ppsan
|
|
« on: 20 September 2023, 22:34:35 » |
|
[15] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ทศกัณฐ์กับนางมณโฑและพาลี โดย กลม บางบาน
ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์
ตอนที่ 15 ทศกัณฐ์กับนางมณโฑและพาลี
.
เริ่มต้นที่ ยักษ์ตนหนึ่งชื่อว่า วิรุฬหก เป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์มาก อาศัยอยู่ในประสาทแก้วสุรกานต์เมืองบาดาล มีความศรัทธาต่อพระอิศวรมาก ตามธรรมดาจะขึ้นไปเฝ้าพระอิศวรปีละเจ็ดครั้ง
วันหนึ่งได้ขึ้นไปเฝ้าพระอิศวรตามธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาแต่กาลก่อน พระอิศวรกำลังบรรทมหลับ วิรุฬหกคิดว่าพระอิศวรอยู่ที่ท่ามกลางอสูรและเทพยดา จึงกราบทุกขั้นปันไดที่ขึ้นไปยังเขาไกรลาส
สรภู ตุ๊กแกที่เกาะอยู่บนยอดเขา เห็นเข้าก็ขบขัน หัวเราะเยาะวิรุฬหกเป็นภาษาตุ๊กแก...หือ วิรุฬหก มันคำนับใครวะ พระอิศวรก็ไม่อยู่...มันก็เลยร้อง...ตุ๊กแก!...
พอวิรุฬหกคำนับทีหนึ่ง มันก็ร้อง...ตุ๊กแก...ทีหนึ่งตามการคำนับ (เฮ้ย! ล้อเลียนกันนี่หว่า หรือมึงร้อง รับการคำนับจากข้า กันวะนี่?)
วิรุฬหกได้ยินเข้าก็โกรธ ถอดสังวาลย์นาค ขว้างใส่อย่างเต็มแรง....สรภูตุ๊กแกคู่กรณีตัวแหลกเป็นผุยผง...แต่....สังวาลย์นาคที่ขว้างไปด้วยกำลังแรงเหลือประมาณนั้นถูกเขาไกรลาส จนถึงกับทรุดเอียงไปตามแรง (เขาไกลาสเอียงอีกแล้ว ครั้งก่อนเอียงเพราะใครยังจำกันได้ไหมเอ่ย?) แล้ววิรุฬหกก็หายลับกลับไปยังเมืองบาดาล
พระอิศวร จึงประกาศให้รางวัลแก่ผู้สามารถยกภูเขาไกรลาสให้ตั้งตรงได้ แต่ไม่มีใครทำได้ พระอิศวรจึงให้จตุบทไปบอกทศกัณฐ์ให้มาช่วยยก ทศกัณฐ์มาถึงก็เนรมิตกายสูงใหญ่เทียมยอดเขา แล้วใช้บ่าแบกยันภูเขาไว้ ใช้มือยี่สิบมือ จับเหลี่ยมเขาทุกแห่ง แล้วใช้เท้าถีบยันสุดแรง ภูเขาไกรลาสก็ตั้งตรงได้
ทศกัณฐ์จึงทูลขอรางวัลเป็น "พระอุมา" พระอิศวรก็สตั้นไป 3 วิ แต่ก็ต้องประทานให้ ทศกัณฐ์จึงเข้าไปจะอุ้ม แต่กายของพระอุมาร้อนแรงมาก ทศกัณฐ์อุ้มไม่ได้ ได้แต่จับพระบาทวางไว้เหนือหัว พาเหาะกลับเมืองไป
...เฮ้..อย่างงี้เค้าเรียกว่า ริจะเด็ดดอกฟ้านะเนี่ย....เฮียทศ.
เหาะไปได้ครึ่งทาง ทศกัณฐ์ก็ร้อนจนทนไม่ไหว จับเพียงแค่เท้าก็ยังร้อน สุดท้ายเมื่อทำอะไรไม่ได้ ทศกัณฐ์จึงพาพระอุมาลงไปเดินที่พื้น
เมื่อพระนารายณ์ทราบเรื่อง จึงแปลงเป็นยักษ์แก่ หน้าตาน่าเกลียด ปลูกต้นไม้เอายอดปักลงดิน เอารากชี้ขึ้นฟ้า รดน้ำพรวนดินอย่างมีความสุข แล้วก็หัวเราะชอบใจ
ฝ่ายทศกัณฐ์พาพระอุมาเดินผ่านมาเห็น ก็ร้องว่า ...ตาแก่บ้า ปลูกต้นไม้แบบนี้มันจะขึ้นได้ไง..โง่จริงรึแกล้งโง่... ตาแก่แปลงจึงเถียงว่า ...ใครว่าข้าโง่ คนโง่น่ะท่านต่างหาก ข้าไม่เคยเห็นใครโง่ขนาดนี้มาก่อนเลยนะ...
ทศกัณฐ์ได้ยินดังนั้นก็เอะใจ เพราะในบริเวณกรุงลงกานั้นไม่มีใครกล้าด่าตน จึงร้องถามไปว่า
...แกเป็นใคร มาจากไหน จึงกล้าด่าว่าข้าโง่...ไหนบอกมาซิว่าข้าโง่ยังไง...
ยักษ์แก่แปลงจึงบอกว่า...โอ้ย จะไม่ให้ว่าโง่ได้ยังไงล่ะ เนี่ยไปขอสาวมาซิท่า แทนที่จะขอสาวที่ดีๆมา กลับไปขอสาวที่เป็นกาลกิณีมา แตะตัวยังไม่ได้เลย พาเข้าเมือง ไม่คิดว่ามันจะวอดวายไปทั้งเมืองเลยหรือ นางจะผลาญตัวท่านและตระกูลวงศ์ให้พินาศย่อยยับเชียวนา...
ทศกัณฐ์ก็คิดว่า ถ้าจะจริงของตาแก่ เพราะนางตัวร้อนประหนึ่งไฟก็มิปาน
แล้วจึงถามตาแก่แปลงว่า ...นางใดบ้างที่คุณตาว่าดี... ตาแก่แปลงก็แนะว่า ...นางมณโฑดีที่สุด สวยที่สุด...
ดังนั้น ทศกัณฐ์จึงพา พระอุมา มาคืน และขอประทานนางมณโฑไปแทน ทศกัณฐ์ก็อุ้มนางเหาะ และชมโฉมนางเพลิน มาจนผ่านเมืองขีดขิน
ฝ่ายพระยาพาลีเห็นทศกัณฐ์อุ้มผู้หญิงเหาะข้ามหน้าข้ามตาไปก็โกรธ
...ไม่ได้...ไม่ได้....พาผู้หญิงบินข้ามหัวกันได้ไง มันหยามกันชัดๆ...
จึงฉวยพระขรรค์เหาะไปสู้รบ และด้วยพรพระอิศวรที่ประทานให้พาลีว่า...รบกับใคร ให้กำลังของผู้นั้นลดลงกึ่งหนึ่ง...ช่วยให้พาลีรบชนะ แย่งนางมณโฑไปได้ ทศกัณฐ์ต้องซมซานกลับกรุงลงกาด้วยความเจ็บช้ำ
.
|