ppsan
|
|
« on: 14 October 2023, 20:48:36 » |
|
[37] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน พระรามเดินดง โดย กลม บางบาน
ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 37 พระรามเดินดง
.
หลังจากที่ท้าวทศรถได้ไปร่วมพิธีอภิเษกสมรสระหว่างพระรามกับนางสีดาที่เมืองมิถิลาและกลับมาถึงเมืองอโยธยาแล้ว ต่อมาพระองค์เห็นว่าตนเองชราภาพมากแล้ว จึงตัดสินใจจะให้พระรามขึ้นครองเมืองอโยธยาแทน จึงได้แจ้งไปยังฝ่ายต่างๆ เพื่อเตรียมการ กำหนดพิธีราชาภิเษกพระรามให้ครองอโยธยา
ก่อนวันพิธี นางกุจจีหลังค่อมรู้เข้า จึงต้องการแก้แค้นพระราม เนื่องจากแค้นใจที่สมัยพระรามเป็นเด็กยิงศรใส่หลังค่อมของนาง จึงได้ไปเฝ้านางไกยเกษี ทูลยุยงนางไกยเกษีเจ้านายตนว่า ควรทวงสัญญาจากท้าวทศรถที่ให้ไว้เมื่อครั้งไปปราบยักษ์ปทูตทันต์ คือขอให้พระพรต บุตรของนางไกยเกษีขึ้นครองเมืองก่อนพระราม และให้พระรามไปเดินดงเป็นเวลา 14 ปี
...ทูลขอเมืองอโยธยาให้พระพรตเถิดเพคะ เพราะเป็นราชโอรสเหมือนกัน ลูกของใคร ใครก็รักอยากให้เป็นใหญ่นะเพคะ...
นางไกยเกษีจึงเห็นดีเห็นงามตามนางกุจจี จึงไปเฝ้าท้าวทศรถแล้วเจรจาทูลขอเมืองอโยธยาให้พระพรต ท้าวทศรถก็จำต้องยกให้ตามที่ได้ทรงลั่นวาจาไว้เมื่อคราว นางไกยเกษี ใช้แขนนางสอดแทนเพลารถที่หัก ว่าพระองค์จะให้ทุกอย่างที่นางขอ
...หม่อมฉันทูลขอให้พระพรตครองเมืองและให้พระรามออกไปบวชเป็นฤๅษี 14 ปี อยู่ในป่าเพื่อป้องกันชาวเมืองกระด้างกระเดื่อง เมื่อครบ 14 ปีก็ให้พระรามมาครองเมืองต่อไป...
. เมื่อนั้น พระบิตุรงค์องค์พระจักรกฤษณ์ ได้ฟังดั่งต้องปืนพิษ ชีวิตเพียงม้วยด้วยวาจา น้อยหรืออีไกยเกษี ใจมันกาลีริษยา จะแกล้งมาผลาญชีวา ให้กูมรณาไม่อาลัย
อันน้ำใจหญิงทั้งไตรจักร จะเหมือนอีทรลักษณ์นี้หาไม่ จะใคร่แหวะอกดูหัวใจ ให้สมที่มันสาธารณ์ แล้วกลับตรึกไปถึงความสัตย์ ยิ่งเคืองขัดเร่าร้อนดังเพลิงผลาญ ฆ่าเสียก็จะเสียปฏิญาณ จำจะพจมานโดยดี .
