User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
14 November 2024, 16:39:43
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424
Posts in
12,831
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
ภาพประทับใจ
|
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
(Moderator:
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
) |
[44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: [44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน (Read 272 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
[44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
«
on:
12 July 2023, 08:37:36 »
[44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
12 กรกฎาคม 2022
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ (1)
-นางมณโฑเสนอให้สัตลุงและตรีเมฆมาช่วย
ทศกัณฐ์พาร่างอันบอบช้ำถลาเข้าสู่ตำหนักองค์ราชินี บัดนี้พญายักษ์ต้องการคนเข้าใจ ผู้ที่ไม่เบือนหน้าหนีต่อความล้มเหลวของราชาอย่างตน และหญิงเดียวผู้นั้นคือ มณโฑ ภรรยาผู้ยืนเคียงข้างยักษ์ร้ายของชาวโลก นางคือผู้ที่เข้าใจจอมมารอย่างที่สุด
ภาพอันคุ้นเคยคือ ภาพของนางมณโฑนั่งเงียบอยู่ข้างบัลลังก์จักพรรดิวงศ์อสูร แต่นางก็คือที่พักพิงผู้ที่ทศกัณฐ์ต้องซมซานกลับมาหาทุกครั้งเมื่อผิดหวัง นางยินดีกับการที่สามีจะมีสนมมากมายจากหลายทวีปพันธุ์ เพราะนางรู้ว่าหากองค์ราชาต้องการไออุ่นเมื่อใด ที่นี่ ตำหนักแห่งราชินี คือสถานที่ที่ทศกัณฐ์สามารถหย่อนใจจากทุกข์ พักกายจากความกังวล พักใจจากแรงกดดัน
ใช่...นางมณโฑผู้เชื่อว่าสามีถูกต้องเสมอ ทศกัณฐ์คือยอดรักของมณโฑ...
นางมณโฑรีบทรุดกายหมอบลงกราบแทบพื้นพร้อมเหล่านางกำนัล พญาทศกัณฐ์เดินอย่างหมดแรง มาถึงพระแท่นแล้วเอนกายลง ดั่งถึงที่หมายซะที
.
ลดองค์ลงเหนือบัลลังก์อาสน์ พร้อมฝูงอนงค์นาฏน้อยใหญ่
เฟี้ยมเฝ้าเดียรดาษกลาดไป ดั่งดาวล้อมแขไขในเมฆา
จึ่งมีมธุรสบรรหาร แก่มณโฑเยาวมาลย์เสน่หา
เจ้าผู้ดวงใจนัยนา ร่วมทุกข์ร้อนมาด้วยกัน
วันนี้พี่ยกโยธี แสนสุรเสนีทัพขันธ์
ออกไปหักโหมโรมรัน ประจัญด้วยหมู่ปัจจามิตร
ต้องศรเจ็บช้ำทั้งกาย พลเราล้มตายอกนิษฐ์
ฝ่ายข้างไพรีมีฤทธิ์ จะคิดฆ่ามันนั้นยากนัก
แต่งให้สุริย์วงศ์องค์ใด ออกไปชิงชัยหาญหัก
มีแต่แพ้พวกทรลักษณ์ หนักใจเป็นพ้นพันทวี
ตัวเจ้าผู้มีปรีชา จงดำริตริตราช่วยพี่
ยังเห็นผู้ใดที่ไหนมี จึ่งจะล้างไพรีให้แหลกลาญ ฯ
.
รู้สึกได้เลยว่าบัดนี้ทศกัณฐ์ตอนนี้ท้อแท้เป็นที่สุด เป็นครั้งแรกที่ทศกัณฐ์ออกปากขอคำปรึกษาราชการจากภรรยา ยักษ์ใหญ่ดูเหมือนจะไร้ทางออกจริงๆ
มณโฑรู้ถึงเหตุการณ์บ้านเมืองมาโดยตลอด นางคือผู้รู้ใจสามีที่สุด นางคือพระแม่ของแผ่นดินที่รู้ว่าลงกาควรทำอย่างไร ถึงนางจะเคยเป็นเพียงนางกบ แต่นางก็เป็นข้ารองบาทพระแม่อุมา ผู้ทรงสั่งสอนทั้งมารยาทแห่งสวรรค์และปัญญาของชาวฟ้า ที่นางเงียบมาโดยตลอด เพราะเมียที่ดีจะไม่ออกปากก่อนสามีจะถาม แม่เมืองจะไม่ออกความเห็น เพราะใครหละจะกล้าสั่งสอนองค์เหนือหัว นางต้องเงียบเพราะจารีตของความเป็นหญิง แล้วขณะนี้ทุกปัญหาล้วนเกี่ยวพันกับสีดา นางเคยแนะทศกัณฐ์ให้ระงับการศึกโดยคืนสีดาสู่ภัสดานาง แต่ก็ถูกตำหนิ
...จริงๆแล้ว เจ้าต้องการจะกำจัดสีดาหละสิท่า...
