Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
13 November 2024, 19:45:37

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424 Posts in 12,831 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [43] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง โดย กลม บางบา
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [43] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง โดย กลม บางบา  (Read 232 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« on: 11 July 2023, 08:23:45 »

[43] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง โดย กลม บางบาน


11 กรกฎาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง (1)

-ทศกัณฐ์ออกรบ

เนื่องด้วยข้อจำกัดทางการสื่อสาร การศึกในสมัยก่อนจึงจำเป็นต้องมีตำแหน่งผู้รายงานเหตุการณ์ต่างๆในสนามรบแก่เจ้าครองนครเป็นระยะๆ ผู้ที่เป็นม้าเร็วนำข่าวมารายงาน จะมีตำแหน่งเรียกว่า สารัณทูต (มิได้เป็นชื่อยักษ์ตนใดตนหนึ่งเท่านั้น)

ในครั้งนี้ก็เหมือนกัน หลังจากที่พญาแสงอาทิตย์ต้องศรของพระรามจนตาย ยักษ์ที่มีตำแหน่งสารัณทูตสองตน รีบควบม้าเข้าเฝ้าพญาทศกัณฐ์ รายงานอย่างตรงไปตรงมา

...บัดนี้พญาแสงอาทิตย์ พระนัดดาได้พลีชีพเพื่อลงกาแล้วพะยะค่ะ... 

พญาทศกัณฐ์นั่งนิ่ง ตะลึง คิดเสียดายชีวิตหลานชายยิ่งนัก ความเศร้าบัดนี้กลายเป็นความโกรธ

...ไอ้พวกมนุษย์ลิงป่า มันคงจะไม่เกรงกลัวชาวเราเผ่าอสูรอีกแล้วสินะ คราวนี้เห็นทีกูต้องจะออกศึกเองเพื่อล้างแค้นให้หลานกู กูจะหั่นศพพวกมัน มิให้ครือคอกาเลยทีเดียว...

...มโหทรเสนาแห่งเรา เจ้าจงจัดทัพให้พร้อมเพื่อเคลื่อนพลออกไปบดขยี้พี่น้องรามลักษมณ์แต่ยามฟ้าสาง... 

มโหทรถวายบังคมแล้วถอยออกไปจัดทัพ การจัดขบวนศึกคราวนี้ แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามลักษณะหน้า หรือสายพันธุ์ของยักษ์ดังนี้
.

เกณฑ์หมู่จตุรงค์องอาจ              เลือกล้วนสามารถแข็งขัน
หมู่หนึ่งหน้าไพร่ใจฉกรรจ์           ใส่เสื้อสีจันทน์ถือทวนแทง

หมู่หนึ่งหน้ากากเสื้อดำ              ถือหอกกรายรำกวัดแกว่ง
หมู่หนึ่งหน้าแสยะเสื้อแดง          ถือธนูคอนแล่งลูกยา

หมู่หนึ่งหน้าขบเสื้อขาว              โพกหัวถือง้าวเงื้อง่า
ขุนช้างขี่ช้างชนะงา                   ขุนม้าขี่ม้าอัสดร

ขุนรถขึ้นขี่รถศึก                      ห้าวฮึกล้วนถือธนูศร
ต่างตนต่างอวดฤทธิรอน            คอยเสด็จบทจรอสุรี ฯ
.

หากมาพิจารณาหน้ายักษ์ที่แตกต่างกัน คงแสดงถึงเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างของประชาชนของลงการนคร   
หน้าไพร่ หน้ากาก น่าจะเป็นลักษณะเขนยักษ์หรือยักษ์ไพร่ พลยักษ์ที่มียศต่ำสุด ใส่เสื้อสีเหลือง เสื้อสีดำ
หน้าแสยะ คือยักษ์ที่มีลักษณะยิงฟันแลเห็นเขี้ยว เช่นเขี้ยวของทศกัณฐ์ (ขอบปากจะบานออก ยกขึ้น) ใส่เสื้อสีแดง
หน้าขบ คือยักษ์ที่มีปากลักษณะฟันบนข่มริมฝีปากล่าง เช่นอินทรชิต (ขอบปากจะโค้งลง ไม่บาน) ใส่เสื้อสีขาว
ยักษ์แต่ละหน้า จะแบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน ใส่เสื้อสีต่างกัน ใช้อาวุธคนละชนิด

.....

