ppsan
|
|
« on: 01 October 2023, 20:40:21 » |
|
[26] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ฤๅษีกไลโกฏ โดย กลม บางบาน
ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 26 ฤๅษีกไลโกฏ
.
กล่าวถึงเมืองโรมพัตตัน ท้าวโรมพัต ผู้ครองเมืองกลุ้มพระทัยอยู่นาน 3 ปีแล้ว เพราะฝนแล้ง ทำให้ราษฎร อดอยากไปทั่ว บวงสรวงเทวดาก็ไม่ได้ผล ตั้งพิธีขอฝน นานถึง 7 เดือน 7 วัน ก็ไร้วี่แวว
แล้วมีนายพรานป่าคนหนึ่งผู้รู้สาเหตุ มาขอเข้าเฝ้า แล้วทูลว่า
...สาเหตุที่เกิดฝนแล้งนาน 3 ปีติดต่อกันนี้ ก็เพราะว่าพระฤๅษีตนหนึ่งชือ ฤๅษีกไลโกฎ ได้บำเพ็ญตบะแรงกล้าเป็นนิจ จึงบันดาลให้ดินฟ้าอากาศแห้งแล้งในแมืองนี้...
ท้าวโรมพัตจึงรู้สาเหตุที่ฝนฟ้าแห้งแล้งไม่ตกต้องตามฤดูกาล จึงจำเป็นจะต้องแก้ไข โดยหาวิธีที่จะให้ฤๅษีกไลโกฎ ออกจากฌาณสมาธิ เลิกบำเพ็ญตบะ พระองค์จึงเลือกใช้วิธีที่พระอินทร์ใช้ประจำ เวลาอยากก่อกวนตบะพระฤๅษี พระองค์จึงโปรดให้นางอรุณวดี ราชธิดาโฉมงาม ร่างอรชรอ้อนแอ้น ออกไปที่ป่าหิมพานต์ ไปยั่วยวนทำลายตะบะพระฤาษีกไลโกฎ
พระฤๅษีกไลโกฎหรือพระฤๅษีหน้าเนื้อ เพราะท่านมีหน้าเป็นเนื้อหรือกวาง ด้วยว่ามีมารดาเป็นนางกวาง พ่อเป็นพระฤๅษี ด้วยความที่ถือเพศเป็นฤาษีมาช้านาน ไม่เคยเห็นสตรีเพศ ประกอบกับบิดาเคยสั่งห้ามมิให้แตะต้องสัตว์ซึ่งมีเขาที่หน้าอก
ครั้นเมื่อนางอรุณวดี เดินเข้าไปในอาศรม ในสภาพเปลือยเปล่าครึ่งท่อน ด้วยความที่ไม่เคยเห็นสตรีเพศมาก่อน ฤๅษีกไลโกฎก็ถึงกับงุนงง ฉงนใจว่า นางเป็นสัตว์ประเภทอะไรกันแน่ เพราะตั้งแต่เกิดมาพระฤๅษีก็ไม่เคยเห็นมนุษย์ผู้หญิงสตรีเพศ ด้วยพ่อนั้นเป็นพระฤๅษีผู้ชายแบบตน ส่วนแม่เป็นนางกวาง (ไม่ใช่มนุษย์ผู้หญิง) ดังกล่าวมาแล้ว จึงกล่าวถามไปว่า
...ทำไมหน้าตาเจ้าช่างประหลาด ผิดกับสัตว์ตัวอื่นอย่างนี้ ข้าอยู่ในป่าก็เคยเห็นแต่เก้งกวาง สมัน และแรต แต่เขามันงอกที่บนหัว แต่ทำไมของเจ้านี่ช่างประหลาดเสียจริง เขาอะไรมางอกอยู่ที่หน้าอก ช่างประหลาดแท้...
...เจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่ เล่าให้ฟังหน่อยซิ เจ้าน่ะพูดได้หรือเปล่า...
. (บทกลอน) เมื่อนั้น พระกไลโกฎฤๅษี ไม่เคยเห็นรูปสตรี มีความสงสัยก็พิศดู เห็นเขาติดอกครัดเคร่ง ดั่งปทุมตูมเต่งทั้งคู่ สัตว์นี้เป็นไฉนจึงไม่รู้ จะเป็นหมู่เดียรฉานนามใด
ตริแล้วจึ่งกล่าววาที เอ็งนี้เป็นสัตว์จำพวกไหน จึงมีเขาที่อกกูหลากใจ ไม่เคยพบเห็นแต่ก่อนมา .
เมื่อเห็นได้ที นางอรุณวดี จึงทำหน้าเศร้าตีสนิท บอกไปว่า
...พระฤๅษีเจ้าคะ ข้าเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าสัตว์อื่นๆน่ะ เขามันก็อยู่บนหัว แล้วก็เป็นเขาแข็งๆ จับไปมันก็แข็ง แต่เขาของข้า ไม่รู้ทำไมเหมือนกันจึงงอกตรงหน้าอก และที่สำคัญมันนิ่มด้วยนะ ข้าก็เลยมาหาพระฤๅษีวันนี้แหละ อยากให้ตรวจดูให้หน่อยว่าข้าเป็นอะไร ผิดปกติหรือเปล่า...