นางไม่เคยแม้แต่จะก้าวล่วงความสำราญส่วนพระองค์ของพญาทศกัณฐ์แม้แต่น้อย และการศึกนี้ก็ได้ล่วงเลยมาไกลเกินกว่าสีดาจะเป็นต้นเหตุสำคัญอีกต่อไป ศึกนี้คือศักดิ์ศรีของวงศ์วานชาวอสูร มิใช่ศึกชิงนางดั่งครั้งเริ่มต้น
ทศกัณฐ์มองเมียรักด้วยสายตาอาทรอย่างที่สุด แววตาเยี่ยงนี้มณโฑไม่เคยเห็นมานาน
...น้องบอกทีเถิดว่าพี่ควรทำอย่างไร ศัตรูของเราจะฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย ใช้ใครออกไปก็ตายสิ้น พี่เองออกไปรบก็แทบจะเอาตัวไม่รอด มณโฑผู้มีปัญญาบอกพี่มาเถิด...
นางมณโฑเงยหน้าขึ้น
...กราบองค์เหนือหัว อันพญาสัตลุงพระสหายผู้ครองเมืองจักรวาล น่าจะต่อกรกับไพรีได้อย่างมิยากเย็น กอปรกับเห็นควรเชิญพระราชนัดดาตรีเมฆ ผู้ผ่านเมืองมัชวารีต่อจากพญาตรีเศียรผู้บิดา เพื่อมาช่วยการออกศึกอีกแรง...
ทศกัณฐ์ถึงกับอึ้งในปัญญาอันหลักแหลมของภรรยา เพราะที่ผ่านมาพญายักษ์ไม่เคยคิดถึงกลยุทธโดยรวมกำลังจากสองเมืองมาก่อน ทศกัณฐ์ลงจากพระที่เข้าลูบหลังแล้วประคองเมียรักสู่อ้อมแขน
...จริงสิ พี่ยังมีเพื่อน มีหลานที่เก่งกาจ คราวนี้แหละสัตลุงจะนำกำลังจากเมืองจักรวาลมารวมทัพแห่งมัชวารีของตรีเมฆเพื่อบดขยี้ไอ้พวกลิงป่า...มามะน้องพี่มารับรางวัล... แล้วท้าวเธอทั้งสองก็จูงมือกันเข้าพระที่เพื่อผ่อนคลายพระวรกาย
.
นางมณโฑปลอบใจทศกัณฐ์
.
ท้าวสัตลุง
.
ตรีเมฆ
.
ศึกท้าวสัตลุงและตรีเมฆ
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 09:30:15 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
«
Reply #1 on:
12 July 2023, 08:38:40 »
12 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ (2)
-ทศกัณฐ์ส่งสารไปยังสองเมือง
ในยามรุ่ง องค์ราชาแห่งราพณ์ตื่นแต่เช้า เข้าสรงน้ำ แต่งองค์แล้วลงสู่มหาสภาอสูรทันที
...เปาวนาสูร มหาอำมาตย์ จงแต่งราชสารถึงสัตลุงสหายข้า และตรีเมฆหลานรัก ให้ทั้งสองยกทัพมาช่วยลงกาอย่าได้ช้า...
เปาวนาสูร ยักษ์กายสีขาวหมดจรด ถวายบังคมแล้วร่างราชสารอย่างควรแก่พระฐานะของผู้รับ โดยเขียนบนแผ่นทองแยกเป็นสองฉบับ แล้วบรรจงม้วนแต่ละแผ่นบรรจุลงกล่องแก้ว เรียกกาลสูร ให้นำกล่องราชสารไปถวายแด่เจ้ากรุงจักรวาล แล้วมอบราชสารอีกกล่องให้แก่นนทสูร เพื่อมุ่งหน้านำไปถวายพญาตรีเมฆ สองเสนามารรีบขึ้นม้าแยกทางกันไปตามภาระที่ได้รับ
เมื่อกาลสูรถึงเมืองจักรวาล ก็รีบเข้าเฝ้าท้าวสัตลุง แล้วแจ้งถึงภารกิจของตน ทูลว่า...บัดนี้นายตนไม่เป็นสุข เนื่องจากลงกาอยู่ในภาวะสงคราม...
เสนาอาวุโสแห่งนครจักรวาลเปิดราชสารออกอ่าน ความว่า...พญาทศกัณฐ์ขอเชิญพญาสัตลุงนำทัพเข้าช่วยเหลือ ฆ่าพี่น้องรามลักษมณ์ เพราะตนเกือบเอาตัวไม่รอดมาสองครั้งแล้ว...
พระราชาแห่งจักรวาลรู้สึกแปลกใจ...
...ใครวะรามลักษมณ์...มันเก่งมาจากไหน ถึงทำให้องค์ทศกัณฐ์ผู้มีฤทธิ์ หนักใจได้ เอาหละกูจะไปช่วยท้าวเธอเอง...
...วิรุณกาสูรเสนาข้า จงจัดทัพให้พร้อม เราจะออกเดินทางทันที...
