User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
15 November 2024, 02:13:19
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424
Posts in
12,831
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
ภาพประทับใจ
|
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
(Moderator:
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
) |
[41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา (Read 443 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
[41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
on:
01 July 2023, 09:37:44 »
[41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบาน
1 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (1)
-ทศกัณฐ์ส่งสาส์นเชิญมูลพลัมอุปราชเมืองปางตาล
ทศกัณฐ์เข้าเมือง ชำระร่าง ทายาสมานแผลที่มีอยู่ทั่วร่าง ปวดไปทั้งกาย เจ็บทั้งใจ คิดถึงน้อง คิดถึงลูก นึกถึงหลาน ผุดลุกนั่ง คิดซับซ้อนว่าจะหาใครมาช่วยดี เพราะต้องยอมรับว่าบัดนี้ พละกำลังของตนถอยไปมาก จำเป็นที่จะต้องมีผู้ช่วยกำจัดมนุษย์ออกไปจากลงกา
ด้วยปัญญาอันหลักแหลม พญาทศกัณฐ์นึกถึงเพื่อนรักที่ชื่อ มูลพลัม อุปราชนครปางตาล พญามารขยับตัวขึ้นนั่งตรง เรียกเรี่ยวแรงให้กลับมาอีกครั้ง
...เปาวนาสูรเสนาข้า เจ้าจงร่างสาส์นส่งไปเชิญพญามูลพลัม* มหาอุปราชเมืองปางตาลให้มาช่วยการศึก ขับไล่เหล่ามนุษย์วานรให้สิ้นลงกา... *(มูลพลัม หน้าสีเขียว มีสี่หน้า สวมกระบังหน้า เป็นน้องท้าวสหัสสเดชะ ผู้เป็นเจ้าเมืองปางตาล)
เปาวนาสูร ร่างจดหมายให้นายอย่างรู้ใจ และรู้ควรแก่พระฐานะของผู้รับ พอร่างเสร็จเสนามารใส่แผ่นสาส์นทองคำไว้ในกล่อง อันประดับด้วยพลอยอันวิจิตร แล้วสั่งต่อให้สองม้าเร็ว นามว่า กาลสูร และ อัศดร ให้ถือกล่องราชสาส์นนี้ รี่ตรงไปยังนครปางตาล
สองเสนายักษ์มิรอช้า รีบถวายบังคม ขึ้นม้าควบฝ่าดงป่าจนถึงเมืองปางตาล พอถึงประตูเมือง สองเสนาแห่งลงกา ชูราชสาส์นขึ้นเหนือหัว แล้วแจ้งให้นายประตูเมืองปางตาลทราบถึงภารกิจตน
เสนาเมืองปางตาลรีบเข้ามาเชิญทูตลงกาเข้าเฝ้านายตน พญามูลพลัมประทับเป็นสง่าบนแท่นกลางปราสาทแห่งอุปราชเมืองปางตาล สองม้าเร็วแห่งลงกาถวายความเคารพ ทูลว่า พญาทศกัณฐ์นายตนใช้มาถวายราชสาส์น
มูลพลัมยินดียิ่งนัก ที่เพื่อนยังนึกถึง เพราะขณะนี้ทศกัณฐ์เปรียบเสมือนองค์จักรพรรดิแห่งหมู่ยักษ์ ยังอุตส่าห์คิดถึงตน เห็นต้องมีเรื่องใหญ่แน่ๆ จึงให้เสนาคนสนิทรับกล่องราชสาส์น แล้วเปิดออกดู เนื้อความมีอยู่ว่า...
.
ราชสารทศเศียรสุริยวงศ์ ผู้พงศ์พรหมเมศนาถา
เป็นจอมมงกุฎลงกา มายังองค์พระสหายรัก
อันสถิตยังมงคลสถาน อุปราชปางตาลอาณาจักร
บัดนี้ลงกากรุงยักษ์ มีหมู่ปรปักษ์ปัจจามิตร
คือมนุษย์ลักษมณ์รามอหังการ์ คุมพลโยธาอกนิษฐ์
ล้วนเหล่าวานรมีฤทธิ์ ข้ามมารบชิดติดพัน
เคี่ยวข้าด้วยการรณรงค์ สุริย์วงศ์อสุราอาสัญ
อันพญาไมยราพกุมภกรรณ ทั้งอินทรชิตนั้นก็บรรลัย
ตัวเรายกพลออกรอนราญ จะหักหาญเอาชัยก็ไม่ได้
ครั้งนี้ไม่มีผู้ใด ที่ร่วมใจปรึกษาสงคราม
ขอเชิญพระสหายคู่ชีวิต ผู้เรืองฤทธิ์แกล้วหาญชาญสนาม
มาช่วยคิดฆ่าลักษมณ์ราม ดับความทุกข์ร้อนในลงกาฯ
.
จะเห็นได้ว่า ในราชสาส์นของทศกัณฐ์ มิได้พูดถึงสาเหตุของสงครามนี้เลย ไม่มีคำว่า “สีดา” สักคำ เพราะทศกัณฐ์หวังเบี่ยงเบนประเด็นว่า ฝ่ายมนุษย์พาลิงมารุกรานเมืองยักษ์ จนชาวยักษ์เสียเกียรติ ทำให้ประชากรยักษ์ไม่สามารถทนให้พวกมนุษย์ตัวกระจิดกับลิงป่ามาหยามถึงแผ่นดินได้ ในสาส์นเชิญมูลพลัมมาเพียงปรึกษา มิใช่ให้มาออกศึก
.
.
.
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:05:25 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #1 on:
01 July 2023, 09:38:33 »
1 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (2)
-ท้าวสหัสเดชะและพญามูลพลัมเสด็จไปกรุงลงกา
พญามูลพลัม โกรธยิ่งนักที่เพื่อนถูกรุกรานจากพวกมนุษย์ไร้อารยธรรม ลุกขึ้นกระทืบเท้าจนสนั่นไปทั่วราชฐาน
...ไอ้พวกมนุษย์ ตัวเท่าแมลงวัน กูจะฆ่าทิ้งให้สิ้น... แล้วองค์อุปราชเดินตรงไปยังราชฐานของพระบรมเชษฐา
ท้าวสหัสเดชะ เห็นน้องเดินตึงตังเข้ามาเฝ้า จึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น มูลพลัมถวายบังคมแล้วเล่าว่า...
...บัดนี้ท้าวทศกัณฐ์ผู้ครองลงกานครสหายรัก ได้ถูกรุกรานโดยกองทัพวานรที่นำโดยพี่น้องสองมนุษย์ บัดนี้ท้าวเธอให้กาลสูรถือราชสาส์นมาเชิญให้น้องไปช่วยการศึก น้องจึงมาขอลาองค์ราชาเพื่อไปช่วยเพื่อนยังลงกา...
องค์สหัสเดชะได้แต่นิ่งวิเคราะห์...ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เพียงสองคน จะนำกองทัพลิงข้ามทะเลมาบุกลงกาได้ แต่จะกลัวอะไรหละ ขนาดเหล่าเทวดายังต้องเกรงใจพวกเราเลย...
...มูลพลัม พี่คิดว่าการที่น้องจะไปช่วยท้าวทศกัณฐ์สหายแห่งเจ้านั้นเหมาะควรแล้ว แต่พี่อยากจะไปด้วย ไปช่วยกันขจัดเสี้ยนหนามแห่งวงศ์อสูรให้สิ้น ไว้นามชาวเมืองปางตาลของเรา...
ท้าวสหัสเดชะให้กาลจักรเสนาคู่ใจ จัดกองพลให้ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ แล้วเคลื่อนทัพสู่ลงกาทันที
.....
สหัสเดชะ เป็นตัวละครที่โอ่อ่าที่สุดในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นราชาแห่งยักษ์ที่มีศักดิ์ศรีสูงกว่าทศกัณฐ์เสียด้วยซ้ำ ท้าวสหัสเดชะครองกรุงปางตาล มีหน้าสีขาว จำนวนหนึ่งพันหน้า สองพันมือ บ้างว่าสำเร็จเป็นพรหมยักษ์แล้ว ร่างกายใหญ่โตเท่าเขาอัศกรรณ สวมชุดสีขาวประดับเพชรทั่วร่าง มีอาวุธคือกระบองวิเศษ ชี้ต้นตายชี้ปลายเป็น มีความเจ้ายศเจ้าอย่าง มากกว่าตัวละครใดๆ ในเรื่องนี้
.....
ในกระบวนทัพของเมืองปางตาล มีมูลพลัมขึ้นรถศึกนำหน้ากองทหารที่ขี่เสือ สิงห์ กิเลน อูฐ วัวป่า อันพร้อมสรรพไปด้วยอาวุธนานาชนิด เมื่อจัดทัพพร้อมจะเคลื่อนขบวน กาลจักรเข้ามาทูลเชิญให้เสด็จตามเวลา
ท้าวสหัสเดชะรับสั่ง...นี่เหล่านางใน เจ้าจงคัดหญิงสาวรูปงามสักห้าร้อยขึ้นราชรถไปรอข้า จะได้คอยปรนนิบัติข้าระหว่างทางสู่ลงกา...
เหล่านางกำนัลที่ได้รับการคัดเลือก ทยอยขึ้นรถทรง นามรัตนมณี อันใหญ่โตหรูหราที่สุดแห่งยุค รถทรงสูงตระหง่านเทียมด้วยราชสีห์จำนวนสี่พันตัว ริ้วขบวนเต็มไปด้วยเครื่องสูง ทิวธงสะบัด ดนตรีขับกล่อมมิได้ขาด แลดูงามสง่ายิ่งนัก
เมื่อถึงป่าชายเมืองลงกา มูลพลัมสั่งให้หยุดขบวน ลงจากรถแล้วทูลเชษฐาแห่งตนว่า...
...อันพระเกียรติท่านสูงส่งนัก น้องจะเข้าไปเรียกสหายทศกัณฐ์ให้มารับเสด็จพระองค์เข้าไปในเมืองเพื่อให้สมกับพระฐานะ...
สหัสเดชะยิ้ม แล้วพยักหน้าอย่างเห็นควร...
.
