ppsan
|
|
« on: 11 September 2023, 15:55:42 » |
|
[7] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน กำเนิดทศกัณฐ์ โดย กลม บางบาน
ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์
ตอนที่ 7 กำเนิดทศกัณฐ์
.
ท้าวลัสเตียนครองกรุงลงกาเรื่อยมา มเหสีสี่องค์ก็ตั้งครรภ์และคลอดออกมาเป็นกุมารทั้งหมด
นางสุมณฑาเทวี (สุนันทา) คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “กุเปรัน”
นางจิตรมาลีเทวี คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “เทพนาสูร”
นางสุวรรณมาลัยเทวี คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “อัครธาดา”
นางวรประไพเทวี (ประไพ) คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “มารัน”
เว้นแต่เพียง...นางรัชดาเทวี เท่านั้น ที่ยังไม่มีบุตร .
เมื่ออสูรเทวบุตรนนทก มาจุติ (มาเกิด) ในครรภ์ของนางรัชดาเทวี มเหสีของท้าวลัสเตียนแห่งกรุงลงกา เมื่อครบกำหนดนางรัชดาเทวีก็คลอดบุตรออกมาเป็นอสูร (ยักษ์) มีสิบเศียรสิบพักตร์ ยี่สิบกร (มีสิบหัวสิบหน้า ยี่สิบมือ) ลัสเตียนจึงตั้งชื่อให้ว่า “ทศกัณฐ์” แปลว่า ผู้มีสิบคอ หรือทั่วๆไป จะเรียกว่า “ทศพักตร์” (สิบหน้า) “ทศเศียร” (สิบหัว) ทศกัณฑ์เป็นยักษ์ที่กล้าหาญ มีกำลังมาก และเป็นที่รักของลัสเตียนและนางรัชดามาก
แม่ของทศกัณฐ์ชื่อนางรัชดาเทวี มีลูกอีก 6 คน คือ กุมภกรรณ พิเภก ทูต ขร ตรีเศียร และคนสุดท้องเป็นหญิงชื่อ นางสำมนักขา .
เมื่อพระอิศวรทราบว่าทศกัณฐ์พญายักษ์ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วตามวาจาสิทธิ์ขององค์พระนารายณ์ ก็เกรงว่าเมื่อพระนารายอวตารลงไปเป็นมนุษย์ปราบยักษ์ตนนี้ จะได้รับความลำบาก ด้วยมีพลังฤทธิ์เดชมากมายนัก จึงคิดอุบายให้ “ท้าวเวสสุญาณ” ไปเกิดเป็นอสูรในกรุงลงกา เมื่อพระนารายณ์อวตารจะได้ช่วยเป็นไส้ศึก คอยช่วยฝ่ายพระนารายณ์อวตาร จากนั้นก็สั่งให้ เวสสุญาณเทวบุตร ลงไปเกิดเป็นน้องทศกัณฐ์ โดยมี “แว่นแก้ววิเศษ” ที่สามารถมองเห็นล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทุกที่ ราวกับมีตาทิพย์ เป็นของวิเศษติดตัวไป และจะเป็นผู้ที่มีความรู้เรื่องไสยเวทและโหราศาสตร์ ทำนายเหตุการณ์ได้ถูกต้องแม่นยำ แล้วท้าวเวสสุญาณ ก็จุติขึ้นในครรภ์ของนางรัชดา คือ พิเภก
นางรัชดาเทวี เมื่อคลอดทศกัณฐ์ เป็นยักษ์สิบเศียรยี่สิบกรแล้ว ก็คลอดบุตรชายคนรองออกมาตั้งชื่อว่า “กุมภกรรณ” มีพละกำลังไม่แพ้พี่ชายแม้แต่น้อย ต่อมานางรัชดาก็คลอดบุตรชายออกมาตั้งชื่อว่า “พิเภก” มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดยิ่งนัก และมีความสามารถด้านโหราศาสตร์อย่างดียิ่ง แต่แตกต่างกับยักษ์พี่น้อง ตรงที่พิเภกกลับมีพละกำลังฤทธิ์เดชเพียงน้อยนิด เมื่อเทียบกับพี่น้องร่วมท้องนางรัชดาทุกตน ซึ่งพิเภก มีน้องที่เกิดตามมา ชื่อ “ขร” “ทูษณ์” “ตรีเศียร” และ “นางสำมนักขา” น้องสุดท้องที่เกิดผู้หญิง ซึ่งลูกทุกคนเป็นที่รักยิ่งของลัสเตียน .