วิรุญกาสูรจัดทัพอสูรตามหน้าตาที่ต่างกัน ทหารที่มีหน้าเป็นเสือปลาใช้ปืบคาบศิลา เหล่าที่มีหน้าเป็นสิงโตถือดาบยาว เหล่าหน้าหมีถือเกาทัณฑ์ลูกธนูอาบยาพิษ เหล่าแมงเคราใช้กริช ทหารหน้าแรดถือกระบอง พลหน้าสิงโตใช้โตมรปํนอาวุธ พวกหน้าเป็นกาถือหอก
จึงกล่าวได้ว่า เมืองจักรวาลเป็นประเทศที่มีเผ่าพันธุ์รากษสที่หลากหลาย หรืออาจจะเป็นนครที่มีชนเผ่าต่างๆอาศัยอยู่ กองทัพจึงมีทหารมากมายหลายหน้าเหลือเกิน
เมื่อพญาสัตลุงเห็นว่าไพร่พลพร้อม ก็เสด็จเข้าสรงน้ำแต่งองค์ เหน็บคทาเข้าเอวแล้วคว้าศรคู่กาย ก้าวขึ้นราชรถ นำทัพอย่างงามสง่ายิ่ง
ในเวลาเดียวกัน นนทสูรถึงเมืองมัชวารีพอดี เมื่อนายประตูเห็นว่าเป็นทูตจากลงกาถือสารมา ก็รีบเปิดเมืองให้เข้าโดยง่าย นนทสูรลงจากม้ารีบรุดเฝ้าแล้วถวายราชสารกับพระหัตถ์ของพญาตรีเมฆ
เมื่อพระนัดดาอ่านข้อความบนแผ่นทองจบ พาลรู้สึกโกรธจนตาแดงก่ำ
...อะไรนี่...บัดนี้วงศ์พรหมถูกท้าทายจากมนุษย์ตัวเท่าเล็บมือแล้วหรือ แล้วข้าก็จะได้แก้แค้นแทนพ่อ...
ไม่มีคำถามใดๆจากหลานทศกัณฐ์ ตรีเมฆน้ำตาคลอเมื่อคิดถึงการตายของตรีเศียรผู้เป็นพ่อ
...วิรุญราชเสนาข้าจงจัดทัพ ข้าจะยกพลไปช่วยพระปิตุลา...
วิรุญราชเสนาอาวุโสผู้รับราชการตั้งแต่รัชสมัยของพญาตรีเศียร มารเฒ่ารู้ดีว่านี่คือโอกาสที่เมืองมัชวารีจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง มัชวารีเคยเป็นนครที่หรูหรา แต่หลังจากพญาตรีเศียรเสียชีวิตด้วยน้ำมือมนุษย์ ชื่อแห่งมัชวารีก็เหมือนจะถูกลืมเลือนจากราชสำนักลงกา นี่แหละเป็นโอกาสทองที่องค์ราชาหนุ่มตรีเมฆจะได้แจ้งเกิดในสภาอสูรเสียที
วิรุญราชจัดทหารที่แข็งแรงที่สุด มีความสามารถที่สุด อาวุธที่มีอานุภาพมากที่สุด เพราะนี่คือตัวแทนแห่งมัชวารี กองพลนี้จะได้แก้แค้นแทนเหนือหัวในพระบรมโกษฐ์
องค์ตรีเมฆเข้าสรงน้ำ แต่งองค์เยี่ยงกษัตริย์ กายสีหงดินแก่ (สีเลือดหมูอ่อน) เสด็จขึ้นช้างสีดำขลับ อันมีเชื้อสายจากตระกูลฉัททันต์ (ปากแดง ฝ่าเท้าแดง) อันถูกลักษณะเป็นช้างมงคลครบทุกประการ
.
ช้างเอยช้างศึก สูงตระหง่านหาญฮึกกำลังหาญ
งวงคว้างาเสยลำพองพาล เท้าทะยานถีบฉัดสะบัดแทง
ชาติเชื้อคเชนทร์ฉัททันต์ โกญจนาทส่ายมันกวัดแกว่ง
ผูกเครื่องกุดั่นทับทิมแดง ข่ายกรองทองแย่งประดับพลอย
ชนักต้นสายสุคนธ์พรายแพรว จงกลแก้วสองหูพู่ห้อย
ควาญท้ายกรายขอรอคอย ขับย่างหย่างน้อยดั่งลมพัด
ประดับด้วยอภิรุมชุมสาย ธงริ้วทิวรายกระชิงฉัตร
หมู่พหลพลหาญเยียดยัด ขนัดกลองฆ้องขานอึงอล
โยธาโห่เร้าเอาฤกษ์ เอิกเกริกโลกากุลาหล
มืดคลุ้มชอุ่มบดบน เร่งพลข้ามฝั่งสมุทรไป ฯ
.
.
เปาวนาสูร มหาอำมาตย์แห่งกรุงลงกา
.
กาลสูร เสนายักษ์ นำกล่องราชสารไปถวายแด่ท้าวสัตลุง เจ้ากรุงจักรวาล
.
