User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
15 November 2024, 19:37:03
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424
Posts in
12,831
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
ภาพประทับใจ
|
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
(Moderator:
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
) |
[50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน (Read 482 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
[50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
on:
02 August 2023, 08:46:26 »
[50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
2 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (1)
-นางมณโฑเสนอพิธีหุงน้ำทิพย์
สารัณทูตแห่งลงกาถึงกับตัวสั่น ขาอ่อนมืออ่อน เมื่อเห็นภาพการสังหารโหดทัพนาสูรเพราะเป็นภาพสยองตรงหน้า แต่ก็ต้องกลั้นใจ กระโดดขึ้นหลังม้า ควบตรงสู่ลงกา เข้าเฝ้าทศกัณฐ์อย่างรีบเร่ง
...ฝ่าพระบาท บัดนี้พระเชษฐาทัพนาสูร ได้พลีชีพเพื่อลงกาแล้วพระเจ้าค่ะ...
ขนาดสารัณทูตยังไม่ลงรายละเอียดภาพการตายสยองของทัพนาสูร ทศกัณฐ์ยังหน้านิ่งมิไหวติง เพียงแต่เอามือขึ้นมาปาดน้ำตาอย่างมิรู้ตัว มิทรงตรัสสั่งสิ่งใด
อีกครู่ยักษ์ชราพยุงกายเดินเข้าสู่ราชฐานโดยมิได้กล่าวคำปิดประชุมอย่างเคย บรรยากาศในลงกาบัดนี้เงียบเหงาราวเมืองที่ไร้ชีวิต แม้กระทั่งนกกาก็มิกล้าส่งเสียงร้องเหมือนรู้งาน
ทศกัณฐ์เหนือหัวของอสูรทั่วแผ่นดิน ทิ้งตัวลงพระแท่นข้างมณโฑเมียรัก
...พระเชษฐาทัพนาสูร สิ้นพระชนม์แล้ว...
เพียงแค่ข้อความสั้นๆ แต่ทำให้ราชาอสูรรู้สึกจุกที่คอหอยยิ่งนัก พญายักษ์สะอื้นแต่ไร้น้ำตา เพราะบัดนี้ไม่มีน้ำตาใดๆ เหลือเพื่อไว้อาลัยวงศ์วานอีกต่อไปแล้ว
กษัตริย์มารเสียใจอย่างที่สุด ที่พี่ชายต่างมารดาตาย แต่ที่เสียใจลึกๆ คือ
...ทำไมเราถึงชนะเจ้ามนุษย์คนนี้ไม่ได้สักที...
ความตายเป็นเรื่องที่ทศกัณฐ์พบเห็นมาทั้งชีวิต แต่คำว่าแพ้อย่างต่อเนื่องคือสิ่งใหม่สำหรับประมุขแห่งพรหมวงศ์ บัดนี้ชายชราได้แต่เหม่อลอย...
...อย่าร้องไปเลยน้องหญิง มีเกิดก็มีตาย ท่านพี่ตายในสนามรบอย่างสมเกียรติชายชาติทหารแล้ว แต่พี่นี่สิคงจะหมดทางสู้ข้าศึกแล้ว มณโฑผู้ทรงปัญญา รึเจ้ามีอะไรจะช่วยสามีผู้ตามืดบอดได้บ้าง...
ทศกัณฐ์พูดเปรยๆ ปลอบเมียรักที่ร้องไห้สะอื้นตามภาษาผู้หญิง และทิ้งท้ายด้วยความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเมียรักอาจจะช่วยออกความเห็นอะไรได้บ้าง
นางมณโฑปาดน้ำตาและขยับตัวเข้าใกล้ภัสดา นางประนมมืออย่างข้าบ่าวจะทูลเสนอนาย
...ควรมิควรแล้วแต่จะทรงโปรด เมื่อครั้งที่น้องยังเป็นข้าบาทแห่งพระแม่อุมาเทวี ได้ถวายงานทั้งเช้าค่ำโดยมิขาด พระแม่โปรดประทานพรวิเศษให้เสกน้ำทิพย์ อันสามารถใช้ปลุกชีวิตที่ตายไปให้ฟื้นคืนกลับมา จะหนึ่งหรือพันชีวิตก็สามารถทำให้ฟื้นได้ จะตายไปเป็นร้อยปีก็สามารถทำให้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตได้อย่างเดิม...
(น่าจะชุบชีวิต อินทรชิตลูกรักก่อนใครเลย รวมทั้งกุมภกรรณ ฯลฯ และทหารยักษ์ที่ตายในสงคราม ให้ฟื้นคืนชีพมาสู้รบได้อีก แต่อย่าไปชุบชีวิตพญาพาลีเข้าหละ เดี๋ยวจะยุ่งตายห่ะ...)
ทศกัณฐ์ลุกขึ้นคว้าตัวเมียมากอดอย่างสุดแรง นางงามจากสวรรค์ถลาเข้าอ้อมกอดพญามาร นางยิ้มอย่างภูมิใจ แต่นางก็แอบกังวลว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก
...ไม่สิ ไม่สินะ โชคต้องเข้าข้างเราบ้าง...
.
นางมณโฑ แสนโสภา
.
นางมณโฑ หน้าขาว
.
กษัตริย์มารเสียใจอย่างที่สุด ที่พี่ชายต่างมารดาตาย แต่ที่เสียใจลึกๆ คือ
...ทำไมเราถึงชนะเจ้ามนุษย์คนนี้ไม่ได้สักที...
.
...เมื่อครั้งที่น้องยังเป็นข้าบาทแห่งพระแม่อุมาเทวี ได้ถวายงานทั้งเช้าค่ำโดยมิขาด พระแม่โปรดประทานพรวิเศษให้เสกน้ำทิพย์ อันสามารถใช้ปลุกชีวิตที่ตายไปให้ฟื้นคืนกลับมา จะหนึ่งหรือพันชีวิตก็สามารถทำให้ฟื้นได้ จะตายไปเป็นร้อยปีก็สามารถทำให้ฟื้นขึ้นมามีชีวิตได้อย่างเดิม...
.
...พี่นี่สิคงจะหมดทางสู้ข้าศึกแล้ว มณโฑผู้ทรงปัญญา รึเจ้ามีอะไรจะช่วยสามีผู้ตามืดบอดได้บ้าง...
.
ทศกัณฐ์ลุกขึ้นคว้าตัวเมียมากอดอย่างสุดแรง นางงามจากสวรรค์ถลาเข้าอ้อมกอดพญามาร นางยิ้มอย่างภูมิใจ แต่นางก็แอบกังวลว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 20:43:27 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #1 on:
02 August 2023, 08:47:21 »
2 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (2)
-พิธีหุงน้ำทิพย์
นางมณโฑคลายจากอ้อมกอดผู้ภัสดา มองตาสุดที่รักอย่างสงบนิ่ง
...ช่วงขณะที่น้องหุงน้ำทิพย์ น้องจะส่งเสียงออกปากใดๆ มิได้เลย ที่สำคัญขอให้ทูลกระหม่อมของเมียจงสะกดอารมณ์เสน่หาไว้ หักใจจากรสรัก เพราะหากมีกามอารมณ์พิธีนี้จะล้มเหลวลงทันที...
