User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
14 November 2024, 16:16:32
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424
Posts in
12,831
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
ภาพประทับใจ
|
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
(Moderator:
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
) |
[46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา (Read 404 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
[46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
on:
16 July 2023, 08:27:21 »
[46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บางบาน
16 กรกฎาคม 2022 ·
Hello Hello!!!...กู๊ดสะมอนิ่ง.
พร้อมกันหรือยังครับพี่น้อง.....
.
thanks...หลายๆเด้อออ...
.
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:28:32 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #1 on:
16 July 2023, 08:28:15 »
16 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (1)
-ทศกัณฐ์ส่งสารเชิญสัทธาสูรและวิรุญจำบัง
ทศกัณฐ์เสียพิธีเพราะการรบกวนของสามวานร แต่ก็ไม่เจ็บใจเท่าการต้องทนเห็นภรรยาถูกย่ำยีต่อหน้าต่อตา พญายักษ์ช้อนร่างมณโฑที่ร้องไห้จากความอายเข้าปราสาท แล้วบรรจงวางนางอันเป็นที่รักลงบนแท่น ก่อนจากพญามารบรรจงจูบที่หน้าผากอย่างทนุถนอม พญามารเดินออกมาอย่างราบเรียบ โดยปล่อยให้แม่เมืองลงกาพักผ่อนทั้งใจกาย โดยมีนางกำนัลคอยพัดวี ถวายงานอย่างมิขาด
.
เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ พระกรก่ายพักตร์ยักษี
นิ่งนึกตรึกไปด้วยไพรี ทวีทุกข์รุมรึงตะลึงกาย
ให้อัดอั้นตันใจเจ็บจิต ดั่งปืนพิษติดทรวงไม่รู้หาย
ด้วยเสียรักสุดแค้นแสนอาย ตรีโลกทั้งหลายจะไยไพ
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับกับเขนย จะสรงเสวยโภชนาก็หาไม่
จนสิ้นแสงสุริโยอโณทัย ภูวไนยไม่ออกเสนา ฯ
.
ครั้งนี้ดูเหมือนทศกัณฐ์จะเสียใจเป็นที่สุด เป็นความแค้นที่อยู่ลึกๆในใจ เพราะที่ผ่านมาก็เสียทั้งไพร่พลทั้งช้างม้า ตลอดจนฃีวิตของลูก หลาน เพื่อนสนิท ราชาอสูรได้แต่นอนเงียบ เอามือก่ายหน้าผาก พลิกตัวไปมาไม่ตรัส ไม่เสวยอาหาร หรือเรียกใช้นางในเพื่อการหย่อนองค์อย่างเคย แม้กระทั่งงดออกว่าราชการอย่างมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน เหล่านางกำนัลก็ได้แต่หมอบรอถวายงานอยู่ทั้งสองข้าง โดยมิมีนางใดกล้าเอ่ยปากเพราะกลัวจะทรงกริ้ว
ทศกัณฐ์ได้แต่คิดทบทวนไปมา ถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ และก็มาตกที่ตัวการเดียวนั้นคือ...พิเภก...น้องที่ตนเลี้ยงดูมาอย่างดี น้องที่พ่อฝากไว้ให้ดูแล น้องที่ตนคอยปกป้อง แต่บัดนี้น้องรักกำลังจะชักให้ศัตรู มาล้างวงศ์พรหมซะแล้ว
.
โอ้อนิจจาพิเภกเอ๋ย กระไรเลยไม่คิดถึงวงศา
เสียแรงร่วมท้องกันมา ควรหรือนับว่าผู้อื่นดี
แต่คิดคิดก็แสนสุดคิด กลุ้มจิตร้อนใจดั่งไฟจี่
ไม่สนิทนิทราในราตรี จนรวีส่องฟ้าสุธาธาร ฯ
.
นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นมุมความน้อยใจของทศกัณฐ์ที่มีต่อน้องชายตนนี้ ปกติเราจะเห็นแต่ความแข็งกร้าวของยักษ์ใหญ่ แต่เมื่ออยู่ตามลำพัง อสูรชราคงจะแอบแสดงความเหนื่อยอ่อนกับตนเอง ตัดพ้อน้องที่ไม่รู้จักคุณ บัดนี้ตนคงไร้ที่พึ่งซะแล้ว...
ทันใดนั้น ทศกัณฐ์ก็นึกถึงสัทธาสูรเพื่อนรัก และวิรุญจำบังหลานชายผู้เป็นบุตรพญาทูษณ์ ยักษ์สองตนนี้มีความสามารถที่จะรบชนะมนุษย์สองพี่น้องได้อย่างไม่ยากนัก แถมยังมีสติปัญญาเป็นเลิศเหนือใครในหมู่มาร
จึงรีบเข้าสรงน้ำ เสด็จลงสู่มหาสภาแห่งลงกา รับสั่งให้มโหทรขุนเสนาร่างจดหมายทูลเชิญองค์สัทธาสูรเจ้านครอัศดงค์ (สัทธาสูรหน้าสีส้มอิฐอมชมพู ยอดมงกุฎจีบ มีศรและคทาเป็นอาวุธ) และ วิรุญจำบังแห่งเมืองจารึก (หน้าสีมอหมึก สวมมงกุฎหางไก่ มีหอกเป็นอาวุธ)
มโหทรร่างจดหมายยอพระเกียรติพระสหาย และพระหลานเธอต่างๆนานา เนื้อความต่อมาทูลว่าตอนนี้ลงกามีศึกใหญ่ ให้ท้าวเธอมาช่วยคิด ช่วยรบ แต่จดหมายก็ไม่ได้บอกว่าข้าศึกนั้นเก่งขนาดอินทรชิตยังตาย ไมยราพก็ยังไม่รอด เนื้อความในจดหมายจึงออกจะกลางๆ เพราะเกรงว่าเจ้าอสูรทั้งสองนครจะไม่มา
มโหทรเขียนจดหมายเสร็จแล้วจะยื่นถวายให้นายพิจารณา ทศกัณฐ์พยักหน้าโดยมิได้ชำเลืองมองเนื้อความซะด้วยซ้ำ เพราะพญายักษ์มักออกปากชมขุนศึกคนสนิทต่อหน้าชาวประชา
...มโหทรของข้าเชี่ยวชาญทั้งการอักษรและการรบเหนือใคร...
มโหทรบรรจุแผ่นสารทองคำเข้าไปในกระบอกแก้ว แล้วเรียกให้นนทจิตรและนนทไพรี แยกกันนำสารไปถวายเจ้าเมืองอัศดงค์และเมืองจารึก สองเสนามารขึ้นม้าควบตรงไปยังเมืองที่ตนได้รับมอบหมาย
.
ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง
.
ทศกัณฐ์
เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ พระกรก่ายพักตร์ยักษี
นิ่งนึกตรึกไปด้วยไพรี ทวีทุกข์รุมรึงตะลึงกาย
ให้อัดอั้นตันใจเจ็บจิต ดั่งปืนพิษติดทรวงไม่รู้หาย
ด้วยเสียรักสุดแค้นแสนอาย ตรีโลกทั้งหลายจะไยไพ
แต่นอนนิ่งกลิ้งกลับกับเขนย จะสรงเสวยโภชนาก็หาไม่
จนสิ้นแสงสุริโยอโณทัย ภูวไนยไม่ออกเสนา ฯ
...
โอ้อนิจจาพิเภกเอ๋ย กระไรเลยไม่คิดถึงวงศา
เสียแรงร่วมท้องกันมา ควรหรือนับว่าผู้อื่นดี
แต่คิดคิดก็แสนสุดคิด กลุ้มจิตร้อนใจดั่งไฟจี่
ไม่สนิทนิทราในราตรี จนรวีส่องฟ้าสุธาธาร ฯ
.
มโหทร เสนายักษ์คนสนิทของทศกัณฐ์
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:29:32 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #2 on:
16 July 2023, 08:29:25 »
16 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (2)
-สัทธาสูรและวิรุญจำบังพร้อมรบ
นนทจิตรถึงนครอัศดงค์แล้วยื่นราชสารให้เสนาแห่งสัทธาสูรทันที เมื่อราชามารเสด็จออกท้องพระโรง เห็นยักษ์จากลงกามา ก็ดีใจว่าเพื่อนอุตส่าห์คิดถึง
...นนทจิตร อะไรหอบเจ้ามาถึงอัศดงค์นคร พญาทศกัณฐ์เพื่อนข้าสบายดีอยู่หรือ...
...นี่มหาดเล็ก ต้อนรับราชทูตลงกาอย่าให้ขายขี้หน้าข้าหละ...
นนทจิตรกราบรายงานตามภาษาผู้รู้กาละ
...กระหม่อมรีบมากราบพระบาทตามราชโองการของเหนือหัวทศกัณฐ์ บัดนี้ลงกานี้มิได้ร่มเย็นเหมือนแต่ก่อน สองมนุษย์รามลักษมณ์นำพลวานรมารุกรานนครลงกา องค์เหนือหัวทศกัณฐ์มิสามารถหย่อนพระทัยได้แม้แต่นาทีเดียว จึงรับสั่งให้เกล้ากระหม่อม นำราชสารมาทูลเชิญพระองค์ไปช่วยคิด ช่วยแก้การศึกโดยเร็ว ควรมิควรแล้วแต่จะทรงโปรด...
สัทธาสูรแปลกใจ ที่ใครนะสามารถทำให้พญาราพณ์เดือดร้อนใจได้ถึงเพียงนี้ จึงให้เสนาเปิดกล่องราชสาร แล้วอ่านออกเสียงให้ฟัง (ลองมาพิจารณาฝีมือทางการอักษรของมโหทรกันนะครับ)
.
