Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
17 November 2024, 05:19:50

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,443 Posts in 12,838 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง  |  สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 31 - 40]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 31 - 40]  (Read 382 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« on: 12 July 2024, 15:19:18 »

สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 31 - 40]


moncheep siva
20 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

จะว่าไปแล้ว  กุนซือโคตรฉลาดที่สุดในสามก๊ก  ล้วนแล้วแต่เคยผ่านมือเล่าปี่มาแล้วทั้งนั้น...ชีซี  ขงเบ้ง  และคนนี้...บังทอง
...บังทองเคย soft opening มาแล้วครั้งหนึ่ง  ตอนมีส่วนร่วมในศึกผาแดง...คราวนี้จะเป็นอีกวาระหนึ่ง  ที่เขาจะได้มาร่วมกับก๊กเล่าปี่
หนึ่งในผู้ที่ได้ชื่อว่า  ฉลาดที่สุดในสามก๊ก  จะ grand opening อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 31...

สิ่งหนึ่งที่คนอ่านสามก๊กจะเจออยู่บ่อยๆ...คือการดูดาว

...นอกจากดูฤกษ์ผานาที รบทัพจับศึกแล้ว คนใหญ่คนโตเค้ายังต้องมีดาวประจำตัว...ช่วงไหนดวงดี ดาวประจำตัวก็จะสุกใสสว่าง...ช่วงไหนซวยก็หม่นหมอง...หรือถ้าถึงตาย...ดาวก็ตก

แหมอยากรู้จัง...ดาวปูติน ดาวทรัมป์ หรือดาวลุงตู่ มันดวงไหนกันหวา...

ระหว่างที่ขงเบ้งแอนด์เดอะแก๊งส์ นั่งกินโต๊ะกันอย่างครึกครื้น...พอเห็นดาวใหญ่ดวงนึงทางทิศใต้ วาบแสงแล้วร่วงลง...ก็หัวเราะชอบใจ...จิวยี่เด๊ดแล้วแน่นอน...งั้นต้องข้ามฝั่งไปงานศพมันซะหน่อย...

เล่าปี่ร้องห้ามเสียงหลง...เฮ้ยเบ้ง อย่าวู่วาม...ฝั่งนู้นมันรู้กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่าลื้ออ่ะตัวการ ทำจิวยี่ตาย...ถ้าอยากหาตีนอยู่ฝั่งนี้ก็ได้ เดี๋ยวบอกกวนอูหรือเตียวหุยจัดให้

ขงเบ้งก็ยืนยันว่าจะไปให้ได้...จิวยี่อยู่อั๊วยังไม่กลัวเลย มันตายแล้วจะไปกลัวอะไร...อีกอย่าง เห็นดาวคนฉลาดไปชุมนุมอยู่ที่นั่น...จะได้ไปสเก๊าท์ซะหน่อย เผื่อได้ตัวเด็ดๆติดมือมา...แต่ขอจูล่งไปด้วยน้าาา

...ฮั่นแน่ มึงไม่แน่จริงนี่หว่าเบ้ง...

ที่งานศพจิวยี่...ก็จริงอย่างที่เล่าปี่เตือน...เหล่าขุนทหารแคว้นใต้นั่งคันตีนกันยิกๆๆ อยากกระทืบขงเบ้งใจจะขาด...เพราะก็รู้ๆกันอยู่  ว่าท่านแม่ทัพที่เคารพ  ต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วงก่อนวัยอันควร  เพราะใคร

...แต่ทำได้แค่นั่งเกาตีนอย่างเดียว...เพราะติดที่จูล่งนี่แหละ...

...ขงเบ้งเข้าคารวะศพ  พร้อมกับงัดสุดยอดวิชาแอ๊คติ้งออกมาใช้...ทำเป็นร้องห่มร้องไห้  อาลัยถึงท่านแม่ทัพที่ชื่อจิวยี่...แกเล่นใหญ่ซะจนเหล่าทหารรอบๆข้างเริ่มจะลังเล...

เอ  หรือขงเบ้งมันจะเสียใจที่จิวยี่ตายจริงๆวะ...หือ  หรือพวกเราคิดมากไปเองวะ  ที่ว่าขงเบ้งทำให้จิวยี่ตาย...

บรรยากาศคุกรุ่นก็เลยผ่อนคลายไปเยอะ...

จนเสร็จงาน ขงเบ้งเดินตาบวมกำลังจะกลับ...ก็มีคนมากระซิบข้างหลังขงเบ้ง...

...ไปเรียน acting มาจากไหนอ๋อ...หลอกจนจิวยี่ตายแล้วยังมาทำร้องห่มร้องไห้งานศพเค้า...ตอแหลจังนะเบ้ง

ขงเบ้งสะดุ้ง...ใครวะแม่งจับโป๊ะกูได้...หันไปเจอ...บุคคลที่สามก๊กยกให้เป็นผู้เรืองปัญญาเท่าเทียมกัน...บังทอง

ที่จริงสองคนนี้เค้าซี้ย่ำปึ้กกันมาก่อน  ค่าที่เป็นศิษย์เก่าสำนักสุมาเต๊กโชมาด้วยกัน  แถมยังจบด๊อกเตอร์ด้วยคะแนนสูสี  จนอาจารย์ตั้งสมญานาม...ฮกหลง  ฮองซู...คู่กันซะอีก...

อีตาบังทองนี่ ถึงจะฉลาดพอๆกับขงเบ้ง...แต่โชคร้ายที่เบ้าหน้าสอบตก แถมยังไม่ได้เรียนมารยาทการเข้าสังคมละมั้ง...ก็เลยมีท่าทางกวนตีน ปากก็หมาซะด้วย...

หลังจากไปหลอกให้โจโฉโยงเรือเข้าด้วยกัน จนวายป่วงทั้งกองทัพ...บังทองกลับมาทำงานกับซุนกวน ก็ยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไร

แหมนี่ถ้าบังทองหล่อ แล้วลดความปากหมาซะหน่อยนะ...ซุนกวนมีบังทอง...เล่าปี่มีขงเบ้ง...โจโฉมีชีซี...คงรบกันมันหยด

พอไถ่ถามทุกข์สุข รู้ว่าเพื่อนยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน...นอกจากขงเบ้งจะมอบแพ็คเกจศัลยกรรมใบหน้า รพ.ยันฮีให้แล้ว...ยังเขียนจดหมายแนะนำตัวมอบให้บังทองอีก...เผื่อว่าอยู่ทางนี้ไม่รุ่งแล้ว...ก็ข้ามฝั่งมาอยู่กะเล่าปี่ด้วยกัน

ไม่นาน บังทองก็ข้ามฝั่งมาจริงๆ...บังเอิญช่วงนั้นขงเบ้งไปดูงานต่างประเทศ...บังทองก็เข้าพบเล่าปี่โดยลำพัง

ก็ไม่รู้ทำไม คนที่เรียกว่าฉลาดๆในสามก๊ก...ต้องกวนตีนกันแทบทุกคน...อย่างขงเบ้งนี่นับว่ากวนตีนน้อยที่สุดแล้ว...ครั้งนี้บังทองก็ไม่เบาเช่นกัน

มีจดหมายแนะนำตัวจากขงเบ้ง ก็ไม่ควักออกมาโชว์...ประมาณว่ากูไม่อยากใช้เส้น อยากโตเองโว้ย...นั่งคุยกับเล่าปี่ๆก็เห็นว่า เออๆ...มันก็ฉลาดดี...แต่หน้าไม่ได้เอาซะเลย พูดจาก็หมาไม่เห่า...ไปเป็นเจ้าเมืองเล็กๆขึ้นกับเกงจิ๋วก็แล้วกัน

เออ มึงไม่เห็นค่ากู...แล้วมึงจะเสียใจ...บังทองก็ไปแบบน้อยใจ...จนเดือนนึงผ่านไป...ชาวบ้านก็มาร้องทุกข์...ท่านเล่าปี่...เจ้าเมืองหน้าเหียกที่ท่านส่งไป วันๆไม่ทำงานทำการ คดีความไม่ตัดสิน...แดกแต่เหล้า...ไม่เที่ยงไม่ตื่น

เล่าปี่เลยส่งเตียวหุยไปดูหน่อย...เตียวหุยไปถึงก็เที่ยงเข้าไปแล้ว...เฮ้ย เจ้าเมืองบังทองแม่งยังไม่ตื่นจริงๆด้วย

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #1 on: 12 July 2024, 15:20:10 »


moncheep siva
21 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

บังทอง  หนึ่งในจอมปราชญ์ของสามก๊ก  ได้เข้าสังกัดเล่าปี่  ด้วยวิธีพิกลๆ...แต่ก็เป็นจังหวะประจวบเหมาะที่แผ่นดินด้านตะวันตกของจีน  มีความเคลื่อนไหว
หัวเมืองแถบนี้  จะมีก้าวย่างทางการเมืองและการสงครามอย่างไร...ก๊กของเล่าปี่ที่กำลังเติบโต  จะอาศัยความเคลื่อนไหวนี้  เบ่งตัวเองขึ้นไปเป็นหนึ่งในสามก๊กได้อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 32...

เตียวหุยตามมาเฉ่งเจ้าเมืองขี้เมา...นู่นน...ท่านเจ้าเมืองออกมาในสภาพแฮ้งค์หนัก กลิ่นละมุดหึ่งเชียว ต้องมีคนประคองปีกออกมา...เฮ้ยยย ครายยวะ มายืนหนวดลุกหนวดชันอยู่แถวนี้...บังทองอ้อแอ้ถามออกมา...

เตียวหุยโมโหจนหนวดสั่น...ไอ้เวร...มึงมาเป็นเจ้าเมืองภาษาอะไรวะ งานการไม่ทำ แดกแต่เหล้า...เดี๋ยวกูตบตาปลิ้น...

อ้อ...ท่านเตียวหุย...เอิ้ก...ใจเย็นๆ...ไหนใครว่าอั๊วไม่ทำงาน...รอแพร๊บ...เดี๋ยวทำให้ดู

แล้วบังทองก็ให้เปิดศาลาว่าการ...งานอะไรคั่งค้าง...ส่งมา...คดีไหนไม่ได้ตัดสิน...เรียกคู่ความมา

ตาอ่าน...หูฟังรายงาน...มือก็เขียนไป...ปากก็บอกคำตัดสินไป...ราวกับเครื่องจักร...ใช้เวลาไม่นานงานทุกอย่างก็ลุล่วง...ผลลัพธ์ออกมาไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่กรณีเดียว...

ไหนล่ะงานค้าง...เมืองกระจอกๆยังงี้ อั๊วทำงานแป๊บเดียวก็เสร็จโว้ย...

เตียวหุยหูตาตื่น แจ้นกลับไปหาเล่าปี่...เฮียๆ เราเจอมนุษย์ประหลาดพันธุ์เดียวกับขงเบ้งอีกคนแล้ว...

เล่าปี่รีบเชิญบังทองเข้ามาพบ...ก็พอดีขงเบ้งกลับมา...ถามหาบังทองว่าเอาจดหมายมาแนะนำตัวรึเปล่า...เล่าปี่จึงเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้ฟัง...ขงเบ้งก็ขำว่าบังทองเล่นมุก...

