Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 07:19:55

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [53] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอนพิเศษ ส่งท้าย โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [53] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอนพิเศษ ส่งท้าย โดย กลม บางบาน  (Read 645 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 16 August 2023, 08:58:17 »

[53] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอนพิเศษ ส่งท้าย โดย กลม บางบาน


16 สิงหาคม 2022  ·

ป.ล.
เนื่องจากยังค้างคาใจอยู่ ว่ายังเล่าไม่จบสมบูรณ์ดีนัก ตามที่ตั้งใจไว้ เพราะจบแบบ sad ending มันเศร้าเกินไป...จึงขอเสนอเพิ่มเติม รามเกียรติ์ตอนพิเศษ ส่งท้าย ให้อ่านกันอย่าง happy ending...อีกสักตอน...ครับ.

จะเล่าไปจนถึงตอนสีดาลุยไฟ และจบด้วยความรักหวานชื่น...

.





.



.




« Last Edit: 31 May 2024, 13:00:44 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 16 August 2023, 09:01:10 »


16 สิงหาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพิเศษ ส่งท้าย (1)

-ทศกัณฐ์ที่รัก

นอกจากปลายศรที่ปักชี้อยู่เต็มร่าง สภาพพระศพของพญาทศกัณฐ์ดูดีเหมือนผู้นอนหลับอย่างไร้กังวล นักรบทั้งสนามต่างชื่นชมขัตติยะแห่งราชา ความโกรธเกลียดเยี่ยงศัตรูแทบจะหายไปจากหัวใจรามลักษมณ์ อีกมุมหนึ่งของสนามรบเหล่าทหารมารต่างร้องไห้ดั่งบิดาของตนเสียชีวิต

ก่อนตายทศกัณฐ์อยู่ในสภาพที่รู้สึกตัว ถึงห่าลูกศรจะปักพรุนไปทั่วร่าง แต่ยักษ์ใหญ่ก็ฝืนทน ทรุดตัวลงพื้นอย่างงามสง่าที่สุด พญามารไม่ยอมให้พระพักตร์ซบแผ่นดินอย่างผู้แพ้ที่ไร้ทางสู้เป็นอันขาด ฝืนชันกายนั่งตัวตรงเท่าที่ทำได้ เพ่งมองไม่ยอมวางตาจากฟ้าเชิงเย้ยว่า

...สุดท้ายสิ่งที่สววรค์ทำได้กับข้า ก็แค่ความตาย...

พี่ใหญ่ทนสกัดกั้นความเจ็บปวด สั่งเสียน้องชายจนสิ้นลม ถึงจะเหลือเพียงพระศพ แต่ความงามสง่าของชาติกษัตริย์ก็มิได้ลดน้อยลงเลย

พญาพิเภกคลานเข้ากราบที่ปลายเท้าศพพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย ตัดพ้อเสียงสะอื้น

...น้องได้ทูลแต่แรกแล้วว่าภัยจะมาสู่ตัว พระเชษฐาก็ได้แต่หลงคำของสำมนักขา มัวหลงรูปในอิสตรี ดูสิ ความเดือดร้อนตกมาถึงเสด็จและญาติมิตร เมืองมารที่ผาสุกต้องถูกรุกรานโดยไม่มีเหตุผล น้องยังถูกขับให้เข้าพึ่งพระบารมีขององค์อวตาร บัดนี้พิเภกขอขมาพระเชษฐา อย่ามีเวรกรรมติดตามกันไปอีกเลย...

มโหทรและสารัณทูต คลานเข้ากอดแขนขาของศพนายตนอย่างไม่อายใคร พิเภกเรียกสติคืนแล้วร้องสั่งเยี่ยงราชาพระองค์ใหม่

...มโหทรยอดเสนาบดีและสารัณทูต ท่านทั้งสองจงรีบเข้าไปในเมือง แจ้งข่าวการสวรรคตของเสด็จ แก่มณโฑเทวีและกาลอัคคีเทวี แล้วให้นางทั้งสองมารับศพองค์ภัสดาตามราชประเพณีภายในวันนี้ จงรีบไปเถิดสองอสูร...

มโหทรและสารัณทูตรีบขึ้นม้าเข้ากราบทูลนางมณโฑและนางกาลอัคคี ถึงการสวรรคตของพญาทศกัณฐ์ ถึงแม้จะเตรียมใจมาบ้างแล้วแต่นางทั้งสองก็ยังตะลึงนิ่ง ล้มพับสลบลงทั้งสองนาง บ่าวไพร่ต้องเข้าพัดวีแก้ไขให้ฟื้นคืนองค์อย่างเร่งรีบ เพราะทั้งสองมเหสีต้องรีบออกไปเชิญพระศพก่อนที่ตะวันจะตกดิน 

นางราชินีถูกพยุงขึ้นเสลี่ยงที่ได้จัดคอยอยู่ แถวมหาดเล็กเดินหน้าออกนำขบวนฝ่ายในอย่างเงียบเชียบ บัดนี้ทุกหัวใจของชาวลงกาเยือกเย็นจนไร้ซึ่งความรู้สึก