ราชสารองค์ท้าวสิบพักตร์ ปิ่นปักลงกาบุรีศรี
อวยพรสุนทรสวัสดี จำเริญราชไมตรีมีมา
ยังองค์พระบรมสหาย อันเลิศชายร่วมชีพสังขาร์
ผู้ผ่านอัสดงค์พารา เป็นมหาจรรโลงเลิศไกร
บัดนี้ลงกามงกุฎภพ เกิดการราญรบเป็นศึกใหญ่
ด้วยมนุษย์ลักษมณ์รามอาจใจ ได้พวกโยธาวานร
คณนาเจ็บสิบเจ็ดสมุทร ล้วนเรืองฤทธิรุทรดั่งไกรสร
จองถนนข้ามมหาสาคร มาราญรอนเคี่ยวฆ่าติดพัน
จนสิ้นจตุรงค์ทวยหาญ สุริย์วงศ์พงศ์มารที่แข็งขัน
ไม่มีใครจะช่วยโรมรัน พวกมันฮึกฮักอหังการ์
ขอเชิญพระสหายร่วมชีวิต มาช่วยคิดรณรงค์เข่นฆ่า
ให้เป็นเกียรติเลื่องชื่อลือชา ตราบสิ้นดินฟ้าธาตรี ฯ
.
เสนายังอ่านราชสารไม่จบ สัทธาสูรก็รู้สึกคันไม้คันมืออยากจะไปช่วยเพื่อนเต็มที
...ไอ้พวกมนุษย์จะมาหยามเกียรติชาวสุริย์วงศ์มากไปแล้ว เราจะแต่งทัพไปลงกาเพื่อบดขยี้ทุกหน้า ที่ทำให้เพื่อนเราระคายเคืองบาท นนทการสูรเสนาข้า จงแต่งทัพอัศดงศ์ให้เต็มอัตราศึก...
จากนั้นสัทธาสูรเข้าไปแต่งองค์ทรงเครื่อง เพื่อพร้อมรบ แล้วเคลื่อนพลสู่ลงกาทันที
.....
ในเวลาไล่เลี่ยกัน นนทไพรีลงจากม้าที่หน้าเมืองจารึก พลางเห็นพญาวิรุญจำบังออกมาซ้อมรบกับกองทหารพอดี จึงเข้าไปกราบแทบพระบาท วิรุญจำบังเห็นทูตแห่งลงกามา ก็แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ข่าวดีแน่ เพราะทศกัณฐ์จะไม่ใช้เสนาคนสนิทไปทำงานเล็กๆเด็ดขาด จึงเรียกให้นนทไพรีตามเสด็จไปยังท้องพระโรง
...นนทไพรี เสด็จลุงของข้ามีเรื่องใด จะเรียกใช้เราทำกิจใดจงว่ามา...
เสนาจากลงกาทูลถวายถึงการที่ศัตรูมารุกรานลงกา เจ้าเหนือหัวจึงใช้ให้ตนมาเชิญพระนัดดาไปแก้ศึกให้ลุล่วง พลางชูกล่องราชสาร
ยักษ์หนุ่มรับไว้เป็นพิธี มิได้เปิดอ่านเสียด้วยซ้ำ วิรุญจำบังเป็นยักษ์หนุ่มที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ รู้สึกถึงความยากลำบากในภารกิจครั้งนี้อย่างบอกไม่ถูก แต่ด้วยความที่ทศกัณฐ์เสด็จลุงเป็นผู้ราชาภิเษกตนให้เป็นกษัตริย์ครองเมืองจารึกต่อจากพ่อ จึงต้องสนองคุณพระปิตุลาอย่างไม่มีข้อแม้
...เอาหละนนทไพรี ท่านจงกลับไปลงกา แล้วทูลเสด็จลุงว่าข้าจะจัดกำลังพลม้าแห่งจารึกมุ่งสู่นครลงกาทันที...
นนทไพรีกราบลา แล้วควบม้านำข่าวดีไปทูลนาย
วิรุญจำบังรีบแต่งทัพ กระชับองค์ขึ้นม้าศึก ควงหอกแวววาว ควบนำไพร่พลกองทัพอาชาปิศาจอันเคลื่อนตัวไวดุจสายลม...
.
ท้าวสัทธาสูรเจ้าเมืองนครอัศดงค์ สหายของทศกัณฐ์
.
วิรุญจำบัง เจ้าเมืองจารึก บุตรพญาทูษณ์ หลานทศกัณฐ์
.
นนทจิตร นำสารไปถวายท้าวสัทธาสูรเจ้าเมืองอัศดงค์
.
นนทไพรี นำสารไปถวายวิรุญจำบัง เจ้าเมืองจารึก
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:32:31 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #3 on:
16 July 2023, 08:30:17 »
16 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (3)
-วิรุญจำบังออกอุบาย
ทัพจากอัศดงศ์และจารึก ถึงหน้าเมืองลงกาพร้อมๆกัน วิรุญจำบังลงจากหลังม้าตัวโปรด ตรงรี่เข้ากราบพญาสัทธาสูรผู้อวุโสกว่า สัทธาสูรประคองพิจารณายักษ์หนุ่มด้วยความชื่นชม
...นี่คงเป็นวิรุญจำบังหลานชายคนโปรดของทศกัณฐ์หละสินะ หน้าตาเจ้าไม่ต่างกับลุงของเจ้าตอนหนุ่มๆเลย...
จากนั้นเจ้าทั้งสองนครก็ชวนกันเสด็จเข้าสู่เมืองลงกา โดยทั้งสองทัพเดินตีคู่เสมอกันไปอย่างเท่าเทียม แต่วิรุญจำบังจะชลอม้าให้รถทรงของสัทธาสูรนำหน้าอยู่ครึ่งช่วงม้า โดยถือเป็นการถวายเกียรติต่อเจ้าแห่งอัศดงค์ จนถึงมหาปราสาทของทศกัณฐ์ สองราชามารลงจากพาหนะ แล้วเสด็จเข้าสู่ท้องพระโรงแห่งลงกาอย่างคุ้นชิน
ทศกัณฐ์ถลาลงจากบัลลังก์เมื่อเห็นเพื่อนรักเดินนำหน้ามาแต่ไกล เข้าสวมกอดสัทธาสูรผู้ที่ไม่ได้พบกันเสียนาน จากนั้นพญาทศกัณฐ์ประคองวิรุญจำบังขึ้นมาจากพื้น
...ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้พบมิตรแท้และหลานรักในเวลาเดียวกัน...มามะ สัทธาสูรมานั่งบนรัตนบัลลังค์เสมอข้า วิรุญจำบังหลานลุงไม่ได้พบกันนาน...หล่อเหลาเหมือนลุงตอนหนุ่มๆเลย พ่อคนดีลุกขึ้น ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไร มามะ...มานั่งที่แท่นมหาอุปราชทางนี้มา...
ทศกัณฐ์เป็นยักษ์ที่มีเสน่ห์แห่งยุค ใครได้ลองสนทนาด้วยเป็นอันตกหลุมรักทุกหน้าไป ในฉบับของอินเดียบรรยายว่า หากเวลาต่อสู้กันพระรามมักจะบังคับไม่ให้ตนมองทศกัณฐ์ในระยะใกล้ เพราะจะรู้สึกเกรงขามแบบไม่สามารถวางตา ชื่นชมความสง่างามของศัตรูได้ จนพระลักษมณ์ต้องเตือนอยู่เสมอ
ทั้งสามกษัตริย์ต่างถามสารทุกข์กันพองาม แล้วก็เข้าประเด็นแห่งปัญหา ทศกัณฐ์เล่าว่าสองมนุษย์และกองทัพลิงสร้างความเดือดร้อนให้ลงกาต่างๆนานา สัทธาสูรรีบออกปากว่าจะช่วยออกรบให้เอง ทศกัณฐ์ยินดียิ่งนัก เข้ากอดเพื่อนรักอย่างแนบแน่ แต่วิรุญจำบังกลับนั่งนิ่ง มิแสดงอารมณ์ใดๆ
...หลานลุง เจ้าคิดอ่านเป็นเช่นไรต่อศึกนี้...
ยักษ์หนุ่มถอนหายใจประนมมือ ทูลด้วยความสัตย์
...หลานคิดว่าการศึกนี้ เรามิควรดำเนินการเช่นกาลก่อน เราจะบุกตีด้วยกำลังอย่างเคยเห็นทีจะมิได้ เราควรใช้อุบายที่รอบคอบ เพราะนี่คือเวลาที่จะแสดงให้ชาวโลกได้เห็นว่าสมองของชาวอสูรนั้นหลักแหลมเพียงใด หลานจะกำบังกายเข้าโจมตีศัตรูโดยมิให้พวกมันรู้ตัว...
ทศกัณฐ์และสัทธาสูร มองหน้ากันอย่างชื่นชม
...พญาทศกัณฐ์สหายรัก หากข้าเป็นท่าน ถึงจะตายก็ตายอย่างตาหลับแล้วหละ สุริย์พงศ์รุ่นใหม่นี่ไม่ธรรมดาเลย...ลุงขอชื่นชมเจ้า วิรุญจำบัง เอาหละลุงจะเปิดทาง ตีกระหน่ำก่อนแล้วให้เจ้ากระหน่ำซ้ำเป็นทัพหลัง ข้าจะสู้ให้เป็นที่ประจักษ์แก่กุมภัณฑ์รุ่นหลัง...
พญาทศกัณฐ์ผู้บัดนี้ยิ้มจนแก้มปริ ได้แต่กุมมือสหายรัก แล้วลงมาโอบกอดหลายชาย
...ทูษณ์คงจะดีใจนะ หากได้เห็นบุตรชายได้ครองบัลลังก์แห่งลงกา...
ทุกชิวิตในท้องพระโรงตะลึงกับคำตรัสของทศกัณฐ์ วิรุญจำบังเองถึงกับเข่าทรุดลงกราบ ซุกหน้าแทบบาทพระปิตุลาแทนคำขอบคุณ
...หลานมิอาจเอื้อม...
ทศกัณฐ์เชยคางหลายชายผู้จะสืบวงศ์พรหมต่อจากตน
...หากเจ้าทำการศึกนี้สำเร็จ ลุงจะยกลงกาให้เจ้าครอบครอง เพราะบัดนี้ไม่มีผู้ใดคู่ควรกับเศวตฉัตรนี้เท่าวิรุญจำบังหลานเราอีกแล้ว...
