ปราสาทพระเทพบิดร

ปราสาทพระเทพบิดร

Danny Karnเลาะรั้ว ชมวัง
6 เมษายน ·

"ปราสาทพระเทพบิดร"

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สร้างปราสาทยอดปรางค์บนฐานไพทีใกล้กับพระมณฑป ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทรงพระราชทานนามว่า “พระพุทธปรางค์ปราสาท” ด้วยทรงพระราชดำริให้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรโดยตั้งบุษบกให้ต่ำลงเพื่อจะได้ชมเนื้อแก้วอันงดงามได้ถนัด เมื่อสร้างเสร็จเห็นว่าคับแคบไม่เหมาะแก่การพระราชพิธี จึงมิได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานดังพระราชดำริ
.
การสร้างพระบรมรูปเหมือนองค์พระมหากษัตริย์เกิดขึ้นครั้งแรกในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะที่ยังทรงดำรงพระชนม์ชีพ ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ.๒๔๔๖ ได้มีการซ่อมแซม แล้วให้เปลี่ยนนามเป็น ปราสาทพระเทพบิดร และมีพระราชดำริให้สร้างพระบรมรูปสมเด็จบุรพกษัตริยาธิราชแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ที่เสด็จสวรรคตแล้วขึ้น ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระบรมรูปพระบูรพกษัตริย์ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทั้ง ๕ พระองค์มาไว้ ทั้งมีพระบรมราชโองการให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป เป็นประจำทุกปี ในวันที่ ๖ เมษายน ซึ่งทรงกำหนดให้เป็นวันจักรี ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๑ เป็นต้นมา
.
ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ยังพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมพระบรมรูป เป็นประจำทุกปีในวันที่ ๕ พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคล และในวันที่ ๑๓-๑๕ เมษายน เนื่องในวันสงกรานต์ หรือพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมในโอกาสวันสำคัญต่างๆ ในบางปี หรือทุกปีเช่นวันปิยมหาราช ปัจจุบันได้มีการประดิษฐานพระบรมรูปเพิ่มตามการเปลี่ยนรัชสมัย จนถึงรัชกาลที่ ๙

#มเหรธรบรรพต

.

ปราสาทพระเทพบิดรตั้งอยู่บนฐานไพทีด้านหน้าและรอบๆปราสาทพระเทพบิดรจะมีรูปหล่อโลหะเป็นรูปสัตว์หิมพานต์ซึ่งหล่อในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างเป็นคู่ ตัวผู้ตัวเมีย รวม ๗ คู่

.

พระบรมรูปของบูรพมหากษัตริย์ทั้งหมดรวม ๘ พระองค์ด้วยกัน ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑-๘
(ปัจจุบันมีพระราชานุสาวรีย์พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี 9 รัชกาลประดิษฐานในปราสาทพระเทพบิดร ซึ่งเปิดให้ประชาชนเข้าไปสักการะในวันสำคัญ)

.

องค์กลาง ร.๑, ซ้ายมือ ร.๒, ขวามือ ร.๓ ครับ

.

ปราสาทพระเทพบิดรตั้งอยู่บนฐานไพทีด้านหน้าและรอบๆปราสาทพระเทพบิดรจะมีรูปหล่อโลหะเป็นรูปสัตว์หิมพานต์ซึ่งหล่อในสมัยรัชกาลที่ ๕ สร้างเป็นคู่ ตัวผู้ตัวเมีย รวม ๗ คู่

.

หน้าบันมุขทิศตะวันออกและมุขลดตรงกลาง

.

ยอดปราสาททรงปรางค์ประดับกระเบื้องเคลือบสี โดยมุชทิศตะวันออก เหนือ และใต้ ยาวเท่ากัน ส่วนมุขด้านทิศตะวันตก ที่เรียกว่าท้ายจรนำสั้นกว่ามุขอื่น หลังคาจตุรมุขซ้อน ๔ ชั้น เฉพาะมุขตะวันออกมีมุขลดอีกชั้นหนึ่ง มุขลดประดับด้วยรวงผึ้งและสาหร่ายปลายมีเทพพนม

.

ซุ้มหน้าต่างทรงยอดพระมงกุฎ

.

ซุ้มประตูหน้าต่างทรงยอดพระมงกุฎ

.

ยอดปราสาททรงปรางค์ประดับกระเบื้องเคลือบสี โดยมุขทิศตะวันออก เหนือ และใต้ ยาวเท่ากัน ส่วนมุขด้านทิศตะวันตก ที่เรียกว่าท้ายจรนำสั้นกว่ามุขอื่น หลังคาจตุรมุขซ้อน ๔ ชั้น เฉพาะมุขตะวันออกมีมุขลดอีกชั้นหนึ่ง มุขลดประดับด้วยรวงผึ้งและสาหร่ายปลายมีเทพพนม