เมื่อมาถึงสนามยุทธ อันมีศพเหล่าทหารกล้าแห่งลงกานอนตายเกยกันอย่างน่าอนาจ เหล่าทหาร นางกำนัลไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ ทั้งศพญาติมิตร เพื่อนรักที่มือขาด คอขาด กลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ข้าหลวงที่ร่วมขบวนเสด็จต่างแตกขบวนอย่างไม่สนใจพระราชประเพณีใดๆ เพราะต่างมองหาญาติมิตร ลูก หลานที่ตนรัก ยังแอบมีความหวังลึกๆ ว่าคนรักของตนจะยังมีชีวิตอยู่ ชนลงกาเหล่านี้คงไม่รู้หรอกว่า คมศรของพระรามไม่เคยไว้ชีวิตศัตรูของนายมัน

เมื่อเห็นศพทศกัณฐ์ที่พรุนไปด้วยห่าลูกศร นางมณโฑและนางกาลอัคคีรีบลงจากเสลี่ยงอย่างไม่ไว้ตัว นางแก้วทั้งสองเข้ากอดพระบาทสวามีด้วยความอาลัย มณโฑกอดบาทขวา กาลอัคคีกอดบาทซ้าย สองราชินีมารลูบพระพักตร์ทูลกระหม่อมของตนเป็นครั้งสุดท้าย

...พระองค์มิน่าหลงเชื่อคำนางสำมนักขาจนต้องเสียทีแก่สองมนุษย์ วาระสุดท้ายของทูนหัวของกาลอัคคีมิควรอยู่ในสภาพนี้เลย...

กาลอัคคี สนมฝ่ายขวากล่าวตัดพ้ออย่างหนักแน่น นางรู้ว่าตนมิใช่คนที่พระราชารักที่สุด แต่เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของลงกาและบาดาล นางจึงถูกยกให้แก่ยักษ์หนุ่มนามทศกัณฐ์

...จากนี้ไป ผู้ใดจะเป็นที่พึ่งของมณโฑ มิเคยทรงขัดใจเมียเลยสักครั้ง เมื่อยากสุขก็ทรงให้ทุกความสำราญ ยามทุกข์ก็เฝ้าปลอบจนความเศร้านั้นหาย แล้วบัดนี้เมียจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร ทั้งพระองค์ราชะ พระเชษฐาทัพนาสูร มหาอุปราชกุมภกรรณ และอินทรชิตลูกเรา บัดนี้เสาหลักแห่งวงศ์พรหมได้สิ้นกันหมดแล้ว... นางมณโฑได้แต่สะอื้น พูดไม่เต็มคำ

เหล่านางในร้องไห้กันอื้ออึง...เสด็จทรงเลี้ยงข้าบาทและฝ่ายในทุกชีวิตอย่างเอ็นดู...

...เมื่อพลาดพลั้งยังไม่เคยเอ็ดด่าแม้แต่นิด...
...ทรงสอนสั่งให้เรามีแต่ความทรงค่าแห่งหญิง...
...ทรงปูนบำเหน็จอยู่เนืองนิจ จนเป็นสิ่งธรรมดาสำหรับเหล่านางคอยอย่างพวกเรา...

เหล่าชาวเมืองลงกาออกมาค้นหาศพลูกหลาน ญาติมิตรของตน บ้างร้องไห้ บ้างเป็นลม บ้างสติฟั่นเฟือนด้วยความเศร้า บัดนี้ลานหน้าเมืองลงกาเต็มไปด้วยโคลนเลือดและเสียงสะอื้น หดหู่ยิ่ง

พญาพิเภกเข้าปลอบสองมเหสีอย่างครอบครัว

...องค์หญิงทั้งสองจงระงับความเศร้าเสียเถิด ทุกชีวิตเกิดมาต้องพบกับความตายด้วยกันทั้งนั้น เราต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นเสาหลักยืนให้เหล่าบ่าวไพร่ แล้วจะได้จัดงานพระศพถวายพระเกียรติให้สมพระบารมีแด่องค์ทศกัณฐ์ของเราเถิด...

ราชินีทั้งสองนางพยักหน้าอย่างว่าง่าย เดินนำฝ่ายในเข้าไปชำระร่างกายของกษัตริย์ตนจนหมดจรด แล้วเชิญพระศพประทับใส่พระโกศมณีอลงกรณ์ที่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว จากนั้นเชิญพระโกศหลวงขึ้นสู่พิชัยราชรถ แล้วเคลื่อนขบวนพระศพที่แต่งด้วยเครื่องสูงซ้ายขวา แตรสังข์ฆ้องกลองประโคมกันดังสนั่นขณะเคลื่อนขบวนพระศพเข้าสู่นครลงกา แล้วเชิญพระโกศขึ้นพระยานมาศ หามเข้าสู่พระมหาปราสาท สถิตตั้งพระโกศบนบนแท่นทองเพื่อให้พระวงศานุวงศ์ เสนาอำมาตย์ ข้าหลวงเข้าถวายบังคมพระศพ ก่อนที่จะถวายเพลิง

.


