User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
17 November 2024, 03:36:08
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,443
Posts in
12,838
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
เรื่องราวน่าอ่าน
|
หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง
|
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
0 Members and 3 Guests are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ] (Read 350 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,284
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
«
on:
12 July 2024, 15:31:15 »
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
moncheep siva
4 มี.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
เรื่องเล่าสามก๊กช่วงปลายๆนี้ เรียงกันมาเป็นแถวเลยครับ สำหรับคนที่ไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้...
ตอนนี้ถึงคิวใคร เขาตายเพราะสาเหตุใด...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 41…
เล่าปี่วางยุทธวิธีโจมตีแคว้นใต้อย่างใหญ่โตโอฬาร...แต่คนใกล้ตัวรู้สึกทะแม่งๆ...เลยขอเขียนแผนที่การตั้งทัพส่งไปให้ขงเบ้งดู...
แปลกแฮะ...จุดอ่อนจุดเบ้อเริ่มคราวนี้ เล่าปี่ทำไมเลอะเทอะจนมองไม่เห็น สงสัยจะหน้ามืดตามัวไปกับความแค้น...แต่อย่างฝ่ายโจผีที่ส่งคนมาคอยสอดแนมตลอดเวลากลับมองออก พอรู้ว่าตั้งค่ายแบบนี้ ก็บอกเลย...เล่าปี่เจ๊งแน่...พวกเราคอยตื้บซ้ำ...
เช่นเดียวกับขงเบ้ง...พอเห็นแผนที่ ถึงกับตบโต๊ะผาง...เยสเขร้ ใครสั่งใครสอนให้ตั้งค่ายแบบนี้ เอาไปฆ่าซะ...พอรู้ว่าเล่าปี่ตั้งเอง...ขงเบ้งก็อึ้ง มองเห็นความฉิบหายมายืนรอ...ก็รีบวางแผนผ่อนหนักให้เป็นเบา
อีกคนที่มองเห็นจุดอ่อน และคาดเดาไว้แล้ว...คือลกซุน แม่ทัพหนุ่มน้อยแห่งแคว้นใต้...สั่งโจมตีทันที
กรรมสนองกรรมเหมือนคราวที่โจโฉโดน...ทัพเล่าปี่เจอจุดไฟเผา ด้วยความที่หัวท้ายห่างกันมาก ช่วยกันไม่ได้...ทัพเจ็ดพันเส้นก็ลุกเป็นไฟ ราวกับมังกรเต้นอยู่ริมแม่น้ำ...เล่าปี่เองก็กระเซอะกระเซิง แทบเอาตัวไม่รอด ไปหยุดอยู่ที่เมืองเล็กๆเมืองนึง ตามที่ขงเบ้งคาดเอาไว้...
อายสิครับ...ยกทัพใหญ่มาด้วยความแค้น ประกาศก้องว่าจะเหยียบกังตั๋งให้จมทะเล...สุดท้ายมาแตกยับเยิน ทหารตายเป็นแสนยังงี้...เล่าปี่ไม่กล้ากลับไปดูหน้าชาวเสฉวน...
กระสับกระส่ายตรอมใจจนรู้ว่าตัวเองคงไม่รอดแล้ว...ก็เขียนจดหมายสารภาพผิดที่ไม่เชื่อคำห้ามของขงเบ้ง...และเชิญขงเบ้งมาสั่งเสีย
การสั่งเสียก่อนตายนี้...มีมุมที่น่าคิด ว่านี่อาจจะเป็นการเดินเกมครั้งสุดท้ายของเล่าปี่ เพื่อค้ำจุนบัลลังก์ให้กับเล่าเสี้ยน หรืออาเต๊า ลูกชายของตน...ใช่หรือไม่
...เล่าปี่เชิญคนที่สนิทที่สุดสองคนมานั่งข้างๆ จูล่ง และขงเบ้ง...
คนหนึ่งเป็นสุดยอดขุนศึกที่ฝากชีวิตกันมานาน...อีกคนเป็นสุดยอดมันสมองที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง...
ถามว่า...ระหว่างสองคนนี้ ในอนาคตถ้าจะมีใครซักคนเกิดความโลภเข้าครอบงำ อยากแย่งบัลลังก์มานั่งซะเอง...
คนที่อาจจะเป็นไปได้ และมีศักยภาพที่จะทำได้ น่าจะเป็น...ขงเบ้ง
ถามอีกข้อว่า...ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้ทั้งสองคนนี้ ยังไม่เคยมีใครแสดงออกเลยว่า น่าระแวง หรือมีแววจะหักหลัง
...แต่ในเรื่องความจงรักภักดี...จูล่งดูจะแสดงออกอย่างชัดเจนโดยไม่มีข้อสงสัยมากกว่า...เล่าปี่จึงน่าจะไว้ใจจูล่งสูงสุด...
แล้วก็ไม่รู้เป็นการลองใจรึเปล่า...ในประโยคท้ายๆของการสั่งเสีย เล่าปี่กระซิบขงเบ้งว่า...ถ้าเล่าเสี้ยน ลูกอั๊วมันดูไม่เข้าท่า...ลื้อก็นั่งบัลลังก์แทนเลย...
...ตรงนี้แหละฮะ ถ้าขงเบ้งเกิดเผลอแย้มความในใจ ตอบว่า...ได้พะย่ะค่ะ...ซึ่งแสดงว่า กูก็กระลิ้มกระเหลี่ยบัลลังก์มึงอยู่เหมือนกันนา...
ก็ไม่รู้ว่าทวนของจูล่งจะทะลุอกขงเบ้งอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า
...โชคดีที่ขงเบ้งไม่มีลับลมคมในอะไร...แกตกใจ ถอยกรูดลงจากที่นั่ง ไปกราบหัวโขกพื้นจนเลือดไหล สบถสาบานว่า จะซื่อสัตย์กับลูกเล่าปี่ตลอดไป...
นี่อาจจะเป็นด้วยความจริงใจ...หรือเป็นแผนสุดท้าย ที่จะผูกมัดขงเบ้งให้รับใช้แซ่เล่าของตนตลอดชีวิต
เล่าปี่ตายอายุหกสิบสาม...หลังครองราชย์ได้เพียงสามปี...
...ตอนนี้เจเนอเรชั่นเดิมๆ ชื่อที่เราคุ้นหูของสามก๊ก...ไปนอนคุยกะไส้เดือนกันเกือบหมดแล้ว...เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย โจโฉและอื่นๆ
ก่อนจะไปถึงเอพิโสดใหญ่ๆ ที่ขงเบ้งจะเป็นฝ่ายรุกรานวุยก๊ก จนต้องประมือกับสุมาอี้หลายยกนั้น...มีศึกที่มาก่อกวน จนทำให้ขงเบ้งต้องออกโรงเองอยู่หลายครั้ง
โจผี...โดยไอเดียสุมาอี้...เห็นเล่าปี่เพิ่งตาย เล่าเสี้ยนก็ดูเป็นพวกมือตีนบาง ไม่น่ามีอะไร...เลยเปิดเกมใหญ่ วางแผนส่งกองทัพจู่โจมเสฉวนถึงห้าเส้นทางพร้อมกัน
ตรงนี้ดูล้อๆกันกับศึกเก้าทัพ ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ยังไงไม่รู้...ยิ่งหัวหน้าคณะผู้แปลสามก๊ก...เจ้าพระยาพระคลัง(หน)...ซึ่งที่จริงแล้ว ท่านก็เป็นทหารเอกคนหนึ่ง ของรัชกาลที่หนึ่ง...มาตั้งแต่สมัยกรุงแตก...ตอนแปลนี้ ท่านจะได้บรรยากาศจากเรื่องจริง มาผสมด้วยหรือเปล่า...อันนี้ก็ไม่ทราบ
กลับมาที่สามก๊ก...ขงเบ้งนี่ สงสัยติดเชื้อเล่นตัวมาจากเล่าปี่...พระเจ้าเล่าเสี้ยนเรียกเข้าเฝ้าเรื่องศึกคราวนี้...หลายทีก็ไม่มา แกล้งบอกว่าป่วย...เล่าเสี้ยนต้องถ่อมาหาเอง
พอได้คุยกัน...ขงเบ้งก็บอก ไอ้ห้าทัพที่ยกมาน่ะ...วางแผนรับมือได้สี่ทางแล้ว ที่เหลือหนักใจคือ...ซุนกวน
จ๊กก๊ก กับง่อก๊กเพิ่งฉะกันมาหมาดๆ...พระเจ้าเล่าปี่กับน้องๆ ก็เพิ่งจะตายเพราะน้ำมือซุนกวน...ตอนนี้เลยหมางเมินกันอยู่...พอฝั่งโจผีชวนให้มารุมกินโต๊ะเสฉวน...ซุนกวนก็ทำท่าจะเล่นด้วย...โดยจะมาเป็นทัพที่ห้า...
