Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 04:50:20

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง  |  สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 11 - 20]
0 Members and 2 Guests are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 11 - 20]  (Read 601 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 12 July 2024, 14:53:05 »

สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 11 - 20]


moncheep siva
28 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

เล่าปี่เติบโตขึ้นจากอุ้งมือของโจโฉ...แต่เพราะอะไรหรือ  คนกตัญญูรู้คุณเช่นเล่าปี่  จึงลุกขึ้นมาเป็นศัตรูโจโฉซะเอง...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 11...

กวนอูลากง้าวขึ้นม้าออกรบกับกองทัพตั๋งโต๊ะ...พวกแม่ทัพเจ้าเมืองก็งงๆกันอยู่...เอ้อ  ไอ้ยักษ์หน้าแดงนี่มันไม่มีพิธีรีตองอะไรเลย  บอกจะรบก็ไปเลย...

...ไม่กี่อึดใจ  เสียงม้าล่อกลองศึก  ส่งสัญญาณบ่งบอกว่าตัวทหารเอกเข้ารบกันแตกหักแล้ว...

ที่ประชุมก็ยกหู  จองศาลาวัด  สั่งโลงศพทันที  ขอแบบติดแอร์นะ  เพราะหัวกับตัวคงแยกกันมา  ฉีดฟอร์มาลีนไม่ได้...

แล้วก็ชักชวนกันไปนอกค่าย...ก็กะจะไปเก็บศพกวนอูนั่นแหละ  เพราะคิดว่าไม่รอดแหงๆ

...ยังไม่ทันออกพ้นประตูค่ายก็เจอ...กวนอูก็ขี่ม้าเข้ามา  ข้างอานม้าแขวนไว้ด้วยหัวของ  ฮัวหยง...ไอ้มีดฆ่าไก่จอมพิฆาตนั่นเอง...

ทุกคนตะลึง...มีแต่โจโฉยิ้มกริ่ม...กูว่าแล้วมั้ยล่ะ...ยื่นจอกสุราจอกเดิมให้...

...กวนอูรับจอกสุรานั้นมา...ท่ามกลางอากาศหนาวของฤดูวินเทอร์  สุรายังอุ่นอยู่เลย...

..................

...มีดฆ่าไก่หักไปแล้ว  มีดฆ่าวัวต้องออกโรงเอง...ลิโป้ออกรบกับกองทัพรวมมิตร  คราวนี้ก็ยิ่งฉิบหายหนักกว่าเก่า...

...หลังจากตัดหัวฝั่งรวมมิตรไปอีกหลายหัว  ก็ต้องส่งเตียวหุยออกโรงไปรับหน้าลิโป้...

รบกันไปพักนึง  ดูวี่แววแล้วมีแต่เจ๊ากับเจ๊ง...กวนอูกับเล่าปี่ก็ต้องโผนออกไปช่วยน้องเล็ก  แบบสามคนรุมลิโป้คนเดียว...

...ในสามก๊กไม่ได้จัดเรทติ้งไว้ว่า  ขุนศึกคนไหนแร้งกิ้งอันดับหนึ่ง...แต่ถ้านับแถวหน้าๆของสุดยอดฝีมือล่ะก้อ...กวนอูกับเตียวหุยต้องอยู่ในนั้นด้วยแน่...

...แล้วลองคิดดู  การรบในครั้งนี้  ลิโป้ต้องรับศึกจากยอดฝีมือถึงสองคน  แถมด้วยเล่าปี่...ซึ่งตอนนั้นอายุแค่สามสิบต้นๆ  ไม่ใช่ตาแป๊ะแก่ๆ  แต่เป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ทางดาบสองมือด้วยอีกคน...

...แล้วก็ยันอยู่แบบมีแต้มกลับบ้านด้วย...จะเก่งไปไหนครับเฮียโป้...

แต่สุดท้าย  ที่โจโฉระดมทัพมา  รบกันจะเป็นจะตาย...ไอ้ทัพที่ระดมมาก็กัดกันเองตามระเบียบ...ก็แตกสลายแยกย้ายกลับบ้านกันไป...

ส่วนตั๋งโต๊ะก็ชิบหายวายวอด  เพราะแผนการของท่านเสนาบดีใหญ่...ตามที่เล่ามา...

...พระเจ้าเหี้ยนเต้...ก็ตกเป็นลูกไก่ในกำมือของคนนั้นคนนี้  หมุนเวียนกันไป...จนสุดท้ายมาตกอยู่ในมือโจโฉ  เมื่อโจโฉมาเทคโอเวอร์ส่วนกลาง  ได้เป็นถึงระดับผู้สำเร็จราชการในเมืองหลวง...

...เฮียโจเอง  รู้สึกประทับใจในฝีไม้ลายมือของเล่าปี่  แอนด์เดอแก๊งส์...ก็เลยเอาเข้ามาชุบเลี้ยงไว้ใกล้ตัวในเมืองหลวง

พาเข้าเฝ้าฮ่องเต้...อ้าว  แซ่เล่าเหมือนกันนี่(ราชวงศ์ฮั่นคือแซ่เล่า)...งั้นลองสาวโคตรเหง้ากันดูหน่อย...สาวไปสาวมา  เจอว่าระดับชั้นของเล่าปี่นี่  เป็นระดับอา...เหี้ยนเต้ก็เลยแต่งตั้งเป็นพระเจ้าอา...หูยยย  เท่ไม่เบา

นึกดูครับ  จากที่เป็นแค่ขุนศึกบ้านนอกกระจอกๆ...ยกกำลังไปรบกับใครก็มีกำลังแค่เรือนพัน...ในขณะที่ใครจะไฝว้กะใครสมัยนั้น...ขี้หมูขี้หมาต้องมี  สี่ซ้าห้าหมื่น  ไปจนหลายสิบหมื่น

วันนี้ได้ชูคอเป็นถึงพระเจ้าอา...เล่าปี่จึงสำนึกในบุญคุณของโจโฉล้นหัว...

แต่ด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูงของโจโฉ จึงมีการกระทำหลายครั้งส่อไปทางลบหลู่ฮ่องเต้  ขัดหูขัดตาผู้จงรักภักดีเช่นเล่าปี่ยิ่งนัก...โดยเฉพาะครั้งนึงที่สำคัญ...

เป็นประเพณีที่ฮ่องเต้จะมีการทรงพระสำราญ  โดยการไปล่าสัตว์...แต่คนระดับนี้ไม่ใช่ว่าจะถือธนู  เดินเทิ่งๆเข้าป่าไปยิงนกยิงหนู...

นู่น...เขาเกณฑ์คนเป็นพัน  ไปไล่ต้อนสัตว์ป่ามา...ฮ่องเต้กับคนใหญ่คนโต  ก็หาที่เหมาะๆรอ...พอเก้งกวาง  ตัวอะไรวิ่งผ่านหน้า...ก็ใช้ธนูยิงเอาตามชอบใจ...

แล้วพอถึงเวลา...ข้าทาสบริวารก็ต้อนกวางวิ่งผ่านมาหลายตัว  พระเจ้าเหี้ยนเต้...ฮ่องเต้ผู้เหยาะแหยะ...ก็ยิงธนูออกไป...เป้าหมายพระองค์คือ  ทิ้งกะขว้าง...คือยิงทิ้งยิงขว้างไปเสียหมด...เรียกว่ายิงกันจนอายล่ะ

คงเซ็งพระองค์เองไม่น้อย...ก็หันมาหาโจโฉ...เอ้าท่านผู้สำเร็จฯ...โชว์ฝีมือหน่อยซิ...

โจโฉเห็นเป็นโอกาส  ที่จะทดสอบอะไรบางอย่าง...ก็เลยขอพระราชทานลูกธนูจากเหี้ยนเต้มายิง

อันว่าลูกธนูของฮ่องเต้นี่มันมีพิเศษกว่าคนอื่น  ตรงที่มันฉาบทองเหลืองอร่าม...

โจโฉนี่ยังไงก็ขุนศึกเก่า...ไม่ต้องสงสัยเลย  เพียงดอกแรกก็ปักเข้าตัวกวางอย่างแม่นยำ...บรรดาข้าราชบริพาร  ส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นหรอก  ว่าลูกธนูออกมาจากใคร...เห็นแต่ลูกธนูสีทองยิงซี้ซั้วมาหลายดอก  พอดอกนี้เข้าเป้า...ก็ตบมือกระทืบตีน  แหกปาก "ฮ่องเต้จงเจริญ" กันยกใหญ่...

โจโฉไม่รอช้า  กระตุ้นม้าออกไปกลางแจ้ง  คล้ายๆว่าจะรับเสียงสรรเสริญนั้นแทน...

อ้าว  งงเด้...ทุกคนเงียบกริบ...เฮ้ย ตกลงใครยิงวะ...

กวนอู  ซึ่งทำหน้าที่องครักษ์เล่าปี่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย...หน้าที่แดงอยู่แล้ว  ก็ยิ่งแดงแทบจะเป็นมะเขือเทศ...เห็นการกระทำที่เป็นการหยามฮ่องเต้ต่อหน้า  เกือบจะโผนม้าออกไปฟันโจโฉเดี๋ยวนั้นเลย...ดีที่เล่าปี่ห้ามไว้

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 12 July 2024, 14:53:59 »


moncheep siva
29 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

เล่าปี่  ถูกโจโฉสงสัยในความซื่อตรง...เจ้าพ่อลับลวงพรางระดับนี้  จะพาตนเองหลุดจากข้อสงสัยของโจโฉได้หรือไม่...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 12...

สรุปวันนั้นการล่าสัตว์ก็จบลงอย่างกร่อย...เหี้ยนเต้  ผู้ทรงพลานุภาพทั่วมหาอาณาจักรจีน...แต่เพียงในนาม...ทนถูกการหยามเกียรติเช่นนี้ไม่ไหวแล้ว  ก็เลยกลับไป...ร้องไห้กะเมีย

ฮือๆๆ  กระซิกกระซิก...เค้าทนไม่ไหวแล้ว  โจโฉมันหยามเค้า  ทำไงดีล่ะเมียจ๋า...

เราต้องหาคนช่วยแล้วล่ะพี่เหี้ยน...ฮองเฮาแนะนำ

แล้วก็เข้าสูตรนิยาย...เหี้ยนเต้กัดนิ้วตัวเอง(ใครเคยทำมั่ง  ผมว่าคงโคตรเจ็บเลย...ทำไมไม่ใช่มีดวะ)...เอาเลือดเขียนข้อความลงบนแพรขาว  ระบายความทุกข์ร้อน  และหาคนมาช่วย...

เขียนเสร็จแล้ว  ส่งไงดี...ทำแฟนเพจ ทวีตเตอร์  หรือตั้งไลน์กลุ่ม...เอ...ชื่อกลุ่มไรดีน้าาา..."รักเหี้ยน ช่วยเหี้ยนด้วย"...เฮ้ยไม่ได้  เดี๋ยวโจโฉเข้ามาเห็น...

เหี้ยนเต้ใช้วิธีนี้(ที่จริงก็ฉลาดนี่นา)...เรียกขุนนางที่ไว้ใจได้  มารับพระราชทานเสื้อ  แล้วเอาไอ้ที่เขียนน่ะ เย็บแอบเข้าไปในตะเข็บเสื้อ

มอบเสื้อพร้อมพยักพเยิด  ขยิบหูขยิบตาให้กันแล้ว...ขุนนางผู้นี้ก็จะออกไปหาสมัครพรรคพวกที่จงรักภักดี...โดยมีลายพระหัตถ์เขียนด้วยเลือดของเหี้ยนเต้  เป็นสิ่งยืนยัน

...ตังสิน...คือชื่อนายพลที่ได้รับแมสเซจจากเหี้ยนเต้...ตังสินชักชวนผู้ที่เชื่อใจว่า  จงรักภักดีกับฮ่องเต้  มาร่วมขบวนการ power ranger...วางแผนโค่นโจโฉ...ซึ่งแน่นอน  หนึ่งในนั้นต้องมีขุนพลที่กำลังมือขึ้น  แถมมีแซ่เดียวกับเหี้ยนเต้ด้วย...เล่าปี่

แต่ขบวนการที่เอาหัวเป็นเดิมพันแบบนี้ ต้องทำกันให้ลับที่สุด...ไอ้ที่เอะอะก็ประชุมๆๆ  ส่งไลน์  โพสต์เฟสกันแบบนี้ไม่ได้...ทุกคนพอรู้ภารกิจแล้วก็ต้องแยกย้ายกันไปดำเนินการลับๆ...

