Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
17 November 2024, 17:36:30

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,443 Posts in 12,838 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [13] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 13 ศึกเมืองบาดาล พญากาลนาคราชรบท้าวสหมลิวัน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [13] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 13 ศึกเมืองบาดาล พญากาลนาคราชรบท้าวสหมลิวัน  (Read 226 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« on: 18 September 2023, 17:41:11 »

[13] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกเมืองบาดาล พญากาลนาคราชรบท้าวสหมลิวัน โดย กลม บางบาน


ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์

ตอนที่ 13 ศึกเมืองบาดาล พญากาลนาคราชรบท้าวสหมลิวัน

.

ย้อนกลับไปครั้งโบราณผ่านมา ก่อนที่สหบดีพรหมจะสร้างกรุงพิชัยลงกา แต่เดิมเกาะทวีปรังกา (ลังกา) นั้นปกครองโดยท้าวสหมลิวัน ผู้เป็นเจ้าแห่งอสูรสืบเชื้อสายพรหม สืบเชื้อสายเทือกเถาเหล่ากอเดียวกันกับ มาลีวัคพรหม (ต่อมาพระอิศวรประทานนามให้ใหม่ว่า “ท้าวมาลีวราช”) และธาดาพรหม (จตุรพักตร์) ท้าวสหมลิวันเกิดบางหมางกับพระนารายณ์ พระนารายณ์เห็นว่าอสูรเหล่านี้ต่อไปจะเป็นภัยแก่โลกจึงยกทัพมาปราบ สหมลิวันพลาดพลั้งมิอาจเอาชนะพระนารายณ์ได้ จึงจำใจทิ้งเมืองบนรังกาทวีปนั้น แล้วหลบหนีไปยังบาดาล แล้วตั้งเมืองขึ้นใหม่และเป็นปฐมวงศ์อสูรแห่งเมืองบาดาล ส่วนทวีปรังกานั้นก็ร้างไปไม่มีผู้ใดปกครอง จนสหบดีพรหม สร้างกรุงพิชัยลงกา ตั้งให้ธาดาพรหมเป็นกษัตริย์ครองกรุงลงกานามว่า “จตุรพักตร์” เป็นปฐมกษัตริย์เชื้อสาย อสุรพรหมพงศ์ (อสูรผู้มีเชื้อสายพระพรหม) ต้นตระกูลของทศกัณฐ์

การที่ท้าวสหมลิวันโยกย้ายเหล่าอสูรหลบหนีไปยังเมืองบาดาล อันเป็นทวีปแหล่งอาศัยของพวกนาค ที่ต้องอาศัยอยู่ในน้ำเพื่อความปลอดภัยจากเหล่าพญาครุฑ เมื่อถูกรุกรานโดยเหล่าอสูรก็ไม่พอใจ ได้แต่รอวันเวลาที่เหมาะสมที่จะทวงคืนแผ่นดิน นับวันเหล่าอสูรก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พญากาลนาคราช (บิดาของนางนาคที่เล่นชู้กับงูดิน รายละเอียดในตอน  กำเนิดนางมณโฑ) ภายภาคหน้าอสูรเหล่านี้จะเป็นภัยแก่เหล่าพญานาค เมื่อดำริดังนั้นพญากาลนาคราชจึงยกทัพของเหล่านาคไปยังกรุงสหมลิวัน

ในการจัดทัพพญากาลนาคราชสั่งให้สี่ขุนพล เป็นผู้นำในการจัดกระบวนทัพนาค โดยในการจัดทัพไปรบกับยักษ์ในครั้งนี้ได้สั่งให้เหล่านาคแปลงกาย (นาคเป็นเชื้อสายที่เคยได้พรจากฤๅษีผู้เป็นบิดาแห่งนาคและครุฑแต่บรรพกาลในกำเนิดครุฑนาค ว่าพญานาคนั้นจะให้กำเนิดลูกได้มากมายมหาศาลนับพันนับหมื่นและมีฤทธ์แปลงกายได้ตามใจนึก) เหล่าทหารนาคก็แปลงกายจากนาคไปเป็นผู้มีฤทธิ์เดชในแบบที่แตกต่างกันออกไป

