Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 23:48:34

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เรื่องราวน่าอ่าน  |  หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง  |  สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 21 - 30]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 21 - 30]  (Read 583 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 12 July 2024, 15:06:46 »

สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 21 - 30]


moncheep siva
8 ก.พ. 2019 เวลา 17:17

เป็นอีกครั้ง ที่จิวยี่ซ้อนแผนโจโฉ ด้วยการลงทุนที่มากกว่า สมจริงสมจังกว่า...ความล้ำลึกของแผนการนี้จะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 21...

ขงเบ้งจิบบลูเลเบิ้ล  พร้อมพริตตี้ชงเหล้าให้อย่างสบายใจ  ขณะที่โลซกนั่งพ่นยาขยายหลอดลม  ใจเต้นโครมคราม...เพราะรู้ว่า  ทิศทางที่เรือมุ่งไปคือ  ทัพเรือมหึมาของโจโฉ...กองเรือขี้ปะติ๋วแค่นี้  จะข้ามไปทำไมวะ...กูไม่น่าใจง่ายตามไอ้เบ้งลงเรือเลยโว้ย...

พอเข้าไปใกล้ฝั่งโจโฉ  หมอกยิ่งหนา...ขงเบ้งให้แปรขบวนเรือ 20 ลำ แผ่ยาวตลอดลำน้ำ...แล้วบอกพริตตี้  เดี๋ยวป๋าทำอะไรให้ดู...แล้วก็ราวกับเสพยาบ้ามา...ขงเบ้งสั่งทหารให้ตีกลองเข้าประจัญบานพร้อมโห่ร้องดังสนั่น

ทหารโจโฉบนฝั่งได้ยินเสียงลั่น  ก็ตาลีตาเหลือกเข้าประจำการ...กลางดึกหมอกหนาแบบนี้  เห็นแต่เงาเรือตะคุ่มๆเรียงรายกันเป็นพรืด  ไม่รู้มากน้อยเท่าไหร่...แต่การเข้าโจมตีแบบนี้  คาดไว้ก่อนว่าไม่เยอะมันไม่กล้ามาหรอก...ขืนส่งเรือทะเล่อทะล่าออกไป  คงเสียเปรียบ...ตั้งรับได้วิธีเดียวคือ...มีธนูเท่าไหร่ก็  ยิงๆๆๆๆต้านไว้ก่อน

โลซกนั่งตกใจแทบเยี่ยวราดอยู่ในเรือ ขงเบ้งก็ปลอบใจว่า  เดือนมืดแถมหมอกหนายังงี้  แม่งไม่กล้าออกมาหรอก...จิบบลูกันให้สบายดีกว่า

เรือที่มีหุ่นฟางกับผ้าดำ  นับเป็นเป้าอย่างดี...ธนูดอกแล้วดอกเล่าที่ยิงมา ปักจนแทบเป็นเม่น...พอกราบนึงเริ่มเต็ม  ขงเบ้งก็ให้ทหารแจวเปลี่ยนอีกข้างหันมารับแทน...ไอ้ข้างที่เต็มก็ปลดลูกธนูลงมาใส่เรือ

แจวเวียนซ้ายเวียนขวาอยู่หลายรอบ ช่วงไหนซาลง  ก็ให้ทหารตีกลองโห่ร้องกระตุ้นเข้าไป  ลูกธนูก็มาไม่ขาดสาย...จนใกล้รุ่งหมอกเริ่มจาง...ขงเบ้งจึงให้แจวกลับ...ก่อนไปยังฝากแทงกิ้วเวรี่มัช  ให้โจโฉด้วย...

เรือลำนึงอย่างน้อยๆก็มีห้าหกหมื่นดอก ยี่สิบลำคูณเข้าไป...ขงเบ้งส่งมอบธนูให้จิวยี่ได้มากกว่าที่ต้องการเสียอีก

คงไม่ต้องบอกนะครับ...ว่าจิวยี่กระอักขนาดไหน...

แต่สงครามก็ยังดำเนินต่อไป...

จิวยี่กับขงเบ้ง  มีความคิดเหมือนกันว่า ฉากฟีนาเล่ของสงครามนี้คือ  ต้องเอาไฟเผาทัพเรือโจโฉให้วอดวายเด็ดขาดไปก่อน...แล้วทางบกค่อยไปตามล้างตามเช็ดกัน

แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะถือคบเพลิง  แจวเรือเอาไปเผาได้ง่ายๆ...มันต้องมีปัจจัยครบ 3อย่าง...เราค่อยๆตามดูกันว่าปัจจัยสามอย่างมีอะไรมั่ง  แล้วทำยังไงมันจะมาครบ...

ไม่รู้ว่าทำไมอีตาโจโฉนี่ชอบจังงง...เรื่องส่งสปายข้ามมาเนี่ย  คราวที่แล้วทำเอานายพลเรือฝั่งตัวเองหัวขาดไปสองคนยังไม่เข็ด...คราวนี้เอาอีก แล้วก็ไม่ใช่คนอื่นไกล...น้องชายของนายพลเรือที่เพิ่งหัวขาดไปนั่นแหละ...

โจโฉเรียกชัวโฮ  น้องนายพลชัวมอมาเกลี้ยกล่อม  ให้ยอมเป็นสปายข้ามไปฝั่งใต้...ชัวโฮก็คงโคตรกดดัน  พี่ชายไม่รู้อิโหน่อิเหน่  เพิ่งโดนตัดหัวไป  คราวนี้โจโฉแม่งเล่นเอาลูกเมียเป็นประกันอีก  คงต้องกลืนเลือดไม่ยอมก็ต้องยอมวะ...

แล้วก็อีกแหละ...จิวยี่รู้ทันเหมือนเดิม...เป็นเพราะว่า  ถ้าจะแปรพักตร์กันจริง  ต้องหอบหิ้วลูกเมียมาด้วยสิ...จิวยี่ก็เลยซ้อนแผนกลับ...เมื้อนนนนเดิมมมม

หลังจากที่แกล้งทำโง่  อ้าแขนรับชัวโฮเข้าร่วมทัพ...จิวยี่ก็พาเข้าที่ประชุมทหาร...ประชุมไปประชุมมาไม่รู้ยังไง จิวยี่เกิดทะเลาะกับนายพลกาย...นายพลอาวุโส

ฝั่งแก่ชักจะปีนเกลียวไม่ค่อยเชื่อฝั่งหนุ่มที่เป็นแม่ทัพ  ก็อ้างโพรไฟล์ว่า  กูรบมาแต่หนุ่มจนแก่ขนาดนี้...มึงมันไอ้เด็กเมื่อวานซืน  จะมารู้เรื่องสงครามดีกว่าได้ไง

จิวยี่ปรี๊ดแตก...สั่งตัดหัวทันที  ข้อหาไม่เคารพลุงตู่...ว้ายยย ขอโต้ด...ไม่เคารพผู้บังคับบัญชา...

นายพลกายหมดเกรง  ก็ลุกขึ้นท้าแม่ทัพรุ่นหลานเหยงๆ...มา  ไอ้จิวมึงมาตัวๆก๊ะกู...

บรรดาขนศึกต้องลุกขึ้นห้ามกันยกใหญ่  พร้อมกับขอร้องจิวยี่  อย่าถึงกับตัดหัวตัดหูกันเลย...จนจิวยี่ใจอ่อนลง...เปลี่ยนเป็นเฆี่ยนแทน

แล้วก็เฆี่ยนกันเดี๋ยวนั้น  แบบเล่นจริงเจ็บจริง  ไม่มีสตั๊นท์...

ทุกเชียะที่หวดบนหลังนายพลกาย หนังหลุด  เลือดกระเด็นกันเห็นๆจนสลบคาหวาย...ชัวโฮก็เชื่อหมดใจว่า งานนี้นายพลกายไม่เผาผีกับจิวยี่แน่นอน...

แต่ลับหลังเมื่อยู่ในที่รโหฐาน...จิวยี่ถึงกับคุกเข่า  คารวะน้ำใจนายพลกาย  ที่ยอมสละหลัง  เอาความเจ็บปวดเข้าแลก...เพื่อสร้างเรื่องหลอกชัวโฮ

และเมื่อมีโอกาส  นายพลกายก็ grand opening กับชัวโฮว่า  อยู่แคว้นใต้ไม่ไหวแล้ว  จะขอแปรพักตร์ไปอยู่กับโจโฉ...รอรวบรวมคนสักระยะ  แล้วจะพากองเรือของตนข้ามฝั่งไปหา...
 
...ชัวโฮก็เชื่อ  แล้วก็ทำให้กองทัพโจโฉเชื่อไปด้วยว่านายพลกายจะแปรพักตร์จริง...

นี่คือปัจจัยที่ 1...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 12 July 2024, 15:07:57 »


moncheep siva
9 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ตอนนี้...เป็นการเปิดตัวของอีกหนึ่งยอดคนสมองเพชร  ผู้ได้ชื่อว่าโคตรฉลาดทัดเทียมขงเบ้ง...เขาคือใคร  และจะมีบทบาทเขียนบทหายนะ  ให้กับฝั่งโจโฉอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 22...

ปัจจัยต่อมา  ที่จะทำให้ทัพเรือโจโฉถึงแก่ความวอดวาย...ก็เริ่มมาจากฝั่งเฮียแกเองน่ะแหละ...

ถ้าเป็นสมัยนี้  ต้องจับโจโฉไปหาหมอแน่ๆ  เพราะอาการแกเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ...ติดใจอะไรนักหนา  กับไอ้การส่งสปายข้ามมา...คราวนี้ก็มาอีก  ด้วยหน้าเดิม...เจียวก้าน

แต่งวดนี้ต่างออกไป  พอก้าวขึ้นฝั่งปั๊บ จิวยี่มีงอน...ในหนังสือสามก๊ก...จิวยี่ใช้สรรพนามเรียกเจียวก้านว่า ตัว...น่ารักน่าหยิกดีแท้

จิวยี่งอนว่า...คราวที่อุตส่าห์ไว้ใจว่าเป็นเพื่อนเก่า  ลากมานอนเต๊นเดียวกัน แล้วตัวก็ดันแอบขโมยจดหมายเค้าไป ทำให้สองนายพลหัวขาด  แผนการเค้าก็ล้มเหลว...ทหาร  เอาตัวนังเจียวก้านไปกักบริเวณ...

ที่ๆให้เจียวก้านไปอยู่  คือเชิงเขาหลังกองทัพ...ก็ไม่ได้คุมอะไรกันเคร่งครัดนักหรอก  เพราะตามแผนของจิวยี่คือ ต้องการให้ได้ไปเจอกับคนๆนึง...

ในหนังสือสามก๊ก...ผู้ที่มีสติปัญญาเบอร์หนึ่งคือ  ขงเบ้ง  ผู้ได้รับสมญาว่า "ฮกหลง"...อันนี้ทุกคนรู้...แต่หากจะมีใครพอมีสมองทัดเทียมได้  ผู้นั้นคือเจ้าของสมญา "ฮองซู"  หรือ บังทอง

บังทองมาดักขายถั่ว  เอ๊ย ไม่ใช่แขกเว้ย...แกมาซุ่มรอให้เจียวก้านได้มาเจอ...เจอแล้วเจียวก้านก็เป็นปลิ้ม...คนอาร้ายยย  ฉลาดชิบเป๋ง  ถามอะไรตอบได้หมด...