เมื่อตรัสสั่งงานเสร็จ พญาทศกัณฐ์เสด็จเข้าตำหนัก เอนกายลงนอนเพื่อเอาแรง พลิกกายไปมา ผุดลุกผุดนั่งเพราะกังวลต่อการศึกในวันรุ่ง จนถึงเวลาฟ้าสางจอมมารเข้าสรงน้ำชำระองค์ให้สดชื่น กระชับเครื่องทรงแล้วคว้าศรชัยองค์คู่กาย ขึ้นราชรถออกนำทัพทันที

เมื่อมาถึงสมรภูมิ ท้าวพญาลงกาสั่งให้แปรขบวนเป็นรูปครุฑ ตั้งรอเวลากำจัดลิง...

.


ทศกัณฐ์หน้าทอง


.

ทศกัณฐ์


.

ทศกัณฐ์


.




« Last Edit: 29 May 2024, 09:18:55 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #1 on: 11 July 2023, 08:24:59 »


11 กรกฎาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง (2)

-พระรามพระลักษมณ์สู้รบกับทศกัณฐ์

พระรามบรรทมหลับเพราะเหนื่อยล้าจากการศึกแสงอาทิตย์ บรรทมถึงเช้า พระจึงตื่นจากบรรทมเข้าสรงน้ำ เสด็จลงสู่สภาวานรเช่นทุกวัน

ยังมิทันประทับบนแท่นดี ก็ได้ยินเสียงโห่ฮาท้ารบจากเหล่าพลอสูร พระรามถามพิเภกว่า...

...พญาพิเภกยอดโหรา บัดนี้ผู้ใดนำทัพมาท้ารบกับเรา หรือจะเป็นญาติตนไหนของทศกัณฐ์ จงบอกที...

พญาพิเภกจับยามดูฤกษ์ แล้วทูลว่า...เป็นองค์ทศกัณฐ์เจ้าลงกา ยกทัพมาเอง...

พระรามรับสั่งสุครีพทันที...

...ท่านสุครีพ จงเตรียมไพร่พลเพื่อรับศึกกับยักษ์ใหญ่อย่างทศกัณฐ์ในครั้งนี้ การนี้ไม่ใช่งานง่ายเป็นแน่ ขอให้ท่านจัดทัพให้รัดกุมที่สุด... 

สุครีพลาถอยออกไปจัดทัพ ศึกนี้ให้นิลนนท์เป็นกองหน้า หนุมานเป็นเกียกกาย องคตตำแหน่งยกกระบัตร ชมพูพานเป็นกองหลังควบคุมปีกซ้ายขวา ทัพลิงฮึกเหิมกันทั่วหน้า รอพระรามลงเสด็จมานำทัพ

พระรามชวนพระลักษมณ์เข้าสรงน้ำ จากที่เพิ่งสรงน้ำหลังจากตื่นนอน ตอนนี้จะออกรบก็ต้องอาบน้ำอีกรอบ แต่งตัวใหม่ให้งดงามตามแบบกษัตริย์เพื่อออกศึก
(เป็นที่น่าสังเกตว่า ยักษ์มักจะตื่นเช้ากว่ามนุษย์ เพราะทศกัณฐ์หรือนายทัพยักษ์ทุกตน จะยกทัพมาประชิดที่หน้าค่ายตั้งแต่รุ่งสาง พระรามมักจะเพิ่งตื่นมาสรงน้ำ แต่งองค์ ลงสู่มหาสภา แล้วจึงได้ยินเสียงท้ารบของเหล่าทหารยักษ์ ทรงกลับไปสรงน้ำอีกรอบ แต่งตัวใหม่ แล้วจึงออกมาสู้รบ) 

พระรามและพระลักษมณ์ขึ้นรถองค์อินทร์เพื่อนำทัพ สารถีเทพมาตุลีบังคับม้าวิเศษให้ทะยานสู่สนามรบจนผงคลีกระจาย เพียงชั่วครู่ พระรามเห็นยอดมงกุฎของทศกัณฐ์แต่ไกล จึงสั่งให้หยุดขบวนเพื่อคอยเชิง 

ทศกัณฐ์เห็นสองนายทัพมนุษย์ รูปร่างอ้อนแอ้นก็จำได้ว่าเป็นรามลักษมณ์แห่งอโยธยา ศัตรูที่ฆ่าไม่ตายซะที ขบเขี้ยวด้วยความแค้น กระทืบเท้าจนรถสะเทือน สั่งทหารมารให้โจมตี เหล่าทหารยักษ์กรูเข้าฟันแทงเหล่าทหารลิงอย่างดุเดือด