วิรุญจำบังปาดน้ำตาแห่งความปิติ เพราะนี่คือโอกาสที่ตนจะได้เลื่อนฐานะจากเจ้าเมืองประเทศราช มาเป็นมหาจักรพรรดิแห่งวงศ์อสูร
จนถึงบัดนี้บรรยกาศในท้องพระโรงชื่นมื่นยิ่งนัก เหล่านางกำนัลรินสุราได้ถูกจังหวะ ถวายงานพัดวี อย่างมิขาดตกบกพร่อง นางระบำรำฟ้อนอย่างยั่วยวน ดนตรีขับกล่อมได้ไพเราะ ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป บทสนทนาระหว่างเจ้าสามกรุงออกรสชาติถึงการศึกจนถึงเรื่องส่วนตัว คุยฟุ้งถึงเรื่องในอดีตจนถึงการสร้างวงศ์มารให้มั่นคงต่อไปในอนาคต
.
กองทัพของท้าวสัทธาสูรและวิรุญจำบัง ยกทัพมาถึงกรุงลงกา ได้รับการเลี้ยงดูต้อนรับจากทศกัณฐ์เป็นอย่างดี
.
thanks...หลายๆเด้อออ...ไอ้เกลอและหลานรัก...
.
ท้าวสัทธาสูร เจ้าเมืองอัศดงศ์
.
วิรุญจำบัง เจ้าเมืองจารึก
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:45:19 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #4 on:
17 July 2023, 10:03:52 »
17 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (4)
-หนุมานและองคตซ้อนแผน
พระรามเห็นว่าพญายักษ์ต้องไม่ยอมขายหน้า ที่เห็นเมียตนถูกล่วงเกินเป็นแน่ ต้องมีการแก้แค้นเกิดขึ้นในไม่ช้า จึงถามพญาพิเภกว่าคิดเห็นอย่างไรต่อการตอบโต้ที่จะเกิดขึ้นจากพี่ชายตน พญาพิเภกทดเลข จับยามคำนวณ เห็นภาพในอนาคตแล้วส่ายหน้า
...บัดนี้ทศกัณฐ์ได้ขอให้พันธมิตรอย่างสัทธาสูรและหลานชายวิรุญจำบังมาช่วยแก้แค้นแทนตน...
...อันสัทธาสูรเจ้าเมืองอัศดงค์ เป็นผู้เที่ยงตรงจนเป็นที่โปรดปรานขององค์พรหม พระพรหมได้ประทานพรให้สามารถเรียกอาวุธจากเทวดาได้เมื่อต้องการ
...ฝ่ายวิรุญจำบังลูกพญาทูษณ์ สามารถหายตัวได้ดั่งใจนึก มีม้าวิเศษที่ดุดันปราดเปรียวดั่งพาหนะแห่งพระพาย...
...ที่น่ากลัวคือทั้งสองพญาอสูรมีสติปัญญาเป็นเลิศยิ่ง กระหม่อมเห็นว่าศึกครานี้จะเป็นบททดสอบด้านสติปัญญามากกว่าด้านพละกำลัง ทัพมารจะมาในรูปของเล่ห์ เราต้องโต้ตอบด้วยกล...
พระรามถอนหายใจ เพราะบัดนี้ตนเหนื่อยล้ากับการศึกที่ยืดเยื้อมานาน บางครั้งถอดใจว่าจะทิ้งเมียเพื่อให้กิจนี้จบสิ้นซะที พญาพิเภกมิรอให้นายเอ่ยปากถาม
...กระหม่อมมีความเห็นว่า พระองค์ควรรีบเตรียมทัพออกไปคอยเชิงศัตรูโดยเร็ว เพื่อจะได้สามารถแก้ไขกลศึกอย่างทันการ...
พระรามมิรอช้าตรัสสั่งให้สุครีพเตรียมพลแล้วเคลื่อนทัพทันที องค์อวตารชวนพระอนุชาหน้าทองเข้าพระที่ เพื่อชำระองค์ แล้วขึ้นรถทรงนำกองทัพวานรตรงสู่สนามรบ
พระรามสั่งให้หยุดพักทัพ เพื่อเตรียมรับมือกับเหล่าอสูร...
พิเภกยอดกุนซือ ถวายคำแนะนำอีก
...กระหม่อมเชื่อว่า สัทธาสูรจะเข้าโจมตีทัพของเราก่อน พญามารแห่งอัศดงค์ถึงจะชราด้วยอายุ แต่ฝีมือและปัญญายังแหลมคมดั่งเพชร การแก้ศึกนี้คงต้องพึ่งสติปัญญาของพญาหนุมานอีกครั้ง ทำอย่างไรก็ได้ที่ไม่ให้สัทธาสูรสามารถเรียกอาวุธจากเทวดาได้...
เมื่อได้ยินชื่อตน หนุมานรีบคลานออกมาจากแถว แล้วถวายบังคมน้อมรับคำสั่ง...
ดูเหมือนพญาลิงจะกระหายต่อการรบที่ท้าทายมากขึ้นทุกครั้งที่มีโอกาส พระรามรับสั่งด้วยพระสุรเสียงฝากความหวัง
...วายุบุตรผู้ปรีชา ท่านจงใช้สติปัญญาอันหลักแหลมของท่าน ล่อลวงข้าศึกให้เสียทีด้วยเถิด ท่านต้องการไพร่พลเท่าไหร่จงบอกเรา...
คราวนี้หนุมานก้มลงกราบแทบพระบาทองค์ราม ผิดจากทุกครั้งที่จะถวายความเคารพแบบเร็วๆ แล้วรีบออกไปปฎิบัติราชการ เพราะครั้งนี้นายตรัสคำว่า “ด้วยเถิด” นี่ไม่ใช่คำสั่ง แต่คราวนี้นายฝากความหวังไว้กับตน หนุมานผู้เดียวเท่านั้นที่จะทำให้ภารกิจนี้สำเร็จ
...เกล้ากระหม่อมจะขอองคตผู้กล้า และไพร่พลวานรสักห้าร้อย กระหม่อมจะใช้ปัญญาเอาชนะข้าศึกในครั้งนี้ แต่หากไร้ซึ่งพระบารมีแห่งองค์อวตาร หนุมานก็เปรียบเป็นแค่ลิงป่าตัวหนึ่ง...
พระรามยิ้มด้วยความยินดี เพราะทุกคำพูดจากทหารเอกนามหนุมาน มิใช่จากการสอพลอ แต่นั่นคือความรู้สึกอันแท้จริง
หนุมานนำองคตและสมุนอีกห้าร้อย เหาะมาถึงชายป่าระหว่างลงกาและสนามรบ สั่งให้น้องชายนำกองทหารวานร เหาะไปซ่อนตัวบนกลีบเมฆก่อนเพื่อ...
.
แอบเมฆอยู่ในโพยมหน ใครจะเห็นสักตนก็หาไม่
คอยฟังวาจาสัญญาไว้ มิได้ประมาทวิญญาณ์ ฯ
.
จากนั้นหนุมานแปลงกายเป็นลิงป่าตัวเล็ก สีขาวนวลไปทั้งตัว เที่ยวเล่นปีนป่ายต้นไม้อย่างลิงค่างสามัญทั่วไป
.
พิเภกกราบทูลพระราม เสนอให้หนุมานและองคต ไปแก้กลศึกของท้าวสัทธาสูรและวิรุญจำบังด้วยปัญญาคือ ใช้แผนซ้อนแผน หลอกให้สัทธาสูรเรียกอาวุธจากเทวดา
.
หนุมาน
.
องคต
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:47:58 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #5 on:
17 July 2023, 10:04:52 »
17 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (5)
-สัทธาสูรตายในสนามรบ
เมื่อถึงเช้าแห่งวันใหม่ สัทธาสูรแจ้งแก่สองกษัตริย์ลุงหลานทศกัณฐ์และวิรุญจำบัง ว่าตนจะเคลื่อนทัพออกไปตีให้เหล่าวานรนั้นแตกกระจายเสียก่อน แล้ววิรุญจำบังค่อยออกตีซ้ำอย่าให้มีลิงตัวใดมีชีวิตรอดไปได้ พระสหายพูดขนาดว่าจะไว้ชีวิตพิเภกและจะจับตัวมาถวายทศกัณฐ์เพื่อนรัก
เราจะเห็นว่าสัทธาสูรชื่นชมวิรุญจำบังว่าสามารถขนาดจะสามารถเป็นอนาคตแห่งวงศ์วานอสูรต่อไป แต่ปัจจุบันยังเป็นยุคของตนอยู่ เพราะฉะนั้นตนขอแสดงฝีมือให้ชาวโลกเห็นว่าทัพแห่งอัศดงค์นั้นมีเขี้ยวเล็บแหลมคมเพียงใด
สัทธาสูรมีความมั่นใจว่าตนจะชนะเหล่าวานรอย่างไม่ยากนัก เพราะตนสามารถเรียกอาวุธจากสวรรค์ได้ตลอดเวลา ส่วนการให้วิรุญจำบังตีรั้งท้าย เพื่อเป็นการให้เกียรติแก่องค์ทศกัณฐ์และพระนัดดา เปิดโอกาสให้ยักษ์รุ่นหลังได้แสดงฝีมือบ้าง แต่ก็เป็นเพียงการเก็บงานที่สัทธาสูรทำจนเกือบจะเสร็จอยู่แล้ว...ให้หน้าเจ้าบ้านเค้าบ้าง...
สัทธาสูรชวนวิรุญจำบังเข้าชำระกาย รัดองค์ชุดนักรบเต็มยศเจ้าทั้งสองเมือง พลศึกต่างยืนรอเพื่อเคลื่อนพลอย่างคึกคัก
ทั้งสองกษัตริย์นำพลของตนเคลื่อนทัพตัดชายป่าสู่สนามรบ...
ระหว่างทางพญาเก้งเผือกรู้ด้วยญาณว่าบัดนี้พญามารจะมีภัยถึงชีวิต จึงหมายจะเตือนสัทธาสูรโดยตัดสินใจวิ่งตัดหน้าทัพแห่งอัศดงศ์ สัทธาสูรเห็นถึงลางร้าย จึงให้หยุดทัพที่ชายป่านั่นเอง
หนุมานน้อยเห็นทัพยักษ์ชลออยู่ที่ชายป่า จึงทำเป็นห้อยโหนต้นไม้ดั่งลิงทั่วไป จนมาถึงรถชัยของสัทธาสูร แล้วลิงน้อยก็ร้องถามพญายักษ์
...นี่ท่านผู้พญามาร ท่านกำลังจะเดินทางไปที่ใด...