บังทองทำเป็นไม่รู้ว่าเจียวก้านมาจากไหน...แย้มๆว่า  ตนรู้วิธีจะให้โจโฉชนะสงคราม  แต่ไม่รู้จะบอกไปยังไง...เจียวก้านก็อาสาเลย...ข้านี่แหละ ลูกน้องเฮียโจ...เดี๋ยวข้าจะหนี  แล้วพาท่านไปด้วยกัน...ก็พากันเล็ดลอดหนีไปได้

เมื่อได้เจอโจโฉแล้ว...ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่คนฉลาดอย่างบังทอง  จะทำให้โจโฉชื่นชอบ...ก็เลยให้คำแนะนำไป

อ๋อ  ทหารส่วนใหญ่ของท่านเป็นชาวดอน  ไม่คุ้นคลื่นลมในทะเลใช่มั้ย...งั้นเอายังงี้ซี่  เปลี่ยนเรือให้เป็นแผ่นดิน...เหรอ...ทำไงล่ะอาบัง...

ไม่ยากเลย...เฮียก็ให้เอาโซ่ยึดบรรดาเรือด้วยกันไว้  เอาให้แน่นเหมือนแผ่นดินเดียวกันเลยน้า  ยิ่งตรึงกันไว้เยอะๆยิ่งดี...แค่นี้ทหารเฮียก็ไม่ต้องกลัวทะเลอีกต่อไป...

เฮ้ย  เข้าท่าว่ะ...โจโฉถูกใจ...แหมเฮียก็เข็มขัดสั้นอยู่ตั้งนาน...เฮ้ยทหาร  ลองไปทำตามที่อาบังบอกซิ

เรือหลายๆลำของโจโฉถูกตรึงเข้าด้วยกัน...ทหารซ้อมรบเรือก็ไม่โคลงตามคลื่น  จะจัดกระบวนสอดประสานช่วยรบกันยังไง  ก็ทำได้คล่องเหมือนอยู่บนแผ่นดิน...

โจโฉและขุนศึกทุกคน  ฟินมากกับทางออกนี้  ยกเว้นคนๆเดียว...

ยังจำเกรดเอคนแรก  ที่เคยอยู่กับเล่าปี่ได้มั้ย...ชีซี...ตอนนี้มาอยู่กับโจโฉ... แกก็เคยเตือนโจโฉไปทีนึงแล้ว  ตอนที่ขงเบ้งมาอยู่ใหม่ๆ...ด้วยความที่สติปัญญาระดับเดียวกัน  แกมองออกว่าบังทองกำลังวางแผนอะไร  ก็แอบไปกระซิบกับบังทอง

เฮ้ยบัง  มึงกะจะเผากองเรือโจโฉให้เรียบยังงี้  มึงไม่สงสารทหารเด็กๆมั่งเหรอวะ...เออ...กูก็สงสาร  แต่ทำไงได้วะ  มันเป็นหน้าที่  มึงเองก็หาทางเอาตัวรอดด้วยนาเว้ยเพื่อน...

เป็นอันว่า  หายนะปัจจัยของกองทัพโจโฉ  มี 2 อย่างแล้ว

...เรือถูกตรึงเข้าด้วยกัน...พร้อมเผา กับ  นายพลกายที่ซ้อนแผนแปรพักตร์...ก็พร้อมเข้าจุดไฟ...ขาดอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่สุด...และอยู่เหนือการควบคุมของมนุษย์เสียด้วย...

ลองนึกภาพสงคราม...กองทัพโจโฉอยู่ทางเหนือ...กองทัพจิวยี่อยู่ทางใต้...แม่น้ำขวาง...โดยปกติฤดูกาลนั้น ลมจะพัดจากเหนือลงมาทางใต้เสมอๆ...ซึ่งก็แปลว่าถ้าทัพทางใต้เอาไฟไปจุดทัพโจโฉ  ก็จะไม่ได้ผล  เพราะลมไม่ช่วยกระพือขึ้นไป

เรือที่ถูกตรึงเป็นผืนใหญ่  เหมาะแก่การเผารวมก็จริง...แต่ในอีกมุมนึง...ถ้าเทียบกับสมัยนี้  มันคือน้องๆเรือบรรทุกเครื่องบิน  ที่พร้อมจะนำทหารกองใหญ่ เข้ามาสร้างความฉิบหายให้กับทัพฝ่ายใต้เช่นกัน

จิวยี่ก็รู้เรื่องนี้...และก็เพิ่งคิดได้ว่า  แผนที่วางไว้แต่แรก  เสือคิดไปไม่สุดแล้วกำลังจะย้อนมาสร้างหายนะให้กองทัพตนเอง...ก็กลัดกลุ้มเป็นอันมากกกกก

ปัจจัยในการจะผลาญทัพโจโฉ  มี 2 ใน3 แล้ว...ขาดแต่ลมที่จะต้องพัดจากใต้ไปเหนือ  จึงจะครบถ้วน...แต่จะฝืนธรรมชาติยังไงล่ะ...ก็ฤดูนี้  ลมมันเหนือลงมาใต้ตะพึดตะพือ...

วันหนึ่งจิวยี่ขึ้นหอรบสังเกตการณ์...กลุ้มๆอยู่ว่า  ไอ้กูก็ดันส่งคนไปยุ  ให้ฝั่งนู้นมันผูกเรือเข้าด้วยกัน คราวนี้ล่ะซ้อมรบกันลื่นเชียวนะมึง...ทันใดนั้นก็มีลมกระโชกคันธงประจำตัวโจโฉหักตกน้ำลง

จิวยี่ชอบใจ  หัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่...นั่นไง  โจโฉมึงซวยแระ  ธงหักยังงี้มึงแพ้กูแน่...

ขำยังไม่ทันหมดเสียง...ลมหอบนั้นก็ข้ามฝั่งมากระโชกชายธงของจิวยี่ สะบัดมาฟาดหน้าอย่างไม่แรงนัก...จิวยี่ถึงกับร้องเจี๊ยก  แล้วล้มลงสลบทันที...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 12 July 2024, 15:08:46 »


moncheep siva
11 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ความเหนือมนุษย์ของขงเบ้ง  สุดที่จิวยี่จะเอื้อมไปถึง...บทท้ายๆของศึกผาแดง  คือบทเริ่มต้นของการเติบโตแห่งจ๊กก๊ก  ของเล่าปี่...
ขงเบ้งจะอ้อล้อและพลิ้วไหวไปตามสถานการณ์อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 23...

โถแม่ทัพผู้เปราะบาง  โดนชายธงสะบัดตีหน้าเข้าหน่อย  ถึงกับล้มตึงเชียวหรือ...

หาเป็นเช่นนั้นไม่...แต่เป็นเพราะลมหอบนั้นมันยืนยันว่า  ทิศทางลมยังคงมาจากเหนือลงใต้...ลมที่ยังคงขัดขวางความสำเร็จของเขา...และป้อมเรือลอยน้ำ ซ้อมกันเสร็จเมื่อไหร่...มันข้ามฝั่งมากระทืบแคว้นใต้จมทะเลแน่

จิวยี่ก็ถึงขั้นล้มป่วยเป็นไข้ใจ  โดยที่ไม่ปริปากระบายเอากับใคร...ก็ไม่รู้จะบอกไปทำไม  บอกไปก็ไม่มีใครช่วยได้...ได้แต่ตัดพ้อพระเจ้าอยู่ในใจ

ฝ่ายขงเบ้ง...ขานี้ก็ไม่รู้จะฉลาดไปถึงไหน  โดยเฉพาะกับจิวยี่เนี่ย...พอรู้ข่าวก็เข้าใจทุละปรุโปร่งไปถึงสาเหตุ  จึงสะกิดโลซกว่า  อั๊วนี่บังเอิญมีดีกรี M.D. อยู่เหมือนกัน...ไอ้โรคแบบที่แม่ทัพเป็นเนี่ย...พอรักษาได้อยู่...

โลซก...ที่ตอนนี้ขงเบ้งบอกอะไรก็ศรัทธาไปซะหมดแล้ว...ก็จูงมือขงเบ้งไปที่พักแม่ทัพ...จิวยี่นอนห่มผ้าครางฮือๆอยู่...

ทีแรกขงเบ้งถามอะไร  จิวยี่ก็ไม่ค่อยบอก...ก็เพราะเชื่อว่าบอกไปก็แค่นั้น...ขงเบ้งลองแย๊บๆไปว่า...ไอ้ที่ป่วยเนี่ย ข้ารู้นะ  เป็นเพราะธาตุลมหมุนเวียนไม่ได้ดังใจ...

จิวยี่ชักทะแม่งๆ...แต่ก็ตัดบทไปว่าเรื่องพรรค์นี้ใครมันจะฝืนธรรมชาติได้ล่ะ...

ขงเบ้งเผยต่อ...ถ้าธาตุลมหมุนย้อนได้ดั่งใจเมื่อใด  ธาตุไฟจะกำเริบแรงกล้าขึ้น...เมื่อนั้นโรคท่านก็จะหาย...

ถึงตรงนี้จิวยี่ยอมแพ้...ลุกขึ้นสารภาพกับขงเบ้งว่า  ที่ล้มหมอนนอนเสื่อเนี่ย เพราะกลุ้มใจเรื่องลม...แล้วถ้าลมยังไม่เป็นใจ  อีกไม่นานอาจจะโดนป้อมลอยน้ำ...ที่ตนเองก็ส่งคนไปยุให้ทำนั่นแหละ...ข้ามมาโจมตีเอาถึงแพ้สงครามได้...

ยังจำตอนไปหลอกเอาธนูฝั่งโจโฉได้ไหมครับ...ขงเบ้งมีตำราลมฟ้าพยากรณ์โคตรแม่น  เป็นอาวุธลับอยู่ในมือ...ก่อนมาก็แอบไปเปิดดูมาแล้ว...ตามตำราบอกว่า...อีก 7 วัน  จะเกิดความวิปริตของลมฟ้าอากาศ...ลมจะเปลี่ยนทิศพัดจากใต้ไปเหนือตามที่จิวยี่ต้องการ  และจะคงอยู่หลายวัน...

แต่เอ...ถ้าจะเผยตำรานี้ให้รู้  ต่อไปถ้ารบกันเดี๋ยวมันจะไม่เกรง...ขงเบ้งก็ตัดสินใจ  หลอกแม่งให้เห็นกูเป็นเทวดาไปเลยดีกว่า...ก็เลยบอกไปว่า  ตนเองได้เรียนรู้วิชาเรียกลมเรียกฝน...จะลองเรียกลมให้เอาไม๊...แต่ไม่รับปากน้า  ว่าได้ชัวร์ๆ

เอาซิคร้าบบบคุณพ่อเบ้ง  แหมถามด้ายยย...จิวยี่แทบจะหายป่วยลุกขึ้นกราบ...ถึงไม่ชัวร์แต่ก็ต้องลองกันล่ะ...แล้วต้องทำไงมั่งล่ะเตี่ยจ๋า

ขงเบ้งก็สุยๆไป...ต้องมีทหารกี่ร้อยคนแต่งชุดชุมนุมเทวดาสีนั้นสีนี้...ต้องก่อมูลดินสูงกี่ชั้นๆ...มีนั่นมีนี่...ส่วนทำเล  ก็เอาบริเวณที่...เคยนัดเล่าปี่ให้ส่งจูล่งมารับนั่นแหละ...

ท่านแม่ทัพเองก็เตรียมทหารให้พร้อมนะ  อีก 7 วันลมเปลี่ยนทิศเมื่อไหร่...ลุยทันที...แต่ระหว่างนี้...ห้ามรบกวน

แล้วขงเบ้งก็ลาไปทำพิธี...สุยๆ

จิวยี่จัดกระบวนทัพรอ  เผื่อขงเบ้งจะเรียกลมได้ผล...แต่ก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง...คนเราถึงจะฉลาดขนาดไหน  แต่ถึงกะเรียกลมเรียกฝนได้  นี่มันเกินไปลาม้างงง...