ทัพมารโอบตีทั้งปีกซ้ายขวา โถมกระหน่ำบีบพื้นที่ไม่ให้เหล่าทหารลิงสามารถขยับหนีได้ เสนาวานรเห็นท่าไม่ดี สั่งให้แปรขบวนเป็นรูปปีกกา แล้วตอบโต้ทัพลงกาอย่างห้าวหาญ 

ยิ่งนานเข้า กระบวนทัพของทั้งสองฝ่ายที่จัดไว้ แปรสภาพจนไม่ได้รูป เพราะต่างฝ่ายต่างฆ่าฟันกันอย่างบ้าคลั่ง ตะลุมบอนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่เมื่อรบไปรบมา เหล่ายักษ์เริ่มจะเสียที ถูกลิงรุมกัด เข้าแย่งดึงอาวุธอย่างกองโจร เหล่าทหารอสูรถูกลิงรุมฟันจนแขนขาด หัวขาด ตายเกลื่อนทั่วสนามรบ 

พญาทศกัณฐ์โกรธจัด เพราะเห็นสมุนตนเสียทีต่อวานรตัวน้อย กระทืบบาทแล้วตะโกนขู่

...ไอ้พวกยักษ์โง่ แพ้พวกลิงป่า ตัวเท่านิ้วมือได้อย่างไร...โลทันจงชักรถเข้าโจมตี... 

พญามารฆ่าทุกชีวิตที่ขวางเส้นทางการแล่นของรถตน พญาอสูรตีฝ่าจนมาถึงหน้ารถทรงของพระราม องค์ชายใหญ่แห่งอโยธยา พาดพรหมมาสตร์ แผลงออกก่อนเพื่อสกัดกั้น แรงแห่งศรทำให้เแผ่นดินสะเทือน เขาถล่ม ด้วยกำลัง ศรวิเศษแล่นเข้าสังหารราชสีห์เทียมรถ และทำลายรถทรงของพญาทศกัณฐ์ จนยับเยิน
เจ้าแห่งลงกาตกลงสู่พื้นดิน พร้อมโกรธจนตัวสั่น ทศกัณฐ์คว้าอาวุธที่หลุดมือไปจนกระชับครบทุกหัตถ์ กระโดดเข้าคว้า งอนรถทรงของมนุษย์ด้วยมือเดียว แล้วออกแรงยกขึ้น มือที่เหลือ กวัดแกว่งโจมตีด้วยอาวุธหลากชนิด บัดนี้พญาทศกัณฐ์ผู้องอาจงามดั่งพระราหู ที่กำลังพุ่งเข้ากลืนพระจันทร์

ฝ่ายพระรามลักษมณ์ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำเพียงอย่างเดียว ร่วมกันเข้าโจมตีพญายักษ์อย่างสุดกำลัง องค์รามขึ้นเข่าขวา องค์ลักษณ์ขึ้นเข่าซ้าย พญามารต้องรับมือจากการโจมตีจากสองด้านที่ผลัดกันตี ผลัดกันแทง จนร่างทศกัณฐ์ซวนเซ กระเด็นไปติดเนินเขา จะด้วยจากแรงตีของกษัตริย์หนุ่ม หรือจะด้วยวัยชราของเทพอสูร ราชาแห่งลงกาปวดร้าวไปทั่วร่าง แต่เพื่อมิให้เสียเชิงราชะแห่งเมืองมาร ทศกัณฐ์แผลงศรเป็นอาวุธทั้งเก้า เข้าประหารพลกระบี่ ตายเกลื่อนกลาด

พระรามเห็นท่าไม่ดี ชักศรเข้ายิงตอบโต้ ชุบชีวิตไพร่พลของตนให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ศรสิทธิ์ขององค์อวตาร แล่นเข้าปักร่างทหารยักษ์ ร่วงพับอย่างมิทันรู้ตัว 
พญามารท่องมนต์ แล้วขว้างจักรแก้วโมลีออกไปอย่างสุดแรง หมายสังหารพระรามลักษมณ์ให้ตายตกกัน เมื่อองค์รามเห็นจักรกรดหมุนมาทางตน พระเบี่ยงองค์จับศรพรหมาสตร์ขึ้นแผลงกลับไป

เสียงปะทะกันของจักรมารและศรเทพ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งสามโลก พลังของพรหมมาสตร์เข้าทำลายจักรแก้วโมลีแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี แล้วยังพุ่งเข้าปักที่กลางอกของพญาทศกัณฐ์ ความเจ็บปวดแทบจะทำลายความอดทนของพญายักษ์

...ไม่ ข้าจะไม่ยอมตายด้วยน้ำมือเจ้ามนุษย์กระจอกนี้หรอก... 

