User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
23 December 2024, 03:58:50
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618
Posts in
12,929
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
เรื่องราวน่าอ่าน
|
หนังสือดี ที่น่าอ่านยิ่ง
|
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10] (Read 616 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
on:
12 July 2024, 14:41:03 »
สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
moncheep siva
16 ม.ค. 2019 เวลา 11:11 • บันเทิง
วันนี้...
เริ่มเรื่องใหม่ครับ...
..........
ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจาก
https://www.blockdit.com/moncheep
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #1 on:
12 July 2024, 14:42:13 »
moncheep siva
16 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
ขอต้อนรับสู่...สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด
สามก๊ก ตอนที่ 1...
ใครที่เคยผ่านตาเรื่องสามก๊ก คงจะคุ้นกับชื่อ โจโฉ...
ช่วงที่แกกำลังหนุ่มๆ เป็นนายทหารเล็กๆ ยศก็คงซักผู้หมวดผู้กองอะไรราวๆนั้น...เป็นช่วงที่กำลังตั้งตัว แกก็มีพฤติกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง...หนึ่งในนั้นคือ...
หลังจากที่หลบหนีมาจากเมืองหลวง...ข้อหาพยายามฆ่าตั๋งโต๊ะ กังฉินที่มายึดอำนาจ ครอบงำฮ่องเต้...
...อ้อ กังฉินหมายถึงพวกขี้โกง...ถ้าพวกดีเรียกว่า ตงฉิน...
โจโฉโชคดี ได้เพื่อนไม้ป่าเดียวกัน...ว้าย ไม่ใช่...ได้เพี่อนคู่ใจคนนึงชื่อ ตันก๋ง...ไอ้สองคนนี่ก็ปุเลงๆ หลบภัยกันมา...โจโฉน่ะตัวการร้าย มีค่าหัวติดมาด้วยในระดับแพงใช้ได้เลย...ส่วนตันก๋ง ตกกระไดพลอยโจน...หัวก็เลยพลอยมีราคาไปกะเค้าด้วย...
มาเจอครอบครัวนึง ก็มาขอข้าวเขากินกับขอที่ซุกหัวนอน...เจ้าของบ้านผู้โคตรซวย ก็ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี หาข้าวหาปลาให้กิน จัดห้องหับให้นอน...ส่วนตัวเองก็ลงทุนเดินทางออกไปซื้อข้าวของมาเลี้ยงแขก...
แต่พอตกกลางคืนระหว่างที่โจโฉและเพื่อนนอนอยู่ในห้อง ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันนอกห้อง
"เฮ้ย จะฆ่าเลย หรือจะจับมัดก่อนดี"
"มัดก่อนดีกว่าแล้วค่อยแทงทีเดียวเลย..."
โจโฉได้ยินยังงั้น ด้วยความเป็นวัวสันหลังหวะก็สะดุ้งสิฮะ คิดว่าไอ้บ้านนี้จะมาฆ่ากูเอาค่าหัวแน่นอน...อย่ากระนั้นเลย จะนอนนิ่งให้เขาฆ่าไปไย...
โจโฉ...ทหารผู้เยี่ยมเพลงยุทธพร้อมดาบในมือ ก็ออกมาไล่ฆ่าคนหมดทั้งบ้าน...ยกเว้นหัวหน้าครอบครัวที่ออกไปซื้อของนอกบ้าน รอดไป...
ฆ่าเสร็จแล้วจึงหันมาเห็น...OMG...หมูตัวนึงถูกมัดเตรียมจะทำอาหาร...อนิจจา...ไอ้ที่ว่ามัดแล้วฆ่า หมายถึงหมูตัวนี้หรอกหรือ...
แต่ทำไงได้ สันดานอย่างโจโฉ จะไม่มานั่งเสียใจอาลัยอาวรณ์กับสิ่งที่ทำไปแล้ว...ในเมื่อฆ่าเขาตายโหงเกือบหมดบ้านยังงี้ ก็ต้องลากคู่หู โจนขึ้นหลังม้าได้ก็เผ่นแน่บ...
ระหว่างทางที่ขี่ม้า ก็สวนกับชายเจ้าของบ้านที่ไม่ได้อยู่รับชะตากรรมเมื่อคืน ด้วยว่าออกมาซื้อข้าวปลาอาหารจะมาเลี้ยงพวกโจโฉนี่แหละ...
ชายผู้อารีก็ทักทาย...อ้าวจะรีบไปไหนกันล่ะพ่อหนุ่ม แหมนี่อุตส่าห์ซื้อเหล้ายาปลาปิ้งกะจะมาเลี้ยงกันสักหน่อย พริตตี้โคโยตี้ก็เรียกมาให้ตั้งหลายคน เออ หมูที่บ้านก็สั่งให้ฆ่าแล้วเห็นยัง...ไม่อยู่กินด้วยกันก่อนล่ะ...
ตันก๋งที่ยังไม่หายช๊อคจากเรื่องเมื่อคืน ก็ทำหน้าไม่ถูก อึกๆอักๆ...โจโฉก็ตอบชายผู้ที่ยังไม่รู้เหตุการณ์ที่บ้านตัวเอง...อ๋อ คือพวกเรามีธุระด่วนจริงๆ อยู่นานไม่ได้...
แหม่...จะรีบร้อนอะไรกัน เนื้อโกเบนุ่มๆรออยู่ เหล้าก็ระดับบลูเลเบลเชียวนะคู้ณณณ แล้วพริตตี้นี่แจ่มๆท้างน้านนน...ไม่ต้องห่วง ป๋าเปย์เองน่า...
แต่หลังจากพยายามฉุดรั้งกันอยู่หลายคำ ก็ไม่สำเร็จ...โจโฉและตันก๋งก็ขึ้นม้า แยกทางมา...
ไม่กี่ย่างม้า...โจโฉฉุกคิดขึ้นได้ และโดยที่ตันก๋งเพื่อนร่วมทางก็ไม่รู้ตัว...โจโฉชักม้ากลับ ร้องเรียกชายเจ้าของบ้าน...
ชายผู้โชคร้ายคิดว่าโจโฉเกิดเปลี่ยนใจ จะอยู่กินด้วยกัน...ก็หันกลับมา...ฉับเดียวของดาบในมือโจโฉ...ศีรษะชายผู้นั้นก็แยกออกจากตัว
ตันก๋งแทบจะตกม้า ตะลึงในความใจเหี้ยมของเพื่อนร่วมทาง...อะไรกันนี่ ฆ่าลูกเมียเขาจนหมดบ้าน แล้วยังฆ่าเจ้าของบ้านผู้ใจดีอีก...ไอ้โฉ ทำไมมึงเลวยังงี้ นี่มันเกินมนุษย์แล้ว
โจโฉแถลง...ถ้ายอมให้ชายผู้นี้ไปถึงบ้าน เขาต้องแจ้งทางการ เราไม่รอดแน่...ข้ายอมทำทุกอย่าง อย่าให้โลกทำอันตรายข้าได้...
นี่คือแนวคิดแบบโจโฉ...ที่หลายคนยกให้เป็นนักการเมืองตัวพ่อ...
.................
...ค่ำคืนนั้น ระหว่างที่นอนค้างกลางป่าด้วยกัน...หัวโจโฉพาดอยู่ที่รากไม้...ตันก๋งชักดาบออกจากฝักอย่างเงียบเชียบ จ้องไปที่ลูกกระเดือกโจโฉที่แหงนท้าแสงจันทร์อยู่...
...เสียดายนัก ที่กูเสียเวลามาคบกับคนใจชั่วอย่างมึง...กูไม่นึกเลยว่ามึงจะโหดเหี้ยมได้เบอร์นี้ มึงไปลงนรกซะเถอะ...
...แต่แล้วตันก๋งก็เกิดคิดได้...เราไม่ควรตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว...ปล่อยมันไปเถอะ ให้มันไปรับผลกรรมของมันเองในภายหน้า...อีกอย่าง ถ้าฟันคอมันตอนนี้ สามก๊กขาดโจโฉคงหมดสนุกไปเยอะ...
...ตันก๋งก็ลอบขึ้นม้าหนีไปคนเดียว...
...ข่าวไม่ยืนยันมีต่อมาว่า...ตันก๋งตัดสินใจถูกแล้ว เพราะรุ่นลูกหลานของตันก๋งหลายชั่วอายุคนต่อมา...ได้มาทำชาเขียวขายจนร่ำรวย...คนเลยเรียกลูกหลานแกว่า เสี่ยตัน...อิอิ...
.................
ปล. เรื่องเล่าสามก๊กที่ท่านได้อ่านอยู่นี้ ที่จริงผมเขียนจบไปแล้ว ๔๖ ตอน...จะทยอยลงให้อ่านจนครบ
แต่ถ้าท่านใดอยากอ่านให้จบเลย...ตอนนี้ผมนำมาพิมพ์เป็นเล่มแล้ว โดยมีเรื่อง บูเช็กเทียนแถมด้วย...
สนใจอุดหนุน ติดต่อผมได้ที่
moncheep@gmail.com
ครับ
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #2 on:
12 July 2024, 14:43:27 »
moncheep siva
17 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
ความวุ่นวายในปลายราชวงศ์ฮั่น...นับเป็นไม้ขีดไฟก้านแรก ที่นำสู่การล่มสลายของราชวงศ์อันยาวนานนี้...ตัวละครสำคัญที่จะปรากฏ คือใคร...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 2...
ย้อนไปปฐมกาล ครั้งที่ความเป็นสามก๊กยังไม่เกิด ก็ต้องเล่าให้ฟังกันหน่อยว่าไปไงมาไง ถึงมาเป็นสามก๊กได้...
...แผ่นดินจีนถูกปกครองโดยราชวงศ์ฮั่นมาหลายชั่วฮ่องเต้ จนถึงปลายสมัยราชวงศ์ฮั่น ก็เกิดความระส่ำระสายอย่างหนัก...ไอ้สาเหตุที่ทำให้ระส่ำระสาย ก็เป็นโรคยอดฮิตเหมือนกันทั่วโลก...คือเกิดจากคนรอบข้างของผู้ยิ่งใหญ่...
คนที่มีอิทธิพลทั้งดีและชั่วในประวัติศาสตร์จีน คงหนีไม่พ้นกลุ่มคนที่เรียกว่า...ขันที...
แล้วสปีชี่ขันทีนี้ มันเกิดขึ้นมาได้ไงล่ะ...มา จ๋อๆๆๆ จะเล่าให้ฟัง
...ก็ด้วยความที่ฮ่องเต้ของจีนมีเมียเยอะ จะเรียกว่าเป็นโขลงก็ยังน้อยไป เพราะล่อกันเป็นหลักพัน...คราวนี้จะเอาใครมาควบคุมกองทัพเมียๆเหล่านี้...
ผู้หญิงด้วยกันก็คงเอาไม่อยู่ เดี๋ยวได้ตบกันตายชัก...ก็ต้องเอาผู้ชายมาควบคุม...แต่เอ๊ะ ผู้ชายมาหลงกลางดงสาวๆ ที่แต่ละนางแจ่มๆทั้งนั้น...มึงได้มีตีท้ายพระราชครัวแน่...
อย่ากระนั้นเลย จับไอ้ผู้ชายเหล่านี้ปลดอาวุธ...ตอนซะก่อน แล้วคราวนี้ก็ปล่อยให้ขันทีควบคุมฝูงสาวๆได้อย่างสบายใจเฉิบ...
แล้วสมัยนั้นเค้าคุมกำเนิดซะที่ไหนล่ะ เมียเยอะลูกๆฮ่องเต้ก็เยอะตาม...พอลูกๆคลอดออกมา ไอ้ที่หวังว่าคนระดับฮ่องเต้จะมาอุ้มโอละเห่โอละชา ดึกๆตื่นขึ้นมาชงนมป้อนลูก...ไม่มีซะล่ะ...ฮ่องเต้มีหน้าที่โล้สำเภาอย่างเดียว...