แต่โชคดี ขงเบ้งคว้าเอาขุนนางคนนึงในขบวนเสด็จเล่าเสี้ยนนี่แหละ มาเป็นฑูต...ส่งไปหาซุนกวน...และก็เจรจาได้สำเร็จ...ที่ผ่านมาแล้วลืมๆกันไปนะ...จ๊กก๊กกับง่อก๊ก ก็กลับมาจูจุ๊บกัน...ตั้งหน้าลุยวุยก๊กทางเดียว...
แต่ยังก่อน...มันเกิดมีพยาธิตัวนึง มาเปิดศึกกวนใจขงเบ้งอีก
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,284
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
«
Reply #1 on:
12 July 2024, 15:32:13 »
moncheep siva
5 มี.ค. 2019 เวลา 17:21 • บันเทิง
คนที่เป็นคอสามก๊กจะรู้ดีว่า...กุนซือที่ระดับมือสูสีกับขงเบ้ง คือใคร...
กุนซือคนนี้เคยเดินผ่านหน้ากล้องเรื่องเล่าสามก๊กมาแว๊บๆ...คราวนี้เขาจะมาเปิดตัวแล้ว
เปิดยังไง เปิดแล้วผ่างหรือแผ่ว...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 42…
เบ้งเฮก...ที่บางตำราบอกว่า ก็คือต้นตระกูลของไทยแลนด์แดนสยามนี่เอง...แกเป็นเจ้าเมืองเล็กๆอยู่แถวชายขอบ แต่ชอบคอยจุ๊กจิ๊กมาตีกินเมืองเล็กเมืองน้อยชายขอบล่างๆ...
เทียบความสำคัญแล้ว...ศึกระดับ อบต. แค่นี้...ไม่น่าจะต้องถึงขั้นเมสซี่เบ้งลงสนามเอง ส่งผบ.ระดับรองๆมาก็ได้...แต่ขงเบ้งให้เหตุผลว่า...มันอยู่ไกล ถ้ามันคอยตอดเล็กตอดน้อยอยู่เรื่อยๆ มันกวนใจ...
ต้องจัดการด้วยหลัก...ตีจนเคารพ ตบจนนับถือ...จึงจะเอาอยู่...
มื้อแรก...เบ้งเฮกส่งลูกน้องสามคน ทหารสามกอง...มาชิมลางก่อน...
ขงเบ้ง...ตามถนัด...ก็ยุคนนั้น แหย่คนนี้ ปลอมจดหมายคนนู้น...จนสามเกลอนี่ หันมาตัดหัวกันเองซะสองหัว...จบมื้อแรกไป...
มื้อต่อมา เบ้งเฮกมาเอง...แล้วก็ถูกจับได้โดยกลยุทธเดิมๆ...รบล่อ แล้วใช้ทหารซุ่มล้อมจับ
เบ้งเฮกถูกมัดเข้ามาหา...ขงเบ้งถามว่ามึงกลัวกูป่าว...เบ้งเฮกบอก ฮี่ท่อ...มึงใช้แผนหลอกกูเข้าช่องเขาแล้วล้อมจับ กูเลยแพ้...
ขงเบ้งขำ...เอ้าๆๆไม่เป็นไร กินข้าวกินปลาให้อิ่ม...เดี๋ยวกูปล่อย...มึงไปจัดทหารมารบใหม่นะ...
ครั้งต่อมา เบ้งเฮกถูกจับได้อีก...มึงกลัวกูยัง...เฮ้ย คราวนี้ลูกน้องทรยศ มันจับกูมาว้อย...ถ้ารบจริงๆกูไม่แพ้หรอก...
เอ้อๆๆๆได้ๆๆ กินข้าวก่อน...อิ่มแล้วขงเบ้งให้เรือข้ามไปส่งเบ้งเฮกซะด้วย...เดี๋ยวเจอกันเน้อ...
ครั้งต่อมา ส่งน้องชายกะจะมาเป็นไส้ศึก...โดนขงเบ้งใส่ยาพิษเดี้ยงไป...เบ้งเฮกถูกจับอีก...
โธ่ ถ้าน้องกูไม่เห็นแก่กิน...กูไม่โดนจับหรอกเว้ย...เอ้าปล่อย...
เบ้งเฮกไปขุดโคตรเหง้า เมีย น้องเมีย เพื่อน ใครมีคาถาอาคมอะไรเอามาใช้หมด...แต่ก็ยังแพ้ โดนขงเบ้งจับแล้วปล่อยทุกครั้ง
โดนจับปล่อยๆ ยังงี้หลายรอบ...เบ้งเฮกก็ยัง...ปู้ดโท่...เพราะยังงั้นเพราะยังงี้ อ้างไปเรื่อย...จนครั้งสุดท้าย...ขงเบ้งถึงกะส่ายหัว...บอกกูอายแทนแล้วว่ะ
เบ้งเฮกถึงได้ยอมอ่อนน้อม ให้สัตย์สาบานไว้ว่าจะซื่อสัตย์เลิกก่อกวน...
เอาล่ะ...ซุนกวนก็เป็นพันธมิตรกันแล้ว...เบ้งเฮกก็ปล้ำจนเชื่อง วางใจได้แล้ว...ต่อไปขงเบ้งจะได้ลุยขึ้นเหนือ ฉะกับโจผีและสุมาอี้ให้สนุกซะที...
...แต่ยังไม่ทันที่ขงเบ้งจะจัดทัพไปลุยให้รู้ดำรู้แดง...โจผี ไม่รู้เกิดขี้เกียจขึ้นมายังไง...หยุดหายใจซะดื้อๆ...เดือดร้อนคนอ่านสามก๊ก...มีชื่อใหม่ๆมาให้จำอีก...
โจยอย...ลูกชายโจผีขึ้นครองวุยก๊กแทนพ่อ...พอครองบัลลังก์ปั้บ...ก็ตั้งสุมาอี้มาครองเมืองหน้าด่านใกล้ๆเสฉวน...
ขงเบ้งหัวเราะยังไม่ทันขาดเสียง ที่รู้ว่าโจผีตาย...ก็เดือดเนื้อร้อนใจกับชื่อสุมาอี้ขึ้นมา...ด้วยความที่เคารพในฝีไม้ลายมืออยู่...เชื่อเลยว่ามาจ่อคอหอยอยู่อย่างนี้...ต้องเล่นเสฉวนแน่นอน...งั้นระหว่างที่สุมาอี้มาใหม่ๆ...ไปอัดมันก่อน...