. (บทกลอน) เมื่อนั้น นางอรุณวดีเสน่หา ได้ฟังจึ่งตอบพระสิทธา เขาข้านี้น่าอัศจรรย์ ไม่งอกในเศียรเหมือนฝูงสัตว์ มาพลัดขึ้นที่อกเหมือนแกล้งปั้น เต่งตั่งดังดวงบุษบัน อ่อนละม้ายคล้ายกันกับสำลี
พระองค์ผู้ทรงตบะญาณ ขอประทานโปรดเกล้าเกศี พิเคราะห์ดูให้รู้ว่าร้ายดี ข้าเป็นดั่งนี้ด้วยอันใด ว่าพลางทางเข้าปรนนิบัติ สัมผัสทำนวดเฟ้นให้ ด้วยกลมารยาพิราใน แกล้งยั่วยวนใจพระมุนี .
ว่าพลางนางก็แนบกายเข้าประชิดแล้วแสร้งนวดเฟ้นด้วยอากัปกริยายวนยั่ว แม้นว่าพระกไลโกฏฤๅษี จะเป็นผู้ทรงศีลมีฌานสมบัติแก่กล้า แต่หาได้เป็นพระอิฐพระปูนแต่อย่างใด ทั้งตบะทั้งใจของฤๅษีเป็นอันกระเจิดกระเจิงแตกแยกย่อย จึงพลาดท่าเสียทีให้กับนางอรุณวดี
พระฤๅษีไม่รู้เล่ห์กลอุบาย ก็เลยจับเขาของนาง (นม) เพราะลืมคำสอนของพ่อที่สั่งเอาไว้ก่อนตายจากไปว่า
...สัตว์อะไรก็ตาม ที่เขาอยู่บนหัว ไม่เป็นไร ไม่ต้องไประวังมัน แต่ถ้าสัตว์อะไรที่เขาอยู่บนหน้าอก ให้ระวังมันไว้ให้ดี มันจะทำลายตบะของเจ้า...
. (บทกลอน) เมื่อนั้น พระกไลโกฎฤๅษี ไม่รู้ในกลสตรี ลืมที่คำสั่งพระบิดร เข้าประคองต้องเต้าสุมณฑา กายาแนบเนื้อดวงสมร ให้เกิดประดิพัทธ์อาวรณ์ ถึงไม่มีผู้สอนก็เป็นไป
เชยแก้มแนมเนตรเกศวรรณ เกษมสันต์ในความพิสมัย ภุมรินบินเคล้าสุมาลัย แทรกไซ้เกสรปทุมมาลย์ เชยซาบอาบสร้อยเสาวรส สุบงกชคลี่กลีบหอมหวาน ร่วมภิรมย์สมสุขสำราญ ในสถานศาลาอารญ ฯ ก็เสียตบะกิจพิธีกรรม์ พลาหกครื้นครั่นคะนองฝน ฟ้าเปรี้ยงเสียงสนั่นอึงอล ตกจนนองพื้นพสุธา ฯ
.
พอจับเขาของนางแล้ว ธรรมชาติก็ทำหน้าที่ของมัน พระฤๅษีเกิดกระสันซ่านเสียว ราคะจริตกำเริบฤทธิ์ทุกขุมขน จนสูญเสียพรหมจรรย์ ตบะที่บำเพ็ญมาจึงหมดสิ้น ซึ่งส่งผลให้ฟ้าฝนเป็นใจ ฝนที่อั้นมานานจึงตกโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า เนืองนองทั้งแผ่นดิน...ฝนเอย ฝนตก คางคกร่าเริงกันไปทั่วทั้งเมืองโรมพัตตัน... พอเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นแล้ว นางอรุณวดีก็เลยบอกพระฤๅษีว่า
...พระฤๅษีเพคะ จริงๆแล้วฉันไม่ใช่สัตว์อะไรหรอกเพคะ ฉันเป็นมนุษย์เจ้าค่ะ เป็นธิดาของเจ้าเมืองโรมพัตตันที่อยู่ริมป่านี่แหละค่ะ แต่ที่ท่านนั่งบำเพ็ญตบะสมาธิแก่กล้า จนฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้ชาวบ้าน ชาวไร่ชาวนาเดือดร้อนอดอยาก พ่อก็เลยบอกว่าให้ทำยังไงก็ได้ให้ท่านออกจากฌาณสมาธิ...
...ตอนนี้ฉันจึงอยากเชิญท่านให้เข้าไปอยู่ในเมืองด้วยกัน ไม่ต้องอยู่ป่าแล้วละ เพราะไหนๆเราก็เป็นผัวเมียกันแล้ว...
พระฤๅษีเอง ก็ยังงงๆอยู่ แต่สุดท้ายก็เลยคิดว่า ถ้าจะอยู่ในป่านั่งฌาณสมาธิต่อ ก็ยังติดใจในกามรสจึงยอมเข้าไป อยู่ในเมืองกับนางอรุณวดีด้วยกัน
. เมื่อนั้น พระกไลยโกฏิอาจารย์ใหญ่ ฟังนางหวลทุกข์ฉุกใจ ก็คิดได้ถึงคำบิดา เอะกูผิดแล้วครั้งนี้ มาร่วมรสฤดีเสน่หา ให้เสียดายตบะกิจวิทยา อนิจจาจะทำประการใด
ครั้นจักละนางอยู่สร้างพรต เสียดายรสที่ร่วมพิสมัย จำกูจะตั้งหน้าไป จะเป็นกระไรก็ตามที คิดแล้วจึงตอบวาจา ซึ่งจะพาเราไปบูรีศรี สุดแต่สีกาจะปราณี รูปนี้มิให้อนาทรฯ .
เมื่อเข้ามาอยู่ในวังแล้ว พระกไลโกฏฤๅษีมัวแต่ลุ่มหลงในความภิรมย์สมสุขกับนางอรุณวดี วัตรปฏิบัติที่ผู้เป็นมหามุนีพึงกระทำจึงงดเสียหมดสิ้น
.
|