อสูรใหญ่ดึงลูกธนูออกจากอก พญามารท่องมนต์มารได้เจ็ดคาบ แล้วเป่าไปทั่วร่างจนความเจ็บปวดหายไปอย่างปลิดทิ้ง

จวบกับบัดนี้พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า และทศกัณฐ์ก็รู้สึกอ่อนเพลียเสียเหลือเกิน

...ใช่สินะ กษัตริย์จะไม่รบในยามวิกาล... ราชาแห่งยักษ์กวักมือเรียกทหารฝ่ายลงกาที่ยังรอดชีวิต ให้ตั้งขบวนแล้วหันกลับหลัง กลับสู่พระนคร ไม่มีคำขู่หรือคำลาใดๆจากปากทศกัณฐ์ พญามารเพียงรำพึงกับตนเอง

...แล้วคราวหน้า ข้าจะมาคิดบัญชีแค้นกับเจ้า...รามแห่งอโยธยา...

เมื่อทัพยักษ์คล้อยหลัง ทัพลิงก็ถอนกำลังกลับค่ายเช่นกัน

ขณะนี้ความต่างของสองกองทัพนี้ อยู่ที่อารมณ์ของไพร่พล ชาวลิงโห่ร้องถึงความมีชัยต่อยักษ์อีกครั้ง ทำท่าทางล้อเลียน ตัดกิ่งไม้มาทำเขี้ยวปลอมใส่ให้กันและกันเป็นที่สนุกสนาน  แต่กำลังใจที่ถดถอยของทัพมาร เป็นความสูญเสียที่คาดคะเนไม่ได้ ไพร่พลตั้งใจประคองตัวให้ถึงบ้าน แล้วสัญญากับตนเอง จะไม่ออกรบอีก...

พญาทศกัณฐ์ทั้งเจ็บกาย ขายหน้า แม้ไม่ตายแต่ก็อับอาย ที่ต้องกลับเข้าเมืองกับไพร่พลที่เหลือไม่ถึงครึ่ง ภาพหญิงชาวลงกาที่ออกมารับพ่อ สามี ลูก ด้วยความหวัง แม่บางคนต้องผิดหวังเพราะลูกไม่ได้กลับมา เมียต้องร้องไห้เมื่อเห็นสามีพิการ ลูกต้องซับเลือดจากแผลให้พ่อ บัดนี้ชาวลงกาเกลียดสงครามนี้อย่างจับใจ...

.


ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง


.

พระรามพระลักษมณ์ออกสู้รบกับทศกัณฐ์


.

พญามารท่องมนต์ แล้วขว้างจักรแก้วโมลีออกไปอย่างสุดแรง หมายสังหารพระรามลักษมณ์ให้ตายตกกัน เมื่อองค์รามเห็นจักรกรดหมุนมาทางตน พระเบี่ยงองค์จับศรพรหมาสตร์ขึ้นแผลงกลับไป
เสียงปะทะกันของจักรมารและศรเทพ ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งสามโลก พลังของพรหมมาสตร์เข้าทำลายจักรแก้วโมลีแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี แล้วยังพุ่งเข้าปักที่กลางอกของพญาทศกัณฐ์ ความเจ็บปวดแทบจะทำลายความอดทนของพญายักษ์
...ไม่ ข้าจะไม่ยอมตายด้วยน้ำมือเจ้ามนุษย์กระจอกนี้หรอก...


.




« Last Edit: 29 May 2024, 09:21:37 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #2 on: 11 July 2023, 08:26:10 »


11 กรกฎาคม 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกทศกัณฐ์ครั้งที่สอง (3-พิเศษ)

ปรารภ: จากศึกชิงนาง กลายมาเป็น มหายุทธสงคราม

นี่เป็นเพียงการต่อสู้ครั้งที่สอง ระหว่างทศกัณฐ์และพระรามเท่านั้น แต่สงครามนี้ช่างดูเนินนานพอๆกับชีวิตที่เสียไป บัดนี้ต่างฝ่ายต่างได้เรียนรู้กลศึกของกันและกัน ต่างต้องคิดว่าจะเดินกลศึกต่อไปอย่างไร