มณโฑแตะที่แก้มสามีเชิงให้หักใจในกามเพียงชั่วคราวเพื่อภารกิจที่ใหญ่กว่า ทศกัณฐ์ประคองกอดเชิงตอบภรรยาอย่างทนุถนอม
...น้องหญิงย่อมรู้ว่าพี่มิได้สนใจเรื่องกิจกามเลยแม้แต่น้อย พี่นิยมบริกรรม บูชาเทพเป็นวัตร แต่...การจะหักใจต้องห่างจากกลิ่นกายมณโฑคือเรื่องยากที่สุดในชีวิตของชายนามทศกัณฐ์...
ยังมิจบคำ นิ้วขาวของผู้ภรรยาแตะปากพญามารให้หยุดหยอดคำหวานเสียที ตนได้ฟังคำเหล่านี้มาทั้งชีวิต นางได้ฟังวจีกำนัลเหล่านี้ตั้งแต่วันถวายตัวเป็นมเหสีแห่งราชา จนถึงวันนี้ วันที่ต้องเป็นที่พึ่งของกันและกันในบั้นปลายชีวิต ศิริโฉมและรูปกายของมณโฑ มิมีวันแก่เฉกเช่นสาวสวรรค์ทั่วไป แต่ที่สำคัญชีวิตของนางถูกหล่อเลี้ยงด้วยความรักอันอบอุ่นจากทศกัณฐ์ ที่มีให้แก่นางอย่างสม่ำเสมอ
ทศกัณฐ์ออกสู่ท้องพระโรง ก่อนจะว่าราชการกิจใด ทรงร้องบัญชาสั่งมโหทรให้รีบสร้างพลับพลาเพื่อทำพิธีหุงน้ำทิพย์ กั้นห้องทั้งหมดสามสิบเก้าห้อง กั้นม่าน ทาสีเพดานด้วยทองทา ให้ศาลาหลวงงามสง่าสมเกียรติองค์ราชินี
มโหทรมารขยัน ถอยออกมาสั่งการตามราชโองการ เพียงไม่นานสิ่งก่อสร้างชิ้นงามก็เสร็จอย่างมิยาก ตกแต่งด้วยเครื่องสูงแวววาว ของบูชาพร้อมสรรพ
ทศกัณฐ์แจ้งภรรยาต่อหน้าสมาคมลั่นท้องพระโรง
...บัดนี้พลับพลาสำหรับประกอบพิธีหุงน้ำทิพย์นั้นพร้อมแล้ว ขอเชิญพระราชินีเสด็จประกอบพิธีเถิด ตัวเราจะออกไปขัดตาทัพศัตรูพลางจนพระนางเสร็จกิจ...
นางมณโฑหมอบลงกับพื้นเพื่อกราบลา พญาทศกัณฐ์ลงจากบัลลังก์โดยมิรู้ตัว ลงมาเพื่อประคองกอดภรรยาในฐานะสามี สามีผู้ฝากความหวังอันยิ่งใหญ่ไว้กับภรรยา นางมณโฑซุกหน้าผากที่หน้าพระบาทของสวามี
...ละอองธุลีพระบาทของเสด็จคือสิ่งคุ้มภัยแด่มณโฑตลอดมา ขอพระบารมีจงอำนวยให้พิธีสำเร็จด้วยเทอญ...
ราชามารเข้าโอบส่งนางอันเป็นที่รัก ที่หน้าปราสาทจนลับสายตา...
เพียงชั่วครู่ ขบวนพระวอเสด็จขององค์ราชินีก็มาถึง พลับพลาพิธีอันตกแต่งด้วยสีประจำองค์พระอัครมเหสีคือสีขาวและทอง พระนางเสด็จเข้าประจำที่ประทับ บังคมถวายเทพหน้าหม้อโบราณใบใหญ่ อันใช้ประกอบการเสกน้ำ
.
ครั้นถึงขึ้นบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรเฉลิมศรี
จุดธูปเทียนทองรูจี โปรยปรายมาลีบูชา
นบนิ้วประนมเหนือเกศ เคารพพระเวทคาถา
คิดถึงคุณสมเด็จพระอุมา กัลป์ยาหลับเนตรสำรวมใจ
ให้เป็นสมาธิแน่นิ่ง จะไหวติงกายาก็หาไม่
หน่วงจิตบริกรรมพระเวทไป โดยในตบะกิจพิธี ฯ
...
ครั้นถึงขึ้นบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรเฉลิมศรี
จุดธูปเทียนทองรูจี โปรยปรายมาลีบูชา
นบนิ้วประนมเหนือเกศ เคารพพระเวทคาถา
คิดถึงคุณสมเด็จพระอุมา กัลป์ยาหลับเนตรสำรวมใจ
ให้เป็นสมาธิแน่นิ่ง จะไหวติงกายาก็หาไม่
หน่วงจิตบริกรรมพระเวทไป โดยในตบะกิจพิธี
.
ขบวนพระวอเสด็จขององค์ราชินีก็มาถึง พลับพลาพิธีอันตกแต่งด้วยสีประจำองค์พระอัครมเหสีคือสีขาวและทอง พระนางเสด็จเข้าประจำที่ประทับ บังคมถวายเทพหน้าหม้อโบราณใบใหญ่ อันใช้ประกอบการเสกน้ำ
.
ครั้นถึงขึ้นบัลลังก์รัตน์ ภายใต้เศวตฉัตรเฉลิมศรี
จุดธูปเทียนทองรูจี โปรยปรายมาลีบูชา
.
นบนิ้วประนมเหนือเกศ เคารพพระเวทคาถา
คิดถึงคุณสมเด็จพระอุมา กัลป์ยาหลับเนตรสำรวมใจ
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 20:46:36 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #2 on:
03 August 2023, 08:44:55 »
3 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (3)
-ทศคิรีวันและทศคิรีธรแห่งเมืองดุรัม
คงจะจำกันได้ว่าทศกัณฐ์สมัยหนุ่มๆ เคยมีเมียเป็นนางช้างพัง แล้วมีลูกฝาแฝดชื่อว่า ทศคิรีวัน และ ทศคิรีธร ร่างกายใหญ่โตเช่นยักษ์ มีพลังมหาศาลเหนืออสูรทั่วไปเพราะมีเลือดช้างจากฝ่ายแม่ร่วมด้วย ทั้งสองยังมีสติปัญญาที่หลักแหลมเกินมารทั้งปวง
แต่เมื่อแม่ช้างคลอดสองทารกที่หน้าเป็นช้าง ร่างกายใหญ่โตเหมือนยักษ์ออกมา อัศกรรณมาราเจ้าเมืองดุรัม ผู้เป็นเพื่อนรักของทศกัณฐ์จึงขอเอาไปเลี้ยง เพราะว่าตนก็ไม่มีบุตรธิดา เฝ้าถนอมดูแลรักใคร่ดั่งลูกแท้ๆ ให้ศึกษาเล่าเรียนทั้งด้านกระบวนยุทธ การใช้ศาสตราอาวุธจนเชี่ยวชาญทุกชนิด โดยเฉพาะศรธนูนี้เก่งนัก รวมถึงการอักษรจนแตกฉาน
พอสองอสูรพลายเติบโตขึ้น ก็ได้รับการวางตัวให้เป็นผู้สืบทอดพระราชบัลลังก์แห่งดุรัมนครต่อจากตน แต่ก่อนที่จะรับงานอันยิ่งใหญ่ สองราชกุมารขอลาอัศกรรณมาราพ่อผู้เลี้ยงดู ไปเยี่ยมทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อบังเกิดเกล้า นี่คือความคิดอันชาญฉลาดเพราะอย่างน้อยก็เพื่อประสานความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้งสองนครให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น เจ้าชายทั้งสองยังสามารถใช้สิทธิในการเป็นราชบุตรแห่งลงกาอีกด้วย
พญาอัศกรรณมารา เห็นว่าลูกรักมีความกตัญญูและปัญญาอันเฉียบแหลม จึงยินดีให้ออกเดินทางทันที
...ไปเถอะลูก อย่างน้อยเจ้าก็จะได้ไปรับพรจากพระบิดาผู้บังเกิดเกล้า พ่อดีใจที่ลูกทั้งสองมองเห็นการไกล ไม่มีราชธานีใดในโลกที่โอ่อ่าเท่าลงกา ไม่มีกษัตริย์ใดจะยิ่งใหญ่เท่าพญาทศกัณฐ์ พ่อชื่นใจที่ลูกพ่อรู้จักประเพณีอันดีเช่นนี้ เพราะการยุทธสามารถฝึกได้ กลศึกยังสามารถเรียนรู้ แต่การทูตต้องมาจากใจ...