คนที่ช่วยเลี้ยงลูก...ก็เลยหนีไม่พ้นพวกขันที...ก็เลี้ยงกันมา ประคบประหงมกันมา...ถ้าเป็นลูกชาย อย่างขี้ๆก็ต้องได้เป็นอ๋องนั่น อ๋องนี่...หรือถ้าบุญหล่นทับ ก็ได้เป็นรัชทายาท ว่าที่ฮ่องเต้ไปเลย...
แล้วบรรดาอ๋องๆ หรือองค์ชายเหล่านี้ มีหรือจะไม่เกรงใจบรรดาขันทีที่เลี้ยงตนมา...
ปลายๆราชวงศ์ฮั่น...หนึ่งในบรรดาองค์ชายที่ได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้...พระเจ้าเลนเต้...ก็ขึ้นนั่งบัลลังก์มังกร ภายใต้การครอบงำของขันทีสิบคน...
...ก็สนุกสิฮะ การปกครองแผ่นดินก็อร่อยเป็นโจ๊กกองปราบไปเลย...เล่นพรรคเล่นพวก กินสินบาทคาดสินบน จำนำข้าว ซื้ออาวุธ...ว้าย โทดๆๆๆ แมวพิมพ์...
บรรดาขุนนางก็พากันส่ายหัว เพราะจะตักจะเตือนอะไร ก็โดนขันทีทั้งสิบกันท่าไว้หมด...จนเข้าไม่ถึงฮ่องเต้...
วันนึงในที่ประชุมครม. ก็มีคนไอเดียดี แต่คิดสั้นเสนอวิธีแก้ปัญหานี้...โดยส่งจดหมายเชิญบรรดาหัวเมืองใหญ่ๆ ให้ก่อม๊อบแล้วยกกองทัพเข้ามาเมืองหลวง เพื่อมากดดันเรียกร้องกับฮ่องเต้ให้ปลดขันทีทั้งสิบ
รมต.ฝ่ายความมั่นคง ก็ค้านเสียงแข็ง ด้วยว่าวิธีนี้เป็นอันตราย และสุ่มเสี่ยงอย่างมาก...อันตรายยังไง...
ต้องอธิบายก่อนว่า การปกครองสมัยก่อนน่ะ ถึงจะได้ชื่อว่า นี่เป็นเมืองหลวง โน่นเป็นเมืองใต้อำนาจ...แต่เอาเข้าจริง ก็เป็นแค่เรื่องศักดิ์ศรีซะมากกว่า...เมืองหลวงก็ไม่ได้ไปมีอำนาจเหนือเมืองอื่นๆอย่างเด็ดขาดนัก...ถิ่นไหนๆเค้าก็มีเจ้าถิ่น มีมาเฟียของเค้าอยู่ทั้งนั้น...ถ้าเมืองใต้อำนาจนัดกันมารุมเมืองหลวง ไอ้เมืองหลวงก็อ่วมอยู่เหมือนกัน...
แล้วด้วยความที่เมืองหลวงมักจะเจริญหูเจริญตากว่าเมืองอื่นๆ...ก็เลยถือเป็นข้อห้ามตายตัวว่า...ห้ามหัวเมืองบ้านนอกยกกองทหารเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต...เพราะกลัวว่าเดี๋ยวมาเห็นของสวยๆงามๆ แล้วต่อมกิเลสมันจะอักเสบ เกิดอยากยึดเมืองหลวงซะ...มันจะยุ่ง
การที่จะออกอุบายให้หัวเมืองบ้านนอก ยกทัพเข้ามากดดันฮ่องเต้ให้ปลดขันทีแบบนี้...จึงเป็นความคิดที่ชักศึกเข้าบ้าน...งี่เง่าสุดๆ...ความเห็นของคณะรัฐมนตรีแตกออกเป็นสองฝ่าย...
ไอ้ฝ่ายจะเชิญ...ยังไงกูก็จะเชิญหัวเมืองบ้านนอกเข้ามา...ไอ้ฝ่ายไม่เห็นด้วย ก็เริ่มมองทางหนีทีไล่...เพราะเชื่อว่าคราวนี้ บ้านเมืองชิบหายแน่...
โจโฉ...ตอนนี้เป็นนายทหารเด็กๆ ติดสอยห้อยตามรมต.มา แต่ด้วยสายตาเฉียบแหลมอ่านเกมขาด เขาอยู่ฝ่ายไม่เห็นด้วย...ถึงกับบ่นพึมกับเพื่อนๆ และวางแผนจัดการเองดีกว่า...
...แล้วความหายนะก็มาเยือนตอนที่ พระเจ้าเลนเต้ใกล้จะเด๊ด...กำลังจะแต่งตั้งให้ใครเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป...ไอ้พวกขันทีทั้งสิบก็รุมล้อมแบบไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ได้...เพื่อจะได้กดดัน และถือเป็นรับสั่งของฮ่องเต้...แต่งตั้งองค์ชายที่ตนครอบงำได้ เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป...
เรื่องสำคัญแบบนี้ ทำให้ในวังเกิดการคัดง้างกันระหว่างพวกขันที กับพวกทหาร...จนรุนแรงขึ้นทุกที...หัวหน้าทหารที่เชื่อมั่นในอิทธิพลของตนเองเหลือเกิน...กล้าเข้าไปเจรจากับกลุ่มขันทีโดยลำพังในวัง...
โจโฉกับพวกรออยู่ริมกำแพงวัง...สักพักก็เห็นทหารลูกพี่ของตน เหาะออกมาแต่หัวตัวไม่มาด้วย...ก็เลือดขึ้นหน้า ไม่ฟังเสียงล่ะ พังประตูวังเข้าไป...เจอใครคลำไม่เจอเจี๊ยว รู้ว่าเป็นขันที...กูฆ่าแหลก
ฆ่าแทบหมดวัง แต่พวกขันทีทั้งสิบกลับยังรอดออกไปได้ พร้อมอุ้มองค์ชายรัชทายาท ที่ตอนนี้ถือเป็นฮ่องเต้แล้วไปเป็นตัวประกัน...หนีออกไปนอกวัง
ประจวบกับตอนนั้น กองทัพหัวเมืองบ้านนอกหลายกองทัพ ก็ยกมาล้อมเมืองหลวงตามคำเชิญ...โชคร้ายสุดๆ ทั้งขันทีที่อุ้มฮ่องเต้หนี ทั้งทหารที่เป็นฝ่ายไล่...ก็มาป๊ะกับกองทัพจากภาคตะวันตกกองเบ้อเริ่ม...
...แม่ทัพของทหารเหล่านี้ชื่อ...ตั๋งโต๊ะ
..................
ปล. เรื่องเล่าสามก๊กที่ท่านได้อ่านอยู่นี้ ที่จริงผมเขียนจบไปแล้ว ๔๖ ตอน...จะทยอยลงให้อ่านจนครบ
แต่ถ้าท่านใดอยากอ่านให้จบเลย...ตอนนี้ผมนำมาพิมพ์เป็นเล่มแล้ว โดยมีเรื่อง บูเช็กเทียนแถมด้วย...
สนใจอุดหนุน ติดต่อผมได้ที่
moncheep@gmail.com
ครับ
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #3 on:
12 July 2024, 14:44:40 »
moncheep siva
18 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
ตั๋งโต๊ะ...กังฉินตัวพ่อ ครอบงำฮ่องเต้...โจโฉวางแผนสังหาร...สำเร็จหรือล้มเหลว...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 3...
ขันทีอุ้มฮ่องเต้หนี ทหารไล่ ออกจากวังมาเจอกองทัพใหญ่ของ...ตั๋งโต๊ะ...ผู้ที่ติดอันดับท๊อปธรี ของบรรดาโฉดแมนในเรื่องสามก๊ก...อสูรตนนี้มองเห็นโอกาส ก็เข้าเทคโอเวอร์เหตุการณ์ทันที...
...ไอ้ขันทีทั้งสิบ เละเป็นหมูสับไปแล้ว...ตั๋งโต๊ะก็อุ้มฮ่องเต้องค์น้อย ยกทัพของตนเองเข้ายึดครองเมืองหลวงซะดื้อๆ...กูมีกองทหารในมือ แถมฮ่องเต้เป็นตัวประกันใครจะทำไม...
พ้นจากยุดครอบงำโดยขันที คราวนี้มาเจอตั๋งโต๊ะเข้า...ยิ่งหนักกว่าเดิม...
ยิ่งอยู่ยิ่งกำเริบราวกับเชื้อรารักษาไม่หาย...วันดีคืนดี ตั๋งโต๊ะก็ถือดาบเข้าที่ประชุมครม. ประกาศจะปลดฮ่องเต้...เพราะดูองค์นี้ไม่ค่อยฉลาด ตั้งองค์ชายน้องเป็นฮ่องเต้ดีกว่า...
หูยยย...ทหารประกาศปลดฮ่องเต้...ยังงี้มันกบฏนี่หว่า...
...เงียบไปทั้งครม. ไม่มีใครกล้าหือ เพราะรู้ว่าไอ้นี่มันหมาบ้า...อ้อ มีขุนนางแก่ๆคนนึง คงคิดว่าไหนๆกูก็ใกล้ตายแล้ว ขอไว้ลายซักหน่อย...ลุกขึ้นมาด่าตั๋งโต๊ะว่าไอ้กบฏ พร้อมกับเดินงกๆเงิ่นๆ จะเอาไม้เท้ามาตี...โถๆๆๆ ผลคือ ได้ตายสมใจ...
ฮ่องเต้องค์ใหม่ ภายใต้การครอบงำของตั๋งโต๊ะ ชื่อ พระเจ้าเหี้ยนเต้...บางคนอาจจะเคยได้ยิน ที่ผู้เฒ่าผู้แก่เคยเปรียบเทียบอะไรที่มันโกร๋น มันหมดว่า “เหี้ยน” หรือ “เหี้ยนเตียน”...ก็มาจากชื่อฮ่องเต้องค์นี้แหละ...
คราวนี้ก็สนุกเลย...ตั๋งโต๊ะอยากทำชั่วช้าสามานย์ยังไงก็ทำได้ อยากฆ่าใคร อยากข่มขืนลูกเขาเมียใคร ก็ตามอำเภอใจ...แล้วไม่ใช่แค่ตัวเอง...โคตรเหง้าก็พลอยมีอิทธิพลแผ่พังพานขึ้นมาทั้งตระกูล จนแผ่นดินจีนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า...
...อยากรู้ความชั่วของตั๋งโต๊ะ ลองไปหาต้นฉบับสามก๊กอ่านกันเอง...
เหล่าขุนนางที่ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น ก็ได้แต่มาลันดูแก มาแลดูกัน...อยากจะกำจัดตั๋งโต๊ะ แต่ก็จนปัญญา ค่าที่มันโหดเหลือเกิน เอะอะก็ตัดหัวคนเป็นว่าเล่น..
โจโฉ...ซึ่งตอนนั้นยังเป็นแค่ทหารเด็กๆ อยู่ในที่ประชุมนี้ด้วย...อาสาทันที...
เขาอวดโอ่ว่า ได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับตั๋งโต๊ะ จนเข้านอกออกในได้สบาย...ภาพที่ใครๆเห็นเขาเลียแข้งเลียขาตั๋งโต๊ะวันละสามเวลานั้น...แท้จริงหัวใจที่เจ็บร้อน อยากจะฆ่าตั๋งโต๊ะอยู่ทุกลมหายใจเหมือนกับทุกท่าน เพราะฉะนั้นไว้ใจเถิด ข้าจะฆ่าไอ้ตั๋งโต๊ะเอง...
หลังจากที่สบถสาบานกันหนักแน่น ว่าจะไปฆ่าขุนนางชั่วตนนี้แน่ และถ้าถูกจับได้ก็จะไม่ซัดทอดใคร...ที่ประชุมลับๆนี้ก็รอคอยด้วยความหวังว่า เมื่อไหร่จะได้ยินข่าวตั๋งโต๊ะหัวขาดเพราะน้ำมือโจโฉ
และก่อนจะดำเนินการ โจโฉได้เอ่ยปากขอดาบวิเศษจากขุนนางหัวหน้าที่ประชุมนั้น เพื่อไปเป็นอาวุธพิฆาตตั๋งโต๊ะ...
