Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 02:36:18

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [9] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 9 กำเนิดหนุมานชาญสมร
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [9] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 9 กำเนิดหนุมานชาญสมร  (Read 320 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 13 September 2023, 14:37:27 »

[9] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน กำเนิดหนุมานชาญสมร สุครีพ โดย กลม บางบาน


ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์

ตอนที่ 9 กำเนิดหนุมานชาญสมร

.

เมื่อพระอิศวรทราบว่านางกาลอัคคีได้สาป “นางสวาหะ” (ลูกฤๅษีโคดมกับนางกาลอัคคี) ให้ไปยืนตีนเดียวเหนี่ยวกิ่งไม้กินลมอยู่ที่เนินเขาจักรวาล ก่อนตนเองจะกลายเป็นแผ่นหินไปตามคำสาปของฤาษีโคดมสามี พระอิศวรจึงมีความคิดให้นางมีบุตรเพื่อแบ่งกำลังกายของตนไปเกิด เพื่อรอคอยรับใช้พระนารายณ์อวตารในกาลภายภาคหน้ายามที่นารายณ์อวตารลงไปปราบยักษ์ทศกัณฐ์ จึงสั่งให้พระพาย (เจ้าแห่งลมและพายุ) พัดหอบเอาพลังกำลังกายแห่งพระอิศวรบรมนาถ รวมทั้งเทพศัตราวุธทั้งสามอย่างได้แก่ คฑาเพชร ตรีเพชร และจักรแก้ว ของพระองค์ไปเข้าปากนางสวาหะ ผู้ยืนกินลมที่เนินเขาจักรวาล ให้เกิดออกมาเป็นกระบี่ (ลิง) ที่มีพละกำลังอันเกรียงไกร

พระพาย (วายุเทพ)


ด้วยอำนาจกำลังของพระพายจึงหอบเอากำลังและอาวุธเหล่านั้นเข้าปากนางสวาหะ เกิดบุตรเป็นลิงในครรภ์ของนาง โดยที่ คฑาเพชร กลายเป็นกระดูกสันหลังตลอดหางขอวานารน้อย ทำให้เหาะเหินเดินอากาศได้ราวกับลมพัด ส่วนตรีเพชรสุรกานต์ เป็นร่างกาย มือเท้า เวลาจะสู้รบกับผู้ใดให้สามารถดึงเอาตรีเพชรสุรกานต์นี้ออกมาจากอกของตนเองได้ ส่วนจักรแก้วนั้นกลายเป็นส่วนหัวของวานร อาวุธทั้งสามนั้นก็ผสานกลายเป็นบุตรของพระพาย ในครรภ์นางสวาหะ

ครั้นนางสวาหะมีครรภ์มาได้สิบเดือนแล้วกลับยังไม่คลอด ทารกน้อยยังคงอยู่ในครรภ์ของนางต่อไปจนครบสามสิบเดือน จึงได้ฤกษ์คลอด ตรงกับวันอังคาร ปีขาล เดือนสาม เวลาพลบค่ำพระอาทิตย์อับแสงฉาน พญาวานรก็คลอดจากครรภ์โดยเหาะออกมาจากปากนางสวาหะ ขึ้นสู่เวหา มีสี่หน้า แปดมือ รูปร่างสูงใหญ่ กายขาวผ่องรัศมีโชติช่วง ลอยอยู่ตรงหน้าพระมารดา อ้าปากหาวออกมาเป็นดวงดาวและดวงเดือน (หนุมาน ผู้ได้ชื่อว่า หาวเป็นดาวเป็นเดือน) มีเขี้ยวแก้ว ขนเพชร กุณฑล (ต่างหู) แสดงฤทธาอยู่บนฟ้า เสร็จแล้วจึงลงมากราบมารดาและพระพายผู้ที่หมายว่าเป็นบิดา พระพายจึงให้พรพร้อมตั้งชื่อให้ว่า “หนุมาน”