นนทสูร เสนายักษ์ นำสารไปถวายพญาตรีเมฆ เจ้าเมืองมัชวารี
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 09:32:36 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
«
Reply #2 on:
12 July 2023, 08:39:40 »
12 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ (3)
-ทศกัณฐ์เลี้ยงดูต้อนรับทหารทั้งสองเมือง
พญาตรีเมฆทรงช้างนำทัพออกจากนครมัชวารี ข้ามสมุทรจนมาถึงฝั่งลงกา มาบรรจบกับทัพของพญาสัตลุงกลางทุ่งใหญ่หน้าเมืองลงกาพอดี ทั้งสองกษัตริย์ต่างยินดีเมื่อพบเจอแล้วชวนกันเคลื่อนพลเข้าลงกาอย่างชื่นมื่น สัตลุงได้เกียรติอยู่หน้า ตรีเมฆตามหลัง
สองพญาอสูรเข้าเฝ้าองค์ทศกัณฐ์ดั่งผู้คุ้นเคย ข้าราชการ ขันที เด็กชาหมอบกราบต้อนรับตามประเพนีการรับเจ้าต่างแดน
พญาทศกัณฐ์ลงจากพระที่นั่งเข้ากอดสัตลุงสหายรัก เข้าประคองตรีเมฆหลานชายคนโปรดหอมแก้มซ้ายขวาอย่างเอ็นดู ท้าวเธอจูงมือสัตลุงขึ้นนั่งเสมอกันบนราชบัลลังก์แก้ว พระนัดดาตรีเมฆประทับบนตั่งทองที่จัดเตรียมไว้อย่างสมพระฐานะ
สัตลุงมิรอช้า เริ่มหัวข้อราชการทันที
...ข้าศึกที่ยกมานี่ มันเก่งกล้าซะแค่ไหน แล้วพลไกรจำนวนมากน้อยเท่าไหร่ สหายเราโปรดแจ้งเถิด...สัตลุงเปิดบทสนทนาอย่างตรงไปตรงมา
...เจ้ามนุษย์ทรงศรนี้ฝีมือศรร้ายกาจนัก แล้วเหล่าทหารของมันก็มีจำนวนมากมาย ที่สำคัญเจ้าพิเภกน้องชั่วของข้ายังเฉลยกลศึกให้แก่ศัตรูจนหมดเปลือก ข้ามิรู้จะพึ่งใครจึงเชิญสหายรักและหลานชายมาช่วยกันคิดแก้กลศึกนี้...
สัตลุงเจ็บแค้นแทนเพื่อนรัก...ไอ้มนุษย์บังอาจ ข้าจะจัดการฆ่ามันให้ท่านเอง แล้วข้าจะจับไอ้พิเภกมาให้ท่านลงโทษ อย่างห่วงเลยสหายเรา...
เมื่อองค์สัตลุงประกาศก้องว่าจะออกรบ ทศกัณฐ์ยินดียิ่งนัก หันมาที่ตรีเมฆเพื่อจะฟังว่าหลานคิดอ่านเช่นไร
ตรีเมฆถวายบังคม แล้วกราบทูล...ฝ่ายหลานก็ขออาสาออกกำจัดศัตรูเช่นกัน...
เมื่อทศกัณฐ์ได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นที่สุด เข้าลูบหลังหลานชายอย่างรักใคร่
...มา เรามาฉลองกันก่อนมีชัย...เสนาข้า เจ้าจงจัดเตรียมเครื่องต้นคาวหวาน ทั้งสุรา ดนตรีมาถวายสองสุริย์วงศ์ แล้วจงจัดเตรียมเลี้ยงดูไพร่พลทั้งสองทัพให้อิ่มหนำสำราญใจ อย่าได้ขาดตกแม้แต่น้อย...
เช่นเคย พญาทศกัณฐ์ต้องประทานการเลี้ยงดูปูเสื่อแด่เจ้าเมืองและทหารที่มาช่วยศึกอย่างเต็มที่ ก่อนจะเริ่มทำงานกันอย่างจริงจัง
เพียงครู่เดียว นางในหน้าตาน่าเอ็นดูเชิญเครื่องเสวย เหล้าอย่างดีมารินถวายพระราชอาคันตุกะทั้งสอง เสียงดนตรีเริ่มบรรเลงกล่อม ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น เหล่านางรำเอวบางร่างอ้อนแอ้นฟ้อนเชิญชวนให้เจ้าทั้งสองนครทัศนาอย่างมิวางตา พญามารทั้งสองเคลิบเคลิ้มจนเกือบลืมนครของตนเองอย่างสิ้นเชิง ได้แต่ดูไปรำพึงไป
...เอ้อ ทำไมกลิ่นกายของหญิงเมืองนี้หอมว่านางในเมืองเรานะ...
...โอ้แม่เจ้า ช่างปราณีตในการรำ ในการจัดท่า ดูดู๊นางนั้นสิ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง...
