Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
13 November 2024, 14:52:10

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424 Posts in 12,831 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  เหนือเกล้าชาวสยาม  |  พระบรมโพธิสัตว์เจ้าแห่งแผ่นดินสยาม (Moderator: Smile Siam)  |  เรื่องราวของ”แหนน” อุบาสิกาผู้เป็นพี่เลี้ยงเจ้านายเล็กๆยุวกษัตริย์
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: เรื่องราวของ”แหนน” อุบาสิกาผู้เป็นพี่เลี้ยงเจ้านายเล็กๆยุวกษัตริย์  (Read 214 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« on: 17 June 2024, 08:17:56 »

เรื่องราวของ”แหนน” อุบาสิกาผู้เป็นพี่เลี้ยงเจ้านายเล็กๆยุวกษัตริย์


เรื่องราวของ”แหนน” อุบาสิกาผู้เป็นพี่เลี้ยงเจ้านายเล็กๆยุวกษัตริย์
Image • November 6, 2017



ภาพวาด “แหนน” ของสมเด็จพระเทพฯ ลงวันที่ 17 สค 2510



จากเพื่อนนักเรียนพยาบาลร่วมรุ่นของสมเด็จพระราชชนนี สู่การเป็นพี่เลี้ยงพระธิดาองค์แรก

เมื่อพระโอรสและครอบครัวเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๖ สมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงยกพระตำหนักใหญ่ให้ทรงพักอยู่ ส่วนพระองค์เองเสด็จไปประทับตำหนักเขียวซึ่งอยู่ปลายสนามหญ้าหน้าพระตำหนักใหญ่ แม่รีบไปที่โรงพยาบาลศิริราชเพื่อไปถามถึง เนื่อง จินตดุล เพื่อนเรียนที่โรงเรียนนางพยาบาล แม่เนื่องเวลานั้นทำงานเป็นนางพยาบาลพิเศษอยู่ แม่ก็ขอให้มาเลี้ยงข้าพเจ้า เมื่อแม่เนื่องมาแล้ว Nurse ชาวอังกฤษก็กลับไปประเทศของเขา

เมื่อข้าพเจ้าเริ่มพูดได้ก็เปลี่ยนชื่อแม่เนื่องเป็น “แหนน” เสีย เพราะสำหรับเด็กๆ คำว่าเนื่องออกเสียงยากมาก แหนนก็อยู่กับเราอีกนาน และได้เลี้ยงลูกของแม่ทุกคน ในที่สุดก็ได้ช่วยเลี้ยงพระราชธิดาพระองค์แรกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๙ และได้ทรงแต่งตั้งเป็นท้าวอินทรสุริยา ในปลายชีวิตแหนนได้บวชชีและไปประจำที่วัดต่างๆ ( หนังสือแม่เล่าให้ฟัง)

โลซานน์ 2469    เมื่อพระองค์เล็กยังไม่พระราชสมภพ

ที่เมืองโลซานน์ มีสถานที่รับเลี้ยงเด็กแห่งหนึ่งชื่อว่าชองโซเลย์ (Champ Soleil) เมื่อเสด็จจาก ฝรั่งเศสถึงโลซานน์ พระราชชนนีทราบว่าสถานเลี้ยงเด็กแห่งนี้มีเจ้าของเป็นแพทย์และดูแลเด็กอย่างถูกอนามัย จึงพาสมเด็จพระพี่นางไปฝาก “เราพักอยู่ที่โรงแรมมองตานาซึ่งไม่ใหญ่ แต่มีสวนด้วย วันรุ่งขึ้นแม่และนายบุญไชยก็พาข้าพเจ้าไปส่งที่ชองโซเลย์แล้ว แม่เล่าว่า ข้าพเจ้าไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไร ไปเล่นกับเด็กอื่นๆทันทีแต่แหนนร้องไห้ใหญ่เลย ในวันที่เขาอนุญาตให้ไปเยี่ยมลูกได้ครั้งแรก แม่พาแหนนไปด้วย แหนนก็ร้องไห้อีก คราวต่อๆไปแม่จึงงดพาแหนนไป ส่วนหม่อมเจ้าอานันทฯยังต้องอยู่กับแม่ที่โรงแรมเพราะยังไม่อดนม ต่อมาอีกเดือนหนึ่งจึงได้ไปอยู่ชองโซเลย์พร้อมทั้งแหนน



เดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2470 เราได้ไปพักร้อนกันที่ชายทะเลโดยเช่าบังกะโลที่เวสต์ช็อปบนเกาะมาร์ธาส์วินยาร์ด ในรัฐแมสสาชูเสตต์นั้นเอง มีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่นั่นที่ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำ วันหนึ่งท่านชายอานันทฯ ซึ่งเวลานั้นชันษายังไม่เต็ม2 ขวบ นั่งเล่นอยู่ในน้ำ จะมีคลื่นที่แรงหน่อยซัดมาหรืออย่างไรไม่ทราบ น้องหงายหลังลงไปในทะล แม่และแหนนรีบวิ่งไปช่วยกันโดยไม่ได้คำนึงถึงถุงเท้ารองเท้าที่ใส่อยู่ ข้าพเจ้าจำความรู้สึกของข้าพเจ้าในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี การที่เห็นทั้งแม่และแหนนวิ่งลงน้ำโดยไม่ถอดถึงเท้ารองเท้าเป็นสิ่งที่แปลกและน่าขันจนข้าพเจ้าไม่ได้กลัวหรือเป็นห่วงว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นกับน้องได้

แต่ในไม่ช้า ก็มีเหตุการณ์สำคัญในครอบครัวของเรา คือการเกิดของลูกคนที่สาม ข้าพเจ้าเคยเขียน ดังที่หลายคนได้เขียนไว้ ว่าพระโอรสองค์ที่สองของทูลหม่อมฯ ประสูติวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2470 เวลา 08.45 ที่โรงพยาบาลเมานท์ออเบอร์น (Mount Auburn) ในเคมบริดจ์



ข้าพเจ้าอยากเห็นน้องใกล้ๆ และอยากแตะต้อง แต่ที่โรงพยาบาลเขาก็ให้ดูเพียงหลังกระจกที่กั้นห้องเด็กๆไว้ เมื่อกลับบ้านมาแล้ว ข้าพเจ้าได้ถามแหนนว่า “น้องคนใหม่นี้พูดไทยได้หรือเปล่า” ในที่สุด หลังจากที่น้องกลับมาบ้าน คราวนี้ข้าพเจ้าก็สนุกใหญ่ แหนนจะอาบน้ำ แต่งตัว หรือทำอะไรให้น้อง ข้าพเจ้าต้องเข้าไปยุ่งอยู่เสมอ จนแหนนทนไม่ไหว ต้องไปฟ้องแม่ ข้าพเจ้าเลยถูกห้ามไม่ให้ไปยุ่งในเวลาเหล่านั้น

การเดินทางครั้งสำคัญอีกครั้ง ไปโลซานน์ 2476

วันที่ 8 เมษายน 2476 ครอบครัวมหิดลสี่คนได้ออกเดินทางไปปีนังโดยรถไฟเพื่อลงเรือไปยุโรปพร้อมทั้งแหนนและบุญเรือน (คุณหญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ) ญาติที่แม่เลี้ยงอยู่อีกคนหนึ่ง

ครั้งหนึ่งสมเด็จพระพี่นางเคยตรัสถามในหลวงรัชกาลที่๙ ว่าทรงจำอะไรได้บ้างสมัยที่ยังอยู่กรุงเทพฯ ในหลวงตรัสว่า ทรงจำคืนสุดท้ายก่อนที่จะต้องเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ได้ คืนนั้นทรงนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นมาห้องแหนนซึ่งติดกับห้องนอน นั่งกับพื้นและหลับตา ทรงจำได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นสีต่างๆ ผ่านไปมาในนัยน์ตาที่หลับอยู่





เดือนกันยายนปี ๒๔๗๘ ทูลหม่อมป้า และข้าราชบริพารเสด็จมาถึงโลซานน์พร้อมทั้งเสด็จลุงกรมขุนชัยนาทฯและครอบครัว แม่เล่าว่าพระอนุชาไปพูดกับแหนนผู้เป็นผู้ทำกับข้าวไทยว่า “แหนนต้องทำอาหารอร่อยๆนะ..เพราะทูลหม่อมป้าท่านเป็นญาติของเรา”

เรื่องเล่าเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ ๘ และรัชกาลที่ ๙ (หนังสือสี่เจ้าฟ้า)
จาก พระพี่เลี้ยง “แหนน” หรือ อุบาสิกาท้าวอินทรสุริยาสรรพหารพิจาริณี

วันหนึ่งขณะพระพี่เลี้ยงกำลังปรุงอาหาร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ขณะทรงพระเยาว์ได้ตรัสกับพระพี่เลี้ยงว่า