สหัสเดชะ เป็นยักษ์กายสีขาว เจ้าเมืองปางตาล มี 1000 หน้า 2000 มือ ร่างกายสูงใหญ่ดั่งเขาอัศกรรณ มีกระบองวิเศษที่พระพรหมประทานให้มีฤทธิ์คือต้นชี้ตายปลายชี้เป็น
สหัสเดชะ เป็นหนึ่งในยักษ์ทวารบาลสองตน ที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามคู่กับทศกัณฐ์ เพราะถือว่าเป็น ยักษ์ที่มีฤทธิ์มากดุจเดียวกับทศกัณฐ์
.
สหัสเดชะ เป็นยักษ์กายสีขาว เจ้าเมืองปางตาล มี 1000 หน้า 2000 มือ ร่างกายสูงใหญ่ดั่งเขาอัศกรรณ มีกระบองวิเศษที่พระพรหมประทานให้มีฤทธิ์คือต้นชี้ตายปลายชี้เป็น
.
เมื่อพญามูลพลัมรู้ว่าทศกัณฐ์เพื่อนของตนกำลังรบกับพระรามอยู่จึงคิดจะช่วยโดยชวนสหัสเดชะพี่ชายของตนไปออกรบด้วยกัน ภายหลังด้วยความชะล่าใจของตนจึงถูกหนุมานใช้กลอุบายแปลงเป็นลิงน้อยหลอกเอากระบองวิเศษมาหักทิ้ง และฆ่าสหัสเดชะตายในที่สุด
.
หัวโขนมูลพลัม
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:09:34 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #2 on:
02 July 2023, 08:58:11 »
2 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (3)
-มิตรแท้ในยามยาก
ระหว่างที่คอยข่าวสารจากม้าเร็วว่า มูลพลัมจะมาช่วยหรือไม่ พญาทศกัณฐ์ได้แต่นั่งเงียบอยู่บนบัลลังก์ โดยมิเปล่งเสียงใดๆออกมาเป็นวันๆ
มหาสภาอสูรที่เต็มไปด้วยเสนาอำมาตย์ มีเพียงเสียงถอนใจ ไม่มีใครกล้าปริปากแสดงความคิดเห็นใดๆทั้งสิ้น นี่เป็นครั้งแรกที่ทศกัณฐ์รู้สึกว่า ความมั่นใจในตัวตน ล่าถอยไปมาก
...หรือว่าข้าจะพบกับบั้นปลายของชีวิตแล้ว...ไม่ ไม่สินะ ข้าคือวงศ์พรหมที่ไม่มีวันตาย หรือรามจะเป็นอวตารขององค์วิษณุจริงๆ... ไม่ ข้าไม่เชื่อเรื่องบ้าบอพรรณนั้นหรอก...
พญามารคิดทบทวนเหตุผลของความพ่ายแพ้ของตน กลับไปกลับมา บัดนี้ราชาอสูรไม่เหลือใครแล้ว สายตาอันฝ้ามัวของจอมราชัน ช่างเดียวดาย
...ข้าไร้ซึ่งคู่คิดในยามคับขันขนาดนี้เชียวรึ ดูโน่นสิ แท่นอันว่างเปล่าของพญากุมภกรรณ นั้นแท่นแก้วของยอดชายอินทรชิต บัดนี้ข้าคือยักษ์ชราที่ไร้ที่พึ่ง ส่งน้องไปตาย ส่งลูกไปเผชิญกับอันตราย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องพลีชีพ ข้าสิ้นแล้วญาติมิตร...
ทศกัณฐ์ได้แต่รำพึงเพียงลำพัง หยุดที่คำว่า มิตร.
...มูลพลัมคือความหวังเดียวของข้า...
ทันใดนั้น ภาพอันเสมือนฝันก็บรรเจิดขึ้นต่อหน้าทศกัณฐ์ มูลพลัมเดินเข้ามาในท้องพระโรงเช่นราชอคันตุกะที่คุ้นเคย เมื่อแน่ใจว่าไม่ใช่ฝัน ราชาแห่งลงกาถลาลงมาจากบัลลังก์เหมือนเด็กได้เจอเพื่อน เข้าสวมกอดสหายรัก จูงมือ โอบไหล่ พากันขึ้นนั่งคู่กันบนราชบัลลังก์แก้ว
ทศกัณฐ์มิได้ดำเนินราชประเพณีการรับเจ้าชายต่างเมืองแต่อย่างใต นี่คือการรับเพื่อน เพื่อนแท้ในยามยาก สองกษัตริย์ถามไถ่สารทุกข์ไปมา โอบกอดซบบ่ากันมิได้หยุด สุดท้ายมูลพลัมไม่ลืมจุดประสงค์ที่พาตนมาถึงกรุงลงกา
...ข้าศึกที่มารุกรานเป็นใครกันหรือ สหายข้า...
ทศกัณฐ์มีสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที
...ข้าศึกคือ ราม ลักษมณ์ สองมนุษย์พี่น้อง ผู้เป็นหลานท้าวอัชบาล ลูกท้าวทศรถ พวกมันมีกองทัพวานรคอยช่วยเหลือ บังอาจข้ามน้ำข้ามทะเลมารุกรานชาวเรา อสูรแห่งลงกา จะส่งใครไปฆ่า ก็ตายซะหมด ข้าไม่พบทางออกใดๆแล้ว จึงได้เชิญสหายมาช่วยกันคิด...
ฝ่ายมูลพลัมประหลาดใจว่า เหตุใดมนุษย์และลิงป่าจึงสามารถชนะยักษ์ได้ แต่ก็ยังมั่นใจว่าการนี้มิใช่เรื่องยาก
...สหายข้าท่านจงอย่าห่วง ตัวข้ามูลพลัมและพระเชษฐาองค์สหัสเดชะจะช่วยท่านเอง...
เพียงได้ยินพระนามขององค์สหัสเดชะเท่านั้น ทศกัณฐ์คลายความทุกข์ใจอย่างปลิดทิ้ง
...นี่องค์พระเชษฐาสหัสเดชะ เสด็จมาด้วยหรือนี่ ท่านก็ไม่รีบบอกข้า ป่านนี้ท้าวเธอคงรออยู่นานแล้ว เราจงออกไปเชิญเสด็จกันเถิด...
ทศกัณฐ์จูงมือเพื่อนรักขึ้นรถทรง และกำชับให้โลทันขับตรงไปที่มหาราชรถหลวงแห่งปางตาลโดยเร็วที่สุด สองมารมิตรลงรถ ดำเนินมาถึงหน้าพระพักตร์ สหัสเดชะ
พญาทศกัณฐ์ผู้ได้สมญานามว่าเป็นจักรพรรดิ์แห่งอสูร ก้มทรุดกายลงกับพื้น ถวายบังคมอย่างอ่อนน้อมต่อท้าวสหัสเดชะ ข้าราชบริพารแห่งลงกาตกตะลึง เพราะนายไม่เคยอ่อนน้อมต่อผู้ใดเช่นนี้ จึงก้มลงกราบตามนาย
ราชาแห่งปางตาล พอใจต่อเกียรติอันสูงสุดที่ราชาแห่งลงกามอบให้
...ทศกัณฐ์น้องพี่ อย่าได้มีพิธีรีตองเลย เราคนกันเองทั้งนั้น พี่ก็ไม่ได้นิยมพิธีอะไรมากมายหรอก น้องรัก พี่ได้ยินจากมูลพลัมว่า ลงกาถูกรุกราน ก็ร้อนใจจึงมาช่วยเจ้าปัดเป่าเสี้ยนหนามให้หมดไป...
เมื่อทศกัณฐ์ได้ยินดังนั้น ก็มียินดีอย่างยิ่ง
...เป็นพระมหากรุณาของพระเชษฐา พวกศัตรูมีฤทธิ์เกินคาดเดา แถมฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตาย ครานี้น้องคงต้องพึ่งพระบารมี แต่บัดนี้ขอเชิญเสด็จสู่ลงกาเพื่อผ่อนพระอิริยาบถ ควรมิควรแล้วแต่ทรงโปรด...
สหัสเดชะยิ้มน้อยๆ พยักหน้ารับคำเชิญ...
.
ตัวข้าทศกัณฐ์ราชาอสูรแห่งกรุงลงกา ขอน้อมคารวะพี่ท่านจอมกษัตริย์สหัสเดชะ และมูลพลัมมิตรแท้ อุปราชแห่งเมืองปางตาล
.
ท้าวสหัสเดชะ จอมกษัตริย์แห่งนครปางตาล
.
มูลพลัม อุปราชแห่งนครปางตาล สหายรักของทศกัณฐ์
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:12:36 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #3 on:
02 July 2023, 09:01:14 »
2 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (4)
-ทศกัณฐ์เชิญเสด็จท้าวสหัสเดชะเข้ากรุงลงกา
ทศกัณฐ์ขึ้นราชรถของตน นำขบวนเสด็จสู่ประตูเอกเมืองลงกา แต่เมื่อคะเนด้วยสายตา รถรัตนมณีอันสูงตระหง่าน และขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของท้าวสหัสเดชะ มิน่าจะรอดผ่านประตูเมืองลงกาได้ ทศกัณฐ์จึงทูลให้สหัสเดชะ คอยอยู่ที่หน้าเมืองก่อนเป็นเวลาหนึ่งคืน โดยฝ่ายในได้เตรียมจัดสุรา อาหาร สตรี มาดูแลไพร่พลแห่งปางตาลให้เบิกบานอย่างทั่วถึง
พญาทศกัณฐ์ตะโกนกร้าว สั่งเหล่าเสนาลงกาให้สหัสเดชะได้ยิน เพื่อเป็นการยอพระเกียรติต่อหน้าประชาชาวลงกา
...มโหทร อันรถทรงของพระมหาเชษฐาแห่งข้า พญาสหัสเดชะนั้น มีความสูงใหญ่เกินกว่าขนาดของประตูเมืองเรา เปรียบเช่นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อชาวเราเผ่าสุริยวงศ์ ข้าจะไม่ยอมให้พระองค์ต้องลดพระเกียรติดำเนินรอดซุ้มประตูนี้เป็นอันขาด...