หนังสือสามก๊กเอง ไม่ได้ให้น้ำหนักว่า ทำไมไอ้การที่จะไปฆ่าคนๆนึง ถึงต้องใช้ดาบที่ "ฟันเหล็กดุจฟันหยวก" ขนาดนี้...ดาบธรรมดาฟันฉับเข้าไป ก็น่าจะไม่รอดเหมือนกัน...
แต่ลองติดตามกันต่อเถิด...แล้วจะเห็นเหตุผลของโจโฉที่ต้องขอดาบวิเศษนี้
เป็นเหตุผลของคนที่ ไม่ยอมให้โลกทำอันตรายตัวเองได้...โจโฉจะทำอะไร...ต้องมีทางหนีทีไล่ให้ตัวเองเสมอ...
แต่การจะไปฆ่าขุนนางระดับเทียบเท่านายกรัฐมนตรีนี้ ก็ไม่ใช่เดินเทิ่งๆเข้าไปหา เอาดาบฟันฉับ...แบบนี้ตายตั้งแต่ประตู...โจโฉตายเอง
ก็จริงอย่างที่เขาอวดโอ่...โจโฉตีสนิทกับตั๋งโต๊ะ จนเข้าหาได้ทุกวันราวกับเป็นลูกเป็นหลาน...แต่วันนี้เขาเริ่มแผนพิฆาตตั๋งโต๊ะด้วยการ...
...ไปสาย...อ้าว งงเด้ งงเด้
“เฮ้ย ทำไมวันนี้มึงมาสายวะไอ้หนู”...ตั๋งโต๊ะทักเมื่อเจอหน้า...
“อ๋อ ม้าอั๊วมันขาเจ็บครับป๋า”...
“เหรอ เฮ้ยไอ้โป้ มึงไปดูม้าตัวใหม่ให้ไอ้โฉมันหน่อยเว้ย”...ตั๋งโต๊ะหันไปสั่ง ลิโป้ นายทหารคนสนิท...
...ลิโป้...จำชื่อนี้ไว้ให้ดี... คือหนึ่งในนักรบที่เก่งที่สุดและแสบที่สุดของสามก๊ก ตอนนี้มาเป็นองครักษ์ให้ตั๋งโต๊ะ...ถ้าลิโป้ยังอยู่ อย่าหวังเลยว่าโจโฉจะมีโอกาส...
ลิโป้ออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือกันสองต่อสอง โอกาสที่โจโฉจะสารภาพรัก เฮ้ย ไม่ใช่...จะฆ่าตั๋งโต๊ะ ก็งามอย่างยิ่ง...
ขณะที่ตั๋งโต๊ะนั่งหันหลังตอบไลน์เขี่ยเฟส ส่องไอจีเพลินอยู่...โจโฉ ค่อยๆหยิบดาบออกมาอยู่ในอุ้งมือ กระชับให้มั่น ย่องเข้าใกล้แล้วเงื้อ...
เดชะบุญ หรือเดชะบาปก็ไม่รู้...ตั๋งโต๊ะเงยหน้าขึ้นเห็นเงาสะท้อนในกระจก ก็หันขวับมาเห็นโจโฉถือดาบ...มึงจะฆ่ากูเหรอ...
...โจโฉชะงักกึก...ถ้าเป็นคนที่สติไม่แข็งจริง เจอจับได้ต่อหน้าต่อตาขนาดนี้ คงหัวใจวายตายไปเลย...แต่ระดับยอดคนอย่างโจโฉ...ยังครองสติจนหาทางออกให้ตัวเองได้...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #4 on:
12 July 2024, 14:45:31 »
moncheep siva
19 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
โจโฉโป๊ะแตก เท่ากับคออยู่บนเขียงแล้ว...เขาจะมีวิธีเอาตัวรอดอย่างไร...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 4...
ตัวต่อตัว แถมมีดาบอยู่ในมือ...แต่โจโฉก็ไม่ยอมเสี่ยง...เขาคุกเข่าพร้อมขอโทษขอโพยที่ทำให้ตกใจ ยื่นดาบให้ตั๋งโต๊ะอย่างนอบน้อม...
เอ้อ คือกระพ้มมีดาบวิเศษประจำตระกูล จะทิ้งไว้บ้านก็กลัวปลวกแทะ ราขึ้น...ก็อยากจะให้มันอยู่ในมือผู้มีบุญ ทอดตาทั่วแผ่นดินจีน ไม่เห็นใครเหมาะสมเท่ากับท่าน จึงนำมามอบให้ขอรับ...
ไอ้ตรงนี้ไง ที่แสดงให้เห็นว่าโจโฉเฉียบแหลมเรื่องทางหนีทีไล่ขนาดไหน...เพราะถ้าเปลี่ยนดาบที่อยู่ในมือ เป็นดาบพื้นๆบ้านๆ แล้วมาเงื้อง่าน่าสงสัยอย่างงี้...จะเอาข้ออ้างอะไรมาแก้ตัวล่ะ...หัวขาดแหงๆ
ด้วยความที่เป็นทหารย่อมหลงใหลในอาวุธ พอเห็นประกายที่ไม่ธรรมดาของดาบ...ตั๋งโต๊ะก็ถูกเบี่ยงเบนความสนใจจนหยุดระแวงในท่าทีของโจโฉ...
“เอ้อ นี่ดาบพ่องหรอ”...
“ครับ ดาบพ่อกู เอ๊ยพ่ออั๊วเองแหละครับป๋า ถลุงมาจากตาปูโลงผีตายโหงเจ็ดสิบเจ็ดโลง แช่น้ำเหลืองผีตายทั้งกลมเจ็ดวัดเชียวนะ...บลาๆๆๆ”
โจโฉพูดโฆษณาดาบเพื่อกลบเกลื่อนความน่าสงสัยของตัวเอง...ก็พอดีลิโป้กลับมาบอกว่าม้าได้แล้ว โจโฉก็ทำเป็นเห่อ ขอออกไปดูม้าตัวใหม่ก่อนนะ...
พอถึงม้า...โจโฉหยุดคิดแค่แว๊บเดียว...ไม่รู้ตั๋งโต๊ะมันจะยังสงสัยกูอยู่รึเปล่า แล้วถ้ามันยังสงสัย กูคงหัวขาดเข้าสักวัน...ไม่เสี่ยงดีกว่าโว้ย...คิดแล้วก็ตัดสินใจควบเต็มฝีเท้าม้า หนีออกนอกเมืองไปเลย
ฝ่ายตั๋งโต๊ะเกิดเอะใจมาคิดทบทวนดู เอ๊ กิริยาไอ้โจโฉวันนี้มันดูแปลกๆอยู่ ถือดาบดูเงื้อง่ายังไงพิกล...ไปเรียกมันมาคุยหน่อยซิ...
สักพัก คนที่ไปตามก็เข้ามาบอกว่า โจโฉควบม้าเต็มเหยียดออกนอกเมืองไปแล้ว...
ตั๋งโต๊ะถึงกับความดันขึ้น ขบกรามกรอด...ชัดเลย มันเกือบล่อกูซะแล้ว อุตส่าห์ไว้ใจเลี้ยงดูให้อยู่ใกล้ตัว เกือบเสร็จมัน
...แล้วหมายจับผู้ร้ายพร้อมใบหน้าโจโฉ จึงว่อนออกไปทุกทิศทาง
...โจโฉหนีออกจากเมืองหลวงแล้วไปทำอะไรต่อ...ก็ไปเจอตันก๋ง แล้วก็ก่อเหตุตามที่เล่าตอนต้นไงล่ะ...
พอแยกกับตันก๋งแล้ว โจโฉก็เดินทางกลับมาถึงบ้านเกิด...
...ป๋า หนูลอบฆ่าผู้สำเร็จราชการตั๋งโต๊ะ ไม่สำเร็จ โดนหมายจับมาเนี่ย...
ป๋าบอก...สวดยวดเลยลูกชายกู ต้องให้มันได้ยังงี้...ว่าแล้วสองพ่อลูกก็สุมหัวกัน ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จะหัวขาดทั้งตระกูลก็ให้มันรู้ไป...
โจโก๋ เตี่ยโจโฉ ก็ไปกราบไหว้อ้อนวอนขอให้เพื่อนเก่าเป็นนายทุนตั้งกองทัพให้...เพื่อนเก่าก็อาวุโสโอเค ไม่ถามเรื่องสุขภาพซ้ากคำ...มึงกล้าขอกูก็กล้าให้...ก็ให้ทุนไปซื้ออาวุธ ช้างม้าวัวควาย ตั้งโรงทหารขึ้นมาพรั่งพร้อม...
โจโฉเองก็ทำป้ายไวนิลผืนเบ้อเร่อ...รับสมัครกบฏ...ผลปรากฏว่า คนมาสมัครกันให้คึกคัก โรงฝึกทหารแห่งนั้นก็เป็นเหมือนเมืองย่อมๆขึ้นมาทันที...
...โตเร็วราวปาฏิหาริย์ แถมด้วยว่าโจโฉตัวตั้งตัวตีเอง ก็ดังสะท้านแผ่นดินด้วยข้อหาที่กล้าลงมีลอบสังหารผู้ยิ่งใหญ่ตั๋งโต๊ะ...ประกอบกับว่า ตั๋งโต๊ะแม่งคงจะชั่วเหลือกำลังลาก...
หัวเมืองแถวนั้น แทนที่จะยกมาปราบกองทัพเกิดใหม่...กลับยกพวกมาเข้ากับโจโฉ จนมีกำลังเกือบยี่สิบหัวเมือง ทหารก็หลายหมื่นคน...
ปีกกล้าขาแข็งแล้ว...คราวนี้ก็ยกมาล้อมเมืองหลวงให้ตั้งโต๊ะงงเล่น...อะไรวะ ไอ้โจโฉตอนออกไปแม่งไปคนเดียวกับม้าตัวเดียว...มึงไปเสกยังไงวะ ถึงกลับมาเป็นกองทัพหลายหมื่นได้...
...แต่สุดท้าย กองทัพรวมมิตรนี้ก็ปฏิบัติการไม่สำเร็จ มีอันต้องสลายตัวไปในเวลาไม่นานนัก...
แต่เดี๋ยวจะเอาเกร็ดที่สำคัญของกองทัพรวมมิตรนี้ มาเล่าให้ฟังทีหลัง...
...ตอนนี้เราย้อนมากล่าวถึงสุดยอดนักรบคนหนึ่ง ที่เราเคยเอ่ยถึงมาก่อน นั่นคือ ลิโป้...
อัศวินคนนี้เรียกว่ามีพร้อมทุกอย่าง...หล่อโฮก...หุ่นดีอีกต่างหาก...แถมยังมีฝีมือการรบแบบหาใครเทียบยาก ทวนบนหลังม้าก็สุดยอด...ยิงธนูก็โคตรแม่น
นึกง่ายๆ เหมือนเป็นทหารหน่วย seal team six...แต่หล่อแบบ แบรด พิท ตอนพีคๆ แล้วหุ่นแบบโรนัลโด้อ่ะ
เท่ไปกว่านั้น...ปกติตอนออกรบ อัศวินทั่วไปก็จะใส่หมวกเหล็ก คลุมหัวคลุมหูไว้ ให้ฟันยากๆหน่อย...
นี่ไม่ครับ...หน้า-ผม จัดเต็ม...หมวกไม่ต้อง..แค่เกล้าผมให้หัวทุยคล้ายหัวสิงห์ มีปิ่นปักไว้ ปลายปิ่นประดับด้วยพู่จามรีย้อมสีแดงฉาน แกว่งไกวไปตามจังหวะการรบบนหลังม้า...ให้รู้ว่าหัวกูอยู่นี่ ใครอยากได้ก็เข้ามาเอา...