“..แหนน ขอทำด้วยซี..”
ท้าวอินทรสุริยาก็ให้พระองค์ทรงช่วยคั้นน้ำกะทิ
“..ตอนนั้นดิฉันอดขันไม่ได้ น้ำกะทิกระเด็นเปื้อนตามพระพักตร์และพระวรกายจนเลอะไปหมด กระทั่งน้ำกะทิก็หร่อยหรอจนเกือบหมดภาชนะ… พระองค์ลองได้สนใจอะไรแล้ว ดิฉันเป็นปล่อยให้ทำทันที เพื่อพระองค์จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร… ดิฉันอยู่ใกล้ชิดพระองค์มา ไม่เคยมีความลับอะไรอยู่ในพระองค์ แม้ว่าจะเคยทำภาชนะเสียหาย ต้องมาบอกดิฉันก่อนทุกครั้ง..”

เมื่อครั้งเสด็จกลับมาเมืองไทย รัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ได้มีการงุบงิบนัดหมายเพื่อจะออกไปเดินเล่นที่วัดโพธิ์ซึ่งมีงาน ทั้งสองพระองค์แต่งอย่างธรรมดาเข้าร้านหนึ่ง เจ้าของร้านเกิดจำได้เลยตะโกนบอกทั่วว่าในหลวงเสด็จ ทั้งสองพระองค์ก็เลยรีบเสด็จออกมาจากงานวัดทันที มีประชาชนห้อมล้อมตามมาส่งถึงประตูวิเศษไชยศรี และทรงตอบกับประชาชนว่า “ขอบใจ”
รัชกาลที่ 9 ก็มาบอกกับดิฉันว่า “..แหนน สนุกกันใหญ่เชียว..”

อีกคราวหนึ่งเสด็จเที่ยวตลาดสำเพ็งกันตามลำพัง จนแขกคนหนึ่งจำได้เลยถามว่า “..คุณแม่ไม่ได้มาด้วยหรือ..” รัชกาลที่ 9 ทรงตอบว่า “ไม่ได้มาด้วยจ้ะ” ดิฉันเองอดขันไม่ได้

บางครั้งพระราชชนนีก็กริ้วกับดิฉันและตรัสว่า “..นี่ก็ลูกของฉันเหมือนกัน..”

เมื่อคราวประทับที่พระราชวังไกลกังวล ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเล่นสกีน้ำ เผอิญสกีฟาดเอาตรงที่พระเพลา กระดูกร้าว พระองค์ไม่ให้ใครช่วยพยุง พยายามพาพระองค์กลับไปที่ตำหนัก ไม่แสดงอาการเจ็บปวดแต่อย่างใด ตอนพระองค์อยู่กับดิฉัน ดิฉันถามว่าเจ็บไหม พระองค์เปิดเผยว่า “..เจ็บซีแหนน..” ครานั้นถึงกับต้องเข้าเฝือกกันทีเดียว

เมื่อเสด็จเยี่ยมราษฎรจังหวัดต่างๆ ทรงกลับมาเล่าว่า “..แหนน ที่ไปนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมื่อเห็นประชาชนแล้ว สงสารเหลือเกิน เขามาต้อนรับฉัน ฉันเห็นแล้วอดเมตตาสงสารเขาไม่ได้..”
ดิฉันเคยทูลลาหลายครั้ง ขอให้แหนนไปพักผ่อนเถอะ แต่ท่านเฉยไม่ตอบอะไร….

ดิฉันไปวัดทุกวันพระ   ท่านก็ทรงอนุญาต
จนเมื่อพระองค์เสด็จประพาสสหรัฐอเมริกาครั้งล่าสุดและคืนสู่กรุงเทพแล้ว วันหนึ่งตรงกับต้นปี พ.ศ. 2505

ขณะพระองค์กำลังทรงพระบรรทม อุบาสิกาท้าวอินทรสุริยาฯ ก็ถือดอกไม้ค่อยหมอบไปใกล้พระองค์ แล้วนำช่อดอกไม้ใส่อุ้งพระหัตถ์ ทันที พระองค์สะดุ้งขึ้นนิดหนึ่งตรัสออกมาคำเดียว “..อื้อ..”
ท้าวอินทรสุริยาจึงกราบบังคมทูลว่า
“ทูลลา…”
ท่านลุกขึ้นนั่ง มอง และไม่ตรัสว่าอะไร
“..ถ้าท่านไม่อนุญาตให้แน๋นไป แน๋นจะต้องไปโกนหัวละ..”
ที่สุดพระองค์จึงตรัสว่า
“..นี่แหนนจะไปจริงๆ หรือ..”
“..ไปจริงๆ ซิ..”
อุบาสิกาท้าวสุริยาฯ ทูลตอบ
พระองค์ให้ศีลให้พรอยู่นาน ทรงขอคำสัญญาอีกว่า ถ้าจะไปอยู่ที่ใดต้องการสิ่งใด ป่วยไข้ขึ้นมา จะต้องให้รีบกราบทูลบอกตลอดระยะเวลา