...ถึงพ่อจะมิร่ำรวยดุจเจ้าแห่งลงกา กองทัพที่พ่อมีก็ไม่แข็งแกร่งเท่าทัพแห่งจอมมาร แต่ครานี้ทศกัณฐ์จะได้อิจฉาว่าอัศกรรณมารามีลูกที่เพียบพร้อมถึงสองตน แล้วทศกัณฐ์จะขอบคุณที่พ่ออุตส่าห์เลี้ยงดูลูกของเขาอย่างทนุถนอม...
...จงรีบไปรีบมา ศึกษางานดีจากลงกา หลีกหนีการเลวในเมืองใหญ่ ชาวดุรัมนครรอเจ้าทั้งสองอยู่...
จากนั้นท้าวอัศกรรณมารา กวักมือเรียกเสนา นามกาลจักรให้จัดทัพเยี่ยงออกศึก ประดับขบวนให้หรูหราให้สมเกียรติราชกุมาร อย่าให้ลูกชายได้ขายหน้าชาวลงกา สองพี่น้องทศคิรีหมอบกราบอย่างสุดซึ้ง
...หากมิได้พระกรุณาจากพระบิดา เราทั้งสองก็คงจะเติบโตในลงกา ลูกก็คงมิได้รับยศศักดิ์ดั่งมงกุฎราชกุมารเช่นนี้ เพราะในลงกาต่างมีลูกสนม ลูกเมียเล็ก บุตรเมียน้อยของเสด็จทศกัณฐ์จำนวนมาก ลูกนางช้างป่าคงมิได้รับโอกาสลืมตาอ้าปากดั่งที่พระบิดากรุณาเสมอมา...
สองเจ้าชายปาดน้ำตาด้วยความซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของผู้เป็นพ่อเลี้ยง
อัศกรรณมารา ถึงกับน้ำตาซึมเพราะลูกจะจากไกล แต่ที่สำคัญชื่นใจที่สองกุมารรู้คุณตน
...พ่อรักเจ้าแต่แรกอุ้ม มิเคยนึกถึงที่มาของลูกทั้งสอง พ่อฟูมฟักให้ลูกพ่อกล้าแกร่งมีปัญญาพร้อม พ่อจะเสียใจอย่างยิ่งหากทศกัณฐ์จะรั้งตัวเจ้าทั้งสองไว้ใช้งาน แต่เพราะความที่เขาเป็นผู้ให้กำเนิด ลูกจงอย่าปฏิเสธที่จะถวายงานแด่จอมมาร พ่อเป็นเพื่อนของเสด็จท่านมานาน พ่อรู้ดีว่าหากลูกถวายงานใดสำเร็จแล้ว ความเจริญก้าวหน้าจะมาสู่เจ้าสองพี่น้อง แต่อย่างไรจงจำไว้ว่าลูกทั้งสองคือ ยอดดวงใจของอัศกรรณมารา...
มีอะไรแปลกๆ ที่ทำให้อัศกัณมารา ผู้มีฤทธารู้สึกว่าอาจจะไม่ได้เจอหน้าลูกทั้งสองอีก แต่ก็คงเป็นเพราะความเก่งกล้าฉะฉานของลูกที่ตนเลี้ยงดูมาอย่างดี จนทำให้ทศกัณฐ์ หลงรักและรั้งไว้ให้ครองบัลลังก์ลงกาซะมากกว่า...
.
ท้าวอัศกรรณมาราสูร เจ้าเมืองดุรัม
.
ทศคิรีวันและทศคิรีธร
.
ทศคิรีวันและทศคิรีธร
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 20:54:20 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #3 on:
03 August 2023, 08:45:55 »
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (4)
-ทศคิรีวันและทศคิรีธร อาสาออกรบ
ทศคิรีวัน ทศคิรีธร เข้าสรงน้ำแต่งเครื่องทรงเยี่ยงกษัตริย์แห่งดุรัม ขึ้นม้าดีสีดำ สีขาว นำขบวนยาตราออกจากประตูเมืองดุรัม มุ่งหน้าเหาะข้ามมหาสมุทรตรงสู่เกาะลงกา
เมื่อมาถึงเกาะลงกา สองราชบุตรจอดม้าและพักขบวนไว้ที่หน้าเมือง เพราะตามราชประเพณีแล้ว ผู้เป็นลูกต้องเดินเท้าเข้าไปแสดงความเคารพ จูบเท้าทั้งสองข้างของผู้เป็นพ่อ และที่สำคัญทั้งสองไม่รู้ว่าผู้เป็นพ่อจะยินดีในการมาของตนหรือไม่
ทั้งสององค์ชายเดินขึ้นสู่ราชมณเทียรอันโอ่อ่าอย่างมิคุ้นเคยนัก คลานเข้าสู่หน้าพระที่ตามประเพณีเจ้า
เมื่อทศกัณฐ์เห็นบุตรที่ตนไม่ได้เจอมานานก็ยินดียิ่ง วิ่งลงจากบัลลังก์แก้ว คุกเข่าโอบบุตรทั้งสอง หอมลูกคนขวา จูบลูกคนซ้าย น้ำตาเย็นแห่งพ่อลูกไหลปนกัน บุตรหน้าช้างซาบซึ้งจนมิรู้จะเอ่ยคำถวายพระเกียรติใดๆ ได้แต่เอาหน้าซุกเท้าผู้เป็นพ่อคนละข้าง จนพญามารต้องออกปาก เริ่มบทสนทนา
...มามะลูกพ่อ ไม่ร้องกันละ เราคุยกันดีกว่าว่าลมอะไรหอบเจ้าทั้งสองมาหาบิดา อัศกรรณมาราสหายข้าสบายดีอยู่หรือ และราชการในราชสำนักดุรัมนครมั่นคงดีนะ...
ทศคิรีวันผู้พี่ตั้งสติได้ก่อน
...ถวายพระพรพระบิดา เสด็จอัศกรรณมาราอสูรทรงสบายพระวรกายดี ทรงส่งลูกทั้งสองมากราบแทบพระบาทแทนความคิดถึงพระบิดาผู้เป็นพระสหายรัก ราชกิจในเมืองดุรัมร่มเย็นด้วยพระบารมีของทั้งสองราชา ลูกทั้งสองเดินทางมาขอพรพระบิดาให้เป็นศรีแก่ชีวิต กิจการในนอกของลงกานั้นมั่นคงด้วยพระปรีชาของพระบิดาดีอยู่รึพระเจ้าค่ะ...