เล่าปี่จึงเชิญบังทองให้อยู่ในตำแหน่งที่ทัดเทียมกับขงเบ้ง  แล้วการบริหารบ้านเมืองก็ยกให้ขงเบ้งและบังทองเป็นนายกฯร่วมตั้งแต่บัดนั้น...ถ้าเป็นวงดัมมี่ ก็เรียกว่าตอนนี้เล่าปี่คั่วสเปโตถึงสองตัว...อนาคตสดใสยิ่งนัก...

ตัดภาพมาฝั่งโจโฉ...หลบเลียแผลใจจากเอลกลาสิโก้ได้สักพัก ก็เริ่มออกระรานชาวบ้าน...ตบเด็กเมืองเล็กเมืองน้อย เก็บสามคะแนนง่ายๆตุนไว้...พอได้ใจก็เริ่มเหล่เมืองใหญ่ๆมั่ง

เมืองใหญ่ที่สำคัญก็มีสองเมือง...เสฉวน...ที่กล่าวถึงแล้วกับ...ฮันต๋ง...ซึ่งก็อยู่ละแวกแถวๆเกงจิ๋ว  ที่เล่าปี่ครอบครองอยู่...

สองเมืองนี้เค้าไม่ถูกกันอย่างแรง...ฆ่าพ่อสังหารแม่กันมาเรื้อรัง...จนเมื่อรู้ข่าวว่าโจโฉเริ่มจะแผ่พังพานมาแถบนี้...ทั้งสองเมืองก็เริ่มเดือดเนื้อร้อนใจ

เราลองมาดูวิธีแก้ปัญหาของสองเมืองนี้...

ฝ่ายฮันต๋ง...โจโฉจะมานี่เชื่อได้ว่าเป็นทัพใหญ่...ลำพังกำลังของฮันต๋งเมืองเดียวคงไม่ไหว...เอางี้...ไปตีเสฉวนแม่งเลย...พอครองเสฉวนได้...เออ กำลังสองเมืองบวกกันพอจะซัดกับโจโฉได้

ว่าแล้วก็แต่งทัพเตรียมไปตีเสฉวน...

ฝ่ายเสฉวน...กำลังกลุ้มๆข่าวโจโฉอยู่...หันไปมองข้างบ้าน...อ้าวเฮ้ย แม่งแต่งทัพเตรียมจะมาเล่นกูก่อนเลยเหรอเนี่ย...เอาไงดีวะ รับศึกสองด้านตายแน่

ก็มีผู้เสนอว่า...ไปซูฮกตั่วเฮียเค้าซะ...ขอกองทัพโจโฉช่วยไปตีฮันต๋งหน่อย...มันจะได้ไม่มีแรงมายุ่มย่ามกะเสฉวน...

...เออ ความคิดนี้ดีแฮะ...ว่าแต่จะให้ใครเป็นฑูตไปคุยกะตั่วเฮียล่ะ...ก็มีคนอาสาชื่อ...เตียวสง

จะว่าไป  เรื่องการฑูตนี่โคตรสำคัญเลย...โดยเฉพาะคนที่จะไปเป็นฑูต  สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับบ้านเมือง...จะทำให้คนเป็นแสนต้องลุกขึ้นมาถือดาบห่มเกราะ  เข้าสมรภูมิไปเสี่ยงความตาย  หรือจะนอนแคะเล็บตีนเล่นอยู่กับบ้าน...บทบาทของฑูตมีความสำคัญมั่กๆ...

แล้วทำไมเสฉวนถึงได้เลือกใช้คนๆนี้...เตียวสง...ความฉลาดอาจจะไม่เท่าขงเบ้ง บังทอง...แต่เรื่องรูปชั่วตัวประหลาดนี่...เตียวสงไม่แพ้บังทองเลย...โดยเฉพาะเรื่องปากหมา กวนตีนนี่...ล้ำหน้าไปหลายช่วงตัว

สงสัยตอนเล็กๆ ปะป๊าหม่าม้าคงไม่ค่อยอุ้ม...พอเจอหน้าโจโฉ...ท่านฑูตเตียวสงก็กร่างใส่ไปหลายดอก จนโจโฉเหม็นหน้าไม่คุยด้วย

วันรุ่งขึ้นโจโฉเรียกเตียวสงมาดูสวนสนาม กะจะใช้กำลังอันมหาศาล ข่มความกร่าง...ไงล่ะเตียวสง...เห็นกองทหารกูแล้วเป็นไง...เจ๋งป่าว

เตียวสงก็ตอบทันที...อ๋อ เจ๋งมากฮะ...จำได้เลยฮะ ที่ไปรบกับจิวยี่ที่กังตั๋ง(โจโฉแพ้ยับเยิน)...ไปเจอกวนอู(โจโฉแทบจะต้องกราบไหว้ กว่าจะขอชีวิตรอดมาได้)...แล้วยังมีอีกสองสามครั้งที่เตียวสงพูดถึง...ล้วนแล้วแต่เป็นความพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายของโจโฉ...บางหนถึงกับต้องตัดหนวด ปลอมตัวปะปนกับทหารเลวหนีมา...

เตียวสงก็ตอบทันที...อ๋อ เจ๋งมากฮะ...จำได้เลยฮะ ที่ไปรบกับจิวยี่ที่กังตั๋ง(โจโฉแพ้ยับเยิน)...ไปเจอกวนอู(โจโฉแทบจะต้องกราบไหว้ กว่าจะขอชีวิตรอดมาได้)...แล้วยังมีอีกสองสามครั้งที่เตียวสงพูดถึง...ล้วนแล้วแต่เป็นความพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายของโจโฉ...บางหนถึงกับต้องตัดหนวด ปลอมตัวปะปนกับทหารเลวหนีมา...

น่ากระทืบดีไหมล่ะท่านผู้ชม...แต่โจโฉยังเห็นว่าเป็นฑูต...เลยแค่ให้ทหารเอากระบองไล่ตีให้พ้นเมือง...

เป็นอันว่าดีลนี้ไม่สำเร็จ  เพราะท่านฑูตหน้าหมาโคตรกร่าง...แต่เบื้องลึกจริงๆของดีลนี้...ไม่ใช่แค่เกลี้ยกล่อมให้โจโฉหันไปตีฮันต๋ง...เตียวสงยังซ่อนอะไรไว้มากกว่านั้น...

อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่าาาา...ตามต่อพรุ่งนี้ฮะ

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #2 on: 12 July 2024, 15:21:10 »


moncheep siva
22 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ก้าวแรกคือเกงจิ๋ว...ก้าวต่อไปที่เล่าปี่จะผงาดขึ้นเป็นใหญ่ในแผ่นดินตะวันตกของจีน...จะดำเนินไปอย่างไร
คนขายชาติ...มีทุกยุคทุกสมัย...ขงเบ้งจะใช้จุดอ่อนของคนขายชาติ  ให้เกิดประโยชน์ต่อเล่าปี่ได้มากน้อยเพียงใด...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 33...

อย่างที่เคยบอกล่ะครับ...เสฉวนเป็นเมืองที่มีปราการธรรมชาติล้อมรอบ...ถ้าไม่ได้แผนที่ลับ บอกช่องทางว่าเดินกองทหารทางไหน แหล่งน้ำอยู่ไหน ขนส่งเสบียงยังไง...ใครจะเข้าตีก็ลำบาก

ก่อนออกจากเมือง อีตาเตียวสงแกแอบหนีบแผนที่ลับที่ว่านี้ ใส่อกเสื้อมาด้วย...เอามาทำไม???

ไม่ได้หวังแค่จะเกลี้ยกล่อมโจโฉ ให้ไปช่วยกำหราบเมืองฮันต๋งเท่านั้น...แต่เตียวสงหวังจะยุให้โจโฉเข้ามายึดเมืองเสฉวนเองเลย...พร้อมมีแผนที่ลับให้เสร็จสรรพ...

พูดง่ายๆ...เตียวสงขายชาติตัวเอง...

แต่เพราะสันดานกร่าง อยากเป็นคนสำคัญ จนถูกไล่ตีออกมายังงี้...จะกลับเสฉวนเลยก็เสียสุนัข...พลาดเป้าจากโจโฉ...เตียวสงก็เริ่มคิด...ใครหว่ากำลังมือขึ้นตอนนี้  ที่พอจะเอามาตีเสฉวนได้...อ้อๆๆๆ มีอยู่คนนึงเป็นถึงพระเจ้าอาของฮ่องเต้ ทีมงานก็ชั้นยอดทั้งนั้น...เตียวสงเลยเปลี่ยนเข็มไป...เกงจิ๋ว

อย่างที่บอกมาหลายรอบแล้ว  ว่าขงเบ้งมุ่งมั่นจะดันให้เล่าปี่ตั้งตัวที่เสฉวนให้ได้...เพราะฉะนั้น ขงเบ้งจึงทำตัวเป็น เสฉวน fc. ติดตามความเคลื่อนไหวตลอด...

ฮันต๋งจะหันมากัดเสฉวน...รู้...เตียวสงจะไปเกลี้ยกล่อมโจโฉ...ทราบ...ถูกกระบองไล่ตีออกมา...ก็มีคนรายงาน...นี่ถ้าถามว่าเตียวสงใส่กุงเกงลิงสีอะไร...ขงเบ้งก็คงตอบได้

ยังสืบเสาะไปจนกระจ่างแจ้งในสันดานของเตียวสง รู้ว่าหน้าใหญ่ไฟกระพริบ...พอข่าวว่าเตียวสงบ่ายหน้ามาเกงจิ๋ว...มึงชอบโอ่อ่ามีหน้ามีตาใช่มั้ย...จัดให้...

จูล่งเอย กวนอูเอย...ระดับนายพลห้าดาว...พากันมาต้อนรับถึงนอกเมือง (ส่วนเตียวหุย  อีนี่บุคลิกไม่รับแขก...มึงไปเล่นอยู่หลังบ้านก่อนไป๊)...ไปจนกระทั่ง เล่าปี่ ขงเบ้ง บังทอง...ก็ออกมาต้อนรับด้วย

เตียวสงผู้เสพติดความโอ่อ่ามีหน้ามีตา...ก็แทบจะลอยเข้าเมืองเกงจิ๋วกันเลยทีเดียว

แต่เอ๊...กินโต๊ะ ร่ำสุรา โอภาปราศรัยกันมื้อแล้วมื้อเล่า...ไม่เห็นคุยงานบ้านงานเมืองกันซะที...จนสุดท้ายเตียวสงเองนั่นแหละ เอาแผนที่ลับยัดใส่มือ...บอกให้เล่าปี่ไปตีเสฉวนเองเลย...ไอ้เจ้าเมืองเก่าน่ะมันไม่ได้เรื่อง...เป็นคนใจโลเล

...แต่ตัวเล่าปี่เอง...ขานี้ก็เป็นพวกขี้ลังเล...ไม่รู้ลังเลจริงหรือสร้างภาพนะ...อย่างตอนแรกๆที่ขงเบ้งมาอยู่ใหม่ๆ  แล้วโดนโจโฉไล่ถลุงหนีลงมาใต้  ก่อนจะไปเจอกับแคว้นใต้น่ะ...ขงเบ้งก็ยุให้ยึดเมืองๆนึง  ซึ่งใหญ่พอจะใช้ปักหลักสู้กับโจโฉ...