ลิโป้พรั่งพร้อมขนาดนี้ แต่ไปได้ไม่ไกลเพราะขาดอยู่อย่างเดียวคือ คุณธรรม...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #5 on:
12 July 2024, 14:46:21 »
moncheep siva
21 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
แผนการอันซับซ้อน เพื่อกำจัดขุนนางโฉด ตั๋งโต๊ะ...ถูกวางขึ้นอย่างแยบยล...
หนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ปรากฏขึ้นในตอนนี้...เธอมีบทบาทอย่างไร...เชิญเสพ
สามก๊ก...ตอนที่ 5...
สุดยอดอัศวิน...ลิโป้ ปรากฏตัวในช่วงต้นๆ ที่สามก๊กยังไม่เป็นสามก๊ก...ตอนนั้น เมืองหลวงระส่ำระสาย...หัวเมืองภายนอกหลายหัวเมืองก็ยกทัพกันเข้ามา เหมือนจะเข้ามาช่วยฮ่องเต้...แต่ที่จริงก็หวังจะมาครอบอำนาจกันทั้งนั้น
ตอนที่หลายๆทัพยกกันเข้ามาเจอกัน...มึงก็ใหญ่ กูก็ไม่กลัวใคร...ก็เป็นธรรมดาแหละครับที่จะต้องกัดกัน หนึ่งต่อหนึ่งบ้าง สองสามรุมหนึ่งบ้าง แล้วแต่...
หนึ่งในบรรดาคู่ที่กัดกันฆ่าเวลา ก็มีเจ้าเมืองๆหนึ่ง ซึ่งมีลิโป้เป็นทหารเอก แต่เป็นทหารเอกที่มีความพิเศษ เพราะเป็นที่โปรดปรานถึงขนาดเรียกเป็นลูกเป็นพ่อกันกับเจ้าเมือง...ทัพนี้เค้าจับคู่รบกับกองทัพตะวันตกของตั๋งโต๊ะ...กี่ยกๆ ทหารฝ่ายตั๋งโต๊ะก็แพ้...หัวหลุดกันเป็นแถว...จนไม่รู้จะหาหัวใครไปให้ลิโป้ฟันเล่น
ตั๋งโต๊ะก็กลุ้มอยู่พักนึง จนได้คำแนะนำจากที่ปรึกษาว่า เจ้าลิโป้เนี่ยกระพ้มรู้จักมันดี มันมีโรคประจำตัวคือ ต่อมคุณธรรมบกพร่อง แถมต่อมละโมบ ยังทำงานเกินพิกัด กระพ้มเป็นเพื่อนเก่ามัน เดี๋ยวจะไปกล่อมให้
คนกล่อมก็คงฝีปากดีใช่ย่อย...ไม่รู้กล่อมกันอีท่าไหน ไม่กี่วันถัดมา ลิโป้ก็หิ้วหัว "พ่อเก่า" เอามาให้ "พ่อใหม่" คือตั๋งโต๊ะถึงค่าย...
คุณพ่อตั๋งโต๊ะ พอได้ลิโป้มาเป็นทหาร “ลูกรัก”...คราวนี้ก็ยิ่งกว่าพยัคฆ์ติดปีก...อันนี้ต้องเรียกว่า ระดับเหี้ยพ่นไฟได้...
...ขุนนางโฉดตนนี้ ถึงแม้จะครอบงำฮ่องเต้น้อย สร้างกรรมไว้กับผู้คนมากมาย...แต่ยังไม่มีใครกล้าหือ...ส่วนนึงเพราะเกรงในฝีมือลูกรัก...ลิโป้นี่แหละ
...เอ้า ทำความรู้จักลิโป้กันแล้ว คราวนี้ก็มาโยงกับเรื่องเก่า...
...หลังจากที่โจโฉอาสาไปฆ่าตั้งโต๊ะ แต่กลับล้มเหลว จนเปิดตูดแน่บไปนอกเมือง...ขุนนางกลุ่มเดิมก็กลับมาสุมศีรษะ...ปรับทุกข์กันอย่างเดิม
แต่ฟ้ายังมีตา หรือไม่ก็เป็นคนเขียนบทซะเอง...คิดได้ว่าถ้าปล่อยคายังงี้ เรทติ้งตกแน่นอน...ก็บังเอิญให้มีสาวงามคนนึง คิดกตัญญูต่อแผ่นดินขึ้นมา...
...สาวงามคนนี้เป็นใครหนอ...ความงามของเธอถึงกับมีส่วนให้หน้าประวัติศาสตร์จีน เปลี่ยนไปได้เลยทีเดียว...
เคยได้ยินชื่อ "เตียวเสี้ยน" มั้ยฮะ ไม่ใช่สิวเสี้ยนนะฮะ...เตียวเสี้ยนถือกันว่าเป็นสาวงามระดับ top three ของประวัติศาสตร์จีนเลยทีเดียว
เตียวเสี้ยนเดิมเธอเป็นแค่เด็กๆอยู่ในคณะดนตรีของเสนาบดีใหญ่ เจ้าของดาบวิเศษที่ให้โจโฉไปนั่นแหละ...แต่ด้วยความที่หน้าตาจิ้มลิ้ม กิริยามารยาทงดงาม...ท่านเสนาฯใหญ่ก็เลยเอ็นดู เลี้ยงดูเธอมาเหมือนลูกบุญธรรม...แล้วยิ่งเธอโต ก็ยิ่งสวยวันสวยคืน...
ไม่ใช่งามแต่รูปร่างหน้าตา จิตใจเธอยังรู้คุณคนด้วย...เธอเห็นป๋า หมู่นี้หน้าดำคร่ำเครียด...ก็ไม่รู้สาเหตุหรอก แต่ก็ปวารณาตัวเองว่า แม้แต่ชีวิตก็สละได้ ถ้าสามารถแบ่งเบาความทุกข์ของป๋าได้...
...เตียวเสี้ยน ด้วยความที่ตนเป็นเด็ก ก็ไม่กล้าเอ่ยถามป๋าตรงๆว่ามีความทุกข์อะไร ให้หนูช่วยอะไรได้มั่งมั้ย...ก็ได้แต่แอบมองป๋าด้วยความเป็นห่วง แล้วก็เผลอถอนใจออกมาบ่อยๆ...
...บ่อย จนโดนป๋าตวาด...มึงมาเฮือกๆอะไรแถวนี้ ไปแอบกิ๊กหนุ่มที่ไหนไว้ล่ะสิ แรดนักนะมึง....ฉอดๆๆๆ...
...หลังจากปลอบให้ป๋าใจเย็นสักพัก...เตียวเสี้ยนก็บอกให้รู้ว่า ตนไม่ได้ไปกิ๊กไอ้ตี๋บ้านไหน แต่สังเกตป๋าช่วงนี้หม่นหมอง ก็รู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก...มีอะไรให้หนูช่วยได้มั้ยคะ...
...ท่านเสนาบดีใหญ่เพิ่งได้สติ เมื่อได้จ้องมองหน้าเตียวเสี้ยนอย่างตั้งใจ...เออ ลูกเลี้ยงกูนี่มันโคตรสวยเลยนี่หว่า กูมองข้ามไปได้ยังไงวะเนี่ย นี่ขนาดแก่ๆอย่างกูยังมีเคลิ้มๆไปมั่ง...อ้ะ ยังงี้มีแผนแล้ว...
คิดแล้ว ท่านเสนาบดีใหญ่ ก็กระทำสิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งนัก...สำหรับสมัยนั้น...หรือสมัยนี้ก็เถอะ...
ท่านคุกเข่าลงต่อหน้าเตียวเสี้ยน ลูกเลี้ยงของตน...ในลักษณะการร้องขออย่างสูงสุด...
“ขอให้แม่นาง เห็นแก่ชาติบ้านเมืองด้วยเถิด”...
...เตียวเสี้ยนตกใจแทบเป็นลม ที่ผู้มีพระคุณสูงสุด มากระทำกับตนแบบนี้...ก็รีบร้องห้าม พร้อมหมอบกราบแทบจะแบนติดพื้น...
...กราบกันไปกราบกันมา...ก็ได้คุยเข้าเรื่องกันซะที...
...เหตุที่ท่านพ่อเลี้ยงต้องแสดงออกระดับรางวัลออสการ์ขนาดนี้ เพราะท่านกำลังจะร้องขอ...สิ่งที่ผู้หญิงชาวจีนในสมัยนั้น ถือว่ามีค่าเหลือเกิน ต้องสงวนรักษาไว้ยิ่งชีวิต...
ท่านเสนาบดีกำลังจะขอให้เธอใช้ความสาว ความสวยของเธอ...ทำกลอุบายเพื่อแผ่นดิน
...ไม่ต้องร้องขอ หรืออ้อนวอนอะไรกันมาก ในเมื่อตั้งใจไว้ว่าชีวิตก็สละให้ได้...เตียวเสี้ยนยินยอมทำตามแผนทุกอย่าง...
แผนการเริ่มดังนี้...
วันนึงท่านเสนาบดีเจ้าของแผนการ ก็เชิญลิโป้มากินเลี้ยงที่บ้าน...กินเหล้าเคล้าอาหารเลิศรส แถมด้วยลูกเยินกะลูกยอกาละมังใหญ่จากทีมท่านเสนาบดี
...แหมท่านอัศวินหัวสิงห์นี่ สุดยอดนักรบไม่มีใครต่อกรได้เลย แถมยังรูปหล่ออีกต่างหาก ไอ้กระพ้มตอนหนุ่มๆนี่ยังเทียบไม่ติดท่านเลย...บลาๆๆ...ลิโป้ก็ตัวลอยแล้วลอยอีก..
....เท่านั้นยังไม่พอ ดึกๆ ท่านเสนาบดีก็ให้นางเตียวเสียนออกมาเล่นดนตรี และร้องเพลงขับกล่อมอย่างใกล้ชิด
ก็บอกแล้ว สวยระดับท็อปธรีขนาดนี้ แถมร้องเพลงเพราะอีก...แค่เดินกรีดกรายออกมา ลิโป้ก็ตะลึงแล้ว...แล้วยิ่งเผยอปากขับกล่อมเพลง...ลิโป้แทบจะละลายติดเก้าอี้...
ท่านเสนาบดีมองท่าทางลิโป้ เห็นทุกอย่างเข้าทาง ก็ไม่ต้องอินโทรมาก...เข้าท่อนฮุคเลย...
เนี่ย ลูกเลี้ยงของข้าเอง ท่านชอบใช่ไหม...เอ้าข้ายกให้...
หูยยย...จริงป้ะ...ลิโป้ดีใจแทบตายอยู่ตรงนั้น...อยากจะเข้าไปอุ้มเตียวเสี้ยนกลับบ้านเดี๋ยวนั้นเลย...
พรุ่งนี้มาตามต่อนะครับ...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #6 on:
12 July 2024, 14:47:10 »
moncheep siva
22 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
อะไรเล่า ที่จะมาทำให้ตั๋งโต๊ะ กับ ลิโป้ ซัดกันเองได้...และเมื่อถึงบท เตียวเสี้ยนจะเล่นเป็นแค่ไหน...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 6...
ลิโป้เจอเตียวเสี้ยนครั้งแรก แถมท่านเสนาบดียกให้เป็นเมียอีก...ก็แทบจะอุ้มกลับบ้านเดี๋ยวนั้น แต่ท่านเสนาบดีก็ดำเนินแผนต่อ ฉุดมือลิโป้ไว้...
เดี๋ยวก่อนท่านลิโป้ ให้เกียรติข้าบ้าง ลูกสาวข้า จะอุ้มไปโซ้ยกันเหมือนโจรยังงี้ มันไม่ได้...ต้องรอดูฤกษ์ดูยามก่อนน่า คงไม่กี่วันหรอก...แล้วข้าจะแจ้งให้ท่านยกขบวนมารับลูกสาวข้าไป...ให้มีพิธีรีตองหน่อยนะ
เอ้า...ก็ฟังดูมีเหตุมีผล ลิโป้ก็ได้แต่อดใจ กลับบ้านไปนอนรอ...
