คือ เล่าเสี้ยน ซึ่งเล่าเสี้ยนนี้เนื่องจากถูกขว้างทิ้งตอนเด็ก จึงโตมาปัญญาอ่อน มัวเมาสุรานารี หลงเชื่อคำสอพลอของขันที ไม่ค่อยใส่ใจบริหารบ้านเมือง

หลังพลัดแผ่นดินมาได้หมาดๆ เกิดกบฏของชนเผ่าทางใต้นำโดยเบ้งเฮ็ก (ในเกมส์มักจะใส่ชุดแบบอินเดียนแดง) ระหว่างปี 224-225 แต่ขงเบ้งสามารถใช้อุบายจับตัวเบ้งเฮ็กแล้วปล่อยไปถึง 7 ครั้ง จนสยบจิตใจเบ้งเฮ็กได้



ขงเบ้งนำทัพรบกับชนเผ่าทางใต้

หลังจากนั้นขงเบ้งยกทัพบุกวุยก๊กถึง 7 ครั้ง ระหว่างปี 227-234 โดยรบกับสุมาอี้ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของฝั่งวุยก๊ก สุมาอี้แม้ฉลาดสู้ขงเบ้งไม่ได้ แต่เดินทัพแบบระมัดระวัง ทำให้ต่อให้แพ้ก็สูญเสียไม่มาก

ขงเบ้งรุกครั้งไหนก็ปรากฏว่ามีเหตุให้ต้องกลับมาทุกครั้ง เช่น เสบียงหมด หรือถูกพระเจ้าเล่าเสี้ยนเรียกตัวกลับมาแบบโง่ๆ จนในครั้งที่ 7 ขงเบ้งก็เสียชีวิต ในช่วงนั้น ขงเบ้งได้ตัวเกียงอุย ซึ่งเป็นนักรบที่มีปัญญาดีมาทำงานด้วย เป็นกำลังในการพยายามรวบรวมแผ่นดินต่อไป

...แต่ด้วยความที่คนเขียนหมดมุข เรื่องสามก๊กหลังขงเบ้งตายเลยไม่ค่อยสนุกนัก



ขงเบ้งตาย

.....


*** แซ่สุมารวมแผ่นดิน ***

หลังขงเบ้งเสียชีวิต ฮ่องเต้ทั้งสามก๊กต่างซึ่งเป็นลูกหลานโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน ต่างก็ค่อยๆ กลายเป็นพวกมัวเมาในสุรานารี ไม่ต่างอะไรกับฮ่องเต้สมัยปลายราชวงศ์ฮั่น คนเก่งๆ ก็ทยอยหายไป กลายเป็นศึกของขุนพลชั้นรองๆ สู้กัน

เกียงอุยทางฝั่งจ๊กก๊กพยายามสานต่อปณิธานของขงเบ้งในการรวบรวมแผ่นดิน แต่ไม่มีความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

…ดังนั้นพวกเก่งที่สุดที่เหลืออยู่ ณ จุดนี้ก็คือสุมาอี้และลูกๆ นั่นเอง…



เกียงอุย

ฮ่องเต้แซ่โจของฝั่งวุยก๊กอ่อนแอลงเรื่อยๆ อำนาจส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของสุมาเจียว ลูกของสุมาอี้ เมื่อบุกตีจ๊กก๊กจึงชนะอย่างรวดเร็ว

สุมาเจียวเอาอาเต๊าที่ยอมแพ้มางานเลี้ยง ถามว่ากินดีอยู่ดีแบบนี้ชอบไหม อาเต๊าก็บอกว่าชอบมาก ทำให้เหล่าที่ปรึกษาของอาเต๊าโกรธว่านายตนช่างไร้สติปัญญา ถูกเขายึดแผ่นดินยังทำดีใจ อาเต๊าก็หมดบทไปประมาณนี้

ต่อมาสุมาเจียวตาย สุมาเอี๋ยนลูกเขาได้ถอดฮ่องเต้แซ่โจ แล้วตั้งตัวเป็นฮ่องเต้เอง ตั้งชื่อราชวงศ์ใหม่ว่าราชวงศ์จิ้น เขาได้ตีง่อก๊กซึ่งไม่ค่อยมีกำลังเหลือแล้ว ชนะอย่างเด็ดขาดในปี 280 จึงรวบรวมแผ่นดินสำเร็จ ทำให้ยุคสามก๊กสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ ดังคำโปรยที่ว่า “แผ่นดินจีนทั้งปวงนั้น เป็นสุขมาช้านานแล้วก็เป็นศึก ครั้นศึกสงบแล้วก็เป็นสุข” นั่นเอง



สุมาเอี๋ยน หรือ จิ้นอู่ตี้ เป็นปฐมกษัตริย์ราชวงศ์จิ้น

.....