อีเล่าปี่นี่ก็กระบิดกระบวน...โอ๊ยไม่ได้หรอก  เจ้าเมืองเค้าแซ่เดียวกัน  แล้วอยู่ๆจะไปหักหลังเค้าได้ยังไง  บลาๆๆๆ...ตกลงก็ไม่เอาตามที่ขงเบ้งเสนอ...จนโดนไล่ยำถึงกับเสียเมียไปคน  แล้วก็เกือบจะล่มสลายในคราวนั้น  เพราะไอ้ความลังเลนี่แหละ

คราวนี้ก็คล้ายๆกัน...ตกลงเล่าปี่ก็ยกทัพไป  แต่การไปเสฉวนของเล่าปี่ครั้งนี้กะจะไปดูลาดเลาก่อน...เอาทีมงานชุดใหม่นำโดยบังทองไป...ส่วนขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย...ให้เฝ้าบ้าน

พอไปถึง...เล่าเจี้ยง...เจ้าเมืองเสฉวนก็ออกมาต้อนรับ...อ้าวแซ่เดียวกัน เกิดนับพี่นับน้องกันขึ้นมา...จากฉากบู๊กลายเป็นฉากดราม่า กอดกันกลมไปซะได้...ไม่เอาแล้ว ตีบ้านตีเมือง...แดกเหล้ากันดีกว่า

ถึงหัวหน้าจะกอดกันกลม  แต่พวกตัวรองๆกลับไม่ได้จุ๊บๆกันยังงั้น...ทหารฝั่งเสฉวนก็ห้าม...อย่ารับเล่าปี่เข้ามา...อีนี่เข้าเมืองไหน เดือดร้อนเมืองนั้น...ห้ามกันถึงขนาดมีขุนนางฆ่าตัวตายประท้วงกันเลย...

ฝั่งเล่าปี่...บังทองนี่แหละตัวดี บอกเล่าปี่ว่าถ้าเจ้าเมืองเสฉวนเผลอเมื่อไหร่...เชือดแล้วยึดเมืองเลย...ง่ายดี
จนมีฉากนึงในงานกินเลี้ยง...กินๆกันอยู่ บังทองก็ส่งซิกให้ทหารเอกฝั่งเล่าปี่ก็ออกมารำดาบโชว์ ตาก็เขม้นคอเล่าเจี้ยงไม่กระพริบ  กะว่าได้ทีจะเอาให้คอขาด...

ทหารฝั่งเล่าเจี้ยงไม่ไว้ใจ ก็ออกมารำป้องกัน...แล้วก็ขนทหารออกมารำกัน ฝั่งละเป็นสิบๆคน...จนเล่าปี่ต้องชักดาบ ตวาดให้หยุด...เพื่อแสดงความจริงใจว่า  ตนไม่ได้เข้ามาหาโอกาสยึดเสฉวน...

อยู่กันไปสักพัก  พอสนิทกันขึ้น...เล่าเจี้ยงก็ปรับทุกข์เรื่อง เมืองฮันต๋งจะมาระราน...ซึ่งตรงนี้ถ้ามองกันดีๆ  เล่าเจี้ยงกะจะหลอกใช้เล่าปี่ให้ช่วยออกรบรึเปล่า...ซึ่งก็อาจจะใช่...

แล้วมันก็ไปถูกกับสันดานของเล่าปี่  ที่ชอบจุ้นเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว...ได้ยินคำบ่นว่าน้องเจี้ยงเดือดร้อน...พี่ปี่ก็เจ้ากี้เจ้าการจัดให้...ก็ยกกองทัพไปรับทัพเมืองฮันต๋งทันที...

แล้วก็เป็นอย่างที่เตียวสงเคยบอก...เล่าเจี้ยงเจ้าเมืองเสฉวนคนนี้ แม่งใจโลเลจริง...เล่าปี่ยกทัพออกไปไม่นาน...ขี้ข้าก็เริ่มยุ...ท่านเจ้าเมือง...เล่าปี่หันไปซัดกับเมืองฮันต๋งอยู่เนี่ย...เราอัดตูดแม่งเลยมั้ย...

แรกๆน้องเจี้ยงก็ยังรักพี่ปี่ดีอยู่...แต่พอโดนกรอกหูมากๆเข้า...ก็เริ่มมีการกักด่านเกิดขึ้น

ถึงตรงนี้เล่าปี่ชักไม่ค่อยสบายแระ...ข้างหน้ากำลังจะชนกับทัพเมืองฮันต๋ง...หันไปมองข้างหลัง...อ้าว...เจี้ยงน้องรักแม่งทำท่าจะปิดประตูไล่หลังกูซะแล้ว

ยังครับ...เหตุการณ์ต่อไป เล่าปี่ต้องลำบากกว่านี้อีก...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #3 on: 12 July 2024, 15:22:30 »


moncheep siva
23 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

"จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้"...ประโยคอมตะของไอสไตน์  ใช้ได้จริงแม้จะนำไปทาบกับเรื่องราวก่อนหน้า  นับพันปี...
ไม่มีใครสงสัยในความรู้  หรือความฉลาดของบังทอง...แต่จินตนาการในหัวของเขา  ที่คิดแต่แง่ลบ...นำไปสู่จุดจบที่รวดเร็วคาดไม่ถึง
จุดจบของบังทองเป็นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 34...

เอ้า...ลองอ่านประโยคนี้พร้อมกัน..."ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก ยักทั้งตื้นยักทั้งลึก ติดทั้งกึกติดทั้งกัก"...

นี่แหละครับ สถานการณ์ที่เล่าปี่เป็นอยู่ตอนนี้  เดินหน้าลำบาก  ถอยหลังก็ไม่ได้...แล้วยังมีเหตุการณ์มาทับให้หนักขึ้นไปอีกก็คือ...

ฝ่ายโจโฉที่เริ่มกลับมาซ่าอีกรอบ ตบเด็กมาเรื่อย...จนรอบนี้มาเจอคู่แค้นเก่า...ซุนกวน

ข่าวนี้ยิ่งมาสร้างความกลุ้มให้กับเล่าปี่...เพราะถ้าซุนกวนชนะ คงหมดเกรงโจโฉแล้ว ต้องข้ามมางาบเกงจิ๋วของกูแน่นอน...หรือถ้าโจโฉชนะ ก็คงไม่ปล่อยเกงจิ๋วเหมือนกัน...

พี่ปี่จึงต้องอีเมล์ไปถึงน้องเจี้ยง...เจี้ยงเอ๊ย มีข่าวว่าเด็กมันมาตีกันอยู่ข้างบ้านเฮีย...เฮียต้องขอตัวไปดูแลเกงจิ๋ว บ้านเฮียก่อน...ก็จะขอยืมทหารสักสามหมื่น เสบียงสักสิบหมื่นถัง...ช่วยกันหน่อยน้าาา

พอเล่าเจี้ยงได้จดหมาย...อีพวกบ่างรอบตัวก็จีบปากจีบคอทันที...อย่าไปให้มันนะทั่น...เดี๋ยวมันเอาไปตั้งตัว แล้วมันจะมาเป็นคู่แข่งกะเรา...

พออ่านจดหมายจากพี่ลังเล  น้องโลเลเสียไม่ได้ ก็คัดทหารแก่ๆไปให้สี่พัน กับเสบียงแค่หมื่นถัง...พอเล่าปี่ได้รับก็ปรี๊ดแตก ฉีกจดหมายพร้อมด่ากระจาย...ไอ้เชี่ยเจี้ยง...ที่กูมาลำบากอยู่นี่ ก็เพราะธุระของมึงไม่ใช่ธุระของกู...พอกูเดือดร้อนขอความช่วยเหลือ...ดูแม่งทำ...ไอ้เนรคุณ

บังทองได้ทีก็ยุส่ง...ในเมื่อเราทำคุณบูชาโทษยังงี้  ตัดญาติขาดมิตรเลยแล้วกัน...ย้อนไปตีเสฉวนแม่งเลยเฮีย...คราวนี้เล่าปี่เอาด้วย...

ในหนังสือสามก๊กช่วงนี้ มีความน่าเวียนหัวอยู่ไม่น้อย...เพราะช่วงนี้เป็นช่วงรบกันฝุ่นตลบ  ชื่อทหารประเภทออกมารบทีเดียวตาย...ก็มีเยอะ...นอกจากชื่อเมือง ยังมีชื่อด่านอ่านยากๆโผล่มาอีกหลายชื่อ

สรุปรวบรัดก็คือ...เล่าปี่หันหัวทัพกลับมารบกับเสฉวน  ส่วนเล่าเจี้ยงก็ยกทัพออกมาตั้งที่เมืองหน้าด่านก่อนถึงเสฉวน เพื่อรอเผชิญหน้ากับทัพของเล่าปี่...

ระหว่างนี้ เล่าปี่ก็ได้รับจดหมายจากขงเบ้ง ซึ่งอยู่ที่เกงจิ๋ว...เตือนว่าเห็นดาวดวงนึง แสดงอาการไม่ค่อยดี...ให้ระวังจะเสียแม่ทัพนายกองคนสำคัญ

เล่าปี่เอาความนี้ไปเล่าให้บังทองฟัง...บังทอง...ผู้ที่ทรงปัญญาทัดเทียมขงเบ้ง แต่จิตใจต่างกัน...กลับมองไปว่าตนเองกำลังจะนำทัพเข้าตีเสฉวนได้ เป็นผลงานชิ้นใหญ่...สงสัยขงเบ้งจะอิจฉาเรื่องนี้

สิ่งที่ขงเบ้งเห็น บังทองก็เห็น...แต่เพราะจิตใจที่ไม่ใสสะอาด...ทำให้ตีความผิด...ก็อย่างที่บอกว่าช่วงนั้นมันรบกันอุตลุด  ทหารตายกันทุกวัน  ดาวก็ร่วงกันผลอยๆ...เฮ้ยเบ้งแม่งมั่วป่าววะ  บังทองก็เลยละเลยคำเตือนนั้นไป

ในจังหวะที่ทัพเล่าปี่จะเข้าตีด่านสำคัญของเล่าเจี้ยง...มันมีสองช่องทาง...ซ้าย กับขวา...ทีแรกเล่าปี่จะเข้าทางขวา ให้บังทองไปช่องซ้าย แต่บังทองยืนยันจะเข้าตีช่องทางขวาเอง...ดื้อดึงจนเล่าปี่ต้องยอม...

บังทองเดินทัพในช่องทางขวา  ซึ่งยิ่งเดินก็ยิ่งเจออุปสรรค...ปิดถนนทำรถไฟฟ้า  ซ่อมประปา  วางสายไฟเบอร์  ป่าก็เริ่มทั้งรกทั้งแคบ  เดินยากขึ้นไปทุกที...จนมาถึงตำบลหนึ่ง เห็นสภาพแวดล้อมไม่น่าไว้ใจ จึงเรียกทหารพื้นถิ่นมาถามชื่อตำบล...

