Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
16 November 2024, 19:40:46

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,443 Posts in 12,838 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [5] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 5 มหาศึกตรีบูรัม
0 Members and 3 Guests are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [5] ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์ ตอนที่ 5 มหาศึกตรีบูรัม  (Read 248 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« on: 09 September 2023, 20:17:41 »

[5] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน มหาศึกตรีบูรัม โดย กลม บางบาน


ปฐมบทแห่งรามเกียรติ์

ตอนที่ 5 มหาศึกตรีบูรัม

.




เวลานั้น เมืองโสฬส (โส-ลด) ซึ่งเป็นเมืองอสูร ปกครองโดย “ตรีบูรัม” (บางทีเรียก ตรีปุรัม) เป็นราชาอสูรผู้เกรียงไกร ใครๆ ก็เกรงขามในฤทธิ์เดช   

ครั้งหนึ่ง ตรีบูรัมต้องการที่จะมีฤทธิ์เดชที่เหนือกว่าเทพเทวาทั้งปวง แม้แต่พระนารายณ์ก็ไม่อาจเอาชนะได้ จึงจัดทำพิธีกองกูณฑ์อัคคี (กอง-กูน-อัก-คี  บูชาไฟ) ใต้ต้นรังใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำสารภู ใช้เวลานานถึงเจ็ดปีเจ็ดวัน จึงสำเร็จพิธี

ฝ่ายพระอิศวรประทับอยู่บนราชอาสน์ (ที่นั่ง) แห่งไกรลาสวิมาน ได้เพ่งตาทิพย์ลงมาเห็น ตรีบูรัมทำพิธีอยู่ริมน้ำสารภู  ก็ทรงโคอุศุภราช (อุ-สุ-พ-ราด  วัวพาหนะของพระอิศวร) แล้วเหาะมาหาตรีบูรัม และถามไปว่า

...ที่มาทำพิธีกองกูณฑ์อัคคีเป็นเวลาช้านานถึงเจ็ดปีเจ็ดวัน เจ้ามีประสงค์อะไร...

ตรีบูรัมจึงทูลตอบไปว่า ...ต้องการพรศักดิ์สิทธิ์ให้มีฤทธิ์เดชมหาศาล แม้แต่องค์พระนารายณ์ก็มิอาจจะสังหารตนได้...

พระอิศวรจึงประทานพรตามที่ขอ (อีกแล้วครับท่าน) แล้วกำชับว่า ...เมื่อได้พรแล้วจงอย่านำไปใช้ในทางไม่ดี อย่าใช้ย่ำยีทำร้ายคนอื่น ขอให้จำคำสั่งสอนของกูเอาไว้ให้ดี แล้วจงกลับไปปกครองกรุงโสฬสให้มีความสุขเถิด...

ฝ่ายตรีบูรัมก็รับปากพระอิศวรว่าจะปกครองเมืองด้วยทศพิธราชธรรม ประพฤติความดีไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่

พระอิศวรจึงทรงโคอุศุภราชกลับสู่พิมานไกรลาสสถานดังเดิม
.

ฝ่ายตรีบูรัมกลับถึงนครโสฬส ก็ผิดคำพูดต่อพระอิศวร กำเริบในอิสริยศ (อิด-ส-ริ-ย-ยด) ประพฤติชั่วไม่เกรงใจผู้ใด ด้วยการเหาะขึ้นไปบนสรวงสวรรค์แล้วบังคับนางฟ้านางสวรรค์ซึ่งเป็นบาทบริจาริกา (บาด-บอ-ริ-จา-ริ-กา หญิงรับใช้) ของเหล่าเทวดาให้มาร่วมรักเป็นบาทบริจาริกาของตน ในทุกสวรรค์ชั้นฟ้า ตั้งแต่ชั้นจาตุมหาราช  ชั้นดาวดึงส์ ยามา ดุสิต ล่วงไปถึงชั้น นิมมานรดี  ปรนิมมานรดี ก็ไม่มีว่างเว้น เที่ยวประพฤติบังคับเริงรักกับนางฟ้าจนสมใจตนแล้วจึงเหาะกลับเมืองโสฬส



เหล่าเทวดานางฟ้าทั้งหกชั้นฟ้า ต่างก็ได้รับความเดือดร้อน ได้รับความอับอายกันถ้วนหน้า ต่างก็พากันมาเฝ้าพระอิศวรที่ไกรลาสเพื่อขอความช่วยเหลือ เมื่อพระอิศวรทราบเรื่องก็โกรธที่ยักษ์ตรีบูรัม ผิดสัตย์วาจาที่ให้ไว้กับตน ใช้พรวิเศษในทางที่ไม่ถูกไม่ควร จึงปรึกษากับท้าวโกสีย์ (พระอินทร์) ศึกคราวนี้คงจะไม่มีผู้ใดปราบตรีบูรัมได้ แม้แต่พระนารายณ์หรือพระพรหมก็คงเอาชนะพญามารผู้นี้ได้ เนื่องจากได้รับพรวิเศษจากตน จึงเรียกเทวดาผู้ใกล้ชิด ชื่อ “จิตตุบท” และ “จิตตุบาท” ให้ไปเชิญพระนารายณ์และพระพรหมมาช่วยกันหาทางเอาชนะศึกนี้เพื่อความสุขสงบไปทั่วโลกมนุษย์ สวรรค์ชั้นฟ้า และบาดาล