...มโหทรจงฟังข้า...ภายในคืนนี้ เจ้าจงเกณฑ์ไพร่พลมารื้อกำแพงเมืองทางทิศใต้ออกให้หมด และปรับพื้นดินให้ราบเรียบ เพื่อให้ราชรถทรงได้แล่นเข้าเมืองอย่างราบรื่นในยามรุ่ง จงปฎิบัติตามบัญชาข้า อย่าได้ช้า...
มโหทรเคยทำในสิ่งที่ยากกว่านี้มามากมาย ภารกิจเท่านี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเสนามาร มโหทรสั่งไพร่พลให้รื้อกำแพงเมืองตามบัญชานาย
.
บ้างคัดบ้างขุดอุตลุด บ้างขุดบ้างรื้อทุกหน้าด้าน
ทุบปราบราบรื่นพื้นดินดาน ก็เสร็จตามพจมานอสุรีฯ
.
ทศกัณฐ์แสดงออกทุกวิธีเพื่อเอาใจท้าวสหัสเดชะ เพราะท้าวเธอเป็นยักษ์เจ้ายศเจ้าศักดิ์ การแสดงออกเพื่อเป็นการให้เกียรติแด่อสูรพรหม ถือเป็นเรื่องชนะใจพญาสหัสเดชะ
เพียงเวลาไม่กี่ชั่วยาม มโหทรได้แปรสภาพกำแพงเมืองสูงตระหง่านให้กลายเป็นพื้นถนนเรียบได้อย่างน่าชมเชย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย รถรัตนมณีก็ได้เคลื่อนเข้าสู่นครลงกา
ท้าวสหัสเดชะ เพิ่งเสด็จมาลงกาเป็นครั้งแรก อดที่จะตื่นตาตื่นใจกับความงดงามของนครที่พระวิษณุกรรมบรรจงสร้างไว้ ดั่งพระราชนิพนธ์ “ชมตลาด” ที่สามารถบรรยายสภาพเมืองลงกา ที่สหัสเดชะได้เห็นอย่างละเอียด
.
พินิจพิศดูพระนคร ท้าวยี่สิบกรยักษา
ปราการเชิงเทินจำเริญตา ระยะช่องเสมาเสมอกัน
ซุ้มทวารบานบังทวาเรศ เขื่อนเขตคูรอบเป็นขอบคั่น
ป้อมปืนหอรบเรียงรัน ธงสุวรรณแถวฉัตรอลงกรณ์
ถนนแก้วแล้วล้วนศิลาลาด แสนสะอาดแลเลื่อมประภัสสร
ตึกกว้านร้านเรือนราษฎร ไม่ซ้บซ้อนเรียงเรียบระเบียบงาม
นิเวศน์วังคลังทิมเป็นทิวท่อง พระลานมีที่ประลองท้องสนาม
ที่นั่งเย็นเห็นลอยพลอยวาม ปราสาทสามดูสูงสุดตา
จตุรมุขสุขแม้นพิมานสวรรค์ ยอดนั้นเป็นพรหมสี่หน้า
หน้าบันสุบรรณจับนาคา บราลีช่อฟ้าช้อยชด
ช่องแกลแลไกลวาวแวว เจียรนำปานแก้วอลงกต
มีพื้นเจ็ดชั้นเป็นหลั่นลด งามหมดเป็นที่จำเริญใจ
อันกรุงลงการาชฐาน แสนสนุกโอฬารไม่เปรียบได้
ชมพลางต่างเร่งรถชัย ไปยังนิเวศน์อสุรีฯ
.
หากจินตนาการตาม จะเห็นได้ว่า นอกจากพระวิษณุกรรมจะลงมาสร้างกรุงลงกาใหม่ (หลังจากที่ถูกหนุมานเผา) ให้สวยงามแล้ว การจัดการภายในพระนคร ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทำให้สรุปได้ว่า ชาวอสูรมิใช่พวกไร้วัฒนธรรมตามที่วรรณกรรมต่างๆ อยากให้เข้าใจ เพราะการจัดระเบียบบ้านเมืองให้สะอาด สร้างเรือนเป็นทิวแถว สอดรับกันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้านครต้องมีความรู้ด้านการปกครองอย่างแตกฉาน
.
ทศกัณฐ์ สั่งงานมโหทร....
พญาทศกัณฐ์ตะโกนกร้าว สั่งเหล่าเสนาลงกาให้สหัสเดชะได้ยิน เพื่อเป็นการยอพระเกียรติต่อหน้าประชาชาวลงกา
...มโหทร อันรถทรงของพระมหาเชษฐาแห่งข้า พญาสหัสเดชะนั้น มีความสูงใหญ่เกินกว่าขนาดของประตูเมืองเรา เปรียบเช่นพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่มีต่อชาวเราเผ่าสุริยวงศ์ ข้าจะไม่ยอมให้พระองค์ต้องลดพระเกียรติดำเนินรอดซุ้มประตูนี้เป็นอันขาด...
...มโหทรจงฟังข้า...ภายในคืนนี้ เจ้าจงเกณฑ์ไพร่พลมารื้อกำแพงเมืองทางทิศใต้ออกให้หมด และปรับพื้นดินให้ราบเรียบ เพื่อให้ราชรถทรงได้แล่นเข้าเมืองอย่างราบรื่นในยามรุ่ง จงปฎิบัติตามบัญชาข้า อย่าได้ช้า...
.
มโหทร มหาเสนายักษ์แห่งกรุงลงกา
.
มโหทรสั่งไพร่พลให้รื้อกำแพงเมืองตามบัญชานาย
เพียงเวลาไม่กี่ชั่วยาม มโหทรได้แปรสภาพกำแพงเมืองสูงตระหง่านให้กลายเป็นพื้นถนนเรียบได้อย่างน่าชมเชย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย รถรัตนมณีของท้าวสหัสเดชะก็ได้เคลื่อนเข้าสู่นครลงกา...
.
ทศกัณฐ์ขึ้นราชรถของตน นำขบวนเสด็จสู่ประตูเอกเมืองลงกา แต่เมื่อคะเนด้วยสายตา รถรัตนมณีอันสูงตระหง่าน และขนาดร่างกายที่ใหญ่โตของท้าวสหัสเดชะ มิน่าจะรอดผ่านประตูเมืองลงกาได้ ทศกัณฐ์จึงทูลให้สหัสเดชะ คอยอยู่ที่หน้าเมืองก่อนเป็นเวลาหนึ่งคืน โดยฝ่ายในได้เตรียมจัดสุรา อาหาร สตรี มาดูแลไพร่พลแห่งปางตาลให้เบิกบานอย่างทั่วถึง
.
ท้าวสหัสเดชะ เจ้ากรุงปางตาล และมูลพลัมอนุชา พระอุปราช คอยท่าอยู่นอกกำแพงเมือง
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:16:07 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #4 on:
02 July 2023, 09:02:50 »
2 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (5)
-งานเลี้ยงรับรองอาคันตุกะ
เมื่อทศกัณฐ์นำขบวนพระราชอาคันตุกะมาถึง พญามารเสด็จลงจากรถทรงก่อน แล้วอ้อมไปบังคมเชิญท้าวสหัสเดชะ และอุปราชมูลพลัมให้ขึ้นยังปราสาทสุรกานต์รัตนา อันเป็นท้องพระโรงหลวงประจำนคร
ในฐานะเจ้าของบ้าน ทศกัณฐ์เดินนำหน้าแขกทั้งสองจนมาหยุดที่เชิงบัลลังก์แก้ว ราชาแห่งลงกา ยอพระเกียรติท้าวสหัสเดชะอีกครั้ง โดยการเบี่ยงตัวไปทางซ้ายและผายมือให้ท้าวเธอเสด็จขึ้นประทับบนพระราชบัลลังก์แห่งพรหมวงศ์
สหัสเดชะหยุดทำท่าคิดชั่วครู่ แล้วเอามือโอบหลังทศกัณฐ์เป็นการรับเกียรตินี้อย่างพี่ชาย ราชอาคันตุกะยิ้มน้อยๆ แล้วเสด็จขึ้นสถิตบนบันลังก์ อันเป็นเกียรติยศสูงสุดของลงกา
องค์สหัสเดชะกวาดสายตาไปทั่วท้องพระโรง เห็นเหล่าอำมาตย์ เสนา เจ้าพนักงาน นางในหมอบเฝ้าทั้งฝั่งซ้ายขวา เป็นภาพที่พญามารจากปางตาลประทับใจยิ่งนัก บ้างยอพระบารมีว่า องค์มหาสหัสเดชะคือพรหมยักษ์ บ้างว่าสง่าดั่งท้าวเวสสุวัณ
จากนั้นพญาทศกัณฐ์ได้สั่งมโหทรขุนเสนา ไปบอกแก่เจ้าพนักงานให้นำเครื่องแต่งกายอันโอ่อ่ามาถวายพระเชษฐา แล้วให้จัดเลี้ยงดูเหล่าทหารเมืองปางตาล ด้วยอาหารคาวหวาน เหล้า ปลาอย่าให้ขาด
ฝ่ายพระแม่เมืองนางมณโฑ ก็จัดสรรเหล่านางงามที่คัดสรรแล้ว จำนวนสิบสองนางมาถวายการดูแลท้าวสหัสเดชะและอุปราชมูลพลัม ต่างผลัดกันโบกพัด ป้อนของเสวย รินถวายน้ำจันทร์มิบกพร่อง
เพียงชั่วครู่วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลง นางนักขับเสียงหวานเสนาะหู ปานจะขาดใจ นางรำออกมาฟ้อนอย่างอ่อนช้อยพร้อมเพียงกัน ดั่งชาวสวรรค์ ดูเหมือนว่าความบันเทิงที่ทางลงกาจัดไว้ จะดำเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
จนท้าวสหัสเดชะ เหลือบมองไปเห็นนางมณโฑ ผู้ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่งามที่สุดแห่งยุค
...เหตุใดแม่มณโฑถึงได้ดูอ่อนระโหยโรยแรงอย่างเห็นได้ชัด ดูซูบผอมไร้ชีวิตชีวา... นี่คงยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของอินทรชิตหละสิ ต่อจากนี้พระน้องทั้งสอง จงอย่าได้ห่วง พี่จะฆ่ารามลักษมณ์ ให้เจ้าได้หายแค้น...