“..พระองค์ทรงเป็นห่วง ดิฉันซาบซึ้งตื้นตันไปหมด ถ้าวันไหนดิฉันยังตัดโลกไม่ขาดจะนึกถึงพระองค์ทุกครั้งไป..”
อุบาสิกากล่าวด้วยน้ำเสียงเครือ
“..เป็นบุญของคนไทยแล้ว ที่มีพระมหากษัตริย์เปี่ยมด้วยน้ำพระทัยสูงสุด มีน้ำพระทัยเมตตาต่อคนทุกคน…”

ประวัติ

จากหนังสือ สี่เจ้าฟ้า ฉบับสมบูรณ์
โดย ลาวัณย์ โชตามระ พ.ศ. 2512



ภาพสมเด็จพระพี่นางกอดลา “แหนน” เมื่อครั้งขอลาไปเป็นอุบาสิกาอย่างถาวรในบั้นปลายชีวิต

ประวัติ

ท้าวอินทรสุริยา สรรพาหารพิจาริณี หรือนามเดิม เนื่อง จินตดุลย์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2428 ณ ตำบลบางขุนศรี อำเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เป็นธิดาคนเดียวของนายกลีบ และ นางทองคำ จินตดุลย์ เมื่ออายุประมาณ 2 ปี มารดาได้ยกให้เป็นบุตรบุญธรรม ของนางทับทิม บุณยาหาร ซึ่งเป็นญาติ เมื่อมีวัยพอศึกษา นางทับทิมจึงหาครูมาสอนให้ที่บ้าน พออ่านออกเขียนได้ จนอายุ 15 ปี มีใจน้อมไปในทางธรรม เนื่องจากมีโอกาสตามนางทับทิม ไปวัดทำบุญรักษาศีลทุกวันมิได้ขาด ต่อมาถึงเกิดศรัทธาแรงกล้า ตัดสินใจโกนผมนุ่งห่มขาว บวชอยู่ ณ สำนักชี วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม5 ปี ครั้นทางบ้านไม่มีคนช่วยดูแลบ้าน นางทับทิมจึงขอร้องให้ลาเพศชีกลับมาช่วยดูแลบ้านตามเดิม

เมื่อลาเพศชีออกมาได้ 5-6 ปี ภารกิจว่างลง จึงขออนุญาตนางทับทิม ไปเข้าเรียนวิชาพยาบาล จนสำเร็จวิชาพยาบาลศิริราช รุ่นที่ 9 เป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนวิชาพยาบาลของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่โรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และหญิงพยาบาลแห่งศิริราช เมื่อ พ.ศ. 2456

ในบั้นปลายชีวิต ท่านได้กราบบังคมทูลลาถือเพศอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวอีกครั้ง ณ วัดโกมุทรัตนาราม ชลบุรี โดยมีหลวงพ่อสาลี เป็นผู้ประกอบพิธี เมื่อบวชแล้วก็ย้ายมาจำพรรษา ณ วัดธาตุทอง พระโขนง ตลอดเวลาได้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์ให้กับการบำรุงวัด สถานพยาบาล และสถาบันแม่ชี โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย และยังชอบท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ชอบมาก คือ วัดวชิราลงกรณวราราม ตำบลหนองน้ำแดงอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา แต่ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงขอร้องให้เข้ามาพำนักในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน จนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2517 เวลา 19.10 น. ณ ที่ทำการแพทย์หลวงสวนจิตรลดา อายุได้ 88 ปี 11 เดือน


.....
ขอขอบคุณ เรื่องและภาพจาก...
https://uncledoctorvacation.com/2017/11/06/%e0%b9%80%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%82%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b8%99-%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%aa/

เรื่องราวของ”แหนน” อุบาสิกาผู้เป็นพี่เลี้ยงเจ้านายเล็กๆยุวกษัตริย์

.




Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.043 seconds with 25 queries.