เมื่อพระนารายณ์และพระพรหมมาเข้าเฝ้า พระอิศวรก็ตรัสว่า การปราบยักษ์ตรีบูรัมครั้งนี้เป็นศึกที่ใหญ่หลวงนัก จะต้องถูกเล่าขานต่อไปอีกยาวนานตราบเท่าการเล่าขานเรื่องพระนารายณ์อวตารปราบยักษ์ เพราะด้วยพรวิเศษที่ได้รับไปว่ามิมีใครสังหารได้ องค์พระอิศวรจึงต้องออกโรงไปทำศึกด้วยตนเอง แล้วก็คิดอุบายสร้างอาวุธเพื่อใช้สังหารพญายักษ์ตรีบูรัม โดยเอาพลังของพระพรหมสร้างเป็นเสื้อเกราะ แล้วใช้กำลังของพระสุเมรุเป็นคันศร (คันธนู) ชื่อ “มหาโลหะโมลี” แล้วเอาพญาอนันตนาคราช ให้มาเป็นสายธนู เอากำลังพระนารายณ์เป็นศรศิลป์ (ลูกธนู) กลายเป็นอาวุธที่วิเศษสุดไม่มีเทพศัตราวุธ (เทบ-สัด-ตรา-วุด, อาวุธของเทพ) ใดๆเทียบได้ สำหรับใช้ฆ่าตรีบูรัม

เมื่อมีอาวุธแล้วก็สั่งจัดกองทัพ โดยจัดแบ่งหน้าที่คือ

พระขันธกุมาร (ลูกชายพระอิศวร) เป็นทัพหน้าคุมอสูรหน่วยพิฆาต

พระราหู เป็นคนถือธงชัยประจำทัพ

พระพิเนตร (พิฆเณศ – ลูกของพระอิศวรอีกองค์ ที่มีหัวเป็นช้าง) เป็นแม่ทัพคุมกองทัพปีกซ้ายคุมผีพราย

พระพินาย (น้องชายพระพิเนตร – เจ้าแห่งช้าง ผู้สร้างช้างเอราวัณ) เป็นแม่ทัพคุมกองทัพปีขวาคุมคนธรรพ์

พระกาล (เทพแห่งเวลา ที่ล่วงรู้การเกิดการตายของสรรพสิ่ง) คุมเกียกกาย (กองเสบียง) และเหล่าวิทยาธร


ท้าวเวสสุวรรณ (ผู้ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกาเจ้าแห่งยักษ์) เป็นยกกระบัตร (กองดูแลอาวุธ) คุมพวกยักษ์

พระเพลิง (เจ้าแห่งไฟ) เป็นกองหลัง คุมพวกอสุรกายและภูต

มีพระอิศวรทรงโคอุศุภราชเป็นแม่ทัพใหญ่ แล้วก็ยกทัพไปล้อมเมืองโสฬสของตรีบูรัมไว้

.

ตรีบูรัม เมื่อเห็นมีทัพมาล้อมเมืองไว้ โดยมิได้รู้ว่าเป็นทัพใครก็โกรธ เรียกไพร่พลเสนายักษ์เตรียมจัดทัพไว้รับมือเหล่าข้าศึก แล้วจัดกระบวนทัพทรงมหาพิชัยราชรถ ออกไปรับศึกนอกเมือง เมื่อเผชิญหน้ากับพระอิศวร จึงได้รู้ว่าศึกประชิดเมืองครั้งนี้เป็นทัพของพระอิศวร ก็เกิดความเกรงกลัว แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา แต่ก็ร้องถามไปว่า

...ข้าทำผิดอันใด พระอิศวรผู้เป็นใหญ่ถึงได้ยกทัพมารังแก... 

พระอิศวรจึงตอบว่า...มึงผิดคำสัตย์ที่ให้ไว้ในวันขอพร ประพฤติผิดธรรมเนียมประเพณี สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจ แก่มนุษย์ ฤๅษี เทวาและนางฟ้า ไม่อาจอยู่อย่างสงบสุข...