ท้าวทศรถมิอาจปฏิเสธคำของนางไกยเกษีได้ เพราะเคยให้สัจจะไว้ ดังนั้น พระรามจะต้องออกบวชเป็นฤๅษีในป่าเป็นเวลา 14 ปี ภายในวันนี้มิให้ข้ามคืน สร้างความเศร้าโศกเสียพระทัยแก่ท้าวทศรถเป็นอันมาก (ในที่สุดท้าวทศรถก็สวรรคตในเวลาต่อมา ด้วยความตรอมพระทัย)
ครั้นแล้วพระรามก็ทรงเปลื้องเครื่องกษัตริย์ ทรงผ้าคากรองเป็นฤๅษี ฝ่ายพระลักษมณ์เมื่อทราบเรื่อง ก็โกรธและคิดจะไปฆ่านางไกยเกษี แต่พระรามห้ามไว้และบอกว่า การที่ตกลงใจจะออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี ก็เพื่อเป็นการช่วยรักษาสัตย์ของพระราชบิดา เพราะถ้าพระราชบิดาเสียสัตย์ปฏิญาณจะได้อัปประมาณในแดนไตร พระลักษมณ์จึงระงับโทสะได้ และตัดสินใจว่า จะเสด็จไปเป็นเพื่อนพระรามในการเดินดง แล้วพระลักษมณ์ก็ทรงผ้าคากรองเป็นฤๅษีเช่นเดียวกับพระราม
ส่วนนางสีดาเมื่อทราบว่าพระสวามีจะไม่ได้ครองเมือง และบัดนี้ได้บวชเป็นดาบสเพื่อออกไปสร้างพรตอยู่ในป่า และพระลักษมณ์ก็บวชตาม นางสีดาคิดแล้วจึงเปลื้องเครื่องประดับ สำหรับอัคเรศเสน่หา ออกจากพระกายกัลยา ทรงเพศเป็นดาบสสินี
เมื่อพระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา เดินทางออกจากเมืองอโยธยานั้น สุมันตันมหาเสนาผู้จงรักภักดีได้ยกไพร่พลตามมาด้วย โดยตั้งใจจะตามไปรับใช้ทุกหนทุกแห่งหน แต่พระรามไม่ประสงค์ให้เป็นภาระแก่ใคร จึงพาคณะหลบหนีสุมันตันไปในยามดึก เดินเข้าดงพงไพร รอนแรมอยู่หลายคืนจนถึงแม่น้ำสะโตง ซึ่งกว้างใหญ่และไหลลึก จึงหยุดพักอยู่ที่ริมแม่น้ำ เพราะไม่มีเรือแพข้ามไป
กล่าวถึงพรานป่าชื่อกุขัน เป็นหัวหน้าบริวารพรานจำนวนห้าโกฏิ มีใจคอดุร้าย เหี้ยมโหด แต่ด้วยอำนาจพระนารายณ์ดลจิต เมื่อได้พบพระราม นางสีดา และพระลักษณ์แล้ว ก็เกิดเคารพกลัวเกรง ในบุญบารมีของพระองค์ จึงฝากตัวเป็นข้าบาท จัดหาน้ำผึ้ง เนื้อทราย กับปลาย่างตัวใหญ่มาถวาย และช่วยจัดหาเรือพาทั้งสามพระองค์ข้ามแม่น้ำไป พระรามเสด็จไปจนถึงเขาสัตกูฎ ได้พบพระภารทวาชฤาษี และพระสรภังคฤาษี แล้วได้พำนักที่อาศรมซึ่งเทพยดาเนรมิตไว้ถวายที่ปากถ้ำด้านหลังเขา .
กล่าวถึงพระพรต และพระสัตรุด ซึ่งอยู่ที่เมืองไกยเกษ เมื่อได้รับสารจากพระมารดา คือนางไกยเกษี ว่าให้กลับมายังเมืองอโยธยา จึงเดินทางกลับมา แต่เมื่อมาถึงก็เป็นที่สงสัยว่าทำไมบ้านเมืองเงียบสงบดั่งหนึ่งกลางป่า ภายหลังจึงได้ทราบว่าท้าวทศรถสวรรตคตแล้วเพราะเสียพระทัยอาลัยรักพระรามที่ต้องเดินทางจากไป 14 ปี และให้พระพรตขึ้นครองเมืองแทนตามคำขอของ นางไกยเกษี พระพรตโกรธพระมารดามากเกือบจะฟันพระมารดา แต่พระสัตรุดห้ามไว้ จึงยับยั้งตั้งสติ แล้วทูลว่า จะไปตามพระรามกลับมาครองเมือง
ในพิธีถวายพระเพลิงพระศพท้าวทศรถ พระวสิทธิ์และสวามิตรฤๅษีห้ามไม่ให้นางไกยเกษีและพระพรตมาถวายพระเพลิง ด้วยท้าวทศรถสั่งไว้ก่อนจะเสด็จสววรคต นางไกยเกษีได้ฟังไม่รู้จะตอบประการใด จนใจด้วยตัวทำผิดจึงออกจากเมรุ กลับไปยังปราสาทของตน
. วันใดพระรามจากพารา ตัวข้าก็จะสิ้นสังขาร ไปเกิดในทิพวิมาน พระอาจารย์จงอยู่สำราญใจ อันซึ่งซากศพของโยมนี้ อย่าให้อีกาลีมันต้องได้ แม่ลูกอย่าให้เข้าจุดไฟ ข้าสั่งไว้เป็นความสัตยา .