ตั้งวงป๊อกเด้ง  กินตังค์ลูกน้องฆ่าเวลามาได้เจ็ดวัน...อยู่ๆลมที่เคยพัดจากเหนือก็อ่อนแรงลง  จนสงบ...แล้วเสียงครืนครันก็ดังมาจากทิศใต้...ไม่นานชายธงทุกผืนก็ค่อยๆปลิว  จนสะบัดเหยียดตรงชี้ไปทางทิศเหนือ...สายลมแห่งชัยชนะได้พัดมาแล้ว...

วูบแรกที่เกิดขึ้นในใจจิวยี่  ไม่ใช่กระหยิ่มในชัยชนะที่จะเกิดขึ้น  แต่ขนลุกกับสติปัญญาที่เหนือความคาดหมายของขงเบ้ง...มนุษย์ตนนี้แม่งเกินไปแล้ว...ถึงขั้นเรียกลมได้อย่างใจ...ยังงี้ไม่ต้องรักษามารยาท  หรือเกรงใจอะไรกันแล้ว

คำสั่งแรกๆที่ออกไปพร้อมกับการเข้าโจมตีทัพเรือโจโฉก็คือ...จัดทหารฝีมือดีกลุ่มนึง  มุ่งหน้าไปที่ขงเบ้งประกอบพิธีโดยด่วน...เจอตรงไหนตัดหัวตรงนั้น...

แต่ขงเบ้งเอง  ก็เดาใจจิวยี่ล่วงหน้าได้อย่างเคย...คราวนี้แม่งเล่นกูตรงๆแน่...พอลมเริ่มโชยมาจากทิศใต้...ก็รู้ตัวว่าถึงเวลากลับบ้านอย่างเท่ๆแล้ว...ก็เดินลงมาจากที่ประกอบพิธี  ไปยังจุดที่นัดจูล่งเอาไว้...

แหม...นี่ถ้าเล่าปี่ลืม  หรือจูล่งมาผิดที่ล่ะ  สนุกละเบ้งเอ๊ย...

ขงเบ้งได้ลงเรือที่จูล่งมารับ  พอๆกับที่หน่วยล่าสังหารตามมาถึง...เรียกให้กลับขึ้นฝั่ง...ใครมันจะโง่กลับล่ะพ่อคุณ...

หน่วยสังหารลงเรือไล่ตาม...ถึงตรงนี้มีซีนพระเอกจูล่งได้โชว์บ้าง...ประกาศเลย  กูชื่อจูล่ง...ตามท้องเรื่องนี่กูเป็นพระเอกโคตรเก่ง  เพราะฉะนั้นอย่าตามมา...

อ้าวดื้อ  ยังตามมาใช่มั้ย...คันไม้คันมือเหลือเกิน  อีแค่ทหารหยิบมือเดียวอย่างพวกมึง  ไม่พอมือกูหรอก  แต่จะให้ซัดมึงให้ตาย  เดี๋ยวเจ้านายเราจะทะเลาะกันซะเปล่าๆ...งั้นแสดงฝีมือซะหน่อย...จูล่งยิงธนูไปตัดเชือกบังคับใบเรือของผู้ติดตาม...จนหมดสภาพจะบังคับต่อได้...หูยยย  กรี๊ดดดด...พี่จูล่งเก่งอีกแล้วอ้ะ...

ฝ่ายจิวยี่...เรียกระดมกองทัพเตรียมบุก  แต่ก่อนจะบุก...ชัวโฮ  มึงมานี่หน่อยดิ๊...ครับท่านแม่ทัพ  มีอะไรให้รับใช้...อั๊วขอยืมหน่อยสิ...ยืมไรครับ...ยืมหัวมึงเซ่นธงชัยหน่อย  กูรู้ตั้งแต่มึงมาแล้วว่ามึงอ่ะสปาย...ตัดหัวชัวโฮฉับ  แล้วกองทัพจิวยี่ที่กระเหี้ยนกระหือมาหลายวัน  ก็ออกจู่โจม...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #3 on: 12 July 2024, 15:09:38 »


moncheep siva
12 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

เล่าเรื่องสามก๊ก  เดินทางมาถึงครึ่งเรื่องแล้วนะครับ...ความพ่ายแพ้ของฝั่งโจโฉ  ถือว่าอยู่ในขั้นวินาศสันตะโรอีโต้บินเลยทีเดียว...และการเก็บเกี่ยวดอกผลของสงคราม  จะเริ่มต้นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 24...

มาดูอีกฝั่งมั่ง...ทางกองทัพโจโฉก็รออยู่ว่า  เมื่อไหร่นายพลกาย  จะพาพรรคพวกข้ามมาสวามิภักดิ์...มีคนส่งซิกว่า วันนี้มาแน่...โน่น  เรือเป็นสิบตะบึงข้ามแม่น้ำมา  แต่พอเพ่งมอง...เฮ้ย  ทำไมมันแล่นเร็วกันจังวะ  แล้วเรือก็ดูเบาๆไม่ค่อยกินน้ำลึกยังไงพิกล...

ส่งทหารออกไปห้าม...เดี๋ยววว  หยุดก่อนอย่าเพิ่งเข้ามา...กลับโดนฟันคอขาดตกลงน้ำ...แล้วเรือทั้งหลายที่คิดว่าจะขนอาวุธ  เสบียงกรังมาให้  กลับกลายเป็นเรือที่บรรทุกเชื้อเพลิงมาเต็ม ก็ถูกจุดไฟขึ้นทั่วทุกลำ...แล่นเข้าปะทะกองเรือโจโฉ  ไฟก็ติดขึ้นหลายลำเรือ...

ถึงตอนนี้ก็เกิดภาพเจ๊กตื่นไฟขึ้นทั่วทั้งทัพเรือ...ไอ้เรือที่ถูกโซ่โยงเข้าด้วยกัน ทำให้ไฟลามถึงกันได้ง่าย  จะแยกตัวหนียังไงก็ทำไม่ได้  ทหารบางคนก็พะวงแต่จะตัดโซ่  จนไม่เป็นอันสู้รบกับทหารจิวยี่ที่ "ไฟติดถึงไหน  ทหารจิวยี่ก็ตามไปถึงนั่น"...

โจโฉเองก็ได้แต่ล้งเล้งๆ  สั่งการอะไรไม่เป็นชื้นเป็นอัน...เดี๋ยวก็วิ่งขึ้นเรือนั้น เดี๋ยวก็กระโดดลงเรือนี้อย่างวุ่นวาย...จนสุดท้ายต้องยอมขึ้นบก...จับม้าได้ก็ควบหนีไปกับกองทหารองครักษ์...ปล่อยทัพเรือทั้งหลายอยู่เผชิญชะตากรรมเอาเอง

กองทัพโจโฉหนีกันตาปลิ้น  ยังกับหนูหนีน้ำ...ทัพฝ่ายใต้นำโดยจิวยี่  ก็เป็นฝ่ายไล่ตามเพื่อตีให้หมอบ...และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่จะได้จากการชนะสงครามครั้งนี้...

แต่ระหว่างที่ฝ่ายนึงไล่  ฝ่ายนึงหนี...ขงเบ้ง  ผู้คาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำว่าสงครามจะจบลงยังไง และเมื่อไหร่...ก็เมื่อมองเห็นฉากฟินาเล่ราวกับเป็นผู้เขียนบทเช่นนี้  ทำไมจะไม่วางแผนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากความฉิบหายของโจโฉครั้งนี้เล่า...

...จึงเมื่อกลับไปถึงกองทัพจุ๋มจิ๋มของเล่าปี่...น้ำท่ายังไม่ต้องอาบ  ก็มอบหมายให้ทหารเอก  ที่มีอยู่แค่สามหน่อ...จูล่ง  เตียวหุย  และกวนอู...แยกย้ายกันออกปฏิบัติการ "ฉวยโอกาส" ทันที...

ปกติสงครามสมัยโบราณ  ถึงจะมีการถอยทัพ  ก็ต้องถอยกันอย่างเป็นขบวน เพื่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด...

แต่ที่โจโฉหนีญะญ่าย  พ่ายจะแจคราวนี้...มันฉุกละหุกถึงขั้นว่า  กางเกงในแทบจะไม่ได้นุ่ง...กองทัพแปดแสนสามหมื่นคน  เหลือกะรุ่งกะริ่งตามโจโฉมาได้ไม่เท่าไหร่  ใครหัวขบวน  ใครท้ายขบวนไม่รู้ล่ะ...หนีเอาตัวรอดให้ได้ก่อน...

...ระหว่างที่ทัพโจโฉหนีทุลักทุเล  ทหารแคว้นใต้ก็ไล่ล่าอย่างสนุกสนาน...ทั้งสองฝ่ายไม่รู้เลยว่า  กำลังเล่นตามบทของสุดยอดโค้ช  ที่เหมือนเปิดเพลงให้สองฝ่ายเต้นตาม...

อย่างที่บอก...ในเมื่อขงเบ้งคาดการณ์ออกว่า  สงครามจะจบยังไงและเมื่อไหร่  ประกอบกับรอบรู้ผืนแผ่นดินจีนทั่วทุกตารางเมตร  ราวกับอินสตอลกูเกิ้ลแมพเข้าไปไว้ในหัว...ก็เลยเป็นเรื่องง่ายสำหรับขงเบ้ง  ที่จะวางแผนให้ทหารเอกของตน  รอดักปล้นโจโฉ ณ จุดต่างๆ...ตามลำดับไป...

เดาว่าคนแต่งสามก๊ก  อาจจะตั้งใจให้ฉากโจโฉโดนดักปล้นนั้น  มีความฮาอยู่ไม่น้อย...ก็พอหนีกระเซอะกระเซิงมาพลบค่ำที่ตำบลหนึ่ง  ต้องหยุดพัก...อยู่ดีๆโจโฉก็หัวเราะแบบผู้ร้ายหนังไทยออกมา...

ลูกน้องก็ถามว่า  หัวเราะทำไมเสียใจจนเพี้ยนหรอ...โจโฉก็ตอบว่า...นึกขำสติปัญญาของจิวยี่กับขงเบ้งยังอ่อนนัก(เพิ่งตีทัพมึงแตกมาเนี่ยนะ)...ถ้าเป็นเฮียนะ จะเอากองทัพมาดักตรงนี้  รับรองปล้นได้อีกบาน...

ขาดคำ  เสียงประทัดให้สัญญาณก็ดังขึ้น...ทัพกระรุ่งกระริ่งของโจโฉถูกโจมตี  หัวหน้าทีมจู่โจม  หน้าขาวสวมเกราะเงินขี่ม้าขาว  ใครเห็นที่ไหนก็จำได้...จูล่ง

...ก็วงแตกสิครับ  จะเอากะใจที่ไหนไปสู้...ทหารเอย  ม้าเอย  อาวุธเอย จำนวนมากก็ถูกจับถูกยึด...ตัวโจโฉเองหนีเอาตัวรอดมาได้กับลูกน้องไม่มากนัก

...หอบหิ้วบุกป่าฝ่าดงมาตลอดคืน...พอเช้าที่ตำบลหนึ่ง  ไม่ไหวแล้วต้องหยุดพักหุงหาอาหาร...