เล่าปี่...หลังจากเซ็น MOU เรียบร้อย  ก็เริ่มขั้นตอนแรกด้วยด้วยการ...ปลูกต้นไม้...อ้าว  เฮ้ย!!เฮียปี่???

ฝ่ายโจโฉ...ถึงแม้การกระทำจะคล้ายตั๋งโต๊ะเข้าไปทุกที  แต่พี่แกฉลาดกว่าเยอะ  ด้วยมีความระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา

เหี้ยนเต้...ลูกไก่ในกำมือ  กลับไปร้องไห้กับเมีย...ก็ได้ข่าว...เรียกคนนั้นคนนี้เข้าพบ  เหมือนจะดำเนินการอะไรบางอย่าง...อันนี้ก็รู้  แต่จับไม่ได้ไล่ไม่ทันเสียที

หันไปส่องทางเล่าปี่  ไอ้นี่มันขุนศึกระดับพระกาฬ  อยากรู้ว่าเอากะเค้าด้วยรึเปล่า...อ้าว...ขุนศึกตัวฉกาจ  แปลงร่างเป็นนักเลงต้นไม้ซะงั้น...ทำราวกับว่าเบื่อการสู้รบเสียเต็มประดา  ดาบไม่อยากจับ  อานม้าไม่อยากนั่งอีกแล้ว

เบื่อจิงป้ะ...อยากรู้  โจโฉก็เลยต้องเชิญมาพบซักหน่อย...

...เล่าปี่เองก็ตุ๊มๆต่อมๆ...ผู้ยิ่งใหญ่โจโฉ  เชิญไปเจียะจิ้วที่บ้าน...มันยังไงกันหว่า

เมื่อเล่าปี่มาถึงบ้าน...โจโฉไม่รอให้ตั้งตัว  ก็ยิงคำถามแรกจี้ใจดำทันที

"ได้ข่าวว่าตอนนี้คิดการใหญ่อยู่นี่"...โชคดี  เล่าปี่เพิ่งไปฉีดโบท๊อกซ์มา สีหน้าสีตาก็เลยไม่แสดงออกอะไร  ก็หัวเราะแหะๆกลับเกลื่อน...โจโฉก็โอบไหล่พาไปเจียะจิ้วในสวน

ชวนคุยต่อ...เห็นว่าเล่าปี่ตอนนี้ทำสวนปลูกต้นไม้ซะใหญ่โต  เทียบกับสวนของข้าแล้วเป็นไงมั่ง...แน่นอน  เล่าปี่ก็ต้องยกยอปอปั้นโจโฉเป็นธรรมดา...วุ้ย  ของข้ามันผู้น้อย...จะไปเทียบชั้นเทียบบารมีกับของท่านได้ไงล่ะค้าบบบ...แผล็บๆๆๆ

กินกันไปคุยกันไป  ฝนก็เริ่มมา  ฟ้าแลบแปลบปลาบ...ความเชื่อของจีนโบราณ...ฟ้าแลบฟ้าร้อง  นั่นคือมังกรคะนองฤทธิ์...โจโฉก็ตั้งคำถามว่า  รู้จักฤทธิ์ของมังกรมั๊ย  มันมีทำอะไรได้มั่ง...

เล่าปี่ส่ายหัว...เคยเห็นก็แต่ที่เค้าเชิดตอนตรุษจีนนั่นแหละท่าน...

โจโฉก็ฝอยต่อว่า  อันฤทธิ์ของมังกรนั้นมากมายเหลือคณานับ...แต่เป็นแบบซ่อนเร้น  งำประกาย...ถ้าอยากรู้ต้องไปฟังเพลง "นินจา" ของคริสติน่า ชุดแรก...เดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ๆๆ...เกิดทันป้ะ

เล่าปี่ส่ายหัวอีก...โจโฉชักเซ็ง  อีนี่มันง่าวเหลือเกิน  ก็ยิงคำถามต่อ...แล้วท่านว่า  ในแผ่นดินนี้น่ะ  มีใคร  ลับลวงพราง  ได้ราวกับมังกรบ้าง

เล่าปี่ชักใจไม่ดี...เฮ้ย  คำถามมันเฉียดไปเฉียดมา  นี่เฮียโจมันรู้อะไรรึเปล่าวะ...ก็ยกตัวอย่างชื่อขุนศึก  เจ้าเมืองดังๆในช่วงนั้นส่งเดชไป...พวกเนี้ยล่ะมั้ง  มังกรที่ท่านว่า...

...โจโฉหัวเราะกึกๆ  ทำหน้าเย้ยหยัน...ชื่อที่ท่านยกมาเหล่านี้  ข้าไม่ให้ราคาเลยซักตัว...

"คนที่มีความสามารถระดับมังกร มีฤทธิ์มากมาย  แต่ลับลวงพรางเก่ง  ทำอะไรก็ซ่อนเร้นปิดบังไม่ให้คนอื่นรู้”...โจโฉเว้นระยะ  จ้องหน้าเล่าปี่เขม็ง...

”ก็มีแต่ตัวเรา  กับท่านแค่นี้"...คำตอบนี้ทำเอาเล่าปี่ช็อค  นึกว่าโจโฉรู้แผนการลับเสียแล้ว  หัวขาดแน่กู...ตกใจถึงขนาดตะเกียบหลุดจากมือ...



เล่าปี่ทำแต๋วแตก กลัวเสียงฟ้าร้อง โดดนั่งตักโจโฉ

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 12 July 2024, 14:54:58 »


moncheep siva
30 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

มังกรเช่นเล่าปี่  แม้ยังไม่เติบกล้า  แต่จะให้ทนอยู่ในบ่อเล็กๆของโจโฉได้อย่างไร...
หนทางดิ้นรนไปสู่ความยิ่งใหญ่ของเล่าปี่  จะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 13...

เล่าปี่ถูกยิงคำถามจี้ใจดำ...ตกใจถึงกับตะเกียบหลุดมือ...

แต่นิยายก็คือนิยายล่ะฮะ...มันช่างบังเอิญเสียนี่กระไร  จังหวะนั้น  อัสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงมาพอดี...เอ้อ  อัสนีบาต  ก็คือฟ้าผ่าไงฮะ

ด้วยความไวปัญญา  บวกความตอแหลในสันดาน...เล่าปี่รีบยกมือขึ้นอุดหู กรี๊ดกร๊าดแต๋วแตก  กระโดดขึ้นนั่งตักโจโฉ...ทำเป็นว่ากลัวเสียงฟ้าร้อง  กลบเกลื่อนความตกใจในคำถามอย่างโคตรเนียน...

โจโฉเห็นเช่นนั้น  ก็แอบหัวเราะหึหึถุยไปทีนึง  นึกดูถูกในใจว่า...เนี่ยนะขุนศึก...กะอีแค่เสียงฟ้าร้องแม่งยังกลัวขนาดนี้  จะไปคิดการใหญ่อะไรได้

ตั้งแต่นั้น  คนที่ลับลวงพรางดั่งมังกรในสายตาโจโฉ...ก็ไม่มีชื่อเล่าปี่รวมอยู่ด้วย...แต่เราก็รู้แล้วว่า  ความจริงใครเป็นมังกรเหนือมังกร...ใครเป็นชายเหนือชาย...เอ้อ  ไม่ใช่มั้ง...

ต่อมาไม่นาน  มีนักเลงโตทางภาคตะวันออก  ชักมีท่าทีกระด้างกระเดื่องกับโจโฉ...นักเลงสองคนนี้เป็นพี่น้องกัน...ชื่อน่าหยิกแก้มเสียเหลือเกิน...

พี่ชื่อ อ้วนเสี้ยว...น้องชื่อ อ้วนสุด

ต่างฝ่ายต่างก็มีอาณาเขตของตัวเอง ซึ่งในเวลานั้นก็ถือว่าใหญ่โตไม่น้อย...แล้วยังมีทีท่าจะมารวมกัน  เทียบรัศมีเมืองหลวงซะอีก...โจโฉมองแล้ว ถ้าปล่อยให้ปีกกล้าขาแข็งมารวมกันเมื่อไหร่...ตอนนั้นจะปราบยาก

ในเมืองหลวงเอง...ลูกไก่เหี้ยนเต้ก็ทำท่าทางไม่น่าไว้ใจ  โจโฉจะวางมือออกไปบัญชาการรบเอง...ก็ไม่อยากเสี่ยง...

...เรียกประชุมเหล่าขุนพล  โจโฉมองซ้ายมองขวา  เกาหัวไปหลายแกรก...จะหาใครที่ไว้ใจได้นำทัพไปปราบ...ก็ยังไม่รู้จะให้ใคร

เล่าปี่เองก็อ่านขาดในเรื่องนี้ว่า...ถ้าจะช่วยเหลือพระเจ้าเหี้ยนเต้  ต้องอาศัยกลยุทธ์  ป่าล้อมเมือง...และตอนนี้คือโอกาสที่จะออกไปโตจากภายนอก...รีบยกมืออาสาทันที...เฮีย  ศึกนี้  ปี่จัดห้ายยย...โจโฉก็ ok...จัดทัพให้เล่าปี่ยกออกไปยันทัพสองอ้วน

หลังจากเล่าปี่ไปไม่นาน  ก็มีที่ปรึกษาระดับหัวกระทิของโจโฉ  เพิ่งกลับมาจากราชการต่างเมือง...พอรู้ข่าวว่าโจโฉประมาท  มอบกองทัพให้เล่าปี่ออกไปไกลหูไกลตา  ก็ตกใจ...เฮ้ยเฮียโจ ลื้อปล่อยเสือเข้าป่ายังงี้  เดี๋ยวได้เดือดร้อนนาาา...

โจโฉนึกขึ้นได้...เออจริงเว้ย  แหม่  อั๊วมันสะเพร่าไปหน่อย...ก็ส่งคนไปตามเล่าปี่กลับ...รอบแรกก็ไม่มาหลายรอบก็ยังไม่กลับมา...โจโฉรำคาญ  เลยแอบๆสั่งเมืองที่อยู่ในเส้นทางผ่าน...เฮ้ย  ถ้าไอ้ปี่มันผ่านไปทางมึง...มีโอกาสเชือดได้เชือดเลยน้าา...แล้วมาเอารางวัลที่เฮีย

แต่จนแล้วจนรอด  ก็ไม่มีใครเชือดเล่าปี่ลง...โจโฉเอง  ในตอนนั้นตีค่าเล่าปี่ต่ำกว่าความเป็นจริง...ก็มองแค่ว่า  เด็กมันอยากโต  ไม่อยาก under controlใคร...ปล่อยๆแม่งไปก่อนก็ได้วะ

เรื่องมันมาแดงเอาตรงนายพลตังสิน...นายพลที่รับแมสเซจมาจากเหี้ยนเต้...อีนี่ก็ซุ่มซ่ามชิบเป๋ง  พาเพื่อนหัวขาดแทบหมดก๊วน...ก็วันนึงไม่รู้อีไปเมาท่าไหน  ทำจดหมายนัดแนะหลุดมาจากตัว...มีคนเก็บได้  เอาไปฟ้องโจโฉ...เลยต้องตายยกตระกูล

จากจดหมายที่เปิดเผยชื่อผู้ร่วมก่อการทุกคน...โจโฉถึงกะต้องเขกกระโหลกตัวเอง...เล่าปี่แม่งเล่นด้วยนี่หว่า โห...ต้มกูซะเปื่อย  ฟ้าร้องแกล้งเอามืออุดหู...อีนี่...มิน่าเล่า  ตามให้กลับยังไงแม่งก็ไม่ยอม...ที่แท้มันไม่ใช่แค่อยากโตด้วยตัวเองอย่างที่กูคิด...แต่นี่มันกะออกไปซ่องสุมคน  แล้วจะกลับมาซัดกะกูเป็นแน่แท้

โจโฉให้ความสำคัญกับคนที่ตบตาเขาได้  ถึงขนาดลงทุนคุมทัพขนาดใหญ่ไปตามล้างตามเช็ดเล่าปี่  ด้วยตนเองเลย...ก็จัดทัพแบบภารกิจทูอินวัน...

ไปซัดกับสองอ้วน  และตามบี้เล่าปี่ด้วย...

สถานการณ์ตอนนั้น  ก็เรียกว่าฝุ่นตลบเลยล่ะ...แมมมอธชนกัน  แถมยังคอยเอาตีนมากระทืบสมันน้อยเล่าปี่ด้วย...ผลของการถูกบี้ถูกบดครั้งนี้  ทำให้เล่าปี่และน้องร่วมสาบานทั้งสองแตกกระจาย...ตัวเล่าปี่เอง  ต้องยอมบากหน้าไปพึ่งอ้วนเสี้ยว...ที่ตอนแรกยกทัพจะมาปราบเค้านั่นแหละ...กิ๊วๆๆ หน้าไม่อายยย

กวนอูเอง...โจโฉเล่นจับเมียคนนึงของเล่าปี่เป็นตัวประกัน...ด้วยความเป็นน้องที่ดี  กวนอูก็เลยต้องยอมมาอยู่กับโจโฉ  เพื่อความปลอดภัยของพี่สะใภ้...