สัทธาสูรมิรู้ว่าเป็นหนุมานแปลงมา จึงร้องบอก
...นี่เจ้าลิงป่า ข้ากำลังจะเดินทัพไปล้างกองทัพวานรที่นำโดยสองมนุษย์ มันทั้งสองบังอาจมารุกรานเมืองของสหายเรา มึงก็เป็นลิงจะมาถามทำไม...
หนุมานตอบกลับอย่างว่องไว...อ๋อ ท่านจะไปฆ่าพี่น้องรามลักษมณ์ แต่บรรดาญาติเพื่อนฝูงของทศกัณฐ์ก็ไม่รอดคมศรของสองพี่น้องมนุษย์คู่นี้ ท่านมีดีอะไรจึงจะไปสู้กับสองกษัตริย์มนุษย์ กองทัพวานรที่แก่กล้าได้...
ท้าวสัทธาสูรโกรธจัดที่ลิงป่ามาลบหลู่
...เหวยๆไอ้ลิงเผือก กูมีพระเวทแห่งองค์พรหมที่สามารถเรียกให้เทวดาโยนอาวุธหลากชนิดลงมาจากสวรรค์ได้ อย่ามามองว่ากูเหมือนยักษ์ทั่วไป...
หนุมานทำสีหน้าไม่เชื่อ...หากท่านทำได้ ข้าก็ขอชื่นชม แต่จะมีเหรอคาถาที่สามารถเรียกอาวุธจากเทพบุตรได้ หากท่านจะทำให้ข้าเชื่อ ก็ลองแสดงดู...
สัทธาสูรหน้าแดงจากความโกรธ สะกดอารมณ์ให้นิ่ง แล้วท่องคาถาเรียกให้เทวดาโยนอาวุธลงมาให้แก่ตน...
เมื่อสิ้นคำบริกรรมของพญามาร เทวดาทุกชั้นฟ้าพากันวิ่งอลหม่าน เที่ยวหาอาวุธโดยไม่สามารถควบคุมตนเองได้ แล้วต่างโยนอาวุธลงสู่พื้นโลก เพราะกลัวฤทธิ์ของสัทธาสูร
อาวุธหลากหลายชนิดกำลังจะตกสู่พื้นโลก แต่กองกำลังที่หนุมานจัดไว้บนกลีบเมฆ ต่างยืนคอยที่จะเก็บอาวุธต่างๆ ก่อนที่จะถึงมือไพร่พลแห่งอัศดงศ์
หนุมานดีใจยิ่งที่ไม่เห็นอาวุธหล่นลงมาจากฟ้า จึงตบมือเยาะหยันสัทธาสูรว่าทำเป็นแสดงตนว่ามีฤทธิ์ สามารถบังคับฟ้าให้ทำตามใจตนได้
สัทธาสูรโกรธจัดที่ลิงป่ามาเยาะเย้ยตน และไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับมนตร์ของตน
...เจ้าลิงป่า มึงบังอาจมาลบหลู่กู แล้วตัวมึงหละมีดีอะไร...
หนุมานทำหน้าซื่อ แล้วแกล้งท่องคาถาในปาก ตะโกนสั่งให้เทวดาโยนอาวุธลงมาบ้าง
เมื่อองคตและทัพวานรที่ซุ่มอยู่บนก้อนเมฆได้ยินเสียงหนุมานร้องให้สัญญาณ พลวานรโยนอาวุธลงมาสู่ทัพอสูรจนเหล่าพลทหารถึงนายทัพแห่งอัศดงศ์ตายเป็นเบือเหลือแต่สัทธาสูรและทหารมารอีกจำนวนหนึ่ง
หนุมานร้องสัมทับ...
...นี่สัทธาสูร ข้าแค่เป็นลิงตัวเล็กๆยังสามารถเพียงนี้ แล้วหากเจ้าเจอพระราม ข้าว่าชีวิตเจ้าไม่พ้นคมศรของพระองค์หรอก กลับบ้านเมืองเจ้าซะเถิด...
สัทธาสูรฉุนขาดต่อคำท้าทายของวานร
...ตัวกูไม่กลัวหรอกมนุษย์หรือผู้ใด กูจะไม่มีวันกลับเมืองโดยไร้ซึ่งหัวของมนุษย์รามลักษมณ์เด็ดขาด...
เมื่อเห็นว่าพญายักษ์ไม่ยอมถอย หนุมานจึงเสกร่างกายให้ใหญ่โตเท่าบรมพรหม สูงเทียมฟ้า มีสี่หน้า แปดกร ตรงเข้าหักรถทรงจนสัทธาสูรตกลงสู่พื้นดิน สัทธาสูรโกรธอย่างมาก สั่งให้ไพร่พลที่เหลือโจมตีหนุมานทันที
องคตและเหล่าพลกระบี่ เหาะลงมาเพื่อช่วยหนุมาน ฆ่าเหล่าอสูรตายราบคาบ
บัดนี้สัทธาสูรเลือดเข้าตา ขอสู้เพื่อชำระแค้นที่เสียไพร่พล เล็งศรขึ้นยิง ลูกดอกนั้นได้วิ่งวนรอบกายของหนุมาน แต่บุตรแห่งพระพายก็หากลัวไม่ คว้าศรของสัทธาสูรไว้ในมือ หักครึ่งดั่งหักกิ่งไม้เล่น แล้วโยนใส่หน้าของพญายักษ์ สัทธาสูรชักคทาที่เหน็บไว้ที่เอว กระโดดตีร่างของหนุมานจนซวนเซ
หนุมานประคองตัวไม่ให้ล้ม และประจวบกับองคตโดดมาช่วยทันเวลาพอดี สองกระบี่ผลัดกันจ้วงแทงร่างของสัทธาสูรอย่างเต็มกำลัง
บัดนี้สองวานรและหนึ่งยักษ์ ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เพราะเลือดอาบร่างทั้งสามจนแดงชุ่ม หนุมานได้โอกาสคว้ากระบองทองของสัทธาสูรด้วยมือซ้าย หมุนโอบรัดร่างของอสูรหักฟาดลงกับพื้นอย่างเต็มแรง จนจอมมารนอนกองอยู่กับพื้นอย่างบอบช้ำ หนุมานกระชับตรีเพชร กระโดดฟันหัวพญายักษ์หลุดออกจากบ่าอย่างเลือดเย็น
เป็นอันปิดฉากสัทธาสูรแห่งอัศดงค์...
.
หนุมานใช้อุบายลวงให้สัทธาสูรเรียกอาวุธจากเทวดา แล้วให้ฝ่ายตนรับไว้หมดและฆ่าสัทธาสูรตาย
.
เมื่อองคตและทัพวานรที่ซุ่มอยู่บนก้อนเมฆได้ยินเสียงหนุมานร้องให้สัญญาณ พลวานรโยนอาวุธลงมาสู่ทัพอสูรจนเหล่าพลทหารถึงนายทัพแห่งอัศดงศ์ตายเป็นเบือเหลือแต่สัทธาสูรและทหารมารอีกจำนวนหนึ่ง
หนุมานใช้ตรีเพชร ฟันหัวสัทธาสูรจนหลุดออกจากบ่าอย่างเลือดเย็น เป็นอันปิดฉากสัทธาสูรแห่งอัศดงค์...
.
ว้ายยยย.......หวาดเจี๋ยยยววววว.........
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:50:42 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #6 on:
17 July 2023, 10:05:51 »
17 กรกฎาคม 2022
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (6)
-หนุมานถวายเศียรสัทธาสูร
หนุมานบั่นคอสัทธาสูรหลุดออกจากร่าง แล้วคว้าเศียรพญาอสูรเหาะขึ้นฟ้าโดยไม่พูดอะไร องคตและพลกระบี่อีกห้าร้อยเหาะตามหัวหน้าอย่างรู้กัน หนุมานทะยานลงที่หน้าราชรถแห่งองค์ราม ชูเศียรของพญามาร แสดงถึงการถวายโดยภักดี
พระรามถึงกับสะดุ้งเมื่อเห็นหัวที่อาบเลือดของสัทธาสูร ทรงผินพักตร์หนีด้วยความหวาดกลัวเยี่ยงมนุษย์ทั่วไป แต่เพียงครู่ ก็ฝืนยิ้มเพื่อแสดงความชื่นชมแก่ทหารเอกของตน
...ไม่มีอะไรที่พญาหนุมานของข้าทำไม่ได้...ท่านไม่เคยทำให้เราผิดหวังจริงๆ...
หนุมานหันมาที่องคต เป็นเชิงให้น้องขยับมานั่งเสมอกัน ดั่งจะบอกว่า ความชอบส่วนหนึ่งมาจากองคตผู้น้องด้วย
องค์รามรู้ทันทีว่าหนุมานเตือนนายว่าควรชมเชยให้ทั่วถึง
...องคตและเหล่าสิบแปดมงกุฎ ต่างทำความชอบในครั้งนี้ หากสิ้นศึกลงกา เราจะตบรางวัลให้ทุกนาย...
องคตและเหล่าวานร ถวายบังคมด้วยความตื้นตัน...
ทหารแห่งอัศดงค์ที่หนีทัพเมื่อเห็นว่านายเสียทีต่อลิงใหญ่ ต่างหนีตาเหลือกเข้าป่าอย่างไร้สติ วิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง ร้องโหวกเหวกโวยวายลั่นป่า ขนาดวิ่งมาพบยักษ์พวกเดียวกัน ก็ยังจำไม่ได้ ร้องหนีจนต้องจับกันให้มั่น แล้วปลุกให้คืนสติ พอสอบถามก็แย่งกันเล่าแบบไม่ได้ศัพท์
...ตอนแรกพวกเราพบลิงตัวเล็กมากๆ แล้วพญาสัทธาสูรก็ไปหลงคารมมัน จู่ๆท่านก็ถูกลิงที่กลายเป็นยักษ์สี่หน้าแปดมือเข้าหักรถ ฉีกอก หักแขนขา มันตัดคอนายเราขาดอย่างง่ายดาย...ข้ากลัว...
