ppsan
|
|
« on: 12 October 2023, 20:17:06 » |
|
[34] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน พระชนกฤๅษี ไถดินหาพระธิดา เป็นที่มาของชื่อ 'สีดา' โดย กลม บางบาน
ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 34 พระชนกฤๅษี ไถดินหาพระธิดา เป็นที่มาของชื่อ 'สีดา'
.
นับแต่ครั้งที่นำทารกน้อยไปฝังไว้ใต้ต้นไทร กระทั่งบัดนี้เวลาผ่านล่วงเลยมา 16 ปีแล้ว พระชนกฤๅษีก็ยังมิบรรลุฌานสมาบัติใดๆทั้งสิ้น เกิดความท้อแท้ คิดกลับคืนกรุงมิถิลา ด้วยความวิตกกังวลและระลึกถึงพระธิดาบุญธรรมในผอบ จึงชวนเสนาโสมรีบพากันไปขุดหาพระธิดาตรงจุดที่ฝังไว้ เพียรพยายามเท่าใดก็ไม่พบผอบ เสนาโสมได้แต่ร่ำไห้ พระชนกฤๅษีจึ่งกล่าวแก่เสนาโสมว่า
...ก่อนวางผอบลงในหลุม ได้มีดอกบัวผุดขึ้นมารองรับเอาไว้ ธิดาน้อยองค์นี้ต้องเป็นผู้มีเดชะบุญญาบารมี อันจะสิ้นชีพย่อมหาใช่ไม่...
พระชนกฤๅษีจึงมีรับสั่งให้เสนาโสมไปแจ้งเสนาอำมาตย์ในกรุงมิถิลาให้เกณฑ์กำลังมาไถพลิกดินหาพระธิดาโดยพลัน แม้นจะระดมโคกระบือ ไถทั่วทั้งอาณาบริเวณรอบต้นไทรใหญ่ต้นนั้น ก็หาไม่พบ
. ให้เทียมคู่โคแลกาสร ซับซ้อนเกลื่อนกลาดดาษป่า ไถไปตามสั่งพระสิทธา เวียนรอบฉายาต้นไทร กลับไปกลับมาหลายตลบ จะพบพระธิดาก็หาไม่ ทั้งเหนื่อยทั้งร้อนอ่อนใจ หยุดลงกราบไหว้พระมุนี .
พระชนกฤๅษีจึ่งตั้งจิตอธิษฐานว่า...แม้นว่าพระธิดาองค์นี้มีบุญญาธิการ ต่อไปภายหน้าจะได้ร่วมเศวตฉัตรกับองค์จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ผู้เป็นที่พึ่งของไพร่ฟ้าประชาชี ขอให้พญาอุศุภราช พระโคผู้เป็นเทวะพาพนะของพระอิศวร ได้นำพาให้พบเจอพระธิดา...
ว่าแล้วพระชนกมหาฤๅษีก็ไถดินด้วยพระองค์เอง ในที่สุดก็พบดอกบัวทิพย์คลี่กลีบบานแย้ม มีผอบวางอยู่ในห้องเกสร พระธิดาองค์น้อยในวันนั้น บัดนี้เติบใหญ่เป็นพระธิดาผู้ทรงสิริโฉม งามยิ่งกว่านางฟ้าทั้งปวง พระพระชนกฤาษีได้ประสาทพระนามให้พระธิดาบุญธรรมว่า 'สีดา' (แปลว่า รอยไถ)
. บัดนั้น เสนีโยธีถ้วนหน้า พิศวงในองค์พระธิดา เป็นมหามหัศอัศจรรย์ ยิ่งพิศยิ่งเพลินจำเริญเนตร เยาวเรศงามลํ้านางสวรรค์ ยอกรถวายพรขึ้นพร้อมกัน เสียงสนั่นลั่นป่าพนาลี ฯ .
เสนาผู้ใหญ่ผู้สำเร็จราชการแทน ได้กราบทูลเชิญให้พระชนกฤๅษีเสด็จกลับกรุงมิถิลาพร้อมด้วยพระธิดา พระชนกฤๅษีจึงได้ลาเพศจากความเป็นนักพรต เตรียมกลับไปปกครองกรุงมิถิลาเช่นเดิม
. เมื่อนั้น พระชนกมหาฤๅษี ได้ฟังดั่งทิพวารี มาโสรจสรงลงที่กายา จึ่งเปลื้องคากรองเปลือกไม้ ทั้งสไบหนังเสือออกจากบ่า ก็ลาพรตพิธีจรรยา ทรงเครื่องกษัตราอลงกรณ์ ฯ .
เมื่อท้าวชนกแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จสรรพแล้ว ขบวนเสด็จก็รีบเร่งเดินทางกลับกรุงมิถิลาในทันที เมื่อชาวเมืองทราบข่าว ต่างก็มาเฝ้ารอชมพระบารมีและชื่นชมในสิริโฉมของนางสีดา
. บัดนั้น หญิงชายชาวเมืองถ้วนหน้า เศรษฐีชีพราหมณ์พฤฒา แจ้งว่าพระทรงธรณี ได้ธิดาในดวงปทุมมาศ งามวิลาสลํ้านางอัปสรศรี ลาพรตกลับเข้าบุรี บอกกันมามี่อึงไป เห็นพระองค์ทรงรถสุรกานต์ ทวยหาญแห่ห้อมล้อมไสว พระธิดานั่งหน้ารถชัย งามดั่งแขไขในอัมพร ต่างดูต่างเพลินไม่เมินตา ต่างต่างปรีดาสโมสร ต่างโปรยดวงบุษบากร อวยชัยถวายพรทั้งธานี ฯ .
เมื่อเห็นนางรัตนมณีมเหสีของท้าวชนกรอรับอยู่ นางสีดาจึงหมอบกราบแทบพระบาทขอฝากเนื้อตัว แล้วนางรัตนมณีก็สวมกอดและกล่าวรับขวัญด้วยชื่นชมโสมนัส รับนางสีดาเป็นธิดาด้วยความรักปานแก้วตาดวงใจ
. เมื่อนั้น นางรัตนมณีเสน่หา พิศโฉมพระราชธิดา ลักขณาพริ้มพร้อมทั้งอินทรีย์ อรชรอ้อนแอ้นคมขำ งามลํ้านางฟ้าในราศี นวลละอองผ่องแผ้วไม่ราคี เทวีสวมสอดกอดไว้ รับขวัญแล้วกล่าวสุนทร สายสมรผู้ยอดพิสมัย แม่รักเจ้าเท่าเทียบเปรียบดวงใจ ด้วยไร้โอรสแลธิดา จะได้สืบสุริย์วงศ์พงศ์กษัตริย์ เฉลิมเกียรติจักรพรรดิไปภายหน้า เป็นศรีเมืองเรืองกรุงมิถิลา แก้วตาแม่โสมนัสนัก แล้วประทานเครื่องต้นเครื่องทรง สำหรับนางคู่องค์พญาจักร ให้อยู่ปราสาทแก้วพรหมพักตร์ ถนอมรักดั่งดวงชีวา ฯ .
|