เสธ.รุ่นใหม่...ม้าเจ๊ก...บอกไม่ต้องยกทหารไปตีหรอก...ใช้แผนเจาะยางดีกว่า
บัตรสนเท่ห์ปลิวว่อนตามเมืองต่างๆ ในวุยก๊ก...เนื้อความมีว่า...ข้าพเจ้าสุมาอี้...ขอเรียกร้องว่า เดิมโจโฉจะยกราชสมบัติให้โจสิด ซึ่งเป็นน้องโจผี...แต่สงสัยวิ่งเต้นไม่ถึง เลยหลุดโผ...คราวนี้พอโจผีตาย...สมบัติก็น่าจะกลับมาให้โจสิดสิคร้าบบ...ไม่ใช่โจยอย...มาๆๆๆ เป่านกหวีดปรี๊ด...ว้ายยย...ไม่ใช่แล้ววว
โจยอยอายุยังน้อย...เจอข่าวลือยังงี้เข้าก็หวั่นไหว...ยิ่งเจอพวกบ่าง...ซึ่งแพร่พันธุ์อยู่ทุกสำนัก...เป่าหูเข้าไปอีก...โจยอยถึงกับต้องแต่งทัพ ยกไปหาสุมาอี้ถึงเมืองหน้าด่าน...
ที่แรกสุมาอี้ก็ดีใจ เจ้าเหนือหัวมาเยี่ยม...แต่พอเจอถามเรื่องบัตรสนเท่ห์ กับโดนต่อว่าๆมึงจะคิดกบฏหรอ...สุมาอี้ถึงกับน้ำตาตก...รีบชี้แจง
เปล่าๆๆๆ ไม่เคยคิดนอกใจเลยพระเจ้าข้าให้ตายดิ้น...เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ...ขอกำลังทหารให้ข้า ข้าจะไปตีเสฉวนมาถวายให้ดู
เข้าทางอีพวกบ่างทันที...เห็นมั้ยพระองค์...มันขอกำลังทหาร จะเอาไปตั้งตัวแน่ๆ...สุดท้าย สุมาอี้...มือที่พอจะฟัดกับขงเบ้งได้...ก็ถูกเจาะยางแตก...โดนปลดให้กลับไปทำไร่ไถนาที่บ้านเดิมทันที...แต่ยังไม่จบครับ...สุมาอี้แวะร้านปะยางสักครู่...เดี๋ยวได้กลับมารับมือขงเบ้งแน่นอน
คนมาแทนเป็นลูกไฮโซ...แฮหัวหลิม...ชื่อมันก็บอกแล้วว่าหัวหลิม ไม่น่าจะฉลาดเท่าไหร่...เจอขงเบ้งรุกไล่ไม่กี่ยก ก็เยินกลับไป...
ตรงนี้มีตัวละครอยู่ตัวนึง อยู่ฝั่งหัวหลิมนั่นแหละ...แกฉลาดในระดับที่ขงเบ้งยกให้เทียบเท่าบังทองเลยล่ะ...แล้วก็ไม่ได้เป็นเสธ.นั่งชี้นิ้วอย่างเดียว...แต่จับทวนขึ้นม้า ซัดกับอัศวินระดับจูล่งได้อย่างสูสี...
ยกแรกๆ...ขงเบ้งถึงกะอี้ง...ใครวะ แม่งตอบโต้แผนการรุกของกูได้ตั้งหลายรอบ...ไปสืบดู...ชื่อ เกียงอุย...ก็อาศัยความเก๋าเกมกว่า บีบซ้ายบีบขวา จนเกียงอุยจนตรอกถึงกับจะเชือดคอตาย...ขงเบ้งต้องปลอบประโลม...โอ๋ๆๆๆ มาอยู่กะป๋า...เดี๋ยวป๋าจ่ายค่าเทอมให้ รถ คอนโดพร้อม...
น่าเสียดาย...นี่ถ้าเกียงอุยอยู่คนละฝ่ายกับขงเบ้ง...คงได้ประลองกันสนุกอีกหลายยก...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,284
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
«
Reply #2 on:
12 July 2024, 15:33:11 »
moncheep siva
6 มี.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
สามก๊กตอนนี้ มาถึงบทบาทของขงเบ้งที่หลายๆคนเคยผ่านหู "ขึ้นนั่งบนกำแพงแสร้งตีขิม พยักยิ้มให้ข้าศึกนึกฉงน"
ทำไมขงเบ้งต้องลงทุน ทำอะไรพิศดารขนาดนั้น...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 43…
สถานการณ์ด้านวุยก๊กชักไม่ค่อยดีแล้ว...เกียงอุยก็หันไปอยู่ฝั่งขงเบ้ง ลูกทั่นหลานเธอคนอื่นๆ ถูกส่งมาบัญชาการรบ...ก็เจ๊งบ๊งหมด...โจยอยถึงกับเอาตีนก่ายหน้าผาก...เอาไงดีวะ
มีคนสะกิดเตือน...เจ้านาย มีคนเดียวที่พอจะรับมือขงเบ้งได้...คราวก่อนยางแตกไป...นายไปตามกลับมาด่วน
โจยอยถึงได้ตื่น...ตั้งสุมาอี้กลับมาเป็นแม่ทัพ
มือที่คู่คี่ ได้กลับมาเผชิญกันอีกครั้ง...และคราวนี้เป็นฝ่ายขงเบ้งเปิดคางให้สุมาอี้ได้ทิ่มเอาหน้าหงายมั่ง...
ในการรบยกนี้ มันมีจุดยุทธศาสตร์อยู่จุดนึง เป็นจุดเป็นจุดตายโคตรสำคัญที่ทัพขงเบ้งยึดได้แล้วห้ามเสียให้แก่ข้าศึกโดยเด็ดขาด...ขงเบ้งถามหา ใครจะอาสาคุมจุดนี้ให้...
...ม้าเจ๊ก อัศวินหนุ่มยกมืออาสา...
ม้าเจ๊กคนนี้ถือได้ว่าเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองทีเดียว มีฝีมือครบทั้งบู๊และบุ๋น...
แต่ขงเบ้งเองก็พลาดตรงที่ลืมไปว่า นายพลหนุ่มคนนี้ แม้พระเจ้าเล่าปี่จะรักเหมือนลูก แต่พระองค์ก็เคยเตือนว่า ไอ้นี่มันขี้โม้อยู่นา ฟังมันพูดก็หารเยอะหน่อย...ก็เลยยังมอบหมายให้ม้าเจ๊กคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญตามที่อาสา...
...จุดสำคัญที่ว่านั้น มันเป็นเนินเขา ด้านล่างเป็นลำธาร...เมื่อยกกองทหารมาถึง ม้าเจ๊กโม้ก่อนเลย...ทำเลหมูๆป้องกันง่ายขนาดนี้ ท่านขงเบ้งจะมาย้ำนักย้ำหนาทำไมวะ...ว่าแล้วก็กางตำราพิขัยสงครามบอกเลย การรบถ้าจะได้เปรียบ เราต้องอยู่ที่สูง...เพราะฉะนั้น เราไปตั้งค่ายบนเขา...
...นายพลผู้ช่วยอุตส่าห์ออกตัวค้าน...นาย ถ้าเราไปอยู่บนเขา แล้วข้าศึกมันปิดล้อมด้านล่าง เรามิอดน้ำแห้งตายกันเรอะ...
...อ๋ายยย ดีสิ...ยิ่งมาปิดล้อม ทหารเราก็มันจนตรอกก็จะยิ่งสู้ตาย...ม้าเจ๊กผู้อีโก้สูง ยังมั่นใจในคอนเซ็ปต์ของตน
...ก็ขนาดนายพลผู้ช่วย ยังเห็นจุดอ่อนของการตั้งทัพ...มีรึที่สุมาอี้จะไม่เห็น...สั่งทหารวุยก๊กเข้าล้อมเชิงเขานั้นทันที...แล้วโดยไม่ต้องออกแรงรบมาก แค่ปิดทางไม่ให้ทหารม้าเจ๊กลงมาตักน้ำได้...