จิตกาสูร นายทัพหน้าแห่งจารึก นำความเข้ากราบทูลพญาวิรุญจำบัง มารหนุ่มขึ้นม้าแล้วควบนำกองทหารของตน จนถึงกองซากทหารแห่งอัศดงค์ที่นอนเกลื่อนทับถมกันแยกไม่ออกว่าใครเป็นนายทัพหรือทหารเลว
วิรุญจำบังถอนใจ เร่งม้าออกมาจากภาพอันน่าสลด แล้วเหลือบเห็นกองทหารมนุษย์ในระยะไกล วิรุญจำบังสั่งให้ทัพหน้าเข้าตีทัพวานรที่ตั้งรออยู่ทันที จิตกาสูรขุนศึกแห่งจารึกแบ่งทหารออกเป็นกองๆ เพื่อให้ทหารวานรเข้าตามตีจนเสียขบวน
ทหารม้าอสูรได้ที พุ่งโตมรเข้าใส่เหล่าพลลิงที่หลงกลเข้ามาในกับดัก บัดนี้ทหารลิงตายเกลื่อนสนามรบ นายทัพวานรทั้งสิบแปดมงกุฎ ต้องเข้าช่วยลูกน้องของตนจนทัพยักษ์กลับเป็นฝ่ายแตกพ่ายบ้าง
สังเกตว่า พลลิงมักไม่ค่อยชนะยักษ์ด้วยตนเอง ต้องอาศัยวานรสิบแปดมงกุฎมาช่วยทุกครั้ง น่าเห็นใจฝ่ายยักษ์ที่สู้อย่างไรก็ไม่ชนะ เพราะวานรสิบแปดมงกุฎต่างเป็นลูกเทพที่แบ่งภาคลงมาช่วยพระรามทั้งนั้น เหล่าเทพคงไม่ปล่อยให้ลูกตายต่อหน้าต่อตาด้วยน้ำมือยักษ์ไร้วัฒนธรรม
.
หนุมานถวายเศียรสัทธาสูร
.
ทหารแห่งอัศดงค์ที่หนีทัพเมื่อเห็นว่านายเสียทีต่อลิงใหญ่ ต่างหนีตาเหลือกเข้าป่าอย่างไร้สติ วิ่งหนีอย่างไร้ทิศทาง ร้องโหวกเหวกโวยวายลั่นป่า ขนาดวิ่งมาพบยักษ์พวกเดียวกัน ก็ยังจำไม่ได้ ร้องหนีจนต้องจับกันให้มั่น แล้วปลุกให้คืนสติ พอสอบถามก็แย่งกันเล่าแบบไม่ได้ศัพท์
.
จิตกาสูร นายทัพหน้าแห่งเมืองจารึก
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 20:53:50 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #7 on:
18 July 2023, 08:50:41 »
18 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (7)
-วิรุญจำบังและม้านิลพาหุ ล่องหนหายตัว
วิรุญจำบังเห็นว่าทัพของตนแตกร่นอย่างไม่มีชิ้นดี จึงกลั้นใจท่องคาถาบูชาพระพรหมอ่านพระเวชตามตำรามาร บัดนั้นร่างของวิรุญจำบังและม้าทรงนิลพาหุ หายตัววับไปกับตา เหล่ากองทัพลิงได้ยินแต่เสียงฝีเท้าม้า แต่จะหาตัวอย่างไรก็ไม่เจอ
วิรุญจำบังผู้บัดนี้สามารถล่องหน เข้าโจมตีฝูงลิงอย่างไม่ยั้ง จ้วงแทงทหารแห่งองค์รามตายอย่างไม่รู้ตัว ทีละศพๆ เหล่าวานรโกลาหลยิ่งนัก เพราะได้ยินแต่เสียงฝีเท้าม้าที่วิ่งไปทั่วสนามรบ ต่างโดนแทงจากด้านหน้าและด้านหลังโดยมิทันตั้งตัว
องค์รามขึ้นรถทรงเพื่อจะได้เห็นจากที่สูง รู้สึกแปลกใจที่เห็นทหารของตนร่วงลงทีละร่าง จึงถามพญาพิเภกว่าเกิดอะไรขึ้น ยอดโหรหลวงก็ดูเหมือนจะสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั่งพิจารณาชั่วครู่ ก็ทูลองค์ราม
...อันวิรุญจำบัง ใช้วิชากำบังทั้งตนและม้าคู่ใจ เข้าโจมตีศัตรูโดยมิให้ตั้งตัว...กระหม่อมขอทูลแนะนำให้ฝ่าพระบาท แผลงศรไปฆ่าม้าคู่ใจของจอมมารเสียเถิด เพราะมันทั้งรักทั้งผูกพันกับม้านี้ยิ่งนัก หากอาชาตายเสีย นายก็จะถอดใจหนีไปเอง...
องค์รามประทับศรพรหมาสตร์ แผลงออกไปกลายเป็นศรเกลื่อนทั่วฟ้า ตกลงแทงร่างเหล่าอสูรตายกันเป็นเบือ ศรแห่งเทพต้องร่างของนิลพาหุ จนอาชามารร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สิ้นใจตายโดยไม่มีโอกาสได้ลานาย
เมื่อสิ้นม้าคู่กาย วิรุญจำบังหมดอาลัย ไม่อยากจะสู้อีกต่อไป ดึงผ้าโพกหัวออกมาแล้วเสกให้เป็น...ภาพพยนต์...หรือ...ผ้าพยนต์...ให้ต่อสู้แทนตัว บันดาลให้ท้องฟ้ามืดครึ้มศัตรูไม่สามารถมองเห็นตนได้
บัดนี้ผ้าโบกหัวของพญามาร กลายร่างเป็นรูปนิมิตที่กองทัพแห่งพระรามหลงเชื่อว่าเป็นวิรุญจำบังขี่ม้า อย่างสนิทใจ วิรุญจำบังแปลงควบอาชาไล่จ้วงแทงเหล่าวานรตายเกลื่อน จนทำให้ชุลมุนไปทั้งสนามรบ เพราะจะเข้าฟันแทงอย่างไร พญามารก็ไม่ตายซะที
วิรุญจำบังใช้จังหวะโกลาหลนี้ เหาะขึ้นฟ้า มุ่งลี้ภัยยังเขาอังกาศคีรี...
เมื่อถึงทิวเขาใหญ่ พญามารสังเกตว่ามีแถววานรป่า ต่างแบกผลไม้เดินเข้าถ้ำอย่างเป็นระเบียบ อสูรหนุ่มจึงแน่ใจว่าในถ้ำนั้น น่าจะมีฤๅษี หรือผู้ครองศีล พักพิงอยู่เป็นแน่ ตนอาจจะพึ่งใบบุญ ขอหลบภัยในถ้ำนี้ซักคืน...
วิรุญจำบังเสกกายล่องหน มิให้ผู้ใดเห็น เดินตามขบวนลิงเข้าไปในถ้ำอันร่มเย็น เพียงชั่วครู่ก็เห็นหญิงรูปงามนั่งอยู่ในถ้ำ ยักษ์หนุ่มตะลึงในความสวยของนาง จนต้องเสกคืนร่างเดิมเพื่อแสดงตัว แล้วแจ้งความจำนงของตน
...แม่หญิงคนงาม บัดนี้ข้าหนีศรพระรามมาทางนี้ ให้คุณหญิงปราณี กรุณาให้ที่พักพิงเพียงคืนนี้ด้วยเถิด แล้วพอยามรุ่งพรุ่งนี้ เราก็จะขอลา...
.
วิรุญจำบังออกรบและกำบังตนไล่แทงวานร
.
วิรุญจำบัง
.
ม้านิลพาหุ
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 21:04:20 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #8 on:
18 July 2023, 08:51:36 »
18 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (8-แปด)
-นางฟ้าวานริน
นางงามที่อยู่ในถ้ำคือ นางวานริน ที่แต่เดิมเป็นนางฟ้าผู้มีหน้าที่ตามพระประทีป หรือคอยจุดไฟในท้องพระโรงของพระอิศวร นางฟ้าบกพร่องในหน้าที่ พระอิศวรจึงสาปให้นางต้องลงมาอยู่ในถ้ำเชิงเขาอังกาศคิรี หากได้ช่วยบอกทางแก่ทหารแห่งพระนารายณ์ นางก็จะพ้นคำสาป กลับสู่สวรรค์ดั่งเดิม (พระอิศวรอาจจะทรงหาทางส่งเทวดานางฟ้ามาคอยช่วยพระรามทางอ้อม)
เมื่อวานรินได้ยินคำว่า...ศรพระราม...ก็รู้แน่ว่า กาลที่ตนจะพ้นจากคำสาปได้มาถึงแล้ว แต่หากให้ที่พักพิงแก่อสูรหนุ่ม ก็กลัวภัยจะมาสู่ตน (แสดงว่าวานรินก็เริ่มหวั่นไหวในความหล่อของวิรุญจำบัง เพราะหากให้ที่พักแก่ยักษ์หนุ่มแล้ว นอกจากภัยอาจจะมาถึงตน สิ่งต่างๆอาจจะเลยเถิดจนเกินงาม)
.
เมื่อนั้น วานรินเยาวยอดสงสาร
เหลือบแลไปเห็นขุนมาร มาว่าขานอ้อนวอนพาที
ความกลัวมิใคร่จะดูได้ สะเทินใจผินผันพักตร์หนี
ได้ยินความออกนามพระจักรี เทวีถวิลจินดา
ซึ่งยักษีหนีศรพระจักรแก้ว จะพ้นทุกข์เราแล้วกระมังหนา
ครั้นกูจะให้อสุรา อาศัยคูหาไม่ชอบกล
อันสตรีอยู่ใกล้บุรุษ ย่อมวิมุตกินแหนงทุกแห่งหน
จำจะบอกไปเสียให้พ้น จึ่งจะไม่ระคนด้วยราคี
คิดแล้วจึ่งตอบคำไป ซึ่งจะอาศัยอยู่ที่นี่
เห็นไม่พ้นศรพระจักรี จะพาเรานี้มรณา ฯ
.
วานรินบอกปัดมิให้วิรุญจำบังลี้ภัยในถ้ำของตน เพราะอ้างว่ากลัวตนเองจะพลอยเดือดร้อนจากศรแห่งองค์รามไปด้วย วิรุญจำบังได้แต่ถอนใจ
...แม่หญิงโปรดช่วยข้าเพื่อเอาบุญด้วยเถิด ช่วยบอกหน่อยว่าจะให้ข้าไปหลบซ่อนที่ไหนจึงจะหนีคมศรแห่งมนุษย์พ้น...
