Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 02:39:55

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  การเสด็จประพาสต้น ครั้งแรก เมื่อ ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) [9]
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: การเสด็จประพาสต้น ครั้งแรก เมื่อ ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) [9]  (Read 376 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 31 January 2024, 22:51:13 »

การเสด็จประพาสต้น ครั้งแรก เมื่อ ร.ศ.๑๒๓ (พ.ศ. ๒๔๔๗) [9]


(9.1) เรื่องเล่า รัชกาลที่ ๕ ปลอมพระองค์เป็นราษฎรสามัญ “ประพาสต้น”

ในการเสด็จประพาสทางชลมารคไปตามชนบทของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยปลอมพระองค์เป็นราษฎรสามัญ ซึ่งเรียกกันว่า “ประพาสต้น” ได้เกิดเรื่องสนุกสนานให้เล่าต่อกันมามากมาย

“เพื่อนต้น” ที่ทรงพบระหว่างเสด็จ บางรายก็ได้ดิบได้ดีเพราะมีความจริงใจ และแสดงน้ำใจออกมาให้ประจักษ์ต่อพระเนตร

การออกเสด็จประพาสต้นนั้น ก็เนื่องจากทรงตรากตรำกับงานบริหารราชการแผ่นดิน โดยที่พระวรกายก็ไม่แข็งแรงอยู่แล้วจากพิษไข้ป่าที่ทรงได้รับมา จากการติดตามพระราชบิดาไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ก็สวรรคตด้วยเชื้อมาเลเรียจากการเสด็จไปในครั้งนี้

แพทย์หลวงได้ถวายคำแนะนำให้ว่างเว้นจากราชการสักระยะหนึ่ง เพื่อผ่อนคลายความกังวล เสด็จไปสำราญพระอิริยาบถในที่โล่งแจ้งอากาศถ่ายเทได้สะดวก จะเป็นการดีต่อพระพลานามัย จึงได้เสด็จแปรพระราชฐานไปประทับที่พระราชวังบางปะอิน

แล้วเสด็จประพาสทางชลมารคโดยไม่มีหมายกำหนดการที่แน่นอน ทั้งยังมีพระราชประสงค์ที่ไม่ต้องการให้ราษฎรรู้ว่าพระองค์เป็นใคร เพื่อจะได้ทอดพระเนตรชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกรตามสภาพความเป็นจริง ไม่มีการตกแต่งรับเสด็จ ราษฎรที่เห็นเรือพาหนะและการแต่งกาย ก็คิดว่าเป็น “ผู้ดีบางกอก” ที่ออกมาเที่ยวชนบทเท่านั้น

ผู้ที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้ตามเสด็จก็มี ๒ พระอนุชา คือ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ผู้คุ้นเคยกับเจ้าเมืองและข้าราชการฝ่ายปกครองในหัวเมืองต่างๆ กับ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์ เสนาบดีกระทรวงนครบาล ซึ่งดูแลความสงบเรียบร้อยในราชอาณาจักร

การเสด็จไปโดยไม่มีใครรู้จักพระองค์นี้ ทำให้ทรงผ่อนคลายพระอิริยาบถและทรงพระเกษมสำราญมาก บางรายก็โชคดี ได้รู้ว่าพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถึงบ้าน แต่บางรายมีบุญแต่กรรมบัง เสด็จกลับไปแล้วเจ้าของบ้านก็ยังไม่รู้ว่าใครมา

.....
อย่างรายหนึ่ง เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาทางแม่น้ำราชบุรีใกล้เวลาอาหาร เห็นบ้านหลังหนึ่งมีแพอยู่หน้าบ้านท่าทางสะอาดสะอ้าน จึงจอดเรือพระที่นั่งเข้าเทียบ รับสั่งให้สมเด็จฯกรมพระยาดำรงฯขึ้นไปเจรจากับเจ้าของบ้าน ขออาศัยทำครัวสักมื้อ