วันรุ่งขึ้น ท่านเสนาบดีดำเนินแผนกับอีกฝั่งนึง...คราวนี้เชิญฝ่ายท่านตั๋งโต๊ะมากินเลี้ยงที่บ้าน แล้วก็สรรเสริญเยินยอบุญญาบารมี หัวเราะกันเอิ๊กอ๊ากๆสักพัก
...พอดึกๆก็ให้เตียวเสี้ยนออกมาร้องเพลงเล่นดนตรีขับกล่อม...เหมือนเดิมเป๊ะ
ถ้าเป็นการ์ตูน เราคงเห็นภาพตั๋งโต๊ะจ้องตาถลน คางตก แถมเลือดกำเดากระฉูด เมื่อได้เห็นเตียวเสี้ยน...นังหนูนี่ทำไมมันสวยขนาดนี้วะ...
หลังจากเช็ดเลือดเช็ดน้ำลายให้แล้ว ท่านเสนาบดีก็วางเบ็ดทันที...ทั่นครับ คือกระพ้มมันก็แก่แล้ว ก็เหลือนังหนูลูกสาวกระพ้มนี่แหละที่เป็นห่วงอยู่ อยากให้มันเป็นฝั่งเป็นฝา เป็นพื้นเป็นเพดานซะที...ถ้าท่านตั๋งโต๊ะไม่รังเกียจ พอจะรับหนูเตียวเสี้ยนไปดูแลได้ไม๊ล่ะท่าน...
โต๊ะถึงกับต้องร้องหายาอมใต้ลิ้น แก้หัวใจวาย...อ๊ายยย...ถามอะไรยังงั้นล่ะท่านเสนาบดี...พูดไปตั๋งโต๊ะก็เช็ดน้ำลายไป...เรามันกากี่นั้งน่า...มามะ...นังหนูเตียวเสี้ยน เดี๋ยวอั๊วดูแลให้เอง ฮ่าๆๆๆ...
ซ้ำรอยกับที่ยกให้ลิโป้ เป๊ะๆเลยใช่ไหมฮะ แต่มันต่างกันตรงที่...พอถึงเวลาตั๋งโต๊ะกลับ ไม่ต้องรอเลขผานาทีกันล่ะ จับนางเตียวเสี้ยนใส่ขบวนกลับคฤหาสน์ไป "ดูแล" ในคืนนั้นเลย...
ฝ่ายลิโป้ ที่เทียวไปเทียวมาแถวบ้านท่านเสนาบดี รอฤกษ์ว่าเมื่อไหร่จะได้มารับเตียวเสี้ยนไปเชยชมซะที...ก็พอเห็นตั๋งโต๊ะออกมาจากบ้านท่านเสนาฯ และในรถมีนางเตียวเสี้ยนร่วมขบวนกลับไปด้วย...ก็ อ้าวๆๆๆ ท่านเสนาหอยเล่นไรเนี่ย ไม่รอช้า จับทวนขึ้นม้ามาเคาะประตูบ้านท่านเสนาบดีทันที
อุเหม่ๆ อ้าวไม่ใช่ นั่นมันโขน...ลิโป้ต้อง ว๊ากกก เพ้ย ท่านเสนาบดี ลื้อยกเตียวเสี้ยนให้อั๊วแล้ว ทำไมกลับไปให้ตั๋งโต๊ะอย่างนี้...ลื้อเก๋าอ๋อออ
เสนาบดีก็ปลอบใจ...เฮ่ย ลิโป้ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านตั๋งโต๊ะพ่อบุญธรรมของท่านรู้ข่าวว่าท่านเองจะรับนางเตียวเสี้ยนเป็นเมีย ก็อาสาว่าจะจัดพิธีใหญ่โตให้...ก็เลยรับนางเตียวเสี้ยน ว่าที่ลูกสะใภ้บุญธรรม เข้าไปดูแลให้ก่อน...
ลิโป้ก็ใจเย็นลงได้...อ๋อเหรอ งั้นขอท่กๆอั๊วเข้าใจท่านผิดไป...
หลังจากที่กลับไปนอนฝันหวานทั้งคืน...รุ่งเช้าลิโป้ก็ไปหาตั๋งโต๊ะเหมือนที่ปฏิบัติทุกวัน...
เอ...เช้านี้ตั๋งโต๊ะยังไม่ลงมาเว้ย งุ่นง่านอยู่สักพักก็ไปถาม รปภ. ก็ได้คำตอบว่า...
เมื่อคืนได้ข่าวว่าท่านตั๋งโต๊ะได้สาวคนใหม่มา สวยซี๊ดขนาด เมื่อคืนคงจะบันเทิงกันทั้งคืน เช้านี้เลยยังไม่ตื่นเลยขอรับ...
...”บันเทิงกันทั้งคืน”...แปลว่าอารายยยย...ลองจินตนาการสีหน้าลิโป้ เมื่อได้ยินข่าวฟ้าผ่าแบบนี้...
...โธ่ แม่สิวเสี้ยนที่พี่หวังจะเชยชม...เธอคงโดนไอ้แก่บีบสิวซะเกลี้ยงไปแล้ว...มึงนะมึงไอ้ตั๋งโต๊ะ...
...แต่ก็นิยายอ้ะนะ...เพราะลิโป้ไม่ได้แว๊บไปคิดบ้างเลยว่านี่มันเป็นแผนท่านเสนาบดี วางเหยื่อให้เสือสองตัวกัดกันเอง...ก็ได้แต่เดือดคุณพ่อตั๋งโต๊ะ คุกรุ่นอยู่ในใจ...
แต่ถึงจะแค้นสุดแค้น ที่โดนขโมยบีบสิว...แต่ด้วยความที่ใหญ่คับบ้านคับเมืองของตั๋งโต๊ะ...ลิโป้ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆๆ อยู่คนเดียว...
ตั้งแต่วันนั้นมา...ลิโป้ก็กระด้างกับท่านพ่อบุญธรรมขึ้นอย่างแปลกหูแปลกตา...ถามคำตอบคำ ถามหลายคำก็ตอบห้วนๆ...ไม่ยิ้มแย้มพ่อจ๊ะพ่อจ๋าเหมือนเดิม
ตั๋งโต๊ะก็...เฮ้ย ไอ้โป้มันเป็นอะไรของมันวะ...ทำตัวยังกะวัยทอง...ยังงี้มึงห้วนมา กูก็ห้วนไปมั่ง...
ส่วนเตียวเสี้ยน ถึงนางไม่ได้เป็นญาติกับ สารัช อยู่เย็น...แต่เตียวเสี้ยนก็ "อยู่เป็น" เหมือนกัน...ในโอกาสที่ตั๋งโต๊ะป่วย เธอก็ยอมอดหลับอดนอนปรนนิบัติอยู่ไม่ห่าง...ก็เก็บสามแต้มเต็มๆจากผัวแก่ ตั๋งโต๊ะ
...แล้วพอเห็นลิโป้มาวับๆแวมอยู่ใกล้ เธอก็จะส่งสายตาโหยไห้อาลัยหาให้พี่โป้ยอดรัก...พี่โป้ก็มองตอบด้วยความอาลัยไม่แพ้กัน...ได้แต้มจากฝั่งกิ๊กหนุ่มเข้ามาอีก...บ๊ะ นางนี่ไม่เบาแฮะ
ตั๋งโต๊ะถึงจะสลัมสลืออยู่ แต่พอมองเห็นก็...เฮ่ย ไอ้โป้นี่มันมองอะไรของมัน...อ๋า...มันมองอีหนูของกูนี่หว่า...เชี่ยโป้...มึงไปไกลๆตีนกูเลย...พ่อลูกเริ่มไล่ตะเพิด มีปากมีเสียงกันดังลั่น...ต่อไปมึงไม่ต้องมาใกล้กูเลย ไอ้เวรรรร...
ยังครัช...เตียวเสี้ยนยังสวมเสื้อเบอร์สิบ เป็นเพลย์เมคเก้อร์ได้ยิ่งกว่านั้น...อาจจะด้วยความหล่อของลิโป้ เทียบกับความแก่หงำเหงือกของตั๋งโต๊ะ ก็ไม่แปลกที่เตียวเสี้ยนจะมีใจให้จริงๆ
วันนึงพอสบโอกาส ตั๋งโต๊ะมีประชุมครม. ลิโป้ก็แว๊บออกมาก่อน มาเข้าหลังบ้านตั๋งโต๊ะ ไปหาเตียวเสี้ยน...เตียวเสี้ยนเอง นางก็รอโอกาสสองเด้งแบบนี้อยู่แล้ว...
เด้งแรกจะได้สารภาพ สิ่งที่นางคงจะรู้สึกจริงๆกับลิโป้น่ะแหละ
อีกเด้ง...นางจะได้สร้างสถานการณ์ เสี้ยมสิงห์หนุ่มกับเสือเฒ่า ให้ซัดกันให้ได้...นางเลยบอกให้ลิโป้ไปรอที่สวน เดี๋ยวสบโอกาส จะตามลงไปหา...
ปล่อยเฮียโป้ให้รออยู่พักใหญ่...ไม่ใช่อะไรหรอก เพื่อรอจังหวะให้มันพอเหมาะ...พอเหมาะยังไงหรอ...
ตัดภาพมาอีกด้าน...ในเวลานั้น...ตั๋งโต๊ะถึงจะคร่ำเคร่งประชุมอนุมัติรถไฟความเร็วสูงอยู่ แต่มองซ้ายมองขวาไม่เห็นลิโป้...เอ้...ไอ้โป้มันออกไปเล่นท้ายครัวกูรึเปล่าว้า...ยิ่งคิดยิ่งกระวนกระวาย...ไม่เอาแล้ว ปิดประชุมโว้ยปิดประชุม...
ขบวนใหญ่โตที่เคยแห่แหนท่านผู้สำเร็จราชการกลับบ้านทุกวัน...ไม่ต้องโว้ย มึงแห่ของมึงไปเถอะ...กูขึ้นม้าได้ก็ห้อแน่บกลับบ้าน...สังหรณ์ว่าไอ้โป้มันอยู่บ้านกูแน่...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #7 on:
12 July 2024, 14:47:57 »
moncheep siva
23 ม.ค. 2019 เวลา 19:19
ดีกรีความเหม็นหน้า ระหว่างตั๋งโต๊ะกับลิโป้ มากขึ้นทุกที...โดยมีเตียวเสี้ยนเป็นคนหยอดเชื้อไฟ...จะสำเร็จแต่ไหน...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 7...
ระหว่างที่ตั๋งโต๊ะควบม้า ห้อกลับบ้านอยู่...ที่อุทยานหลังบ้าน เตียวเสี้ยนก็ได้มาเจอกับลิโป้แล้ว...ถ้าฉากนี้มีเพลงประกอบ ต้องเป็นเพลงเศร้า บีบคั้นอารมณ์สุดๆ...
ไม่ต้องมานั่งปิดบังด้วยความอายกันอยู่ล่ะ...หนุ่มสาวต่างพรั่งพรูความในใจให้แก่กัน
เตียวเสี้ยนก็ยอมรับว่ารักพี่โป้หมดหัวใจ แต่เมื่อถูกโจรเฒ่า มาพรากความสาวไปเสียเช่นนี้...ก็ฝืนใจประคองร่างที่เหลืออยู่ รอโอกาสจะได้บอกรักพี่โป้ด้วยตนเอง เมื่อได้ทำแล้ว...ก็จะขอลาตายนะคะที่รัก
ว่าแล้วนางก็ขมีขมันปีนรั้ว จะโดดลงบ่อน้ำฆ่าตัวตายให้ได้...