พี่ใหญ่ทนสกัดกั้นความเจ็บปวด สั่งเสียน้องชายจนสิ้นลม ถึงจะเหลือเพียงพระศพ แต่ความงามสง่าของชาติกษัตริย์ก็มิได้ลดน้อยลงเลย
พญาพิเภกคลานเข้ากราบที่ปลายเท้าศพพี่ชายเป็นครั้งสุดท้าย ตัดพ้อเสียงสะอื้น
...น้องได้ทูลแต่แรกแล้วว่าภัยจะมาสู่ตัว พระเชษฐาก็ได้แต่หลงคำของสำมนักขา มัวหลงรูปในอิสตรี ดูสิ ความเดือดร้อนตกมาถึงเสด็จและญาติมิตร เมืองมารที่ผาสุกต้องถูกรุกรานโดยไม่มีเหตุผล น้องยังถูกขับให้เข้าพึ่งพระบารมีขององค์อวตาร บัดนี้พิเภกขอขมาพระเชษฐา อย่ามีเวรกรรมติดตามกันไปอีกเลย...


.

พิเภกเรียกสติคืนแล้วร้องสั่งเยี่ยงราชาพระองค์ใหม่
...มโหทรยอดเสนาบดีและสารัณทูต ท่านทั้งสองจงรีบเข้าไปในเมือง แจ้งข่าวการสวรรคตของเสด็จ แก่มณโฑเทวีและกาลอัคคีเทวี แล้วให้นางทั้งสองมารับศพองค์ภัสดาตามราชประเพณีภายในวันนี้ จงรีบไปเถิดสองอสูร...
.
นางราชินีถูกพยุงขึ้นเสลี่ยงที่ได้จัดคอยอยู่ แถวมหาดเล็กเดินหน้าออกนำขบวนฝ่ายในอย่างเงียบเชียบ บัดนี้ทุกหัวใจของชาวลงกาเยือกเย็นจนไร้ซึ่งความรู้สึก


.

จิตรกรรมฝาผนัง ตอน ทศกัณฐ์ล้ม
ในการศึกครั้งสุดท้าย ทศกัณฐ์ได้แปลงกายเป็นพระอินทร์ออกรบกับพระราม แต่ก็ถูกพระรามแผลงศรไปปักอก ทศกัณฐ์เจ็บปวดแสนสาหัสและรู้ตัวดีว่าคงไม่รอดแน่แล้ว จึงได้เรียกพิเภกมาสั่งเสีย เมื่อสิ้นความแล้ว หนุมานก็ขยี้กล่องดวงใจทศกัณฐ์ ทำให้ทศกัณฐ์สิ้นชีพทันที
ในภาพเป็นตอนที่นางกาลอัคคีและนางมณโฑ มเหสีทั้งสองมาดูศพของทศกัณฐ์ และจะเห็นว่ามีงาช้างตกอยู่ข้างๆ ทศกัณฐ์ ซึ่งมีเหตุมาจากตอนที่ทศกัณฐ์ไปแย่งชิงบุษบกแก้วจากกุเปรัน พี่ชายต่างมารดา พระอิศวรได้เสด็จมาห้าม แต่ทศกัณฐ์ไม่ฟัง จึงทรงขว้างงาช้างไปปักอกทศกัณฐ์ ซึ่งงาช้างมีคาถากำกับว่าจะหลุดออกก็ต่อเมื่อทศกัณฐ์ตายแล้วเท่านั้น
ครั้งนั้น ทศกัณฐ์ได้ให้พระวิษณุกรรมนำเลื่อยมาตัดเอางาช้างส่วนที่เกินออกไป ทำให้ยังมีงาช้างฝังอยู่ในอกของทศกัณฐ์และหลุดออกมาเมื่อทศกัณฐ์ตายแล้ว


.

พญาพิเภกเข้าปลอบสองมเหสีอย่างครอบครัว
...องค์หญิงทั้งสองจงระงับความเศร้าเสียเถิด ทุกชีวิตเกิดมาต้องพบกับความตายด้วยกันทั้งนั้น เราต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นเสาหลักยืนให้เหล่าบ่าวไพร่ แล้วจะได้จัดงานพระศพถวายพระเกียรติให้สมพระบารมีแด่องค์ทศกัณฐ์ของเราเถิด...
.
แล้วเชิญพระศพประทับใส่พระโกศมณีอลงกรณ์ที่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว จากนั้นเชิญพระโกศหลวงขึ้นสู่พิชัยราชรถ แล้วเคลื่อนขบวนพระศพที่แต่งด้วยเครื่องสูงซ้ายขวา แตรสังข์ฆ้องกลองประโคมกันดังสนั่นขณะเคลื่อนขบวนพระศพเข้าสู่นครลงกา แล้วเชิญพระโกศขึ้นพระยานมาศ หามเข้าสู่พระมหาปราสาท สถิตตั้งพระโกศบนบนแท่นทองเพื่อให้พระวงศานุวงศ์ เสนาอำมาตย์ ข้าหลวงเข้าถวายบังคมพระศพ ก่อนที่จะถวายเพลิง


.

ป.ล.
ย้อนกลับไปดูตั้งแต่แรกเริ่ม...ไม่คิดว่าจะมาเล่าเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ ตั้งใจเล่าเป็นเรื่องๆ ของตัวละครแต่ละตัว จบในตอน แล้วมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร555

แล้วเรื่องก็ยังไม่จบเท่านี้ ยังมีภาคต่อไปอีก...ครับ. ในรุ่นลูก

.