...ช่วงนี้  โจโฉก็พยายามเล่นแผนทั้งบีบทั้งดึงทั้งล่อ  เพื่อให้กวนอูแตกคอกับเล่าปี่  มาเข้าสังกัดตนให้ได้...

...จัดที่อยู่ที่พัก  ให้เมียเล่าปี่กับกวนอูอยู่ห้องเดียวกัน...หนุ่มๆสาวๆใกล้ๆกันยังงี้  เดี๋ยวมึงได้ฟาดเมียพี่มึงแน่...

...แต่เปล่า...กวนอูก็เล่นออกมาพักอยู่นอกห้องตลอด  อาทิตย์นึงจะเปิดประตู  ทักทายถามไถ่พี่สะใภ้ซะที...เรียกว่าไม่เปิดช่องให้ใครซุบซิบนินทาได้เลย...

...บ๊ะ  หรือกวนอูมันขี่ม้ามากไป  จนเตะปี๊บไม่ดัง  งั้นเอาใหม่...โจโฉจะบำรุงบำเรอกวนอูขนาดหนัก  ทั้งเสิ้อผ้าเงินทอง  ของมีค่าทั้งหลายประเคนให้...กวนอูก็ไม่มีท่าทีจะวอกแวก  หรือจะทิ้งเล่าปี่ไปเลย...

...นี่ก็เป็นส่วนนึง  ที่คนรุ่นหลังยกย่องให้กวนอูเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์...

ฝ่ายโจโฉเอง  แม้ว่าจะจะทุ่มค่าตัววีคละกี่แสนปอนด์  ก็ไม่อาจจะดึงกวนอูเข้าทีมได้...ก็ชักจะท้อใจ  ถึงกับต้องอ้างบุญอ้างคุณออกมาตรงๆ...กูให้มึงขนาดนี้  มึงยังไม่ยอมเซ็นกะกูอี๊กกกกก

...กวนอูไม่ใช่ว่าจะไม่รู้ถึงบุญคุณที่โจโฉไม่ฆ่าตนในฐานะเชลยศึก  แถมยังให้นู่นให้นี่อีกมากมาย...ก็เลยต้องรับปากว่า  จะไม่จากไป  ถ้ายังไม่ได้ทดแทนบุญคุณโจโฉซะก่อน...

ส่วนเตียวหุย  ก็ไม่รู้แตกไปคุมวินรถตู้ที่ไหนซักแห่ง...ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่  ไม่เล่าแล้วกัน...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #3 on: 12 July 2024, 14:55:54 »


moncheep siva
31 ม.ค. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

เรื่องเล่าตอนนี้  จะเป็นการเริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตเล่าปี่...จากขุนศึกกระจอกงอกง่อย  จะถีบทะยานขึ้นมาเบียดเป็นหนึ่งในสามก๊กได้อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 14...

ตอนที่แก๊งเล่าปี่พลัดพรากจากกัน  มันมาสนุกตรงที่สองผู้ยิ่งใหญ่  โจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็ยังฟัดกันฝุ่นตลบ...อย่าลืมนะว่าตอนนี้  เล่าปี่อยู่กับอ้วนเสี้ยว  กวนอูอยู่กับโจโฉ

...เฮียอ้วนเค้ามีทหารเอกสองคน  เรียกว่ามือฉมังทั้งคู่...ทำเอาทหารฝ่ายโจโฉหัวหลุดไปหลายหัว

โจโฉเอง  ถึงจะมีสุดยอดฝีมือระดับกวนอูอยู่ในมือ  แต่แรกๆก็ไม่อยากหยิบออกมาใช้  เพื่อไม่เปิดโอกาสให้มีการทดแทนบุญคุณเกิดขึ้น...แต่สุดท้ายคิดขึ้นได้...

ใช้กวนอูนี่แหละวะ  ถ้ามันฆ่าทหารเอกอ้วนเสี้ยวได้  ไอ้อ้วนมันต้องหันไปตัดหัวเล่าปี่แน่นอน  แล้วกวนอู  พ่อยอดขมองอิ่ม  ต้องตกมาเป็นของพี่โจในที่สุด  ฮ่าฮ่าฮ่า...ก็เลยไหว้วานกวนอูลากง้าวมาออกโรงเอง...

ผลก็คือ...หัวของทหารเอกทั้งสองของอ้วนเสี้ยว  เป็นฝ่ายหลุดบ้าง  ในวาระไม่ห่างกันนัก...พอทหารเอกตายทีนึง  อ้วนเสี้ยวก็เม้งแตก  จะเอาหัวเล่าปี่มาแทนให้ได้  ค่าที่กวนอูเป็นน้องร่วมสาบานของเล่าปี่...แต่เฮียปี่แกก็ลื่นๆ  ประคองตัวรอดไปได้ทั้งสองรอบ

แล้วในที่สุด...สามพี่น้องชิ่งกลับมารวมตัวกันได้...

...ระหว่างที่ยักษ์ใหญ่  อ้วนเสี้ยวกับโจโฉเค้าฟัดกัน...ทัพเล็กๆของเล่าปี่ก็พยายามจะโลว์โพรไฟล์  จนแทบจะขุดรูอยู่อยู่แล้ว...แต่เมื่อโจโฉบี้อ้วนเสี้ยวจมดินสำเร็จ  ก็ไม่ลืมโจทก์เก่าที่เคยตอแหล  ทำเป็นตะก่งตะเกียบหลุดมือ...เล่าปี่ก็ถูกไล่กระทืบต่อ...

ถึงเวลาต้องโกยแน่บออกจากรู  พาทัพจุ๋มจิ๋มไม่กี่พันคน  ปุเลงๆไปขออาศัยเมืองๆนึง  ซึ่งใหญ่โตขนาดเป็นหัวเมืองเอก  เผอิญเจ้าเมืองก็แซ่เล่าเหมือนกัน...เค้าก็เลยเวลคั่ม

แต่ไม่รู้ว่าเฮียปี่ของเรา  อยู่บ้านเค้าแล้วไปวางตัวยังไง...จนไปขัดหูขัดตาคนในครอบครัวเจ้าเมืองเข้า...ที่สำคัญคือตอนเจ้าเมืองป่วยกระเสาะกระแสะ กำลังบรรยากาศมาคุกันอยู่ว่าจะยกเมืองให้ลูกคนไหน...เล่าปี่ก็ดั๊นนน เสนอหน้าไปออกความเห็นกะเค้าด้วย

...ก็ผลประโยชน์ใหญ่ขนาดยกบ้านยกเมืองกันนี่  แล้วคนนอกเสือกไปออกความเห็น...ต้องถูกคนในเหม็นขี้หน้าแน่นอน....แบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้  พวกเครือญาติส่วนนึงของเจ้าเมือง  วางแผนกำจัดเล่าปี่ทันที...

...แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตัดหัวกันง่ายๆตรงๆ...เพราะเล่าปี่เค้าก็มีกองกำลังของเค้า  ถึงจะจุ๋มจิ๋มก็เถอะ...แต่ทหารเอกเค้าใช่ย่อยซะที่ไหน...ก็เลยต้องมีการวางแผน  หลอกไปงานเลี้ยงเพื่อจะรุมฆ่า

เล่าปี่เอง  ไม่รู้ว่าซื่อหรือโง่แล้วก็ไม่ได้สำเหนียกทิศทางลมเลย  ว่าไปทำตัวขวางตีนใครไว้...เค้าชวนไปงานเลี้ยงก็ไป  นั่งไม่รู้เอ๋อะไรอยู่ตัวคนเดียว...ถึงจะมีมือพระกาฬระดับจูล่ง  ไปเป็นทหารองครักษ์...แต่จูล่งก็ถูกลากออกไปเมาข้างนอกงานจนได้...

โชคดีที่ยังมีคนสงสาร  เลยไปกระซิบให้รู้ว่าตอนนี้เค้าจะยำมึงละนะ...แต่เวลาก็จวนตัวเหลือเกิน...จะออกไปตามองครักษ์ก็กลัวไม่ทัน...เผ่นขึ้นม้า  จะควบไปทางไหนก็ถูกล้อมไว้หมด...เหลือทางเดียว...เล่าปี่จำต้องลงแส้ม้า โจนลงแม่น้ำทันที

ม้าของเล่าปี่นี่สงสัยจะเป็นม้าน้ำ...เจ้าของลงแส้ก็โจนพรวดลงแม่น้ำทันที  แล้วก็ตะกุยตะกายพาข้ามไปจนได้...

แต่การหนีตายข้ามแม่น้ำมาได้ครั้งนี้ เป็นความโชคดีบนความโชคร้าย...เพราะเป็นเหมือนการเปิดบทใหม่ให้กับชีวิตเล่าปี่เลยทีเดียว...

...เดิมถึงแม้ก๊วนเล่าปี่  จะมีทหารระดับพระกาฬหลายคน  แต่ก็ไปไม่สุดซะที  ซ้ำยังทำท่าหุ้นจะลงติดฟลอร์  จนเหลือทหารหยิบมือเดียว...ก็เพราะไม่มีเสธ.มือดีๆมาช่วยโค้ชให้นั่นแหละ...

คราวนี้ถึงเวลาซะที  ที่ชีวิตเล่าปี่จะได้มาเจอโค้ชมืออาชีพกับเค้าบ้าง...เล่าปี่เหยาะม้าไปเรื่อยๆ  ไม่รู้เหนือรู้ใต้...เปะปะไปจนได้เข้าไปเจอกับจีเนียสเข้ากลุ่มนึง

มันก็นิย้ายนิยายแหละครับ...จีเนียสกลุ่มนี้  ถึงจะทำไร่ไถนาเป็นอาชีพ  แต่ก็ดันเชี่ยวชาญพิชัยสงคราม  รู้เรื่องรบทัพจับศึกโดยไม่ต้องไปออกสนามรบ หรือจบเวสป๊อยต์...ได้ยังไงก็ไม่รู้...แต่เอาเป็นว่าเก่งก็แล้วกัน

...ถ้าถามคนอ่านสามก๊ก  คิดว่าใครฉลาดสุด...แทบทุกคนจะตอบว่า  ขงเบ้ง...

แต่ผมว่าจริงๆแล้ว  คนแรกๆที่เล่าปี่มาเจอนี่แหละฉลาดสุด  แกชื่อ  สุมาเต็กโช...

...ไม่ต้องทำตัวลึกลับ  หรือวางท่าฉลาดลึกล้ำอะไรมาก...แกเข้าพบง่าย  พูดคุยง่ายๆ  เป็นชาวบ้านธรรมด๊าธรรมดา...แต่ก็ฟุตเวิร์คหนีของแกไปได้เรื่อยๆ  มีความสุขปลูกข้าวออร์แกนิคของแกไป  ไม่ต้องไปเป็นเสธ.ให้ทีมไหน...ขนาดเล่าปี่ออกปากชวนตรงๆให้ไปทำงานด้วย  แกก็บ่ายเบี่ยง...พอโดนตื๊อหนักๆเข้า  ก็ทำเป็นบ้าๆบอๆ  หนีพ้นจนได้...

แล้วที่สำคัญ...ที่ว่าฉลาดๆอย่างขงเบ้ง  บังทอง  ชีซี...ลูกศิษย์แกทั้งนั้น...

สุดท้ายเล่าปี่ไปสอยมาได้คนนึง  ก็เรียกว่าระดับเกรดเอล่ะ...แล้วเมื่อเข้ามาเป็นเสธ.ให้ทัพจุ๋มจิ๋มของเล่าปี่...ก็สามารถยันโจโฉหน้าแหงนไปได้เหมือนกัน

โจโฉถึงกะอึ้ง...เฮ้ย  เล่าปี่มันไปโมฯทัพมันยังไงหว่า...เมื่อก่อน  ตีตรงไหนมียุบ ทุบตรงไหนมีร้อง...คราวนี้มีเถียงเว้ย...เสียงดังเสียด้วย

พอสืบรู้ว่าใครเป็นมันสมองให้ทัพเล่าปี่...โจโฉก็เล่นงานช่องว่าง  ที่เสธ.คนนี้คิดไปไม่ถึง...ไปจับตัวแม่ไอ้ ชีซีมาซิ...

...เอ้าแม่  เขียนจดหมายเกลี้ยกล่อมลูกชายให้มาอยู่กับข้าหน่อย...