พบหญิงเจ้าของบ้านบอกว่าเป็นภรรยานายอำเภอ ส่วนตัวนายอำเภอข้ามไปหาฟืนใส่เรือกลไฟอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม เดี๋ยวจะกลับมา ขบวนเสด็จจึงอาศัยแพหน้าบ้านนั้นเป็นที่ทำอาหาร
สักครู่นายอำเภอก็มาถึง พอจอดเรือที่แพได้ ก้าวอาดๆ ผ่านหน้าพระพักตร์ขึ้นเฝ้ากรมพระยาดำรงฯบนบ้าน แต่ยังไม่ทันได้คุยอะไรกัน พระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ ก็คลานเข้ามายื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กรมพระยาดำรงฯ ข้อความในกระดาษเป็นลายพระหัตถ์ มีความว่า

“ให้นายอำเภอรู้จักแต่เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยเถิด อย่าให้ล่วงรู้เป็นเด็ดขาดว่าเราได้เสด็จมาอยู่ ณ ที่นี่แล้ว”

กรมพระยาดำรงฯ อ่านแล้วก็ตีหน้าเฝื่อน รีบกลบเกลื่อนด้วยการคุยข้อราชการกับนายอำเภอและกำนันผู้ใหญ่บ้านที่มากันเต็มบ้าน
พออาหารเสร็จ ก็รับสั่งให้จัดสำรับขึ้นไปถวายท่านเสนาบดีบนบ้าน ส่วนพระพุทธเจ้าหลวงเสวยที่เรือนแพทำอาหารนั้น

เมื่อได้เวลากลับ นายอำเภอพร้อมกับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ก็ลงมาส่งเสด็จกรมพระยาดำรงฯที่เรือนแพ แต่พระเจ้าอยู่หัวทรงหลบลงไปอยู่ในเก๋งเรือแล้ว และปล่อยพระอาสน์ที่ประทับไว้ให้กรมพระยาดำรงฯ แต่กรมพระยาดำรงฯก็ไม่ยอมนั่ง ยืนอยู่หน้าเก๋งจนเรือออกพ้นบ้านนายอำเภอไปแล้ว จึงบ่นด้วยเสียงดังว่า

“เล่นอย่างนี้เต็มที ไม่สนุกเลย”

พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมาจากที่ซ่อน ทรงพระสรวลด้วยความพอพระทัย ทำให้ทุกคนในเรือหัวเราะกันด้วยความสนุกสนาน

...




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 31 January 2024, 22:51:55 »


(9.2) เรื่องเล่า “เจ้าคุณโพ” เจ้าเมืองพิษณุโลก คว้าพระหัตถ์ จูงมือไปนั่งชนเข่าคุย !!!

พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร หรือ “เจ้าคุณโพ” เจ้าเมืองพิษณุโลก เมื่อทราบภายหลังถึงกับเกือบช็อก ที่เข้าจูงมือนั่งชนเข่าคุยกับเจ้าเหนือหัวอย่างสนิทสนม โดยไม่ระแคะระคายแม้แต่น้อย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคราวเสด็จประพาสเมืองเหนือ

ทรงมีหมายกำหนดการที่จะแวะนมัสการพระพุทธชินราชด้วย แต่แรกทรงพระราชดำริที่จะอัญเชิญพระพุทธชินราชมาประดิษฐานเป็นพระประธานในโบสถ์วัดเบญจมบพิตรที่ทรงสร้าง ข่าวนี้ทำให้ชาวเมืองพิษณุโลกโศกเศร้าเสียใจถึงกับหยุดค้าขายกัน บ้านเมืองเงียบเหงา ผู้คนมีแต่ใบหน้าเศร้าไปทั้งเมือง เมื่อสมุหเทศาภิบาลถวายรายงานมาให้ทรงทราบ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณเพียงแต่จำลองพระพุทธชินราชลงมา ส่วนองค์จริงให้ประดิษฐานอยู่คู่เมืองพิษณุโลกตามเดิม ชาวพิษณุโลกจึงกลับแช่มชื่นกันได้

ในการเสด็จประพาสพิษณุโลกครั้งนี้ พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า “เจ้าคุณโพ” เจ้าเมืองพิษณุโลก มีสายดีแอบส่งข่าวให้รู้มาก่อน จึงสั่งบ่าวไพร่รีบเร่งทำสะพานเทียบเรือขึ้นที่หน้าจวน เพื่อให้เรือพระที่นั่งเทียบได้สะดวก ขณะที่เจ้าคุณถอดเสื้อลงมือบัญชาการด้วยตนเองเพื่อให้เสร็จทันรับเสด็จนั้น ก็มีเรือแจว ๔ แจว ล่วงหน้ามาอย่างเงียบๆ พอมาถึงชาย ๓ คนก็ก้าวขึ้นมาจากเรือ