กลุ่มแรกแปลงเป็นคนธรรพ์ (เป็นอมนุษย์ แต่ก็ยังไม่ถึงขึ้นเป็นเทพบุตร มีรูปงามและเจ้าชู้) ใบหน้าเป็นสิงห์

กลุ่มสองแปลงเป็นยักษ์ แต่มีลำตัวเป็นพญานาคราชยาวใหญ่

กลุ่มสามแปลงเป็นหน้าเหรา(จรเข้ขนาดใหญ่) ส่วนลำตัวนั้นเป็นไกรสร (ควาย)

กลุ่มสี่แปลงร่างกายเป็นตัววานร (ลิง) แต่หน้าตากลับเป็นมังกร น่าเกรงขาม

กลุ่มที่ห้าแปลงกายเป็นผีโป่ง แต่หน้าเป็นเสือโคร่งเกรี้ยวกราด เตรียมยกทัพไปยังกรุงสหมลิวัน

เมื่อเตรียมทัพเรียบร้อยพญากาลนาคราชก็ยกทัพบุกไปตีเมืองยักษ์ โดยบุกทำลายค่ายด่านยักษ์แตกพ่ายมาเป็นลำดับโดยง่าย จนบุกเข้ามาประชิดกำแพงเมือง ท้าวสหมลิวันจึงจัดทัพไปต่อต้าน แต่ก็พลาดท่าเสียทีแก่เหล่านาค ขุนพลทหารยักษ์ล้มตายไปจำนวนมาก หากปล่อยไว้เช่นนี้ต่อไปเห็นทีจะต้องเสียเมืองให้แก่พวกพญานาคเป็นแน่ จึงนึกจะขอความช่วยเหลือจากจตุรพักตร์นั้นก็สวรรคต(ตาย) ไปเสียแล้ว มีแต่เพียงลัสเลียน (บิดาของทศกัณฐ์) เพียงองค์เดียวเท่านั้นที่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เอามาช่วยรักษาเมืองเอาไว้ได้ ด้วยหลานผู้นี้เป็นผู้มีชื่อมากในการรบและการใช้ธนู ว่าแล้วจึงสั่ง มหายมยักษ์ บากหน้าแทรกพื้นแผ่นดินไปยังกรุงลงกา ส่งสาส์นขอร้องให้ท้าวลัสเตียนมาช่วยรบกับนาค

เมื่อได้ทราบข่าว ลัสเตียนก็มิได้นิ่งเฉย เตรียมจัดกองทัพมุ่งหน้าไปยังบาดาลเพื่อช่วยท้าวสหมลิวันรบกับพญากาลนาคราช  เมื่อยกทัพมาถึงบาดาลก็พบว่า พญากาลนาคได้เข้าล้อมเมืองไว้แล้ว จึงสั่งให้เหล่าทหารยักษ์ยกทัพตีกระหนาบทัพนาค โดยทัพลงกาตีเข้ามาจากด้านนอก ฝ่าย “มหายมยักษ์” แม่ทัพของสหมลิวันก็นำทัพตีกระหนาบฝ่าออกไปจากด้านใน

เมื่อเห็นพ่ายท่าเสียทีแก่พวกยักษ์ พญากาลนาคราชจึงกลายร่างกลับไปเป็นพญานาคเจ็ดเศียร และก็ตรงเข้ารบกับลัสเตียน เมื่อลัสเตียนเห็นพญากาลนาคราชคืนสู่ร่างนาค ก็หยิบศร “วิษณุเวท” ขึ้นพาดสายแล้วยิงออกไป ศรนั้นกลับกลายเป็นร่างพญาครุฑใหญ่บินโฉบจับคอนาคไว้ ด้วยความเจ็บปวดจนแทบสิ้นใจ พญากาลนาคราชจึงร้องขอชีวิตออกไปอย่างไม่รู้สึกอับอาย กลายร่างเป็นมนุษย์ตัวน้อยเข้าไปถวายบังคม และทูลถวายราชธิดานาคของตนให้แก่ลัสเตียนเป็นสิ่งตอบแทน แล้วยกทัพกลับเมืองนาคไป แล้วนำราชธิดาผู้มีสิริโฉมขึ้นมาเฝ้าถวายตัวแก่ท้าวลัสเตียนยังกรุงลงกา