« Last Edit: 31 May 2024, 13:04:37 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 17 August 2023, 08:15:33 »


17 สิงหาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพิเศษ ส่งท้าย (2)

-พระราชพิธีพระบรมศพทศกัณฐ์

พญาพิเภกบัญชาก้องท้องพระโรง ให้มโหทรเตรียมบุษบกแก้ว พร้อมสั่งฝ่ายในให้จัดขบวนตามลำดับยศฐาติดตัวสมัยพระราชาในพระบรมโกศ โดยให้นางมณโฑและนางกาลอัคคีนั่งในสุด นางจันทวดีภรรยาของกุมภกรรณและนางสุวรรณกันยุมาภรรยาของอินทรชิตเป็นอันดับถัดมา พญาพิเภกรับสั่งให้ยามลิวันและกันยุเวกบุตรแห่งอินทรชิต นั่งหน้าบุษบกแก้วเป็นสง่ายิ่งนัก มโหทรจัดทหารมหาดเล็กเดินขนาบขบวนซ้ายขวา

เมื่อมาถึงสวนขวัญ พญาพิเภกเดินนำหน้าพระชายาทั้งสี่เข้าเฝ้านางสีดา ต่างหมอบกราบถวายความเคารพเยี่ยงองค์ราชินี พญาพิเภกกราบทูลอย่างนอบน้อมตามนิสัยตน

...ตัวข้าบาทคือพญาพิเภก ผู้เป็นข้าขององค์พระรามาอวตาร เป็นน้องของพญาทศกัณฐ์ บัดนี้องค์รามลักษมณ์ได้สังหารพญาทศกัณฐ์ตายด้วยพระแสงศรแล้ว เหล่าเกล้ากระหม่อมจึงมาทูลเชิญพระแม่เจ้า ออกเสด็จเพื่อเข้าเฝ้าองค์ราม บัดนี้ท่านประทับอยู่ที่เชิงเขามรกต ควรมิควรแล้วแต่จะทรงโปรด...

นางสีดายินดียิ่งที่ได้ยินว่าทศกัณฐ์ได้ตายด้วยคมศรแห่งองค์รามผู้ภัสดาแล้ว

...พญาพิเภก หากคำกล่าวของท่านเป็นจริง ข้าก็ยินดียิ่งนัก แล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ความทุกข์ทรมานของข้าได้สิ้นสุดลงเสียที ข้าได้รอนแรมถูกยักษ์ลักมาอยู่เมืองมารเสียนาน แล้วองค์รามจะเชื่ออีกหรือว่า ข้ายังมีพระองค์เพียงหนึ่งเดียว... 

นางสีดามีสีหน้ายินดี แต่ก็ยังกังวลว่าสามีอันเป็นที่รัก จะเชื่อในความบริสุทธิ์ของตนหรือไม่ 

พญาพิเภกก้มลงกราบ แล้วทูลแจ้งดั่งผู้ที่ผ่านโลกมาก่อน

...ความจริงคือสิ่งที่ไม่สามารถปั้นแต่งได้ ทุกชีวิตบนโลกต่างไม่สามารถพ้นสายตายของเหล่านักสิทธิ์เทวดา ความบริสุทธิ์ของพระแม่เปรียบดั่งทอง แม้จะถูกไฟเผา ค่าของธาตุก็ยังมิเปลี่ยนแปลง...

นางสีดามีสีหน้าที่คลายกังวลมากขึ้น ขอตัวเข้าไปสรงน้ำเพื่อขจัดฝุ่นไคลเมืองมาร พระอินทร์ผู้ชื่นชมชัยชนะของพระรามด้วยความยินดี สั่งให้นางฟ้ารัมภา นางฟ้าอรุณวดี และเหล่านางอัปสร นำเครื่องแต่งกายกับเครื่องประดับลงมาถวาย พร้อมช่วยกันขัดสีฉวีวรรณนางสีดาให้ผ่องแผ้วเช่นเดิม จัดองค์ทรงเครื่อง เปลี่ยนเครื่องทรงเพื่อเข้าเฝ้าองค์อวตาร

.                       
ทรงมูรธาธารสนานเกศ                       อัคเรศกวดเกล้าเกศา           
ฝ่ายฝูงนางเทพธิดา                           ช่วยชำระกายาให้เทวี

บ้างถวายสุคนธ์ธารทรง                      บรรจงผัดพักตร์โฉมศรี           
ภูษารายรูปกินรี                                  พื้นเขียวขจีเครือสุวรรณ

สอดใส่สังวาลสะอิ้งแก้ว                      แล้วทรงสร้อยสลับประดับถัน           
ทับทรวงทองกรมังกรพัน                     พาหุรัดกุดั่นเพชรพราย

สอดใส่ธำมรงค์พระทรงครุฑ               ซึ่งวายุบุตรเอามาถวาย           
มงกุฎแก้วกรรเจียกพรรณราย              งามคล้ายพระอุมาโฉมยง

เสร็จแล้วย่างเยื้องจากอาสน์               กรายกรลีลาศดำเนินหงส์           
ไปขึ้นมหาบุษบกทรง                         ฝูงอนงค์ทั้งนั้นก็ตามมา ฯ
.         