เจ้านายทั้งสองนครไม่อยากไปไหนเพราะฝากใจไว้ที่ลงกาแล้ว
ส่วนฝ่ายพลทหารของทั้งสองกรุง ก็อิ่มหนำกับอาหารและสุราที่ลงกาจัดให้ อาหารนานาชนิดเท่าที่จะนึกได้ วางเรียงรายไม่มีจำกัด บ้างอิ่มจนท้องแทบแตก บ้างเมาจนหัวเราะไม่หยุด บ้างร้องเพลงโหวกเหวก บ้างเกือบจะต่อยตีกันเอง เป็นที่สนุกสนานเช่นงานรื่นเริง
พญาทศกัณฐ์เห็นว่าราชาต่างนครทั้งสองเริ่มหลงใหลกับสิ่งที่ลงกาจัดเตรียมให้ จึงออกปากเตือนสติว่า
...ครานี้ข้าและชาวลงกาจะได้สิ้นทุกข์กันซะที เพราะข้ามีทั้งสหายและหลานที่เก่งกล้ามาปัดเป่าเสี้ยนหนามให้หมดแผ่นดิน...
ท้าวสัตลุงยินดียิ่งต่อคำชม จึงออกปากปรึกษายักษ์หนุ่ม
...นี่ตรีเมฆ พรุ่งนี้เราทั้งสองจะร่วมกันบดขยี้กองทัพของไอ้สองมนุษย์ ลุงจะเป็นทัพหน้าตีเบิกทาง ส่วนท่านจงระวังหลังตีโอบให้ยับ แค่นี้ข้าศึกก็ไม่มีทางรอดแล้ว...
...ทหารจงเตรียมพล!!!... เสนาอสูรของทั้งจักรวาลและมัชวารีถอยออกไปจัดทัพ เพื่อตามนายออกศึกในวันรุ่งขึ้น
เมื่อได้เวลามงคลยามเช้า สัตลุงและตรีเมฆเข้าสรงน้ำ รัดชุดเกราะ ขัดคทาที่เอว คว้าศรคู่กาย องค์สัตลุงย่างขึ้นรถทรง องค์ตรีเมฆขึ้นคอช้างที่ยืนคอย สองกษัตริย์มีความงดงามเยี่ยงท้าวเวชสุวรรณ เสียงไพร่พลโห่ร้องให้อึกทึกสนั่นกรุง ชาวลงกาได้แต่มองอย่างมีความหวัง ว่ากำลังแห่งมิตรประเทศจะทำให้เภทภัยพ้นจากแผ่นดินตน
เมื่อกองกำลังผสมเคลื่อนมาถึงสมรภูมิ องค์สัตลุงสั่งให้หยุดพล จัดให้ทัพจักรวาลเป็นกองหน้า ทัพแห่งมัชวารีเป็นกองหลังคอยตีโอบ...
.
.
ทศกัณฐ์เลี้ยงดูปูเสื่อแด่เจ้าเมืองและทหารที่มาช่วยศึกอย่างเต็มที่ ก่อนจะเริ่มทำงาน
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 09:34:04 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
«
Reply #3 on:
13 July 2023, 08:27:46 »
13 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ (4)
-สัตลุงตายคาสนามรบ
พระรามเสด็จลงสู่มหาสภาวานรเช่นกิจวัตร ได้ยินเสียงปลุกใจของทัพอสูรจากสองนคร จึงผินพักตร์ถามพญาพิเภก โหรามารได้จับยามรออยู่แล้ว
...ผู้นำทัพนี้มิใช่ทศกัณฐ์ ขุนศึกที่มาท้ารบมิใช่ชาวลงกา แต่มาจากสองนคร คือพญาสัตลุงแห่งเมืองจักรวาลผู้เป็นสหายสนิททศกัณฐ์ อีกทัพนำโดยตรีเมฆบุตรพญาตรีเศียร พระนัดดาแห่งทศกัณฐ์...
พระรามมิได้แสดงสีหน้าหนักใจแต่อย่างใดและมิได้ถามอะไรต่อ ตรัสสั่งให้สุครีพเร่งจัดทัพเพื่อออกไปกำจัดอสูรให้สิ้น สุครีพเสนาใหญ่จัดพลลิงอันแข็งแกร่งและจัดกระบวนทัพอย่างรัดกุมที่สุดเพื่อรับศึกจากสองนคร
พระรามชวนพระลักษมณ์เข้าสรงน้ำ แต่งองค์ด้วยภูษาสีเครือครุฑ ใส่เครื่องประดับเต็มกายเยี่ยงกษัตริย์ สองพี่น้องคว้าศรมากระชับกายก่อนก้าวขึ้นราชรถแก้ว เมื่อได้เวลางามมาตุลีเทพสารถีกระพือบังเหียนเบาๆ เหล่าม้าสวรรค์ก็ทะยานออก เพียงชั่วครู่ทัพแห่งองค์อวตารก็มาถึงสนามรบ
ท้าวสัตลุงเห็นกองทัพวานรมาแต่ไกล เกิดอาการหมั่นไส้ จึงสั่งให้วิรุญกาสูรนำกำลังรากษสของตนเข้าโจมตีโดยไม่ให้ลิงตั้งตัว ทหารหลากหน้าแห่งจักรวาลวิ่งทะลวงฟันวานรหมายให้ตายคามือ