ทศกัณฐ์กลืนน้ำลาย ประคองลูกทั้งสองให้มานั่งบนแท่นข้างบัลลังก์
...พ่อนี้ทุกข์ใจอย่างมาก เพราะบัดนี้กรุงลงกาของเราเดือดร้อนจนแผ่นดินแทบจะลุกเป็นไฟ ด้วยการรุกรานของสองมนุษย์และกองทัพลิงค่าง เหล่าญาติโยม ขุนศึกต้องพลีชีพกันเพื่อปกป้องแผ่นดินมิเว้นแต่ละวัน พ่อนี้ทุกข์ใจนัก กังวลว่าพรหมประเทศนี้จะมาสิ้นในกาลของพ่อ ขนาดพระมารดามณโฑของเจ้ายังต้องช่วยแก้ไข โดยขณะนี้ พระแม่ทำพิธีหุงน้ำทิพย์ที่ประพรมให้ศพญาติผู้วายชนม์ฟื้นคืนชีพ บัดนี้พ่อได้แต่รอเวลาที่จะเผด็จศึกเมื่อพิธีได้สำเร็จแล้ว...
ทศคิรีธรทำหน้าประหลาดใจ
...มีด้วยหรือ ผู้ที่บังอาจทำให้พญาทศกัณฐ์ต้องหนักใจ มีด้วยหรือผู้ที่สามารถมาหักหาญชนเผ่าพรหมวงศ์ลงได้ ยิ่งเป็นมนุษย์ตัวกระจ้อยด้วยแล้ว มิน่ามีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเพ่งสายตามองพระบารมี... ลูกทั้งสองขอถวายงาน โดยจะออกศึกนี้เพื่อพระบิดา...
พญาทศกัณฐ์ดีใจอย่างมาก ถลาเข้ากอดสองบุตรชายอย่างชื่นใจ
...เอาหละ เราทั้งสามจะได้ออกรบด้วยกันตามภาษาพ่อลูก ลูกทั้งสองจงนำกองทหารม้าเป็นทัพหน้า ส่วนพ่อจะเป็นทัพหลวงเพื่อพยุงหลังให้เจ้าทั้งสองเอง...
...มโหทร จงเตรียมทัพให้พร้อม...
.
ทศคิรีวันและทศคิรีธร เข้าเฝ้าทศกัณฐ์ ผู้เป็นพระราชบิดาน้ำตารินด้วยความปลื้มปิติ
.
...มามะลูกพ่อ ไม่ร้องกันละ เราคุยกันดีกว่าว่าลมอะไรหอบเจ้าทั้งสองมาหาบิดา อัศกรรณมาราสหายข้าสบายดีอยู่หรือ และราชการในราชสำนักดุรัมนครมั่นคงดีนะ...
.
...ลูกทั้งสองขอถวายงาน โดยจะออกศึกนี้เพื่อพระบิดา...
พญาทศกัณฐ์ดีใจอย่างมาก ถลาเข้ากอดสองบุตรชายอย่างชื่นใจ
...เอาหละ เราทั้งสามจะได้ออกรบด้วยกันตามภาษาพ่อลูก ลูกทั้งสองจงนำกองทหารม้าเป็นทัพหน้า ส่วนพ่อจะเป็นทัพหลวงเพื่อพยุงหลังให้เจ้าทั้งสองเอง...
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 20:56:46 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #4 on:
04 August 2023, 08:17:03 »
4 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (5)
-ทศกัณฐ์ ทศคิรีวันและทศคิรีธร ออกศึก
สามพ่อลูกอสูร ออกทัพพร้อมกันอย่างมิคุ้นชิน ถึงจะเป็นพ่อลูกแต่เพราะต่างมิเคยใกล้ชิดกันมาก่อน การศึกนี้อาจจะทำให้รู้จักกันมากขึ้น สองโอรสควบม้านำหน้าทัพดุรัม พระบิดาทรงช้างศึกอันแวดล้อมด้วยยอดฝีมือแห่งลงกา
.
ช้างเอยช้างศึก เรียกมันครั่นครึกกำลังหาญ
สูงเงื้อมง้ำเขาหิมพานต์ เชื้อชาติสารไอยราพต
เท้าฉัดงวงคว้างาแทง เรี่ยวแรงรวดเร็วดั่งลมกรด
สู้สิบไกรสรไม่ละลด ทรหดอดกลั้นสาตรา
ผูกเครื่องกุดั่นข่ายกรอง ดาวทองช่องกระจกปกหน้า
ชนักต้นรัตคนอลงการ์ ห้อยพู่งามสง่าในการยุทธ์
ประดับด้วยเครื่องสูงสำหรับศึก ฆ้องกลองก้องกึกอึงอุด
โห่สนั่นถึงชั้นคนิรุทร รีบเร่งพลยุทธ์ดำเนินไป ฯ
.
ครานี้ดูแปลก ที่ทศกัณฐ์ทรงช้างออกศึก อาจต้องการสื่อสารเชิงสัญลักษณ์กับลูกว่า...พ่อก็นิยมช้าง...หรือต้องการมองเห็นลูกขณะรบพุ่งในสนามรบอย่างชัดๆ เพราะช้างมีความสูงกว่าพาหนะชนิดต่างๆ ในกองทัพ
พญายักษ์ยิ้มแย้ม คุยกับการุณราชควาญช้างคนสนิท
...ดูโน่นสิ ลูกข้าทั้งสองร่างกายช่างล่ำสัน แต่ก็ปราดเปรียวอยู่ในที ดูการกระชับศรสิเหมือนข้าตอนหนุ่มๆ มิมีผิด...
ทัพอสูรมาถึงสนามรบ ยืนรอศัตรูให้โผล่หัวออกมา เหล่าทหารเลวจากสองนครโห่ร้องยั่วยุให้ฝูงลิงในค่ายตื่นเสียที นี่ไม่ใช่การขัดตาทัพอย่างตั้งใจ แต่นี่คือการท้ารบอย่างจริงจัง
พระรามออกสู่สมาคมวานรเช่นเคย ได้ยินเสียงยั่วยุของหมู่ยักษ์ตรงตามเวลา แต่วันนี้เหมือนสำเนียงการโห่ฮาของเหล่าอันธพาลจะเปลี่ยนไป จึงถามพิเภกยอดที่ปรึกษา
...ทัพที่ยกมาวันนี้ ใครเป็นนายทัพหละนี่ เสียงท้ารบฟังดูแปร่งๆ...
พิเภกพอจะจำสำเนียงภาษามารได้ แต่ก็ขอคำนวณฤกษ์ยามให้แม่นยำอีกชั้น
...อันนายทัพที่ยกพลมา คือพญาทศกัณฐ์และลูกชายทั้งสอง...
พิเภกชิงอธิบายเมื่อเห็นพระรามทำหน้าสงสัยว่าทศกัณฐ์ยังมีลูกเหลืออยู่อีกหรือ
...บุตรทั้งสองนามว่า ทศคิรีวัน และ ทศคิรีธร ทั้งสองมีแม่เป็นนางช้างพัง เมื่อตอนเกิดไม่เท่าไหร่ ท้าวอัศกรรณมาราก็ขอเอาไปเลี้ยง จนตอนนี้กล้าแกร่งพอที่จะกลับมาช่วยพ่อของตน...ขอให้ทูลกระหม่อมจัดทัพออกไปทำศึกกับสามพ่อลูกอสูรด้วยพระองค์เองเถิด...