ทหารบอก...ตำบลนี้ชื่อว่า "ลกห้องโห"...

...บังทองถึงกับสะดุ้งใจหายวาบ...ทำไมชื่อนี้จึงทำให้บังทองขนลุกได้???

อันว่าบังทองกับขงเบ้งนั้น กอดคอเรียนตั้งแต่อนุบาล จนจบด๊อกเตอร์ รอบรู้ฉลาดตีคู่กันมา...จนอาจารย์มอบฉายาให้กับทั้งคู่

ขงเบ้งคือ "ฮกหลง"...มังกรซ่อนกาย...
บังทองคือ "ฮองซู"...หงส์น้อย...

ชื่อตำบล "ลกห้องโห" แปลว่า...หงส์ร่วง...จึงเป็นอัปมงคลกับฉายาของบังทองยิ่งนัก...

บังทองสั่งถอยทัพทันที แต่ไม่ทันซะแล้ว...ธนูฝ่ายเสฉวนที่ซุ่มอยู่...ระดมยิงอย่างหนัก...บังทองเองก็โดนเข้าจั๋งหนับ...เด๊ดสะมอเร่อยู่ตรงนั้น...

ทัพเล่าปี่ต้องถอยร่นกลับค่ายตัวเอง...ตอนนี้วิกฤตหนักล่ะ...เพลงพี่เบิร์ดมาทันที  กลับตัวก็ไม่ได้  ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง...ไม่รู้จะหันหน้าไปละเลงกับเสฉวนให้รู้ดำรู้แดงต่อดี  หรือจะหันกลับไปตีฮันต๋งเป้าหมายเดิม...

แล้วอีกอย่าง  เสนาธิการใหญ่ที่กำลังอยู่ในขาขึ้น  ทุกคนให้ความเชื่อถือศรัทธาราวกับท่านขงเบ้งอีกคน...ดันมาโดนธนูปักซอกคอตกม้าตายต่อหน้าทหารทั้งหลาย...

ขวัญกำลังใจของกองทหารหมู่นี้  ก็แทบจะเหลือศูนย์...ตัวเล่าปี่นอกจากร้องไห้ร้องห่มแล้ว ก็ทำอะไรไม่เป็น

ทหารทั้งปวงลงความเห็น...ฮองซูตายแล้ว...ต้องเชิญท่านฮกหลง ละเกงจิ๋วมาบัญชาการรบที่นี่ ณ บัดนาว...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #4 on: 12 July 2024, 15:23:33 »


moncheep siva
25 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ย้อนไปเกือบสิบปีที่แล้ว...เบื้องต้นของบทสนทนา ที่ขงเบ้งชี้ทางสว่างให้เล่าปี่ ปลายนิ้วของเอกบุรุษจิ้มมาที่เมืองๆหนึ่งบนแผนที่...เสฉวน
แล้วตั้งแต่นั้นมา...ฉวยโอกาสบ้าง เล่นละครบ้าง ตอแหลบ้าง...ขงเบ้งก้าวย่างอย่างระมัดระวัง ตาก็จ้องเสฉวนไม่กระพริบ...
เล่าปี่จะเขมือบเสฉวนได้อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 35...

เมสเซนเจอร์เพิ่งควบม้านำข่าวร้ายไปแจ้งที่เกงจิ๋ว...ทางฝั่งขงเบ้งก็รู้ก่อนแล้ว...

นั่งกินเลี้ยงกันอยู่...พอเห็นดาวดวงใหญ่ตกลง...ขงเบ้งก็โฮแตก...บอกว่าบังทองเพื่อนรัก เด๊ดแล้วเป็นแน่แท้...อีกสามสี่วัน จดหมายก็มาถึงจริงๆ...

ไม่มีทางเลือกล่ะทีนี้...ขงเบ้งต้องออกโรงไปช่วยแก้ไขเล่าปี่ ที่ติดกระดึกกระดักอยู่...แต่ทางเกงจิ๋วก็เหมือนสาวงาม ที่โจโฉกับซุนกวน กะจะล่ออยู่ทุกเช้าค่ำ...จะฝากไว้ในมือใครดี...

หันซ้ายหันขวา...ท่านกวนอู...เชิญหน่อย...
ท่านเป็นน้องของเล่าปี่...ความซื่อสัตย์กับฝีมือรบ...ไว้ใจได้...แต่ตอนเด็กๆคงไม่ค่อยกินปลาทะเล...เรื่องความฉลาดจึงยังน่าสงสัย...แต่อั๊วก็ไม่มีใครแล้วว่ะ...

ก่อนมอบตราเจ้าเมืองให้...ขงเบ้งตั้งคำถามว่า ถ้าโจโฉกับซุนกวน มารุมเกงจิ๋วพร้อมกัน จะทำยังไง...กวนอูก็ตอบ...แบ่งทหารเป็นสองกอง ซัดกับแม่งให้ตายไปข้างนึง...

ขงเบ้งเบ้ปากมองบน...อย่าง่าวดิท่านกวน...ใช้วิธีนั้นก็เหนื่อยตาย แถมจะไม่รอดซะอีก...จำคาถานี้ไว้...ร่วมมือกับซุนกวน รบกับโจโฉ...

ตรงนี้เราต้องดูกันต่อไป ว่าถึงเวลาจริง...กวนอูจะทำตามนโยบายนี้รึเปล่า...

ขงเบ้งรีบร้อนยกทัพไปช่วยเล่าปี่ มีเตียวหุยกับจูล่งไปด้วย...เรียกว่าทิ้งกวนอูอยู่โยงเฝ้าเกงจิ๋วคนเดียวจริงๆ...
ไม่ต้องเล่ารายละเอียดล่ะนะ...เอาเป็นว่า เมืองหน้าด่านที่ทำเอาบังทองถึงตาย...พอขงเบ้งและคณะไปถึง ก็วางแผนจนยึดมาได้...ทำให้ปลอดภัยขึ้นในระดับนึง...

ถึงตรงนี้...มีทหารเอกอีกคนนึง ที่เราต้องทำความรู้จักไว้...ม้าเฉียว...สามก๊กบรรยายไว้ว่าทั้งเก่งทั้งหล่อ แถมยังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย...นี่ถ้าเป็นลิเก คงแม่ยกตรึม...

พ่อม้าเฉียว...แกชื่อม้าเท้ง  เป็นเจ้าเมืองๆนึง  เคยร่วมก๊วนกะเล่าปี่ตั้งแต่ครั้งที่พระเจ้าเหี้ยนเต้เขียนจดหมายเลือดขอความช่วยเหลือ...ก็มีม้าเท้งนี่แหละร่วมลงชื่อด้วย

พอโจโฉจับได้...ก็หนีโรคหัวขาดออกมาตั้ง SME กันได้สองคน...เล่าปี่ยังมีผลประกอบการใช้ได้...ส่วนม้าเท้ง...สุดท้ายกลายเป็นม้าเจ๊ง...โดนไล่บี้จนตายไป...เหลือลูกชายตัวแสบ...ม้าเฉียวนี่แหละ

ฆ่าพ่ออย่าให้เหลือลูก...โจโฉถือคตินี้  ก็ไล่บี้ตระกูลม้าแบบพับสนามบุกมาเรื่อย...แต่ม้าเฉียวก็มีโต้กลับเร็วได้เสียวอยู่เหมือนกัน...ถึงขนาดเคยทำให้โจโฉวงแตก  ต้องตัดหนวดปลอมตัวหนีมาแล้ว...

แต่สุดท้ายก็พ่ายความเก๋า...ม้าเฉียวต้องกระเซอะกระเซิงมาอยู่กับเจ้าเมืองฮันต๋ง...

ชื่อชักเยอะแฮะ...แต่คงจำได้น่า...ฮันต๋ง เมืองที่จะมาซัดกับเสฉวน...ที่เล่าปี่อาสามารับหน้าให้ไงครับ
คราวนี้พอเห็นเล่าปี่กำลังลำบากอยู่ตรงกลางระหว่างสองเมือง  และกำลังหันกลับไปซัดกับเสฉวน...เมืองฮันต๋งก็ขอร่วมแจมด้วย...ม้าเฉียว ลื้อมาอยู่ใหม่พิสูจน์ฝีมือซิ...ยกทัพไปจัดการเล่าปี่ให้ได้...

ฝั่งเล่าปี่ตอนนี้มีเตียวหุยมาแล้ว...ไม่รู้อิจฉาที่เค้าหล่อกว่ารึเปล่า...พอม้าเฉียวมาโจมตี เตียวหุยอาสาทันที...ไอ้เฉียวหน้าอ่อนนี่ หุยจัดการให้เองเฮีย...

อาวุธถนัดก็ทวนบนหลังม้าเหมือนกัน...หน้าหล่อกับหน้าไม่หล่อ ก็รบกันไปหลายร้อยเพลง ยัง 0-0...ต่อเวลาพิเศษ...กลางคืนจุดคบ มารำทวนกันอีกร้อยเพลง...ก็ยังเสมอ...

ขงเบ้งรู้เข้าก็รู้สึกเสียดาย...ไอ้สองคนนี่ใครตายไปก็เสียของ...เลยวางแผนฉกตัวมาแบบไม่ต้องเสียค่าตัว  โดยการส่งคนไปยุแยงให้เจ้าเมืองฮันต๋งระแวงม้าเฉียว...

พอม้าเฉียวลำบาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก...ก็ส่งคนไปทาบทาม...เฮ้ย...มาอยู่กะเล่าปี่เหอะ เนี่ยลุงปี่เพื่อนเตี่ยลื้อเองไง  จำไม่ได้เหรอ  เคยเสี่ยงตายมาด้วยกัน...

ในที่สุด ม้าเฉียวก็ยอมมาเป็นทหารเอกอีกคนของเล่าปี่...พอรู้ว่าเล่าปี่ตั้งเข็มไปทางเสฉวน ก็อาสาทันที...เล่าเจี้ยง เจ้าเมืองเสฉวนนี่กรุบกรอบสำหรับผมเลยครับลุง...

ก็จริงอย่างว่า...พอเล่าเจี้ยงโผล่หน้ามาที่กำแพงเมือง เห็นม้าเฉียวเป็นคนนำทัพมาเอง...ก็แทบจะขี้เยี่ยวแตก ไม่คิดจะสู้รบ...ยกเมืองให้เล่าปี่โดยละม่อม...

ตอนนี้เล่าปี่ ต้องเรียกว่าบิ๊กป้อม...ว้าย  ไม่ใช่...บิ๊กปี่ซะแล้ว...ไม่ใช่เจ้าของกองทัพจุ๋มจิ๋มอีกต่อไป...การครองหัวเมืองใหญ่ถึงสองเมือง...เสฉวนกับเกงจิ๋ว...ทำให้เล่าปี่โดดจากฐานะ sme เข้าตลาดหุ้นได้เลย...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #5 on: 12 July 2024, 15:24:40 »


moncheep siva
26 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

สามก๊กตอนนี้  เป็นเหมือนตอนแทรกที่ช่วยลดความเข้มของเนื้อเรื่องลงไปบ้าง...โดยกล่าวถึงผู้วิเศษคนหนึ่ง
ผู้วิเศษนั้นเป็นใคร  มีพฤติกรรมหลอนหรือฮาอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 36...