โถๆๆๆๆ...ไม่ต้องเป็นคนเขียนบทละคร เราๆท่านๆก็บอกได้ว่า...ลิโป้มีรึจะยอม ก็ต้องเข้าไปฉุดไปรั้ง ไม่ให้เตียวเสี้ยนฆ่าตัวตายได้...ฉุดไปฉุดมาก็...กอดกัน...ถ้าเป็นหนังเกาหลีก็ต้องมี...อุ๊ย...ปากกะปากมาจุ๊บกันด้วย...เขินแย่เลยยย
ฮ่าๆๆ...จีน ไทย แขก ฝรั่ง เกาหลี...แม่งมาเหมือนกันหมด
แต่อย่างที่บอกว่าเตียวเสี้ยนนี่เล่นเป็นไม่ใช่น้อย...ตลอดเวลาที่ยื้อยุดกันอยู่ บางจังหวะก็ฮึดฮัดจะโดดบ่อ เดี๋ยวก็มากอดมาจุ๊บกัน บางช่วงก็ซบหน้าร้องห่มร้องไห้...เตียวเสี้ยนจะเลือกมุมที่ได้เปรียบตลอดเวลา
นางจะยืนในมุมที่เห็นประตูเข้าสวน ฝ่ายลิโป้จะหันหลังให้ประตู...
ตั๋งโต๊ะเมื่อมาถึงบ้าน...เฮ้ยเตียวเสี้ยนอยู่ไหน...อยู่ในสวนหลังบ้านเจ้าค่ะ...แล้วเห็นไอ้ลิโป้มั๊ย...ก็อยู่สวนหลังบ้านเหมือนกันเจ้าค่ะ...กูว่าแล้ว...ตั๋งโต๊ะหอบร่างอุ้ยอ้ายตรงไปสวนทันที
เมื่อเตียวเสี้ยนเห็นร่างอ้วนๆ ตุ้มต๊ะตุ้มตุ้ยเข้าประตูสวนมา...เธอก็อาการกำเริบทันที...จะโดดบ่อให้ได้ ลิโป้ก็ฉุดรั้งกอดไว้ เธอก็ปลิดไม้ปลิดมือเป็นพัลวัน...พอดีกับที่ตั๋งโต๊ะหอบแฮ่กๆมาถึง...ภาพที่เห็นจะแปลเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
"เชี่ยโป้ มึงปล้ำเมียกูเหรอสัสสส"...ตั๋งโต๊ะคำรามลั่น
ฝ่ายลิโป้ สันหลังหวะอยู่แล้ว ก็เผ่นสิครับ...รีบร้อนถึงขนาดลืมทวนคู่มือที่วางพิงรั้วเอาไว้ ระหว่างฟิเจอริ่ง เอ้อ...ไม่ถึงขั้นนั้น...แค่สารภาพรักกับสาวงาม...
ตั๋งโต๊ะหน้ามืดสุดขีด มาถึงก็หยิบทวนพุ่งใส่ลิโป้ กะให้ปักหลังทะลุยอดอกกันเลยทีเดียว...แต่ฝีมือการพุ่งทวนของขุนศึกแก่ๆ มีรึจะทำอันตรายเทพบุตรแห่งสมรภูมิระดับนี้ได้...ลิโป้ก็รอดไป
ระหว่างที่ลิโป้วิ่งตูดแป้นออกมาจากสวน ก็สวนกับที่ปรึกษาของตั๋งโต๊ะ ชื่อลิยู...ช่วยด้วยท่านลิยู ตั๋งโต๊ะจะฆ่าข้า...ยังไม่ทันอธิบายอะไรต่อ ก็วิ่งตื๋อหายไป
ที่ปรึกษาก็รีบเข้าไปหา...มันอะไรกันท่านตั๋งโต๊ะ ถึงกับจะฆ่าจะแกงลูกบุญธรรมเชียวหรือ...
ก็ไอ้จังไรโป้เนี่ย มันมาปล้ำแม่เลี้ยงมันเอง...ตั๋งโต๊ะฟ้องลิยูปากคอสั่น
อ๋ายยยย...ท่านตั๋ง ท่านคิดผิดแล้ว เรื่องแค่นี้เอง โท่ถังงง...
แล้วลิยูก็จูงมือตั๋งโต๊ะไปกระซิบกระซาบ ชี้ให้เห็นข้อดีข้อเสีย...นั่น ไอ้ที่วิ่งแจ้นหนีไป นั่นมันสุดยอดเครื่องจักรสังหารเชียวนาจา อาวุธสำคัญที่จะนำท่านสู่บัลลังก์มังกรทอง...ส่วนนังที่ยืนสวยอยู่นู่น...โธ่เอ๊ย ถึงวันที่บัลลังก์รองตูดแล้ว...ท่านจะหาสักกี่คนก็ได้...จะมัวเสียดายทำไม
"ยกให้ไอ้โป้มันไปเถอะ"...ลิยูแนะนำ
อืม...ก็จริงของท่าน...แต่ตั๋งโต๊ะลูบหนวดลูบเครา...แต่ก็ผัดเวลา ขอคิดดูก่อนคืนนึง
คืนนั้น...หลังจากที่เตียวเสี้ยนปั้นเหตุการณ์ใส่รูหูตั๋งโต๊ะ...ว่าถูกลิโป้ลวนลาม ด่าไปก็ไม่หยุด เลยคิดจะโดดน้ำตาย เพื่อรักษาตัวให้เป็นของป๋าคนเดียว...
ตั๋งโต๊ะกระแอมกระไอ...แล้วก็เริ่มแหย่ว่า จะยกนางให้ลิโป้...เอามั้ยล่ะ
เท่านั้นแหละ เตียวเสี้ยนก็เหมือนผีเข้า...กรีดร้องฟูมฟาย ผ้าผ่อนหลุดลุ่ย...ไม่ยอมๆๆๆ หนูไม่ยอม...ป๋าจะเทหนู...เหมือนเขียนด้วยมือลบด้วยเท้า...หนูจะอยู่ไปทำไม...
ไม่ใช่แค่ดีดดิ้น แต่ลุกขึ้นไปหยิบดาบจะเชือดคอตาย...เอ้อ เอากะนางสิ วันนึงจะฆ่าตัวตายสองรอบ...
เจอไม้นี้เข้า ตั๋งโต๊ะก็หมดท่า ต้องลุกขึ้นไปยึดมือไว้...ปลอบโยน ลูบหน้าลูบหลัง ลูบล่างลูบบน...โอ๋ๆๆๆ ทูนหัวของป๋า...ป๋าล้อเล่นๆๆๆ...
อ๋อ อีลิยูใช่ป้ะ...ที่มันมายุแยง ให้ป๋ายกหนูให้ลิโป้...ใช่ซี้ อีนี่มันซี้กะไอ้โป้ ป๋าอย่าไปเชื่อมัน น๊าๆๆๆๆ...เคร จ้าๆๆๆ ไม่ยกให้ๆๆๆๆ
เป็นอันว่า เรื่องจะยกนางให้ลิโป้เป็นอันพับไป
รุ่งขึ้นพอเจอลิยู...เป็นไงท่านตั๋ง จะยกให้ลิโป้เมื่อไหร่...ผลคือ ลิยูเลยโดนด่าแทบหัวโกร๋น จนต้องเผ่นออกมา รำพึงกับพรรคพวกว่า พวกเราคงฉิบหายเพราะอีเตียวเสี้ยนแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วัน เพื่อความเป็นส่วนตัว...ตั๋งโต๊ะก็ยกขบวนอันใหญ่โต จะอพยพไปอยู่เมืองหลวงใหม่ที่ตนสร้างไว้...แน่นอน เตียวเสี้ยนก็ไปด้วย...ลิโป้ โดยหน้าที่ก็ต้องมาตั้งแถวส่งขบวนของเจ้านายด้วย...
ระหว่างที่ขบวนผ่าน เตียวเสี้ยนก็ไม่ลืมที่จะหยอดไว้ซักหน่อย...นางเผยม่านเกี้ยว ส่งสายตาที่ละห้อยหาให้กับอัศวินหนุ่ม กรีดน้ำตาสะอึกสะอื้นเสียสองสามหยด...แค่นั้นลิโป้ก็ตายคาที่ ไม่ต้องสืบ...
...ตั๋งโต๊ะพานังหนูเตียวเสี้ยน แยกไปเสพสุขอีกเมืองนึงแล้ว...ลิโป้จะยอมแพ้ หรือทำยังไงต่อ...ต้องตามพรุ่งนี้แล้วครับ...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #8 on:
12 July 2024, 14:48:53 »
moncheep siva
24 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
ไม้แข็ง หรือาวุธที่ร้ายกาจเพียงใด ก็ไม่สามารถโค่นตั๋งโต๊ะลงได้...แต่ความอ่อนหวานที่สุด สวยงามที่สุด กลับทรงประสิทธิภาพ เพียงพอจะทำให้อสูรร้ายตนนี้ ตายอย่างไร้ที่กลบฝัง...
เรื่องจะดำเนินไปอย่างไร...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 8...
ฝ่ายท่านเสนาบดี พ่อเลี้ยงเตียวเสี้ยน...ตั้งแต่ส่งเตียวเสี้ยนให้ตั๋งโต๊ะแล้ว ก็แกล้งป่วยซมอยู่กับบ้าน ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไร ก็เพื่อไม่ต้องตอบคำถามใครให้เป็นพิรุธ...แต่ความจริงก็แกวางสายติดตามความเคลื่อนไหวมาตลอด...
...ก็คงสืบจนแน่ใจแล้วว่า ไอ้สองตัวนี่มันแยกเขี้ยวใส่กัน เตรียมกัดกันแล้วแน่ๆ...ก็เลยดำเนินแผนขั้นสำคัญ...
วันนี้ท่านเสนาบดีโผล่มาส่งท่านผู้ยิ่งใหญ่ด้วย...พอขบวนผ่านไปแล้ว เห็นลิโป้ยืนตัวแข็งอยู่...ท่านผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก็ผลิตไฟใส่ลิโป้ทันที
ทำเป็นคนไม่รู้เอ๋อะไร...เดินเข้าไปตบไหล่ทักทาย.. ไงท่านลิโป้...ชีวิตคู่แฮปปี้ดีไม๊ แหม ท่าทางจะเช้ากลางวันเย็นล่ะสิ ดูหน้าซีดเชียว...เพลาๆบ้างนะ อย่าหักโหม ฮ่าๆๆๆ
ลิโป้แทบจะให้กล้วยทันที...ฟรวยสิครับ...มันไม่เป็นยังงั้นหรอกท่านเสนาบดี
"ไอ้ตั๋งโต๊ะมันคาบไปแดกแล้ว"...ลิโป้คำราม เมื่อถูกถามถึงนางเตียวเสี้ยน...
"Oh no!! Are you kidding me?"...ท่านเสนาบดี ถึงกับอุทานเป็นภาษาปะกิด...แต่ในใจก็กระหยิ่มว่า...เข้าทางกูแล้วววว...
...ลิโป้หันมาจ้องตาวาวเป็นคำตอบ...
อย่าคุยกันตรงนี้เลย เดี๋ยวได้หัวหลุดทั้งคู่...จูงมือกันไปนั่ง starbuck...แล้วลิโป้ก็ระบายทุกอย่างให้เสนาบดีฟัง...
"ตั๋งโต๊ะทำยังงี้ เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน"...หลังฟังจบ ท่านเสนาบดีลองโยนหินถามทางไปประโยคนึง...หางตาก็ชำเลืองปฎิกิริยาลิโป้...
เฮ้ย...พยักหน้าหงึกๆเว้ย...เอ้า โยนฟืนเข้าไปอีก...ไอ้ตัวท่านนี่เป็นยอดนักรบผู้เกรียงไกร ใครๆก็คร้ามเกรง...แต่กะหญิงคนรักคนเดียว กลับปกป้องไม่ได้...เฮ้อ...มันน่าต๊อแต๊จริงๆ...
ลิโป้บอกว่า ก็ติดอยู่ตรงที่เรียกมันว่าพ่อไปซะแล้วเนี่ย จะให้ทำไง...