ผลคือ กองทหารของม้าเจ๊กถูกล้อมจนอดน้ำอดท่า พื้นที่สำคัญนั้นถูกสุมาอี้ยึดได้ไม่ยากนัก...
สงครามคราวนั้น ฝ่ายขงเบ้งเลยเป็นฝ่ายหงายท้อง จากที่ได้เปรียบๆอยู่ โมเมนตั้มก็ตีกลับในเวลาไม่นาน...
ขงเบ้งต้องเปลี่ยนจากแผนรุก มาเป็นแผนถอยทันที...ใช้เมืองเล็กๆเมืองนึงเป็นกองบัญชาการ...สั่งคนนั้นไปรับมือตรงนี้...สั่งคนนี้ไปหลอกล่อตรงนู้น...กระจายกันไปจนเหลือทหารติดเมืองอยู่แค่สองพันกว่าคน...
แล้วจู่ๆม้าใช้เข้ามารายงานด่วน...สุมาอี้ยกกองทหารหนึ่งแสนห้าหมื่นคน เข้ามาใกล้เมืองแล้วครับ
ขงเบ้งและทหารแวดล้อม ถึงกับตะลึง...นึกไม่ถึงว่าทัพสุมาอี้จะเคลื่อนมาเร็วขนาดนี้...หน้าซีดกันไปทุกคน...กล้องโคลสอัพไปที่ขมับของขงเบ้ง...เหงื่อไหลเป็นทางตามจอนผม...เสียงดนตรีต่ำๆคลอมาแบบกดดันๆ...บรรยากาศตึงเครียดสุดขีด...
ทันใดนั้น ขงเบ้งก็ลุกขึ้นประกาศก้อง...เอาล่ะ มีทางออกแล้ว...กูจะต้องเปิดคอนเสิร์ต...
ต้นฉบับ ขงเบ้งเล่นกระจับปี่...แต่เวอร์ชั่นนี้ ขงเบ้งเปิดคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบเลยฮะ...ทำเอาสุมาอี้ต้องลุกขึ้นแดนซ์กระจาย
...ซิกเนเจอร์ซีน อันนึง...ที่คนสนใจสามก๊กจะต้องเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง...เมื่อขงเบ้ง...
"ขึ้นไปนั่งบนกำแพงแสร้งตีขิม พยักยิ้มให้ข้าศึกนึกฉงน"...แต่ในหนังสือสามก๊กเขียนว่า เล่นกระจับปี่ครับ...ขงเบ้งจวนตัวจริงๆ ต้องเอาเกียรติประวัติของตัวเองเป็นเดิมพัน...ลุกขึ้นมาทำอะไรแปลกๆ...ในขณะที่ทหารรอบข้างเกร็งกันเยี่ยวเหนียว
ม้าเร็วที่ล่วงหน้ามา เผ่นกลับไปรายงานสุมาอี้...นายครับ ขงเบ้งเปิดคอนเสิร์ตบนกำแพงเมืองครับ...แล้วเป็นไง คนเยอะมั้ย มีใครเป็นเกสต์มั่ง...คนไม่เยอะครับ บรรยากาศแปลกๆ ประตูเมืองเปิดอ้าซ่า ขงเบ้งแกโซโล่คนเดียวเลยครับ...
สุมาอี้รีบพา ทส. ควบม้าขึ้นหน้าไปดู...จริงด้วย คอนเสิร์ตเชี่ยไรวะ ไม่มีคนดู ขงเบ้งโชว์เดี่ยวอยู่บนกำแพง ประตูเมืองก็เปิดด้วย...ลึกลับๆยังงี้ มันต้องมีกับดักแน่นอน
สุมาอี้สั่งถอยทัพทันที ในลักษณะ...ค่อยๆคลานออกไป...ลูกชายบอก...โธ่ป๋า ไอ้เบ้งมันจนตรอกแล้ว ถึงมาทำใจดีสู้เสือ...โจมตีมันเลยดีกว่า...สุมาอี้บอก ไม่เอา กูไม่เสี่ยง...
ยิ่งกองทหารที่ขงเบ้งใช้กระจายออกไป...กลับมาคอยโห่ซ้ายโห่ขวาอยู่ตามราวป่า...สุมาอี้ยิ่งวิ่งกันหัวโกร๋น ..
เอาเป็นว่า ยกนี้เสมอกันไป...
ขงเบ้งกับสุมาอี้ได้รบกันอยู่หลายยก...ไม่มีใครแพ้ชนะแบบเด็ดขาด...ผมจะดึงเฉพาะฉากที่สนุกๆมาเล่าให้ฟังแล้วกัน
มีอยู่ยกนึง...รบๆกันอยู่ ทางขงเบ้งก็มีทำเป็นถอย ล่อให้สุมาอี้เข้าตี...สุมาอี้ก็แหยงๆ แต่ทหารรอบตัวเห็นขงเบ้งถอยหลายรอบเข้า...ชักคัน ขอยกพวกตามตีมั่ง...ก็หน้าแหกกลับมา...
สุดท้ายเกิดอุบัติเหตุ...ลูกชายเตียวหุย ที่ตอนนี้มาเป็นทหารใหญ่...ตกม้าหน้าทิ่มหินตาย...ขงเบ้งเสียใจถึงกับกระอักเลือดป่วยหนัก เลยต้องถอยจริง...แน่นอน...สุมาอี้ไม่กล้าตามตีแน่...การอ้วกเป็นเลือดของขงเบ้งคราวนี้ เป็นสัญญาณแรกๆของร่างกายที่เสื่อมถอย
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,284
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
«
Reply #3 on:
12 July 2024, 15:34:30 »
moncheep siva
7 มี.ค. 2019 เวลา 19:58 • บันเทิง
วันนี้มาช้าหน่อย...เชิญเสพเลยแล้วกันครับ
สามก๊ก ตอนที่ 44…
คราวหนึ่ง...ทหารฝ่ายสุมาอี้ขนกองเกวียนมา แกล้งทำเป็นว่าขนเสบียง จะล่อให้ขงเบ้งมายึด แต่ที่แท้ในเกวียนนั้นใส่ดินปืนไว้แทน...กะว่าถ้าโดนยึดก็จะทำเป็นล่าถอย แล้วยิงธนูไฟเข้าใส่เกวียน...เอาให้ทหารขงเบ้งวอดวาย
ขงเบ้งแกก็ดันรู้ทันได้ยังไงไม่ทราบ...ว่าไอ้ที่ขนๆมาล่อน่ะ ดินปืนทั้งนั้น...งั้นกูเล่นง่ายๆเลย...พวกมึงขนเกวียนบรรทุกดินปืน กะจะหลอกให้กูปล้นใช่มั้ย...กูไม่ปล้น แต่ให้ทหารยิงธนูไฟใส่เกวียนแม่งเลย...ก็ระเบิดตูมตาม หน้าแหกไปตามๆกัน...
หรือแม้กระทั่งลูกน้องตัวเอง ขงเบ้งแกยังสับขาหลอกเลย...มีการสั่งให้ทหารเอก ยกทัพใหญ่ไปตีเมืองนึง...ไอ้ทัพนี้ก็ยกกันไปเอิกเกริก เอะอะโครมคราม...ไอ้เมืองเป้าหมายก็หันหน้าเตรียมสู้...