ขบวนบุษบกแก้วของสีดาเสด็จออกจากสวนขวัญ โดยมีสองกุมารแห่งอินทรชิต ยามลิวันและกันยุเวกนั่งถือดอกไม้ทองเพื่อเชิดชูพระเกียรติอยู่หน้าราชรถ ถัดมาคือนางเบญกายนั่งคู่กับนางสุวรรณกันยุมา แล้วลำดับต่อจากนั้นคือนางตรีชฎาภริยาของพญาพิเภก ผู้ที่นางสีดาไว้ใจและให้ความเคารพอย่างที่สุด นั่งคู่กับนางจันทวดีภรรยาของพญากุมกรรณผู้ล่วงลับไปแล้ว ถัดมาคือนางมณโฑผู้นั่งคู่กับนางกาลอัคคี สองนางม่ายที่เพิ่งเสียสามีไปไม่กี่ช่วงยาม และอันดับสุดท้ายคือ นางสีดานั่งสง่าอยู่กลางบุษบกแก้ว จากนั้นนางฟ้า สาวสวรรค์ นางกำนัล เชิญเครื่องสูงฝ่ายใน เดินล้อมราชยานอย่างคึกคัก

นางสำมนักขาผู้เป็นต้นตอของมหาสงครามครั้งนี้ เห็นญาติมิตรฝ่ายในต่างนุ่งผ้าอาภรณ์สวยงามตามเสด็จนางสีดาไปเข้าเฝ้าพระราม สำมนักขารู้ตัวว่ามีความผิด จึงลังเลว่าจะแอบซ่อนหรือจะหนีอาญาไปเสียให้ไกล แต่ก็กลัวภัยตรายจะมาถึงตน จึงจำใจคว้าสไบพอห่มตัวได้แล้ววิ่งตามขบวนเสด็จอย่างผู้เสียสติ เพราะทั้งกลัวนางสีดาจะเห็นและเอาผิดตน ทั้งกลัวการลงโทษจากพระลักษมณ์ เพราะคราวก่อนเคยโดนสั่งสอนโดยการตัดปาก หู จมูก มาครั้งนี้หากพระลักษมณ์เห็นตนคงจะเอาให้ถึงชีวิต แต่ก็ไม่มีทางออกใด นอกจากจะต้องเอาผมปิดหน้า เดินตามขบวนเสด็จไม่พูดจากับใคร

.


(บน) พญาพิเภกบัญชาก้องท้องพระโรง ให้มโหทรเตรียมบุษบกแก้ว พร้อมสั่งฝ่ายในให้จัดขบวนตามลำดับยศฐาติดตัวสมัยพระราชาในพระบรมโกศ
.
(ล่าง) ขบวนพระบรมศพทศกัณฐ์


.

ขบวนพระบรมศพมศกัณฐ์


.

ปราสาทที่ตั้งพระบรมศพ


.




« Last Edit: 31 May 2024, 13:07:51 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #3 on: 18 August 2023, 09:00:14 »


18 สิงหาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพิเศษ ส่งท้าย (3)

-พระรามหยั่งเชิง ลองใจสีดา

เมื่อมาถึงพลับพลาเชิงเขามรกต พญาพิเภกสั่งให้หยุดขบวนเสด็จ แล้วเดินเข้าไปกราบทูลองค์รามว่าได้พาพระแม่สีดามาเฝ้าแล้ว พระรามตื่นเต้นที่จะได้พบภริยาอันเป็นที่รักของตน จนเผลอชายตามองขบวนเสด็จอย่างมิรู้ตัว ภาพที่เห็นจากระยะไกลคือ เหล่านางงามห้อมล้อมบุษบกแก้ว จึงถามพญาพิเภกว่า

...นางงามต่างที่เดินห้อมล้อมบุษบกนั้นเป็นใคร แล้วเด็กทั้งสองที่นั่งอยู่หน้ารถนั้นเป็นลูกใคร...

พระรามถามเลี่ยงเป็นเชิงเพื่อกลบเกลื่อนความตื่นเต้นของตน  พญาพิเภกจึงบรรยายว่า สองกุมารหน้ารถคือยามลิวัน กันยุเวกบุตรแห่งอินทรชิต อันดับต่อมาคือนางสุวรรณกันยุมาภรรยาแห่งอินทรชิต ผู้ที่นั่งคู่กับนางคือเบญกายบุตรีของตนเอง ต่อจากนั้นคือนางจันทวดีชายาของพญากุมภกรรณ จากนั้นคือตรีชฎาภริยาของพิเภก แล้วด้านหลังคือนางมณโฑนั่งคู่กับนางกาลอัคคี ทั้งสองคือมเหสีของทศกัณฐ์ นอกนั้นคือนางฟ้าที่พระอินทร์ทรงสั่งให้ลงมาร่วมขบวนส่งเสด็จพระแม่สีดา

ภาพต่อมาคือ สตรีผู้มีร่างบอบบาง ก้าวเท้าขาวลงมาจากบุษบกแก้ว องค์รามแทบจะลืมหายใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า นางสีดาเดินอย่างสงบตามภาษาผู้ที่ถูกอบรมอย่างดี มิมีเปลี่ยน แม้กาลเวลาจะผ่านมาเป็นปี แต่ความงามสง่าของนางไม่ถดถอยลงเลย นางดำเนินมาหยุดตรงหน้าพระราม ก้มลงถวายบังคม แล้วหมอบนิ่ง เพื่อดูเชิงว่าจะทรงตรัสอย่างไร