พลางคว้ากระบองเพชรออกมาควง จนเกิดเปลวรัศมี
...นี่คือกระบองวิเศษที่องค์พรหมประทานให้ ส่วนต้นกระบองใช้ชี้ให้ใครตายใครก็ได้ ส่วนปลายใช้ชี้ให้คืนชีพกลับมา กะอีแค่มนุษย์ตัวเล็กกะฝูงลิงป่า ไม่คณามือพี่หรอก...
ทศกัณฐ์ได้แต่หัวเราะรับอย่างชอบใจ
...ตัวข้าจะขอตามเสด็จไปดูความย่อยยับของทัพศัตรูเป็นขวัญตา...
สามจอมมารหัวเราะกันอย่างครึกครื้น
ราชาของทั้งสองนครต่างบัญชาสั่งให้เสนาคนสนิทตน จัดทัพโดยด่วน เพื่อจะได้ยกไปบดขยี้ทัพวานรให้ราบคาบในวันรุ่ง
เสนาฝ่ายปางตาล จัดทัพให้กองทหารแห่งอุปราชเป็นทัพหน้า บังคับบัญชาโดยมูลพลัม ผู้มีหอกเป็นอาวุธ ตามมาด้วยทัพหลวงอันเป็นองค์สหัสเดชะเป็นจอมทัพ และปิดท้ายด้วยทัพแห่งลงกา โดยมีทศกัณฐ์เป็นผู้บังคับพล
.
ทศกัณฐ์นำพระราชอาคันตุกะ ไปยังปราสาทสุรกานต์รัตนา อันเป็นท้องพระโรงหลวงประจำนคร จัดสำรับคาวหวาน เลี้ยงต้อนรับเป็นอย่างดี
.
สามจอมมารดื่มกิน และหัวเราะกันอย่างครึกครื้นสบายใจ
.
ฝ่ายพระแม่เมืองนางมณโฑ ก็จัดสรรเหล่านางงามที่คัดสรรแล้ว จำนวนสิบสองนางมาถวายการดูแลท้าวสหัสเดชะและอุปราชมูลพลัม ต่างผลัดกันโบกพัด ป้อนของเสวย รินถวายน้ำจันทร์มิบกพร่อง
.
งานเลี้ยงรับรองอาคันตุกะ และไพร่พลจากนครปางตาล
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:19:35 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #5 on:
03 July 2023, 08:44:32 »
3 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (6)
-เหตุอาเพศ ฟ้าผ่ารถทรงของทศกัณฐ์
เมื่อถึงยามรุ่ง ทั้งสามกษัตริย์เข้าสรงน้ำอาบองค์ รัดเครื่องชุดจอมทัพอย่างงามสง่า ชวนกันขึ้นรถศึกของตน แล้วเคลื่อนทัพเสด็จออกจากนครลงกา
ก็ยกกันมาทั้งสามยักษ์ใหญ่...ทศกัณฐ์ สหัสเดชะ และมูลพลัม...
แต่เมื่อมาถึงเขตป่าชายเมือง กลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับรถทรงของพญาทศกัณฐ์ ทั้งที่ฟ้าโปร่งแดดแรง แต่ฟ้าผ่าลงมาถูก งอนราชรถของทศกัณฐ์ หักทั้งชิ้น และที่สำคัญเศวตฉัตรประจำองค์เจ้าลงกา ก็ต้องสายฟ้าจนไหม้ไฟไม่เหลือซาก พญามารตกใจจนแทบทรงกายไม่อยู่
สหัสเดชะเห็นเหตุอาเพศไม่เป็นมงคล จึงให้สารถีหยุดรถ
...นี่น้องเรา เจ้าจงกลับไปรักษาเมืองเถิด เราสองพี่น้องจะรบกับมนุษย์และลิงป่าแทนเจ้าเอง น้องอย่าได้กังวล จงกลับไปคอยในลงกาเถิด...
ทศกัณฐ์รู้สึกใจชื้น ยกมือขึ้นถวายบังคม
...ขอบพระทัยที่พระองค์ทรงเมตตา ตัวน้องจะเข้าไปรอฟังข่าวดี... แล้วสั่งให้ชักรถ เลิกทัพกลับเข้าเมือง
ยกนี้ทศกัณฐ์ก็ยังไม่ได้มารบอีกตามเคย...
ทัพแห่งปางตาล เคลื่อนมาถึงสมรภูมิ ท้าวสหัสดชะสั่งให้หยุด เพื่อตั้งขบวนศึกเป็นรูปพญานาค คอยเวลาเข้าขยี้เหล่าวานร
.....
พระรามเพิ่งตื่นจากบรรทม เสด็จลงมหาสภาวานร เสียงฮึกเหิมแห่งกองทัพยักษ์ดังถึงพลับพลา พระอวตารจึงถามพิเภก เฉกเช่นเคยว่า...บัดนี้จอมมารตนใดยกทัพมา...
พญาพิเภกนับยาม ไล่นาที จนแน่ใจและกราบทูลว่า...
...ทัพนี้มิได้นำโดยแม่ทัพจากลงกา แต่เป็นมูลพลัม พระสหายของพญาทศกัณฐ์ ที่สำคัญองค์สหัสเดชะ เจ้าเมืองปางตาลผู้เป็นพระเชษฐาได้เสด็จร่วมทัพมาด้วย ครานี้เห็นที่พระองค์คงต้องออกทัพด้วยองค์เอง...
พระรามรับสั่งให้สุครีพขุนเสนีจัดทัพ เพื่อรับมือกับกษัตริย์แห่งปางตาล ทันที...
.....
บ่อเกิดรามเกียรติ์: ในรามายณะของอินเดียบอกว่า “มูลพลัม” คือกองทหารพิเศษ(ศสพ.)ที่ทศกัณฐ์ไว้ใจที่สุดเพราะแต่ละตนมีความเก่งกล้าในการใช้อาวุธทุกชนิด หลังจากที่สู้กับพระรามแล้ว ทศกัณฐ์ได้ส่งกองกำลังพิเศษมูลพลัมเข้าโจมตีพระรามแบบปฏิบัติการสายฟ้าแลบ มิใช่เป็นตัวบุคคล(มูลพลัม-อุปราชปางตาล)อย่างรามเกียรติ์ของไทย
ก็เลยนึกถึง...ชายแดนไทยด้าน อ.พบพระ จ.ตาก ที่เครื่องบินรบ มิก 29 ของเมียนมา ปฏิบัติการโจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยในเมียนมา ได้บินล้ำเข้ามาในเขตน่านฟ้าไทย
พวกโซเชียลกลุ่มเดิมๆที่โจมตีต่อต้านทหารและรัฐบาลไม่ให้ซื้อเครื่องบินรบและเรือดำน้ำ ก็ด่าว่ารัฐบาลปล่อยให้เครื่องบินรบเมียนมา เข้ามาลอยชายในเขตน่านฟ้าของไทยได้อย่างไร เรียกว่า ด่าให้เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง เฮ้อ...มนุษย์ขี้เหม็น!!!
ถ้าเปรียบกับเรื่องรามเกียรติ์...กองทัพของพระรามได้บุกรุกเขตแดนของลงกา สร้างถนนข้ามมหาสมุทรมาตั้งกองทัพในดินแดนเพื่อนบ้าน แถมยังโจมตีทำลาย กองทัพเรือ(นางผีเสื้อสมุทร) และกองทัพอากาศ(นางอากาศตะไล) จนป่นปี้ แล้วเดินทัพเข้าสู้รบกับกองทัพบกของลงกา...555..
.....
3 พญาอสูร
มูลพลัม สหัสเดชะ และทศกัณฐ์
.
เหตุอาเพศ ฟ้าผ่ารถทรงของทศกัณฐ์
.
เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นกับรถทรงของพญาทศกัณฐ์ ทั้งที่ฟ้าโปร่งแดดแรง แต่ฟ้าผ่าลงมาถูก งอนราชรถของทศกัณฐ์ หักทั้งชิ้น และที่สำคัญเศวตฉัตรประจำองค์เจ้าลงกา ก็ต้องสายฟ้าจนไหม้ไฟไม่เหลือซาก พญามารตกใจจนแทบทรงกายไม่อยู่
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:24:12 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #6 on:
04 July 2023, 08:14:57 »
4 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (7)
-เหล่าพลวานรแตกทัพหนีเข้าป่าด้วยเกรงบารมีท้าวสหัสเดชะ
พระรามตื่นจากบรรทมได้ยินเสียงพลยักษ์อึกทึก จึงเรียกพิเภกคนสนิทเข้ามาปรึกษาว่า
...ครานี้เป็นนายทัพแห่งลงกาตนใดยกพลมา...
พิเภกทูลตามที่ตนคำนวณเวลานาที
...ครั้งนี้มิใช่เป็นหน่อเนื้อเชื้อแห่งพญาทศกัณฐ์ หากแต่เป็นพญามูลพลัมผู้เป็นสหายรัก และที่สำคัญทัพนี้ยังมีท้าวสหัสเดชะเจ้าเมืองปางตาลผู้สามารถเหนืออสูรตนใด...ครานี้เห็นทีพระองค์ต้องเสด็จนำทัพด้วยองค์เอง...
พระรามสั่งให้พญาสุครีพนายพลใหญ่จัดทัพทันที สุครีพมอบหมายให้หนุมานเป็นกองหน้า องคตเป็นเกียกกายคอยตีซ้ำ ผู้นำทัพหลวงคือพระราม นิลนนท์เป็นยกกระบัตร โคมุทเป็นกองหลัง ไพร่พลทั้งปีกซ้ายขวาอาวุธครบมือ นั่งหมอบเฝ้ารอเสด็จองค์รามข้างราชรถ
พระรามพระลักษมณ์เข้าสรงน้ำ แต่งกายด้วยชุดกษัตริย์รัดกุม คว้าศรคู่กายแล้วก้าวขึ้นรถทรงนำขบวนทัพ อันมีกองพลที่ฮึกเหิม ขวัญกำลังใจของพลลิงแต่ละตัวยอดเยี่ยมมากเพราะรบกับยักษ์ทีไร นายชนะทุกที
เมื่อถึงสมรภูมิ เหล่าวานรที่เคยดูคึกคักกลับหยุดชะงัก ตัวชาขาสั่น เพราะเห็นร่างกายอันใหญ่โตราวเขาอัศกรรณของสหัสเดชะ เหล่าพลลิงแตกฮือวิ่งหนีเข้าป่าพงเพราะเกรงกลัวต่อความน่าเกรงขามของพญายักษ์พันหน้าที่ถืออาวุธครบทั้งสองพันมือ
.....
