Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
18 November 2024, 01:45:49

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,443 Posts in 12,838 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [30] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 30 กำเนิดนางสีดา
0 Members and 2 Guests are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [30] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 30 กำเนิดนางสีดา  (Read 286 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« on: 05 October 2023, 17:35:03 »

[30] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน กำเนิดนางสีดา โดย กลม บางบาน


ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 30 กำเนิดนางสีดา

.


จากเหตุการณ์ตอนที่แล้ว ที่กรุงอโยธยามีการทำพิธีขอบุตร ทำให้เกิดข้าวทิพย์ขึ้นมา 4 ปั้น ซึ่งเหล่ามเหสีของท้าวทศรถก็ได้กินกันไปแล้ว ก็ตั้งครรภ์ และคลอดพระราชโอรสถึง 4 พระองค์

กลับมาที่กรุงลงกา...

ข้าวทิพย์ที่นางกากนาสูรแย่งมาจากพิธีขอบุตรของท้าวทศรถ แม้ว่านางมณโฑจะได้เสวยเพียงแค่ครึ่งปั้น แต่ก็มากพอที่ทำให้พระลักษมี ชายาของพระนารยณ์จุติเป็น ธิดาของทศกัณฐ์เจ้ากรุงลงกา เป็นไปตามพรของพระอิศวร

หลังจากนางมณโฑตั้งท้องจนครบทศมาศ ก็คลอดลูกเป็นธิดา ทันทีที่คลอดออกมา แทนที่จะร้อง อุแว้ๆๆๆ ดั่งเช่นทารกแรกเกิดทั่วไป แต่นี่กลับร้องว่า

...ผลาญราพณ์ ผลาญราพณ์ ผลาญราพณ์... (3 ครั้ง)

ซึ่งให้ความรู้สึกเดียวกันกับประโยคที่ว่า...ทศกัณฐ์จงฉิบหาย ทศกัณฐ์จงฉิบหาย ทศกัณฐ์จงฉิบหาย... แต่ทศกัณฐ์และนางมณโฑไม่ได้ยิน

.
เป็นบุตรีศรีศุภลักษณ์เลิศ       งามประเสริฐดั่งนางในไตรจักร
ผิวพรรณนวลละอองผ่องพักตร์       ผิดสุริย์วงศ์ยักษ์ในลงกา
นางนั้นร้องขึ้นว่าผลาญราพณ์       สามคาบปรากฏถ้วนหน้า
แต่องค์บิตุเรศมารดา          ไม่ได้ยินวาจานางนงลักษณ์
.

ทศกัณฐ์มีบัญชารับสั่งให้พิเภกและหมู่ปุโรหิตโหราธิบดีเข้าเฝ้า เพื่อทำนายโชคชะตาของพระธิดาองค์น้อย

ทศกัณฐ์จึงให้พิเภกทำนายดวงชะตาหลานสาวตัวน้อยเป็นคนแรก แต่เมื่อคำนวณตามตำราแล้ว พิเภกถึงกับตกใจ หน้าถอดสี

...หลานผู้นี้ แม้ว่าดวงชะตายิ่งใหญ่ก็จริง แต่เมื่อผูกกับดวงชะตาของพ่อและดวงเมืองแล้ว จะพิฆาตพ่อ และเป็นกาลกิณีต่อดวงเมืองกรุงลงกา ดั่งราหูไล่กินจันทร์ หากเลี้ยงเอาไว้จะพากันพินาศย่อยยับ เลือดไหลรินดั่งสายน้ำ ถึงขนาดสูญสิ้นทั้งวงศ์ตระกูล...

...หลานคนนี้เอาไว้ไม่ได้ เอาไว้ในเมืองไม่ได้เลย ข้าขอเสนอให้ฆ่าทิ้งเสีย...

ทศกัณฐ์ได้ยินดังนั้นก็ตกใจ ถามออกไปว่า...โอ พิเภก ลูกฉันเพิ่งเกิดมานะ ต้องถึงกับฆ่าทิ้งเลยหรือ...

ส่วนนางมณโฑ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนตัวสั่น แล้วชี้หน้าด่าพิเภก 

...พิเภก เจ้านี่เลวมาก หลานเพิ่งเกิดมาและก็เป็นแค่เด็กทารก เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น เจ้าจะมาอิจฉาหลานได้อย่างไร จะให้ฆ่าหลานทิ้ง พิเภกเอ๋ย จิตใจเจ้าทำด้วยอะไร ฉันรับไม่ได้ ฉันเกลียดแก...