เมื่อทศกัณฐ์อายุได้สิบสี่ปี รู้สึกว่าอยากเรียน อยากมีความรู้เรื่องการต่อสู้และวิชาอาคม จึงทูลขออนุญาตบิดาและมารดา ออกไปเล่าเรียนวิชาอาวุธกับฤๅษีที่ในป่า พ่อแม่ก็อนุญาตให้ออกมาอยู่ป่าเล่าเรียน ทศกัณฐ์จึงลาพอแม่เข้าป่าไปเล่าเรียนวิชาอาคม การใช้ศัตราวุธ อยู่กับพระฤาษีโคบุตร โดยทศกัณฐ์ได้ดูแลปรนนิบัติอาจารย์ของตนเป็นอย่างดี ทศกัณฐ์เรียนรู้วิชาต่างๆ อย่างรวดเร็ว จดจำได้หมดทุกสรรพวิชา โดยเฉพาะการยิงธนูนั้น ยิงได้แม่นยำไม่เคยพลาด
ครั้นเรียนครบจบครบทุกวิชาความรู้ของอาจารย์ ทศกัณฐ์จึงกราบลาพระฤๅษีโคบุตรออกไปเที่ยวในป่า จนไปพบอุทยานของเทพบุตรชื่อ “อรชุน” แต่ทศกัณฐ์ไม่รู้ว่านั่นเป็นสวนของอรชุน จึงเข้าเที่ยวเล่น ชมดอกไม้ เก็บผลไม้กินเล่น จนอิ่มหนำสำราญอยู่ในอุทยานของอรชุน . ลดเลี้ยวเที่ยวชมสุมามาลย์ แบ่งบานช่อช้อยอยู่ไสว สายหยุด นางแย้ม แกมใบ มะลิซ้อน หงอนไก่ ประยงค์ กรขวาคว้าหักกิ่ง แก้ว ซ้ายเด็ด นมแมว มหาหงส์ พิกุล กุหลาบ คันทรง กาหลง สารภี จําปา ร้อยลิ้น อิน จัน ตูม ตาด ปริง ปราง ลางสาด พลวง หว้า ทุเรียน มังคุด ละมุดสีดา ลําไย พะวา น่าชม ไม้ม่วง พวงผลสุกห่าม ใบงามชิดชื่นรื่นร่ม กรรณิการ์ การะเกด สุกรม เที่ยวชมทั้งสระปทุมมาลย์ ลินจง จงกลนี แย้ม อุบล แนมแกมฝักชูก้าน ประพาสเล่นเป็นสุขสำราญ ที่ในอุทยานพนาลี ฯ
(มีทั้งชื่อดอกไม้ และ ชื่อผลไม้) . ฝ่ายอรชุนเทพบุตร ผู้มีฤทธิ์เดชทางการยิงธนูมาก เป็นที่เกรงขามของเทวดาทั้งหกชั้นฟ้า ปกติทุกๆ เจ็ดวัน ก็จะออกจากวิมาณยอดเขาจักรวาล (เขาพระสุเมรุ) มาชมอุทยาน วันนี้ครบกำหนดแล้วก็เหาะมาชมอุทยานเช่นเคย แต่ถึงแล้วก็ประหลาดใจ เห็นต้นไม้ใบหญ้าถูกหักทำลายจนเกลื่อน เหลือบไปเห็นทศกัณฐ์ก็รู้โดยทันทีว่า นี่เป็นฝีมือยักษ์ตนนี้แน่ๆ จึงร้องถามไปด้วยความโกรธ ...เอ็งเป็นยักษ์เผ่าพงศ์วงวารใคร มาจากแห่งหนตำบลใด ทำไมไม่รู้จักเกรงกลัวกูผู้มีฝีมือธนูล้ำเลิศที่สุด ผู้เป็นเจ้าของอุทยานที่มึงเข้ามาทำลายในวันนี้ วันนี้เห็นทีพระกาฬจะต้องมารับวิญญาณของมึงไปด้วยถูกกูสังหารเป็นแน่...