เจ้าคุณโพคนมีไหวพริบ อ่านได้ทันทีว่า ต้องเป็นเรือมาจัดเตรียมการรับเสด็จ และคนที่เดินมาหลังสุดไว้หนวด ถือกล้องถ่ายรูปมาด้วยนั้น เจ้าคุณโพก็อ่านว่าต้องเป็นหัวหน้ากลุ่มที่มาเตรียมรับเสด็จแน่ จึงเข้าถามว่าพระเจ้าอยู่หัวมาถึงไหนแล้ว วันนี้จะเสด็จมาถึงจวนหรือเปล่า ชายไว้หนวดก็ตอบว่าใกล้เข้ามาแล้ว คืนนี้จะประทับแรมที่นี่แหละ เจ้าคุณโพก็บอกว่าอย่างนั้นก็เบาใจ ท่าเทียบเรือเสร็จทันรับเสด็จแน่ แถมยังต่อว่ากับชายไว้หนวดอีกว่า

“ในหลวงนี่ก็แปลก จะเสด็จมาก็ไม่บอก ดีแต่ได้ข่าวมาจากคนทางนครสวรรค์ ไม่งั้นก็ไม่ได้เตรียมรับเสด็จแน่”

ทั้งยังปรึกษากับคนทั้ง ๓ ที่มาว่า ได้ข่าวว่าพลับพลาที่มีฝาเลื่อนนั้นไม่ทรงโปรด เลยไม่กล้าทำ เสด็จมาที่นี่แล้วจะเสด็จไปไหนอีกพอจะบอกได้หรือไม่ ตอนนี้ยอมรับว่างงไปหมด ทำอะไรไม่ใคร่จะถูก เพราะไม่มีหมายกำหนดการให้ทราบ ชายมีหนวดก็บอกว่าพวกเราก็ไม่ทราบเหมือนกัน เมื่อมาถึงก็จะรับสั่งเอง ส่วนพลับพลาฝาเลื่อนนั้นไม่ทำก็ดีแล้ว ถ้าทำขึ้นมาทรงกริ้วละก็ไม่มีใครทัดทานได้เชียว

เจ้าคุณโพได้ฟังก็ค่อยสบายใจ เชิญชายทั้ง ๓ ให้ไปนั่งในที่ร่ม ดื่มน้ำชากัน ว่าแล้วก็คว้ามือชายมีหนวดที่พูดคุยกันถูกอัธยาศัยไปนั่งที่แคร่ ยกน้ำชา จันอับ น้ำตาลกรวด หมากพลู บุหรี่ มาต้อนรับ นั่งชนเข่าคุยกันอย่างถูกคอ ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของชายอีก ๒ คนที่แอบอมยิ้มกันอยู่

พอบ่ายแก่ๆ ขบวนเรือเสด็จก็โผล่คุ้งน้ำมา เจ้าคุณโพเห็นเข้าก็ตาเหลือก รีบเผ่นลงจากแคร่ จะขึ้นจวนเพื่อไปแต่งตัวมารับเสด็จ ชายไว้หนวดที่กำลังคุยกันถูกคอก็คว้าข้อมือไว้ บอกว่าต้องไปแต่งทำไม เรือเสด็จก็ไม่เห็นแต่งธงทิวมาเลย ขืนแต่งตัวเต็มยศมารับเสด็จ จะทรงหาว่าไม่รู้กาลเทศะ อาจกริ้วได้ เจ้าคุณโพเลยยืนเซ่อ ทำอะไรไม่ถูก

เมื่อขบวนเสด็จเข้าเทียบท่า คนที่ขึ้นมาจากเรือก็เดินตรงมาที่เจ้าคุณโพ ส่วนเจ้าคุณโพชะเง้อดูที่เรือ ก็ยังไม่เห็นพระเจ้าอยู่หัว จนคนที่ขึ้นมาจากเรือ พอถึงข้างหน้าเจ้าคุณโพ ก็ก้มลงกราบชายมีหนวดที่ยืนฉุดข้อมือเจ้าคุณไว้ เจ้าคุณโพคนมีไหวพริบ จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว และได้เล่าความรู้สึกตอนนั้นในภายหลังว่า