หลังจากที่ฝ่ายเล่าปี่ได้เข้าตลาด MAI คือได้ครองเมืองใหญ่ทั้งเกงจิ๋ว และเสฉวนแล้ว...เราตัดภาพมาฝั่งโจโฉบ้าง...

ความกำเริบเสิบสานของโจโฉ  ตอนนี้เรียกได้ว่าไม่มีลิมิตซะแล้ว...มีการชำระสะสางเรื่องในวังกันขนานใหญ่ ถึงขนาดลากมเหสีพระเจ้าเหี้ยนเต้มาฆ่าล้างโคตร...เนื่องจากสืบได้ว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้คิดจะกบฎต่อโจโฉ (มันกลับทางยังไงพิกล)...จากนั้นโจโฉก็ยกทัพมาเขมือบเมืองฮันต๋งได้สำเร็จ

วิธีรับประทานเมืองฮันต๋ง คล้ายๆกับที่ขงเบ้งเคยทำ...คือตอนรบกัน ไปเจอฮันต๋งมีทหารเอก ที่โค่นไม่ลงอยู่คนนึง...โจโฉก็ใช้วิธีส่งคนไปติดสินบนอีบ่างข้างตัวเจ้าเมือง ให้ระแวงทหารเอกคนนี้...ทหารเอกอึดอัด...โจโฉก็มารับเซ้งต่อ...หมดทหารเอก...ฮันต๋งก็แตก...

...เมืองฮันต๋งนี่  เจ้าเมืองมันยังไงของมัน...หูเบา  เชื่อคนยุง่ายเหลือเกิน  คราวก่อนก็เสียม้าเฉียวไปให้เล่าปี่ทีนึงแล้ว  คราวนี้ก็มาเสียทหารเอกไปให้โจโจอีก...

เรื่องของเรื่องก็คือ  เจ้าเมืองแม่งเลี้ยงบ่างไว้ตัวนึง...คราวที่แล้วอีบ่างคนนี้ยุให้ระแวงม้าเฉียว...คราวนี้ก็ผลงานอีบ่างคนเดิม...

พอโจโฉเข้าเมืองได้ สิ่งแรกๆที่ทำ...คือเรียกอีบ่างนี่มากุดหัวทันที...สมควรแระ...

พอได้ฮันต๋ง...โจโฉก็เล็งเสฉวนต่อเลย...พอเล่าปี่ได้ข่าว ก็ทำสิ่งที่เจ้าคนนายคนทั้งหลายทำกัน...คือหันไปถามที่ปรึกษา...ขงเบ้ง

ขงเบ้งก็หัวเราะฮ่าๆๆ...เรื่องเล่นเกมแบบนี้ เบ้งถนัดนัก...ตอนนี้ไม่ใช่กระจอกงอกง่อยแล้วนี่ พอมีบ้านมีเมืองไปต่อรองกับเค้าบ้าง...ก็ส่งคนไปติดต่อซุนกวน...กวน...ลื้อช่วยไปแยงๆเมืองบางเมืองของโจโฉให้หน่อยสิ...ถ้าได้แล้วจะยกเมืองเกรด b+ ซักสามเมืองให้เป็นรางวัล

โจโฉกำลังเงื้อๆ จะฟาดเสฉวนอยู่...อ้าว พยาธิซุนกวนแม่งมาแหย่ให้คันอีกแล้ว...ต้องแบ่งทัพไปรับหน้าไว้...

รบกันหอบแฮ่กๆทั้งคู่ จนต้องเลิกรากันไปมือเปล่า...สรุป...สบายสุดคือเล่าปี่กะขงเบ้ง...ยุชาวบ้านเค้าตีกัน...

วันดีคืนดีโจโฉนึกเฮี้ยนขึ้นมา  ก็อัพเลเวลตัวเองขึ้นเป็นเจ้าซะยังงั้น...ก๊กของโจโฉเรียกว่า วุยก๊ก...เดิมโจโฉเป็น วุยก๋ง...คือถึงจะสูงส่ง  แต่ยังเป็นสามัญชนอยู่...ก็อัพเป็น พระเจ้าวุยอ๋อง...อันนี้นับเป็นเจ้าแล้ว  ใครเข้าหาก็ต้องกราบกราน  พิธีรีตองเพิ่มขึ้นมากมาย...

ตรงนี้มีเกร็ดแนวไสยศาสตร์ ผู้วิเศษแทรกเข้ามา...ไม่ค่อยสำคัญกับการเดินเรื่องเท่าไหร่ แต่มีนัยเหมือนว่าไอ้การอัพตัวเองเป็นเจ้าน่ะ...บุญไม่ถึง...กับเป็นปฐมเหตุที่จะไปสู่กาลมรณะของโจโฉ...

...โจโฉอยากกินส้ม ไลน์ไปบอกซุนกวนให้ส่งมาห้าสิบหาบ...คือคู่นี้ตอนเลิกรบเค้าก็ไม่ได้โกรธกันมาก  พอจะขอส้มขอทุเรียนมากินได้อยู่...ระหว่างทหารแบกหามจะเอามาส่ง ก็ไปเจอกับผู้วิเศษ...ซึ่งตามสูตรหนังจีน...ผู้วิเศษจะมาแบบหล่อๆไม่ได้...ต้องพิกลพิการ แต่งตัวดูเพี้ยนๆ...ชื่อแกก็น่ารักเชียว...โจจู๋

โจจู๋มาเจอตอนทหารกำลังเหนื่อย ก็อาสาช่วยหาบส้มให้ คนเดียวแกช่วยหาบมาได้ตั้งไกลทั้งห้าสิบหาบ...พอทหารเอามาส่งถึงมือโจโฉ แกะเปลือกส้มดู...อ้าวไม่มีเนื้อข้างในซักกะลูก...ถ้าเป็นสมัยนี้คงได้แชร์ลงเฟส...จีนทำส้มปลอม...

พอดีโจจู๋มาขอพบ...ทหารชี้เลย...ไอ้คนนี้อ่ะครับ มาช่วยพวกผมแบกส้ม...สงสัยมันจะเล่นของ  หรือไม่ก็เปลี่ยนเอาส้มปลอมมาใส่...โจโฉก็เชิญเข้าพบ

คราวนี้โจจู๋ก็โชว์ใหญ่ ราวกับ thailand's got talent...ไหนโจโฉแกะส้มซิ...ไม่มีเนื้อ...โจจู๋แกะมั่ง...มีเนื้อปกติ...โจโฉก็ทึ่ง...เฮ้ย เจ๋งอ้ะ

เอาสุราอาหารมาเลี้ยง...โจจู๋ก็แด๊กโชว์อีก...สุราห้าไห แพะทั้งตัวกินคนเดียว...ยังไม่อิ่ม...โจโฉยิ่งทึ่ง...ว้าววว...เฮียจู๋ ทำได้ไงอ้ะสอนมั่งฮี่...

โจจู๋ก็บอก ถ้าอยากได้วิชาต้องมาอยู่ป่าอยู่เขากะอั๊วลื้อเอาป่าว...โอ๊ย ไม่ได้หรอกเฮีย...อั๊วทิ้งบ้านเมืองไป แล้วใครจะดูแล...โจจู๋บอก...ก็เล่าปี่ไง เชื้อพระวงศ์เชียวนา ฝีมือก็มีทีมงานก็เก่ง...ปล่อยเค้าบริหารไป...

โจโฉฟังก็เต้นทันที...ไอ้เวรนี่พูดหมาไม่แดกยังงี้  ไส้ศึกฝั่งเล่าปี่แน่นอน...ทหาร...ตื้บแม่ง

แต่จะกี่ตีนรุมยำยังไง โจจู๋ก็ปล่อยให้ยำ  แถมยังนอนหัวเราะเช้ยยยย...เหนียวนักใช่ไม๊...เอามันไปขัง อดข้าวอดน้ำ...

เจ็ดวันเปิดมาดู...จู๋ เอ๊ย โจจู๋ก็ยังแข็งแรงดีอยู่...จนโจโฉหมดปัญญา...ต้องเอากลับมานั่งคุยกันดีๆ  แถมมีงานเลี้ยงต้อนรับอีกแน่ะ

พรุ่งนี้มาตามเรื่องเฮียจู๋กันต่อครับ

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #6 on: 12 July 2024, 15:26:26 »


moncheep siva
27 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

สามก๊กตอนนี้  มีก้าวย่างที่สำคัญเกิดขึ้น...ทั้งการเปิดตัวคู่เสธ. คนสำคัญของวุยก๊ก  ที่จะมาเป็นคู่แข่งระดับใกล้เคียงกับขงเบ้งในอนาคต...สุมาอี้
เล่าปี่ก้าวข้ามสามัญชนขึ้นมาเป็นอ๋อง  และการตัดสินใจของกวนอู  ในการผูกมิตรกับง่อก๊กของแซ่ซุน
ทั้งหมดจะเผ็ดมันอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 37...

พอโจจู๋ได้เข้ามาในงานเลี้ยง แกก็งัดอภินิหารมาแสดงใหญ่

...วาดรูปมังกร แล้วล้วงเอาตับสดๆออกมาจากรูปบ้างล่ะ...

...เสกดอกโบตั๋น เสกขิงบ้างล่ะ แต่ไม่มีเสก โลโซนะฮะ...และอีกหลายอย่าง ชักจะออกแนว entertain ปนหลอนๆ...

ช็อตเด็ดมันอยู่ตรงนี้...โจจู๋หนีออกไปนอกเมือง โจโฉก็ให้วาดรูป และออกหมายจับกระจายไป...ก็จับได้คนที่หน้าตาเหมือนโจจู๋ราวกับโคลนนิ่ง...สามร้อยกว่าคน

โจโฉแยกไม่ออก ไหนตัวจริงตัวปลอม...งั้นจับแม่งมัดรวมกัน แล้วตัดหัวให้หมด...

พอตัดแล้ว  ไอ้หัวขาดสามร้อยกว่าตัวนี้  แทนที่จะตาย...ดันลุกขึ้นมาได้ หิ้วหัวใครหัวมัน...ล้อมจะเข้ามาสกรัมโจโฉ

ก็จับไข้สิครับ จะไปเหลือหรอ...โจโฉป่วยหนักเลย

พักคั่นเวลาเรื่องโจจู๋แล้ว...เอ้า มวยคู่เอก...มารบกันต่อ...เสฉวนของเล่าปี่...ฮันต๋งของโจโฉ...

ถึงตรงนี้มีชื่อขุนทหารใหม่ๆเข้ามา  ซึ่งต้องเอ่ยถึงซะหน่อยเพื่อให้เห็นว่า  ก๊กเล่าปี่ไม่ใช่กระจอกงอกง่อย  เอะอะก็กวนอู  เตียวหุย  จูล่ง  อยู่แค่สามหน่อ...คราวนี้มี  ฮองตง อุยเอี๋ยน...สองคนนี้เป็นทหารเจเนอเรชั่นใหม่ของเล่าปี่...