พระรามแทบจะห้ามใจไว้ไม่ได้ อยากจะถลาเข้าประคองนางที่รักมานั่งบนตักให้หายคิดถึง แต่ด้วยความเป็นกษัตริย์ ก็ต้องทรงฝืนกายรักษาท่าทีไว้ ด้วยความคิดที่ซ้ำซ้อนทำให้พระรามเริ่มไม่แน่ใจว่านางสีดานั้นได้ตกเป็นของพญามารทศกัณฐ์แล้วหรือไม่ หากตนเข้าประคองนางเลย เหล่าเทวดา ข้าบริวารจะดูถูกเอา จึงตรัสหยั่งเชิงว่า

...สีดา พี่นี้ได้ข้ามสมุทร ฝ่าภัยอันตรายล้างเหล่ายักษ์ โดยมิได้กลัวอันตรายหรือเห็นแก่ชีวิตของพี่เสียเลย และแล้วพี่ก็พบเจ้าผู้หน้าตาสดใส ผิวพรรณผ่องแผ้วเหมือนคนมีความสุข ไหนเจ้าเอาสมบัติที่ทศกัณฐ์ได้ปูนบำเหน็จมาอวดหน่อยสิ...

นางสีดาหน้าชายิ่งกว่าตอนที่ถูกทศกัณฐ์จับมาเสียอีก บุตรีแห่งท้าวชนกมิเคยโดนดูถูกขนาดนี้ และครั้งนี้ผู้ที่หยามเกียรติของตนก็คือชายที่ตนรักด้วยใจที่ภักดี สีดาอยากจะกลั้นใจด้วยความอัปยศ ที่ผู้สามีหยิบยื่นให้ด้วยวาจา นางทั้งโกรธ ทั้งแค้น...

.


...สีดา พี่นี้ได้ข้ามสมุทร ฝ่าภัยอันตรายล้างเหล่ายักษ์ โดยมิได้กลัวอันตรายหรือเห็นแก่ชีวิตของพี่เสียเลย และแล้วพี่ก็พบเจ้าผู้หน้าตาสดใส ผิวพรรณผ่องแผ้วเหมือนคนมีความสุข ไหนเจ้าเอาสมบัติที่ทศกัณฐ์ได้ปูนบำเหน็จมาอวดหน่อยสิ...


.

นางสีดาหน้าชายิ่งกว่าตอนที่ถูกทศกัณฐ์จับมาเสียอีก บุตรีแห่งท้าวชนกมิเคยโดนดูถูกขนาดนี้ และครั้งนี้ผู้ที่หยามเกียรติของตนก็คือชายที่ตนรักด้วยใจที่ภักดี สีดาอยากจะกลั้นใจด้วยความอัปยศ ที่ผู้สามีหยิบยื่นให้ด้วยวาจา นางทั้งโกรธ ทั้งแค้น...


.



.



.




« Last Edit: 31 May 2024, 13:10:30 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #4 on: 18 August 2023, 09:01:13 »


18 สิงหาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอนพิเศษ ส่งท้าย (4)

-สีดาลุยไฟ

นางสีดาหน้าชายิ่งกว่าตอนที่ถูกทศกัณฐ์ลักมาเสียอีก บุตรีแห่งท้าวชนกมิเคยโดนดูถูกขนาดนี้ และครั้งนี้ผู้ที่หยามเกียรติของตนก็คือชายที่ตนรักด้วยใจที่ภักดี สีดาอยากจะกลั้นใจคาความอัปยศที่ผู้สามีหยิบยื่นให้ด้วยวาจา นางทั้งโกรธ ทั้งแค้น นางอยากจะตายลง ณ ตอนนี้ เพื่อให้ชายอันเป็นที่รักหรือเคยเชื่อว่ารัก รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนพูดออกมาโดยไม่ยั้งคิด

แต่ด้วยความเป็นหญิงกล้าแห่งยุค ที่คิดเร็ว ตอบเร็วด้วยปัญญา

...ข้าบาทมิแปลกใจเหตุที่ทรงตรัสถาม เพราะสีดาคนนี้ถูกยักษ์ลักมาจากสามีซะเนิ่นนาน สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักสีดาดีพอ ก็คงจะมีคำถามถึงความเป็นไปของนาง จะมีเพียงเหล่าเทพ พระแม่คงคาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า สีดาได้ครองตัวรักษาพระเกียรติไว้ได้อย่างไร แต่เอาเถิดเพื่อความสบายใจของมหาสมาคมในที่นี่ และตัวพระองค์เอง ข้าสีดาแห่งมิถิลา ขอลุยเพลิงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ขอให้พระองค์ทรงเชิญเหล่าเทวดา นักสิทธิ์ จากทุกขอบโลกจักรวาล มาประชุมเพื่อเป็นพยานในความบริสุทธิ์ของเกล้ากระหม่อมเถิด...