พระรามรู้สึกมั่นใจว่าศึกนี้ไม่น่าจะยากอะไร สั่งให้สุครีพจัดทัพให้พร้อม แล้วชวนน้องเข้าสรงน้ำ แต่งองค์ให้สง่างามดั่งขุนศึก สองพี่น้องรามลักษมณ์นำขบวนวานรจนถึงสนามยุทธ แปลงขบวนเป็นรูปกา กางปีกเพื่อรอรับศึก
.
ทศกัณฐ์ ทศคิรีวันและทศคิรีธร ออกศึก
.
สองโอรสควบม้านำหน้าทัพดุรัม พระบิดาทรงช้างศึกอันแวดล้อมด้วยยอดฝีมือแห่งลงกา
.
พระราม สั่งให้สุครีพจัดทัพให้พร้อม
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 21:00:55 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #5 on:
04 August 2023, 08:18:07 »
4 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (6)
-ทศคิรีวัน ทศคิรีธร ตายในสนามรบต่อหน้าทศกัณฐ์
พญาทศกัณฐ์เห็นทัพของพระรามจากคอช้าง จึงร้องสั่งให้ลูกทั้งสองเข้าจู่โจมทันที
สองราชกุมารควบม้าสู่กลางที่รบอย่างรวดเร็วไม่เห็นฝุ่น นำนักรบแห่งดุรัมสู้อย่างสุดใจเพื่อถวายเจ้ากรุงลงกา
.
พุ่งซัดสาตราดั่งห่าฝน บางตนก็ยิงปืนใหญ่
ฟันแทงแย้งยุทธ์กันวุ่นไป มิได้ละลดงดกร ฯ
.
เหล่าพลวานรใช้วิธีกองโจร รุมกัด รุมทึ้ง ฉกขโมยอาวุธจนพลยักษ์ทรงตัวไม่อยู่ เสียทีโดนกัดตายอย่างหมดท่า ขุนศึกนายหมู่มารสี่ตนเห็นทหารของตนตายคาตีนลิง สี่ขุนศึกแห่งดุรัมเข้าตี แทงเหล่าลิงป่าอย่างบ้าคลั่ง ใช้ทั้งธนู หอก ดาบ ตามแต่ละนายจะถนัด ลิงเบี้ยน้อยใหญ่ตายเกลื่อนเป็นทาง
จนสี่มงกุฎนายทหารลิง สุรเสน สุรการ นิลเอก และ นิลขัน กระโจนเข้าตอบโต้ขุนมารทั้งสี่แบบตัวต่อตัว ผลัดกันแทง ผลัดกันหลบ จนยักษ์ทั้งสี่เสียท่า นอนตายคากองเลือดของตน
ทศคิรีวัน ทศคิรีธร แทบจะไม่เชื่อตาของตนเองที่เห็นบ่าวไพร่ต้องตายด้วยน้ำมือของเหล่าลิงป่า ด้วยความโมโห ทั้งสองราชบุตรคำรามลั่นดั่งพญาช้างสาร ควบม้าตัวดีเข้ากระหน่ำตีเหล่าทหารลิงตายคาแรงซัดแห่งด้ามธนู
พระลักษมณ์เห็นเหล่าลูกน้องตายเกลื่อนด้วยสองพี่น้องยักษ์ จึงขึ้นศรพลายวาตแผลงไปต้องม้าคู่ใจของสองอสูร หัวคะมำตายทั้งสองม้า ทศคีรีวันพยุงกายจากการตกม้า ฉุดน้องให้ลุกขึ้นมาสู้ต่อ ทั้งสองมารวิ่งเข้าหารถทรงของพระราม องค์ลักษมัณที่นั่งอยู่ด้านหน้ารถรวบรวมแรงกาย หวดสองราชบุตรอสูรอย่างสุดกำลัง จนทั้งสองยักษ์เลือดอาบต้องถอยหนีเข้าที่มั่น
สองพี่น้องมองพระลักษมณ์ด้วยสายตาอันเคียดแค้น ต่างแผลงศรเป็นอาวุธนานาชนิด เข้าปักทะลุร่างทหารลิงตายจนแทบจะหมดทัพ
พระลักษมณ์ตอบโต้โดยยิงศรแห่งพระพายไปที่สองอสูร ศรสิทธิ์กลายเป็นลมอ่อนเข้าชุบชีวิตทหารลิงที่ตายให้ฟื้นขึ้น และวิ่งแล่นเข้ากลางอกสองราชบุตรทศคีรีวัน ทศคีรีธร ขาดใจตายโดยไม่รู้ตัว...
นี่คือครั้งแรกที่ทศกัณฐ์ต้องมาเห็นลูกของตนตายคาตา พญามารตะโกนร้องดั่งเสียสติ ขว้างจักรออกจากมือด้วยสรรพกำลังที่มีอยู่ จักรเทพร่อนเข้าตัดหัว ตัดมือ เท้าเหล่าทหารลิงจนล้มตายกันตรงหน้าราชรถเทพ
พระรามรู้สึกว่าจะอยู่เฉยไม่ได้ จึงตอบโต้โดยแผลงศรพรหมมาสตร์เข้าตัดร่างทหารยักษ์ตายก้นเป็นกองร้อย ทศกัณฐ์ถอนใจอีกครั้ง
...นี่กูจะไม่มีทางชนะเจ้าสองมนุษย์เลยหรือนี่ กว่ามณโฑจะส่งน้ำทิพย์มาให้ กูคงจะเสียไพร่พลทั้งหมด แม้แต่ชีวิตตัวกูเองก็คงจะไม่รอดไปด้วย...
...ทหารแปรขบวนเป็นปีกกา รับหน้าการโจมตีของไอ้พวกลิงเอาไว้ อย่าถอย...
.
ทศคิรีวัน ทศคิรีธร ตายในสนามรบต่อหน้าทศกัณฐ์
.
พระรามพระลักษมณ์ออกรบ
.
พระรามพระลักษมณ์ออกรบ
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 21:02:56 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #6 on:
05 August 2023, 09:02:33 »
5 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (7)
-ทศกัณฐ์ประพรมน้ำทิพย์ ชุบชีวิตทหารยักษ์ที่ตายไป
ในขณะเดียวกัน นางมณโฑประกอบพิธีหุงน้ำทิพย์จนครบเจ็ดวัน เมื่อน้ำได้ที่ ครบเวลา เดชแห่งพระเวท ทำให้ฟ้าร้องสนั่น ดินสะเทือน เพื่อประกาศว่า บัดนี้พิธีปรุงน้ำได้สำเร็จแล้ว
นางมณโฑผู้ยังมิอาจส่งเสียงใดๆ กวักมือเรียกมโหทรให้นำไปถวายพระสวามีที่สนามรบ ส่วนราชินีแห่งลงกาก็ต้องสำรวมกาย ต้มน้ำต่อไป เพื่อส่งไปเพิ่มยังแนวหน้า นางต้องทำสมาธิ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้ใดจนกว่าจะเสร็จศึก
มโหทรเหาะนำหม้อน้ำทิพย์ถวายแด่องค์ราพณ์ด้วยมือตน พญาทศกัณฐ์ยินดียิ่ง บรรจงประพรมน้ำวิเศษไปทั่วสนามรบ
.