เมื่อทศกัณฐ์ได้ฟังก็โกรธดั่งไฟเผา และตอบไปว่า
...ตัวกูชื่อทศกัณฐ์ ลูกท้าวลัสเตียนแห่งลงกา เป็นศิษย์พระฤๅษีโคบุตรญาณกล้า ว่าแต่เอ็งชื่อเสียงเรียงนามอย่างไร ถึงได้มาบังอาจกับกูถึงเพียงนี้ อันกูมาเก็บกินผลพฤกษา(ผลไม้) หารู้ว่าเป็นสวนของใครไม่ กูเห็นดอกไม้เบ่งบานตระการตาก็นึกว่าเป็นป่าพนาลี (ป่า) ที่มึงมาอ้างอวดศักดา หารู้ไม่ว่ากูคือพญาราชสีห์ ตัวมึงดั่งหน่งมฤคี (กวางหนุ่ม) วันนี้กูจะเอาชีวี (ฆ่า) มึงให้ได้...
อรชุนได้ฟังก็โมโห จึงตอบไปว่า “กูคือเทพอรชุน” แล้วก็รี่เข้าไปต่อสู้กับทศกัณฐ์ ทั้งรุกรับรบกันไปสักครู่ก็หยิบธนูออกมาต่อสู้กัน ฝ่ายอรชุนหยิบศรขึ้นพาดสายแล้วลั่นออกไป ลูกธนูกลับกลายเป็นพญานาคใหญ่ เข้าม้วนรัดตัวทศกัณฐ์ไว้ แล้วก็พาเหาะขึ้นไปกลางอากาศ
ขณะนั้นพระฤๅษีโคบุตรกำลังเข้าฌาณ (ชาน) สมาธิ ได้ยินเสียงดังสนั่นมาจากป่า ก็เอะใจคิดถึงทศกัณฐ์ ก็หลับตาทำสมาธิเพ่งไปเห็นทศกัณฐ์ศิษย์รักกำลังได้รับอันตราย ก็เหาะออกจากอาศรมตามไป
เมื่อฤๅษีโคบุตรเหาะมาถึง เห็นทศกัณฐ์เพลี่ยงพล้ำแก่อรชุน ถูกศรพญานาครัดแน่นอยู่จึงเข้าไปถามอรชุนว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร อรชุนจึงเล่าให้พระฤๅษีฟังว่า
...ทศกัณฐ์ยักษ์ตนนี้ บังอาจมาลักหักผลไม้ดอกไม้ในอุทยานของตน และยังพูดจาจองหอง จำต้องได้รับโทษ...
เมื่อฤๅษีได้ฟังและด้วยเกรงว่าศิษย์รักจะได้รับอันตราย จึงบอกแก่อรชุนไปว่า
...การครั้งนี้ทศกัณฑ์ทำผิดจริง โทษทัณฑ์ถึงสิ้นชีวิต แต่เขาเป็นศิษย์ข้ามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ขอให้เห็นแก่ตน ไว้ชีวิตยักษ์ตนนี้ด้วยเถิด...
เมื่ออรชุนเห็นว่าพระฤๅษีขอไว้ก็คลายความโกรธลง ยกโทษให้ตามที่พระฤๅษีขอ คลายศรนาคที่มัดตัวทศกัณฐ์ออก แล้วตนเองก็เหาะกลับสู่วิมานบนยอดเขาจักรวาล พระฤาษีโคบุตรจึงนำทศกัณฐ์เหาะกลับไปยังอาศรมของตน .
(เพิ่มเติม) ทศกัณฐ์ ระวังอย่าแปลผิด แปลว่าผู้มีสิบคอ เมื่อมีสิบคอก็แสดงว่าต้องมีสิบหัว สิบหน้า “กัณฐ์” แปลว่า คอ ส่วน “กรรณ” แปลว่า หู .
สรุป ยักษ์พี่น้องของทศกัณฐ์ ลูกของท้าวลัสเตียนแห่งกรุงลงกาที่เกิดกับมเหสีทั้ง 5 คน เป็นลูกชาย 10 ตน และลูกหญิงอีก 1 ตน ลูกนางสุนันทา ชื่อ กุเปรัน ลูกนางจิตรมาลี ชื่อ ทัพนาสูร ลูกนางสุวรรณมาลัย ชื่อ อัศธาดา ลูกนางวรประไพ ชื่อ มารัน ลูกนางรัชดา ชื่อ ทศกัณฐ์ กุมภกรรณ พิเภก ขร ทูษณ์ ตรีเศียร และ สำมนักขา
.
|