พญาสุครีพเห็นเหล่าอสูรวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จึงร้องสั่งให้ทหารของตนแยกออกเป็นสองกอง แปรขบวนเป็นรูปปีกกาโอบล้อมหมู่ยักษ์ที่วิ่งเข้ามาอย่างหุนหัน ลิงกระหน่ำตีโต้จนพลอสูรตายเรียบ เพราะวิ่งเข้าโจมตีอย่างไม่ได้คิด
ฝ่ายตรีเมฆผู้อยู่บนคอช้าง เห็นทัพหน้าเสียที จึงสั่งให้วิรุญราช นำกำลังเข้าตีโอบเหล่าวานรที่วิ่งล่วงเข้ามาในเขตตน กองทัพของมัชวารีเข้าตีแทง ยิงปืนใส่ แผลงธนูสังหารพลกระบี่แห่งองค์รามอย่างมีวินัย แต่เหล่าวานรก็ยังรู้ทันกระบวนยุทธของยักษ์ จึงหลบเลี่ยงอาวุธทั้งทางอากาศและทางราบ กลับฆ่าเหล่าอสูรแห่งมัชวารีตายทัพกันเป็นภูเขา
สองพญามารโกรธจัดที่ไพร่พลของตนเสียทีแก่ลิงป่า จึงขับรถ ไสช้างเข้าไล่ฟันแทงวานรไม่เลือกหน้า
สองพญาลิงน้าหลานเห็นท่าไม่ดี จึงแยกกันเข้าจับคู่สกัดตีกษัตริย์มาร สุครีพปีนขึ้นทางงาช้างทรงของพญาตรีเมฆ หนุมานทะยานขึ้นรถศึกสัตลุง ทั้งขุนยักษ์ขุนลิงต่อตีกันพัลวัน ทหารของทั้งสองฝ่ายหยุดรบกันเพื่อดูนายตนต่อสู้กันเยี่ยงชาตินักรบ
สองกษัตริย์มารตีขุนลิงน้าหลานอย่างสุดแรง แต่ก็หาได้ระคายผิวบุตรแห่งเทพไม่ สุครีพออกแรงหักคอช้างทรงของพญาตรีเมฆจนขาดคามือ จนนอนกลิ้งตายอนาถ หนุมานถีบรถทรงของพญาสัตลุงจนพังยับ สองพญามารตกลงมาสู่พื้นดินอย่างหมดรูป ทั้งเจ็บ ทั้งอายเหล่าไพร่พล
ทั้งสองกษัตริย์ประทับศรพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย แผลงกระจายเข้าปักร่างเหล่าพลวานรล้มตายเกลื่อนสนามรบ ทหารอสูรได้ใจ ตามแทงวานรซ้ำจนมิดหอก
สองพี่น้องรามลักษมณ์เห็นทหารของตนเสียเปรียบ จึงแผลงศรตอบโต้บ้าง โดนร่างพลยักษ์ร่วงล้มลงพื้นเช่นกัน ศรสิทธ์ทั้งสองเล่ม แล่นเข้าปักอกสัตลุงและตรีเมฆจนแทบจะล้มทั้งยืน
สองมารพบกับความเจ็บปวดที่ไม่เคยเจอมาก่อน แทบจะสิ้นใจลงให้ได้ แต่ด้วยขัตติยะแห่งนักรบ สองยักษ์ยกมือขึ้นไหว้ระลึกพรหมคุณ แล้วท่องคาถาจนครบเจ็ดคาบ เป่าลงที่ตัว ศรมนุษย์ที่ปักคาอยู่พลันหลุดออกจากร่างกาย แผลยังสมานหายดั่งปกติ
พญาสัตลุงชักศรของตนออกจากแล่ง แล้วแผลงไปเป็นอาวุธนานาชนิดเข้าทำลายทัพวานร
พญาตรีเมฆยิงศรมีฤทธิเป็นเพลิง เข้าย่างสดวานรที่บัดนี้วิ่งหนีกันอุตลุด
พระลักษมณ์ พระรามน้าวศรออกพร้อมกัน ศรแห่งองค์ลักษมณ์บันดาลห่าฝนเข้าดับไฟของตรีเมฆ แล้วต้องกายทหารแห่งมัชวารีตายเกลื่อนพื้น ศรของพระรามล้างอาวุธฝนของสัตลุงและชุบชีวิตวานรให้ฟื้นคืนอีกครั้ง ศรสิทธิ์แห่งองค์รามยังเข้าปักยังกลางอกของพญาสัตลุง จนขาดใจตายคาสนามรบ...
.
ท้าวสัตลุงแผลงศรเป็นอาวุธฝน เข้าทำลายทัพฝ่ายวานร
หนุมานเข้าสู้รบกับท้าวสัตลุง
.
พระรามแผลงศรล้างอาวุธฝนของสัตลุงและชุบชีวิตวานรให้ฟื้นคืนอีกครั้ง
.
ศรแห่งองค์ลักษมณ์บันดาลห่าฝนเข้าดับไฟของตรีเมฆ แล้วต้องกายทหารแห่งมัชวารีตายเกลื่อนพื้น
.
ศรสิทธิ์แห่งองค์ราม เข้าปักยังกลางอกท้าวสัตลุง จนขาดใจตายคาสนามรบ...