จุดไฟตั้งหม้อข้าวได้...ลูกน้องก็มีเรื่องให้เสียวอีก...เพราะโจโฉหัวเราะอีกแล้ว...ขงเบ้งกับจิวยี่แม่งโง่ว่ะ...ถ้าเป็นกูนะ  จะเอาทหารมาดักปล้นอยู่ตรงนี้...

พูดขาดคำ  กองทหารกระหายเลือด นำโดยเตียวหุยโผล่ออกมาตามคำเรียกร้อง...ข้าวปลาไม่ต้องแดกกันล่ะ...โจโฉกับลูกน้องนับตัวได้ขึ้นม้าเผ่นแน่บ...ที่เหลือก็ถูกจับถูกฆ่าไปตามระเบียบ...

วิ่งหนีกันมายังกะบ้านผีปอบ...นี่ถ้าไม่ติดว่าขี่ม้า  คงเห็นโจโฉหนีลงตุ่มกันบ้างล่ะ...จนถึงตำบลหนึ่งก็หยุดพัก...ยัง...โจโฉยังไม่เข็ด  หัวเราะอีกครั้ง...ลูกน้องแทบจะเข้าไปกราบตีน...เจ้านายคร้าบบบ  หัวเราะมาสองรอบ  วิ่งกันป่าราบทั้งสองครั้ง...ขอร้องเหอะ พอแล้ว...

รอบนี้พอหัวเราะจบ...ไฟดับ  ม่านเปิด ฟอลโล่วจับ  แถ่น ทา แท้นนนน..."เฮ่ลโล่วววว  โจโฉ... ฮาวอายู้ว"...กวนอูเปิดตัวทักทายเสียงนุ่มเชียว...

โจโฉรีบยืนตรงตอบไป"ฟาย  แต๊งกิ้ว แอ่นยู้ว"...

...แอมฟาย  ไอแอม  จะมาเอาหัวยูล่ะน้าาา...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #4 on: 12 July 2024, 15:10:34 »


moncheep siva
13 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

สามก๊กเกือบจะไม่ได้เป็นสามก๊ก  เมื่อโจโฉต้องมาเผชิญหน้ากับกวนอูแบบตัวต่อตัว...เขาเอาชีวิตรอดจากคมง้าวได้ด้วยวิธีไหน  และสถานการณ์นี้  จะสร้างวีรบุรุษอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 25...

กวนอูกะโจโฉนี่  เขามีซัมธิ่งกันอยู่เกี่ยวกับเรื่องติดค้างบุญคุณ  ตั้งแต่สมัยที่สามพี่น้องพลัดพรากกัน...

เท้าความสั้นๆก็คือ  โจโฉกำลังซัดกับกองทัพอ้วนเสี้ยว  แล้วอ้วนเสี้ยวก็มีสองขุนทวนผู้ยิ่งยง  บุนทิว กับ งันเหลียง  ที่ถลุงทหารเอกฝ่ายโจโฉซะแทบหมดกองทัพ...

โจโฉไม่มีทางเลือก  ก็ต้องไหว้วานกวนอู  ที่มาอยู่ในฐานะกึ่งๆเชลยศึก  ลากง้าวออกมาจัดการ...สองนักทวนผู้ยิ่งยงก็ลาโลกไป...

กวนอูถือว่า  การฆ่าบุนทิวกับงันเหลียงนี้  เป็นการตอบแทนบุญคุณโจโฉจนไม่มีอะไรติดค้างกันแล้ว...โดยไม่รอคำสั่งปล่อยตัว  กวนอูก็พาครอบครัวเล่าปี่  ยกขบวนออกจากทัพโจโฉ...

...มันมาเหนื่อยก็ตรงที่  กว่าจะออกมาได้  กวนอูต้องฝ่าด่านทหารถึงห้าตำบล  ที่ก็ไม่ยอมปล่อยให้กวนอูออกไปได้  เพราะถือว่ายังไม่ได้รับคำสั่งจากนายเหนือ...

...ก็ไม่มีใครบอกได้ว่า  ทหารห้าตำบลเนี่ยมันเยอะขนาดไหน...ก็ขอประมาณเอาเองว่า  ตำบลนึงก็ซักกองพันนึงมั้ง...ฝ่าห้าตำบลนี่ก็แปลว่าต้องสู้กับทหารหลายพันอยู่...

คนเดียวควงง้าวสู้ตาย  จนธนูปักหลังเลือดอาบ...จนมาถึงด่านสุดท้าย  โจโฉถึงให้คนถือคำสั่งปล่อยตัวเอามาให้  ทำให้กวนอูรอดออกมาได้...ตรงนี้เค้าก็ถือว่า  มีการติดค้างหนี้บุญคุณกันอยู่...

เรื่องนี้เค้ารู้กันทั้งบาง...ก่อนจะอาสามาดักปล้นในจุดที่สามนี้...ขงเบ้งก็เลยดักคอเอาไว้ก่อนว่า  โจโฉเคยมีบุญคุณกับท่าน  แล้วท่านจะกล้าฆ่าโจโฉหรือ...

กวนอูก็รับประกันว่า  ถ้าเจอแล้วไม่ฆ่าโจโฉ...กลับมายอมให้ตัดคอตนเองเลย...

พอมาเผชิญหน้ากันจริงๆ  และไม่มีทางหนีพ้น...โจโฉก็ทวงบุญคุณทันที...จำได้มั้ย  จดหมายรัก เอ๊ยไม่ใช่  คำสั่งปล่อยตัวที่ทำให้ท่านรอดด่านตำบลสุดท้ายมาได้...โจโฉลำเลิกเป็นการใหญ่...เพื่อรักษาหัวตนเองไว้

กวนอู...บุคคลในประวัติศาสตร์  ที่ชาวจีนหลายคนยกย่องให้เป็นเทพเจ้า...ก็ยอมกระทำในสิ่งที่น้อยคนนักจะทำ...คือปล่อยโจโฉ...ทั้งที่รู้ว่าตัวเองเดิมพันอะไรไว้...ยอมตายดีกว่ายอมทำสิ่งที่ขัดคุณธรรมในใจ...

ผลประกอบการสงครามคราวนี้ของโจโฉ...ยกทัพมาแปดแสนสามหมื่นคน...ตอนกลับรอดจากน้ำมือกวนอูผู้มีอุดมการณ์ไปได้กะร่อยกะหริบถึงบ้านไม่ถึงสามสิบคน...

ส่วนกวนอู...ก้มหน้ากลับไปรับความตายตามที่เดิมพันไว้...แต่...ขงเบ้งหัวเราะ...ไม่ต้องหรอกท่านกวน  ข้ารู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมายังไง  ก็ที่ส่งไปเพื่อให้ท่านทดแทนบุญคุณโจโฉให้หมดสิ้น...ต่อไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเกรงใจกันอีก...

เป็นอันว่ากวนอูรอดไป...แต่ก็แหมมมม...กองทัพใช่ว่าจะใหญ่...ทหารเอกก็มีแค่สามคน  จะมานั่งตัดหัวกันเล่น เพราะเดิมพันบ้าๆบอๆ...มันก็ดูไม่เข้าท่าเลย

ปฏิบัติการฉวยโอกาสของทีมขงเบ้ง ยังไม่หมดแค่นี้ครับ...นี่มันแค่ปล้นคนปล้นม้า  จิ๊บมาก...ต่อไปเป็นการฉวยโอกาสปล้นเมืองกันเลยทีเดียว...

ย้อนกลับไปตอนที่โจโฉไล่ยำเล่าปี่ ตั้งแต่เหนือลงมา  ก่อนจะมาเจ๊งบ๊งเมื่อเจอแคว้นใต้นั้น...แกก็กวาดต้อนเอาเมืองรายทาง  มาไว้ใต้อุ้งตีนหลายเมือง

พอถึงเวลาหนี  แม้โจโฉจะเผ่นป่าราบขนาดไหน...แต่กำลังทหาร  ขุนศึกต่างๆ  ที่ยึดเมืองก็ยังยึดอยู่...ตรึงกำลังต้านการติดตามของฝ่ายจิวยี่...

จิวยี่เองตอนนี้เป็นช่วง counter attack ก็พยายามจะตีเมืองรายทางยึดมาจากโจโฉให้ได้...ซึ่งมีเมืองสำคัญๆอยู่สามเมือง

สองเมืองแรก  อย่าไปจำชื่อมันเลยแล้วกัน...สมมุติว่าชื่อเมือง เอ  กะเมือง บี...ส่วนเมืองที่สามนี่สำคัญสำหรับตอนต่อๆไป  จำชื่อไว้หน่อยชื่อเมือง  เกงจิ๋ว

(ลงท้ายว่าจิ๋วนี่  ผมสันนิษฐานว่าคงเหมือนคำว่า นคร  หรือ city เพราะในสามก๊กนี่มีหลายจิ๋วเหลือเกิน...เกงจิ๋ว...ชีจิ๋ว...กิจิ๋ว...)

ตอนแรก  ขงเบ้งทำท่าจะตะกายกำแพงเมือง เอ อยู่เหมือนกัน...โดนจิวยี่ตบกบาลเข้าให้...เฮ้ย  อีเบ้ง  มึงไม่เกี่ยว...กูอุตส่าห์ลงทุนลงแรง  ฟัดกะโจโฉขนาดนี้...เมืองนี้กูตีเอง...โน่น  มึงไปเล่นตรงนู้นไป๊...

ขงเบ้ง แอนด์เดอะแก๊งส์  ก็เลยแกล้งเดินคอตกไปซุ่มเงียบรอจังหวะ...

แล้วก็มีจังหวะลูกเข้าตีนขงเบ้งจังๆ...ก็เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น...

...รบกันไปรบกันมา   อ้าว  จิวยี่พลาดท่าโดนธนูเข้าที่ขา  ถึงกับต้องหอบหิ้วกลับเข้าค่าย...สาหัสไม่น้อย  เพราะเป็นธนูอาบยาพิษ...ถ้าโกรธเกรี้ยวอะไรขึ้นมา  อาการจะกำเริบ

ทหารรองๆ  เห็นนายอาการไม่ดีก็ปิดค่าย  ไม่ออกรบ...ทหารเมือง เอ  ซึ่งเป็นฝั่งโจโฉ...ก็ออกมาแห่กลองยาว  เล่นลำตัดท้าทายถึงหน้าค่าย...แต่จะเยาะเย้ยถากถางขนาดไหน...ทหารจิวยี่ก็ยังเฉย

ปล่อยจิวยี่นอนซมในค่ายก่อน  พรุ่งนี้ค่อยมาต่อนะครับ...เขียนต่อเดี๋ยวยาวไป  อิอิ

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #5 on: 12 July 2024, 15:12:07 »


moncheep siva
14 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ความเหนือชั้นของขงเบ้ง  ได้ข่มคู่แข่งอีกวาระหนึ่ง...สามเมืองที่ฝ่ายจิวยี่ลงทุนลงแรง  กระหน่ำตีเกือบตาย  กลับถูกขงเย้งปาดหน้าไปกินอย่างเจ็บแสบ
กลยุทธ์ขี่คอคู่แข่งจะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 26...

จิวยี่นอนซม  เพราะพิษธนูอยู่ในค่าย...จนวันนึง  เสียงที่มาท้าตีท้าต่อยดังไปเข้าหูจิวยี่...เฮ้ย  ใครมาเอะอะหน้าค่ายกูวะ...เอ่อ...ไอ้ฝั่งนู้นมันคงมีบวชนาคมั้งครับนาย...จิวยี่เอาถาดฟาดหัว...ไม่ใช่ตลกคาเฟ่นะมึง...กูถามจริงๆ...