ได้ฟังดังนั้นแล้ว ตรีบูรัม ยังคงใจกล้า จะรบให้มันได้รู้ไปว่าถ้าแพ้ก็แพ้พระอิศวร ถ้าถึงตายก็คงเป็นพรหมลิขิตว่าต้องตาย จึงสั่งเหล่าทหารให้เข้ารบกับกองทัพของพระอิศวรอย่างกล้าหาญ ฝ่ายพระขันทกุมารก็นำทัพผีเข้าตีทัพยักษ์แตกพ่ายกลับไป เมื่อตรีบูรัม เห็นฝ่ายตนเพลี่ยงพล้ำ ก็ชักราชรถออกมาสู้รบเอง เสียงดั่งสนั่นสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ ดังแผ่นดินจะทรุดด้วยฤทธิ์ของพญายักษ์

เมื่อพระอิศวรเห็น ตรีบูรัมออกมารบด้วยตนเองก็ขับโคออกไป แล้วพระอิศวรก็หยิบศรพระนารายณ์ ขึ้นพาดสายแล้วก็ยิงออกไป แต่ยิงไปสามครั้งก็ไม่หลุดจากสาย เนื่องจากพระนารายณ์ที่เป็นศรนั้นกำลังนอนหลับสนิท (คร็อกฟรี้...)

ด้วยความโกรธของพระอิศวรจึงขว้างธนูออกไป เมื่อลูกศรตกถึงพื้น พระนารายณ์ก็ตกใจตื่นขึ้นมา แล้วเข้ามากราบพระอิศวรเพื่อขออภัย แล้วบอกกับพระอิศวรว่า

...เดี๋ยวๆท่าน ข้าไม่ได้หลับอู้งานนะจ๊ะ ไม่ได้หลับอู้งานแม้แต่น้อย คือที่หลับเนี่ย ท่านจำได้หรือเปล่าว่าท่านให้พรอะไรตรีบุรัมไป ท่านให้พรวิเศษกับตรีบูรัมไว้ว่า แม้แต่พระนารายณ์ก็ไม่อาจฆ่าขุนมารผู้นี้ได้ จึงส่งผลให้ข้านอนหลับ และพระอิศวรมิอาจแผลงศร (ยิงธนู) เพื่อฆ่าตรีบูรัมผู้นี้ได้...

เมื่อพระอิศวรทราบดังนั้น ก็หายโกรธพระนารายณ์ และบอกว่าเมื่อธนูนี้สังหารตรีบูรัมไม่ได้ เราจะใช้ตาไฟ (ตาที่สามกลางหน้าผากพระอิศวร) บันดาลเพลิงกรดให้เผาตรีบูรัม แต่ถ้าตาไฟเปิดไฟจะไหม้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นจุล พระอิศวรจึงใช้กล้องมณี (คล้ายๆ กล้องส่องทางไกลโบราณแบบที่ดูด้วยตาข้างเดียว) ส่องเล็งไปที่ตัวยักษ์ตรีบูรัม แล้วก็เปิดตาไฟ พริบตาเดียวไฟกรดก็เผาไหม้ตรีบูรัมสิ้นชีพไป (เหมือนการใช้แว่นขยายรวมแสงแดดเผากระดาษที่เคยเล่นตอนเด็กๆ เลย อิอิ..)

เมื่อจบศึกตรีบูรัมครั้งนี้ พระอิศวรจึงสั่งให้มอบธนูมหาโลหะโมลี เก็บไว้ที่กรุงมิถิลา (ธนูนี้จะมีความสำคัญมากในภายหน้า แต่ยังไม่บอกตอนนี้)  ส่วนเกราะแก้วนั้นให้ พระอัคตะดาบส (อัก-ค-ตะ-ดา-บด) เป็นผู้เก็บรักษาไว้เพื่อมอบให้กับพระนารายณ์ที่จะอวตารลงมาปราบยักษ์ในภายภาคหน้า แล้วก็ยกทัพกลับเขาไกรลาส

.


ตรีบูรัม


.


ศึกตรีบุรัม


.


พระขันทกุมาร


.


จิตตุบาท


.



« Last Edit: 09 September 2023, 20:20:34 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #1 on: 09 September 2023, 21:08:29 »