ทศกัณฐ์นั้นมีสติมากกว่านางมณโฑ จึงปลอบใจ

...มณโฑ ใจเย็นๆก่อน พิเภกจะไปอิจฉาหลานทำไม หลานเป็นผู้หญิง หลานไม่มาแย่งราชบัลลังก์อะไรหรอก แล้วพิเภกจะไปเกลียดหลานทำไม พิเภกอาจจะพูดตามตำราจริงๆก็ได้ ลูกน้อยของเราอาจจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ตัดใจเถอะนะน้อง คือ ต่อให้ลูกดีขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าลูกจะมาฆ่าพวกเรา เราก็ไม่ควรจะเก็บลูกไว้... แล้วกล่าวต่อว่า

...มณโฑ ถ้าน้องไม่เชื่อ เดี๋ยวพี่จะให้พวกโหรหลวงทั้งหมดในที่นี้ ทำนายดวงชะตาซ้ำอีกรอบก็ได้ แล้วมาดูกันว่าพิเภก แม่นจริงหรือเปล่า...

ทศกัณฐ์ จึงให้โหรหลวงทำนายดวงลูกน้อยอีกครั้ง

หลังจากที่สอดส่องปูมโหรกันทุกคนแล้ว โหรหลวงทั้งหลายจึงทูลว่า

...ขอเดชะ อาญาไม่พ้นเกล้า ดวงชะตาของธิดาน้อยพระองค์นี้ เป็นดวงพิฆาตเมืองจริงๆ...

สภาโหรแห่งกรุงลงกาจึงลงมติโดยทั่วกันว่า...เด็กคนนี้เลี้ยงไว้ในเมืองลงกาไม่ได้เด็ดขาด จะต้องฆ่าทิ้ง...

ดังนั้น แม้ว่านางมณโฑจะร่ำไห้คร่ำครวญแทบจะขาดใจ ร้องไห้ฟูมฟาย ตีอกชกหัวตัวเองขนาดไหนก็ตาม ทศกัณฐ์ก็สั่งพิเภกว่า

...เชิญดำเนินการตามพิธีโบราณได้เลย ว่าจะต้องทำอย่างไร...

แล้วทศกัณฐ์จึงสั่งให้พิเภกจัดการตามที่เห็นสมควร

พิเภกนำพระธิดาที่เกิดใหม่ใส่ผอบทอง มอบให้เสนายักษ์รีบเหาะนำไปลอยทิ้งในกลางสายน้ำ แต่ด้วยบุญญาธิการของพระลักษมี จึ่งบังเกิดดอกบัวใหญ่เท่ากงจักรมารองรับผอบทองไว้ โดยที่เสนายักษ์มิทันได้สังเกตเห็น

ฝ่ายนางมณีเมขลาและหมู่ทวยเทพเทวาผู้มีหน้าที่รักษาสมุทร ต่างก็รีบมาดูแลปกป้องรักษาพระธิดาน้อย แล้วผอบทองนั้นก็ลอยล่องสวนกระแสน้ำข้ามมหาสมุทร ราวกับว่ามีจิตวิญญาณ  กระทั่งลอยมาถึงแม่น้ำเนรัญชรา แล้วไปหยุดอยู่ที่ท่าน้ำ หน้าอาศรมของพระชนกฤๅษี ซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองมิถิลา แต่ไม่มีบุตรแล้วเบื่อหน่ายในการครองเมือง จึงออกบวชเป็นฤๅษี

.

(เพิ่มเติม)
คำว่า 'ราพณ์' คือชื่อเรียกทศกัณฐ์ มาจากคำว่า ราวณะ (Ravana) ในภาษาสันสกฤต
พระธิดาทารกน้อยองค์นี้ มีชื่อในภายหลังว่า 'สีดา'
นางมณีเมขลา ก็คือ นางฟ้าองค์เดียวกับที่ไปล่อแก้วกับรามสูร และเป็นคนที่ช่วยพระมหาชนกตอนเรือแตก ลอยคออยู่ในทะเล

.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #1 on: 05 October 2023, 17:35:54 »


ทศกัณฐ์-นางมณโฑ


.

พิเภก


.

พระลักษมี ชายาของพระนารยณ์ จุติเป็นธิดาทศกัณฐ์


.

พิเภกทำนาย-นำพระธิดาที่เกิดใหม่ใส่ผอบทอง มอบให้เสนายักษ์รีบเหาะนำไปลอยทิ้งในกลางสายน้ำ


.

ผอบทอง ลอยไปหยุดอยู่ที่ท่าน้ำ หน้าอาศรมของพระชนกฤๅษี




.


« Last Edit: 06 June 2024, 15:07:24 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #2 on: 06 June 2024, 15:08:20 »




.










Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.172 seconds with 19 queries.