อ่า...เมืองเอมันมาท้าทายครับ...ผมเห็นนายยังเดี้ยงอยู่  ก็เลยไม่ออกรบ...

ตรงนี้คำตอบของจิวยี่  ถือว่าน่าคารวะในหัวใจชายชาติทหารเป็นอย่างยิ่ง...

จิวยี่โกรธลูกน้องมาก...มึงไม่ต้องมาห่วงกู...พวกเราเป็นทหาร  มีหน้าที่รับใช้บ้านเมือง...ถึงกูจะตายระหว่างรบ  ก็ให้เอาอานม้าปิดศพไว้  แล้วเร่งทำการต่อไป...

...หัวใจพี่หล่อมาก...

จิวยี่เข้าเกราะ  กุมทวน  ขึ้นม้า  นำทหารออกหน้าค่าย...ฝ่ายเมือง เอ  พอเห็นก็ทักทันที...ว้ายยย  ไม่เห็นหน้าตั้งนาน  ไปเฉาะมารึไงยะนังจิว  ได้ข่าวว่าจะเปลี่ยนสายไปเป็นขันทีล่ะสิ  แล้วนี่แผลหายดีแล้วหรอ...คิกๆๆๆ

จิวยี่เลือดขึ้นหน้า  โผนม้าจะเข้ารบ...ผลคือ  พิษธนูกำเริบ...สลบตกม้า ลูกน้องต้องหอบหิ้วเข้าค่าย...คราวนี้เดี้ยงกว่าเก่า...

แต่ถึงร่างกายเดี้ยง  สมองยังดีอยู่...จิวยี่เลยคิดอุบาย  เรียกลูกน้องมา...เฮ้ย ไหนๆกูก็ตกม้าให้มันเห็น...พวกมึงไปประกาศเลยว่ากูตายแล้ว...ให้นุ่งขาวห่มข่าวทั้งกองทัพนะ...กูว่าเดี๋ยวได้เรื่อง

ฝ่ายเมืองเอ...ตอนเช้าจิวยี่ก็ร้องเจี๊ยก ตกม้ากันเห็นๆ...พอบ่ายทหารทั้งกองยังนุ่งขาวห่มขาวกันหมด...อันนี้สงสัยจะตายจริง...อิอิ  นายมึงไม่อยู่แล้ว...เมือง เอ จึงวางแผนจะเข้าปล้นค่ายจิวยี่ในคืนนี้

แล้วก็เข้าทางจิวยี่สิฮะ...เมือง เอ ถูกหลอกให้มาปล้นค่ายตอนกลางคืน...ผลคือ  ต้องวิ่งตับแลบกลับไป

แล้วระหว่างนี้  ขงเบ้งทำอะไรล่ะ...ก็คอยสอดแนมสิ...สอดแนมแล้วยังไง...
...มันก็เป็นยังงี้...คือระหว่างที่จิวยี่ กำลังมะรุมมะตุ้มปล้ำกับเมือง เอ อยู่...ขงเบ้งก็วางสายไว้  รับรู้ตลอด...

รบกันกี่ยก  ก็รู้...จิวยี่โดนธนู  ก็รู้...จะเข้ารบ  แต่ดันสลบตกม้า  ก็รู้...คราวนี้พอกองทัพจิวยี่  พากันมานุ่งขาวห่มขาว  ร้องห่มร้องไห้กันว่าแม่ทัพตาย...

ขงเบ้งแปลงร่างเป็นหมอลักษณ์  ฟันธงเลย...คุณหลอกดาวร้อยเปอร์เซ็นต์...

ก็กองทัพบ้าที่ไหน  รบๆกันอยู่  แล้วเกิดแม่ทัพตาย...เขามีแต่จะปกปิด  ไม่ให้ข้าศึกรู้...แต่ไอ้ทัพจิวยี่นี่ดันพากันแต่งขาว  ประกาศตัวซะขนาดนี้...สำหรับขงเบ้ง  มันชัดเจน...แล้วถ้าไอ้เมือง เอหลงกล...งานนี้สนุกแน่นวล

ทัพขนาดจุ๋มจิ๋มน่ารักของขงเบ้ง  ก็เลยไปแอบตะคุ่มๆอยู่ข้างทาง...พอเห็นทัพเมือง เอยกออกไป  จะไปปล้นค่ายจิวยี่...ก็เข้าแผนพอดี...

กะเวลารอสักหน่อย  ก็แกล้งทำตาลีตาเหลือกย้อนกลับไปที่กำแพงเมือง เอ...ปลอมตัวว่าเป็นทหารที่เพิ่งยกออกไป...เฮ้ยๆๆๆๆ   เปิดประตูเว้ยเพื่อนฝูง...พวกเราถูกหลอก  นี่ทหารจิวยี่แม่งตามมาติดๆเลย  ช่วยด้วยเว้ยๆๆๆ  ไม่งั้นตายโหงกันหมดแน่...

ฝั่งทหารในเมือง เอ...ด้วยความที่มืดก็มืดมองลงไปไม่รู้ว่าใช่เพื่อนตัวเองรึเปล่า...แถมทหารข้างล่างก็เล่นใหญ่ไฟกระพริบซะขนาดนั้น...เลยเปิดประตูรับ...ก็เสร็จขงเบ้งสิครับ...เข้ายึดเมือง เอได้อย่างง่ายดาย

หันมาดูทางจิวยี่...กำลังสนุกสนานได้ซ้อนกลเมือง เอ...ก็ไล่กระทืบติดตามมาอย่างเมามัน...พอมาถึงกำแพงเมือง...พวกทหารของเมืองเอง  ก็เข้าเมืองไม่ได้เพราะโดนฝ่ายขงเบ้งยึดไว้แล้ว  ก็แตกกระจายไป...จิวยี่ก็นึกว่าหวานหมูแล้ว...สั่งทหารยกทัพเข้าประชิดกำแพงเมือง...

แป๊บเดียว  ทหารกลับมารายงาน...นายครับ  ที่กำแพงเมืองชักธงประจำตัวเล่าปี่อยู่ครับ...

จิวยี่ถึงกับอ้าปากค้าง...งงเด้  งงเด้...เฮ้ย  มันเป็นไปได้ยังไง  กูรบกับพวกโจโฉอยู่นะเว้ย  แล้วเล่าปี่มันโผล่มาจากไหนวะ...ต้องออกไปดูด้วยตาตนเอง

พอไปถึง  ก็เจอจูล่งโผล่หน้ามาบอกอย่างสุภาพว่า...เอ็กซ์คิ้วซ์หมี  ท่านจิว...เล่าปี่นายข้า  สั่งให้ข้ามายึดเมืองได้แล้ว...ถ้าท่านอยากได้...ต้องตีเอาเอง  ของฟรีไม่มีในโลกนาจา...

จิวยี่ตกใจยังกะผีหลอก  พอตั้งสติได้ก็นึกไปถึงอีกสองเมือง...เมือง บี  และเกงจิ๋ว...เรียกระดมทหารทันที...เฮ้ยพวกมึง  ไม่ต้องพัก...จัดทัพไปตีเมือง บีกับเกงจิ๋ว ณ บัดนาว...เดี๋ยวไม่ทันไอ้เบ้งมัน...

ยังไม่ทันได้จัดกระบวนทัพ  กองลาดตระเวนก็มารายงาน...นายครับ  เมืองบี กะเกงจิ๋ว...เล่าปี่คาบไปแด๊กซ์แล้วเหมือนกันขอรับ...

ยิ่งกว่าผีหลอก...ไม่รู้จะเทียบว่าจิวยี่ตกใจขนาดไหน...ถ้าเป็นวงดัมมี่ ขงเบ้งก็นั่งเฉยๆ  แล้วก็จั่วน๊อคมืดซะยังงั้น...

มันเป็นไปได้ยังไงกัน...กูรบแทบเป็นแทบตาย  ไม่ได้ซักเมือง...ขงเบ้งแม่งโผล่มาจากไหนวะ  ปล้นเมืองให้เล่าปี่ได้ทั้งสามเมือง...

ความจริงก็คือ...เมืองทั้งสามเขาเป็นแฟนไชซ์ของโจโฉด้วยกันอยู่...เมื่อขงเบ้งได้เมือง เอแล้ว  ก็เอาตราสำคัญจากเมือง เอ ไปเรียกระดมทหารออกมาจากเมืองที่เหลือทั้งสอง  ระดมมาหมดเรียกว่ารปภ. ก็ไม่ให้เหลือ...แล้วก็ส่งกวนอู  เตียวหุย  ไปตีเอาได้โดยง่าย...

แสบมั้ยล่ะขงเบ้ง...มีแสบกว่านี้อีก...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #6 on: 12 July 2024, 15:12:58 »


moncheep siva
15 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

การชิงเมืองด้วยกำลัง  ไม่ประสบผลสำเร็จ...ฝ่ายจิวยี่และซุนกวน  หันมาดำเนินการใหม่ด้วยแผน "หญ้าอ่อนซ่อนดาบ"...
โคแก่เล่าปี่  จะหลงงับหญ้าอ่อนจนดาบทิ่มคอตายหรือไม่...ขงเบ้งจะมีวิธีตอบโต้อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 27...

ถึงตรงนี้ กลุ่มเล่าปี่ก็เรียกว่ามีน้ำมีนวลขึ้นเยอะ กำลังวังชาแข็งกล้า ไม่ใช่ใครจะมารังแกง่ายๆ...จากที่กะเร้อกะรัง หนีลงตุ่มมาเรื่อย...ตอนนี้มีบ้านมีเมืองอยู่กะเค้าบ้างเหมือนกัน อย่างน้อยๆก็สามเมือง...โดยเฉพาะ เมืองใหญ่ๆอย่างเกงจิ๋ว

เกงจิ๋วนี้...ฝ่ายซุนกวนก็อ้างสิทธิ์ว่า ลงทุนรบกะโจโฉมาแทบเป็นแทบตาย เมืองนี้คือรางวัล...

เล่าปี่ก็อ้างว่า...ของญาติอั๊ว...อั๊วต้องช่วยดูแล...

ลองนึกภาพว่า สองฝ่ายยื้อยุดฉุดกระชากกันเอาเป็นเอาตาย...แต่หน้าตาต้องทำเป็นยิ้มแย้มมุ้งมิ้ง ห้ามด่าเสียงดังใส่กัน...เพราะถ้าเอะอะไปถึงโจโฉ...อีจะวนกลับมาแก้แค้น...

อึมครึมกันอยู่ไม่ทันไร ก็มีเรื่องแทรก...เมียเล่าปี่ดันมาตายซะยังงั้น...ซุนกวนกะจิวยี่รู้ข่าวนี้ ก็สุมศีรษะคิดแผนชั่วขึ้นมาทันที...

ด้วยว่าซุนกวนมีน้องคนนึง ชื่อ ซุนหยิน...เป็นน้องคนละแม่ สวยระดับเน็ตไอดอล...แต่ก็เชี่ยวชาญอาวุธ เก่งเรื่องการรบ แถมยังมีกองทหารหญิงส่วนตัวซะด้วย...อายุอานามก็ยังวัยรุ่น...