...แม่ชีซีเค้าผู้ดีเก่า  จงรักภักดีกับราชวงศ์ฮั่น...เอาจานฝนหมึกขว้างหน้าโจโฉแบบไม่กลัวตาย...ลูกชายกูเค้าอยู่กับคนกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นดีอยู่แล้วโว้ย  ไม่มาอยู่กับโจรอย่างพวกมึงหรอก...

...แม่ชีซีแทบจะหัวขาดอยู่ตรงนั้น  เพราะความโกรธของโจโฉ...ดีที่ที่ปรึกษาคนนึงกล่อมให้เย็นลง...ขอเวลาเดี๋ยวนะเฮีย  อั๊วจัดการให้...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #4 on: 12 July 2024, 14:57:04 »


moncheep siva
1 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

หนึ่งในตัวละครชื่อดังของสามก๊ก  จะปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในตอนนี้  สร้างความสั่นสะเทือนให้กับมหาอาณาจักรจีน  อย่างที่เรียกได้ว่า...พลิกฟ้า  คว่ำแผ่นดิน...เขาจะเป็นใครนั้น...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 15...

เมื่อแม่ของชีซี  ไม่ยอมลงให้โจโฉ  ที่ปรึกษาคนนั้นก็ดำเนินอุบายอย่างแยบยล  ด้วยการส่งของกินของใช้มาให้แม่ชีซีประจำ...ใส่ยากล่อมประสาทเพื่อเกลี้ยกล่อมงั้นเรอะ...เฮ่ยบ้าน่า  นั่นมันในหนัง...

...แต่เป็นเพราะที่ปรึกษารู้ว่า  ตามประสาผู้ดีเก่า  เมื่อมีคนให้ของแม่ชีซีก็ต้องเขียนจดหมายขอบคุณตอบกลับไป...ที่ปรึกษานั้นก็เอาจดหมาย  ไปพยายามลอกลายมือของคุณนายแม่...

จนแน่ใจแล้วว่าลอกลายมือได้เหมือนเปี๊ยบ...คราวนี้ก็ลงมือเขียนจดหมายปลอมเป็นลายมือแม่  อ้อนวอนชีซีให้มาอยู่กับโจโฉ...

ชีซีเจอจดหมายลายมือแม่ตัวเองเข้า  ก็ถึงกับจบสิ้น...วิ่งขี้มูกโป่งเข้าไปหาเล่าปี่  ซึ่งเล่าปี่ก็ไม่รู้จะห้ามปรามยังไง  ต้องยอมปล่อยให้ชีซีไปหาโจโฉ  ตามคำเรียกร้องบนจดหมายปลอม...

พอไปถึง  กลับกลายเป็น...ชีซีถูกแม่ด่าซะแทบจะตัดแม่ตัดลูก  ที่ทิ้งเล่าปี่มา...และในคืนนั้นเอง  แม่ชีซีก็ผูกคอตาย...

เฮ้อ...ทำไมคนแต่งใจร้ายกับจีเนียสคนนี้ยิ่งนัก...

เอาใหม่...คราวนี้เล่าปี่ไปสอยเสธ.ระดับเอบวกมาเลย...คนๆนี้ถ้าเป็นนักบอล ค่าตัวต้องสองร้อยล้านปอนด์ขึ้น...และก็เหมือนคนรู้จักฟุตบอล  ต้องรู้จักชื่อเมสซี่...คนรู้จักสามก๊ก  ก็ต้องรู้จักชื่อนี้...ขงเบ้ง

แต่กว่าจะได้โคตรเพชรแบบนี้มาอยู่ในมือ  ก็ไม่ใช่ว่าจะอาศัยอำนาจหรือเงินทองที่มี  ไปทุ่มไปบังคับให้เค้ามาอยู่ได้...เล่าปี่เองก็ต้องแสดงออกถึงความจริงใจ  ที่อยากได้ขงเบ้งมาเป็นเสธ. และตั้งใจจะกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นจริงๆ...

...ลงทุนถ่อสังขารไปถึงภูเขามังกรหลับที่ขงเบ้งอาศัยอยู่ถึงสามรอบ  หน้าหนาวหิมะหนาเตอะ  กูก็ไม่ถอย...ไปแล้วไม่เจอ  ไปแล้วไม่เจอ  หรือไปเห็นใครที่ดูฉลาดๆน่าจะเป็นขงเบ้ง  ก็เข้าไปกราบกรานฝากเนื้อฝากตัว...ก็กราบผิดคนเด๋อด๋ามาหลายครั้ง  จนกวนอูเตียวหุยที่ไปด้วยรู้สึกอับอาย  ที่คนระดับเจ้าเมืองอย่างเล่าปี่  ต้องมาทำอะไรทุเรศๆยังงี้...เพียงเพราะเชื่อว่าหนุ่มบ้านนอกคอกนาคนนึง  ฉลาดพอที่จะช่วยกอบกู้บ้านเมืองได้...

...แล้วในที่สุด  ความพยายามเข้าพบครั้งที่สาม  เล่าปี่ก็ได้คุยกับขงเบ้ง...ยิ่งคุยก็ยิ่งติดใจในความรอบรู้  ยุทธศาสตร์  รัฐศาสตร์  ไสยศาสตร์  ไม่มีติดขัดเลยซักเรื่อง...แม้ขงเบ้งยังอิดๆออดๆ...โอ๊ยท่านเจ้าเมืองจะมาหวังอะไรกับคนบ้านนอกอย่างโพ้มมม...แต่ถามอะไร  ขงเบ้งแม่งตอบได้หมด...ยังงี้จะไม่ให้ติดใจได้ไงล่ะ

เล่าปี่ก็เลยต้องใช้วิชาแอ๊คติ้ง  เหมือนที่เคยใช้กับโจโฉ...ลงทุนกรีดน้ำตาอ้อนวอน...ท่านอาจารย์  มาอยู่กับข้าเถอะ  มาช่วยกันกอบกู้บ้านเมืองเถอะ...ขงเบ้งใจอ่อน...เอาล่ะๆๆ  ไปก็ไป...แต่ก่อนอื่น  มาทำความตกลงกันก่อน...

เปิดจอพรีเซ้นต์...ท่านเล่าปี่  ท่านย่อมจะเห็นแล้วว่า  ตอนนี้โจโฉปักหลักมั่นคงอยู่ในเมืองหลวงและอาณาจักรทางเหนือ  ส่วนทางใต้นั้น  แซ่ซุนก็วางรากลึกจนมั่นคงไม่แพ้กัน...ที่เหลือก็ขุนศึกขี้ๆ  ไม่มีค่าพอจะมอง...

แล้วท่านล่ะ  จะตั้งตัวจนกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นได้  ท่านคิดว่าต้องทำยังไงก่อน...

...เล่าปี่ตอบเลย...ต้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง...

ขงเบ้งเอาถาดตีหัวป้าบนึง...ไม่เล่นยังงี้สิท่าน...แล้วขงเบ้งก็ประกาศยุทธศาสตร์ชาติยี่สิบปี...โน่นท่านเล่าปี่  จงมองไปทางตะวันตก  ณ ผืนแผ่นดินเสฉวน...

ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศฮั่น...เล่าปัง  ก็ตั้งเนื้อตั้งตัวมาจากผืนแผ่นดินตะวันตกนั้น...ตัวท่านก็ย่อมจะเติบโตได้ด้วยแผนเดียวกัน  เพราะฉะนั้น  โกเวสต์คือเป้าหมายใหญ่ของเรา...

ก่อนจากบ้านเพื่อเข้ามาเป็นเฮดโค้ชให้เล่าปี่ยูไนเต็ด...ขงเบ้งเห็นตัวอย่างชีซีแล้ว  จึงได้อพยพครอบครัวไปอยู่ในสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง  ซึ่งไม่มีใครค้นพบได้...

...ขงเบ้งประจำการณ์ได้ไม่นาน  อสูรร้ายโจโฉก็เคลื่อนทัพเข้ามาใกล้  เพื่อหมายขย้ำเล่าปี่ให้จมเขี้ยว...และก็เป็นโอกาสให้ขงเบ้งโชว์ฝีมือนัดประเดิมสนาม...

ถ้าเป็นมวย...โจโฉ  เฮฟวี่เวท  ก็คุ้นเคยกับการไล่ทุบเล่าปี่  มวยระดับฟลายเวท...ทุบเอาทุบเอา...เล่าปี่ก็ได้แต่แย๊บถอยๆ  ปากคอบวมเจ่อ  ตาปิด...คราวนี้พอได้ขงเบ้งมาเป็นเสธ.  ลูกแย๊บแม่งคมขึ้นผิดหูผิดตา...

แย๊บแรก...ทัพหน้าโจโฉสิบหมื่นเข้าลองของก่อน...สิบหมื่นต่อทหารเล่าปี่สามพัน  แม่ทัพหน้านั่งแคะขี้ฟัน  คิดง่ายๆว่า  เดินเข้าไปตบกบาลแม่งคนละที  ทหารเล่าปี่ก็คอย่นตายหมดแล้ว...

...ชีซี  ที่ตอนนี้มาอยู่กับโจโฉแล้วอย่างไม่เต็มใจ  ถึงจะเกียร์ว่างไปวันๆ  แต่พอทราบข่าวว่าเล่าปี่ได้ระดับขงเบ้งมาเป็นกุนซือ...อดสงสารไม่ได้  ก็ยังออกปากเตือนว่า...อย่าประมาททัพเล่าปี  ที่มีโค้ชชื่อขงเบ้งเป็นอันขาด...

...โจโฉไม่ใส่ใจ  คิดว่าชีซีเขียนเสือให้วัวกลัว  เพราะยังห่วงนายเก่าอยู่  ก็สั่งลุยต่อ...ผลคือ...ขงเบ้งหลอกทัพหน้าของโจโฉ  ไล่เข้ามาในทุ่งหญ้าสูงๆ...แล้วก็ฌาปนกิจซ้าาา...เผาเป็นผีไปสิบหมื่น...

ไม่เป็นไรสิบหมื่น...ทหารแสนนึงสำหรับโจโฉ  ถือว่าสิวๆ...เอ้าไล่ตื้บต่อไป

แย๊บสอง...ขงเบ้งพากองทัพพิการถอยมาพักที่เมืองเล็กๆ...แถวสองของโจโฉยกตามมาอีกสิบหมื่น  ทหารเล่าปี่ก็แกล้งถอนตัวกวาดต้อนผู้คนหนีออกไป...แต่ก่อนออกไป  วางเชื้อเพลิงไว้ทั่วอาคารบ้านเรือน...แล้วคืนนั้นก็ย้อนกลับมา  ยิงธนูไฟจนไหม้ไปทั้งเมือง

ทหารโจโฉเดินทางมาเหนื่อยๆกำลังหลับสบาย  ก็หูตาเหลือก  เผ่นออกทางประตูเมืองที่เปิดอยู่ด้านเดียว...ด้านนั้น ขงเบ้งสั่งทหารให้วางกระสอบกั้นแม่น้ำเอาไว้จนเอ่อ...ได้เวลา  ก็พังกระสอบปล่อยน้ำท่วมทหารโจโฉ...ตายไปอีกสิบหมื่น

...สองแย๊บ  ขงเบ้งสอยทหารโจโฉไปสองแสนแล้วนะ...ในขณะที่ทหารเล่าปี่หายไปสองพัน  จากห้าพันเหลือสามพัน...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #5 on: 12 July 2024, 14:59:32 »


moncheep siva
2 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ช่วงเปิดตัวขงเบ้งตอนต้น  สถานการณ์ของกลุ่มเล่าปี่  นับว่าเจียนไปเจียนอยู่อย่างหนัก...กุนซือสมองเพชรอย่างขงเบ้ง  จะพาทีมเล่าปี่  รอดพ้นโซนตกชั้นได้อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 16...

แต่ผลจากแย๊บสอง  ที่กวาดต้อนผู้คนออกจากเมือง  ไอ้ผู้คนเหล่านี้ก็เลยต้องหอบลูกจูงหลาน  เกาะกระเอวมากับกองทัพด้วย...ทัพเล็กๆที่เหลือแค่สามพันของเล่าปี่  นอกจากกระจอกงอกง่อยแล้ว  ก็เลยกลายเป็นทัพที่กระจองอแงเป็นที่สุดด้วย...