ทศกัณฐ์...สิบหน้า ยี่สิบมือ...นี่ก็ว่ายึกยือไม่น้อยแล้ว...พี่นี่ แกล่อเข้าไปพันหน้า กะอีกสองพันมือ...นึกภาพตามแล้วก็ขนลุก ไม่รู้จะเรียกว่าน่ากลัว หรือน่าเกลียดกันแน่ สำหรับสหัสเดชะ...
แต่เป็นอันว่า คตินิยายโบราณ หน้าเยอะมือเยอะกว่าปกติ...เขาถือว่าเก่ง มีฤทธิ์...
สองทัพเจอกันยกแรก ตามเรื่องกล่าวไว้ว่า...สหัสเดชะได้พรพิเศษ ใครเห็นก็จะต้องเกรงกลัวบารมี...เฮ้ย...ใช่เหรอว้า...เกรงกลัวหรือหยะแหยง...กันแน่...
แต่ก็ด้วยภาพลักษณ์ของสหัสเดชะ ทำให้ลิงระดับจ่าระดับประทวนลงไป เกรงกลัว วิ่งหนีหายหมด...เหลือแต่ลิงซีสูงๆระดับแม่ทัพนายพลเช่น...หนุมาน สุครีพ...อะไรประมาณนี้ ที่ยังทนรับหน้าได้...
.....
นายทัพชั้นผู้ใหญ่อย่างสุครีพและหนุมานยังไม่สามารถต้อนทหารของตนให้กลับเข้าขบวนได้ ขณะนี้นอกจากพี่น้องรามลักษมณ์ก็มีเพียงสุครีพ หนุมาน องคต ชมพูพาน วานรสิบแปดมงกุฎ และพิเภกเท่านั้นที่กล้ายืนประจันหน้ากับกองทัพแห่งปางตาล
พระรามเอ่ยถามที่ปรึกษาด้วยความประหลาดใจ
...ท่านพิเภก ที่ผ่านมากองทัพของเรารบกับพญามารมานักต่อนัก เหล่าทหารหาได้เกรงกลัวเช่นนี้ไม่ แต่ทำไมคราวนี้ไพร่พลถึงได้พากันตื่นกลัวแก่กองทัพยักษ์นี้นัก...
พิเภกทูลอย่างผู้รู้...นายทัพกองนี้คือท้าวสหัสเดชะ กษัตริย์แห่งเมืองปางตาล มีฤทธิ์แก่กล้าเป็นที่เกรงใจในหมู่มาร แถมยังได้พรจากองค์พรหมว่าหากจะเข้ารุกรานใคร เหล่าศัตรูจะต้องเกรงกลัวในบารมี จนมิกล้าสู้กับท้าวเธอ...
พระรามเข้าใจสาเหตุทั้งหมด หันไปรับสั่งให้พระอนุชาและเหล่าทหารตามเข้าป่าไปต้อนฝูงลิงที่หนีทัพให้กลับมา
.....
แต่ท้าวสหัสเดชะ โมโหถึงขีดสุด...
...ปัดโท่โว้ย...มูลพลัม ไอ้ทศกัณฐ์เพื่อนของเจ้านี่ช่างชั่วนัก หมิ่นเกียรติพี่ผู้เป็นผู้ใหญ่ให้ยกทัพมาตั้งไกล เพื่อมาปราบสองมนุษย์ตัวเท่านิ้วโป้งกับลิงป่าอีกไม่กี่ตัว แล้วทำมาบอกว่าการศึกนี้ใหญ่หลวงนัก...
...แม่งโม้นี่หว่า ไหนล่ะทัพลิงเจ็ดสิบเจ็ดสมุทร...กูเห็นไอ้จ๋ออยู่สี่ห้าตัวแค่เนี้ย ขืนไปฆ่าเข้า โดนคนนินทาตายห่า หาว่ารังแกเด็ก...
พี่ว่าเพื่อนเจ้ามันเล่นตลกอะไรกับเราซะแล้ว ข้าจะไม่ลดตัวกับการศึกกระจอกนี้ต่อไป ไม่เอาละโว้ย...กลับบ้านๆๆๆ......ทหารรรร......ถอยทัพ!!! ...
มูลพลัมตกใจสุดขีด เพราะเกรงว่าพี่จะโกรธไปมากกว่านี้ และกลัวจะเสียคำพูดกับเพื่อนรัก จึงรีบชักรถเข้าขนาบรถของพระเชษฐา
...ท่านพี่อย่าเพิ่งโกรธเลย น้องเห็นกับตาว่ากองทัพฝ่ายมนุษย์รามนั้นมีทหารวานรจำนวนมาก แต่ด้วยพระบารมีของบรมเชษฐา เหล่าพลลิงป่าจึงแตกฮือเข้าป่าพงหนีหางจุกก้นไปแล้ว...อันนี้ศึกใหญ่จริง เฮียทศฯไม่ได้โม้หรอกนะ...
เมื่อสหัสเดชะได้รับการยอพระเกียรติจากน้องชาย ก็หัวเราะชอบใจด้วยปากทั้งพันจนดังสนั่นลั่นป่า
...เอาอย่างนี้ละกัน เจ้าจงเข้าป่าไปกวาดต้อนเหล่าวานรมาทางนี้ พี่จะรอสังหารโหดพวกมันทีละตัว จะกุดหัวทั้งนายมนุษย์และทั้งลิงบ่าวให้สนุกมือ ยิ่งไอ้พิเภกจอมทรยศ พี่จะหั่นมันเป็นชิ้นๆ ไม่ให้แค้นคอกา ไปเถอะมูลพลัมน้องรัก...
มูลพลัมถวายบังคม แล้วนำกองทหารของตนเข้าป่า เพื่อกวาดต้อนวานรแตกทัพ
เหล่าทหารวานรที่แอบอยู่ที่ซ่อน ได้ยินเสียงช้างม้าของเหล่ายักษ์ที่ตามมา ก็ตื่นกลัววิ่งเกลื่อนป่า ต่างหาทางเอาชีวิตรอด จนวิ่งมาพบพระลักษมณ์ พญาสุครีพและหนุมานที่ตามมาเรียกกลับทัพ เหล่าทหารลิงน้อยเริ่มมีความมั่นใจว่า อย่างน้อยก็มีนายตามมาช่วย จึงหันหน้ากลับเข้าต่อสู้กับทัพยักษ์ที่ตามมา...
.
มูลพลัมและสหัสเดชะออกศึก
.
ท้าวสหัสเดชะ ผู้น่าเกรงขาม ได้พรจากพระพรหม เมื่อรบกับใครก็ให้มีชัยชนะ พลในกองทัพฝ่ายตรงข้ามแตกกระจายไป อย่างไม่เป็นท่า
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:28:04 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #7 on:
04 July 2023, 08:16:08 »
4 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (8-แปด)
-มูลพลัมต้องศรของพระลักษมณ์ ตายอนาถ
เมื่อมูลพลัมมาถึง เหล่าวานรได้รวมตัวกันจัดขบวนเตรียมรับศึกอย่างเรียบร้อย เห็นองค์ลักษมณ์ผู้งดงาม ยืนสง่าในตำแหน่งนายทัพ จึงเกิดความหมั่นไส้
...เหวย เหวย นี่เจ้ามนุษย์ตัวเล็ก ทำเป็นอวดดี จะเอาทัพลิงเถื่อนมาสู้กับกู แต่ทำไมทำเป็นขี้ขลาดหนีมาซ่อนอยู่ในป่าอย่างนี้ ก่อนมึงจะตายด้วยคมหอกสุรกานต์ของกู จงบอกชื่อของมึงมา...
พระลักษมณ์รู้สึกโกรธยิ่งนัก ที่ถูกยักษ์หัวโล้นดูถูกว่าตนหนีมาซ่อนตัว
...เฮ้ย ไอ้ยักษ์หยาบช้า กูนี่แหละคือน้ององค์รามชื่อว่าลักษมณ์ ได้อวตารพร้อมพระองค์ลงมาปราบเหล่ายักษ์ร้าย ก่อนที่ศรกูจะตัดหัวมึงขาด จงแจ้งชื่อของมึงมาเพื่อกูจะได้รู้ว่าศรของกูจะตัดหัวผู้ใด...
พญามูลพลัมโกรธ เพราะไม่คิดว่ามนูษย์ตัวน้อยจะกล้าต่อปากต่อคำกับตน จึงตวาดสวนกลับไป
...กูนี่แหละคือพญามูลพลัม อุปราชเมืองปางตาล เป็นสหายสนิทของท้าวทศกัณฐ์ ที่ยกพลมาก็เพราะจะมาฆ่าพวกมึง ผู้เป็นศัตรูแห่งลงกา...
...ทหารแห่งปางตาลฟังข้า จงฆ่าเหล่าศัตรูอย่าได้ปราณี...