แผนที่สองหนุ่มซุบซิบกันคือ...จะแกล้งยกซุนหยินให้เล่าปี่  แล้วให้ข้ามแม่น้ำมาแต่งกันที่นี่...พอล่อเล่าปี่ข้ามมาแคว้นใต้...ก็จะจับฆ่าซะ

ส่งพ่อสื่อข้ามเรือมาเกงจิ๋ว...เจรจายกน้องสาวซุนกวนให้...เล่าปี่ใจนึงก็เคลิ้ม อีกใจก็ลังเล...หญ้าอ่อนอันนี้เคี้ยวแล้วจะฟันหักป่าวหว่า

ขงเบ้งที่นั่งร่วมโต๊ะเจรจาด้วย ก็ส่งซิก...รับเลยท่านพระโค...เล่าปี่ก็...เออๆๆๆ รับก็รับวะ...ก็ดีเหมือนกัน ท่าทางหญ้าอ่อนจะหวานนุ่มลิ้น...

พอพ่อสื่อกลับไป...เล่าปี่ก็ถามขงเบ้งว่า...ลื้อแน่ใจหรอ ว่าไม่ลับลวงพราง...

ขงเบ้งบอก...ชัวร์...ลับลวงพรางแน่นอน...แต่ผมจะวางแผนให้เฮียได้หม่ำๆหญ้าอ่อนอย่างปลอดภัย...เชื่อเบ้งเหอะ...

ขงเบ้งมอบหมายให้จูล่งคุมทหารกองนึง ติดตามไปอารักขาด้วย...นอกจากนี้แล้ว แล้วพ่อหลอกว้านจง...คนแต่งสามก๊ก...แกกลัวจะไม่นิยายพอ...ก็เลยเขียนบทให้ขงเบ้งวางแผนล่วงหน้าไว้ ราวกับเทพยดา...เขาทำแบบนี้ครับ

ขงเบ้งเขียนจดหมายสามฉบับ ใส่ถุงแพรสามใบ...กำหนดไปเลยว่า ถึงเวลาไหน ให้เปิดถุงใบไหน...แล้วให้ปฏิบัติตามที่จดหมายเขียนไว้...
ไงล่ะ...เก่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว...

เมื่อถึงวัน...เล่าปี่ก็ข้ามไปแคว้นใต้ พร้อมจูล่งและกองทหารอารักขา...แต่การแต่งงานของคนระดับเจ้าเมืองเนี่ย...ไม่ใช่ไปเช้า เย็นอวยพร ค่ำกลับบ้าน...มันต้องมีพิธีกันหลายวัน...

พอถึงแคว้นใต้ปั๊บ...จูล่งก็เปิดถุงแพรฉบับแรกตามกำหนด..แล้วก็ดำเนินตามแผน...

ถ้าเป็นสมัยนี้มันคือการปั่นกระแสในsocial media...แต่สมัยนั้นเค้าใช้ทหารลูกน้องจูล่งห้าร้อยคน แต่งตัวอย่างหล่อ ไปเดินซื้อของตามตลาด...

พ่อค้าแม่ขาย  เห็นหล่อเปรี้ยงเดินมาเป็นกลุ่มก็ชวนคุย...อ๋อ  ที่จัดเต็มกันมายังงี้  เพราะพวกข้ามากับท่านเล่าปี่...ท่านเล่าปี่จะมาเป็นน้องเขยเจ้าเมือง...เรียกว่าปั่นให้เป็น talk of the town กันเลย...

อีกทางนึง ก็พาเล่าปี่เข้าพบบุคคลสำคัญของแคว้นใต้...ท่าน เกียวก๊กโล่...

เกียวก๊กโล่ท่านนี้ สำคัญตรงที่เป็นบุพการีของเกียวใหญ่ และเกียวน้อยเมียจิวยี่...แต่ก็มีความสับสนในสามก๊กหลายฉบับ...บ้างว่าเป็นหญิง...แบบนี้ก็ต้องเป็นแม่ยายจิวยี่...แต่บางฉบับว่าเป็นชาย...ถ้าแบบนี้ก็เป็นพ่อตาจิวยี่...

งงแฮะ...แต่ดูจากหลักฐานประกอบ...ผมเอียงไปข้างเป็นพ่อตามากกว่า...

เอาเป็นว่าเล่าปี่ก็ได้เข้าคารวะท่านเกียว...ท่านเกียวก็งงๆว่าเล่าปี่ ลื้อมาทำไมเนี่ย...ก็จะมาเป็นน้องเขยซุนกวน มาแต่งงานกับซุนหยินไง...

อ้าวเฮ้ย...ข่าวใหญ่แบบนี้ทำไมอั๊วเพิ่งรู้...ท่านเกียวก็รีบแจ้นไปแสดงความยินดีกับท่านง้อ...แม่ซุนหยิน แม่เลี้ยงซุนกวน...

โหยยย...เจ้อ้ะ...จะแต่งลูกเขยคนดังระดับเล่าปี่ ไม่เห็นบอกกันก่อนเลย...นี่เล่าปี่มาหาอั๊วเองนา ถึงได้รู้...

ท่านง้อก็ตกใจ...อยู่ๆจะได้ลูกเขยไม่รู้เนื้อรู้ตัว...เฮ้ยท่านเกียวเอาข่าวมาจากไหน...เชคข่าวหน่อยซิ...เปิดเฟสดู  ตายห่านยอดแชร์เป็นหมื่น...นี่คนเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองเลยหรอเนี่ย...

มันยังไงกันวะ อยู่ๆจะยกลูกสาวกูให้เล่าปี่ แล้วไม่บอกกู...ไปเรียกซุนกวนมาคุยหน่อยซิ...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #7 on: 12 July 2024, 15:14:07 »


moncheep siva
16 ก.พ. 2019 เวลา 17:13 • บันเทิง

แผนล่อเล่าปี่เข้าไปรุมฆ่าในแคว้นใต้  ต้องเป็นหมัน...จิวยี่กับซุนกวน  ต้องเปลี่ยนมาใช้แผน "ข้าวสารทับหนู"...
เล่าปี่จะตะกายขึ้นมาจากถังข้าวสารได้หรือไม่  อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 28...

ท่านง้อ หรือชื่อเต็มๆคือ ง้อก๊กไถ่...นอกจากเป็นแม่แท้ๆของซุนหยิน แกยังเป็นน้าของซุนกวน แล้วก็เลี้ยงดูซุนกวนมาตั้งแต่เล็กจนเป็นเหมือนแม่แท้ๆ...ทรีอินวันขนาดนี้...แน่นอน ซุนกวนย่อมต้องให้ความเคารพสูงสุด...เรียกแม่ทุกคำ...

พอซุนกวนมานั่งเจี๋ยมเจี้ยมต่อหน้า ท่านง้อก็เล่นบทคนแก่ใจน้อย...ตีอกชกตัว ร้องห่มร้องไห้...

ซุนกวนก็ลนลาน...แม่เป็นไรๆๆ มีไรบอกหนู...

ฮือๆๆ...ลูกสาวกู อยู่ดีๆจะไปยกให้ใครก็ไม่บอกกู ไม่เห็นหัวอีแก่คนนี้แล้วใช่มั้ย...กูอยากต๊ายยยย

ซุนกวนเลยต้องยอมสารภาพ...ว่าที่จริง จะลวงเล่าปี่มาฆ่า...ก็เลยต้องวางแผนกันเงียบๆ

คราวนี้ท่านง้อยิ่งลุกขึ้นมาแด๊นซ์ใหญ่...ไอ้ชิบหาย...ทำยังงี้ ลูกกูก็เป็นม่ายซิวะ...ใคร...ใครเป็นคนคิดวิธีจังไรแบบนี้...

ซุนกวนโยนกลอง ตอบเสียงอู้อี้..."ฮิวฮี่"

...พูดชัดๆ...กูไม่ได้ยิน...

"จิวยี่คิดจ้าแม่"...

เท่านั้นแหละครับ  ท่านแม่ทัพผู้ทรงอาญาสิทธิ์เหนือเรือรบกว่าเจ็ดพันลำ  ถูกเรียกตัวมาเดี๋ยวนี้..."อีเสื้อไม่ได้รีด อีกระดาษโดนขยำ อีผ้าขี้ริ้วปูให้หมานอน  แว๊ดๆๆๆๆ"...จิวยี่โดนท่านง้อด่ายับ...

ท่านเกียวคงรำคาญหู...เลยเกลี้ยกล่อม...เอาน่าท่านง้อ ผีถึงป่าช้าแล้ว...ก็รับเป็นลูกเขยซะเถอะ...

ท่านง้อก็แบ่งรับแบ่งสู้...เพราะเล่าปี่นี่ก็ไม่ใช่หนุ่มน้อยซะที่ไหน  เจอหน้าว่าที่ลูกเขยไม่รู้ใครจะไหว้ใครก่อน...ก็เลยขอให้นัดมาดูตัวซักยก...แล้วค่อยว่ากัน

ซุนกวนก็ไปวางแผนเตรียมล่วงหน้าเลย...เค้าจะนัดกันไปดูตัว ไปกินเลี้ยงกันที่วัดแห่งหนึ่ง...ก็ให้ทหารไปแอบซุ่ม...ถ้าท่านแม่แสดงท่าไม่ปลื้มล่ะก็...ออกมาสับเล่าปี่ให้เละเลยนะพวกมึง

ตัวเล่าปี่เองนี่ถึงแกจะห้าสิบแล้ว(วัยนี้ความหล่อกำลังพีค)...แต่ด้วยความที่เป็นขุนศึก กินนอนกลางสมรภูมิ เข้าฟิตเนส วิ่งสวนลุม กินออร์แกนิค...ร่างกายจึงปึ๋งปั๋งไม่หย่อนยาน...

พอถึงวันนัดดูตัว...แกก็จัดซะอย่างหล่อ ผมเผ้าเกล้าเนี๊ยบ เสื้อแพรเวอซาเช่สวมทับเกราะอ่อนอาร์มานี่ ดูทะมัดทะแมงรัดกุม...แถมยังเอาขุนศึกสุดคูลอย่างจูล่ง มาเดินตามเป็นวอลเปเปอร์ซะอีก...

ท่านง้อเห็นว่าที่ลูกเขยเดินหล่อมาแต่ไกล...ก็ตาลุกวาว กระซิบกระซาบกับท่านเกียว...อุ๊ยต๊าย ลูกเขยช้านนน...นึกว่า จอร์จ คลูนี่ย์...แม้...นี่ถ้านังหนูมันไม่เอาเนี่ย ชั้นก็ว่าจะรับไว้พิจารณาเอง...

...ไม่ต้องถามล่ะว่าเล่าปี่ในสายตาของท่านง้อ...ผ่านหรือไม่ผ่าน

ระหว่างนั่งกินโต๊ะกันอยู่ จูล่งก็มากระซิบกระซาบกับเล่าปี่  เล่าปี่ก็หน้านิ่วคิ้วขมวด...ท่านง้อเลยถาม...มีอะไรเหรอพี่ บอกแม่มาซิ...

เล่าปี่ก็ถามเลยว่า...นี่แม่จะหลอกพี่มาฆ่าเหรอ...ถึงได้เอาทหารมาซุ่มไว้ยังงี้...

ท่านง้อก็ตกใจ ลุกขึ้นแด๊นซ์อีกรอบ...เฮ้ย ใครวางแผนวะ นี่ลูกเขยกู...ใครสั่งทหารมาล้อมวะ...

"ฮิวฮี่"...

อีจิวยี่อีกแล้วเหรอ...แล้วจิวยี่ก็ลงครก ถูกท่านแม่ง้อโขลกละเอียดอีกรอบใหญ่...มึงถอนทหารไปเดี๋ยวนี้นะ
สุดท้าย เมื่อท่านง้อชอบใจเป็นหนักหนา  ทุกอย่างก็จบ...เล่าปี่ก็ได้ซุนหยินมาครอบครอง แบบที่ซุนกวนไม่มีทางเลี่ยงได้

...จิบน้ำใบบัวบก ชอกช้ำกันไปทั้งซุนกวนและจิวยี่...แต่แล้วก็เกิดปิ๊งไอเดียใหม่ขึ้นมา...