นางวานรินจึงแนะนำยักษ์หนุ่มให้ไปทิศใต้ เชิงเขาสัตภัณฑ์ นอกวินันตกสีทันดร ระหว่างเขาอัศกักรรณอันเป็นขอบโลกนั้น มีเพียงเหล่านาคที่อาศัยอยู่ ไม่มีใครเดินทางไปมาในบริเวณนั้น ยังแนะให้วิรุญจำบังแปลงกายให้ตัวเล็กเท่าตัวไร เพื่อซ่อนกายในฟองน้ำ เป็นการหลบการติดตามของพระราม
วิรุญจำบังเริ่มเห็นทางรอด ขอบคุณนางวานริน แล้วรีบเหาะไปยังทะเลใต้ ตรงรี่ไปที่เขาสัตภัณฑ์ เห็นว่าทำเลสงบดั่งคำของวานรินทุกประการ วิรุญจำบังจึงย่อร่างให้เท่าไรทะเล แล้วหลบอยู่ในฟองน้ำตามคำแนะนำ
.
นางฟ้า วานรินทร์
.
งามเอย งามจริง ยิ่งสาวใดในหล้า...
.
...แม่หญิงคนงาม บัดนี้ข้าหนีศรพระรามมาทางนี้ ให้คุณหญิงปราณี กรุณาให้ที่พักพิงเพียงคืนนี้ด้วยเถิด แล้วพอยามรุ่งพรุ่งนี้ เราก็จะขอลา...
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 21:07:08 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #9 on:
19 July 2023, 08:47:29 »
19 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (9)
-หนุมานตามฆ่าวิรุญจำบัง
ในเวลาเดียวกัน วิรุญจำบังตัวปลอมที่เกิดจากการเสกผ้าโพก ก็ยังฆ่าฟันเหล่าวานรโดยไม่มีทีท่าว่าฝูงลิงจะเอาชนะได้ พระรามเห็นท่าไม่ดี จึงประทับศรพลายวาตเข้าทำลายภาพภยนต์จนแหลกละเอียดเป็นผง แต่เพียงแค่อึดใจ ก็ปรากฏเป็นรูปวิรุญจำบังเช่นเดิม
พระรามทรงแผลงศรทำลายถึงสามครั้ง ก็ยังไม่สามารถฆ่าศัตรูได้ จึงถามพญาพิเภกว่าจะทำอย่างไร จึงจะเอาชนะขุนมารตนนี้ได้ พิเภกผู้ที่มีความสงสัยอยู่ก่อนแล้ว ใช้เวลาตรึกตรองชั่วครู่ แล้วทูลว่า...
...รูปที่ปรากฎตรงหน้าของพระองค์ มิใช่วิรุญจำบังตัวจริง แต่เป็นเพียงรูปมารยาที่พญายักษ์ได้เสกขึ้นจากผ้าโพกหัว พระองค์จะฆ่าอย่างไร รูปนี้ก็จะไม่มีวันตายเพราะนายของมันยังคงมีชีวิตอยู่ ขอพระองค์ทรงแผลงศรให้เป็นตาข่ายเข้าล้อมรูปมารยานี้ แล้วขอให้ทรงใช้พญาหนุมานออกตามสังหารวิรุญจำบังตัวจริง ที่บัดนี้พำนักอยู่ที่เขาอังกาศ อย่าได้ช้า...
พระรามแผลงศรพาลจันทร์ออกเป็นตาข่ายเพชรเจ็ดชั้น เข้าล้อมจับภาพมารยาของวิรุญจำบังไว้ แล้วสั่งให้หนุมานออกตามฆ่าวิรุญจำบังทันที
หนุมานรับบัญชาแล้วทะยานเหาะไปยังภูเขาอังกาศ พญาลิงลมร่อนลงใกล้ปากถ้ำ เห็นฝูงลิงแบกผลไม้เข้าออกกันเป็นทิวแถว จึงถามด้วยภาษาลิงด้วยกัน
...นี่เจ้าลิงป่า พวกเจ้าขนผลไม้กันไปที่ไหนหรือ...
เหล่าลิงป่า ตอบด้วยน้ำเสียงซื่อ...ทุกๆวัน พวกเราจะนำผลไม้ไปส่งให้นางวานรินที่พำนักอยู่ในถ้ำเชิงเขาอังกาศจ้ะพ่อ...
หนุมานแน่ใจว่านางวานรินจะต้องรู้ที่ซ่อนของวิรุญจำบังเป็นแน่ จึงเดินตามขบวนลิงป่าเข้าไปยังถ้ำเชิงเขาอังกาศ เมื่อถึงปากถ้ำ หนุมานนึกขึ้นได้ว่า หากตนปรากฎกายในรูปวานร นางวานรินอาจจะตกใจจนไม่ยอมพูดคุยด้วย
บุตรแห่งพระพายแปลงกายเป็นมนุษย์แรกรุ่น หน้าตาผ่องใส หมายให้นางวานรินจะได้ไม่ตกใจในรูปวานรเผือกของตน แล้วจะบอกทางว่าวิรุณจำบังหนีไปทางไหน
(จะเห็นว่าวิรุญจำบังมีความมั่นใจในหน้าตาของตนมากกว่าหนุมาน เพราะวิรุญจำบังปรากฏกายให้นางวานรินเห็นโดยมิได้แปลงโฉมใดๆ แต่หนุมานต้องแปลงเป็นมนุษย์เพราะกลัวว่านางวานรินจะรังเกียจในรูปลักษณ์ของตน – สรุปได้ว่าวิรุญจำบังน่าจะหล่อกว่าหนุมาน)
เมื่อแปลงร่างจนหล่อแล้ว มานพหนุ่มก็เข้าไปในถ้ำ เห็นนางงามนั่งอยู่บนแท่น หนุมานเกิดหลงใหลในความงามของวานรินจนมิอาจวางตา ตามบทบรรยายความสวยของนางฟ้าตกสวรรค์ดังนี้
.
พิศพักตร์ผ่องเพียงศศิธร พิศขนงก่งงอนดั่งเลขา
พิศเนตรดั่งเนตรมฤคา พิศนาสาแฉล้มอำไพ
พิศโอษฐ์โอษฐ์เอี่ยมดั่งจะแย้ม พิศแก้มเป็นที่พิสมัย
พิศกรรณดั่งกลีบสุมาลัย พิศทนต์แววไวดั่งแสงนิล
พิศถันดั่งดวงปทุมาศ พิศทรงวิลาสวิไลสิ้น
พิศกรดั่งงวงหัสดิน พิศโฉมดั่งกินรีฟ้า
ยิ่งพิศยิ่งเพลินจำเริญจิต ให้ครุ่นคิดในความเสน่หา
แสนสวาทด่าวดิ้นในวิญญาณ์ จึ่งมีวาจาถามไป ฯ
.
นางวานรินคือนางฟ้า จึงมีความสวยเกินมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตใดๆในโลกที่หนุมานเคยเห็นมา ดูออกจะสมบูรณ์ไปซะทุกส่วนของร่างกาย หนุมานในร่างมานพหนุ่มถึงกับตลึงหลงรักทันที ไม่อาจบังคับตัวเองได้ ทำได้แต่ก้าวเท้าคืบชิดนางตรงหน้า
...แม่นาง ชื่ออะไร เหตุใดถึงมาอยู่ในถ้ำนี้...
นางวานรินเหลือบมองที่มาของเสียง จนรู้สึกหวั่นไหวในความหล่อใสของผู้ชายตรงหน้าอยู่เหมือนกัน นางคุยกับตนเอง...ใครนะช่างรูปงามนัก น้ำเสียงก็ทรงพลัง การสื่อสารก็ซื่อตรงไม่คดเคี้ยว รึจะเป็นพระอินทร์ หรือเป็นพระอิศวรจำแลงกายมา หรืออาจจะเป็นพระนารายณ์มาตามยักษ์ตามคำทำนายก็ได้ อาจจะเป็นเจ้าป่าเจ้าเขามาแกล้งหลอกกัน...แต่เราเป็นหญิงต้องสงวนท่าทีไว้ก่อน...
วานรินลุกจากแท่นแล้วทำทีว่าจะเดินหนี หนุมานสาวเท้าตาม
...นี่แม่หญิงจะไม่ตอบข้าหรือ ข้าหลงรักแม่หญิงตั้งแต่แรกเห็น ข้าต้องการอยู่ใกล้แม่หญิงแต่แรกพบ อย่าเดินหนีพี่ไปเลย พี่บุกป่าฝ่าดงมาไกลถึงเพียงนี้ อย่าทำให้พี่ต้องอกหักกลับไปเลย...
หนุมานสารภาพรักตั้งแต่ยังไม่ได้พูดจาอะไรกันเลย ข้อความรักในความเงียบ ทำให้วานรินต้องตอบโต้
...ตัวข้าเป็นข้าแห่งพระอิศวร โดนสาปให้อยู่ในถ้ำนี้มาสามหมื่นปีแล้ว สุดจะทรมานยิ่งนัก เพราะมิอาจพบใครได้ มีเพียงลิงป่าที่นำผลไม้มาส่งให้เพื่อประทังชีวิต ที่ผ่านมามีเพียงยักษ์ที่หนีศรพระนารายณ์ผ่านมาทางนี้ ข้าก็มั่นใจว่าจะพ้นคำสาปแล้วแน่ๆ แต่เหตุใดยังไม่มีวานรเอกแห่งองค์นารายณ์ผ่านมาสักที มีเพียงเจ้าที่จู่ๆ ก็มาพูดจาลวนลามข้าถึงในถ้ำ ออกไปซะเถิด ข้าคงคุยกับเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว...
หนุมานถูกปฏิเสธรักเป็นครั้งแรกในชีวิต การชนะใจนางฟ้าตนนี้ มิใช่เรื่องง่าย จึงต้องงดประชิดตัวนาง แล้วถามไถ่ให้คุ้นเคยกันก่อน
...แล้วแม่หญิงผู้เป็นนางฟ้า ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่หละ...