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #3 on: 11 July 2024, 10:40:43 »


*** อภิธานศัพท์ ***

ในส่วนนี้ผมจะขอเรียบเรียงชื่อบุคคลและสถานที่ในภาษาจีนกลางและพินอินมาเทียบ เพื่อให้เวลาท่านเล่นเกมส์ดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษจะได้ง่ายขึ้นนะครับ (ชื่อแรกเป็นจีนฮกเกี้ยนแบบไทย ชื่อที่สองเป็นภาษาจีนกลางและในวงเล็บเป็นพินอิน)

[ชื่อบุคคล]
พระเจ้าเลนเต้ : ฮั่นหลิง (Han Ling)
เล่าปี่ : หลิวเป่ย์ (Liu Bei)
กวนอู : กวนยวี่ (Guan Yu)
เตียวหุย : จางเฟย์ (Zhang Fei)
โฮจิ๋น : เหอจิ้น (He Jin)
เล่าเปียน : หลิวเปี้ยน (Liu Bian) หรือยศ หองจูเปียน : หวังจื่อเปียน (Wangzi Bian)

เล่าเหียบ : หลิวเสีย (Liu Xie) หรือยศ หองจูเหียบ : หวังจื่อเสีย (Wangzi Xie) หรือ เหี้ยนเต้ : ฮั่นเซี่ยน (Han Xian)
อ้วนเสี้ยว : หยวนเซ่า (Yuan Shao)
ตั๋งโต๊ะ : ตงจั๋ว (Dong Zhuo)
โจโฉ : เฉาเชา (Cao Cao)

เตียวเสี้ยน : เตียวฉาน (Diao Chan)
ลิโป้ : ลวี่ปู้ (Lu Bu)
ซุนเซ็ก : ซุนเซ่อ (Sun Ce)
ซุนเกี๋ยน : ซุนเจียน (Sun Jian)
อ้วนสุด : หยวนซู่ (Yuan Shu)

ซุนกวน : ซุนเฉวียน (Sun Quan)
เล่าเปียว : หลิวเปี่ยว (Liu Biao)
ขงเบ้ง หรือ จูกัดเหลียง : จูเก่อเลี่ยง (Zhuge Liang)
จูล่ง : จื่อหลง (Zilong) ชื่อจริง เตียวหยุน : จ้าวหวิน (Zhao Yun)
เตียวฬ่อ : จางลู่ (Zhang Lu)

เล่าเจี้ยง : หลิวจาง (Liu Zhang)
โจผี : เฉาพี (Cao Pi)
ลกซุน : ลู่ซวิ่น (Lu Xun)
เล่าเสี้ยน : หลิวส้วน (Liu Shan)
เบ้งเฮ็ก : เมิ่งฮั่ว (Meng Huo)
สุมาอี้ : ซือหม่าอี้ (Sima Yi)
เกียงอุย : เจียงเหวย (Jiang Wei)
สุมาเอี๋ยน : ซือหม่าเยียน (Sima Yan)



ที่บอกว่าสามก๊กมีการนำไปดัดแปลงมาก เช่นมีการนำไปทำวิชวลโนเวลแล้ว ชื่อ Koihime Musou ซึ่งสมมติว่าในตัวละครยุคสามก๊กกลายเป็นสาวแบ๊วกันหมด (ถือง้าวตรงกลางคือกวนอู ที่เห็นผมแดงมุมขวาล่างคือเตียวหุย โลลิมุมซ้ายบนคือโจโฉ)

[ชื่อสถานที่]
เตียงอั๋น : ฉางอาน (Chang’an)
ฮูโต๋ : สวี่ตู (Xudu)
ชีจิ๋ว : สวีโจว (Xuzhou)
กังตั๋ง : เจียงตง (Jiangdong)
เกงจิ๋ว : จิงโจว (Jingzhou)
กัวต๋อ : กวนตู้ (Guandu)
เซ็กเพ็ก : ซื่อปี้ (Chibi)
ฮันต๋ง : ฮั่นจง (Hanzhong)
เอ๊กจิ๋ว : อี้โจว (Yizhou)
อ้วนเซีย : ฝานเจิง (Fancheng)
วุย : เว่ย (Wei)
จ๊ก : ฉู่ (Shu)
ง่อ : อู่ (Wu)



แผนที่สามก๊ก

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #4 on: 11 July 2024, 10:41:32 »


*** ถอดบทเรียน ***

วรรณกรรมสามก๊กที่ยกมานี้ มีสิ่งที่ไม่ตรงกับประวัติศาสตร์จริงมากมาย ซึ่งคงจะมาเขียนในโอกาสหน้า อย่างไรก็ตามเนื่องจากนิยายของหลอกว้านจงนั้นแต่งได้อย่างดีมาก คาแรคเตอร์แต่ละตัวโดดเด่น กลศึกก็แพรวพราว ทำให้วรรณกรรมเรื่องสามก๊กถูกเอามาถอดบทเรียนมากมาย ทั้งในเรื่องยุทธศาสตร์ทางธุรกิจ ศิลปะการใช้คน รวมทั้งการเอาชนะปัญหาและคู่แข่งด้วยปัญญา

ผมอยากให้ท่านผู้อ่านที่ไม่เคยอ่านสามก๊ก ได้อ่านบทความสรุปนี้แล้ว เกิดแรงบันดาลใจไปหาเวอร์ชันต่างๆ อ่านต่อ เชื่อว่าท่านจะได้ข้อคิดต่างๆ จากเรื่องราวนี้มาก สำหรับท่านที่อ่านสามก๊กมาแล้ว ก็หวังว่าบทความนี้จะให้ความบังเทิงแก่ท่าน เหมือนได้กลับมาเยี่ยมเพื่อนเก่าอีกครั้งนะครับ




.


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
สามก๊ก - The Wild Chronicles - blockdit.com
https://www.blockdit.com/posts/62b42c162ac63580e70ed578

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #5 on: 12 July 2024, 19:26:03 »


สามก๊ก สรุปจบเข้าใจง่าย



https://pantip.com/topic/41500911

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.053 seconds with 21 queries.