“...ขนหัวลุกซ่า และขนตัวก็ลุก ตัวเบา สมองมึนงง เหมือนถูกทุบอย่างแรง โลกมันหมุนคว้างไปหมด หัวใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมานอกหน้าอก ขวัญบินออกจากร่าง คิดอยู่แต่เพียงว่าพระอาญาไม่พ้นเกล้า คราวนี้ถ้าไม่ถูกจองจำ ก็คงถูกโบยในฐานะไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำแน่ ก็เรามาคุยหยอกล้อเล่นกับพระเจ้าแผ่นดินเหมือนเพื่อนเล่น แถมยังจูงไม้จูงมือเสียอีกด้วย...”

เจ้าคุณโพเข่าอ่อนทรุดลงกราบและแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นดู จนรู้สึกว่ามีพระหัตถ์มาลูบศีรษะพร้อมกับพระสุรเสียงที่เปี่ยมด้วยพระเมตตาว่า

“ลุกขึ้นเถิด ข้าไม่ถือเจ้าหรอก”

หลังจากนั้น เจ้าคุณโพที่คิดว่าไม่ถูกจองจำก็คงถูกเฆี่ยนหลังลาย กลับได้รับโปรดเกล้าฯเป็นเทศาภิบาลมณฑลอุดร มีอำนาจควบคุมดูแลภาคเหนือหลายจังหวัด


.....
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
เรื่องเก่า เล่าสนุก  โดย: โรม บุนนาค
เจ้าเมืองหงายท้อง นั่งชนเข่าคุย ร.๕ แถมคว้าพระหัตถ์จูงซะด้วย!!!
https://mgronline.com/onlinesection/3313/start=0

...




.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 31 January 2024, 22:52:44 »


(9.3) ไม้เท้าตาหมา

ตาหมา เป็นช่างตัดผม ตาหมามีไม้ตะพดสวยอยู่อันหนึ่ง พอได้ข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จราชบุรี  ก็ตั้งใจเอาไม้ตะพดนั้นมาทูลเกล้าฯ ถวาย  แต่เวลาเสด็จประพาสต้น บางครั้ง ร.๕ ก็ทรงแกล้งปลอมพระองค์ไม่ให้รู้ว่าพระองค์เป็นใคร อีกประการหนึ่ง โอกาสที่ชาวบ้านจะได้เห็นเจ้าชีวิตชัดๆ จำได้เจนตานั้นเป็นเรื่องยากนัก บางทีราษฎรจึงอาจเดาไม่ถูกว่าพระพักตร์ของเจ้าชีวิตเป็นอย่างไรแน่

ตาหมาก็เหมือนกัน แกโชคไม่ดี ถึงเวลาในหลวงปลอมพระองค์มา บังเอิญทอดพระเนตรเห็นไม้เท้าตาหมาเข้า ตรัสถามว่าขายไหม ตาหมาไม่รู้ว่าเป็นพระเจ้าอยู่หัว คิดว่าเป็นเพียงคนธรรมดา ก็แกล้งบอกราคาสูงถึง ๘๐ บาท จะเพื่อกันไม่ให้เขาซื้อ หรือแกล้งโก่งราคาเพื่อหวังเงินมากๆ ก็ไม่อาจทราบได้

เมื่อเห็นว่าตั้งราคาแพงนัก ชายแปลกหน้าก็วางไม้เท้าลง และเดินไปยังที่อื่นต่อไป ต่อมาเมื่อมีคนบอกตาหมาว่านั่นคือพระเจ้าอยู่หัว ทำไมไม่เอาไม้เท้าถวาย  ตาหมาก็ตกใจ แต่ถึงตอนนั้นตาหมาก็ไม่สามารถขายหรือถวายไม้เท้าได้อีกแล้ว ทำให้ตาหมารู้สึกเสียใจในความผิดพลาดของตน

...




.



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.054 seconds with 21 queries.