ระหว่างนั้นขงเบ้งยกกองทหารเล็กๆ ไปเงียบๆเข้าตีท้ายครัว...ยึดเมืองได้ก่อน...พอทัพใหญ่มาถึงก็งง อ้าวธงประจำตัวขงเบ้งมาอยู่ในเมืองตั้งกะเมื่อไหร่ ขงเบ้งยังโผล่หน้ามาแซวลูกน้อง...ไงพวกมึงพึ่งมาถึงว้าา...ช้าแสรสสส
แล้วก็ไม่ใช่ว่าสุมาอี้จะโดนเจาะยางแตกฝ่ายเดียว...ขงเบ้งเองก็เจอตาปูเรือใบยางแตกเข้าให้เหมือนกัน...
มีอยู่ยกนึง...ขงเบ้งกำลังรุกคืบหน้าได้เปรียบสุดๆ เรียกว่าแทบจะยึดเมืองหลวงของวุยก๊กได้อยู่แล้ว...สุมาอี้ส่งคนไปปล่อยข่าวทางเสฉวนว่า ขงเบ้งมีทหารในมือขนาดนี้ อยากจะกบฎหันกลับไปยึดเสฉวนเมื่อไหร่ก็ได้...
เล่าเสี้ยนก็เด็กสปอยล์แบบเดียวกับโจยอย และคงไม่รู้ความจริงว่า เล่าปี่ก่อนตายเอ่ยปากยกราชสมบัติให้ขงเบ้ง แต่ขงเบ้งไม่รับเอง...มาเจอยังงี้ก็ชักหวั่นไหว...ขงเบ้งเลยต้องกลับไปปะยางที่เสฉวน...ไอ้เมืองต่างๆที่ยึดคืบหน้ามาได้ ต้องคายคืนหมด
พอกลับมาเจอหน้า...ขงเบ้งถามเสียงเข้ม...ข้าพุทธเจ้ากำลังทำศึกได้เปรียบอยู่...ไม่ทราบว่าพระองค์เรียกกลับมาทำไม...เล่าเสี้ยนไม่กล้าสบตา ทำหน้าเหมือนหมาสำนึกผิด...ป่าว ไม่มีไร แค่คิดถึงอยากคุยด้วย...น่าตบชิบบบ
พูดถึงเรื่องเจาะยางนี่ ที่จริงแล้วขงเบ้งโดนถึงสองรอบ...รอบแรกก็อย่างที่เล่ามา...อีกรอบโดนคนในเจาะยางกันเอง...คราวหนึ่งรบติดพันอยู่...มีข่าวแจ้งมาว่า ซุนกวนจะมาตีเสฉวน...ขงเบ้งก็รีบกลับมาเฝ้าถ้ำ...
เจอหน้า เล่าเสี้ยนถาม...ท่านกลับมาทำไม...อ้าวก็มีข่าวซุนกวนจะมาตีเสฉวน พระองค์อยู่คนเดียวเกรงจะไม่มีพระสติปัญญารับมือ...ป่าวนี่ เงียบสงบดี...
สอบสวนได้ความว่า ไอ้คนที่รับหน้าที่ส่งเสบียง มันส่งไม่ทัน...เลยปล่อยข่าวแบบนี้ ให้ขงเบ้งกลับมาปะยางก่อน...
ฉากนึงที่สนุก...ขงเบ้งยกทัพจะเข้ามายึดเมืองๆนึง ที่เป็นทุ่งข้าวสาลีเพื่อจะเอาไปเป็นเสบียง พอมาถึง...อ้าว สุมาอี้แม่งมายึดไว้ก่อนแล้ว เอาทหารลงทุ่งเตรียมจะเก็บเกี่ยว...เอาไงดีวะ
ขงเบ้งใช้แผนพิสดารที่ไม่มีในตำรา แต่อาศัยกิตติศัพท์ความเก่งที่ร่ำลือกันไป จนพี่แกเป็นกึ่งคนกึ่งเทพไปแล้ว...มาสร้างสถานการณ์หลอกเอาซึ่งๆหน้า...โดยทำรูปหุ่นเหมือนตัวเองขึ้นมาอีกสอง รวมตัวเองก็เป็นสาม...แล้วก็จัดขบวนทหาร แต่งตัวเหมือนเทวดา สยายผมนุ่งขาวห่มขาวแยกเป็นสามกอง...
กองซ้ายเดินสวดมนต์เข้าไปทีนึง พอทหารสุมาอี้จะเข้ามาจับ ก็หลบเข้าป่า...กองขวาก็เดินเข้ามาจากอีกทางทันที...อ้าวเฮ้ย...ไอ้กองตะกี๊ เห็นขงเบ้งนั่งเกวียนนำเข้ามา มันเพิ่งหลบออกไปทางซ้าย...ไอ้กองขวานี้ก็มีขงเบ้งนั่งมาด้วย...มันแยกร่างได้หรือไงวะ
ระหว่างงงๆกันอยู่ คราวนี้...ซ้าย ขวา หน้า...เข้ามาพร้อมกันสามกอง...และมีขงเบ้งสามคน นำเข้ามาพร้อมกัน...ว้ายยผีหลอก...ทหารสุมาอี้ก็เผ่น...ยกทุ่งข้าวสาลีให้ขงเบ้งเกี่ยวจนเกลี้ยง...
จะว่าไปแล้ว สติปัญญาของสองคนนี้ก็ไม่ได้ทิ้งห่างกันเท่าไหร่นัก...ขงเบ้งอาจจะเหนือกว่านิดๆ แต่ด้วยความที่เป็นทีมเยือน สุมาอี้เลยอาศัยความเป็นทีมเหย้า ยันขงเบ้งอยู่ทุกครั้ง...
ขงเบ้งรบกับสุมาอี้มาแล้วหกครั้ง ไม่ชนะซะที...คราวนี้จะเป็นครั้งที่เจ็ดครั้งสุดท้าย...
ถึงเวลานี้ เราต้องนึกภาพขงเบ้งกันใหม่...ห้าสิบกว่าแล้วไม่ใช่แบบยี่สิบปลายๆตอนที่มาใหม่ๆ...สุขภาพก็ทรุดโทรม อาจจะด้วยล้างผลาญชีวิตผู้คนมาเยอะ...เรื่องกรรมสนองมันก็มีบ้างล่ะ
ก่อนยกทัพครั้งนี้ เล่าเสี้ยนก็ห้าม...แค่เสฉวนที่ครองอยู่ก็เอาแล้วน่าท่านพ่อบุญธรรม อย่าไปตรากตรำเลย...โหรหลวงก็ห้าม บอกดาววุยก๊กยังสดใส...ดาวท่านมหาอุปราชเองนั่นแหละที่ริบหรี่...
ขงเบ้งถึงกับน้ำตาไหล...บอกว่าที่ต้องดื้อเนี่ย เพราะรับปากเล่าปี่ไว้แล้วต้องทำให้ได้...ถ้าไม่สำเร็จจะไม่กลับมาเลย...ฉากนี้นึ่งซาละเปาได้เยอะเลย...เพราะซึ้งมาก
ก่อนเคลื่อนทัพ ก็มีเรื่องให้ต้องสลบอีกรอบ...ลูกชายกวนอู ทหารคู่ใจยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ...ก็มาตายปัจจุบันทันด่วน...แต่ทำไงได้...ถึงฤกษ์...ทัพที่มีแม่ทัพเกือบจะเป็นซอมบี้...ก็ต้องเคลื่อนพล
งวดนี้ขงเบ้งคงดูลุกลี้ลุกลนผิดปกติ...และสิ่งที่ปรากฏอยู่บนฟากฟ้า ดาวประจำตัวขงเบ้งที่มันขมุกขมัวพิกล...โหรหลวงยังรู้เลย แล้วทำไมสุมาอี้จะไม่รู้...เลยใช้แผนทีมชาติอิตาลี...รถบัสสองชั้นขวางหน้าโกล์...มึงบุกได้บุกไป...เดี๋ยวเสบียงหมดมึงก็กลับไปเอง
แต่ขงเบ้งนี่แกไม่ได้เก่งแค่การทหาร หรือรัฐศาสตร์...วิศวะนี่แกก็สุดยอด...ศึกครั้งนี้แกพลิกโฉมกระบวนการโลจิสติกเลยล่ะ...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,284
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
«
Reply #4 on:
12 July 2024, 15:35:49 »
moncheep siva
8 มี.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
สามก๊กตอนนี้ เป็นตอนรองสุดท้ายแล้วครับ...