บัดนั้น ฝ่ายหมู่อสุราน้อยใหญ่
บรรดาที่ม้วยบรรลัย ครั้นได้น้ำทิพย์วาริน
ตายเก่าตายใหม่ทั้งไพร่นาย ก็เป็นอสุรกายขึ้นสิ้น
ผุดลุกขึ้นจากแผ่นดิน ดั่งหนึ่งว่ามีวิญญาณ์
ทั้งกุมภกรรณ สัทธาสูร วิรุญจำบังยักษา
สัตลุง ตรีเมฆอสุรา พญามูลพลัมกุมภัณฑ์
สหัสเดชะ อินทรชิต แสงอาทิตย์ อสุรากำปั่น
ทศคิรีธร คิรีวัน ทั้งมังกรกัณฐ์อสุรี
อิทธิกาย มหากาย สองทหาร ทัพนาสูรมารยักษี
กวัดแกว่งอาวุธเป็นโกลี สำแดงฤทธีมหิมา
นั่งลงประณตบทบงสุ์ องค์ท้าวทศพักตร์ยักษา
เยียดยัดอัดพื้นพระสุธา ต่างหน้าก็เข้าพร้อมกัน ฯ
.
คราวนี้ทศกัณฐ์ชุบชีวิต บุตร ญาติ พี่น้อง มิตรสหาย ทหารยักษ์ ได้ทั้งหมด ๑๖ ตน
ในขณะเดียวกันทั้งนางมณโฑต้องสำรวมกายจนกว่ากองอสุรกายหรือยักษ์ผีจะทำกิจสำเร็จ ราชาแห่งมารตะโกนลั่นจากหลังช้าง
...เหล่าอสูรกาย เลือดกษัตริย์ ท่านจงเข้าทำลายเหล่ากองทัพอริให้สิ้นแผ่นดินมารของเรา...
ภาพที่เห็นคือ บัดนี้เหล่าปิศาจยักษ์และทหารลิงต่อสู้กันมั่วไปหมด ลิงจะรุม จะแทง จะทึ้งอย่างไร อสูรกายทั้งสิบตนก็ไม่ตายซะที
ทศกัณฐ์มองห่างๆ อย่างชื่นชม อดใจหายไม่ได้ที่เห็นทั้งลูกรักอย่างอินทรชิต ทั้งน้องรักอย่างกุมภกรรณ ทั้งหมู่เพื่อนที่เสียชีวิตไปแล้ว กลับมาสู้เพื่อตน น้ำตาอุ่นๆ ของจอมมารเอ่อล้นจากดวงตาทั้งสิบคู่ แต่ก็ต้องหักใจ ปลอบใจตนเองว่าการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักก็เพื่อปกป้องพรหมวงศ์ พญามารพยามลืมสนิทเสียแล้วว่าต้นเหตุคือนางมนุษย์นาม สีดา จนลุกลามไปถึงการสังหารหมู่ระหว่างสามเผ่าพันธุ์
เหล่าวานรไพร่นาย ไม่สามารถต้านทานพลังอำนาจปิศาจยักษ์ได้ เพราะผีไม่มีวันเหนื่อย วิญญาณไม่มีวันเจ็บ ทหารลิงค่างวิ่งหนีแตกทัพกันไม่เป็นกระบวน เหล่าอสูรพงศ์ก็ไล่ฟันแทงตามมนตราที่ถูกสะกด
เมื่อทศกัณฐ์เห็นเหล่ากระบวนลิงแตกกระเจิง ทรงไสช้างเข้ากระหน่ำตีซ้ำจนลิงน้อยตายเกลื่อน พญามารประพรมศพทหารหาญของตนให้ฟื้นคืนชีพ แล้วเข้าบทขยี้เหล่าศัตรูต่ออย่างไม่ให้เหลือซาก
พระรามเห็นว่ากำลังของตนตายเกลื่อน ทัพยักษ์โถมเข้าโจมตีจนจะมาถึงตน จึงกลั้นใจพาดศรพรหมาสตร์ ยิงเข้าใส่จนทหารยักษ์ร่วงลงเป็นทิวแถว ปิศาจยักษ์ก็เลือนหายไป แต่ทศกัณฐ์ก็ตามพรมน้ำทิพย์ต่อ จนทหารและญาติวงศ์ฟื้นกลับขึ้นมาสู้ต่อ บัดนี้ในสนามรบ มีแต่กองทัพปิศาจแห่งลงกา
พระรามเริ่มเสียววาบเมื่อเห็นอินทรชิต กุมภกรรณ และอสูรตนอื่นๆ ที่ตนเคยสังหารตายคาตามาแล้ว แต่เหตุใดศพเหล่านี้กลับฟื้นขึ้นมารบได้อีก จึงถามพิเภกยอดโหราว่าเกิดอะไรขึ้น
พิเภกวิเคราะห์เหตุการณ์ดูจนแน่ใจว่า จะต้องเป็นพิธีกรรมของนางมณโฑเป็นแน่ จึงทูลว่า...
...การที่มวลหมู่อสูรที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมา ก็จากน้ำทิพย์ที่นางมณโฑอุตส่าห์ทำพิธีหุงเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน หลังจากน้ำทิพย์หุงสำเร็จ นางก็ยังต้องรักษาศีล ห้ามมีอารมณ์เสน่หาโดดเด็ดขาด ข้าบาทเห็นว่าควรใช้ให้ทหารเอกบุกไปทำลายพิธีนี้ ขณะนี้ขอให้พระองค์แผลงศรเป็นข่าย กั้นมิให้หมู่ปิศาจเคลื่อนที่ได้ เพื่อเป็นการชะลอศึกไว้ก่อน...
พระรามทำตามคำกราบทูลของที่ปรึกษา แผลงศรออกเป็นตาข่ายเพชรเจ็ดชั้น ครอบเหล่าปิศาจให้หยุดอยู่กับที่ แล้วสั่งให้หนุมาน นิลนน ชมพูพาน ไปยังลงกาเพื่อทำลายพิธีของนาง มณโฑ
.
.....แทรก.....
รามเกียรติ์ได้รับการนิพนธ์บนความลึกซึ้งในศีลธรรม ปกติพระรามจะใช้ให้ หนุมาน และ องคต ทำงานด้วยกันเสมอ แต่ครั้งนี้หนุมานต้องมาทำภารกิจที่ล่วงเกินนางมณโฑผู้เป็นแม่ขององคต พระรามจึงไม่ใช้องคตให้ทำภารกิจนี้ และก่อนที่หนุมานจะเริ่มเข้าไปในลงกา ก็ยังเปรียบเทียบภารกิจที่ได้รับคำสั่งมา และ ศีลธรรมอันมิควรล่วงเกิน แม่ของลูกพี่ลูกน้องที่ตนรัก แต่นิลนนท์และชมพูพานก็ยืนยันถึงภารกิจที่สมควรมาก่อนเหตุผลอื่นๆ จนหนุมานตัดสินใจทำงานชิ้นนี้ในรูปแบบนี้
นี่อาจจะเป็นภาพสะท้อนของเหตุผลในยุคสมัยก่อนๆ ที่คำสั่งนายย่อมมาก่อนเหตุผลหรือศีลธรรม จึงออกจะทำลายความรู้สึกของผู้อ่านในยุคปัจจุบัน
.....