...เมื่อถึงคราวที่ทัพใหญ่ของโจโฉตามมาทัน  ก็หนักเลย...ในช่วงที่โดนทุบโครมๆเจียนอยู่เจียนไปแบบนี้...ขอเอาไฟฟอลโล่วฉายมาที่ขุนศึกอีกคนของกองทัพเล่าปี่...ผู้เป็นหนึ่งในสองคน  ที่ได้รับความไว้วางใจรับคำสั่งเสีย เมื่อตอนที่เล่าปี่ถึงวาระสุดท้าย...เขาคือใคร  มาตามดูกัน...

...เจอของหนักขนาดนี้  ขงเบ้งก็ขงเบ้งเถอะ...ชักจะแย๊บไม่ค่อยออกแล้ว...ทหารก็รบพลางหนีพลาง  พวกชาวบ้านที่ตามมาก็พะรุงพะรังยิ่งนัก...และสุดท้าย  ไม่เพียงแต่ครอบครัวชาวบ้านเท่านั้นที่กระจัดกระจาย  ครอบครัวเล่าปี่เองก็บ้านแตกสาแหรกขาดไม่แพ้กัน...เล่าปี่มีเมียหลักๆสองคน  เมียคนใหญ่มีลูกชายชื่อ  อาเต๊า...ซึ่งสำหรับคนจีนสมัยนั้น  รู้ๆกันอยู่ว่าลูกชายมีค่าขนาดไหนสำหรับครอบครัว...

...เมียทั้งสองคนกับอาเต๊าลูกชาย...หายไปท่ามกลางสมรภูมิ...

กวนอูกับเตียวหุย  ก็รบกันคนละทิศละทาง  เรียกว่าไม่ได้หายใจหายคอกันอยู่แล้ว...เหลือขุนศึกหน้าใหม่  ที่ก็ยังไม่ได้สนิทใจกันนัก...จูล่ง  รับอาสาลุยเดี่ยว  ตามหาเมียและลูกชายให้เล่าปี่...

การตามหานี้  ไม่ใช่แบบเดินชมนกชมไม้แล้วก็ส่งเสียงเรียกไป...แต่มันคือการย้อนกลับไปลุยในอาณาเขตของศัตรู...ด้วยลำพังตนเองกับทวนและม้าหนึ่งตัว...

...จูล่ง  เจ้าของเอกลักษณ์นักรบหน้าขาว  ไม่มีหนวดเครา  สวมเกราะเงิน  ขี่ม้าขาว...ลุยเข้าไปฆ่าฟันขุนศึกของโจโฉเพื่อตามหาเมียกับลูกชายของเล่าปี่  จนม้าขาวกลายเป็นม้าแดงไปทั้งตัว...ด้วยเลือดของข้าศึก

ฟาดฟันมาหลายชั่วยาม...สุดท้ายก็ได้มาพบเมียคนรองของเล่าปี่  บาดเจ็บขาหัก  อุ้มอาเต๊าแอบอยู่ข้างๆบ่อน้ำแห่งหนึ่ง...

...จูล่งพยายามจะเชิญคุณหญิงรองขึ้นม้าพร้อมอาเต๊า...ตนเองจะเดินเท้า  ควงทวนฝ่าดงศัตรูพาออกไปให้ได้...

...คุณหญิงรองขอบคุณท่านขุนศึกยิ่งนัก  ในน้ำใจนี้...แต่จูล่ง  ท่านก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นไปไม่ได้...การที่ท่านจะดันทุรังฝ่าออกไปโดยการเดิน...มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ...

...เจนศึกระดับจูล่ง  ก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่คุณหญิงรองพูด...เป็นความจริง...แต่ด้วยหน้าที่...ถึงตัวจะตายก็ขอให้ครอบครัวเจ้านายปลอดภัย...

...โถ  ท่านจูล่ง...คุณหญิงรองยิ้มอ่อน...ท่านตายแล้วนึกหรือว่าข้ากับอาเต๊าจะรอด...

...เถียงกันไปเถียงกันมาไม่จบซะที...ทหารโจโฉได้กลิ่น  ก็เริ่มห้อมล้อมเข้ามาแล้ว...คุณหญิงรอง...ทั้งที่อาเต๊าก็ไม่ได้เป็นลูกที่เกิดจากตัวเอง  แต่ด้วยจิตใจอันสูงส่ง...นางวางอาเต๊าลงกับพื้น...ฝากเด็กด้วยนะท่านจูล่ง...แล้วนางก็ตัดใจกระโดดบ่อน้ำฆ่าตัวตาย...ตายคนเดียวดีกว่าตายหมู่วะ

...ไม่มีเวลาจะมาอาลัยอาวรณ์อะไร...จูล่งฉีกผ้าแถวนั้นมัดอาเต๊าไว้กับอก  สวมเกราะทับอีกที  ฉวยทวนโดดขึ้นม้า...คราวนี้กูเผ่นล่ะ...ก็ได้ฆ่าขุนศึกฝ่ายโจโฉอีกหลายคน  กว่าจะฝ่ากลับมาหาเล่าปี่ได้...

สุดท้ายด้วยฝีมือบวกโชคช่วย...ทัพเล่าปี่รอดพ้นเงื้อมมือโจโฉในคราวนั้นมาได้  ก็กระเซอะกระเซิงล่องใต้มา  จนเจอแม่น้ำใหญ่ขวางหน้า...

สถานการณ์ตอนนี้  ถือได้ว่าเป็นจุดชี้เป็นชี้ตายจุดสำคัญของกลุ่มเล่าปี่เลย...เพราะถ้าตัดสินใจผิด  หรือเดินเกมผิดนิดเดียว  ก๊กเล่าปี่ก็จะเหลือแต่ชื่อ  และสามก๊ก  ก็จะไม่ได้เป็นสามก๊กในภายภาคหน้า...

เพราะถ้าข้ามแม่น้ำไป  ก็จะเจอกับถิ่นของมาเฟียใหญ่...ซุนกวน  จระเข้ยักษ์ที่พร้อมจะอ้าปากงับเล่าปี่ได้ในคำเดียว...ส่วนไอ้ข้างหลัง...เสือโจโฉก็ฮึ่มๆ  แยกเขี้ยวกระชั้นเข้ามาทุกที...เล่าปี่ถึงกับนั่งแทะเล็บ...เอาไงดีหว่า

แหม่ๆๆ...ทำเป็นลืมไปได้ไง  ในทีมมีกุนซือสมองเพชรอยู่...Don't worryเฮียปี่...เดี๋ยวเบ้งจัดการให้เอง...

...แสนยานุภาพของทัพโจโฉที่ตามมา ก็มาหยุดยั้งที่เมืองริมแม่น้ำแห่งนึง  ไม่ไกลจากกองกำลังเล่าปี่มากนัก...เรียกว่าตะปบเมื่อไหร่  เล่าปี่ก็ขาดสองท่อน

แต่ยัง...เสือร้ายยังไม่ตะปบเหยื่อ...เพราะมองข้ามแม่น้ำอันกว้างใหญ่...จนคนสมัยนั้นเรียกว่าทะเล...ณ อีกฝั่งนึง  มาเฟียแซ่ซุนก็ครองอำนาจอยู่...ถึงแม้จะไม่ใหญ่เท่าโจโฉ...แต่ถ้าลุกขึ้นมาฟัดกันเมื่อไหร่  ก็มีเหนื่อยทั้งคู่

อย่ากระนั้นเลย  มาทำอะไรแถวถิ่นเค้า  ก็น่าจะบอกกล่าวเจ้าถิ่นให้รู้ซะหน่อย...เลยส่งสาส์นข้ามแม่น้ำไปป้อนขนมหวานไว้ก่อน...เฮียซุน  นี่โจนะ...ลื้อกะอั๊วมาช่วยกันตื้บเล่าปี่ดีกว่า...สำเร็จแล้วเดี๋ยวอั๊วมีเงินทอนให้...สนใจป่าว

มาดูอีกฟากของแม่น้ำบ้าง...

ก่อนจะเดินเรื่องต่อ...จำเป็นเหลือเกินครับ  ที่เราจะต้องรู้จักชื่ออีกสามสี่ชื่อ เพื่อทำให้การเล่าเรื่อง  มันราบรื่น...

แคว้นทางใต้นี้  มีเจ้าเมืองชื่อ  "ซุนกวน"...มีเสธ.ชื่อ  "โลซก"  และมีทหารเอกชื่อ  "จิวยี่"

จิวยี่เนี่ย  เขาซี้กับพี่ชายซุนกวน  ที่ชื่อ ซุนเซ็ก  ถึงขนาดเป็นเขยน้อยเขยใหญ่กัน...เมียซุนเซ็กชื่อ  เกียวใหญ่  เมียจิวยี่ชื่อ  เกียวน้อย

ซุนเซ็กตาย...ซุนกวนครองเมืองต่อ  จิวยี่ก็ช่วยซุนกวนดูแลแคว้นใต้ต่อมา...โดยคุมกองเรือเจ็ดพันลำ  ปกป้องตลอดลำน้ำ...ไม่รู้มีเรือดำน้ำด้วยอ๊ะป่าว...

พอสาส์นจากโจโฉ  วางโครมลงกลางสภาแคว้นใต้...สภาพก็เหมือนงิ้วสิบโรงเล่นพร้อมกัน  เถียงกันโขมงโฉงเฉง...แต่หลังจากเอาน้ำร้อนสาดพอให้สงบลงบ้าง...ก็สรุปได้ว่า  เสียงแตกเป็นสองพวก

พวกแรก  พลเรือน...บอกให้ยอมเป็นพวกโจโฉเถอะ  ขืนสู้มีหวังแย่...อีกพวก ทหาร...บอกไม่ยอมโว้ย  เราก็มีศักดิ์ศรี...มึงมาเอะอะข้างบ้านกู  ต้องออกไปตะเพิดกันบ้าง

ซุนกวนในฐานะนายใหญ่  ฟันธงเลย...บอก...งั้นกูรอจิวยี่ตัดสินใจ...อ้าวเฮ้ย...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #6 on: 12 July 2024, 15:00:27 »


moncheep siva
4 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ขงเบ้ง  กุนซือของก๊กที่นับว่ากระจอกที่สุดในเวลานั้น...จะงัดลูกเล่นแบบไหน  ไปยุให้ซุนกวน  ยักษ์เล็ก  ลุกขึ้นมาซัดกับโจโฉ  ยักษ์ใหญ่...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 17...

แต่ข่าวที่โจโฉไล่กระทืบหนูน้อยเล่าปี่...โครมครามลั่นไปทั่วอาณาจักรจีน...มันก็ดังพอๆกับข่าวที่ว่า  เล่าปี่มีสวนกลับเอาโจโฉหน้าหงาย  ตายไปหลายแสนเหมือนกัน...

ท่าทางเล่าปี่คงมีดีอยู่ไม่น้อย...อดสงสัยไม่ได้...โลซก  เสธ.ของแคว้นใต้ ก็ลงเรือข้ามแม่น้ำไปเยี่ยมกองทัพง่อยๆของเล่าปี่...

สุดท้ายไม่รู้ใครชวนใคร...ขากลับ ขงเบ้งในฐานะฑูตของเล่าปี่  ก็นั่งเรือมากับโลซก  มาพำนักอยู่กับกองทัพซุนกวนด้วย

ฝ่ายจิวยี่...พอรู้ข่าวทัพโจโฉมาจ่ออีกฟากของแม่น้ำ  เล่าปี่ก็มาพักเลียแผลอยู่ไม่ไกล  แถมเสธ.ชื่อดังของเล่าปี่...ขงเบ้ง...ก็ข้ามฟากมาแคว้นใต้แล้วด้วย...จิวยี่ก็รีบบึ่งกลับเมืองหลวงทันที  พอหัวเรือสปีดโบ๊ทเสียบเข้าท่า  โดดขึ้นฝั่งปั๊บ...ถามคำแรก...ขงเบ้งอยู่ไหน ขอคุยด้วยก่อน  สภงสภากูยังไม่เข้าล่ะ

ก่อนจิวยี่กับขงเบ้งจะคุยกัน...เรามาอ่านใจของทั้งสองฝ่ายก่อน...

ขงเบ้ง...อยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบโคตรๆ  เพราะต้นทุนที่ติดกระเป๋ามาต่อรองก็น้อยยิ่งกว่าน้อย...เรียกว่าไม่มีดีกว่า  แถมดูเวย์แล้ว...แน่นอนว่าไม่มีทางเลือก  ต้องทำทุกวิถีทาง  ดันตูดให้ซุนกวนออกไปรบกับโจโฉให้ได้...ไม่งั้นถ้าซุนกวนจับมือกับโจโฉ  กูแบนแต๊ดแต๋

จิวยี่...ได้เปรียบบานตะเกียง  ตรงที่จะรบก็ได้  ไม่รบก็ได้...และมี option ให้เล่นตัวเพิ่มอีกคือ...อ้าว  ถ้าอยากให้แคว้นใต้รบ...ขงเบ้งลื้อต้องเอาทัพเล่าปี่ออกหน้าสิ  เดี๋ยวอั๊วช่วยเสริม...แบบนี้ได้สองเด้ง  เพราะมีขุนศึกมือเจ๋งๆมาช่วยรบโจโฉ  แถมยังได้ถลุงทหารของเล่าปี่ไปในตัว...