...ท่านเสนาบดี แทบอยากลุกไปตบกระโหลก...นึกในใจ เขร้...พ่อเก่า มึงก็ตัดหัวเค้ามาให้ไอ้พ่อใหม่ตั๋งโต๊ะไม่ใช่หรอ ทำมาอ้าง...แต่กลัวโดนสวน...ท่านเสนาบดีก็ให้เหตุผลไปอีกทาง...
ลิโป้ ท่านแซ่ไร แซ่ลิ...ไอ้นั่นแซ่ตั๋ง พ่อลูกกันตรงหนายยย...แล้วมีพ่อที่ไหน เอาทวนไล่แทงลูก คิดดูซิ...
ลิโป้ก็ซาโตริทันที...จริงด้วยเฮีย...งั้นเรามาฆ่าไอ้ตั๋งโต๊ะกันเถอะ...แล้วหนึ่งแก่กะหนึ่งหนุ่ม ก็นั่งดูดอเมริกาโน่ คุยตะมุตะมิ...วางแผนสังหารขุนนางโฉดกันไป...
ข้ามมาฟากตั๋งโต๊ะที่ขลุกอยู่ในอาณาจักรของตน...วันนึงก็มีคนเดินสาส์นมาจากเมืองหลวง แจ้งว่าฮ่องเต้ประชวร ขอเชิญท่านตั๋งโต๊ะเข้าเฝ้า...แมสเซนเจอร์ยังป้องปากกระซิบ...อาจจะมีการมอบราชบัลลังก์ให้ท่านด้วยนาาา อิอิ...
คนมันคงถึงคราวล่ะฮะ...ตั๋งโต๊ะก็เนื้อเต้น แจ้นไปบอกเตียวเสี้ยน...อีหนูๆๆๆ ป๋าจะได้เป็นฮ่องเต้แล้ว พอเป็นแล้วนะ ป๋าจะตั้งให้หนูเป็นสนมเอกนะ ส่วนตำแหน่งฮองเฮาน่ะ ขอนะ อีแก่ที่บ้านมันจองไว้นานแล้ว...
เตียวเสี้ยนได้ยินก็ดีใจแทบจะลุกขึ้นเซิ้ง...ไม่ใช่เพราะจะได้เป็นสนมเอก...แต่นางรู้ว่าแผนที่วางไว้ ได้ดำเนินมาถึงขั้นสุดท้ายแล้ว...ที่ยอมเปลืองตัวให้ไอ้เฒ่ามันฟอนเฟ้น...จะได้รับผลตอบแทนคุ้มค่าเสียที
ฤกษ์งามยามดี ขบวนตั๋งโต๊ะก็เคลื่อนจากเมืองใหม่ หวังเต็มเปี่ยมว่าจะไปเป็นฮ่องเต้ที่เมืองหลวง...
เป็นธรรมดาของนิยายครับ...บทตัวสำคัญจะตาย ก็ต้องมีลางสังหรณ์สังเห่า มาเป็นน้ำจิ้มบ้าง
แม่ของตั๋งโต๊ะ...เก้าสิบกว่าแล้ว แกก็บ่นครั่นเนื้อครั่นตัว เขม่นหูเขม่นตายังไงไม่รู้ เอ็งจะเข้าไปเมืองหลวงเค้าจะให้เอ็งเป็นฮ่องเต้จริงหรอ แม่ว่ามันยังไงๆอยู่นา
...ตั๋งโต๊ะก็บอก เนี่ยแหละบุญมาเกาะแล้วแม่ จะได้เป็นไทเฮาไง
อีตาลิยู...ที่ปรึกษา...คนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่จริงใจกับตั๋งโต๊ะ...ก็ดันมาล้มหมอนนอนเสื่อ ไม่ได้อยู่ระแวดระวังให้ซะอีก...
แล้วก็ยังมีลางอื่นๆโผล่มาอีก...แต่คนมันถึงฆาตอ่ะครับ ตีความอะไรก็ผิดไปหมด
ขบวนก็แห่ตุ้งแช่ๆกันมา...พอมาถึงเมืองหลวง ก็ดูสะพรึ่บพร้อม ธงทิวประดับประดาสวยงาม โคมไฟใช้งบสี่สิบล้าน อุ๊ย ขอโต้ด แมวพิมพ์อีกแว้ว....
....ตั๋งโต๊ะได้เห็นอย่างนี้ก็ยิ่งมั่นใจ...แน่นอน...เว่อร์วังขนาดนี้ ต้องส่งมอบราชบัลลังก์ให้กูชัวร์...
พอมาถึงเขตพระราชฐาน...ขบวนทหารที่ห้อมล้อมมากับตั๋งโต๊ะ ก็ต้องหยุดอยู่ภายนอก...เหลือแต่เกี้ยวท่านผู้สำเร็จราชการ หามเข้าไปข้างใน
อ้าวเฮ้ย...เขร้...ทำไมถึงตอนนี้ มันหามเกี้ยวกูเร็วนักวะ...ตั๋งโต๊ะเริ่มหวั่นใจ...แง้มม่านดู มีแต่แถวทหารใส่เกราะถือดาบถือทวน หน้าตาเหี้ยมเกรียม...ชิกหายเลี้ยวหว่าาา...จะรอดไหมเนี่ยกู
เกี้ยวถูกหามมาวางแหมะไว้ที่กลางลาน คนหามก็วิ่งหนีไปหมด...เหลือตั๋งโต๊ะคนเดียว ใจเต้นเป็นตีกลองสองกระเดื่อง...กวาดตามองไปรอบๆ เห็นท่านเสนาบดีพ่อเตียวเสี้ยนยืนอยู่...อ้าวนั่น พ่อตากูนี่หว่า...ใจชื้นขึ้นมานิดนึง
โผล่หน้าไป say hello กับพ่อตา...”หวัดดีฮะ มันยังไงกันฮะพ่อ โต๊ะจะเยี่ยวราดอยู่แล้วฮะ”...
...ท่านเสนาบดีไม่ตอบอะไร แต่ชิงตัดริบบิ้นเสียก่อน..."ไอ้ตั๋งโต๊ะอยู่นี่แล้ว ขอเชิญทุกท่านแจมกันตามอัธยาศัย"...
ดาบเอยทวนเอย อะไรที่มันฆ่าคนได้ ก็พากันทิ่มแทงเข้าไปในเกี้ยวท่านผู้สำเร็จราชการ...ด้วยความที่เกี้ยวมันใหญ่ ก็เลยพอมีพื้นที่ให้ตั๋งโต๊ะดิ้นขลุกขลัก ยังไม่ถูกที่สำคัญ...แล้วก็นึกขึ้นได้
"ลิโป้อยู่หนายยย ช่วยพ่อด้วย"...ตั๋งโต๊ะตะโกนขึ้นสุดเสียง...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #9 on:
12 July 2024, 14:49:41 »
moncheep siva
25 ม.ค. 2019 เวลา 19:19
วาระสุดท้ายของกังฉินที่โฉดที่สุดตนหนึ่ง ของประวัติศาสตร์จีน จะเป็นอย่างไร...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 9...
ตั๋งโต๊ะแหกปากลั่น หาลูกเลี้ยง...ร้องเรียกเหมียวๆ ประเดี๋ยวก็มา...พอสิ้นเสียงตั๋งโต๊ะ ลิโป้ก็ขานรับทันที...”หนูอยู่นี่"...แล้วม่านหน้าเกี้ยวก็เปิดพรึ่บ...
"ต๊ะเอ๋"...ลิโป้ยิ้มหวาน...ทวนในมือเสือกพรวดเข้าคอหอย...เท่านั้น พ่อคนที่สามของลิโป้...วิญญาณชั่วร้าย ก็หลุดจากร่าง
ตั๋งโต๊ะตายแล้ว...วงศาคณาญาติ ยกเว้นนางเตียวเสี้ยน ก็โดนโรคหัวหลุดระบาดใส่ไปทั้งโคตร ไม่เว้นแม้แต่แม่ที่อายุเก้าสิบกว่า...ตามหนังสือสามก๊ก ว่าตายกันเป็นหมื่น!!!
ส่วนร่างตั๋งโต๊ะ...ถูกลากออกมาทิ่มมาแทงยังไม่พอ...ลากจากวังออกไปกลางตลาด ให้ชาวบ้านประเคนมือตีน น้ำลงน้ำลายถ่มถุยใส่ ค่าที่มันทำชั่วไว้หนักหนา...พอเน่า...ก็ปล่อยให้แม่งเน่าอยู่ตรงนั้นแหละ
หลังจากตั๋งโต๊ะถูกโค่นอำนาจระยะนึง ก็มีพรรคพวกเดิม กลับเข้ามาครองอำนาจได้อีก...คราวนี้ก็ต้องทำศพเจ้านายเก่าให้สมเกียรติหน่อย...
ทำฮวงซุ้ยอย่างงาม พอจะฝัง...ฟ้าดินคงจะรังเกียจคนชั่วขนาดหนัก...ฝนตกลงมาจนน้ำท่วม...ฝังไม่ได้
รอจนน้ำแห้ง จะฝังต่อ...ฟ้าก็ผ่าลงมาที่กระดูกตั๋งโต๊ะ เปรี้ยงแล้วเปรี้ยงเล่า จนหาเศษไม่เจอ...คนทำพิธีก็อ่อนใจ ปล่อยแม่งยังงี้แล้วกันวะ...
...ก็จบชีวิตตัวละครโฉดไปตัวนึง...
ที่ผ่านมา ผมเล่าเรื่องสามก๊กแบบหยิบมาเป็นช่วงๆ บางคนก็อาจจะสงสัยว่า อะไรมันเกิดก่อนเกิดหลัง แล้วเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง
...เอายังงี้แล้วกัน...คราวนี้เราจะปักหลักเล่าเรื่องสามก๊กนี้แบบยาวๆกันไปเลยนะฮะ...โดยจะขอฉายภาพรวมให้เห็นเรื่องทั้งหมดแบบย่อๆก่อน...
...ปลายแผ่นดินราชวงศ์ฮั่น ช่วง พศ. หกร้อยกว่า เจ็ดร้อย...ฮ่องเต้ไม่ได้เรื่อง เชื่อคำสอพลอของขันที ราชการงานเมืองก็ปั่นป่วนไปหมด จนตั๋งโต๊ะซึ่งเป็นขุนนางต่างเมือง เข้ามายึดอำนาจ ครอบงำฮ่องเต้ได้ (ถือว่าราชวงศ์ฮั่นยังอยู่)...ต่อมาก็เปลี่ยนอำนาจอีกหลายมือ จนสุดท้ายโจโฉก็เข้ามายึดอำนาจแทน...
ระหว่างนั้น ตระกูลซุนก็สร้างฐานอำนาจขึ้นมาทางใต้จนมั่นคง...ซึ่งจะเติบโตเป็นหนึ่งในสามก๊กต่อไป...
เล่าปี่นั้น เดิมเป็นขุนศึกภายใต้อำนาจของโจโฉ...แต่พอได้เห็นโจโฉเข้ามาครอบงำ และกระทำย่ำยีฮ่องเต้...อยู่เฉยไม่ได้ล่ะ ก็เลยคิดจะแยกตัวออกมา
เมื่อสบโอกาส เล่าปี่ยกกองกำลังเล็กๆ หนีโจโฉลงทางใต้...โจโฉก็ตามตีไล่ลงมา จนมาปะทะกับกำลังของแซ่ซุนซึ่งเป็นมาเฟียทางแดนใต้ เป็นสงครามที่ใหญ่โต และสนุกมากในเรื่องสามก๊ก...