พระราชนิพนธ์ของร. ๒ ท่านได้ทรงเล่าว่า พิเภกบอกพระรามว่าพิธีหุงน้ำทิพย์ ต้องทำโดยผู้หญิงที่มีสองผัว หากมีมากกว่านั้นพิธีก็จะไม่สำเร็จ หนุมานจึงทำตนเป็นชายอันดับสามในชีวิตนางมณโฑ
.....แทรก.....
.
พญาทศกัณฐ์ บรรจงประพรมน้ำวิเศษไปทั่วสนามรบ สามมารถชุบชีวิต บุตร ญาติ พี่น้อง มิตรสหาย ทหารยักษ์ ได้ทั้งหมด ๑๖ ตน
พระรามแผลงศรออกเป็นตาข่ายเพชรเจ็ดชั้น ครอบเหล่าปิศาจให้หยุดอยู่กับที่
.
พระรามแผลงศรออกเป็นตาข่ายเพชรเจ็ดชั้น ครอบเหล่าปิศาจให้หยุดอยู่กับที่ แล้วสั่งให้หนุมาน นิลนน ชมพูพาน ไปยังลงกาเพื่อทำลายพิธีของนางมณโฑ
.
หนุมาน รับอาสา ทำลายพิธีหุงน้ำทิพย์ของนางมณโฑ
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 21:06:29 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #7 on:
05 August 2023, 09:03:41 »
5 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (8-แปด)
-หนุมานแปลงเป็นทศกัณฐ์ทำลายพิธี
สามทหารพระจักรี รีบตะบึงเหาะเข้าแอบซ่อนในกลีบเมฆ เมื่อลงมายังหน้าพลับพลาพิธีสีขาวของนางมณโฑ ทั้งสามวานรปรึกษากันก่อนจะปฏิบัติงาน หนุมานมีสีหน้ากังวล ปรึกษาพญาลิงอีกสองนายว่า...
...อันการจะทำลายพิธี เราต้องทำให้นางมณโฑมีอารมณ์เสน่หาในกามให้ได้ แต่พี่เกรงว่าจะเป็นการทำร้ายน้ำใจขององคตผู้เป็นน้อง เพราะถึงอย่างไรมณโฑก็คือมารดาของน้องข้า เราจะทำอย่างไรเพื่อให้กิจนี้สำเร็จ...
นิลนนท์และชมพูพาน ช่วยกันออกความเห็น
...พี่ท่านอย่าได้คิดมากไปเลย ครั้งนี้เรามาทำงานตามพระราชโองการจากพระอวตาร หากมิใช่ราชการเราคงมิกล้าล่วงเกินนางเช่นนี้ องคตต้องเข้าใจ...
หนุมานพยักด้วยสีหน้าที่มั่นใจขึ้น แปลงกายเป็นทศกัณฐ์ นิลนนท์บันดาลตนเป็นช้างศึก ชมพูพานแปลงกายเป็นการุณราชควาญช้างหลวง ทำทีเป็นทศกัณฐ์ทรงช้างกลับมา หัวเราะร่าว่าชนะสองพี่น้องรามลักษมณ์ ร้องบอกชาวประชาลงกาในข่าวดี
เมื่อถึงพลับพลาขาว ทศกัณฐ์แปลงแสร้งลงจากคอช้าง เข้าแจ้งข่าวดีแก่นางมณโฑ
...น้องหญิงที่รัก บัดนี้พี่ได้ฆ่าสองมนุษย์ลักษมณ์รามและบริวารลิงของมัน จนตายเกลื่อนคา สนามรบแล้ว พี่ต้องขอบใจน้องหญิงมากที่ได้ปรุงน้ำทิพย์วิเศษ จนทำให้เราชนะศึกในครั้งนี้ มาเถิดถึงเวลาที่เราจะต้องพักผ่อน เพราะตลอดเจ็ดวันที่น้องทำพิธีอยู่ที่นี่ พี่ต้องกรำศึกอย่างหนักหน่วง...
นางมณโฑหลงเชื่อ จึงลืมตา
...ขอถวายพระพรเสด็จพี่ น้องก็เหนื่อยอ่อนกับการตั้งบริกรรมทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน มิขาด บัดนี้ก็สุดจะเมื่อยล้าแทบจะขาดใจ เชิญเสด็จเข้าพระที่เพื่อผ่อนพระวรกายเถิดพ่ะคะ...
ทศกัณฐ์แปลง ประคองนางมณโฑขึ้นสู่แท่นทองในพระมหาราชวัง
.
เมื่อนั้น วายุบุตรวุฒิไกรใจกล้า
ยิ้มแล้วจึ่งกล่าววาจา แต่พี่เคี่ยวฆ่าไพรี
ทั้งเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่ยั้งหยุด ปิ้มจักสิ้นสุดกำลังพี่
พึ่งได้สบายในวันนี้ จะขอชมเทวีให้สำราญ
ว่าพลางอิงแอบแนบชิด จุมพิตด้วยความเกษมสานต์
ค่อยประคองต้องดวงปทุมาลย์ ซาบซ่านในรสกรีฑา
ภุมรินร่อนลงประจงเคล้า เรณูเสาวคนธ์บุปผา
เป็นละอองต้องทั่วกายา ก็สมเจตนาวานร ฯ
.
เมื่อหนุมานและนางมณโฑเข้าไปในปราสาท ทั้งชมพูพานและนิลนนท์ชวนกันทำลายพลับพลาพิธี หักเสา โยนข้าวของทิ้งจนวอดวายไปหมด
กลับมาที่ทศกัณฐ์แปลง เมื่อเสร็จกิจธุระที่ได้รับมอบหมายจึงแสร้งออกปากว่า...
...นี่น้องหญิง เหล่ามนุษย์ลิงไพรนั้นตายสิ้น แต่ยังเหลือไอ้พิเภกจังไรที่หนีรอดไปได้ พี่จะขอออกไปตามจับตัวมันมาชำระโทษให้สาแก่ใจ เดี๋ยวพี่จะกลับมานะน้องหญิง...
นางมณโฑพยักหน้าอย่างอ่อนเพลีย ยังรู้สึกแปลกใจว่าทำไมวันนี้สามีตน รีบผลุดลุกผลุดนั่ง จึงมีเรี่ยวแรงมากมายกว่าเคย การกิจก็ดูรุนแรงผิดธรรมชาติ ไม่นุ่มนวลถนอมตนเหมือนก่อน ออมแรงผ่อนปรนเหมือนอย่างเคย แต่ท้าวเธออาจจะยินดีเพราะการศึกได้จบสิ้นลงสักที โดยมิมีความกังวลใดๆ
.
หนุมานแปลงเป็นทศกัณฐ์ทำลายพิธี
.
หนุมานแปลงเป็นทศกัณฐ์ทำลายพิธี
.
หนุมานแปลงเป็นทศกัณฐ์ทำลายพิธี
.
หนุมานแปลงเป็นทศกัณฐ์ทำลายพิธี
.
หนุมานแปลงเป็นทศกัณฐ์ทำลายพิธี
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 21:09:02 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #8 on:
06 August 2023, 09:04:03 »
6 สิงหาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ (9)
-ทศกัณฐ์ปลอบใจมณโฑ
ทั้งสามทหารวานรเหาะมายังสนามรบ แปลงกายกลับเป็นลิงคืนตามเดิม เข้าแจ้งผลงานแก่องค์อวตาร พระรามทรงยินดียิ่งนัก สัญญาว่าจะปูนบำเหน็จให้อย่างงามเมื่อเสร็จศึก ให้สัตพลีจดบันทึกในความชอบนี้ ทรงตรัสสั่งด้วยเสียงกังวาล...