ขงเบ้ง ตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่อง ถึงคราวลาโลก...แต่ก่อนจะลา เขาได้ควบสุดฝีมือเพื่อพาราชวงศ์ฮั่นกลับไปรวบรวมอาณาจักรจีน เป็นหนึ่งเดียวให้ได้...
ภารกิจของเขาจะสำเร็จหรือไม่อย่างไร...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 45…
ขงเบ้งแกซุ่มออกแบบ "โคยนตร์" ขึ้นมา...เจ้าโคยนตร์ที่ว่านี้ หน้าตาเหมือนวัวแต่กลไกทำมาจากไม้ทั้งตัว บรรทุกข้าวของได้ ถ้าผลักไปข้างหน้ามันก็จะเดินต่อไปเรื่อยๆ ขึ้นเขาลงห้วยได้หมด...พอถึงที่หมาย...ฉุดเอาไว้มันก็หยุด...ไม่ต้องใช้น้ำมัน แก๊ส หรือฟืนใดๆทั้งสิ้น...ค่าซีโอทูเป็นศูนย์...เทสล่ายังสู้ไม่ได้...ลดโลกร้อน...ตุดยอดดด
สุมาอี้ชักนิ่งไม่ได้...มันขนส่งเสบียงกันคล่องยังงี้ แล้วจะล้อมกูอีกกี่ปีวะ...ไม่ได้การ...สั่งทหารไปปล้นโคยนตร์มาได้ห้าตัว...แล้วทำไงต่อ...ก๊อปสิฮะ ถามได้...
ตั้งโรงงานผลิตกันเลย...กี่ชิ้นกี่ส่วนเอาให้เหมือน...ก็ผลิตออกมาได้เป็นพันตัว...ถึงตรงนี้อย่าแปลกใจ ที่จีนทำของเลียนแบบเก่ง...ก็แม่งก๊อปกันเองมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วนิ...
แต่ในตัวโคยนตร์เอง ยังมีลูกเล่นซ่อนอยู่ โดยที่ถึงจะก๊อปเหมือนเป๊ะ แต่ก็ยังไม่รู้ลูกเล่นอันนี้...คือจะมีลิ้นอันนึง...ถ้าพลิกไปทางนึงจะเหมือนปิดสวิทช์...คราวนี้ผลักยังไงก็ไม่เดิน...ต้องพลิกลิ้นไปอีกทาง ถึงจะทำงานได้ตามปกติ
...ค่ำคืนนึง ขงเบ้งให้ทหารแอบเข้าไปพลิกลิ้นโคยนตร์ของสุมาอี้ ให้หยุดทำงานซะ...พอทหารจะมาใช้งาน...อ้าว...ผลักยังไงๆมันก็ไม่เดิน...สุดท้ายก็ต้องทิ้งไว้เฉยๆ...ขงเบ้งก็เลยได้โคยนตร์มาใช้ฟรีๆอีกนับพันตัว...
...เอาล่ะ ฝ่ายบุกมีการขนส่งเสบียงที่อุดมสมบูรณ์แล้ว...ฝ่ายรับก็อุดสิฮะ...สั่งเจ๊เกียว เอารถบัสมาโหลนึง ขวางหน้าประตูไว้...ฝ่ายขงเบ้งก็วางแผนล่อแล้วล่ออีก...สุมาอี้ก็อดทนเข้าไว้...
จนกระทั่งครั้งหนึ่ง ขงเบ้งวางแผนมาหลายซับหลายซ้อน จนสุมาอี้อดรนทนไม่ได้...ต้องออกไปโจมตีหวังจะปล้นเสบียง...
ไอ้เสบียงที่ขงเบ้งเอามาล่อนี้อยู่ในทำเลลึกลับ มีหุบเขาล้อมรอบมีทางเข้าออกเล็กๆทางเดียวเท่านั้น...พอสุมาอี้หลงเข้ามา...อ้าว ไอ้กระท่อมเอย เกวียนเอย ที่คิดว่ามีเสบียงอยู่...กลับกลายเป็นดินปืนเชื้อเพลิงไปซะฉิบ...เฮ้ย แล้วนี่ถ้าทหารขงเบ้งแม่งปิดทางเข้าออกเข้าให้ กูมิแย่รึวะ...
ราวกับขงเบ้งจะได้ยินเสียงเรียกร้อง...ทหารกรูกันออกมาเอาหินทุ่มปิดทางเข้าออกเล็กๆทันที แถมด้วยพลธนูก็ประเคนธนูไฟเข้าใส่แบบถึงใจ...ดินปืน เชื้อเพลิง...ต่างก็ทำหน้าที่ของมันอย่างซื่อตรง...สุมาอี้ตกใจ ปีนขึ้นม้าแล้วก็ตกลงมา...ปีนตกๆอยู่ถึงสี่ห้ารอบ...จนต้องมานั่งกอดลูกสองคนร้องไห้...คราวนี้เราคงจะถึงที่ตายเป็นแน่แท้...
ขงเบ้งยืนมองอยู่บนยอดเขา...มือกำขวดแชมเปญไว้แน่น...ใกล้ได้เปิดจุกฉลองชัยชนะแล้ว...หมดสุมาอี้ซะคน...ที่เหลือแม่งก็ขี้ไก่...วุยก๊กเสร็จกูแน่...แล้วง่อก๊กจะไปไหนเสีย...
แต่คนที่ยังไม่ถึงที่ตาย ถึงจะอับจนขนาดไหน...ก็ยังรอดมาได้แบบคิดไม่ถึง...ฝนตกครับ ตกแบบไม่ลืมหูลืมตา ฟืนไฟไม่ต้องพูดถึง...ดับหมด...ประวิงเวลาจนทหารของสุมาอี้ตีฝ่าเข้ามาแก้เจ้านายออกไปได้...ขงเบ้งถึงกับส่ายหัว เหลือบตามองฟ้า...มึงโคตรไม่แฟร์กับกูเลยว่ะ...
รอดตายมาได้แบบฟ้าเข้าข้างอย่างน่าเกลียด...สุมาอี้ก็ใช้แผนเดิม...อุด...และใช้เวลาเป็นอาวุธเสริม เพราะสุมาอี้ก็ดูดาวเป็นเหมือนกัน...รู้ว่าขงเบ้งนี่ สงสัยยมบาลกวักมือเรียกแล้ว...ขงเบ้งเองก็โทรมลงไปทุกวันๆ...
...แล้วก็มาทรุดหนักอีตอนที่ไพ่ใบสุดท้าย...ซุนกวน...ที่ขงเบ้งติดสินบนให้มาช่วยตีวุยก๊กด้วยกัน...ดันแพ้ย่อยยับกลับไปเสียอีก...ขงเบ้งถึงกับร้องเจี๊ยกสลบ...ตื่นขึ้นมาก็รู้ตัวเลยว่า...ไม่รอดแน่...