เมื่อมาถึงกรุงลงกา ลัสเตียนเองก็อายุมากแล้ว มเหสีและสนมก็มีอยู่จำนวนมาก เมื่อได้เห็นโฉมนางนาคีผู้งดงามจึงคิดที่จะมอบให้เป็นชายาของทศกัณฐ์ จึงแจ้งแก่พญากาลนาคราชไปตามความคิดนั้นว่า

...นางอัคคีวรนาฏ ผู้นี้ เราจะแต่งตั้งให้เป็นมเหสีสูงศักดิ์ กว่านางสนมทั้งปวงของทศกัณฐ์... 

แล้วก็เรียกบรรดาโอรสธิดาออกมาสั่งเสีย ก่อนที่จะสละราชสมบัติ
โดยแต่งตั้ง"ทศกัณฐ์" ครองกรุงพิชัยลงกาสืบต่อไป และมีนางอัคคีเป็นอัครมเหสีสูงศักดิ์กว่านางสนมทั้งแปดหมื่นสี่พันตนของทศกัณฐ์ 
ส่วน "กุมภกรรณ" และ “พิเภก" ผู้เก่งเรื่องโหรา การทำนาย ให้อยู่ช่วยทศกัณฐ์พี่ชายอยู่ในกรุงลงกา
“ขร” ครองเมืองโรมคัน  “ทูษณ์” ครองนครชนบท ส่วน “ตรีเศียร” น้องชายคนเล็กให้ครองมัชวารี 
และให้ “นางสำมนักขา” ธิดาองค์เดียวแต่งงานกับ “ชิวหา” (โอรส-ธิดา ที่เกิดจากนางรัชดา)

ตั้งให้ “กุเปรัน” เป็นกษัตริย์ครองกรุงกาลจักร และยกบุษบกแก้ววิเศษ ที่สามารถนำทางไปได้ทุกหนแห่งดังใจนึก(ยกเว้นแม่หม้ายที่ผัวตาย) ให้กับ “กุเปรัน” (โอรสองค์โตที่เกิดจากนางศรีสุนันทา)

ส่วน “ทัพนาสูร” น้องรองลงมา ให้ไปครองกรุงจักรวาล (โอรสที่เกิดจากนางจิตรมาลี)
“อัศธาดา” ให้ครองเมืองมัทวัน (โอรสที่เกิดจากนางสุวรรณมาลัย)
“มารัน” ได้ครองกรุงโสฬส  (โอรสที่เกิดจากนางวรประภา)

ลัสเตียนมีอายุขัยได้หกหมื่นปีก็สู่สวรรคาลัย ทศกัณฐ์จึงได้ผ่านกรุงพิชัยลงกาสืบต่อมาจากพระราชบิดา ทศกัณฐ์นั้นมีเพื่อนสนิทอยู่เจ็ดตนที่มีฤทธิ์เดชแกล้วกล้า คือ อัศกรรณ ไพจิตรา สัทธาสูร มูลพลำ จักรวรรดิ สัตลุง และ มหาบาล (ซึ่งจะมีบทบาทในตอนต่อไป) 

.


ป.ล. ในเนื้อเรื่องไม่ได้ระบุว่า “นางอัคคีนาค” นี้เป็นธิดาองค์เดียวกันกับที่เคยขึ้นจากบาดาลไปสมสู่กับงูดินหรือไม่ แต่ดูแล้วน่าจะคนละตัวกัน เนื่องจากนาคตัวนั้นถูกเอ่ยในนามว่า “อนงค์นาคี” ส่วนนางนี้เอ่ยนามว่า “อัคคีวรนาฏ”

.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #1 on: 18 September 2023, 17:43:18 »


พญากาลนาคราช


.


ท้าวสหมลิวัน


.


ท้าวลัสเตียน


.


ครุฑยุดนาค


.



.


นางกาลอัคคี


.



« Last Edit: 05 June 2024, 20:21:06 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #2 on: 05 June 2024, 20:22:04 »




.



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.051 seconds with 22 queries.