...พญาสุครีพ จงระดมไพร่พลบุกกระหน่ำเหล่าปิศาจเดี๋ยวนี้...
สุครีพรับบัญชา นำลิงเข้าทะลวงเหล่าปิศาจมารจนพลภูติอ่อนแรง หนีแทรกลงดินกลับคืนสู่ที่มา ทศกัณฐ์ตกใจจนทำตัวไม่ถูก แปลกใจว่าเหตุใดพลพรรคอสูรกายของตนจึงอ่อนแรงเช่นนี้ น้ำทิพย์ในมือก็หมดแล้ว ทำไมนางมณโฑจึงไม่ส่งมาเพิ่มเติม กษัตริย์มารตรัสสั่งอย่างฉุนเฉียว
...ทหารแห่งลงกา บุกเข้าไป อย่ากลัวมัน...
พระปิ่นมารไสช้างเข้าโจมตีเหล่าวานรจนแตกร่นกลับไปบ้าง
พระรามเห็นว่าบัดนี้ทศกัณฐ์ไม่มีน้ำชุบชีวิตทหารแล้ว แต่ก็ยังจะสู้อย่างสุดใจ พระอวตารจึงบรรจงเสกศรพรหมาสตร์ แล้วแผลงตกลงกลางอกจอมมาร ศรเทพติดแน่นเจ็บแทบจะขาดใจ พญาทศกัณฐ์ท่องคาถาบูชาพรหมคุณครบเจ็ดคาบ แล้วลูบทั่วองค์สามหน ศรก็หลุดออกอย่างง่ายดาย
พญาอสูรตอบโต้ด้วยการยิงศรสิทธิ์ เข้าล้างเหล่าทหารลิงจนล้มตายกันเกลื่อน พระรามตอบโต้ด้วยการยิงศรพรหมมาสตร์อีกครั้ง แล่นเข้าตัดคอช้างทรงของเจ้าลงกา จนทศกัณฐ์ต้องร่วงตกลงดิน พญายักษ์โกรธจัด ขว้างจักรแก้วเข้าประชิดสองมนุษย์ แต่พระรามได้เตรียมพาดศรพาลจันทร์ไว้แล้ว ยกขึ้นยิงทำลายจักรแก้วจนแหลกละเอียด
บัดนี้ทศกัณฐ์ตกอยู่ในวงล้อมของเหล่าลิงที่ตนดูถูกมาตลอดเวลา กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั่วสนามรบ พญามารเหลือเพียงตัวคนเดียวในสมรภูมิ เหล่าวานรไร้ระดับต่างเย้ยหยันบ้างว่า
...สิ้นลายแล้วสิท่า ท่านราชา หมดแล้วหรือน้ำทิพย์...ใครหนาช่างสอนสั่งให้พระดาบสสินีปรุงน้ำวิเศษ...
ทศกัณฐ์แปลกใจว่า เหตุใดฝูงลิงเหล่านี้จึงรู้ความลับของตน ราชามารผ่านการรบมาชั่วชีวิต นี้คือภาวะที่รู้สึกโดดเดี่ยวเป็นที่สุด ความเย็นเข้าจู่โจมถึงขั้วหัวใจ
...จุดจบของชีวิตข้า คงจะมาถึงเร็วๆ นี้...
พญามารพลันเห็นพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า จึงตะโกนด้วยความแค้น
...หากพวกมึงไม่ใช้วิธีอันสกปรกทำลายพิธีปรุงน้ำทิพย์ ป่านนี้พวกมึงตายกันหมดทัพแล้ว หากกูจะสู้ต่อก็คงชนะพวกกระจอกอย่างมึงอย่างมิยาก แต่หากด้วยกฎแห่งกษัตริย์จะไม่ทำการยุทธกันในเวลากลางคืน บัดนี้รถของพระสุริยาก็จะลับขอบฟ้าแล้ว พวกมึงจงเข้าไปเลียแผลแห่งความบอบช้ำซะเถิด แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกมาสู้กันใหม่...
พระรามพยักหน้าเห็นด้วยกับประเพณีเยี่ยงกษัตริย์ จึงสั่งให้ทัพวานรหันหลังกลับสู่ค่าย พระลักษมณ์ เหล่านายพล และทหารสิบแปดมงกุฎ รู้สึกเสียดายโอกาสที่จะสังหารทศกัณฐ์ยิ่งนัก แต่ก็ต้องทำตามบัญชาของนาย
ทศกัณฐ์รอดจากการโดนรุมทำร้ายอย่างหวุดหวิด ประคองร่างอันบอบช้ำเดินผ่านทิวทุ่งโดยลำพัง เข้าสู่ประตูเมืองลงกาอย่างเดียวดาย มุ่งตรงสู่ตำหนักนางมณโฑเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น ราชาแห่งลงกาประหลาดใจที่เห็นเมียรักนอนนิ่งอยู่ แทนที่จะนั่งรวบรวมสมาธิทำพิธีเสกน้ำ เหตุใดนางจึงมานอนเพลียอยู่บนพระที่
...นี่แม่มณโฑ เหตุใดน้องจึงไม่บริกรรมท่องพระเวทต่อหละ มานอนนิ่งจนทัพเราเสียเชิงไอ้พวกมนุษย์ พี่นี้แทบจะอาตัวไม่รอด...
นางมณโฑสะดุ้งตื่น เพราะแปลกใจว่าเหตุใดสามีจึงกลับมาอย่างซมซานและมาถามอะไรแปลกๆ
...ก็เมื่อครู่เสด็จเข้ามาหาน้องบอกว่าชนะศึกแล้ว เรายังร่วมหลับนอนก่อนจะเสด็จกลับไปสะสางกิจที่เหลือในสนามรบ... หรือนั่นไม่ใช่พระองค์ที่เสด็จมา... ฮือ ฮือ ฮือ.... น้องถูกศัตรูลวงหรือนี่...
นางมณโฑร้องไห้ฟูมฟายดั่งคนเสียสติ พญาทศกัณฐ์สงสารเมียรักแทบขาดใจ เข้าประคองกอดนาง
...ไม่เป็นไรน้องหญิง การศึกมีพลาดพลั้งกันได้ พักผ่อนเถอะนะ พี่ไม่ถือโกรธเจ้าหรอก นอนเถอะพี่จะห่มผ้าให้...
พญามารข่มอารมณ์ปลอบใจเมียอย่างใจเย็น แต่ในใจอันร้อนรุ่มนั้นเคียดแค้นสองมนุษย์และลิงป่าเป็นทวีคูณ
“ถ้ากูจะยังอยู่บนโลกนี้ต่อไป ต้องไม่มีมึง ไอ้รามลักษมณ์..... ”
.
สุครีพออกศึก
.
สุครีพออกศึก
.
ทศกัณฐ์ปลอบใจมณโฑ
.
«
Last Edit: 30 May 2024, 21:11:11 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [50] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน นางมณโฑหุงน้ำทิพย์ โดย กลม บางบาน
«
Reply #9 on:
30 May 2024, 21:12:05 »
ปรับปรุงภาพใหม่
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.113 seconds with 21 queries.
Loading...