เกียงอุย...ที่ตอนนี้ถือเป็นศิษย์เอก...แนะให้ทำพิธีต่ออายุ...ขงเบ้งก็เอาด้วย...พิธีต่ออายุนี้ จะต้องจุดโคมไฟเสี่ยงทาย และก็ทำนั่งพิธีต่อเนื่องกันเจ็ดคืน...ถ้าโคมไฟไม่ดับ...ก็จะต่ออายุไปได้อีกสองปี...เอาวะ สองปีน่าจะพอทำภารกิจให้ลุล่วง
ขงเบ้งก็เริ่มเลย กลางคืนทำพิธี กลางวันออกทำงาน...สั่งงานไป อ้วกเป็นเลือดไป สลบไป...แต่ก็ลากสังขารมาได้จนครบหกวัน...โคมไฟก็ยังสว่างดีอยู่จนถึงคืนสุดท้าย...
ฝ่ายสุมาอี้...เอ...ขงเบ้งแม่งเงียบเลยเว้ย ไม่เห็นมาท้าทายเหมือนเคย...ออกไปดูดาว...หุหุ...ดาวมึงริบหรี่เต็มทีแล้วนี่หว่า...สุมาอี้ก็เก่งขึ้นทันที...ส่งทหารออกไปเซิ้งถึงหน้าค่ายขงเบ้ง...
อุยเอี๋ยน...ทหารเอกคนนึง...ที่เล่าปี่กับขงเบ้งเคยมีความเห็นตรงกันว่า...เก่ง แต่ใจไม่ซื่อ...มีโอกาสแม่งกบฎแน่...ได้ยินเสียงท้าโหวกเหวกท้าทายอยู่หน้าค่าย...ก็อดรนทนไม่ได้ วิ่งพรวดพราดเข้าไปข้างใน...ไม่ได้ดูเล้ยยยยว่าเขาทำอะไรกันอยู่...
ไปเตะโคมไฟเสี่ยงทายดับ...
ขงเบ้งถึงกับปลงดินฟ้าโชคชะตา...ตอนล้อมสุมาอี้ก็ทีแล้ว...ตอนนี้อีกที...ฟ้าไม่ให้โอกาสกูเลยหนอ...ฝ่ายเกียงอุยนี่ก็โกรธจนลืมตัว...มึงมาเตะโคมไฟดับยังงี้ เท่ากับฆ่าท่านมหาอุปราชเลยนะมึง...คว้าดาบได้จะฟันอุยเอี๋ยนให้ขาดสองท่อน...ขงเบ้งต้องห้ามไว้...แล้วๆไปเถอะ...ไหน มึงอยากไปรบใช่ไหม...เอ้าออกไปกัดกันให้หายอยาก...
รู้ตัวว่าเป็นคืนสุดท้ายแน่แล้ว...ขงเบ้งมอบหมายงานแบบแข่งกับความตาย...
...เกียงอุย...คือคนที่ขงเบ้งมอบสรรพตำราให้...
...รุ่งเช้ายังอุตส่าห์หอบร่างขึ้นรถศึก ตรวจค่ายเป็นครั้งสุดท้าย...
...ฝากฝังให้ทำพิธีไสยศาสตร์ เพื่อพยุงดาวประจำตัวไว้ ไม่ให้ร่วงลงมาทันทีเมื่อตนเองตาย...เพราะรู้ว่าสุมาอี้ก็จ้องดาวเขม็งเหมือนกัน...ถ้าตนเองตาย...ดาวตก...สุมาอี้แผลงฤทธิ์แน่...แต่ถ้าดาวยังไม่ตก สุมาอี้ก็จะลังเล...ซื้อเวลาให้ทัพเสฉวนถอยได้อย่างปลอดภัย...
...เขียนจดหมายอีเอ็มเอสด่วนถึงเล่าเสี้ยน...กำชับกำชาสารพัดอย่างเท่าที่จะนึกได้...
เล่าเสี้ยนพอได้รับจดหมาย...ก็ส่งคนตีตั๋วกลับด่วนจี๋...ไม่ใช่มาเยี่ยมไข้...แต่มาถามเรื่องงาน...
ผู้แทนพระองค์มาทันลมหายใจเฮือกท้ายๆของท่านฮกหลง มหาอุปราช...ท่านขงเบ้ง...พระองค์ฝากมาถามว่า ถ้าท่านตายแล้วจะให้ตั้งใครแทน...เจียวอ้วน...แล้วถ้าเจียวอ้วนตายล่ะ ตั้งใครแทน...บิฮุย...แล้วถ้าบิฮุยตายล่ะ
ถ้าขงเบ้งแรงดีๆ คงลุกขึ้นตบฝากไปให้เล่าเสี้ยน...กูกำลังตรีทูตขนาดนี้ มึงก็ขยันถามจัง...ไม่รู้จักคิดเองมั่งล่ะ...
แต่แล้ว...ความตายชนะ...ลมหายใจสุดท้ายของฮกหลง...มังกรผู้ซ่อนกาย...ถูกใช้ไปอย่างมีค่าสุงสุด...
...ขงเบ้งเสียชีวิตอายุห้าสิบสี่ปี...
อ๊ะ...แต่ขงเบ้งตายแล้วก็ยังมีพิษสง...แกสั่งให้ทำหุ่นรูปเองไว้ ให้ทหารแต่งขาวถอยทัพ...พอสุมาอี้ย่องตามมาข้างหลัง ก็แฮ่เข้าใส่...แปรขบวนกลับมารับหน้าพร้อมหุ่นขงเบ้ง...ทำเป็นว่ายังไม่ตาย...
สุมาอี้ตอนนี้เห็นขงเบ้งเหมือนเห็นผี (ที่จริงก็ผีไปแล้ว)...ไม่คิดจะสู้รบอะไร...วิ่งหนีอย่างเดียว....
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,284
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 41 - 46 จบ]
«
Reply #5 on:
12 July 2024, 15:36:43 »
moncheep siva
9 มี.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง
สามก๊กตอนนี้ เป็นตอนสุดท้ายแล้วนะครับ...ซื้อหนังสือกันรึยัง อิอิ...
ก็ขอขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามกันมาอย่างยาวนาน...
เรื่องเล่าสามก๊กนี้ เกิดขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ คือวันนึงนึกสนุก หยิบเกร็ดเล็กๆของสามก๊กมาเขียนใน fb...แล้วก็รู้สึกมันมือขึ้นมา ก็เลยเขียนจนยาวขนาดนี้ได้ยังไงไม่รู้
แล้วก็เลยเถิดจนหยิบเรื่องอื่นๆมาเล่าด้วยอีกหลายเรื่อง...จะทยอยลงให้อ่านครับ
สามก๊ก ตอนที่ 46…
...ถึงเวลานี้ เรียกว่าตัวละครสามก๊กที่เราๆท่านๆรู้จัก ก็แทบจะลาโรงไปเกือบหมดแล้ว เหลือที่คุ้นหูก็มีแต่สุมาอี้...ก็ขอเล่าต่อให้จบแบบย่อๆแล้วกัน...
...พวกลูกๆหลานๆรุ่นหลังของทั้งสามก๊ก พอไม่ได้เติบโตมาแบบสร้างเนื้อสร้างตัวเอง เหมือนรุ่นพ่อรุ่นปู่...ก็มืออ่อนตีนอ่อน เอาสบายเข้าว่า แถมไอ้ความพรั่งพร้อมตั้งแต่เกิดก็อาจทำให้เจ้ารุ่นหลังพวกนี้ คิดอะไรก็ไม่ค่อยเป็น...
ตระกูลที่หุ้นค่อยๆขึ้น กลับไม่ใช่แซ่เล่า หรือโจ หรือซุน...แต่เป็นแซ่ สุมา...ซึ่งอยู่ในฝั่งวุยก๊ก ของแซ่โจ...