พลยักษ์บุกโจมตีเหล่าทหารลิงทันที ลิงหนีทัพรวบรวมกำลังใจเข้าต่อสู้อย่างมิคิดชีวิตดั่งขอไถ่โทษจากนายตน จนสามารถฆ่าทหารแห่งมูลพลัมตายเรียบ
สี่ขุนพลแห่งกองทัพน้อยของมูลพลัม ทั้ง ตรีพลัม อติกัม ไชยาสูร และกาลสูร เห็นลูกน้องตายก็เจ็บแค้นยิ่งนัก กระโจนเข้าฟันแทงลิงป่าอย่างบ้าระห่ำ นายทหารลิงอย่าง นิลเอก นิลขัน สุรเสน สุรกานต์ เห็นท่าลูกน้องจะรับศึกจากยอดฝีมือแห่งมูลพลัมไม่ไหว จึงเข้าช่วยรบ แปดยอดฝีมือจากสองเผ่าพันธุ์ ต่างแลกอาวุธกันอย่างดุเดือด จนขุนพลแห่งปางตาลทั้งสี่ เสียชีวิตด้วยน้ำมือวานรตัวน้อย
บัดนี้มูลพลัมทั้งโกรธและทั้งงงว่า ยอดฝีมือยักษ์แพ้ลิงป่าได้อย่างไร จึงกระชับหอกสุรกานต์ บริกรรมคาถาแล้วซัดตรงเข้าปักอกพระลักษมณ์ ด้วยแรงซัดแห่งหอกวิเศษส่งให้พระหน้าทองลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น
หนุมานรีบเข้าไปประคองนาย พยายามดึงหอกให้หลุดออกจากอกองค์ลักษมณ์ แต่ก็ไร้ค่า จะกระชากแรงกว่านี้ ก็เกรงว่านายจะเจ็บองค์ จึงสำรวมท่องคาถาได้เจ็ดคาบแล้วเป่าลงทั่วทั้งองค์พระอนุชา หอกนั้นพลันหลุดออกอย่างง่ายดาย เพียงครู่เดียวพระลักษมณ์สามารถทรงกายขึ้น เงื้อศรสิทธิ์ พร้อมจะรบต่อเพื่อชำระแค้น
หนุมานรีบเข้ากราบทูล...บัดนี้พระองค์มิได้ทรงรถศึก อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่ารถยักษ์มูลพลัม เพื่อให้สมพระเกียรติ ขอเชิญเสด็จประทับบนบ่าของข้าบาทเถิด...
จากนั้นหนุมานเสกร่างกายให้ใหญ่โต จนมีความสูงเท่าราชรถของมูลพลัม พระลักษมณ์เสด็จขึ้นบ่าวายุบุตร จนทุกชีวิตในสนามรบต้องหยุดชมภาพอันงดงาม เพราะบัดนี้พระลักษมณ์งามสง่า ดั่งพระนารายณ์ทรงสุบรรณ
มูลพลัมชักรถเข้าต่อสู้กับพระลักษมณ์อย่างดุเดือด ต่างฝ่ายต่างชำนาญในการโจมตี ต่างหลบหลีกอย่างรู้ทันกลศึกของกันและกัน จนองค์ลักษมณ์ได้โอกาสแผลงศรเข้าสังหารสารถีคู่ใจมูลพลัม และทำลายรถทรงของมูลพลัมจนพังไม่มีชิ้นดี
อสูรนักรบตกลงจากรถ แต่ก็ยังทรงกายไว้ได้ มูลพลัมขว้างจักรอันเป็นอาวุธลับประชิดตัวหมายตอบโต้ แต่พระลักษมณ์ผู้ว่องไว พาดสายศรพลายวาตยิงเข้าทำลายจักรกรดแตกละเอียดกลายเป็นผง ศรสิทธิ์แห่งองค์ลักษมณ์แล่นเข้าสังหารทหารแห่งมูลพลัมตายทุกนาย
บัดนี้ท้าวมูลพลัมสิ้นรถ สิ้นพลโยธา องค์อุปราชเริ่มถอดใจไม่อยากสู้ต่อ เพราะจริงๆแล้วศึกนี้ไม่ใช่กิจอะไรของปางตาลเลย การนี้มิได้เกี่ยวข้องกับตนแม้แต่น้อย แต่เพื่อให้สมกับเป็นชายชาติกษัตริย์ และเพื่อคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อทศกัณฐ์เพื่อนรัก มูลพลัมจำต้องแข็งใจสู้ สู้ต่อเพื่อชื่อเสียงของตน ของนักรบแห่งปางตาล
บัดนี้มหาอุปราชแห่งปางตาล เหมือนหมดทางจะต่อกรต่อไป เจ้าชายอสูรรวบรวมกำลังที่เหลืออยู่ ทะยานขึ้นไปหักยอดเขาที่ใกล้ที่สุด แล้วทุ่มก้อนหินใหญ่ลงมาอย่างสุดแรง หมายจะสังหารพระลักษมณ์
แต่น้องพระอวตาร เตรียมง้างธนูรอไว้แล้ว ทรงปล่อยพระแสงศรเข้าเสียบทะลุร่างมูลพลัม อุปราชแห่งปางตาล ถูกทิ้งให้ตายอย่างอนาถ ณ กลางป่านั้นเอง...
เมื่อมูลพลัมตาย พระลักษมณ์นำเหล่าวานรกลับมาเฝ้าพระราม เล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา และได้กล่าวชื่นชมหนุมานที่ได้ช่วยชีวิตตนไว้ และไว้พระเกียรติโดยการให้ขึ้นประทับบ่าในการต่อสู้ จนได้รับชัยชนะ
พระรามทรงชื่นชมพระอนุชาว่า ถูกอาวุธหนักถึงสึ่ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นไร ชมเชยหนุมานว่าคือยอดขุนพล และเหล่าเสนาวานรและสิบแปดมงกุฎ ว่ามีฝีมือเกินจะหาใครเทียบได้ หากเสร็จศึกแล้วจะมีรางวัลให้...
.
พระลักษมณ์ต้องหอกวิเศษสุรกานต์ของมูลพลัม (บน)
.
พระลักษมณ์นั่งบนบ่าหนุมาน (ขวา) แผลงศรพลายวาตต้องมูลพลัมตาย (ซ้าย)
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:32:27 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #8 on:
05 July 2023, 09:30:08 »
5 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (9)
-หนุมานแปลงกายเป็นลิงน้อยไปล่อลวงสหัสเดชะ
พญาพิเภกผู้ยังมีสีหน้ากังวล เข้ากราบทูลว่า...
อันการศึกกับทัพปางตาลแทบจะยังมิได้เริ่มต้น เพราสหัสเดชะผู้ปรีชา คือผู้ที่ข้าบาทกังวลเป็นที่สุด หากจะเข้าต่อกรกันแบบตรงๆ เห็นทีจะไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายเราเป็นแน่ ราชาแห่งยักษ์ตนนี้ได้พรจากองค์พรหมให้ชนะศ้ตรูทุกครั้ง แถมยังมีอาวุธวิเศษคือคทาต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น เวลานี้เกล้ากระหม่อมเห็นมีอยู่ทางเดียวคือ ขอให้พระองค์ใช้พญาหนุมานผู้ปรีชาไปลวง...
(ของวิเศษที่ทำให้สหัสเดชะน่ากลัว...คือ คทาเพชร หรือ กระบองวิเศษ..ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น...)
หนุมานเข้าใจถึงความจำเป็นและแผนการทุกอย่าง วายุบุตรถวายบังคมลาไปทำภารกิจต่อไปทันที...
หนุมานเหาะกลับไปยังแนวป่า เหลือบเห็นกองทัพของสหัสเดชะตั้งอยู่ในที่มั่น จึงหาที่เข้ากำบัง แปลงกายเป็นลิงน้อยสีขาวผ่อง คอยซุ่มดูอยู่บนกิ่งไม้ ใกล้บริเวณราชรถทรงของราชาแห่งปางตาล
ทหารไม่กี่นายของมูลพลัมที่รอดชีวิต ต่างวิ่งกลับมารายงานองค์สหัสเดชะ
...บัดนี้มหาอุปราชมูลพลัมได้พลีชีพขณะต่อสู้กับมนุษย์แล้ว ศพขององค์อุปราชยังถูกทิ้งไว้ในป่าอยู่เลย พระเจ้าค่ะ...
สหัสเดชะตกใจจนหน้าซีด เหงื่อโชกเต็มตัว ตามด้วยความรู้สึกโกรธ ว่าเหตุใดยอดฝีมืออย่างมูลพลัมถึงเสียทีต่อมนุษย์เอวบางร่างอ้อนแอ้น ตาทั้งสองพันดวง บัดนี้แดงดั่งไฟ
...เอาหละรามลักษมณ์ กูจะแสดงให้มึงประจักษ์ว่าท้าวสหัสเดชะผู้นี้คือใคร...
จากนั้นพญามารสั่งตีธง เคลื่อนทัพบุกค่ายวานรทันที...
เมื่อหนุมานในรูปลิงน้อยเห็นพญายักษ์สั่งเคลื่อนพล เห็นเป็นโอกาสจึงกระโดดเข้าตัดหน้าราชรถสุรกานต์ จนสารถีต้องกระชากสายบังเหียนอย่างกระทันหัน ทำให้ท้าวสหัสเดชะหน้าเกือบคะมำ เหล่านางสนมทั้งห้าร้อยตกใจวีดว้ายอลหม่านไปหมด
ราชาร่างใหญ่โกรธจัด รับสั่งให้ทหารจับลิงป่าโอหังมาลงโทษให้ได้ ลิงน้อยทำตกใจวิ่งหนีเหล่าอสูร จนถูกจับตัวมาถวายพญามาร
...ไอ้ลิงเดียรัจฉาน ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง บังอาจมาวิ่งตัดหน้ารถกู มึงชื่อแซ่อะไร มาจากไหน...บอกมา...
ลิงน้อยทำตัวสั่น สะดุ้งทุกครั้งที่สหัสเดชะตวาดถาม
...อันข้าน้อยมาจากเมืองขีดขิน มีชื่อว่า สังขวานร เป็นข้ารับใช้พญาพาลี พระรามได้สังหารราชาพาลีตายอย่างไม่เป็นธรรม แล้วยังยกสุครีพขึ้นครองเมือง จากนั้นพวกเราชาวขีดขินก็ถูกต้อนรอนแรม ขึ้นเขาข้ามทะเลมาร่วมการศึกที่ชาววานรมิได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวด้วยเลย
ข้านี้แสนจะกลัวฤทธิ์เดชแห่งยักษ์ ยามจะนอนก็หลับไม่เต็มตา ยามจะกินก็ไม่อิ่มท้อง พวกนายทหารลิงก็ใช้ให้ทำงานไม่หยุดหย่อน ข้าเลยหนีทัพเข้าป่ามาซ่อนตัว แต่เมื่อได้ยินเสียงเดินทัพของท่าน ข้าก็นึกว่านายทัพขีดขินจะมาตามตัวไปลงโทษ จึงคิดหนีเอาตัวรอด จนกระโดดตัดหน้าราชรถของพระองค์โดยมิได้ตั้งใจ ขอโปรดประทานอภัยให้ข้าน้อยด้วยเถิด...