ส่วนไพร่พลของทั้งสองฝ่ายได้แต่หวังว่าอีกไม่นานสงครามนี้จะจบลงเสียที แต่กว่ามันจะจบลง ต่างฝ่ายจะต้องสูญเสียอีกกี่ชีวิตที่ไม่มีส่วนได้ประโยชน์ด้วยเลย นี่หรือคือมหาสงครามแห่งยุค จากเดิมเหล่าไพร่จนถึงขุนศึก เรียกการศึกนี้ว่า...ศึกชิงนางสีดา... แต่พอสงครามดำเนินไป ความสูญเสียของแต่ละฝ่ายเกิดขึ้น กอปรกับความเชื่อบางอย่างได้ก่อตัวขึ้นทีละน้อย

ฝ่ายยักษ์ เคยเชื่อว่า ตนคือวงศ์แห่งองค์พรหม ไม่มีวันตาย มีอำนาจล้นฟ้า มีฤทธิ์มากกว่าชนเผ่าใดในโลก จนอาจจะมากกว่าชาวสวรรค์ซะด้วยซ้ำ จึงมีความเชื่อว่า “ผู้ที่มีอำนาจสามารถครอบครองได้ทุกอย่าง จะได้มาอย่างชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคำว่า อำนาจ”

แต่ความเชื่อนี้ กำลังจะถูกท้าทายเพราะจากการศึกกับสองมนุษย์และเหล่าวานรป่าที่ไร้อารยธรรม ฝ่ายยักษ์มีแต่ความสูญเสีย มีแต่การคาดการณ์ผิด คะเนความสามารถของคู่ต่อสู้ต่ำไปเสมอ เหล่าอสูรเริ่มไม่แน่ใจว่า นายตนยังเป็นผู้ไร้เทียมทานอีกหรือไม่ เพราะพญาทศกัณฐ์ผู้ชรา เริ่มทำอะไรไม่เฉียบคมเช่นครั้งสมัยยังหนุ่มๆ ท้าวเธอเริ่มพบกับคำว่าพ่ายแพ้ต่อศัตรูตัวเล็กที่ไม่มีอาวุธใดๆที่จะเปรียบกับศาสตราแห่งลงกาได้เลย หรือเพราะพระเจ้าจะไม่คุ้มครองอสูรพงศ์ต่อไป

ฝ่ายลิง เข้ามาช่วยพระรามเพราะคำสัญญาของสุครีพนายตนเท่านั้น เดิมขีดขินและเมืองชมพูไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ หรือชาวอสูรด้วยเลย แต่คราวนี้พลลิงต้องตามนายมารบ ไม่ได้มีความแค้นใดๆกับทศกัณฐ์หรือยักษ์ตนใดๆ แต่เมื่อการศึกล่วงเลยนานไป พระรามผู้อ้างว่าตนคือองค์อวตารแห่งนารายณ์ ได้รบชนะอสูรที่มีร่างกายอันใหญ่โตกว่า มีมนต์ดำที่มีอำนาจมากกว่า ยักษ์มีกองกำลังพลที่แข็งแรงกว่า แต่ยักษ์ก็ยังแพ้ทุกครั้ง 

ชาววานรทั้งไพร่จนถึงพญา สัมผัสได้ถึงความเหนือธรรมชาติของสองพี่น้องรามลักษมณ์ ระบบความคิดที่ตนไม่เคยได้เรียนรู้ ระบบการสื่อสารที่นิ่มนวลจนเหมือนว่าตนสามารถโดนหลอกใช้อย่างเต็มใจ

สงครามนี้มิใช่ศึกชิงนางอีกต่อไป แต่โอกาสนี้เป็นศึกที่ลิงจะสามารถแสดงศักดาให้โลกรู้ว่า วานรมิใช่ชาวป่าที่ไร้ความสามารถ หรือไร้อารยธรรมอีกต่อไป นี่คือโอกาสที่เผ่าวานรพงศ์จะได้ขึ้นมาครองแผ่นดิน อันมีขอบข่ายมากกว่าขีดขินและชมพู

ขณะนี้ทั้งสามฝ่ายอันประกอบด้วย ฝ่ายมนุษย์ (พระราม พระลักษมณ์) ฝ่ายยักษ์ (ทศกัณฐ์และลงกา) ฝ่ายลิง (สุครีพและพลขีดขินและพลนครชมพู) มิได้มองศึกลงกานี้เป็นเพียงแค่ศึกชิงนาง หากมาดูความรู้สึกของตัวละครหลักๆ ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่