นางวานรินหันมาค้อนให้หนึ่งที เชิงตัดพ้อว่าอยากรู้อะไรกันนักหนา
...ตัวข้าเคยเป็นรองบาทพระอิศวรผู้เป็นเจ้าที่เขาไกรลาส มีหน้าที่รักษาดวงประทีปในท้องพระโรงแห่งสวรรค์ วันหนึ่งพระอิศวรทรงสนทนากับฤๅษีนารอท พระอาจารย์และเหล่ามหาฤๅษีตนอื่นๆอยู่นานจนไฟนั้นดับลง ข้าก็มัวแต่คุยเล่นอยู่กับเพื่อนนางฟ้า พระองค์ก็ทรงกริ้ว เพราะเรียกหาอย่างไรก็ไม่มาซะที เลยทรงสาปให้ข้าลงมาอยู่ที่นี่เพียงผู้เดียวนานเท่านาน จนกว่าจะมียักษ์หนีศรพระนารายณ์ผ่านมา แล้วให้ข้าบอกทางแก่พญาวานรหนุมานเพื่อออกติดตามยักษ์ตนนั้นต่อไป แล้วข้าจึงจะพ้นคำสาป...ท่านรู้เรื่องของข้ามากเกินไปแล้ว จงกลับไปซะเถอะ...
เมื่อได้ยินชื่อของตนเองจากนางที่หมายปอง หนุมานขยับเข้าใกล้นางวานรินแบบแนบชิดติดตัว...วานริน พี่นี้...
.
หนุมานตามฆ่าวิรุญจำบัง
.
วิรุญจำบังแปลงกายให้ตัวเล็กเท่าตัวไร เพื่อซ่อนกายในฟองน้ำ เป็นการหลบการติดตามของพระราม
.
...วานริน พี่นี่แหละคือหนุมานที่แม่หญิงรอคอย องค์รามาวตารใช้ให้พี่ออกติดตามวิรุญจำบัง แล้วมันไปทางไหน วานดวงใจบอกพี่ที...
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 21:15:33 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #10 on:
19 July 2023, 08:48:31 »
19 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (10)
-หนุมานกับนางฟ้าวานริน
หลังจากที่เล่าที่มาของตน นางวานรินไล่ให้หนุมานไปให้พ้นถ้ำ แต่ลึกๆก็ยังหวังว่ามานพหนุ่มนี้คือผู้ที่นางคอย คอยทหารเอกของพระนารายณ์ที่ชื่อว่า...หนุมาน...เพื่อจะได้บอกทาง แล้วจะได้พ้นจากคำสาปเสียที...
หนุมานได้ยินชื่อของตนเองก็ดีใจยิ่ง ขยับเข้าใกล้นางที่หมายปองแบบประชิดตัว
...วานริน พี่นี่แหละคือหนุมานที่แม่หญิงรอคอย องค์รามาวตารใช้ให้พี่ออกติดตามวิรุญจำบัง แล้วมันไปทางไหน วานดวงใจบอกพี่ที...
นางฟ้าวานริน ถอยห่างแบบไม่อยากจะเชื่อ
...หนุมานอะไร เอวบางร่างอ้อนแอ่น ไม่มีกุณฑล ขนเพชร เขี้ยวแก้วดั่งคำร่ำลือ แล้วนี่ก็เป็นมนุษย์จะหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้อย่างไร ข้าขอขำหน่อยเถอะ...
นางวานรินหัวเราะเยาะน้อยๆแบบไม่เชื่อ หนุมานรู้สึกว่านางฟ้าวานรินนี้มีสติปัญญาที่หลักแหลม ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะจีบได้ง่ายๆซะแล้ว จึงต้องเปิดเผยตัวจริงของตน
.
ดวงเอยดวงสมร เจ้างามงอนจำเริญเสน่หา
คารมคมสันพ้นปัญญา เหน็บแนมแกมว่าพาที
เมื่อแจ้งแก่เจ้าโดยสัตย์ ศรีสวัสดิ์ไม่เชื่อฟังพี่
ความชอบชอบแต่จะปรานี นี่กลับเป็นเท็จทุกอัน
น้องเอ๋ยอย่าเพ่อเย้ยเยาะก่อน พี่กลัวแต่จะวอนไปสวรรค์
เหมือนบุษมาลีวิไลวรรณ ที่ในเมืองมายันธานี
ว่าพลางยอกรอภิวาท พระสยมภูวนาถเรืองศรี
สำรวมใจร่ายเวทอันฤทธี ขุนกระบี่กลับกลายกายา ฯ
บัดเดี๋ยวก็เป็นวานร มีเขี้ยวแก้วอรชรซ้ายขวา
กุณฑลขนเพชรมาลา หาวเป็นดาราเดือนตะวัน ฯ
.
หนุมานแปลงกายกลับมาเป็นตัวตนที่แท้จริงของตน เมื่อนางวานรินเห็นภาพหนุมานตรงหน้า กลับกลัวจนตัวสั่น กรีดร้องปิดตาไม่กล้าเปิดตาดูรูปลักษณ์ขุนกระบี่ (เพราะฉะนั้นเป็นเครื่องยืนยันว่า ลิงไม่ได้หล่อเสมอไป วิรุญจำบังแสดงตน วานรินไม่มีปัญหา หากไม่กลัวภัยจากพระนารายณ์ เรื่องราวอาจจะไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ได้ แต่คราวนี้นางเห็นรูปลักษณ์ของหนุมาน เกิดอาการกลัวอย่างจับใจ)
จนพญาวานรต้องเข้าปลอบ...
...มามะคนดีของพี่ ก็พระอิศวรทรงประทานเจ้าแก่พี่แล้ว ดูพี่ให้เต็มตาเถอะ เมื่ออยู่กับเจ้า พี่ก็ไม่มีฤทธิ์ใดๆ มีเพียงตัวตนของชายนามหนุมานของวานริน...
หนุมานเข้าโอบ ลูบหลังให้นางงามคลายตกใจ เมื่อนางวานรินตั้งสติได้ ก็เริ่มใช้มารยาหญิงทันที สลัดมือหนุมานออกจากบ่า แล้วหันหน้าหนีทำทีอาย
...ก็พระนารายณ์ใช้ท่านให้ออกตามหายักษ์หนิ จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม...
หนุมานเมื่อถูกไล่ ก็ยิ่งเข้าใกล้ชิดชมกลิ่นนาง แล้วเริ่มเกี้ยวพาตามทำนองรัก
.
ทรามเอยทรามสงวน ถ้อยคำน้ำนวลจะหาไหน
ราชการก็ร้อนไม่นอนใจ จะรีบไปสังหารผลาญกุมภัณฑ์
แต่ความรักหนักหน่วงในดวงจิต เป็นสุดที่พี่จะคิดผ่อนผัน
เจ้ายิ่งทำเหินห่างไปอย่างนั้น เหมือนแกล้งกันจะให้ขาดราชการ
ว่าพลางประโลมลูบต้อง ค่อยประคองเคียงพักตร์สมัครสมาน
สนิทแนบแอบองค์นงคราญ กรประสานสองคล้องทำนองใน
เกิดวิบัติอัศจรรย์ลั่นเลื่อน สะท้านสะเทือนเขาอังกาศหวาดไหว
พยุพยับอับแสงอโณทัย ชลาลัยคลื่นระลอกกระฉอกชล
ปลาวาฬว่ายสายสมุทรผุดขึ้นล่อง พ่นฟองฟุ้งฟ้าดังห่าฝน
สองสุขเกษมศานต์บานกมล อยู่บนที่แท่นแผ่นศิลาฯ
.
...มามะคนดีของพี่ ก็พระอิศวรทรงประทานเจ้าแก่พี่แล้ว...
.
...ก็พระนารายณ์ใช้ท่านให้ออกตามหายักษ์หนิ จะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ทำไม...
.
บัดเดี๋ยวก็เป็นวานร มีเขี้ยวแก้วอรชรซ้ายขวา
กุณฑลขนเพชรมาลา หาวเป็นดาราเดือนตะวัน ฯ
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 21:18:47 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #11 on:
20 July 2023, 08:49:21 »
20 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (11)
-จุดจบวิรุญจำบัง
เมื่อเสร็จกิจล้างคำสาป ของอิศวรแล้ว หนุมานยังไม่ลืมหน้าที่ของตน
...นางฟ้าของพี่ บัดนี้พี่คงจำต้องออกตามวิรุญจำบัง สนองราชกิจที่องค์รามได้มอบหมาย ที่รักจงบอกพี่มาว่ามันไปทางไหน...
นางวานรินเบือนหน้าหนีเพื่อซับน้ำตา จะพูดก็พูดไม่ออก เหมือนน้ำตาจุกอกล้นถึงคอ แล้วฝืนใจชี้ทางไปทางขวา
...วิรุญจำบัง ได้หนีไปทางทิศใต้ ไปสู่ทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ สัตภัณฑ์สุดขอบโลก มันย่อร่างเพื่อซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำลอยอยู่บนทะเล ท่านพี่จงรีบตามมันไปซะเถอะ...
วานรินทิ้งหางเสียงเชิงน้อยใจ...
หนุมานดีใจยิ่งที่รู้ว่าวิรุญจำบังหนีไปทางไหน จึงเข้าสวมกอดหญิงที่รัก หอมทั่วร่างเป็นรางวัล
...ขอบใจเจ้าคนดีของพี่ เมื่อเสร็จกิจพี่สัญญา สัญญาว่าจะมาหา แล้วส่งวานรินขึ้นสวรรค์ด้วยมือพี่เอง ยอดรักรอพี่อยู่ที่นี่นะ...