ขงเบ้งจะทำยังไง  กับการเจรจาที่ตนเองมีทางออกแค่ประตูเดียว...

...หลังผ่านพิธีต้อนรับ  เซย์ How do you do กันแล้ว...การเจรจาก็เริ่มขึ้น ในวงสนทนาที่มีสามคน...จิวยี่  โลซก และขงเบ้ง...เออ  เรื่องสำคัญขนาดนี้  ทำไมซุนกวนไม่มาคุยด้วยวะ...

อย่างที่บอกไปแล้วว่า  ขงเบ้งมีทางออกประตูเดียว  คือต้องดันให้แคว้นใต้รบกับโจโฉ...แน่นอน  เหลี่ยมนี้จิวยี่ก็รู้...การเจรจาจะชิงไหวชิงพริบกันยังไง...ลองติดตาม...

เริ่มต้น  จิวยี่สาธยายกำลังรบของโจโฉเสียใหญ่โต  ทหารหกสิบเจ็ดสิบหมื่น  ก็ผสมผเสกลายเป็นมืดฟ้ามัวดินราวๆสักร้อยหมื่น...ล้านคนเข้าไปแล้ว...กำลังขนาดนี้ใครไปหาญสู้  ก็เท่ากับฆ่าตัวตาย...ก็เลยคิดว่า  แคว้นใต้คงจะยินยอมเป็นพันธมิตรกับโจโฉดีกว่า

พูดง่ายๆคือ  จิวยี่กำลังบอกขงเบ้งว่า ตกลงกูจะร่วมมือกับโจโฉ  กระทืบมึงล่ะนะ...

ก็ถือว่าสวยอยู่เหมือนกันนา  สำหรับเหลี่ยมที่จิวยี่วางออกมา...ใจหวังว่าขงเบ้งได้ยินแล้วคงดิ้นพราดๆ  เป็นเดือดเป็นร้อน...

แต่เปล่า...ขงเบ้งนิ่ง...แถมพยักหน้าหงึกๆซะอีกแน่ะ...คนที่ออกมาหัวฟัดหัวเหวี่ยง  กลับเป็นโลซกฝ่ายเดียวกันซะงั้น...

โลซกก็ล้งเล้ง...ตายแล้วเฮียจิว...ลื้อมาเซดยังงี้ได้ไง...ไปวาดภาพกองทัพโจโฉซะใหญ่โตเกินจริง  แถมยังยุให้ร่วมมือกับมัน เอาจริงๆก็เท่ากับเป็นลูกน้องมันกลายๆล่ะว้า...ไปกลัวอะไรมัน...ถึงจะร้อยหมื่นก็ทหารบก  รบทางเรือกะเราเดี๋ยวแม่งก็เมาเรือ  ลงคลานสี่ตีน...อย่าไปยอมมัน...

โลซกน่ะไม่ทันเกมจิวยี่...ที่น่าประหลาดใจก็คือ  จะเดินเกมเจรจายังไง  ทำไมไม่เตี๊ยมกันมาให้ดีก่อนวะเฮียจิว...ปล่อยโลซกให้โมโหจริงเถียงจริงซะฟันปลอมแทบกระเด็น  แต่จิวยี่ต่างหากที่เล่นละครทุ่มเถียงกับโลซก  เพียงเพราะหวังจะให้ขงเบ้งตกหลุมพรางการเจรจาครั้งนี้

...แต่เปล่า  มังกรเหนือเมฆอย่างขงเบ้งมาแผนสูงกว่า...กลับนั่งยิ้มน้อยๆ  ลูบหนวดมองเจ้าบ้านสองคนเถียงกันโชว์แขก...จนจิวยี่อดสงสัยไม่ได้...เฮียเบ้ง ลื้อนั่งยิ้มอะไรของลื้อวะ...

ขงเบ้งก็ขอโทษขอโพยที่เสียมารยาทไปหน่อย  แต่มันอดขำไม่ได้...ไม่ได้ขำท่านจิวยี่นะ  แต่อั๊วขำที่โลซกน่ะไม่รู้ดีรู้ชั่วเอาซะเลย  หลับหูหลับตาเถียงอยู่ได้...โจโฉยกกำลังมาขนาดนี้  จะเอาอะไรไปสู้...ที่ลื้อคิดให้ยอมน่ะ  ถูกต้องแล้วจิวยี่

จิวยี่ถึงกับ go no is ไปไม่เป็น...นึกว่าขงเบ้งมึงจะเถียง...เสือกมาเห็นด้วยกะกู...อะไรกันวะ

จิวยี่ก็เริ่มออกอาการสะดุดปากหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้...อ้าวเบ้ง  ไหงมาแนะนำยังงี้  แล้วทำไมเล่าปี่เจ้านายลื้อ  ถึงไม่ยอมอ่อนน้อมล่ะ...

มันไม่เหมือนกัน  เฮียจิว...เล่าปี่น่ะท่านแซ่เล่า  เป็นถึงพระเจ้าอา  มี tatoo color ยังไงก็ต้องสู้วะ...

เฮ่ยๆๆๆ...นี่มันหลอกด่านายกูนี่หว่า...จิวยี่ชักเดือดในใจ

แต่คนที่ตามเกมเจรจาไม่ค่อยทัน  ก็เจ้าเก่า...โลซก...เห็นสองคนนี่เออออห่อหมก  ทำท่าจะยอมลงให้โจโฉ  ก็โพล่งออกมาว่า...ลื้อสองคนพูดงี้ เหมือนจะให้จูงมือไปคำนับไอ้โจโฉ

ขงเบ้งได้ช่อง  ไหลตามทันที...โอ๊ย  ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกพี่ซก  แค่จูงมือคนสองคนไปส่งโจโฉ  ขี้คร้านจะเลิกทัพกลับไปวันนี้พรุ่งนี้เลย...

ใครอ้ะ...

อ๋อ  สองคนนั้นเป็นสองสาวพี่น้องที่ลือกันว่า  สวยที่สุดในแคว้นใต้  โจโฉมันเป็นติ่งสองสาวพี่น้องนี่ขนาดหนัก...บอกท่านซุนกวนลงทุนนิดนึง...หอบเพชรหอบทอง  ไปขอซื้อสองนางนั่น  เอาไปมอบให้โจโฉไอ้เฒ่าบ้ากาม...เพื่อความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง

จิวยี่ชักสะดุ้งใจ...เอ๊...สองสาวพี่น้อง สวยที่สุด...ชักเฉียดๆเว้ย...ถามหน่อยเบ้ง  สองพี่น้องตระกูลไหน...

ขงเบ้งตอบหน้าตาเฉย  ทำเหมือนไม่รู้เลยว่า  สองสาวที่จะเอ่ยถึงนั้น  สำคัญแค่ไหน..."ก็สองพี่น้องตระกูลเกียวไงละท่าน...เกียวใหญ่  กับเกียวน้อย"...

เราพอจำกันได้ไหมครับ...เกียวใหญ่ เมียซุนเซ็ก...เกียวน้อย  นี่เมียจิวยี่เองเลย...ขงเบ้งแม่งเล่นโคตรแรงว่ะ

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #7 on: 12 July 2024, 15:01:22 »


moncheep siva
5 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

"เมียข้า  ใครอย่าแตะ"...ขงเบ้งใช้เหลี่ยมนี้  เจรจาจนเมืองกังตั๋งของแซ่ซุน  ต้องลุกขึ้นมาเปิดศึกกับโจโฉ  ทั้งที่ไม่เคยโกรธแค้นกันมาก่อน
ความซับซ้อนของสงครามนี้จะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 18...

เมียตัวเองกับเมียเจ้านาย  ถูกยกขึ้นมาอ้างว่า  โจโฉหวังจะเคลม...ก็โกรธจนมือสั่นแล้ว...แต่จิวยี่มีสติพอจะเก็บอาการ...ถามต่อ...แล้วไอ้ที่ลื้ออ้างมาเนี่ย มีหลักฐานไหมเบ้ง...อย่ามาอ้างลอยๆ

ระดับขงเบ้งแล้ว  เมื่อจะใส่ไฟก็ต้องเตรียมเชื้อฟืนมาเติมไม่ให้ขาดมือ...อ๋ายยย  ลื้อไปอยู่ที่ไหนมา  เฮียจิว...เรื่องนี้เขารู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง  ที่โจโฉใฝ่ฝันถึงสองสาวนี่  ถึงขนาดแต่งเป็นกลอนมาเลยน้า  อั๊วยังรู้เลย...มา...จะว่าให้ฟัง

แล้วขงเบ้งก็หันไปร่ายกลอนที่อ้างว่าโจโฉแต่ง  ให้สองคนฟัง...เนื้อหาก็เต็มไปด้วยความปรารถนาที่จะได้สองสาวพี่น้องมานอนกก...ถ้าได้แล้วจะมาทำยังงั้นยังงี้...ลามกจกเปรต...

กลอนยังไม่ทันจบ...จิวยี่ก็ทนฟังต่อไม่ไหว  เนื้อความที่กล่าวถึงเมียตน  และเมียเจ้านายอย่างหยาบช้าลามก...ทำให้ชายชาติทหารอย่างจิวยี่  ถึงกับสติขาดผึง  หลุดจากเกมเจรจา...ลุกขึ้นกระทืบเท้า  ชี้ไปทิศทางของค่ายโจโฉ

"ไอ้นรกโจโฉ  มึงกะกูอย่าอยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกันเลย"

...จนกระทั่งจิวยี่ลุกขึ้นมาเอะอะ  ชี้มือกระทืบตีนขนาดนี้แล้ว...ขงเบ้งก็ยังแกล้งทำโง่ต่อไป

อ้าว...เป็นไรล่ะเฮียจิว...แผ่นดินไม่รัก ราษฎรไม่ห่วง  ไปห่วงกะอีแค่สองสาวนั่นทำไม

อีเบ้ง  มึงรู้ไว้เลย...สองสาวนั่น...คนนึงเมียเจ้านายกู...อีกคนน่ะ  เมียกูเลย...

อุ๊ต้ะ...ขงเบ้งก็ทำเป็นตกอกตกใจ ขอโทษเป็นการใหญ่...อั๊วม่ายรู้  ม่ายรู้จริงๆ...

แต่เมื่อจิวยี่เชื่อว่าศักดิ์ศรีถูกหยามขนาดนี้  บวกกับความตั้งใจเดิมของตน  ก็ไม่คิดจะยอมให้โจโฉอยู่แล้ว...จิวยี่  ซึ่งถือเป็นเสียงใหญ่สุดในสภาสงครามของแคว้นใต้  ก็ตะโกนเสียงดัง...ใครไม่ลุย  กูลุย

...วันต่อมา  โจโฉส่งคนเดินสาส์นมาทวงถามคำตอบ  ว่าเอาไง...คำตอบของจิวยี่คือ  กักตัวคนเดินสาส์นไว้  ส่งแต่หัวกลับไปอย่างเดียว...โถๆๆๆ  ใครเป็นคนเดินสาส์นนี่  ซวยตลอด...

แคว้นใต้ประกาศสงครามกับโจโฉอย่างเป็นทางการ...โดยมอบให้จิวยี่ถืออาญาสิทธิ์  เป็นแม่ทัพใหญ่

จิวยี่ทำสัญญายืมตัวขงเบ้ง  มาช่วยทำเกมรุก  ร่วมกับแคว้นใต้ยูไนเต็ดชั่วคราว...ขงเบ้งก็ยอม  เอาเรือน้อยที่พำนักของตน  มาผูกห้อยอยู่ท้ายเรือแม่ทัพใหญ่...แต่ขณะเดียวกัน  ขงเบ้งก็แอบบอกไปทางเล่าปี่  เจ้านายว่า...ถัดจากนี้ไปอีกหลายเดือน...ถึงวันนั้นๆ  ให้จูล่งเอาเรือเล็กมาคอยรับตนเอง  ตรงนู้นๆ  ริมแม่น้ำห่างจากสมรภูมิพอประมาณ

เล่าปี่ก็งง...คนอ่านก็งง...อะไรกัน  ธนูดอกแรกยังไม่ได้ยิงกันเลย...ขงเบ้งวางแผนราวกับสงครามจะจบแล้ว...ติดตามกันต่อไป  เราจะเห็นได้ว่า  ขงเบ้งคาดการณ์ได้ไกล  และแม่นยำขนาดไหน...มึงจะเก่งยังกะนิยายเกินไปแล้ว...ก็นิยายน่ะสิครับ...