พระรามถ่อมเสียงลง...พี่รู้อยู่แล้วว่าเปลวเพลิงอันร้อนแรงไม่สามารถทำอะไรน้องหญิงได้ เรารู้ใจกันว่าพี่และน้องหญิงต่างมีความรักอันมั่นคงต่อกัน อภัยให้พี่ด้วยเถิดที่ได้พูดไม่รักษาน้ำใจน้อง เพราะพี่อยากให้ทั้งสามโลกไร้ซึ่งคำถามในตัวสีดาของพี่... 

พระรามชักศรสิทธิ์ แล้วยิงขึ้นฟ้าเพื่อเชิญเทวดาให้มาประชุม เหล่าเทวดาตั้งแต่ชั้นอินทร์ เห็นแสงศรแห่งอวตาร ก็ชวนกันมาลอยอยู่เหนือพลับพลา

พระรามตรัสสั่งอย่างเป็นทางการ...พญาสุครีพ ท่านจงรีบก่อไฟให้ลุกโชน... 

สุครีพส่งสัญญาณให้เหล่าสิบแปดมงกุฎอย่างรู้กัน ทหารลิงนำฟืนมากองทั่วลานกว้าง แล้วจุดไฟให้ลุกโชนตามคำสั่งนาย 

สีดากราบพระสวามีอีกครั้ง ตั้งจิตตั้งคำสัตย์

.
             เมื่อนั้น                               นางสีดาเยาวยอดเสน่หา           
เห็นเพลิงเริงโรจน์โชติฟ้า                  แสงกล้าดั่งหนึ่งไฟกาล

น้อมเศียรอภิวาทพระสวามี                 เทวีตั้งจิตพิษฐาน           
กล่าวคำสัตยาสาบาน                        ต่อเทวามัฆวานพร้อมพักตร์

ขอเทพท้าวทุกองค์                           จงเป็นทิพย์พยานให้ประจักษ์           
แม้นข้าระคนรสรัก                             ด้วยทศพักตร์แลชายใด

นอกออกไปจากพระจักรกฤษณ์          มาตรแม้นแต่จิตพิสมัย           
ไม่ซื่อต่อเบื้องบาทพระภูวไนย           ประกอบการสิ่งใดที่ไม่ดี

ขอจงพระเพลิงเจ้าสังหาร                  ชนมานข้าม้วยอยู่ที่นี่           
ให้ตกนรกอเวจี                                 แสนกัลป์พันปีอย่าพ้นทุกข์

แม้นข้าคงครองสัจธรรม์                     เทวัญจงช่วยให้เป็นสุข           
จะเหยียบย่างเข้าไปในเพลิงลุก          ทุกก้าวอย่าร้อนบาทา

แล้วคำรพจบกองอัคคี                       ทั้งพระธรณีใส่เกศา           
ครั้งเสด็จซึ่งตั้งสัตยา                         ก็เสด็จลีลาลุยไฟ ฯ       
.

แล้วนางก็ลุกขึ้นโดยมิมีใครบอก เยี้องย่างเข้ากองไฟอย่างตั้งใจ มิมีใครในบริเวณห้ามหรือรั้งเธอไว้ประการใด เพราะต่างไม่แน่ใจว่าภาพตรงหน้านั้นเกิดขึ้นจริง

นางสีดาประนมมือเดินเข้ากองไฟที่ร้อนแรง นางเดินอย่างมีสติจนถึงกลางกองเพลิง ทันใดนั้นดอกบัวบานผุดขึ้นมากลางเพลิงเพื่อรองรับบาทของพระแม่สีดาอย่างมิให้ระคายผิว พระนางยืนนิ่งอย่างมิไหวติง ทันใดนั้นเหล่าเทวดานางฟ้าเห็นประจักษ์ด้วยความซื่อตรงของสีดา ต่างประโคมกลอง เร่งดนตรีสวรรค์เพื่อการเฉลิมฉลอง พระอินทร์นำสังข์ขึ้นประทับแล้วเป่ายาวเพื่อแสดงว่าการลุยเพลิงนี้ได้สิ้นสุดลงอย่างไม่มีข้อกังขาในความบริสุทธิ์ของพระแม่สีดา แล้วสีดาก็เดินออกมาจากกองไฟดั่งไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาก่อน เข้ากราบที่พระบาทขององค์ภัสดา

พระรามลุกจากพระที่ เข้าประคองภริยามานั่งคู่กัน นางสีดาอมยิ้ม ขึ้นประทับเคียงคู่สวามีเป็นครั้งแรก หลังจากพลัดพรากกันมานาน* เทพบุตรนางฟ้าต่างร้องรำด้วยความยินดีอยู่บนฟ้า ส่วนลิงค่างก็ต่างร้องรำเยี่ยงว่าหมดศึกแล้วจะได้กลับบ้านกันเสียที เมื่อได้เวลาอันควร องค์อินทร์ได้นำเหล่าเทวดานางฟ้ากลับสู่วิมานของตน
สีดาทรุดตัวลงกราบที่พระบาทขององค์รามอีกครั้ง ที่ตนทำผิด หลงเชื่อยักษ์จนพาให้ทุกคนต้องเดือดร้อน พระรามประคองภรรยาขึ้นโอบอย่างเอ็นดู