ตอนโจมตีเมืองฮันต๋ง...ฮองตง ถึงจะเป็นเจนเนอเรชั่นใหม่  แต่อายุโคตรแก่งั่กเจ็ดสิบกว่าแล้ว...ยังอุตส่าห์ฆ่าแฮหัวเอี๋ยน ทหารคนสำคัญของโจโฉได้...ส่วนอุยเอี๋ยน เกือบจะฆ่าโจโฉได้...แกยิงธนูเข้าปากโจโฉจนฟันหักสองซี่...

สุดท้าย...เล่าปี่ก็ตีเมืองฮันต๋งได้...เหล่าขุนนาง นำโดยขงเบ้ง ก็ขอร้อง...เฮีย ตั้งตัวเป็นเจ้าเถอะ...ฝั่งนู้นมันเป็นวุยอ๋องแล้ว...เฮียช่วยเป็นอ๋องอะไรซักอย่างนะ...จะได้ทัดเทียมกัน

อย่างที่บอก  เล่าปี่นี่แกเป็นเจ้าอยู่แล้ว...เจ้าแห่งการเล่นตัว

ตั้งแต่ครั้งขงเบ้งมาใหม่ๆ บอกให้ยึดเกงจิ๋ว...โอ๊ย ไม่ได้หรอก ญาติกัน...ผลคือต้องหนีกระเจิง  เมียตายไปคนนึง

บังทองบอกให้ฆ่าเล่าเจี้ยง ยึดเสฉวนซะตั้งแต่แรก...โอ๊ย ไม่ดีหรอก...เจี้ยงเค้าน่ารักจะตาย...ไงล่ะ  ท่ามากคราวนั้น  บังทองถึงกับเด๊ด

ครั้งนี้ก็เช่นกัน...โอ๊ย ไม่เอาหรอก...ป่าวประกาศว่าจะกอบกู้ ทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้...ตอนนี้ดันจะให้ตั้งตัวเป็นเจ้าซะเอง...เค้าเขินน้าาา...

ต้องทั้งขู่ทั้งปลอบอยู่นาน...ขงเบ้งถึงกับต้องงัดไม้ตาย  ถ้าเฮียปี่ไม่เล่นด้วยคราวนี้  อั๊วกลับไปทำนาล่ะนะ...จนต้องกล้อมแกล้มยอมรับ...เป็นพระเจ้าฮันต๋ง...ว้าว ขยับจาก MAI เข้าตลาด SET...เป็นหุ้นบลูชิพซะด้วย...

ความทราบถึงโจโฉ...ก็โกรธขุดโคตรเหง้าเล่าปี่มาด่า...ไอ้ชาติทอเสื่อขาย...แม่งมาตั้งตัวเป็นเจ้าแข่งกะกู...ทหารจัดทัพ...กูจะไปตีไอ้เล่าปี่...

ถึงตรงนี้มีตัวละครสำคัญโผล่มาอีกตัว...สุมาอี้...

สุมาอี้เติบโตมายังไง  แล้วมาเป็นคนสำคัญของวุยก๊กได้ยังไง...ถ้ามีเวลาเดี๋ยวย้อนมาเล่าให้ฟัง

แต่ตอนนี้พอโจโฉจะออกงิ้ว  สุมาอี้ก็รีบปราม...ใจเย็นๆนายท่าน ไหนยิ้มซิ...น่านไง...ฟันยังหลออยู่เลย ไม่เข็ดอีก...ขืนยกไปรบตรงๆอีก...คราวนี้ได้หลอทั้งปาก

เราใช้แผนของมัน ย้อนศรมันมั่ง...ยังไงล่ะอี้...ก็ซุนกวนไงล่ะท่าน  ขานั้นเค้ามีนโยบายชัดเจน  คือร่วมรัฐบาลกับใครก็ได้...ว้าย  ไม่ใช่...คือเค้าไม่ทำตัวเป็นศัตรูกับใครต่างหาก...แล้วตอนนี้ถ้าเรายุให้มันไปตีเกงจิ๋ว  มันคงเล่นด้วยแน่...เราก็ไปตีฮันต๋งกับเสฉวน...สองรุมหนึ่งไปเลย...

โจโฉเห็นด้วย ก็ส่งฑูตไปเจรจากับซุนกวน...ซุนกวนรับทราบ แต่ก็ชั่งใจอยู่...

ด้วยความที่ตอนนี้เป็นสามเส้าชัดเจนแล้ว...ซุนกวนก็เหมือนอยู่กลางๆ ไม่ได้เป็นศัตรูถาวรกับใคร...จะเข้าฝ่ายไหนดีล่ะ  แตะมือโจโฉ รุมเล่าปี่...หรือจะเป็นพวกเล่าปี่ กระทืบโจโฉ

ชั่งใจดูแล้ว  ฝ่ายเล่าปี่น่าจะซื่อๆตรงๆ(จริงดิ?)คุยง่ายกว่า...ก็ลองแย๊บๆไปทางเกงจิ๋วก่อน...กวนอูเจ้าเมืองเกงจิ๋ว แกมีลูกสาวอยู่...ซุนกวนก็มีลูกชาย...เลยส่งฑูตไปเจรจาขอลูกสาวกวนอู มาเป็นลูกสะใภ้

แผนนี้จะว่าไปแล้ว ก็แจ่มไม่น้อย...ซุนกวนกับกวนอูได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว...ปัญหาเกงจิ๋วก็จะหมดไป...จะได้ตั้งหน้าลุยโจโฉฝั่งเดียวไปเลย...

กวนอูจะตอบกลับยังไง...พรุ่งนี้มาต่อฮะ

.

..................................................


moncheep siva
28 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

สามก๊กตอนนี้  เป็นจุดจบของคนสำคัญคนหนึ่งในเรื่อง...
เขาคือใคร...อะไรทำให้เขาจบชีวิตในวัยที่ยังคงรุ่งโรจน์อยู่...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 38...

"บุตรของเราเป็นชาติเชื้อเหล่าเสือ มิควรจะให้แก่สุนัข"...นี่คือคำตอบของกวนอู เมื่อซุนกวนส่งคนมาสู่ขอลูกสาว...โหยยยย แรงอ้ะ...

ซุนกวนนี่เค้าเป็นเจ้าเมืองมาสามรุ่นแล้วนะ  ตั้งแต่ซุนเกี๋ยน  พ่อ...มาซุนเซ็ก  พี่ชาย...จนมาถึงซุนกวน...ซึ่งถ้าว่ากันจริงๆก็ไฮโซกว่ากวนอูเยอะ...การยื่นไมตรีมาขอลูกสาวกวนอู  ที่เพิ่งจะได้เป็นเจ้าเมืองใหม่ๆแบบนี้  ถือได้ว่าซุนกวนเป็นฝ่ายลดตัวลงมาหา...

...แต่กวนอูหยิ่งจัด โดยตีค่าเอาจากที่ตนเองก้าวขึ้นมาได้ด้วยฝีมือ ไม่ใช่ลูกเชื้อลูกตระกูลอย่างซุนกวน...เลยทำให้ลืมคาถาขงเบ้ง ที่ให้ร่วมมือกับแคว้นใต้ไปเสียฉิบ...

ตรงนี้เราจะหยุดวิเคราะห์ “ความเป็นกวนอู” ดูสักเล็กน้อย...

ลุงแกเป็นคนมีคาแรกเตอร์ชัดเจนมาก  คืออีโก้โคตรสูงติดดอย  จึงแสดงออกมาทั้งในแง่บวกและลบ...

ในแง่บวกก็คือ  คนที่ตีค่าตัวเองสูงและเคารพตัวเองขนาดนี้  ถ้าลงว่ายึดถืออะไรแล้ว  สิ่งที่ยึดถือนั้นจะอยู่สูงกว่า  แม้กระทั่งความตาย...คำสาบานในสวนท้อตั้งแต่ตอนเริ่มออกท่องยุทธจักร...กวนอูยึดถือเป็นสรณะ  และแกก็ตายด้วยสรณะนี้ของแกด้วย...ข้อนี้แหละที่ทำให้คนจีนหลายล้าน  ยอมซูฮกให้แกจนยกย่องเป็นเทพเจ้า...

แต่อีกแง่นึง  อีโก้ของแกที่ไม่ลดราวาศอกให้สถานการณ์ใดๆเลย  ก็ย้อนกลับมาฆ่าตัวเองได้เหมือนกัน...ความหยิ่งเว่อร์ และขี้ลืมครั้งนี้...ผลมันร้ายแรงนัก...

ซุนกวนรู้คำตอบแล้วว่าไง...ก็กริ้วสิฮะ ไม่น่าถาม...ในเมื่อยื่นไมตรีไปทางกวนอูแล้วเป็นยังงี้...ก็เลยบอกไปทางโจโฉ...ตกลงเราจะรุมเกงจิ๋วกัน ..

โจโฉใช้วิธีส่งทหารมาแหย่เมืองเล็กเมืองน้อย แวดล้อมเกงจิ๋ว...กวนอูก็ปุเลงๆไปรับหน้า เดี๋ยวรบเมืองนั้น เดี๋ยวป้องกัน

เมืองนี้ จนไปโดนธนูปักติดไหล่บาดเจ็บมาสองรอบ...

ไอ้รอบแรกไม่เท่าไหร่ แต่รอบสองนี่...อาบยาพิษตามสูตร...ก็เจ็บปวดขนาดหนัก...ต้องเอาหมอมารักษา...

หมอวินิจฉัยแล้วบอกว่า...พิษมันเข้าไปถึงกระดูก ต้องเปิดแผล ตัดเนื้อร้ายแล้วขูดกระดูกให้หมดพิษ...โอ้ยยย เสียววว

แล้วสมัยนั้นไม่มียาชาหรือยาสลบ ต้องเชือดกันสดๆนะฮะ...หมอเสนอว่าจะใช้ปลอกเหล็กรัดกวนอูไว้กับเสา ไม่ให้ดิ้น...

แต่ทหารเสือระดับตำช้าตำนานขนาดนี้ จะมาทำอ่อนแอกลัวเจ็บได้ไง...เรียกทหารเอาเหล้ามา...หมอ  แดกเหล้ากัน...กูจะนั่งเฉยๆตีดัมมี่แดกตังค์ลูกน้องเอามาเป็นค่าหมอให้มึง...มึงผ่าตามสบาย...รับรองไม่ดิ้น

ซึ่งกวนอูก็อดทนผิดมนุษย์มนาจริงๆ  นั่งให้หมอเชือดเนื้อ  ขูดกระดูกหน้าตาเฉย...

ที่น่าสงสารก็ลูกน้องที่มาเล่นดัมมี่นั่นแหละ...คงตีผิดตีถูก  โง่ไปหลายตา...แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้...