แม้ขงเบ้งกับจิวยี่  จะสุมหัวกันสู้โจโฉ แต่ขณะเดียวกัน  จิวยี่ก็เหล่  หามุมจะกระซวกขงเบ้งอยู่ตลอดเวลา...ค่าที่ฉลาดเกินไป  ความคิดอะไรก็ล้ำหน้าตนไปหมด...แม้กระทั่งกะซุนกวนนายใหญ่...ขงเบ้งก็อ่านความคิดออกหมด...ยังงี้ปล่อยให้แก่ไม่ได้  มันเป็นเสี้ยนหนามแน่นอน...

สงครามระหว่างโจโฉกับแคว้นใต้นี้  นัยว่าเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์  ภายใต้ชื่อ  ยุทธการผาแดง  มีตำแหน่งแห่งที่ชัดเจน...ผมเคยไปเมืองจีนแล้วเค้าก็พาไปที่ตรงนี้แหละ...เสียดายที่ไปกับทัวร์  ก็ต้องรีบๆลนๆหน่อย  ไม่มีโอกาสได้นั่งดื่มด่ำจินตนาการถึงมหาสงครามในครั้งนั้น...

การห้ำหั่นเลคแรกเริ่มขึ้นในทะเล(แม่น้ำนั่นแหละ)...ก็เป็นอย่างที่คาดการณ์...ทหารโจโฉส่วนใหญ่เป็นชาวดอน  มาเจอเรือเจอพายเข้า  ก็ไม่คุ้น...หัวพายไปทาง  ท้ายไปอีกทาง...เมาเรือแถมเข้าไปอีก...สู้กันได้ไม่กี่ชั่วโมง  ก็แจวกลับฝั่งกันน้ำบาน...

โจโฉฉุนขาด...เรียกนายพลเรือสองคนที่คุมกองเรือ  ชัวมอ กับ เตียวอุ๋น  จะมาตัดหัวซะให้ได้..นายพลเรือนี้  ไม่ได้เป็นลูกน้องโจโฉมาแต่ดั้งเดิม...แต่เป็นคนคุมทัพเรือของเมืองชายน้ำ...เมื่อโจโฉเทคโอเวอร์เมืองได้...ก็ต้องมาเข้าทีมเฮียโจ...เลยถูกมองว่าดึงเช็ง  รบไม่เต็มที่...

นายพลเรือทั้งสองก็ระล่ำระลักชี้แจง...ท่านโจ  ทหารของท่านน่ะ  พายเรือยังไม่เป็นเลย  แล้วก็เมาเรืออ้วกแตกเสียครึ่งกองทัพ...จะเอาอะไรไปรบ...

โจโฉยอมรับ...ก็จริงของมึง...งั้นยังไม่ต้องออกรบ...มึงเอาทหารลงน้ำซ้อมกันก่อน...พายซ้ายพายขวา  ติ๊กกี้ตั๊กก้ากันให้เนียน...

จิวยี่เห็นทัพโจโฉซุ่มเงียบอยู่หลายวัน  ไม่มาท้ารบเหมือนเคย  มองมาจากอีกฝั่ง...เฮ้ย  ทัพโจโฉมันเล่นอะไรกันวะ กลางคืนยังจุดคบซะสว่าง  เอาทหารลงเรือแปรขบวนกันใหญ่...ต้องสอดแนมมั่งล่ะ...

ทหารสอดแนมกลับมารายงาน...ทางนู้นมันซ้อมกันใหญ่เลยครับ...ติ๊กกี้ตั๊กก้า...จ่ายตัดหลังแบ๊ค...ครอสมาจากปีก...แม่งซ้อมโจมตีทุกรูปแบบครับนาย

จิวยี่สะดุ้งใจ...ถ้าฝั่งนั้นมันเกิดฝึกจนคล่องไม่เสียเปรียบทางน้ำ  กำลังมันก็มากกว่า...อันนี้เริ่มปวดตับแระ

ระหว่างมึนๆ  หาทางออกไม่เจอ...ฝั่งโจโฉก็เดินแผน  ที่ทุกสงครามต้องมี  คือส่งสปายเข้ามาฝั่งแคว้นใต้...และกลายเป็นว่า...เข้าแผนจิวยี่พอดี...

...หนังสือสามก๊กนี่  ปั้นขงเบ้งซะฉลาดผิดมนุษย์มนา...ใครมาปะทะทางความคิด  หรือการเจรจา  ก็จะดูโง่เง่าเต่ามะเฟืองไปซะทุกคน...

จิวยี่ก็เช่นกัน  ดูตามขงเบ้งไม่ทันไปซะทุกที...แต่การเดินเกมช๊อตต่อไปนี้ของจิวยี่  แสดงให้เห็นว่า  ถ้าไม่เทียบกับขงเบ้ง  เขาก็ฉลาดล้ำลึกอยู่ไม่น้อย...

คงจะด้วยสรรพกำลังใกล้เคียงกัน...ถึงจะซัดกันไปยกนึงแล้ว  โจโฉก็ยังไม่ปิดทางการฑูตเสียทีเดียว...แต่ภาพคนเดินสาส์นที่กลับมาแต่หัว  ลืมตัวไว้ฝั่งขะนู้น...ก็ทำให้โจโฉไม่รู้จะส่งใครไป...

แต่ก็มีผู้กล้าคนนึง  ลุกขึ้นมาอาสา...เจียวก้าน

ด้วยความเป็นเพื่อนรักกับจิวยี่  ไล่เตะตูดกันมาตั้งแต่เด็ก...เจียวก้านเชื่อว่า ยังไงจิวยี่คงไม่ถึงกับจะฆ่าจะแกงเพื่อนเก่าได้ลงคอ...ก็อาสาลงเรือข้ามฝั่ง  จะไปเกลี้ยกล่อมจิวยี่...

พอเทียบท่า  ก้าวขึ้นจากเรือปั๊บ...จิวยี่ก็มารับทันที  พร้อมคำทักทาย...

"อ้าวเฮ้ย  ไอ้เจียว  แหมไม่ได้เจอซะนาน  นี่มึงจะมาเกลี้ยกล่อมกูรึไงเนี่ย"...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #8 on: 12 July 2024, 15:02:21 »


moncheep siva
6 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

จารชนที่โจโฉส่งมา  ถูกความชาญฉลาดล้ำลึกของจิวยี่  ซ้อนแผนเล่นละครถวายคืนให้ฝั่งโจโฉ...การลงทุนเต้นคอฟเวอร์ ไมเคิ่ล แจ๊คสัน ของแม่ทัพแคว้นใต้  จะคุ้มค่าแค่ไหน...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 19...

เจียวก้านเพื่อนเก่า  ก้าวขึ้นฝั่งมาเจอหน้าจิวยี่  ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร  ก็เจอดักคอซะหยุดกึก...เห็นๆอยู่  ว่าคนเก่าที่กลับไปแต่หัว  ก็เพราะไอ้เรื่องเกลี้ยกล่อมนี่แหละ...เจียวก้านแทบจะหันหลังลงเรือกลับบ้านทันที

จิวยี่ก็เข้ามารั้งตัวไว้  หัวร่อเอิ๊กอ๊าก...บอกว่าล้อเล่นน่า  รู้ว่าเพื่อนมาเยี่ยมกันเพราะคิดถึงใช่ป่าว

เจียวก้านก็ต้องเออออไป...จ้าๆๆๆๆ  คิดถึงๆๆๆๆ   ไม่เกลี้ยกล่อมๆๆๆ...

จิวยี่สั่งจัดเลี้ยงทันที...เฮ้ย  วันนี้กิ๊กเก่ากูมา  ขอเมาให้เต็มคราบซะหน่อยเว้ย...แล้วก็เรียกนายพลผู้ช่วยมา  มอบกระบี่อาญาสิทธิ์ให้  พร้อมกำชับ

...วันนี้ใครมาพูดเรื่องสงครามเข้าหู...มึงบล๊อคเฟส  เอ๊ย  ไม่ใช่...มึงตัดหัวแม่งเลยนะผู้ช่วย

ก็สมดังที่เอ่ยปากไว้...คืนนั้นจิวยี่เรียกว่าเมาเป็นหมากันเลย...ท่านแม่ทัพใหญ่วันนี้นี่  ถึงขั้นเต้นคอฟเวอร์ ไมเคิ่ล แจ๊คสันได้  จอกแล้วจอกเล่า  กระแทกเข้าไป...พอใกล้หมดสภาพ  ก็ลากเจียวก้านเข้าไปนอนในเต๊นแม่ทัพด้วย

ยังไม่พอ...กรนสนั่นไปได้สักพัก  ก็เผยอตัวขึ้นมาอ้วก...อ้วกแม่งบนที่นอนนั่นแหละ  แล้วก็กรนต่อ

เจียวก้านเผ่นหนีภัยอ้วก  ไปนั่งที่โต๊ะทำงาน...กำลังกลุ้มว่าจะทำยังไง  อาสามาเกลี้ยกล่อม  แต่ไม่มีโอกาสเปิดปากเลย  กลับไปคงงานงอก...

สายตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษ คล้ายๆจดหมายซุกอยู่  หยิบมาอ่านซะหน่อย...เหยยย...เจียวก้านตาวาว
เนื้อความเป็นจดหมายมาจากนายพลเรือทั้งสอง  ลูกน้องที่เพิ่งมาเข้าสังกัดของโจโฉน่ะแหละ...บอกว่าที่ตกลงกันไว้น่ะ  ยังหาโอกาสตัดหัวโจโฉไม่ได้ ตอนนี้ก็ต้องทำตัวเนียนๆไปก่อน  ขอให้จิวยี่รอหน่อย  คงไม่นานจะเอาหัวโจรเฒ่าข้ามฝั่งมาฝาก...

เอาล่ะสิ...เจียวก้านคิด...เกลี้ยกล่อมไม่ได้  แต่ได้ข่าวสำคัญยิ่งกว่ากลับไป...ไม่เสียเที่ยวล่ะเว้ย...เจียวก้านซุกจดหมายไว้ในอกเสื้อ...

เอ้...แล้วยังงี้ถ้ารอถึงเช้าคงไม่รอด  จิวยี่คงรู้ว่าจดหมายหายไป...เอาไงดีวะกู...

พอดีจิวยี่พลิกตัว  แล้วละเมอออกมา..."เฮ้ย  ท่านชัวมอ  เตียวอุ๋น...หัวไอ้โจโฉน่ะ  เมื่อไหร่จะได้"

"ชัวมอ  เตียวอุ๋น"...เฮ้ย  นี่มันชื่อนายพลเรือของโจโฉนี่นา...เจียวก้านใจเต้นโครมคราม...ค่อยๆกระแซะถามจิวยี่ หวังว่าจะละเมอออกมาเป็นเรื่องเป็นราว...

แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ความอะไรมากขึ้น...พอดีมีทหารมากระซิบดังๆอยู่ข้างเต๊น...

"ท่านแม่ทัพๆๆ  คนของนายพลชัวมอมาขอพบ"...

เจียวก้านยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่  แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นนอนหลับ  กลิ้งอยู่แถวๆนั้น...

เรียกอยู่พักนึง  จิวยี่ก็ทำเป็นสะดุ้งตื่น...เฮ้ย  มีไรวะ  อ้าวแล้วนี่ใครมานอนเต๊นกูเนี่ย  จับแม่งตัดหัวซะดีมั้ย...อ้อ เพื่อนกูเอง...ตายห่า  ตอนเมาๆไม่รู้เผลอพูดอะไรไปรึเปล่า

จิวยี่ออกไปคุยกับทหารนอกเต๊น...เจียวก้านพยายามแอบฟัง  ก็จับความไม่ได้  ได้ยินแต่ชื่อ  ชัวมอ  เตียวอุน  โผล่มาเป็นระยะๆ...

สักพักจิวยี่ก็กลับเข้ามา   แต่คราวนี้ย้ายไปนอนเตียงสนาม...ไม่ใช่อะไรหรอก...เปิดโอกาสให้เจียวก้าน...

เจียวก้านเองนอนกลุ้มอยู่ว่าจะหนีไปยังไง...พอสบโอกาส  ก่อนฟ้าสาง  ก็เล็ดรอดออกจากเต๊นท่านแม่ทัพ...ทหารเวรยามกี่คนๆ  เหมือนจะพร้อมใจกันหูหนวกตาบอดไปซะหมด...แทบจะปูพรมแดงส่งเจียวก้านขึ้นเรือกลับไป...