ผลคือ โจโฉยับเยินกลับไป...เล่าปี่ก็ได้อาศัยช่วงนี้แหละ ฟื้นฟูกำลัง จนเติบใหญ่ยึดดินแดนซีกตะวันตกของจีนเอาไว้ได้...นี่ก็จะเป็นอีกหนึ่งในสามก๊ก
ต่อมาโจโฉตาย โจผี...ลูกโจโฉ ไม่พอใจแค่ผู้สำเร็จราชการ ก็ล้มราชวงศ์ฮั่นตั้งตัวเป็นฮ่องเต้แทน...เล่าปี่กับซุนกวนก็เอามั่ง...ต่างยกตนขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน
ผ่านมาถึงตรงนี้ครึ่งเรื่อง จึงได้เกิดก๊กทั้งสามขึ้นอย่างแท้จริง...ทางเหนือวุยก๊ก ของแซ่โจ...ทางใต้ง่อก๊ก ของแซ่ซุน...ทางตะวันตกจ๊กก๊ก ของแซ่เล่า
ห้ำหั่นกันมาหลายสิบปี...สุดท้าย มคปด. หลานของสุมาอี้ ซึ่งเป็นเสธ. ในทีมวุยก๊กของแซ่โจ...ชื่อสุมาเอี๋ยน...ปราบได้หมดทั้งสามก๊ก...ตั้งตัวเป็นพระเจ้าสุมาเอี๋ยน...เป็นอันจบเรื่อง
ความน่ารักปนน่าเวียนหัวอีกอย่างของสามก๊ก คือเรื่องชื่อ...นอกจากเยอะแล้ว...หลายชื่อยังอดอมยิ้มไม่ได้
คงเป็นความหวังดีของคณะท่านผู้แปล ที่อยากให้คนไทยอ่านชื่อง่ายๆ บวกกับจีนเองก็มีการออกเสียงที่หลากหลาย...หลายๆชื่อจึงถูกแปลงมาโดยเอาหูคนไทยเป็นหลัก
โจโฉ...จริงๆคือ เฉาเช่า
ลูกโจโฉ...โจผี (อ่านทีแรกก็ขำแระ)...ที่จริงไม่ใช่โจผีโจสางอะไรหรอก...มาจาก เฉาพี้
ที่ขำกว่าโจผี...หลานโจโฉ...มีชื่อโจหิว...สงสัยพ่อแม่เลี้ยงให้อดๆอยากๆ
ซุนกวน หัวหน้าแก๊งทางใต้...มีพี่ชายชื่อ ซุนเซ็ก...ท่าทางจะผิวแทนๆ มีซิกส์แพ็คแน่นอน
ขงเบ้ง...แซ่ของแกคือ จูเก๋อ หรือจูกัวะ...อ่านยากไปมั้ง เอางี้แล้วกัน...จูกัด...ง่ายดี
พรุ่งนี้มาเล่ากันต่อนะฮะ...
.
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: สามก๊ก เวอร์ชั่นที่(คิดว่า) อ่านง่ายที่สุด โดย moncheep siva [ตอนที่ 1 - 10]
«
Reply #10 on:
12 July 2024, 14:50:34 »
moncheep siva
26 ม.ค. 2019 เวลา 19:19 • บันเทิง
สามก๊กวันนี้ เปิดตัวละครสำคัญอีกหนึ่งตัว ซึ่งเชื่อว่า...แม้แต่คนที่ห่างไกลสามก๊ก ก็อาจจะเคยได้ยินชื่อนี้...เล่าปี่
พฤติกรรมตอนตั้งตัวของเล่าปี่ เป็นอย่างไร...เชิญเสพ
สามก๊ก ตอนที่ 10...
...เรามาต่อกันที่ตัวละครอีกตัว ที่คนไทยคุ้นหูกันมาก...เล่าปี่...
...เล่าปี่นี่เค้าก็เป็นไฮโซตกยากนะฮะ คือเป็นแซ่เล่า ซึ่งเป็นแซ่ของราชวงศ์ฮั่น...ก็ต้องเรียกว่าเป็นลูกเชื้อลูกตระกูลกันล่ะ...
...สืบย้อนไปไกลลิบลับ ก็จะพบว่า...ทวดของทวดของทวดๆๆๆ...คือพระเจ้าอะไรซักอย่าง เป็นฮ่องเต้ในราชวงศ์ฮั่นนี่เอง...
...แต่คงจะหางแถวไกลไปหน่อย ก็เลยมาเป็นครอบครัวหาเช้ากินค่ำอยู่ในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง...พ่อตายตั้งแต่เล่าปี่ยังเด็กๆ ส่วนแม่นั้นถือว่าตนเป็นสะใภ้แห่งราชตระกูล ก็เลยไม่ยอมมีผัวใหม่ให้เป็นขี้ปากชาวบ้าน...สู้กัดฟันทอเสื่อขาย เลี้ยงลูกชายมาคนเดียว...
ไอ้หนูเล่าปี่คนนี้ ตอนรุ่นๆนี่ก็เฮี้ยวไม่เบา หนังสือหนังหาไม่ค่อยเรียน ชอบไปทางหมัดมวย ตีรันฟันแทงจนได้เป็นหัวโจกของวัยรุ่นในหมู่บ้าน...และอาวุธที่ถนัดมือที่สุดของเล่าปี่ก็คือ ดาบสองมือ...
ด้วยว่าแผ่นดินจีนช่วงนั้น อย่างที่เล่าไปแล้วว่าฮ่องเต้ถูกครอบงำด้วยพวกขันที บ้านเมืองก็เดือดร้อน ลักวิ่งชิงปล้นกันไปทุกหย่อมหญ้า...
แล้วไอ้โจรก๊กใหญ่สุดในตอนนั้น ชอบเอาผ้าเหลืองมาโพกหัวเป็นสัญลักษณ์...ก็เลยเรียกว่า โจรโพกผ้าเหลือง...
แหม่ ตรงนี้เขียนไปก็เสียวไส้ไป กลัวคนคิดมาก...ลองไปอ่านต้นฉบับสามก๊กดูนะฮะ...ในเรื่องเค้าเรียกโจรโพกผ้าเหลืองจริงๆ...
...โจร...หรือจะเรียกว่ากองทัพโพกผ้าเหลืองก็ไม่เขินปากนัก เพราะมีกำลังเป็นเรือนหมื่น...ก็กำเริบยึดเมืองนั้น ตีเมืองนี้ จนแผ่ซ่านไปทั่ว...เมืองที่เล่าปี่อาศัยอยู่ ก็เป็นเป้าหมายที่โจรโพกผ้าเหลืองจ่อจะมาโซ้ยในเร็ววันนี้...
ทางเมืองเองก็กลัวว่าจะเอาไม่อยู่ ก็เลยประกาศรับสมัครชายฉกรรจ์มาเป็นทหาร...
...เล่าปี่ทราบข่าวก็โดดเข้าใส่ทันที...แล้วก็ตามบทในนิยาย...
...เล่าปี่ได้มาเจอชายอีกสองคน ที่มีหัวใจเผ็ดร้อนอยากรับใช้ชาติเหมือนกัน...
...หน้าแดง สูงใหญ่ หนวดเครายาว ซื่อสัตย์ มีโลกส่วนตัวสูง มีง้าวเป็นอาวุธ...กวนอู
...หน้าดำ ล่ำสัน กระโชกโฮกฮาก พร้อมท้าตีท้าต่อยกับทุกคน จริงใจ รักเด็ก เลี้ยงปอม มีทวนเป็นอาวุธ...เตียวหุย
...บวกกับหน้าขาว แขนยาวหูยาว (เอ๊ แล้วมีประโยชน์อะไรหว่า) ฉลาดล้ำลึก ไอคิวสูง อีคิวเยี่ยม มีดาบสองมือเป็นอาวุธ...เล่าปี่...
...สามคนนี้ถูกชะตากันจนถึงกับร่วม “คำสาบานในสวนท้อ” เป็นพี่น้องกัน...โดยเล่าปี่เป็นพี่ใหญ่ กวนอูเป็นพี่รอง เตียวหุยเป็นน้องเล็ก...
และไม่น่าเชื่อ...คำสาบานนี้ ยืนหยัดมั่นคงไปจนทั้งสามตายจากกัน...
...ทั้งสามได้แสดงฝีมือต่อสู้กับโจรโพกผ้าเหลือง...ปราบที่เมืองนั้น ลุยที่เมืองนี้ จนมีชื่อเสียงเลื่องลือ ใครๆก็เรียกใช้บริการถี่ยิบ...
ถ้าเป็นสมัยนี้ คงได้ทำแอ๊ป “ปี่ อู หุย เซอร์วิส” ขึ้นมาให้คนเรียกใช้แล้วล่ะ...
ค่อยๆไต่ระดับมาจนเล่าปี่ได้เป็นเจ้าเมืองขนาดจุ๋มจิ๋มเมืองหนึ่ง...
มาถึงตอนที่ตั๋งโต๊ะครองเมือง โจโฉวางแผนฆ่าไม่สำเร็จ หลบหนีออกไปเป็นสตาร์ทอัพอีท่าไหนไม่รู้...หุ้นขึ้นหระฉูด ขนาดระดมทหารหัวเมืองมาได้ตั้งมากมาย ยกกลับมาล้อมเมืองหลวง เพื่อโซ้ยกับตั๋งโต๊ะตามที่เล่ามาแล้ว...เล่าปี่ก็ติดสอยห้อยตามมากับกองทัพรวมมิตรนี้ด้วย
ตอนนั้นตั๋งโต๊ะยังดีกันอยู่กับลิโป้...
แต่ๆๆๆ...พอลิโป้จะออกรบ ก็มีมือรองๆห้ามไว้...จะฆ่าไก่ ไม่ต้องใช้มีดฆ่าวัวหรอกท่านลิโป้ กระผมอาสาเอง...
...ว่าแล้วไอ้มีดฆ่าไก่ ก็ควงง้าวออกมาตัดหัวทัพรวมมิตรของฝ่ายโจโฉเล่นทุกวัน
ที่ประชุมสงครามของโจโฉก็ชักกลุ้มใจ นั่งมองหน้ากันถอนใจเฮือกๆ...ทหารเอกฝั่งเราโดนไอ้ง้าวนั่นมันกุดหัวจนจะหมดสต๊อกแล้ว...
“ขออั๊วลองหน่อยได้มั้ยเฮีย”...
เจ้าของเสียงที่โพล่งออกมากลางที่ประชุม รูปร่างสูงใหญ่ หน้าแดงคล้ำ หนวดเครายาว...ยังไม่มีใครรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม...
...เฮ้ย มึงเป็นใครวะ...แม่ทัพเจ้าใหญ่นายโตคนนึงตวาดถามทันที...หนอย ไอ้ทหารชั้นประทวน เจ้านายมึง เล่าปี่ ยังเป็นแค่เจ้าเมืองกระจอก มึงยังเสือกเสนอหน้าไม่เข้าเรื่อง...
...แต่โจโฉ ผู้ล้ำลึกและมองคนออก ติดใจในรูปร่างที่สูงใหญ่น่าเกรงขาม ยกมือห้าม...เฮีย อย่าเพิ่งเว่อร์...
แล้วก็หันมาถาม...ท่านชื่ออะไรหรือทหาร...ข้าชื่อกวนอู สังกัดเล่าปี่...
โจโฉรินเหล้าใส่จอก...
...ข้าขอคารวะในความกล้าของท่าน...อย่าลืมว่าขุนง้าวฝั่งนั้น มันตัดหัวนายทหารเก่งๆของเราไปไม่รู้กี่คนแล้ว...ในเมื่อท่านอาสาเอง มีหนทางเดียว คือท่านต้องเก็บสามแต้มให้ได้...
...เพราะถ้าท่านแพ้...ไม่หัวขาดในสนามรบ กลับมาก็ต้องหัวขาดด้วยมือของข้า...ท่านเข้าใจนะ...
ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ โจโฉยื่นเหล้าอุ่นๆจอกนั้นให้แก่กวนอู...
แต่กวนอูปฏิเสธ...ณ ตอนนี้ข้ายังไม่มีเกียรติพอที่จะรับเหล้าจอกนี้จากท่าน...รอสักครู่...
ว่าแล้วกวนอูก็ลากง้าวของตน ขึ้นม้าโจนออกสู่สมรภูมิ...
.
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.095 seconds with 21 queries.
Loading...