หนุมาน หาวเป็นดาวเป็นเดือน




นางสวาหะเมื่อคลอดลูกออกมาเป็นลิงก็พ้นจากคำสาปของแม่ แล้วจึงเอาอุ้มลูกน้อยมาแนบอกให้กินนม ร่ำร้องคร่ำครวญว่า 

...น่าอนาถนัก ลูกเกิดมาแม่กลับไม่มีอะไรจะให้ ไร้ญาติขาดมิตร มิอาจเลี้ยงดูได้ จำต้องฝากลูกไว้กับพระพายผู้บิดา... แล้วจึงสั่งเสียว่า

...ผู้ใดที่เจอเจ้าแล้วกล่าวทักถึง เขี้ยวแก้ว กุณฑล (ต่างหู) ขนเพชร ที่มีอยู่ในกายหนุมาน ผู้นั้นคือนารายณ์อวตาร จงถวายตัวเป็นข้าบาทรับใช้...

เมื่อได้รับพรจากพระบิดา จดจำคำสั่งเสียของแม่แล้ว หนุมานก็เหาะออกไป สำแดงฤทธิ์อยู่กลางเวหาโดยไม่เกรงกลัวผู้ใด

เมื่อเหาะมาถึงสวนของพระอุมาเทวี (ชายาพระอิศวร) เห็นผลหมากรากไม้มากมายก็ดีใจตามประสาลิง รีบเหาะเข้าไปหักเก็บกินอย่างสุขใจ ฝ่ายพระอุมาประทับอยู่ท่ามกลางนางสนมสาวสวรรค์ เห็นวานรน้อยเข้าหักเก็บผลไม้ทำลายอุทยานสวรรค์ก็ไม่พอใจ โกรธ จึงด่าว่าสาปแช่งออกไป

...เจ้ามันแค่เดียรัจฉาน ตัวน้อยอวดหาญไม่เกรงกลัวใคร แม้แต่ข้าผู้เป็นชายาพระอิศวร กูขอสาปให้มึงมีฤทธิ์เหลือน้อยถอยลงกึ่งหนึ่ง ให้สมกับเที่ยวอวดอ้างฤทธากล้าหาญ มิได้เกรงกลัวผู้ใด เดรัจฉานเอ๋ย...

เมื่อหนุมานได้ยินเสียงตวาดดังมา ก็ตกใจ จึงตอบไปว่า

...ตัวข้านั้นเขลา (โง่) นัก หาทราบไม่ว่านี่เป็นสวนของชายาผู้เจ้าโลกา คิดว่าเป็นป่าจึงเข้าเก็บกินผลไม้เอาตามแต่ใจ โทษจากความประมาทครานี้ถึงตาย ด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขอได้โปรดเมตตา...

พระอุมาเทวี มีจิตสงสารจึงตอบกลับไป

...อันวาจาของข้านั้นเป็นประกาศิต ดุจเหล็กเพชรสลักหินผา จะให้คืนวาจาคงไม่ได้ แต่จะให้พรเพื่อผ่อนปรน เมื่อใดที่พระนารายณ์เสด็จจากเกษียรสมุทรอวตารไปเป็นพระราม ได้ลูบหัวเจ้าไปตลอดถึงปลายหาง พละกำลังฤทธาจักกลับมาดังเดิม...

แล้วหนุมานก็เหาะกลับไปใช้ชีวิตในถ้ำที่ป่าหิมพานต์ ฝ่ายพระพายผู้บิดา มีจิตคิดถึงลูก ก็เหาะไปหิมพานต์พาหนุมานมาเข้าเฝ้าพระศุลี (พระอิศวร-ศิวะ) ที่เขาไกรลาส เมื่อพระอิศวรเห็นท่าทางกล้าหาญคล่องแคล่วของหนุมานจึงคิดว่า ลิงเผือกน้อยนี้เหมาะสมแก่การเป็นขุนศึกคู่ใจพระนารายณ์อวตาร จึงสอนมนต์พิธีต่างๆ ให้แก่หนุมาน ทั้งแปลงกาย หายตัว อยู่ยงคงกระพันต่างๆ จนครบถ้วนกระบวนความ จึงมอบพรศักดิ์สิทธิ์ว่า