ทุกฝ่ายอ้างถึงความชอบธรรมของตน

·       พระรามเสียเมีย จะอ้างแต่ว่าจะเอาเมียคืน แต่มีคำถามอยู่ว่า ถ้าหากทศกัณฐ์ให้สีดาคืนตามคำขอ พระรามจะเลิกทัพกลับลงกาหรือไม่ หลังๆท้าวเธอจะอ้างว่าตนคือนารายณ์แบ่งภาคมาปราบ “มาร” โดยมิได้ “มาทวงเอาเมียคืน” เช่นตอนต้นๆของรามเกียรติ์อีกต่อไป

·       ทศกัณฐ์ก็ดูเหมือนจะไม่พูดถึงสีดาเท่าใดนัก แต่จะอ้างว่าเจ้ามนุษย์กับลิงไพรมารุกราน เบียดเบียนเหล่าวงศ์พรหม ไม่มีการพูดถึงการแก้ปัญหาด้วยการทูตอันเป็นทักษะที่ถนัดของท้าวเธอ ทศกัณฐ์เปรียบเสมือนอำนาจเก่าที่ฝังรากลึกในภูมิภาคอินเดียตอนใต้ แต่บัดนี้มีความท้าทายจากอารยธรรมใหม่ที่มาจากทางเหนือ จนอำนาจที่ยิ่งใหญ่เริ่มสั่นคลอน

·       สุครีพ เคยเห็นว่าพระรามคือผู้ที่ทำให้ตนได้เป็นกษัตริย์เมืองขีดขิน เพราะช่วยฆ่าพาลี พระรามคือเพื่อนที่ตนไว้ใจ ตนเดินทัพมาเพื่อจะช่วยเพื่อน ตอบแทนบุญคุณของเพื่อน แต่พอนานวันไป คำว่าเพื่อนเริ่มเปลี่ยนเป็นคำว่า “นาย” สุครีพจะได้รับแต่คำสั่งจากนาย ผู้ที่ตนเริ่มเชื่อว่าเป็นอวตารของเทพ

เหตุผลที่ทำให้สุครีพเชื่อว่าตนได้ทำงานเพื่อสนองเทพ เพราะพระรามไม่ถูกฆ่าซะที ทั้งที่มีร่างกายที่บอบบาง แถมพระลักษมณ์ก็สามารถรอดพ้นจากความตายได้ทุกครั้ง  สองมนุษย์นี้สามารถล้มยักษ์ที่มีร่างกายที่ใหญ่โตกว่า ความสามารถในการรบที่เก่งกว่า 

สุครีพและเหล่าวานรจึงมั่นใจว่าตนได้รับใช้พระเจ้า พระเจ้าที่ลงมาบนโลกอันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และเมื่อใดที่พระเจ้าโปรดปรานตน หากการศึกสำเร็จดั่งเป้าหมาย เทพหรือนายก็จะมอบรางวัลแก่ตนและพวกพ้อง  สงครามลงกาเป็นเวทีที่เหล่าวานรจะได้แสดงความสามารถให้โลกรู้ว่าชนเผ่าขนดกนี้มีดีอย่างไร และเป็นโอกาสที่ชาววานรจะได้แผ่อาณาจักรตนให้กว้างไกลกว่าขอบของขีดขินและชมพู

ถึงจุดนี้ ท่านผู้อ่านคงเห็นถึงวัตถุประสงค์ของแต่ละฝ่ายที่เปลี่ยนไป ความรู้สึกจากการเข้าร่วมที่มีมากขึ้น นี่คือเหตุผลที่ทำให้ข้อพิพาทเล็กๆ จากผู้หญิงเพียงคนเดียว แปรเปลี่ยนเป็นมหาสงครามแห่งยุค...

ก็โน๊ะ...เลือกตั้งครั้งต่อไป เอ๊ย.การศึกครั้งต่อไปในภายภาคหน้า มันจะแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน หรือว่า แลนด์ไถล...กันแน่...ฮ่วย!!!

.


ฝ่ายพระราม (มเหศรพงศ์ และ วานรพงศ์)


.

ฝ่ายพระราม (มเหศรพงศ์ และ วานรพงศ์)


.

ฝ่ายทศกัณฐ์ และพันธมิตร (อสุรพงศ์)


.

ฝ่ายทศกัณฐ์ และพันธมิตร (อสุรพงศ์)


.




« Last Edit: 29 May 2024, 09:25:11 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #3 on: 29 May 2024, 09:26:05 »


ปรับปรุงภาพใหม่











Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.092 seconds with 22 queries.