แล้วหนุมานรีบก้าวออกจากถ้ำ เหาะขึ้นฟ้า มาตามคำบอกจนมาถึงเขาอัศกรรณตามคำบอกของวานริน หนุมานถลาลงบนหาดทรายแล้ว เห็นฟองน้ำลอยอยู่ทั่วผิวน้ำ แต่มีอยู่ก้อนหนึ่งที่แลดูใหญ่ผิดปกติ จึงมั่นใจว่าเป็นที่ซ่อนของวิรุญจำบังเป็นแน่
บุตรพระพายร่ายเวทให้ตัวใหญ่เท่าองค์พรหม มีสี่หน้าแปดกร ใช้มือใหญ่ฉวยเอาฟองน้ำขึ้นมาบีบอย่างสุดแรง วิรุญจำบังรู้ว่าจวนตัว จึงคืนร่างยักษ์แกว่งกระบองจนเป็นลูกไฟและเป็นฝ่ายเข้าโจมตีหนุมานก่อน ต่างฝ่ายต่างสลับกันต่อตีกันไปมา
วิรุญจำบังฟาดลิงลมด้วยคทาทองอย่างสุดแรง หนุมานเสียหลักจมลงไปในท้องสมุทร แต่เพียงชั่วครู่ บุตรแห่งลมก็ผุดขึ้นมาจากพื้นน้ำ คว้าคทาทองของยักษ์หนุ่มขว้างทิ้งไปในทะเล แล้วจ้วงแทงพญายักษ์ด้วยตรีเพชรจนมิดด้าม
บัดนี้วิรุญจำบังเจ็บจนเจียนตาย จนต้องกลั้นใจท่องคาถาแห่งพรหม แยกน้ำทะเลออกเป็นช่อง จนสามารถหนีลงไปแอบบนพื้นบาดาล หนุมานจะหาเท่าไหร่ก็หาวิรุญจำบังไม่เจอ
พญาวานรยกมือขึ้นบูชาคุณพระนารายณ์และพระพายผู้บิดา เสกหางให้ยาวออกเข้าล้อมมหาสมุทรไว้ แล้วค่อยๆโอบล้อมกระชับพื้นที่ให้แคบลง จนมัดตัววิรุญจำบังไว้ได้ ยักษ์หนุ่มจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดจากหางที่รัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อแน่ใจว่ารัดวิรุญจำบังจนแน่นหนาพอ หนุมานกระโดดขึ้นไปที่เชิงเขาอัศกรรณ ใช้มืออันทรงพลังคว้าข้อเท้าของยักษ์ร้าย ฟาดร่างวิรุญจำบังกับเหลี่ยมเขาจนขาดใจตาย เมื่อเห็นว่าศัตรูนอนแน่ไม่ไหวติงจมกองเลือดที่อาบร่าง หนุมานคว้าตรีเพชรเข้าฟันคอยักษ์ขาดออกจากร่างในดาบเดียว หิ้วเศียรวิรุญจำบังเหาะขึ้นฟ้า เพื่อนำไปถวายแด่องค์ราม
.
วิรุญจำบังสู้พระรามไม่ได้จึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ในฟองน้ำ หนุมานจับวิรุญจำบังได้แล้วฆ่าตาย ตัดเอาศีรษะมาถวายพระราม
.
บุตรพระพายร่ายเวทให้ตัวใหญ่เท่าองค์พรหม มีสี่หน้าแปดกร ใช้มือใหญ่ฉวยเอาฟองน้ำขึ้นมาบีบอย่างสุดแรง วิรุญจำบังรู้ว่าจวนตัว จึงคืนร่างยักษ์แกว่งกระบองจนเป็นลูกไฟและเป็นฝ่ายเข้าโจมตีหนุมานก่อน ต่างฝ่ายต่างสลับกันต่อตีกันไปมา
.
บุตรพระพายร่ายเวทให้ตัวใหญ่เท่าองค์พรหม มีสี่หน้าแปดกร ใช้มือใหญ่ฉวยเอาฟองน้ำขึ้นมาบีบอย่างสุดแรง วิรุญจำบังรู้ว่าจวนตัว จึงคืนร่างยักษ์แกว่งกระบองจนเป็นลูกไฟและเป็นฝ่ายเข้าโจมตีหนุมานก่อน ต่างฝ่ายต่างสลับกันต่อตีกันไปมา
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 21:21:14 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #12 on:
20 July 2023, 08:50:15 »
20 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง (12)
-หนุมานส่งนางฟ้าวานรินขึ้นสวรรค์และถวายเศียรวิรุญจำบัง
นางวานรินผู้ที่คอยอยู่ในถ้ำ ได้แต่เฝ้าชะเง้อหาสามีอย่างหดหู่ นางคิดกลับไปมาสารพัด
...หรือเค้าจะไม่ได้ไปตามหายักษ์ตามที่บอก เค้าทิ้งเราให้คอยอย่างไร้เยื่อใย...
...ทีแรกก็ดีใจที่ได้พบทหารของพระอวตารแล้วจะหลุดพ้นจากคำสาป แต่หลังจากได้สัมผัสรสรักหนุมานยอดรัก ข้ากลับไม่อยากกลับสวรรค์อีกแล้ว อยากอยู่ข้างๆบุรุษที่เพิ่งรู้จักตลอดเวลา...โถ วานริน เจ้าคงถูกหลอกแล้วสินะ...
นางฟ้าข้ารองบาทพระอิศวรได้แต่ตัดพ้อชะตาชีวิตของตนเอง แต่อีกใจก็ยังมีความหวังลึกๆว่าหนุมานจะกลับมา เป็นครั้งแรกที่นางวานรินเดินออกมาจากถ้ำ ชะเง้อ หวังว่าจะเห็นชายที่ตนรักกลับมา นางกังวลสารพัดว่า...เค้าจะมาตามสัญญาหรือไม่...
เข้าๆออกๆ จากถ้ำไม่รู้กี่รอบ ผุดลุกผุดนั่ง ใจคอไม่อยู่สุข คิดไปไกลถึงขนาดว่าสามีอาจตายไปแล้วก็เป็นได้ ทั้งร้องไห้ทั้งปลอบใจตนเองจนเกือบจะเสียสติ จะเห็นว่าความรักยังสามารถทำให้นางฟ้าเป็นบ้าได้
หนุมานเหาะมาถึงอังกาศคิรี วางเศียรของวิรุญจำบังไว้ที่ปากถ้ำ แล้วเร่งฝีเท้าเข้าไปหาวานรินตามสัญญา เมื่อวานรินได้ยินเสียงฝีเท้าของพญาหนุมานผู้เป็นที่รัก นางซับน้ำตาวิ่งถลามารับ ประคองกอดเข้าสู่พระแท่น เพื่อใช้เวลาร่วมกันให้คุ้มค่าเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อได้เวลาอันควร หนุมานเชยคางเมียรัก
...วานริน พี่ได้ทำภารกิจล้างมารวิรุญจำบังได้สำเร็จ เห็นทีจะต้องลาน้องกลับไปเฝ้าพระอวตารที่ทรงคอยฟังข่าวอยู่ที่สนามรบ...
วานรินเบือนหน้าซับน้ำตาอย่างยอมรับ นางฟ้ามิพูดอะไร เพราะเข้าใจดีว่าต่างก็มีหน้าที่ของตนเอง
หนุมานอุ้มนางวานรินออกมาจากถ้ำช้าๆ จูบแก้มซ้ายขวาเป็นการลา แล้วรวบรวมกำลังกะแรงโยนนางขึ้นฟ้าจนถึงยอดเขาไกรลาศพอดี เป็นอันเสร็จสิ้นการส่งวานรินกลับสวรรค์
.
เมื่อนั้น หนุมานผู้ชาญชัยศรี
แสนพิศวาสเทวี ยังที่แท่นอาสน์ไสยา
แล้วจึ่งปราศรัยนวลนาง ข้อซึ่งไปล้างยักษา
แพ้พี่ตัดเอาศีรษะมา ทิ้งไว้ปากมหาคิรี
บัดนี้สำเร็จการแล้ว จะลาน้องแก้วบทศรี
เอาเศียรไปถวายภูมี ยังที่สมรภูมิชัย
ว่าพลางก็ทางเชยชิด แสนสนิทแนบน้องพิสมัย
พี่จะส่งเจ้าไปสุราลัย ก็อุ้มอรทัยออกมา
.....
ครั้นถึงปากถ้ำโยนขึ้นไป ในพิดลอากาศเวหา
ม้วยมุดสุดสิ้นชีวา ไปมหาไกรลาศคิรี
.
หนุมานหันหลังกลับ คว้าเศียรวิรุญจำบังเหาะกลับไปหานาย...
เทพวานรเดินสู่สนามรบอย่างองอาจ เหล่าพลวานรน้อยใหญ่หลีกทาง ยืนต้อนรับเป็นทิวแถว
...พญาหนุมานนายเราไม่เคยพลาด...ทหารเลวพากันซุบซิบชื่นชมความสามารถของนายตน หนุมานทรุดตัวลง ชูหัวอสูรตัวการถวายแด่องค์อวตาร
พระรามแทบจะเป็นลมหมดสติเมื่อเห็นหัวของวิรุญจำบังอาบเลือด หน้าของยักษ์ร้ายยังแยกเขี้ยว บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด องค์รามทรงตรัสชมเชยในความสามารถของวายุบุตร แล้วสั่งเลิกทัพ กลับพลับพลาทันที...
.
หนุมานคว้าเศียรวิรุญจำบังเหาะกลับไปหาพระรามยังสนามรบ หนุมานทรุดตัวลง ชูหัวอสูรตัวการถวายแด่องค์อวตาร
พระรามแทบจะเป็นลมหมดสติเมื่อเห็นหัวของวิรุญจำบังอาบเลือด หน้าของยักษ์ร้ายยังแยกเขี้ยว บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด องค์รามทรงตรัสชมเชยในความสามารถของวายุบุตร แล้วสั่งเลิกทัพ กลับพลับพลาทันที...
.
หนุมานเชยคางเมียรัก...วานริน พี่ได้ทำภารกิจล้างมารวิรุญจำบังได้สำเร็จ เห็นทีจะต้องลาน้องกลับไปเฝ้าพระอวตารที่ทรงคอยฟังข่าวอยู่ที่สนามรบ...
.
หนุมานอุ้มนางวานรินออกมาจากถ้ำช้าๆ จูบแก้มซ้ายขวาเป็นการลา แล้วรวบรวมกำลังกะแรงโยนนางขึ้นฟ้าจนถึงยอดเขาไกรลาศพอดี เป็นอันเสร็จสิ้นการส่งวานรินกลับสวรรค์
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 21:24:50 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [46] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัทธาสูรและวิรุญจำบัง โดย กลม บา
«
Reply #13 on:
29 May 2024, 21:31:38 »
ปรับปรุงภาพใหม่
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.124 seconds with 24 queries.
Loading...