ระหว่างที่กวนอูใช้แรงกายมากกว่าแรงสมอง  ต้องคลุกฝุ่นจนบาดเจ็บตามเมืองเล็กเมืองน้อยรบกับโจโฉ...ซุนกวนได้ทีก็เริ่มโจมตีเกงจิ๋ว...

ตรงนี้โรคอีโก้เป็นพิษ ก็ทำกวนอูเดือดร้อนอีก...ตอนแรกซุนกวนก็ส่งแม่ทัพวัยเด็ก...ลกซุน...มาขัดตาทัพอยู่ใกล้ๆ...ลกซุนนี่ถึงจะเด็ก แต่สติปัญญาไม่เด็กตาม...แกคงจับจุดถูก ว่าคนอย่างกวนอูต้องจัดการยังไง...ก็พินอบพิเทาเข้าหาแบบเด็กเข้าหาผู้ใหญ่...

กวนอูถูกจับโดนเส้นเข้ายังงี้ ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ...แหมไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่มันรู้จักที่ต่ำที่สูงดีโว้ย...ยังงี้วางใจได้...

มารู้ตัวอีกที...two days ago kid...ลกซุน...ร่วมกับทหารเก่ากวนอูที่ย้ายค่ายมา...ก็ยึดเกงจิ๋วได้เสียแล้ว...แถมยังควบคุมลูกเมียกวนอูไว้ด้วย...

คงจะเป็นด้วยดวงชะตาตกต่ำสุดขีด...โดนธนูอาบยาพิษเพิ่งหาย ยังไม่เต็มร้อย...เกงจิ๋วโดนยึด ลูกเมียตัวเองลูกเมียทหารก็อยู่ในนั้น  ต้องเป็นกองทัพเร่ร่อนอยู่นอกเมือง  ลูกน้องหลายคนเป็นห่วงครอบครัว  ก็ยอมข้ามไปเข้ากับฝั่งที่ยึดเกงจิ๋ว...กำลังพลหายไปเยอะ...

ขอกำลังทหารให้มาช่วย...ลูกเลี้ยงเล่าปี่ที่เคยมีเรื่องเหม็นหน้ากันมา...ก็ไม่ยอมมาช่วยอา...จนในที่สุดกวนอูก็ถูกล้อมจับหนีไปไม่รอด...

แต่กว่าจะจับเสือร้ายตัวนี้ได้ ก็ไม่ใช่ง่าย...ทั้งที่อิดโรยจากพิษธนู...ทหารติดตามก็เหลือนับตัวได้...ก็ยังต้องรบล่อแล้วล่ออีก...จนกวนอูตกหลุมที่ขุดไว้ ม้าทับขาหัก ซี่โครงเดาะ...

เดี้ยงขนาดนี้  ก็ยังไม่มีใครกล้าลงไปจับตัว...ต้องเอาหินทุ่มลงไป เรียกว่าเอาจนคางเหลืองอ๋อยจริงๆ...ถึงจะกล้าลงไปจับกวนอูมัด ส่งไปให้ซุนกวนได้...

ซุนกวนเกลี้ยกล่อมให้มาเป็นพวก...แต่คำสาบานในสวนท้อของเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย...มีค่าเหนือกว่าชีวิต...

ซุนกวนถูกด่ากลับ...หันไปถามที่ปรึกษา...ทุกคนส่ายหน้า  ไอ้นี่เคยไปตกอยู่ในมือโจโฉ  โจโฉประเคนให้ทุกอย่าง  มันก็ยังไม่เชื่อง...ทิ่มหัวแม่โป้งลงพื้น

กวนอูจึงถูกตัวหัว...ตายตอนอายุห้าสิบแปด...

.




« Last Edit: 12 July 2024, 15:40:07 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #7 on: 12 July 2024, 15:27:26 »


moncheep siva
1 มี.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

บุคคลสำคัญๆ  ที่เป็นเหมือนโลโก้ของสามก๊ก...ค่อยๆเข้าแถวไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้  เป็นลำดับๆไป...
ตอนนี้จะเป็นใครที่ถึงคิว  และไปในแบบไหน...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 39...

หัวกะตัวของกวนอู กลิ้งอยู่คนละทางต่อหน้าซุนกวน...ความตายของขุนศึกคนสำคัญนี้ ทำให้ทั้งสามเส้าเงื้อง่ากันตัวเกร็งมากขึ้น...

ซุนกวน หลังจากที่ตั้งสติได้  ตายห่านล่ะ  ไปฆ่าน้องรักมันเข้า...ก็นึกกลัวเล่าปี่  ซึ่งตอนนี้ใหญ่โตเบ้อเร่อเบ้อร่า  จะยกทัพมาเอาคืน...โยนหัวไปให้โจโฉ...ทำเป็นว่าข้าไม่เกี่ยว...ไปเฉ่งกะโจโฉเอง...

หลังจากโจโฉรับหัวกวนอูมา...ที่ปรึกษาก็เตือนว่า...เนี่ย ซุนกวนมันโยนขี้มาให้...โจโฉเลยแก้เกมด้วยระบบ 3-5-2  เน้นเพรสซิ่งแดนกลาง...จัดพิธีศพแบบขุนนางผู้ใหญ่...ที่ฝังศพปักป้าย...เจ้าเมืองเกงจิ๋ว...ทำเป็นว่าอั๊วไม่เกี่ยวหน่า อั๊วยกย่องกวนอูดีอยู่นา...นู่น ไอ้ซุนกวนมันฆ่า

ฝั่งเล่าปี่...หลังจากร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร...ขงเบ้งก็เตือนว่า ตอนนี้ไอ้สองก๊กนั้นมันป้ายขี้กันเหม็นหึ่งไปหมด...เราเก็บความแค้นส่วนตัวก่อน  นิ่งๆไว้สักพักดีกว่า อย่าไปเป็นเครื่องมือมัน...เล่าปี่ซึ่งตอนนี้แค้นซุนกวนเข้ากระดูกดำ  ก็เลยต้องยอมกลืนเลือด สงบทัพเอาไว้...

พูดถึงกวนอูตอนเป็นๆนี่ แกฝีมือร้ายกาจแค่ไหน รู้กันทั่ว...พอตายไปแล้วก็ยังฤทธิ์เยอะ...ทหารคนที่ย้ายค่ายไปฝั่งซุนกวน ทำอุบายจนยึดเกงจิ๋วได้...ผีกวนอูแกแค้นหนัก เลยเข้าสิงแล้วหักคอทหารนั้นจนตาย

โจโฉ...ตอนได้รับหัวกวนอูมา  เกิดไปหัวเราะเยาะเย้ยเข้า...ก็โดนหัวกวนอูแลบลิ้นปลิ้นตาใส่จนป่วยไปเลย...

แล้วก็เรื้อรังกลายเป็นโรคปวดหัวไม่หาย...จนต้องไปตามหมอมา...ก็หมอฮัวโต๋ คนที่รักษากวนอูน่ะแหละ...หมอแกบอกว่ารักษาได้ แต่ต้องยอมให้แกผ่าหัวล้างสมอง  แบบล้างจริงๆ  คือเอาสมองออกมาล้างน้ำล้างท่าถูสบู่ประแป้ง  แล้วจะใส่กลับเข้าไป  ปิดกะโหลกให้เหมือนเดิม...

ด้วยการแพทย์สมัยนั้น...ก็ไม่แปลกที่โจโฉจะไม่เชื่อ...ต่อให้สมัยนี้กูก็ไม่เชื่อโว้ย...แต่การไม่เชื่อของเจ้าคนนายคนระดับนี้...เมื่อคิดว่าหมอจะหลอกฆ่า...หมอฮัวโต๋ก็เลยซวยไป...ถูกขังคุกจนตาย...

หมอฮัวโต๋คนนี้ ถึงไม่สำคัญกับการเดินเรื่องเท่าไหร่...แต่หมอที่เก่งระดับ "แต่ยกมือขึ้นความเจ็บก็หาย" แบบนี้...แกมีเกร็ดเล็กน้อยน่าสนุกดี...

เดินผ่านบ้าน ได้ยินเสียงคนร้องครวญคราง...แค่นี้แกรู้เลย...มีงูอยู่ในท้อง...ให้กินยาอาเจียนออกมาก็หาย...แต่แกไม่ได้บอกแฮะ  ว่างูเขียวปากจิ้งจกหรืออนาคอนด้า

มีอีกคนเป็นฝีที่คิ้วปวดมากมาหา...แกบอกเลย...มีสัตว์บินได้อยู่ในนั้น...พอผ่า ก็มีนกกระจอกบินออกมา...

อีกคนนึง โดนหมากัดหัวแม่เท้าขาด เกิดเป็นก้อนเนื้องอกออกมาสองก้อน...ก้อนนึงเจ็บก้อนนึงคัน...

เพียงแค่เห็น หมอฮัวโต๋บอกเลย...ไอ้ที่เจ็บน่ะ มีเข็มอยู่สิบเล่ม...ส่วนไอ้ที่คันน่ะมีลูกผีลายอยู่สองลูก...ที่เด็ดกว่านั้น...แกบอกด้วยว่า เบอร์หนึ่งลูกนึงอีกลูกนึงเบอร์สิบห้า...แล้วก็จริงตามนั้นด้วย...

สรุปโจโฉก็ไม่ได้รับการรักษา ก็ปวดหัวมาเรื่อย...หนักเข้าเริ่มหลอน...เห็นผีคนที่เคยฆ่ากลับมาหลอก ใครก็ช่วยไม่ได้...เพราะคนที่มาช่วยก็โดนผีหลอกไปด้วย

สุดท้ายพอรู้ว่าไม่รอด...โจโฉก็ตั้งโจผี สืบทอดทายาทกระสือ...และสั่งเสียเรื่องที่ฝังศพตนเองไว้...ก็รู้ว่ามีคนเกลียดเยอะ...เลยให้ลับลวงพราง...ทำฮวงซุ้ยเจ็ดสิบสองหลุม ไม่ให้รู้ว่าอันไหนหลุมจริง...

เอ้อ  ได้ข่าวว่าเมื่อเร็วๆนี้  มีการขุดพบสุสานตัวจริงของพระเจ้าอะไรซักองค์  ซึ่งนักประวัติศาสตร์จีนเขาบอกเลย...เนี่ยแหละโจโฉ

โจโฉตายอายุหกสิบหก...

มีเรื่องชื่อที่อ่านแล้วขำ มาเล่าปิดท้าย...

โจโฉมีลูกที่ตายไปก่อน ชื่อ...โจงั่ง...อืมมม...

เล่าปี่มีลูกกับเมียเล็กๆ...โถ...ไม่มีชื่อจะตั้งแล้วหรอ...ให้ลูกชื่อ...เล่าเอ๋ง...

น้ำตาจิไหล...

โจผี พอรับตำแหน่งแทนพ่อ ก็กำเริบเสิบสาน...ไม่พอใจแค่ตำแหน่งวุยอ๋อง...ถีบพระเจ้าเหี้ยนเต้ลงจากบัลลังก์...ตั้งตนเป็นฮ่องเต้แทน  แถมยังมีผลย้อนหลัง  กลับไปตั้งให้เตี่ย...โจโฉ  เป็นพระเจ้าอะไรซักอย่าง  ต้นราชวงศ์ด้วย...สถานการณ์ของราชวงศ์ฮั่นก็ถือว่าร่อแร่เต็มที...