วันรุ่งขึ้น พระพรต พระสัตรุด นางเกาสุริยา และนางสมุทรเทวี เตรียมตัวจะเสด็จออกไปตามพระรามให้กลับคืนเมืองอโยธยา ฝ่ายนางไกยเกษีเมื่อรู้ดังนั้นก็ตัดสินใจตามไปขอโทษด้วย และนางกุจจีก็มาสารภาพผิด ทั้ง 5 คน จึงออกเดินทางตามหาพระราม พระลักษมณ์ และนางสีดา
ครั้นพอถึงเขาสัตกูฎ พระพรตทูลพระรามว่า เสียพระทัยมาก เมื่อทราบว่ามารดาของตนเป็นต้นเหตุให้พระรามต้องออกป่า จึงตามมาเพื่อขอทูลเชิญให้กลับคืนไปครองพระนคร และแจ้งให้ทราบว่าท้าวทศรถผู้เป็นพระราชบิดาได้สวรรคตแล้ว ต่างเศร้าโศกเสียใจ แต่พระรามยึดมั่นคำสัญญา ว่าอย่างไรก็ไม่กลับเพื่อรักษาสัตย์ของบิดา แม้นว่าพระมารดาทั้งสามจะทัดทาน อ้อนวอนอย่างไรก็ไม่เป็นผล
พระพรตกับพระสัตรุดขออยู่ด้วย แต่พระรามขอร้องให้กลับไปรักษาบ้านเมืองไว้ พระอนุชาทั้งสองจึงตั้งสัตย์ว่า ถ้าครบ 14 ปีแล้ว พระรามไม่ยอมกลับก็จะกระโดดเข้ากองเพลิง เผาตัวตาย ต่างฝ่ายต่างโศกเศร้าเสียใจ จนเทพยดาเกรงจะพากันตายหมด จึงตรัสว่า
. พระรามคือพระองค์พระทรงนาค เสด็จจากกระเษียรสมุทรใหญ่ หวังจะปราบอาธรรม์ทั้งแดนไตร ชอบให้ทำตามนิมนต์มา พระพรตพระสัตรุดฤทธิรอน ไปรักษาพระนครไว้รอท่า จงเชิญสมเด็จพระมารดา เข้ามหานิเวศน์วังจันทน์ .
พระพรตจึงทูลขอรองพระบาทพระรามกลับไปแทน แล้วอัญเชิญรองพระบาทที่ทำด้วยหญ้านั้นไว้บนพานแก้วและเก็บไว้ในปราสาทแก้วถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ แล้วพระพรตไปอยู่เมืองที่สร้างใหม่ชื่อ ประจันตคาม และให้พระสัตรุดไปรักษาเมืองอโยธยา
ฝ่ายพระรามพานางสีดา และพระลักษมณ์เสด็จต่อไปไกลอีก เพื่อป้องกันพวกเมืองอโยธยาไปมาหาสู่ และลงเรือเทวดาเนรมิตข้ามแม่น้ำอมฤตไปขึ้นฝั่ง แล้วเข้าไปในสวนยักษ์พิราพโดยไม่รู้องค์ ยักษ์พิราพมีฤทธิ์มากเพราะพระอิศวรประทานกำลังมหาสมุทร และกำลังพระเพลิงให้
ยักษ์นี้ปลูกชมพู่พวาทองไว้ต้นหนึ่ง รสอร่อยเลิศให้บริวารรักษาไว้ ตนเองไปอยู่วิมานที่ภูเขาอัศกรรณ ครบเจ็ดวันจึงจะมาเที่ยวสวนครั้งหนึ่ง
เมื่อพระรามทรงเก็บชมพู่พวาทองให้นางสีดา บริวารยักษ์ก็เข้ามาจะทำร้าย พระลักษมณ์จึงปราบจนกระจายหนีไปหมด ที่ตายก็มาก
พอดีเป็นเวลาครบเจ็ดวัน ยักษ์พิราพมาที่สวน ก็หายตัวเข้าไปใกล้คณะพระราม เห็นนางสีดาสวยก็เลยร่ายคาถาให้มืดมิดแล้วคว้านางสีดาไว้รีบพาหนีไป นางจึงร้องให้ช่วย พระรามก็แผลงศรเกิดแสงสว่างดังดวงอาทิตย์ จึงเห็นพิราพอุ้มนางสีดาหนีไป พระรามก็ตามไปช่วยทันและฆ่ายักษ์ด้วยศรพรหมมาศ
พระรามเดินทางต่อไป จนพบพระฤาษีอรรคต ซึ่งรับฝากเกราะทิพย์ของพระอิศวรไว้ ให้ถวายพระราม
. ว่าแล้วยื่นเกราะสุรกานต์ ถวายพระอวตารนาถา จงมีชัยแก่หมู่อสุรา ใต้ฟ้าอย่าทานฤทธิรอน .
ส่วนพระอินทร์ได้เนรมิตอาศรมขึ้นที่ริมแม่น้ำโคทาวารี ให้ทั้งสามพระองค์ประทับสืบไป
.
|
|
« Last Edit: 06 June 2024, 21:04:45 by ppsan »
|
Logged
|
|
|
|
|
|
ppsan
|
|
« Reply #3 on: 14 October 2023, 20:56:11 » |
|
ขอจบเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ภาคปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านครับ
|
|
|
Logged
|
|
|
|
|
|