สมณาวตาร



ศึกตรีบุรัม

สมณาวตาร
อสูรตรีบุรัม เจ้าเมืองโสฬส ได้บูชาพระอิศวรที่ริมแม่นำ้สรภูเป็นเวลา7ปี จนพระอิศวรลงมาประทานพรให้ว่าอย่าให้ใครในโลกแม้พระพรหมหรือพระนารายณ์อย่าได้สังหารตน พระอิศวรประทานพรให้ และสอนให้ตั้งอยู่ในธรรม
เมื่อตรีบุรัมผ่านมาเห็นศิวลึงค์ที่ริมฝั่งแม่น้ำยมุนาจึงนำมาไว้บนศีรษะ ต่อมาเมื่อกลับเมื่อโสฬส ได้คิดไปเบียดเบียนเหล่าเทวดา พระอิศวรจึงเขิญพระนารายณ์มากับพระพรหมมา
พระอิศวรนำกำลังของเขาพระสุเมรุมาเป็นคันธนู เอากำลังพญาอนันตนาคราชมาเป็นสายธนู พระนารายณ์ทรงเป็นลูกศร และเอากำลังของพระพรหมมาเป็นเกราะ
พระอิศวรแผลงศรใส่ตรีบุรัมถึง3ครั้ง แต่ศรยึงไม่ออก เพราะพรที่พระอิศวรให้ไว้แก่ตรีบุรัมว่าจะไม่ตายเพราะพระนารายณ์ ๆ จึงแปลงกายเป็นสมณะไปขอศิวลึงค์จากตรีบุรัม ๆ ถวายให้ แล้วไปรบกับพระอิศวรต่อ แต่เนื่องจากไม่มีศิวลึงค์คุ้มครอง จึงถูกตาที่3ของพระอิศวรเผาตาย
(ภาพเหตุการณ์ของปางสมณาวตาร จากวัดพระศรีรัตนศาสดาราม)


ศึกตรีบุรัม : หัวแหลมๆ ที่สูญเปล่า

ศึกตรีบุรัม : หัวแหลมๆ ที่สูญเปล่า
ในรามเกียรติ์ (ไทย)
ตรีบุรัมได้ขอพรกับศิวะอย่าให้พระนารายณ์สังหาร
.
ต่อมาไปก่อเกรียนจนเดือดร้อนไปทั่วสามภพ
บิ๊กบอสต้องยกทัพโยธาไปปราบ
เกณฑ์เทพมากมายมารบ
คราฟพรหมเป็นเกราะ เขาพระสุเมรเป็นธนู
ชื่อ #มหาโลหะโมลี
อนันตนาคราชเป็นสาย นารายณ์เป็นศร
แต่ยิงไม่เข้า เพราะพร (อย่าให้นารายณ์สังหาร)
บอสเลยเปิดอัลติเนตรที่สามเผาแม่ม!!
.
ภายหลังได้มอบเกราะให้ฤษีอรรคต
มอบธนูให้ท้าวชนก
(ซึ่งภายหลังทั้งเกราะ + ธนูให้พระราม)
.
แต่! แต่! แต่!
ธนูโมลีดันถูก #พญาขร หัก
เกราะก็ถูก #มังกรกัณฐ์ ฉีกขาด

(จาก MAD Literature... https://www.facebook.com/533812750121076/posts/2148110908691244/ )

.



สมณาวตาร
การอวตารของพระนารายณ์เป็นสมณะ
เพื่อไปขอศิวลึงค์จากตรีบุรัม อสูรตนหนึ่ง ที่กำลังต่อสู้อยู่กับพระอิศวร
เมื่อตรีบุรัม มอบศิวลึงค์ให้กับสมณะแล้ว จึงถูกตาที่สามของพระอิศวรเผาจนตาย
(ภาพเขียนน้องภูมิ fb. https://www.facebook.com/artbymeepoom )
.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #2 on: 09 September 2023, 21:09:58 »


เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

สวรรค์ มี 6 ชั้น เรียกว่า ฉกามาพจรภูม (ฉ้อ-กา-มา-พะ-จอน-พูม)

ฉ อ่านว่า ฉ้อ หรือ ฉอ แปลว่า หก เช่น ฉกษัตริย์ (ฉ้อ-กะ-สัด)  เป็นชื่อกัณฑ์ (ตอน) ที่ 12 ในมหาชาติชาดก (พระพุทธเจ้าเสวยชาติ (เกิด) เป็นพระเวสสันดร)



ชั้นแรก จาตุมหาราชิกา

ชั้นสอง  ดาวดึงส์

ชั้นสาม  ยามา

ชั้นสี่      ดุสิต

ชั้นห้า    นิมมานรดี

ชั้นหก    ปรนิมมิตวสวดี

.

พระกาล เทพแห่งเวลา ผู้ล่วงรู้การเกิด การดับของสรรพสิ่ง

พระกาฬหรือพระกาฬไชยศรี (กายสีดำ) เป็นเทพแห่งวิญญาณ ควบคุมวิญญาณ เป็นพ่อของ “นิลพัท” (ทหารลิงของพระราม)

บางตำราว่า พระอิศวร (ศิวะ) มีบุตร 3 คนได้แก่ พระขันทกุมาร พระพิเนตร(พิฆเนศวร-เจ้าแห่งศิลปวิทยาความรู้ทั้งปวง) พระพินาย(เจ้าแห่งช้างทั้งปวง) บางตำราว่า พระพินายเป็นอีกปางหนึ่งของพระพิฆเนศวร

.



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,284


View Profile
« Reply #3 on: 05 June 2024, 14:36:55 »






Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.052 seconds with 20 queries.