อ้าว  ยังงี้ยังไม่สิ้นสุดราชวงศ์เหรอ...ยังครับ  เพราะ...

ฝั่งเล่าปี่...พอข่าวว่าเหี้ยนเต้กระเด็น โจผีกลายเป็นฮ่องเต้แทน...ขงเบ้งก็นำขุนนางทั้งปวง ทูลเชิญเล่าปี่สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้...เพื่อสืบราชวงศ์ฮั่นไว้ ไม่ให้จบลง...

เล่าปี่แกอาจจะเล่นอะไรไม่ค่อยเก่ง...แต่เรื่องเล่นตัวนี่สุดยอด...กระบิดกระบวนซะจนขงเบ้งงอน...แกล้งป่วย...เล่าปี่ไปเยี่ยมที่บ้าน...ตบจูบๆกันอยู่พักนึง...เล่าปี่ก็ยอมขึ้นเป็นฮ่องเต้...

ถึงตรงนี้บริบทของสามก๊กเปลี่ยนไปแล้วครับ...จากเดิมโจโฉก็อ้างว่าทำนุบำรุงพระเจ้าเหี้ยนเต้...เล่าปี่กบฏ...ต้องปราบ...เล่าปี่ก็บอกว่าจะช่วยเหี้ยนเต้...โจโฉมันหยาบช้า...ต้องล้มให้ได้

ตอนนี้แต่ละฝ่ายเปิดหน้ารบกันเต็มแม๊ก...ไม่ต้องมีข้ออ้างว่าใครทำเพื่อใครอีกต่อไปแล้ว

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #8 on: 12 July 2024, 15:28:30 »


moncheep siva
2 มี.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

สามก๊กตอนนี้  มีใบไม้ใบใหญ่ร่วงอีกใบ...
ใครเป็นคนชะตาขาด  และการตายของเขา  ส่งผลถึงอุณหภูมิในสามก๊กอย่างไรบ้าง...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 40...

เล่าปี่นั้นไฟท่วมอกมานาน  ตั้งแต่กวนอูถูกตัดหัวไป...จะยกทัพไปอัดซุนกวนให้ได้...ขงเบ้งกะขุนนางห้ามกันเสียงหลง...ซุนกวนมันเรื่องส่วนตัวนะท่าน...นู่น...ไอ้โจผีมันล้มเหี้ยนเต้...อันนี้ความแค้นของแผ่นดินเชียวนะ...ไปกระทืบวุยก๊กเถอะ...มีแต่คนเอาด้วย...

เล่าปี่ขัดไม่ได้ กำลังจะบ่ายหน้าไปวุยก๊ก...ก็มีคนมาชักใบให้เรือเสีย...เตียวหุย

มองมุมนึง...เตียวหุยไม่ฉลาดเอาซะเลยในเกมการเมือง...แต่มองอีกมุม...นี่คือลูกผู้ชายตัวจริงสาบานแล้วไม่คืนคำ...

เตียวหุย...ซึ่งตอนนี้ก็เป็นใหญ่เป็นโต  ได้เป็นเจ้าเมืองกะเค้า  มีกองทัพของตัวเองเหมือนกัน...ก็เข้ามาถามเล่าปี่...จะยกทัพไปไหนล่ะเฮีย...เอ้ออ คือ ไฟต์บังคับอ้ะ...เฮียจะไปปราบโจผี มันล้มเหี้ยนเต้ คนเจ็บแค้นทั้งแผ่นดิน...

เตียวหุยก็ร้องไห้กอดขาเล่าปี่..."คนทั้งปวงมันสาบานเป็นพี่น้องกับเราหรือ...โน่น ไอ้ซุนกวนต่างหากมันฆ่าพี่น้องเรา...หรือเฮียเป็นฮ่องเต้แล้วลืมพี่ลืมน้อง...ถ้าเฮียไม่ไป...อั๊วจะยกทัพไปคนเดียว...ตายเป็นตาย"...

โดนลูกนี้เข้า...เล่าปี่เองอยากไปแก้แค้นซุนกวนใจจะขาดอยู่แล้ว...ก็สั่งกองทัพ...ไม่ไปแล้ว วุยก๊ก...กูจะลงใต้ ไปย่ำง่อก๊กของซุนกวนให้แหลก...

เตียวหุยนี่ขุนศึกตระกูลวู่อยู่แล้ว...คือวู่วามแม่งได้ทุกเรื่อง...คราวนี้พอได้รับไฟเขียวจากพระเจ้าเล่าปี่  จะไปถล่มซุนกวนให้สมแค้น  ด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านขนาดหนัก  ก็สั่งทหารของตัวจัดเต็ม...ทั้งกองทัพต้องม้าขาว ชุดขาว เกราะขาว...นี่มึงจะไปรบหรือไปถือศีล?...

พอทหารที่รับผิดชอบ บอกว่าทำไม่ทันหรอกท่านแม่ทัพ จะไปหาที่ไหน...ก็โดนโบย แล้วคาดโทษว่า...ถ้าพรุ่งนี้ไม่ทัน...หัวพวกมึงขาดแน่...

ทหารที่น่าสงสารสองคนก็ปรึกษากัน...พรุ่งนี้เอ็งกะข้า สงสัยจะดวงกุด...แล้วจะรอให้โดนกุดหัวอยูไย...เล่นแม่งก่อนเลย...

คืนนั้นเตียวหุยกรอกสุราไปซะเต็มคราบ...หลับไม่รู้เรื่อง...สองคนนั่นก็ย่องเข้ามา...คนนึงแทงคอ คนนึงแทงท้อง...เตียวหุย...ขุนพลใหญ่ร้องได้คำเดียว ก็ขาดใจตาย...

แค่นั้นไม่พอ...ทหารพวกนี้ยังทำเหมือนเติมเชื้อฟืนเข้ากองไฟอีก...ตัดหัวเตียวหุย ลักลอบออกจากกองทัพ...เอาไปให้ซุนกวน...

ไม่รู้จะสรรหาคำไหน มาบรรยายความโกรธของเล่าปี่...ฝากขงเบ้งอยู่ดูเสฉวน...แล้วตนเองนำทัพมุ่งหน้ากังตั๋งของซุนกวน...

ซุนกวนก็งันงกเลยล่ะครับ...วิ่งพล่าน เอาไงดีๆๆ...เพราะกองทัพหัวร้อนขนาดเจ็ดสิบห้าหมื่นของเล่าปี่คราวนี้ แม้จะเล็กกว่าทัพโจโฉคราวก่อน ที่มากันแปดสิบสามหมื่น...แต่ไอ้แปดสิบสามหมื่นคราวก่อน  ยังมีท่าทีโอภาปราศรัยกันได้บ้าง

...ไอ้เจ็ดสิบห้าหมื่นของเล่าปี่คราวนี้...มาแบบหมาบ้า  ไม่รู้จะคุยภาษาอะไรกันเลย

...ซุนกวนพยายามจะหาทางเจรจา  ส่งคนไปขอโทษขอโพย...จะส่งซุนฮูหยินที่หนีกลับมากังตั๋ง คืนให้...ส่งคนที่ตัดหัวเตียวหุย ใส่กรงเหล็กมาให้...

คำตอบเดียวของเล่าปี่คือ...มึงฆ่าน้องกูครั้งนี้ กูมีความแค้นเท่าแผ่นดินแผ่นฟ้า จะยกทัพมาแก้แค้นให้ได้ ตราบเท่าที่กูมีชีวิตอยู่ จะไม่ยอมถอยเลย...

ซุนกวนต้องใช้แผนเดิม...ไปอ่อนน้อมกับโจผี อ้อนวอนให้ช่วยส่งทัพไปก่อกวนเสฉวน...เป็นการกระตุกหางเสือให้หน่อย...

แต่คราวนี้โจผีรู้ทัน...หลังจากที่เออๆออๆไปแล้ว ก็บอกกับคนแวดล้อมว่า...กูรู้ ซุนกวนแม่งกลัวเล่าปี่ขี้ขึ้นสมอง กะจะให้กูไปช่วย...แต่กูจะรอดีกว่าว่ะ ให้แม่งฟัดกันเอง...ใครเพลี่ยงพล้ำ...กูซ้ำ

รบกันสองสามยกแรก...ซุนกวนสู้เล่าปี่ไม่ได้...ส่งคนนั้นไปก็ตาย ส่งคนนี้ไปก็หัวขาด...จนกระทั่งมีคนแนะนำว่า...มีหนุ่มๆอยู่คนนึง เป็นคนที่ร่วมวางแผนจนยึดเกงจิ๋วได้...ซุนกวนจึงแต่งตั้งเด็กเมื่อวานซืนเป็นแม่ทัพใหญ่...ลกซุน...

...ก็ลกซุนคนนี้แหละ  ที่เล่นกลเลียแข้งเลียขากวนอู  จนยึดเกงจิ๋วได้สำเร็จ...

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ...เป็นเด็กเป็นเล็ก ข้ามหัวคนอื่นมาถือดาบอาญาสิทธิ์เลย...แรกๆลกซุนก็ไม่ได้รับการยอมรับจากกองทัพ...ยิ่งแกมีแผนในใจ และใช้กลยุทธ "สงบ สยบความเคลื่อนไหว"...พวกขุนศึกเก๋าๆยิ่งคันไม้คันมือ เม้าท์กันสนุกปาก...ไอ้เด็กอมมือนี่มันขี้ขลาดจังโว้ย...

แล้วแผนในใจลกซุนเป็นยังไงล่ะ...ด้วยความเชื่ยวชาญในพิชัยสงคราม  รู้จักดัดแปลงแผนการให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม...แกคาดไว้แล้วว่า ตอนนี้เป็นหน้าร้อน...ยังไงซะ เล่าปี่ก็ต้องไปตั้งทัพใกล้แหล่งน้ำ...แกก็เล็งทำเลไว้แล้วว่าเล่าปี่จะไปตั้งทัพตรงไหน...

เป็นที่น่าสังเกตว่า การวางแผนการรบของเล่าปี่  คราวไหนคราวนั้น...ถ้าคิดเองนี่ไม่ค่อยจะเวิร์ค...คราวที่เสียบังทองนั่นก็เกือบตายไปทีแล้ว ต้องเรียกขงเบ้งมาช่วย...

คราวนี้ก็เช่นกัน...พระเจ้าเล่าปี่สั่งให้ตั้งทัพตามสุมทุมพุ่มไม้ริมน้ำ ยาวไปถึงเจ็ดพันเส้น...หูย ถ้าหน่วยเส้นของไทยนี่ สี่สิบเมตร...เจ็ดพันเส้นนี่เกือบสามร้อยโล...กรุงเทพฯไปจันทบุรีได้มั้ง...ยาวไปป่าววว

กองทัพยาวเจ็ดพันเส้นของเล่าปี่  จะถล่มกังตั๋งของซุนกวนสำเร็จมั้ย...ตามต่อวันจันทร์ครับ

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.077 seconds with 23 queries.