...สุมาอี้ได้รับการแต่งตั้งเป็นมหาอุปราช...สืบทอดมาถึงลูกชายคนโต...สุมาสู ก็เป็นมหาอุปราชเหมือนกัน
รุ่นสุมาสูนี่ มหาอุปราชเริ่มสุ้มเสียงดังกว่าฮ่องเต้แล้ว...เมื่อพระเจ้า โจฮอง ซึ่งเป็นลูกหลานหรือเหลนของโจโฉก็ไม่รู้...เกิดไม่ไว้ใจสุมาสู แทนที่เจ้าจะถอดไพร่...สุมาสูกลับเป็นฝ่ายถอดพระเจ้าโจฮองออกจากความเป็นฮ่องเต้ซะเอง...
แต่ยังใจดี ยกให้ โจมอ...แซ่โจอีกคน เป็นฮ่องเต้ต่อไป...ซึ่งแปลว่าราชสมบัติ ยังเป็นของแซ่โจอยู่...
สุมาสูตาย สุมาเจียว น้องชายก็เป็นมหาอุปราชแทน...มารุ่นนี้ เจ้าแซ่โจกับไพร่แซ่สุมาก็ยังฮึ่มแฮ่ใส่กันเหมือนเดิม มิหนำซ้ำหนักกว่าเก่า...
พระเจ้าโจมอวางแผนจะฆ่าสุมาเจียว...สุมาเจียวก็เล่นกลับ ส่งโจมอลงหลุมได้สำเร็จ...แต่ก็ยังตั้ง โจฮวน เป็นฮ่องเต้...แปลว่าบัลลังก์ยังเป็นของแซ่โจอยู่...
ในยุคที่สุมาเจียวเป็นมหาอุปราชนี้ ได้ส่งกองทัพเข้าตีเสฉวนได้สำเร็จ...อาณาจักรที่เล่าปี่ ขงเบ้ง และเหล่าขุนศึกรุ่นก่อนๆ ใช้เลือดและชีวิตสร้างขึ้นมา...ต้องมาจบลงในน้ำมือของอดีตอาเต๊า หรือตอนนี้ก็คือ เล่าเสี้ยน กษัตริย์มืออ่อนตีนอ่อน...ที่ไม่คิดจะสู้ให้สมศักดิ์ศรีแม้ซักยกนึง...พอข้าศึกมาจ่ออยู่หน้าเมือง ก็กลัว ยกเมืองให้เค้าซะแล้ว...
...ถ้าจูล่งลุกขึ้นมาจากหลุมได้ คงลุกขึ้นมาเขกกะโหลกตัวเอง...กูไม่น่าช่วยมันตอนมันแบเบาะเลยว่ะ
ความไม่ได้เรื่องของเล่าเสี้ยน...มันก็ไอ้สาเหตุคล้ายเดิม พระเจ้าเล่าเสี้ยนวันๆก็เวียนว่ายอยู่ในเสียงยกยอปอปั้น
...แม้กระทั่งยามหน้าศึก คนที่เล่าเสี้ยนหันหน้าเข้าปรึกษามากที่สุด ก็ยังเป็นพวก...ขันทีนั่นเอง...ไม่เจ๊งยังไงไหวล่ะฮะ
...ขนาดว่ากองทหารจากทิศนั้นทิศนี้ นำข่าวศึกเข้ามารายงาน...อีพวกขันทียังบอก วู้ยยยย ไม่ต้องไปฟังไอ้พวกแตกตื่นนั่นหรอกค่า ถ้าอยากรู้เดี๋ยวหม่อมชั้นจะไปเอาแม่หมอมาดูดวงให้...
...พอออกไปตาม ปรากฏว่าแม่หมอมันเปิดตูดหนีข้าศึกไปก่อนแล้ว...อันนี้ฮาจริง...
อ่านดูพฤติกรรมของเล่าเสี้ยนในหนังสือสามก๊ก...อดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าเป็นสมัยนี้ เล่าเสี้ยนอาจจะจัดให้เป็นเด็กออธิสติก หรือดาวน์ซินโดรมไปเลย...ค่าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือรู้เรื่องอะไรกับเค้าเท่าไหร่...
พอสุมาเจียวยึดเมืองเสฉวนได้ ก็กวาดต้อนเล่าเสี้ยนและบรรดารมต. ต่างๆไปด้วย ก็ไปสร้างเมืองให้อยู่เมืองนึง คือเป็นเชลยศึกที่ถูกจำกัดบริเวณน่ะแหละ แต่ก็ให้อยู่แบบสบายๆหน่อย...
อยู่มาวันหนึ่ง สุมาเจียวจัดให้กินโต๊ะ มีคอนเสิร์ต มีศิลปินให้...พวกอดีตครม.ของเสฉวนที่ถูกเชิญแกมบังคับมาด้วย ก็นั่งกันหน้าหมอง กินอะไรกันไม่ค่อยลง เพราะอยู่ในฐานะเชลยเขานี่...
ผิดกับเล่าเสี้ยน ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย ตบมือร้องเพลงอย่างมีความสุข...สุมาเจียวถาม อยู่นี่ไม่คิดถึงเสฉวนหรอ...
เล่าเสี้ยนก็ตอบไปตามซื่อหรือโง่ก็ไม่รู้...อยู่กับท่านแบบนี้ก็สบายดีนี่นา คิดถึงทำไมเสฉวนน่ะ...
ค่ำวันนั้น พวกอดีตครม. ก็ตัดพ้อ...ท่านเสี้ยน ทำไมไปพูดยังงั้น...วันหลังสุมาเจียวถาม ท่านต้องแอ๊คติ้งหน่อย...ต้องร้องห่มร้องไห้ คิดถึงเสฉวน เผื่อสุมาเจียวจะปล่อยกลับบ้าน...
วันต่อมา สุมาเจียวจัดกินโต๊ะเหมือนเดิม แล้วก็ถามคำถามเดิม...คราวนี้อดีตกษัตริย์จอมเอ๋อ...เล่าเสี้ยน ก็เล่นตามบทที่มีคนสอน...ปิดหน้าแกล้งทำเป็นร้องไห้ คิดถึงบ้านที่เสฉวน...
สุมาเจียวดึงมือเล่าเสี้ยนออกมา...ไม่มีน้ำตาซักหยด...สุมาเจียวและลูกน้องขำกันกลิ้ง...เออไอ้เสี้ยนนี่มันนอกจากเอ๋อจริงแล้ว...แอ๊คติ้งมันยังสู้เล่าปี่เตี่ยมันไม่ได้ซักกะนิดเลยวะ...
เวลาผ่านไป สุมาเจียวตาย...สุมาเอี๋ยนลูกชาย ซึ่งก็เป็นหลานปู่ของสุมาอี้...ได้เป็นมหาอุปราช...
คราวนี้ไม่เกรงใจใครแล้ว...ถือกระบี่เข้าหาพระเจ้าโจฮวน...ถามเลย เมืองนี้ใครใหญ่...
โจฮวนหนึ่งในแก๊งมืออ่อนตีนอ่อน ก็ต้องตอบ...เฮียสิฮะ ใหญ่สุด...ว่าแล้วก็ยอมลงจากบัลลังก์ ให้สุมาเอี๋ยนขึ้นนั่งแทน...เป็น พระเจ้าสุมาเอี๋ยน...
หมดแผ่นดินของแซ่เล่า กับแซ่โจแล้ว...เหลือแผ่นดินของแซ่ซุนอยู่โด่เด่...จะเอาอะไรไปสู้...
สุดท้าย พระเจ้าสุมาเอี๋ยนก็ตีง่อก๊กของแซ่ซุนแตก...รวมแผ่นดินจีนให้กลับเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งหนึ่ง...
.
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.067 seconds with 20 queries.
Loading...