ไอ้เล่าปี่มันซ้อนกลเรา จนได้เป็นหนูตกถังข้าวสารใช่มั้ย...งั้นเราจะเอาข้าวสารกลบมันให้ตาย...ฮ่าๆๆๆๆ

...คราวนี้...คฤหาสถ์ เฟอร์นิเจอร์หลุยส์ ลัมโบกินี่ แก้วแหวนเงินทอง รวมไปถึงอีเล็กๆอีกหลายสิบชีวิต...ซุนกวนก็ประเคนให้น้องเขยอย่างเต็มคราบ...ท่านง้อไม่รู้เรื่อง ก็ปลื้มว่าซุนกวนนี่ รักน้องเขยดีจัง

หนูเล่าปี่เจอเข้ายังงี้ ก็ถึงกับทิ้งตัว นอนหม่ำข้าวสารจนพุงกาง...ทิ้งม้า วางดาบ ลืมจูล่ง กวนอู เตียวหุย ขงเบ้ง...แผ่หราอย่างไม่มีแววว่าจะลุกขึ้นมาได้อีก...

แต่ระหว่างที่เล่าปี่จมถังข้าวสารอยู่...จูล่งนี่แกทหารในสายเลือดโดยแท้...ก็พากองทหารฝึกขี่ม้า ยิงธนูไปเรื่อย เรียกว่าฟิตไม่มีตกล่ะ...

พอปีใหม่...แกก็นึกได้ว่า ถึงเวลาต้องเปิดถุงแพรที่สองแล้วล่ะ...ดูซิ จดหมายข้างในสั่งว่ายังไง...

พูดไปจะหาว่าโม้...จดหมายที่เขียนล่วงหน้าหลายเดือนบอกไว้ว่า...เมื่อเล่าปี่เจออุบายหลอกให้ตกถังข้าวอยู่ในแคว้นใต้...ก็ปล่อยมาซักพัก  พอถึงช่วงปีใหม่ก็ให้ทำดังนี้...

จูล่งทำท่าร้อนรน รีบไปขอเข้าพบแล้วก็กระซิบกระซาบกับเล่าปี่...เล่าปี่ก็ร้อนรนไปบอกน้องหยิน ว่ามีธุระด่วนต้องกลับเกงจิ๋ว...

ซุนหยินเห็นตั้งแต่จูล่งเข้ามากระซิบกระซาบ  ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องปกติแน่...ซักไปซักมา เล่าปี่ก็ยอมบอกความจริง..."จูล่งรายงานว่า โจโฉส่งทหารมาบุกเกงจิ๋ว...พี่ต้องกลับไปรบแล้วล่ะ"...

ซุนหยิน...พ่อก็เป็นนักรบ พี่ๆก็เป็นเจ้าเมือง...ย่อมเข้าใจชีวิตขุนศึก..."หยินไปด้วยนะคะลุง เอ๊ย พี่ปี่ขาาาา"...

หลังจากไปลาท่านง้อ บอกว่าจะไปไหว้พ่อแม่สามี...เล่าปี่ ซุนหยิน จูล่งและกองทหารก็ยกขบวนออกจาก กังตั๋ง เมืองเอกของแคว้นใต้...ชนิดที่เรียกว่า ย่องออกไป...

แต่คนเป็นพันย่องออกไปพร้อมกันเนี่ย...มันจะปิดยังไงมิด...ที่สุดซุนกวนรู้ แน่นอนล่ะหากเล่าปี่กลับเกงจิ๋วได้...มันคือการปล่อยเสือคืนป่า ปล่อยปลาลงน้ำชัดๆ...ก็เลยส่งทหารออกไปตามตัวกลับมา...

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #8 on: 12 July 2024, 15:15:06 »


moncheep siva
18 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

ครั้งแล้วครั้งเล่า  แผนการร้ายที่จิวยี่กระหน่ำใส่ขงเบ้งและเล่าปี่  ต้องกลายเป็นกระสุนด้าน...แต่ตราบใดที่หัวใจอันหยิ่งทนง  และรักแว่นแคว้นยังคงเต้นอยู่  จิวยี่ก็ยังจะพยายามสุดตีน  เอาชนะขงเบ้งเล่าปี่ให้ได้...
แผนการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร  สำเร็จหรือไม่...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 29...

แต่การส่งทหารไปตามทีมเล่าปี่นั้น  จะด้วยความลังเล หรืองงยังไงไม่ทราบ...ซุนกวนส่งทหารไปหลายขยัก...แบบว่าไม่เด็ดขาดซะตั้งแต่ทีแรก

ขยักแรก แค่ให้ไปตามกลับมาแบบซ๊อฟๆ...เมื่อไปทันกัน...ซุนหยินก็อ้างว่า จะไปไหว้พ่อแม่พี่ปี่ เค้าก็ขอแม่ของเค้าแล้วด้วย ผิดตรงไหน...

ทหารที่ตามไปก็...เออ...จริงแฮะ  เค้าก็เข้าทางตรอกออกทางประตูดีนี่หว่า...ประกอบกับเห็นจูล่งยืนม้ากุมทวนอยู่...ไม่เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วยล่ะวะ...ก็ปล่อยไป...

ทหารขยักสอง ถูกกำชับเข้มว่าต้องเอาตัวซุนหยินกลับมาให้ได้...ก็ไล่ตามไปจนเล่าปี่จนตรอก...พอดีจูล่งนึกถึงถุงแพรที่สามได้...ขงเบ้งสั่งไว้ว่า ถ้าคับขันให้เปิดอ่าน...เอ๊  ตอนนี้มันคงคับขันแล้วมั้ง...ก็พบว่าคำสั่งของจดหมายคือ...

ถ้าเล่าปี่พยายามหนีจากถังข้าวสาร แล้วถูกไล่ตามมาจนตรอก(อะไรมันจะแม่นขนาดนี้  นี่มึงไม่บอกซะเลยล่ะ  ว่าจนอยู่ตรอกไหน)...ก็ให้แฉเรื่องราวทั้งหมดให้น้องหยินฟัง...ว่าที่มาเป็นผัวน้องเนี่ย เริ่มจากซุนกวนจะหลอกมาฆ่า แล้วก็เรื่อยมาจนตอนนี้แหละ...

ทหารที่ตามมาก็ใจดี๊ใจดี..."เฮ้ย มึงคุยกันเสร็จยัง กูรอนานแล้ว จะเอาไงว่ามา"...

"เสร็จแล้วจ้า"...ซุนหยินก้าวออกไปเผชิญหน้า...

ด้วยความที่...ตาลุงนี่ก็ผัวของชั้น  อยู่ร่วมถังข้าวสารกันมาเป็นปี  ประกอบกับน้อยใจที่ตัวเองถูกใช้เป็นเหยื่อล่อเล่าปี่โดยไม่รู้ตัว...ซุนหยินก็ยิ่งโกรธพี่ชาย และยิ่งเอาตัวออกปกป้องสามี...

ทหารขยักนี้ถึงจะถูกกำชับมาเข้มขนาดไหน...แต่ก็ยังพอจะมีสมองคิดได้ว่า ถ้าซุนหยินเป็นอะไรไป มันคือการเด็ดยอดดวงใจของท่านง้อ...แล้วถ้าท่านแม่แห่งแคว้นใต้  ไปตีอกชกหัวให้ซุนกวนเห็นซักสองสามรอบ  ให้มาเอาหัวพวกตน...คงไม่มีทางรอด...สุดท้ายก็ปล่อยไป

ขยักที่สาม (ถ้ามาตั้งแต่แรกซะก็จบ)...เมื่อสองขยักแรกกลับไปรายงานถึงความล้มเหลว...คราวนี้ซุนกวนตัดสินใจถือเรื่องบ้านเมืองมาเป็นอันดับแรก...หยิบกระบี่อาญาสิทธิ์มอบให้ทหารไปติดตาม...น้องเนิ้งกูไม่สนแล้ว...ถ้านังหยินมันปกป้องผัวมัน...ตัดหัวแม่งทั้งคู่เลย...

ถือกระบี่อาญาสิทธิ์ไปยังงี้  ก็เหมือนว่าซุนกวนอันเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในแคว้น  ไปด้วยตัวเอง...

ฝ่ายไล่ก็กระชั้นเข้ามา...ฝ่ายหนีเห็นขยักที่สามเร่งจี๋มายังงี้...รู้แล้วว่าไอ้ขยักนี้คุยไม่รู้เรื่องแน่...ก็เลาะหนีไปตามริมแม่น้ำ แต่ยังไม่รู้ว่าจะข้ามฝั่งไปยังไง  เพราะมากันแต่ม้า...ก็เลียบตลิ่งซื้อเวลาไปเรื่อย...

เจ้าของจดหมายทั้งสามฉบับครับ...นอกจากเขียนจดหมายแก้ปัญหาล่วงหน้าไว้ทุกขั้นตอนแล้ว...ขงเบ้งยังคุมกองเรือมารับเล่าปี่...วัน ว. เวลา น. รวมถึงสถานที่ถูกต้องเป๊ะๆ...ไม่ใช่นิยายทำไม่ได้แน่

สรุปเล่าปี่ก็กลับถึงเกงจิ๋วโดยปลอดภัย...แถมยังได้ซุนหยินไปนอนกอดซะด้วย...

...เป็นอันว่ากี่แผนๆที่งัดออกมาใช้กับฝ่ายเล่าปี่  เป็นอันฟาล์วหมด...แต่ด้วยสองแรงขับที่อัดแน่นอยู่ในเลือดของจิวยี่  ทำให้นายทัพหนุ่มยอมแพ้ไม่ได้...

แรงขับหนึ่ง...แน่นอนล่ะ  ไม่มีใครสงสัยในความจงรักภักดีที่มีต่อบ้านเกิดเมืองนอน  ของจิวยี่ที่ยอมสละได้แม้แต่ชีวิตของตนเอง...การเอาชนะขงเบ้งได้  ประโยชน์ย่อมตกแก่แคว้นใต้อย่างปฏิเสธไม่ได้...แต่

...ก็ยังมีแรงขับที่สอง...ย่อมเป็นธรรมดา  คนที่เกิดมาเพอร์เฟคอย่างจิวยี่  เก่งรอบด้านทั้งบู๊ทั้งบุ๋น...ก็คงจะมีอีโก้สูง

แต่ทำไมวะ...กี่ทีๆก็ไม่เคยเอาชนะความคิดขงเบ้งได้เลย...ยังงี้จิวไม่เคยเจอฮะ...

ก็เลยต้องเริ่มแผนการณ์จองล้างจองผลาญเล่าปี่ช็อตต่อไป บอกเลยว่าผลสะท้อนกลับของมัน...รุนแรงจนทำให้จิวยี่ถึงตาย...

..................

ตอนเด็กๆ ผมเคยได้ยินคุณยายว่าใครสักคน แบบยิ้มแย้มว่า "อีโลซก"...ซึ่งหมายถึงไม่ค่อยจะทันคน...ก็หนังสือสามก๊ก เขาเขียนซะจนโลซกดูโง่...กลายเป็นลูกไล่ขงเบ้งตลอด...ทั้งที่ความจริง โลซกก็คงเป็นคนฉลาดใช้ได้อยู่ ไม่งั้นคงไม่ได้เป็นเสนาบดีของแคว้นใต้หรอก

เมื่อเล่าปี่กลับสู่เกงจิ๋วพร้อมซุนหยิน...ฝ่ายจิวยี่กับซุนกวนที่ยังไม่หมดพยายามที่จะเอาเมืองนี้คืน...คราวนี้สลับมาเล่นไม้นวมบ้าง  โดยใช้การทูตบังหน้า...