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 09:37:12 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
«
Reply #4 on:
13 July 2023, 08:28:52 »
13 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ (5)
-ตรีเมฆหนีลงไปเมืองบาดาล แต่ถูกหนุมานฆ่าตาย
ตรีเมฆเห็นว่าสัตลุงตาย ก็มิคิดจะสู้ต่อ จึงท่องคาถาเจ็ดคาบกำบังตน แล้วแทรกตัวลงพื้นดินลงไปยังเมืองบาดาลนครแห่งนาคเพื่อขอลี้ภัย พญากาลนาคา (พ่อของนางกาลอัคคี สนมฝ่ายซ้ายของพญาทศกัณฐ์) จากเดิมเจ้าแห่งนาคผู้นี้เกรงกลัวพระนารายณ์อยู่แล้ว จึงไม่อยากเกี่ยวข้องกับการนี้เลย
...พญาตรีเมฆ ท่านไม่รู้หรือว่าพระรามนั้นคือองค์อวตารของพระนารายณ์ที่ลงมาปราบเหล่าอสูร ท่านอย่าได้คิดไปต่อกรกับพระองค์ท่านเลย แล้วนี่จะพาลนำความเดือดร้อนมาสู่เราด้วย...
ตรีเมฆถึงกับเข่าอ่อน เมื่อได้ฟังว่าพญากาลนาคามิให้ที่พักพิง
...อันตัวข้ามาช่วยพญาทศกัณฐ์บุตรเขยแห่งท่าน ท่านเป็นทางพึ่งสุดท้ายของข้า โปรดให้ที่พักพิงแก่ข้าด้วยเถิด...
เมื่อฟังขุนมารอ้อนวอนมากเข้า พญากาลนาคาก็ใจอ่อน แล้วยังอ้างชื่อทศกัณฐ์ผู้มีความเกี่ยวพันกับตนอีก
...เอาหละ ข้าเห็นแก่การเสียสละของท่านเพื่อลงกาธานีของเขยเรา ข้าจะบอกวิธีกำบังกายให้...ท่านจงนิมิตกายเข้าซ่อนอยู่ในเมล็ดทรายที่ท้องสมุทรบริเวณเนินเขาจักรวาล หากแอบอยู่ที่นั่น ข้าว่าท่านรอดจากคมศรพระอวตารแน่ๆ...
ตรีเมฆยินดียิ่งนัก ขอบคุณองค์กาลนาคาแล้วสัญญาว่าจะกลับมาทดแทนบุญคุณ ยักษ์หนุ่มแหวกน้ำขึ้นมาถึงหาดทรายบริเวณเนินเขาจักรวาล แล้วร่ายมนต์บันดาลกายให้เล็กเท่าเมล็ดทราย อำพรางอยู่ใต้เนินทรายกลางมหาสมุทร
พระรามเห็นศพ พญาสัตลุงนอนตายอยู่กลางสมรภูมิ แต่มิเห็นตรีเมฆผู้เมื่อครู่ยังรบกับพระลักษมณ์อยู่เลย จึงตรัสถามพิเภกว่าตรีเมฆหนีไปไหน พิเภกหลับตานิ่งไปชั่วครู่
...อันตรีเมฆนั้นกลัวเดชแห่งศรของพระองค์ จึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่เมืองบาดาล ขอให้พระองค์สั่งให้หนุมานออกติดตามขุนมารตรีเมฆเถิด...
พระรามหันมาสั่งหนุมาน แต่ยังมิทันจบประโยค บุตรแห่งพระพายบังคมลาแล้วแทรกตัวลงสู่พื้นพระสุธา...
จนถึงท้องพระโรงของเมืองบาดาล เห็นพญากาลนาคราชนั่งอยู่บนบัลลังก์ หนุมานไม่ยอมเสียเวลากับพีธีรีตองใดๆทั้งสิ้น
...ตัวข้าคือหนุมานทหารขององค์ราม ได้รับภารกิจให้ติดตามยักษ์ตรีเมฆผู้หนีมาลี้ภัยอยู่กับท่าน จงบอกมาว่ามันอยู่ที่ไหน...
ท้าวกาลนาคาอึดอัดยิ่งนัก เพราะหากบอกที่ซ่อนของตรีเมฆก็กลัวจะเสียนาค จะไม่บอกเลยก็กลัวพระนารายณ์จะลงโทษตน จึงบอกเป็นปริศนาว่า...
...อสูรตรีเมฆไม่ได้อยู่ในเมืองเราหรอก มันจะซ่อนตัวที่ไหนใครจะไปรู้ ท่านจงค้นหาเอาเองเถิด เราไม่อยากยุ่งกับการนี้...
หนุมานผู้ไม่เคยเสียเวลากับโวหารใดๆ โมโหสุดตัว
...ท่านผู้เป็นราชาแห่งนาค ควรอยู่ในธรรมและความเที่ยงตรง นี่มาคบคิดกับพวกอสูร ไม่มีความเกรงกลัวเดชแห่งองค์อวตาร ข้าจะฆ่าเจ้าซะ...