จดหมายอย่างนึงล่ะ  จิวยี่ละเมอก็ด้วยล่ะ  แถมยังได้ยินว่า  นายพลเรือฝั่งโจโฉ  ส่งคนมาพบจิวยี่ซะอีก...เรื่องมันผูกกันคล้องจองขนาดนี้...เจียวก้านจึงเชื่ออย่างสนิทใจว่าตนเองไปเจอ hidden agenda เข้าให้จังๆ...ก็งับเต็มปาก คาบมาให้เจ้านาย...

จดหมายสำคัญวางตรงหน้าโจโฉ  แถมเจียวก้านก็จีบปากจีบคอ  ชงซะหวานเจี๊ยบ  จะไปเหลือเหรอ...โจโฉเรียกนายพลเรือทั้งสองเข้าพบทันที

...พวกมึงต้องเอากองเรือ  โจมตีพรุ่งนี้...

นายพลเรือทั้งสอง  ก็แย้งว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม...โจโฉไม่สนใจ...กูจะเอายังงี้  มึงต้องทำตาม...

นายพลลูกแกะ  จะยกเหตุผลอันเพียบพร้อมแค่ไหนก็ตาม...หมาป่าโจโฉก็ไม่ฟัง  แถมอีบ่างเจียวก้านก็คอยสะกิดอยู่ข้างๆอีกแรง...เห็นมั้ยนายไอ้สองตัวนี่มันยื้อโคตรๆ  ไม่ค่อยอยากออกรบ  ดูท่ามันจะเล็งลูกกระเดือกนายไว้แน่นอน

สุดท้าย  นายพลเรือทั้งสองก็ถูกลากออกไปตัดหัว...ข้อหาไม่ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง

นายพลเรือหัวขาดไปแล้ว  โจโฉตั้งนายพลบกมาบัญชาการทัพเรือแทน...จิวยี่รู้ข่าวนี้  กิ๊วก๊าวดีใจใหญ่...บอกนายพลบกหน้านี้กูไม่มีกลัว

หอบความดีใจ  หน้าบานไปอวดโลซก...ไง  กูเจ๋งป่าววางแผนซับซ้อนขนาดนี้...โลซกก็ยกยอขนานใหญ่...โหเฮียคิดได้ไงอ่ะ  เกมนี้ไม่มีใครตามทันเลย...

คิกคักๆกันได้สักพัก  นึกขึ้นได้...เออ แล้วขงเบ้งแม่งจะทันเกมกูไหมเนี่ย อย่ากระนั้นเลย...เฮ้ยซก  เอ็งไปเยี่ยมๆมองๆไอ้เบ้งมันดูที  ว่ามันรู้ทันแผนกูรึเปล่า...ก็เลยเป็นหน้าที่ของโลซก...ไปเยี่ยมเยียนอาคันตุกะในเรือน้อย

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #9 on: 12 July 2024, 15:03:12 »


moncheep siva
7 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ถ้าจิวยี่เป็นพริกขี้หนู...ขงเบ้งก็คือ พริกขี้หนูสวนคลุกวาซาบิ...ประสงค์ร้ายใดๆ ที่จิวยี่ครีเอทออกมากระหน่ำใส่ขงเบ้ง กลับถูกโต้ตอบได้เจ็บแสบตั้งแต่โพรงจมูกยันไส้ติ่ง...
ความแซ่บสุนทรีย์ของขงเบ้ง เป็นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 20...

เจอหน้า  คำแรกที่ขงเบ้งทักทำเอาโลซกถึงกับเหวอ...ฝากแสดงความยินดีกับท่านจิวด้วย...โลซกอ้าปากหวอ...เบ้งมึงจะเก่งเกินไปแล้ว

ขงเบ้งสาธยายให้ฟัง...ทีแรกเห็นท่านแม่ทัพเมาปลิ้น  ต้อนรับเพื่อนเก่าซะขนาดนี้  ก็งงๆอยู่...แต่พอวันรุ่งขึ้น เพื่อนหายไปแล้ว  พิธีเลี้ยงส่งก็ไม่มี แปลว่าแอบหนีไปแน่นอน

พออีกไม่กี่วันต่อมา  ก็มีข่าวว่านายพลเรือฝั่งนู้นหัวขาด...เลยปะติดปะต่อได้ว่า...ทั้งหมดนี่คือการซ้อนแผนของจิวยี่ชัวร์...ฝั่งนู้นเอานายพลบกมาบัญชาเกมเรือ...จิวยี่งานเบาขึ้นเยอะ

จิวยี่รู้เรื่องจากปากโลซก  ถึงกับถอนใจ...ไอ้คนฉลาดแบบผีเข้าเจ้าสิงยังงี้ เอาไว้ไม่ได้...ความมุ่งมั่นที่จะฆ่าขงเบ้ง ก็เพิ่มดีกรีขึ้นไปอีก...

ช๊อตต่อไปของจิวยี่...ก็เลยเป็นเรื่องจะฟันคอขงเบ้งล้วนๆ...ไม่มีโจโฉปน

.................

ระหว่างสงครามกำลังขับเคี่ยวกันอยู่  จิวยี่ก็ตั้งคำถามเบๆ  ถามไปในที่ประชุมสภา...อันสงครามทางเรือนี้  อาวุธอะไรสำคัญที่สุด...เอ้านักเรียนตอบพร้อมกัน...

"ธนู"...เสียงตอบเซ็งแซ่...เก่งมากเลยทุกคน...เดี๋ยวไปกินนมแล้วนอนกลางวันกันน้าาา...

จิวยี่เปิดประเด็นต่อ...เพราะฉะนั้น กองทัพเราจึงต้องการลูกธนูเยอะมั่กๆๆ...ทั่นขงเบ้ง...ข้าพเจ้าต้องการลูกธนูสักร้อยหมื่น...ทั่นพอจะหามาให้ข้าภายในสิบวันได้หรือไม่...

ที่ประชุมถึงกับอึ้ง  มองหน้ากันไปมา...เฮ้ย  จิวยี่แม่ง  กะเล่นขงเบ้งตรงๆ ไม่มีอ้อมค้อมว่ะคราวนี้...

...การทำลูกธนูร้อยหมื่น...ล้านดอก ภายในสิบวัน...ต่อให้ใช้ทหารทั้งกองทัพ  ทำกันทั้งวันทั้งคืน...แถมให้ทหารโจโฉมาช่วยอีก...ก็ยังไม่น่าจะทัน

ขงเบ้งเอง  ถ้าจะปฏิเสธไป...เอาเรื่องกำลังการผลิตเครื่องจ่งเครื่องจักรมากาง  ยันไปอย่างมีเหตุมีผล...ก็น่าจะรอดตัวไปได้สวยๆ

แต่ขงเบ้งกลับตอบรับ!!! แถมบลัฟกลับด้วย...

แต่ก่อนจะไปฟังว่า  ขงเบ้งบลัฟกลับยังไง...เรามาดูความคิดและอาวุธลับของพี่เบ้งกันก่อน...

ปฏิภาณไหวพริบของยอดมนุษย์ตนนี้ ทำงานทันทีเมื่อได้รับโจทย์ท้าทาย สมองแล่นปร๊าดรู้ว่าจะเสกธนูล้านดอกเอามาให้จิวยี่ยังไง...แต่แค่นั้นหาพอไม่...มันยังต้องอาศัยกรมอุตุฯเข้าช่วยด้วย...แล้วก็บังเอิญ  คนมันเป็นพระเอกอ่ะ...ขงเบ้งดันมีตำราพยากรณ์อากาศ  ชนิดที่แม่นยำโคตรๆ  อยู่ในครอบครอง

ตามตำราที่ท่องจำจนขึ้นใจ  บอกไว้ว่า...อีกสามวันนับจากนี้  ดินฟ้าอากาศจะเป็นใจให้กับขงเบ้ง  ในการ "ผลิต"ลูกธนูได้ตามเป้าหมาย

เลยตอบกลับไป  แบบไม่กลัวตาย...ทั่นแม่ทัพ  สงครามติดพันขนาดนี้  สิบวันนานป๊ายยย...ลูกธนูร้อยหมื่น  ข้าขอเวลาสามวันพอ...

ที่ประชุมถึงกะขำกลิ้ง  นึกว่าขงเบ้งยิงมุก...ไม่เอาน่าทั่นขงเบ้ง...โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว...มาคิดดิ้งหมีอะไรเวลายังงี้

ขงเบ้งหน้าตาขึงขัง..."ข้าป่าวคิดดิ้งหมี คิดดิ้งแมวอะไรทั้งนั้น"...รู้นะว่าจิวยี่มึงอยากได้หัวกูตัวซี้ตัวสั่น  งั้นกูเอาคอพาดเขียงยั่วน้ำลายมึงซะเลย...

คนที่เชื่อมั่นในตำราและสติปัญญาของตนเอง  ก็วางคำมั่นลงไป..."ธนูร้อยหมื่นดอก  ถ้าข้าส่งมอบไม่ทันภายในสามวัน...เอาหัวข้าไปเลย"...

จิวยี่ได้ที  ก็รีบมัดขงเบ้งติดกะเขียง  รออีกสามวันเถอะมึงคอขาดแน่...โดยการให้ทนายร่างสัญญาเซ็นกันเดี๋ยวนั้น...ตอนนี้ทุกคนมองขงเบ้งเป็นwalking dead กันไปหมด...เรียกว่าจองศาลานิมนต์พระกันได้ล่วงหน้าเลย...

ผ่านไปพักใหญ่  ไม่เห็นขงเบ้งมาเบิกข้าวของ  ไม้ไผ่  ขนนก  กาว...อะไรที่ใช้ทำธนู  ไม่เห็นพูดถึง...

ไอ้คนร้อนรนทนไม่ได้  กลายเป็นจิวยี่เสียเอง...แล้วไอ้กองทัพแคว้นใต้  มันมีเสธ.อยู่คนสองคนรึไงก็ไม่รู้...หันซ้ายหันขวาก็ส่งสปายหน้าเดิมไปเยี่ยม...โลซก...โถ  ส่งเหยื่อไปให้ขงเบ้งเคี้ยวแล่นแท้ๆ...

ไปเจอขงเบ้งนั่งแทะเม็ดก๊วยจี๊ตีหน้าเศร้า  บอกว่าคำนวณผิดไปหน่อยว่ะซกเอ๊ย  สงสัยรอบนี้จะไม่รอด  ถ้าท่านโลซกมีน้ำใจ...พอจะช่วยอะไรข้าสักหน่อยได้มั้ย

โลซกน่ะขี้ใจอ่อนอยู่แล้ว...เอาสิเบ้งเอ๊ย...มึงอยากกินอะไรเดี๋ยวกูใส่บาตรไปให้...เมรุของมึงนี่  กูจะแต่งให้อย่างสวยเลยนะ  ว่าแต่มึงสะดวกวัดไหนล่ะ...

ขงเบ้งขอบคุณ  บอกว่าไม่รบกวนเรื่องนั้น...แค่อยากจะขอเรือเล็กเบาสักยี่สิบลำ  พลประจำเรือพร้อม  แล้วขอฟางกับผ้าดำเยอะๆ  ถ้ามีพริตตี้แจ่มๆซักสี่ห้านางด้วย  จะยอดเยี่ยม...อ้อ  แล้วเรื่องนี้ไม่ต้องไปบอกจิวยี่นะ...โลซกก็รับคำ...

จนถึงค่ำคืนที่ใกล้วันครบสัญญา  เป็นคืนเดือนมืดตื๋อลมสงบ  หมอกลงจัดถูกต้องตามตำราเป๊ะๆ...ขงเบ้งมาทวงของที่ให้หาไว้...แหม่  ไอ้ตรงนี้ก็เสียวไส้แทน  ถ้าโลซกมันแกล้งลืมล่ะเบ้งเอ๊ย...แต่โลซกบอกว่าทุกอย่างพร้อม...ขงเบ้งก็ชวน...โลซก  ไปเอาลูกธนูกัน...

เฮ้ย  ไปเอาที่ไหนค่ำมืดดึกดื่น...ขงเบ้งลากโลซกลงเรือที่เตรียมไว้...เออน่า เดี๋ยวมึงก็รู้...

...ขงเบ้งสั่งให้ทหารผูกฟางเป็นรูปคน ปักไว้ให้เต็มเรือทุกลำ  พร้อมผ้าดำขึงเป็นม่านโดยรอบ  เรือทุกลำผูกโยงกันไว้...แล้วทั้ง 20 ลำก็แจวออกไปอย่างเงียบเชียบ...

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.142 seconds with 20 queries.