แต่ก็น่าแปลกใจ  แคว้นใต้ใหญ่โตถึงขนาดเป็นก๊กนึงในสามก๊ก  แต่มึงไม่มีใครส่งมาอีกแล้วหรอ...คราวนี้ก็ส่ง "อีโลซก" หน้าเดิม  ที่กี่ทีๆไม่เคยกินขงเบ้งได้เลย...ข้ามฝั่งมาเจรจา

เมื่อฝั่งนู้นไม้นวมมา...ขงเบ้งก็รับด้วยบทดราม่า  โดยโค้ชให้เล่าปี่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยการ...ร้องไห้

บ๊ะ  ไอ้เรื่องน้ำหูน้ำตานี่  ของถนัดเล่าปี่อยู่แล้ว...เรียกว่าบทมาสิบ  กูร้องซะร้อย...

แล้วทำไมต้องร้องไห้รับแขก...พรุ่งนี้มาต่อกัน

.




Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #9 on: 12 July 2024, 15:16:27 »


moncheep siva
19 ก.พ. 2019 เวลา 17:17 • บันเทิง

การจ้องปองร้ายของจิวยี่ที่มีต่อขงเบ้ง...มองอีกแง่หนึ่ง  นี่คือไฟต์บังคับ
เพราะจิวยี่จะปล่อยวางให้กับคู่แข่งที่ทรงศักยภาพ  และคุกคามแว่นแคว้นตนเอง  ย่อมทำไม่ได้...แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมที่จิวยี่ห่างชั้นกับขงเบ้งเหลือเกิน  เลยเป็นเหมือนเตะบอลอัดกำแพง...
ผลสะท้อนของแผนร้ายครั้งนี้  จะส่งผลกลับไปที่จิวยี่อย่างไร...เชิญเสพ




สามก๊ก ตอนที่ 30...

โดยคาดไม่ถึง  ว่าจะมาเจอเจ้าเมืองร้องไห้สะอึกสะอื้นต้อนรับแขก...โลซกขี้สงสาร ก็ลูบหน้าลูบหลัง...เป็นไรอ้าเฮียปี่ มีไรก็ค่อยพูดค่อยจาบอกซกได้...

เล่าปี่ก็ระบายให้ฟัง...เนี่ย ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้ว เกงจิ๋วเมืองนี้ก็มีคนใจร้ายมาคอยทวงยิกๆๆ(หลบหน้าน้ำตาซึม)...กะจะไปตีเมืองเสฉวนแค่ขอเป็นที่ซุกหัวนอน  อ้าวเจ้าเมืองดันแซ่เดียวกัน...ก็จะโดนครหา แย่งเมืองจากญาติ...แถมเมืองเสฉวนน่ะ ซกก็รู้นี่ว่าตียากขนาดไหน...ปี่สับสน...ปี่ไปไม่เป็นแล้วง่า...

ตรงนี้ต้องชี้ให้ดูหน่อย...เสฉวนนี้ เป็นเมืองใหญ่ ภูมิประเทศมีภูเขาล้อมรอบเป็นปราการธรรมชาติ...ตอนปฐมกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ฮั่น...ก็มาเริ่มจากที่นี่ (สามก๊กคือปลายราชวงศ์ฮั่น)...และมื้อแรกที่เล่าปี่กับขงเบ้งได้คุยกัน  ก็เล็งไว้ว่า...เสฉวนนี่แหละคือที่ตั้งตัวของเล่าปี่

แต่เพราะภูมิประเทศสุดตรีนอย่างที่บอก...เพราะฉะนั้นถ้าเข้าตีทื่อๆ ไม่เปิดกูเกิ้ลแม๊พ หรือไม่มีแผนที่ช่องทางเข้าพิเศษ...ยากยิ่งกว่ายากส์

ดราม่ากันไปสักพัก ขงเบ้งก็เสนอทางออกว่า...เอางี้ ขออยู่เกงจิ๋วอีกแพร๊พ จะพยายามยกไปตีเสฉวนให้ได้ ได้แล้วจะคืนเกงจิ๋วให้...โลซกคงถูกบรรยากาศพาไป ก็ตกลงรับข้อเสนอนี้ เอากลับไปบอกจิวยี่...

"อีโลซกเอ๊ยยย"...จิวยี่ด่าทันทีที่ได้รับรายงาน...มึงโดนอีเบ้งมันหลอกอีกแล้ว...มันว่าจะไปตีเสฉวน แล้วเมื่อไหร่จะตีได้ล่ะ...ถ้าไม่ได้พวกเราก็ไม่ได้เกงจิ๋วคืนเรอะ

ด้วยหัวสมองอันแล่นปรู๊ดปร๊าดของจิวยี่  ทำให้คิดแผนซ้อนกลขงเบ้งได้อย่างรวดเร็ว...แต่ด้วยหัวใจที่เสี้ยน  อยากเอาชนะขงเบ้งให้ได้  กลับทำให้แผนซ้อนแผนนั้น  เกิดรูโหว่อย่างมหันต์...

ผิดพลาดยังไง  มาตามดูกัน...

จิวยี่บอกคราวนี้ไม่ต้องไปรายงานซุนกวนให้เสียหมาหรอกอีซกเอ๊ย...เราซ้อนแผนกลับไปเลยแล้วกัน...ลื้อกลับไปบอกทางขงเบ้งว่า แคว้นใต้จะช่วยไปตีเสฉวนให้ ขอเดินทัพผ่านเกงจิ๋ว และให้เกงจิ๋วช่วยส่งเสบียงให้หน่อย...

โลซกก็ยังคงความง่าวได้คงเส้นคงวา...เถียงจิวยี่ว่า ทำงั้นไม่สำเร็จหรอก เสฉวนตียากจะตายชัก...

จิวยี่ถอนใจเฮือกด้วยความเอือมระอา...อีซกเอ๊ยยยย...กูไม่ไปจริงหรอก เสฉงเสฉวนน่ะ...กูจะหลอกพวกมัน พอเล่าปี่ขงเบ้งนึกว่าเราจะแค่ผ่านเมือง ออกมาต้อนรับ...ก็จับมันฆ่าซะ...

...เรียกว่าแผนขอยืมเมืองเป็นทางผ่าน  แล้วก็จับมันสำเร็จโทษซ้า...เข้าใจย้างงงงงมึงงง

โลซกดีใจ รีบแจ้นกลับไปเกงจิ์วอย่างว่อง  เพื่อเสนอแผนนี้กะขงเบ้ง...ขงเบ้งก็ตามน้ำยิ้มรับทันที...ลื้อไปจัดทัพมาเลยนะ พอแคว้นใต้ยกมา อั๊วจะคอยต้อนรับพร้อมสนับสนุนเสบียงเต็มที่ ไม่ต้องห่วง...

แต่พอโลซกกลับไป ขงเบ้งก็เปิดโปงแผนนี้กับเล่าปี่ทันที...มื้อนี้จิวยี่ตายหยังเขียดแน่นอน...โถๆๆๆ มันคงอยากเชือดเราใจจะขาด  จนลืมเรื่องสำคัญไปซะได้...เวลาไงเฮียปี่

คิดดูสิเฮีย  ถ้าจิวยี่มันเอาเรื่องนี้ไปรายงานซุนกวนที่กังตั๋งแล้วซุนกวนอนุมัติจริง  มันต้องกินเวลาเท่าไหร่...ต้องมีอีกสองสามอาทิตย์มั้ง  กว่าจะไปกังตั๋งกว่าจะกลับมา...อย่ามาอ้างว่าสไกป์คุยกันนะมึง...

แล้วหนอย  คิดจะเอาแผนเก่ามาหลอกกู...โบราณเค้าก็มียืมทางไปตีเมืองอื่นยังงี้แหละ...พอถึงเวลาจริง ไม่ใช่แค่ขอผ่านทาง แต่จับเจ้าเมืองฆ่า ยึดเมืองเลยยย...สมัยเรียนอั๊วได้ประวัติศาสตร์  เอบวกนาจา  อย่าหาว่าคุย...

ฝ่ายแคว้นใต้ ตระเตรียมกองทัพพร้อม...จิวยี่ก็ยกทหารกระหยิ่มพิมพ์ใจมาตลอดทาง...มื้อนี้ขงเบ้งมันหลงกลกูแล้ว มันต้องโดนจับฆ่าแน่นอน...ก่อนถึงเมืองเกงจิ๋ว...ก็ยังมีกองทหารมาคอยต้อนรับ คอนเฟิร์มว่า เกงจิ๋วพร้อมให้ผ่านทางและเตรียมเสบียงไว้แล้ว...

ผิวปากร้องเพลงมาถึงกำแพงเมืองเกงจิ๋ว...เงียบ...ประตูเมืองปิดสนิท...ไร้วี่แววการต้อนรับ...อ้าว

ให้ทหารไปตะโกนถาม...สิ่งที่ตอบกลับมาคือ เสียงลั่นกลองรบ พร้อมทหารยืนพรึ่บเต็มกำแพง...พวกกูรู้แผนการมึงแล้วโว้ยจิวยี่...เก่งจริงมึงไปตีเสฉวนเองเลยไป๊...

จิวยี่วันนี้ ไม่เหมือนจิวยี่เมื่อก่อน  ถ้าเป็นนักมวยก็คางเปราะไปแล้ว...เพราะตั้งแต่โดนธนูอาบยาพิษมาเนี่ย โมโหนิดโมโหหน่อย เป็นสลบ...คราวนี้ก็เช่นกัน...ผิดหวังอย่างแรงสลบตกม้า...ต้องหามกลับไปรักษาในเรือ

ยังไม่พอ...ขงเบ้งตามบี้ต่อ...ส่งจดหมายไปให้อ่าน...เนื้อความก็ท้าทายว่ามึงไม่มีทางไปตีเสฉวนได้หรอก ถ้ามึงตีได้จริง กูกะเล่าปี่ทั้งก๊ก จะหนีไปอยู่ป่าเลิกตีบ้านตีเมืองแม่งเลย

ที่แสบทรวงกว่านั้น คือการเย้ยหยันว่าจิวยี่เสียรู้ตนมากี่ครั้งแล้วล่ะ ไม่อายกันบ้างหรอ กูล่ะอ๊ายอาย...อยู่ไปก็ขายหน้า ตายห่าไปเสียเถอะ

ลูกผู้ชายที่หยิ่งในเกียรติ รักศักดิ์ศรีเช่นจิวยี่...โดนเข้าไปหลายดอกยังงี้ ประกอบกับพิษธนูที่กัดกร่อนเข้าไปทุกวัน...รู้ตัวว่าคราวนี้ไม่รอดแน่

เขียนจดหมายลาตายฝากไปให้ซุนกวน...แล้วมอบหมายให้คนมาแทนตำแหน่งตนคือ โลซก...เฮ้ย จิงเด้...

เมื่อมรณะคืบคลานเข้ามา สำนึกสุดท้ายของจิวยี่ คือความคั่งแค้น...ก็ได้แต่คร่ำครวญหนึ่งในประโยคอมตะนิรันดร์กาลของสามก๊ก...

"ฟ้าให้จิวยี่มาเกิดแล้ว ใยจึงให้ขงเบ้งมาเกิดด้วย"...เรื่อยไป จนขาดใจตาย...

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.071 seconds with 21 queries.