แล้วเอาหางรัดร่างของพญากาลนาคาจนแน่น ร่างของนาคเฒ่าแทบขาดออกจากกัน
...เอาหละ เอาหละ ข้ายอมบอกท่านแล้ว ตรีเมฆลงมาที่นี่แล้วกลับขึ้นไปซ่อนกายในเมล็ดทรายที่ท้องสมุทร บนเนินทรายใกล้เขาจักรวาล...
หนุมานยินดียิ่ง คลายหางออกจากร่างพญานาค แล้วทะยานขึ้น เหาะขึ้นมาจนถึงหาดทรายเชิงเขาจักรวาล
หนุมานเห็นว่าบริเวณนี้มีพรายน้ำผุดขึ้นหลายที่ จึงมั่นใจว่าจุดนี้คือบริเวณที่ตรีเมฆอำพรางกายเป็นแน่
บุตรแห่งลม เสกร่างกายให้ใหญ่โตเฉียดฟ้า แล้วเอามือกระหวัดลงน้ำเพื่อควานหาตรีเมฆ ด้วยแรงของหนุมานทำให้เมล็ดทรายทั่วท้องสมุทรสั่นสะเทือน จนพญาตรีเมฆทนไม่ได้ ออกจากเมล็ดทราย คืนร่างเดิมแล้วผุดขึ้นจากน้ำ
หนุมานและตรีเมฆ สู้กันอย่างดุเดือดทันที ยักษ์ตีด้วยคทาเพชร ลิงฟันด้วยตรีเพชร หนุมานสามารถหักคทาขุนมารได้อย่างไม่ยากนัก บัดนี้ตรีเมฆไร้ซึ่งอาวุธในมือ จะหนีก็คงไม่รอด สู้ต่ออย่างสุดใจ เป็นทางเดียวที่ยักษ์หนุ่มจะทำได้ในขณะนี้
ตรีเมฆกระโดดเข้าถอนต้นไม้ใหญ่ ใช้แทนอาวุธ ตีร่างพญาวานรเผือกจนเซ หนุมานผู้ไม่เคยกลัวใคร เข้าชิงจังหวะ กระชากต้นไม้ใหญ่ออกจากมือตรีเมฆ แล้วถีบยักษ์หนุ่มอย่างเต็มแรง จนล้มลงนอนคลุกทราย
พญาวานรกระชับตรีแน่น ขึ้นเหยียบอก จิกหัวอสูรขึ้น แล้วบั่นคอตรีเมฆจนขาดกระเด็นออกจากตัว
ตรีเมฆ ขาดใจตายทันที ณ เชิงเขาจักรวาล...
หนุมานหิ้วหัวของตรีเมฆกลับมาถวายนาย พระรามยินดีที่ฝ่ายตนได้ฆ่ายักษ์ตายถึงสองตนในวันเดียว ออกปากชมความสามารถของหนุมานกลางมหาสภาวานร แล้วเสด็จเข้าพระที่เพื่อผ่อนพระวรกาย
เหล่ายักษ์สารัณทูต ผู้มีหน้าที่รายงานการศึกเห็นท้าวสัตลุงและพญาตรีเมฆตายในเวลาใกล้เคียงกัน ตกใจทำอะไรไม่ถูก จึงจูงมือกันวิ่งเข้าลงกาเพื่อรายงานทศกัณฐ์...
เป็นอันว่ากลศึกของนางมณโฑไม่ได้ผล เดิมทีราชินีแห่งอสูรคงเห็นว่าหากอสูรจากสองนครโจมตีกองทัพลิงพร้อมๆกัน จะทำให้เหล่าวานรต้านไม่อยู่ แต่ลืมนึกไปว่าพระรามสามารถชุบชีวิตวานรให้ฟื้นคืนชีพได้ตลอดเวลา และไม่คิดว่าตรีเมฆจะหนีทัพหลังจากที่สัตลุงตาย แต่จะว่าการที่ตรีเมฆหนีทัพนั้นผิดซะทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะท้าวเธอครองเมืองมัชวารีอยู่ก็สบายดีอยู่แล้ว ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับการศึกจนถึงชีวิตตัวด้วยหละ ยักษ์หนุ่มคงหมายจะหลบอยู่ในเมล็ดทรายซักพัก หากกองทัพพระรามไม่ติดตามต่อ ตนก็คงจะหนีกลับเมืองของตน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับลงกาอีกต่อไป แต่ดันมาตายซะก่อน...
.
ท้าวกาลนาคราช แห่งกรุงบาดาล
(ที่ต้องมาหลบซ่อนอยู่ในบาดาล เพื่อหลบหนีพญาครุฑที่ตามล่าเหล่านาค)
.
หนุมานจับตัวตรีเมฆ ฟาดกับพื้น
.
หนุมานถวายเศียรตรีเมฆกับพระราม
.
«
Last Edit: 29 May 2024, 09:40:04 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [44] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกสัตลุงและตรีเมฆ โดย กลม บางบาน
«
Reply #5 on:
29 May 2024, 09:40:58 »
ปรับปรุงภาพใหม่
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.066 seconds with 25 queries.
Loading...