...จงมีอายุยืนยาวตราบกัลปาวสาน แม้นตายหากลมพัดต้องกายก็จักฟื้นคืน... จากนั้นหนุมานก็คอยเฝ้ารับใช้ติดตามแทบเบื้องบาทพระอิศวรเรื่อยมา

ในระหว่างนั้น พระอิศวรได้ใช้เหงื่อไคลมาปั้นและเสกให้เป็นลิงอีกตัว ให้เป็นเพื่อนหนุมานชื่อ “ชมพูพาน” มีความสามารถเรื่องการปรุงยาเป็นอย่างดี

ชมพูพาน



เมื่อหนุมาน ร่ำเรียนวิชาจากพระอิศวรจนเก่งกาจ พระอิศวรจึงเรียกให้ กากาศ (พาลี) และสุครีพ ซึ่งเป็นน้องต่างพ่อของนางสวาหะให้มารู้จักกับหนุมานผู้เป็นหลาน เนื่องจากกากาศและสุครีพครองเมืองขีดขินยังไม่มีลูก พระอิศวรจึงยกชมพูพานให้เป็นลูกบุญธรรม พร้อมกับสั่งไว้ว่า ให้ชมพูพานเป็นผู้คอยช่วยเหลือทัพพระรามในเรื่องของการปรุงยาต่างๆ ในคราวเพลี่ยงพล้ำให้กับฝ่ายยักษ์ แล้วสี่วานรก็พำนักอยู่ที่เมืองขีดขินสืบมา

ในขณะนั้น “ท้าวมหาชมพู” พญาวานร(ลิง) ผู้ครองนครชมพู มีมเหสีชื่อนาง “แก้วอุดร” อยู่กินด้วยกันมานานปีก็ยังไม่มีวี่แววจะมีลูกสืบสกุล พระอิศวรจึงประทานวานร “นิลพัท” (กายสีดำดั่งสีนิล) ซึ่งเป็นลูกของพระกาฬ มาเป็นหลานให้เลี้ยงดู ผ่อนคลายความเหงาได้บ้าง ต่อไปภายภาคหน้า “นิลพัท” ผู้มีกายสีดำสนิทผู้นี้จะเป็นอริกับ “หนุมาน” ลิงเผือกผู้มีกายขาวผ่อง

นิลพัท



ท้าวมหาชมพูเป็นพญาลิงผู้มีฤทธิมาก จนได้ชื่อว่าไม่เคยก้มหัวให้กับผู้ใดทั่วทั้งสิบทิศ ที่จะยกมือบังคมไหว้ก็มีแต่เพียงพระอิศวรนาถาและพระนารายณ์เพียงเท่านั้น สนิทสนมกับพญากากาศ (พาลี- ลูกพระอินทร์ที่เกิดกับนางกาลอัคคีที่ถูกสาปเป็นลิง) เจ้าเมืองขีดขิน รักใคร่ไปมาหาสู่กันเป็นประจำ และจะเป็นแรงสนับสนุนกองทัพพระรามด้วยเช่นกัน

.


(เพิ่มเติม)  อย่าจำสลับกันนะ ชื่อมันคล้ายๆ กัน

ท้าวมหาชมพู/ท้าวชมพู/ชมพูวราช เป็นพญาลิงเจ้าเมืองชมพู

ชมพูพาน ลิงที่เกิดขึ้นจาก เหงื่อไคลพระอิศวร เพื่อนเล่นของหนุมาน และเป็นลูกบุญธรรมของกากาศ (พาลี) อยู่เมืองขีดขิน

ตอนนี้ทุกคนรู้จักบุตรพระอินทร์กับนางกาลอัคคีในชื่อ พญากากาศ ส่วนที่มาที่ไปของชื่อ พาลี นั้นให้รอติดตามในตอนต่อไป

.



« Last Edit: 05 June 2024, 15:38:49 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 05 June 2024, 15:39:55 »



.



.



.







Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.074 seconds with 20 queries.