...ทัพของท่านดูเพรียกพร้อมไปด้วยเดชและพลัง ข้าไม่เคยเห็นทัพใดที่น่าเกรงขามอย่างนี้มาก่อน นี่ท่านจะไปออกศึกที่ไหนกันหรือ วานบอกข้าน้อยที...
เมื่อสหัสเดชะได้ยินคำยอพระเกียรติจากลิงน้อยชมว่า ทัพของตนนั้นยิ่งใหญ่ก็ยินดี
...นี่เจ้าลิงน้อย ข้าผู้เป็นใหญ่ไม่เอาโทษชีวิตเล็กๆที่ไม่มีเจตนาร้ายอย่างเจ้าหรอก ขณะนี้ข้ายกพลจะไปฆ่าพี่น้องรามลักษมณ์และจะทำลายกองทัพลิงของมันให้บรรลัย...
เมื่อหนุมานได้ยินชื่อนาย ก็แสร้งทำเป็นยินดี
...โชคชะตาได้พาข้าให้มาพบท่านผู้ยิ่งใหญ่ หากสองพี่น้องรามลักษมณ์ตาย ข้าก็จะได้พ้นภัยเสียที...
สหัสเดชะนึกเอ็นดูลิงน้อย จึงชวนให้มาอยู่ด้วย
...ข้าจะชุบเลี้ยงเจ้าเอง มา มาขึ้นรถ เราจะได้ร่วมออกศึกด้วยกัน...
(สหัสเดชะมีพันหน้าก็จริง ไม่รู้ว่าแต่ละหน้าจะมีสมองมากน้อยเท่าไร แต่คาดว่าคงไม่มากนัก เพราะพอเจอหนุมานปลอมตัวเป็นลิงน้อย หนีทัพพระรามมา ก็เชื่อใจ รับขึ้นมานั่งบนรถทรงด้วย...นี่แหละน้า...ที่เค้าว่ากันว่า อย่ารับคนแปลกหน้าขึ้นรถนี่ มันจริงตั้งแต่สมัยนั้นเลย...)
.
สหัสเดชะ เป็นหนึ่งในยักษ์ทวารบาลสองตน ที่ยืนเฝ้าประตูทางเข้าพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามและวัดอรุณราชวราราม คู่กับทศกัณฐ์ เพราะถือว่าเป็น ยักษ์ที่มีฤทธิ์มากดุจเดียวกับทศกัณฐ์
สหัสเดชะ มีกระบองวิเศษที่พระพรหมประทานให้ มีฤทธิ์คือ ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น และได้รับพรเมื่อข้าศึกหรือศัตรูเห็น จงหนีหายไปด้วยความกลัว และพลในกองทัพฝ่ายตรงข้ามแตกกระจายไป อย่างไม่เป็นท่า
.
ถ้าทศกัณฑ์ ใส่Mask 10 อัน ยักษ์สหัสเดชะ ต้องใส่ Mask กี่อัน ?? 555..
.
หนุมานแปลงร่างเป็นลิงเล็ก(ลิงเป็นลิง) มาหลอกล่อท้าวสาหัสฯ
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:35:24 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #9 on:
05 July 2023, 09:31:11 »
5 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (10)
-หนุมานได้คทาเพชรของสหัสเดชะ
หนุมานทำท่าดีใจ กระโจนขึ้นนั่งตรงส่วนหน้าราชยานอย่างลิงโลด รถทรงใหญ่แล่นไปเพียงชั่วครู่ ลิงน้อยร้อยเล่ห์ทำสะดุ้งจนตัวสั่น ตกใจกลัว สหัสเดชะสงสัย
...ไอ้ลิงป่า นี่เอ็งเป็นอะไร...
ลิงน้อยตอบด้วยตาอันใสซื่อ...ตัวข้าเป็นเพียงลิงน้อยไม่มีฤทธิ์ หากเหล่าอสูรและวานรเข้าโจมตีกันเมื่อไร ข้ากลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย ข้าน้อยขอนั่งอยู่หลังรถ คอยอยู่ด้านหลังพึ่งพระบารมีจะดีกว่า...
สหัสเดชะหลงเชื่อ...เอา เอาเจ้าขี้ขลาด มามะ มานั่งอยู่ข้างหลังข้ามา...
ลิงน้อยคลานไปหลบอยู่หลังพญายักษ์ร่างใหญ่ ลิงน้อยวางท่าแสดงออกว่ารู้สึกปลอดภัย สบายใจ ตบมือยักคิ้ว ทำเริงร่าราวล้อเลียนพญายักษ์ สหัสเดชะเมื่อเห็นลิงป่ามีกริยาล้อเลียนตน โมโหตวาดใส่
...นี่ไอ้ลิงป่า ทำท่าล้อเลียนกู ตบมือยักคิ้วอยู่ได้ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นี่คงจะมาหลอกนั่งรถกูหละสิ...
หนุมานทำกลัวอาญา จนตัวสั่น...ข้าน้อยร่อนเร่มาแต่เพียงผู้เดียว พอได้พระบารมีแห่งองค์สหัสเดชะปกเกล้า ก็เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ที่ตบมือหัวเราะเพราะตื่นเต้นที่จะเห็นพี่น้องรามลักษมณ์ รวมถึงเจ้าขุนลิงหนุมานถูกฆ่า แค่คิดข้าก็มีความสุขแล้ว ข้าน้อยรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใต้พระปกเกล้า...
สหัสเดชะเชื่อลิงน้อยอย่างหมดใจ แถมยังมีความเอ็นดูมากขึ้นอีก ราชาอสูรมิพูดอะไรให้เดินทัพต่อ...
แต่พอรถสุรกานต์เคลื่อนไปแนวป่าซักพัก ลิงน้อยก็แสร้งกอดเข่าร้องไห้ ทำทีเป็นเช็ดน้ำตา ท้าวสหัสเดชะสงสัย จึงตวาดถาม...
...อ้าว ไอ้ลิงเผือก มึงนี่ท่าจะบ้าไปแล้ว เมื่อกี้ยังทำทะลึ่ง แลบลิ้นปลิ้นตา ตอนนี้มานั่งร้องไห้ หรือยังอาลัยสองมนุษย์นายเก่า หรือหนุมานหัวหมู่ของมึงอยู่...
ลิงเล็กปาดน้ำตา...สองมนุษย์นั้นหากตายได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ข้ายินดียิ่ง ที่ห่วงคือเหล่าพี่น้องของข้าที่ต้องมาเสียชีวิตในมหาสงครามนี้ นี่เป็นเพราะความหยาบช้าจากเจ้าสองมนุษย์แท้ๆ...
ถึงสหัสเดชะจะมีหน้าตาที่ดุดัน แต่บัดนี้ดวงตาทั้งพันคู่เปี่ยมไปด้วยความเอ็นดูต่อลิงเผือกแปลกหน้าตัวนี้
...เมฆกาลาขุนศึกแห่งปางตาล เจ้าจงกำชับแก่หมู่ทหารว่า ก่อนจะโจมตีเหล่าวานร จงถามเสียก่อนว่า พลวานรกองนั้นเป็นพวกของสังขวานรหรือไม่ หากใช่ ขอให้เพียงจับตัวมา เราจะนำมาเลี้ยงดูให้ดีเยี่ยงสังขวานร ลิงน้อยของข้า...
เมื่อหนุมานเห็นว่าสหัสเดชะตายใจ จึงกล่าวยอพระเกียรติต่างๆนานา
...พระองค์ได้ประทานชีวิตใหม่แด่ข้าและญาติมิตร ในการศึกครั้งนี้ข้าบาทขอถวายชีวิต แม้นตายเพื่อพิทักษ์พระเกียรติก็ยอม...
...แต่ เอ..ตัวข้าบาทจะใช้อาวุธใดออกรบเคียงท่านหละ พระหัตถ์ทั้งสองพันของท่านก็ครบครันไปด้วยศาสตรา ข้าน้อยขออาวุธที่มีฤทธิ์สักชิ้นไว้เพื่อป้องกันกาย...
สหัสเดชะได้ฟังลมปากลิงแปลง กลับรู้สึกเอ็นดู จึงยื่นคทาวิเศษของตนให้
...นี่คือคทาเพชรคู่ใจข้า เพียงเจ้าใช้ต้นคทาชี้ไปที่ศัตรู พวกมันก็จะตาย แต่หากใช้ปลายคทาชี้ศพใด กายนั้นก็จะฟื้นคืนดั่งเดิม...
(เฮ้อ...สมควรแล้วพี่สาหัส เอ๊ย.สหัสฯ...รับคนแปลกหน้าขึ้นรถ แล้วยังยื่นปืนให้เค้าอีก คราวนี้คงสาหัสแน่)
.
บัดนั้น คำแหงหนุมานชาญสมร
จึ่งเข้ารับเอาคทาธร จากกรพญาอสุรี
มีความชื่นชมโสมนัส ดั่งได้สมบัติโกสีย์
แล้วคิดว่าอันขุนยักษ์นี้ เสียทีเป็นเจ้าแก่หมู่มาร
ทรลักษณ์โง่เง่าดั่งเต่าวัว อ้างอวดยกตัวว่ากล้าหาญ
ฆ่าเสียก็จะบรรลัยลาญ แต่ไม่อัประมาณแก่เทวัญ
อย่าเลยจะมัดไปถวาย องค์พระนารายณ์รังสรรค์
คิดแล้วยอกรบังคมคัล ก็ร่ายพระเวทอันศักดา ฯ
.
เมื่อหนุมานลวงสหัสเดชะจนได้คทามาอยู่ในมือ ก็ร่ายมนตร์บันดาลร่างให้ใหญ่โตเทียบองค์พรหม สำแดงเดช มีสี่หน้า แปดมือ ใช้เท้าถีบสหัสเดชะผู้เคยอนุบาลตนจนตกจากราชรถ
.