...ในฐานะของสามี ถึงจะสุดโลกพี่ก็ต้องตามหาน้องให้เจอ ตั้งแต่ตามกวางจนมาเจอน้องลักษมณ์ กลับมาสู่อาศรมแล้วไม่เห็นน้อง โลกทั้งโลกเหมือนเงียบสงัดลงทันที ดีที่มาพบพญาสดายุที่ก่อนจะขาดใจตาย ได้ชี้บอกทิศทางให้ออกตามหาน้อง จากนั้นจึงได้กองทัพวานรน้อยใหญ่ช่วยให้ข้ามมหาสมุทรได้ คราที่เบญกายแปลงเป็นศพน้องลอยมานั้น พี่นี้แทบจะขาดใจเพราะนึกว่าได้เสียเจ้าไปแล้ว ดีแต่ที่หนุมานผู้มีปัญญาได้ช่วยแก้ไขให้กระจ่าง แถมคราที่ไมยราพได้สะกดให้ทั้งกองทัพนั้นหลับใหล ลักพาตัวพี่ไปขังไว้ที่เมืองบาดาล พญาหนุมานก็ยังได้แก้ไขกลับมาได้ ต้องยกความดีทั้งหมดให้แก่หนุมาน

แต่น้องลักษมณ์นั่นสิ ต้องมาผจญความลำบากกับเราจนเกือบตายไปหลายครั้ง แต่มิเคยปริปากบ่นสักคำ ครั้งแรกถูกหอกของกุมภกรรณจนเกือบตาย แล้วยังมาโดนศรนาคบาศและศรพรหมมาสตร์ของอินทรชิต ถึงสองครา ในการศึกต่อมาน้องลักษมณ์ก็มาต้องหอกของมูลพลัมและสุดท้ายมารับหอกของทศกัณฐ์แทนพญาพิเภก ลักษมณ์รอดตายอย่างหวุดหวิดได้ถึงห้าครั้ง ก็เพราะความซื่อสัตย์ที่มีต่อพี่และพี่สะใภ้...

นางสีดาได้แต่ร้องไห้ ไม่กล้าสบตาผู้ใด เพราะตนเองทำให้บุคคลอันเป็นที่รัก และผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ต้องเดือดร้อน

...ตัวน้องอยู่ในเมืองมารอย่างทุกข์นัก ฟังเจ้าทศกัณฐ์พูดจาเกี้ยวพา จนคลื่นเหียนไปหมด ทั้งสาวใช้นางในที่ให้มาเฝ้า ก็พูดจาขู่ทิ่มแทงอยู่ทุกเวลา จนน้องเริ่มหมดหวังจะผูกคอตาย แต่โชคยังดีที่พญาหนุมานเข้าแก้ไขไว้ และส่งข่าวว่าเสด็จได้ยกพลมาช่วยไว้ทัน น้องต้องเฝ้าถนอมชีวิตไว้ เพื่อวันที่จะได้มากราบแทบพระบาท แต่น้องลักษมณ์ของพี่นี่สิ ต้องสู้มาลำบาก บุญคุณนี้พี่จะไม่ลืมเลย...

พระลักษมณ์ปาดน้ำตาเย็นที่เอ่อล้นตา แล้วก้มกราบพี่ชายและพี่สะใภ้

...น้องมิเคยเสียดายชีวิตตนเองเลย เพียงขอให้พี่ทั้งสองได้มีความสุข อยู่กันอย่างพร้อมหน้า บุญของข้าที่ได้รับใช้องค์รามและพระแม่สีดาของชาวโลก พระคุณของท่านทั้งสอง เสมอด้วยบิดามารดา ที่น้องทำคือหน้าที่ของน้อง ดั่งลูกที่พึงกตัญญู...

พระรามยินดีนักที่บัดนี้ครอบครัวเล็กๆ ของตนได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าอีกครั้ง...

พระรามเดินดง เป็นเวลา 14 ปี จึงเสด็จกลับกรุงอโยธยา ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์สืบไป...
.....

สุขสวัสดี จงมีแด่ทุกท่าน สวัสดีครับ...

.....


สีดาลุยไฟ
นางสีดาประนมมือเดินเข้ากองไฟที่ร้อนแรง นางเดินอย่างมีสติจนถึงกลางกองเพลิง ทันใดนั้นดอกบัวบานผุดขึ้นมากลางเพลิงเพื่อรองรับบาทของพระแม่สีดาอย่างมิให้ระคายผิว พระนางยืนนิ่งอย่างมิไหวติง


.



.



.



.






« Last Edit: 31 May 2024, 13:14:23 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #5 on: 18 August 2023, 09:03:37 »


จบเรื่องรามเกียรติ์
คิดว่าจะเล่าเรื่องรามเกียรติ์ ภาคปฐมบท ต้นกำเนิดของเรื่องรามเกียรติ์ ซึ่งกำลังทำต้นฉบับอยู่ครับ



Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #6 on: 31 May 2024, 13:15:43 »


ทศกัณฐ์


.

ทศกัณฐ์ มินิฮาร์ต


.

ไมยราพโทรศัพท์


.

หนุมานถ่ายรูปไมยราพโทรศัพท์


.



Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.082 seconds with 19 queries.