กลับกลายเป็นมหาพรหมาน สี่พักตร์สูงตระหง่านเวหา
แปดกรสำแดงฤทธา วานรโถมถีบอสุรีฯ
.
หนุมานในร่างลิงยักษ์กระทืบเท้าจนรถรัตนมณีแหลกยับไม่มีชิ้นดี เหล่านางสนมทั้งห้าร้อยหวีดร้อง วิ่งหนีแตกกระเจิงด้วยความตกใจ
ท้าวสหัสเดชะทรงกายยืนขึ้นอีกครั้ง ทั้งตกใจทั้งโกรธที่เสียรู้แก่หนุมาน แถมยังห่วงเหล่านางกำนัลที่ร้องเร่อย่างขวัญเสีย ทั้งสองพันหัตถ์คว้าทั้งนางใน ควานหาอาวุธ ดูวุ่นวายไปหมด
.
สหัสเดชะ มีกระบองวิเศษที่พระพรหมประทานให้ มีฤทธิ์คือ ต้นชี้ตายปลายชี้เป็น
.
หนุมาน - ลิงหลอกเจ้า555..
.
ภาพวาดการ์ตูน หนุมานกระโดดขี่หลังท้าวสหัสเดชะ
.
...........
จุดจบของสหัสเดชะจะเป็นอย่างไร โปรดติดตาม...
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:37:59 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #10 on:
06 July 2023, 10:06:54 »
6 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (11)
-จุดจบของสหัสเดชะ
หนุมานตบมือเยอะเย้ย...นี่หรือจอมมาร อวดอ้างว่าจะมาต่อยุทธกับองค์อวตาร เสียแรงที่มีตั้งพันหน้า มีมือรอบกาย แต่มาโดนทศกัณฐ์หลอกใช้ ตัวกูชื่อคำแหงหนุมาน วันนี้กูจะมาเอาชีวิตมึง...
สหัสเดชะได้ยินคำดูถูกจากหนุมานก็เดือดดาล กระทืบบาทแกว่งอาวุธที่มีอยู่ครบมือ ชี้หน้าด่า
...นี่หรือหนุมานผู้เต็มไปด้วยมารยา มาขอร้องให้กูปราณีไว้ชีวิต มาขอนั่งรถทรง มีแต่คำโกหกออกมาจากปากลิงชั่ว มึงลวงเอากระบองวิเศษของกูไปอย่างไม่อาย มึงนี่เสียทีที่เกิดเป็นชาย...
หนุมานตอบโต้กลับ...ผู้ที่ฉลาดกว่าย่อมจะชนะในการศึก ในสงครามกลยุทธต่างๆ หาถือเป็นสัจจะใดได้ พวกมึงได้แต่อวดว่าเก่งกล้า น้องมึงก็ตายด้วยฝีมือองค์อนุชาลักษมณ์ หากมึงอยากได้กระบองคืน กูก็จะคืนให้...
(แอบคิดในใจว่า...หนุมานต้องใช้คทาชี้ให้สหัสเดชะตายแน่นอน แต่หนุมานฉากนี้ ก็แมนมากๆ...)
.
อันซึ่งตระบองของเอ็งนี้ ถึงมีฤทธีเกรียงไกร
ตัวกูไม่คิดปรารถนา อสุราต้องการจะคืนให้
ว่าพลางก็หักเสียทันใด โยนไปตรงหน้าอสุรา
.
(เอ...ไม่รู้ว่าแมนหรือใช้ไม่เป็นกันแน่...แต่สรุปคือ สหัสเดชะตายด้วยน้ำมือหนุมาน)
หนุมานชูคทาวิเศษของสหัสเดชะขึ้น แล้วหักออกเป็นสองท่อน โยนซากคทากลับไปตกตรงหน้าจอมอสูร ราชาแห่งปางตาลไม่มีทางออกใด นอกจากสั่งให้ทหารเข้าโจมตีหนุมานทันที
หนุมานผู้บัดนี้ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีสี่หน้าแปดกร ฆ่าสมุนมารตายเรียบ บัดนี้เหลือเพียงท้าวสหัสเดชะเพียงองค์เดียวในสนามรบ สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนู เข้าปักทั่วร่างหนุมาน แต่วายุบุตรกลับมิรู้สึกระคายผิว ดึงลูกธนูออกเล่นดั่งถูกหนามตำ
สหัสเดชะเข้าประชิดตัว ใช้ด้ามศรฟาดที่กลางหลังหนุมานจนเซไป พญาลิงลมทรงกายไว้ได้ หันกลับมาตอบโต้ จ้วงแทงตรีเพชรเข้าที่ร่างของราชาอสูร ชิงอาวุธได้จากทั้งสองพันหัตถ์
บัดนี้พญายักษ์เจ็บไปทั่วกาย ไร้ทางสู้ หมดพลังที่จะยันกายลุกขึ้นสู้อีกครั้ง นอนนิ่งมิไหวติง พญามารรู้สึกเสียเกียรติ เสียดายชีวิตยิ่ง แต่เพื่อมิให้ชื่อเสียงมัวหมอง
พญาสหัสเดชะรวบรวมกำลังเฮือกสุดท้าย ทะลึ่งขึ้นหักยอดเขา หมายทุ่มสังหารวานรเผือกอย่างสุดแรง แต่หนุมานปัดหินใหญ่ได้ด้วยมือทั้งสี่ ใช้ตรีเพชรจ้วงฟันร่างอันใหญ่โตของสหัสเดชะจนเลือดโชกทั้งกาย
จากนั้นหนุมานเสกหางให้ยาวพอที่จะรัดร่างพญามารไว้อย่างแน่นหนา สหัสเดชะจะดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด มีแต่จะบีบรัดร่างกายมากขึ้น จนร่างกายพญาอสูรแทบจะแหลกละเอียดจากแรงบีบรัด
สหัสเดชะได้แต่ร้องไห้ รำพันอาลัยต่อจุดจบที่ตกต่ำของตน...
.
โอ้อนิจจาแก่ตัวกู เสียแรงรู้พระเวทรังสรรค์
เสียแรงเรืองฤทธิไกรดั่งไฟกัลป์ อาวุธครบครันสองพันกร
เชื้อชาติบุรุษอาชาชาญ แกล้วกล้าชำนาญในการศร
เลื่องชื่อลือเดชขจายจร ฤทธิรอนปราบได้ทั้งแดนไตร
ควรหรือหลงลมแก่ลิงป่า มาลวงเอาคทาไปได้
จนเสียตนเสียชีพชีวาลัย ใครเลยจะนับว่าดี
เป็นที่อัปยศอดสู แก่หมู่เทวาทุกราศี
ทั้งมนุษย์ครุฑานาคี ร่ำพลางอสุรีก็โศกา ฯ
.
เมื่อแน่ใจว่าได้มัดเชลยอย่างแน่นหนาดีแล้ว หนุมานเสกหางให้ยาวออกจากตัวสหัสเดชะ แล้วบุตรพระพายทะยานขึ้นฟ้ากลับพลับพลา เพื่อเฝ้านายตน
...ข้าบาทได้รบชนะจอมมารสหัสเดชะ และได้มัดกายมันไว้อย่างแน่นหนา บัดนี้พญายักษ์ยังพอมีลมหายใจอยู่ ขอให้พระองค์โปรดบัญชาให้เหล่าวานรเข้าไปเย้ยหยันให้มันได้อับอาย...
พระรามมีความยินดียิ่งนัก ที่วันนี้ฝ่ายของตนสามารถปราบกษัตริย์ยักษ์ได้ถึงสองตน พระรามมีราชโองการให้เหล่าวานรน้อยใหญ่ รีบออกไปเยาะเย้ยสหัสเดชะให้สาแก่ใจตามคำทูลแนะนำของหนุมาน
เมื่อขบวนวานรมาถึง ภาพที่เห็นคือ ยักษ์ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีเศียรรอบหัว มือที่อยู่ทั่วตัวบัดนี้ดูอ่อนแรงปวกเปียกไปหมด พญามารแต่งองค์ด้วยอาภรณ์สีขาวสลับทองที่บัดนี้เลอะเทอะไปด้วยรอยเลือด บัดนี้ราชาแห่งปางตาล ดูระโหยโรยแรงเหลือเกิน
เมื่อทหารลิงเห็นเหล่านางสนมของสหัสเดชะที่ติดตามมาดูแลราชาของตนอย่างใกล้ชิด ต่างคึกคะนองเข้าหยอกล้อแต่ละนางด้วยกริยาอันกลักขฬะเป็นที่สุด บ้างดึงสไบผ้าผ่อนจนหลุดลุ่ย บ้างฉุดกระชากเหล่านางในเข้ารกพงอย่างสนุกสนาน ทั่วบริเวณนั้นมีแต่เสียงหวีดร้องของเหล่าอสุราสาวที่ต่างวิ่งหนีลิงป่ากันให้วุ่น ทหารลิงบางส่วนจับกลุ่มกัน ชี้หน้าประจานเย้ยพญายักษ์อย่างสนุกปาก
.
นี่หรือเจ้ากรุงปางตาล พี่น้องอวดหาญว่าแข็งขัน
มาช่วยจะเอารางวัล ทีนี้กุมภัณฑ์ได้สมคิด
เหวยไอ้ตัวโตโง่เปล่า ไม่รู้เท่าหนุมานแต่สักหนิด
อวดมือสองพันว่ามีฤทธิ์ จะสู้พระจักรกฤษณ์เลิศไกร
กูนี้ขอบคุณเอ็งหนักหนา อุตส่าห์พาเมียมาส่งให้
ในที่กันดารลำบากใจ หรือจะใคร่เอาเชื้อวานร
ว่าพลางไขว่คว้านางกำนัล ยิงฟันตะคอกหลอกหลอน
ลางลิงเข้ายุดฉุดกร ยื้อคร่าผ้าผ่อนไม่สมประดี
เหวยเหวยเฮ้ยอ้ายยักษ์เฒ่า ดูเราจะภิรมย์สมศรี
ว่าพลางจูบนางอสุรี ทำทีเยาะเย้ยไปมา ฯ
.
ฟังดูเหมือนเป็นการซ้ำเติมที่เจ็บช้ำสำหรับพญาสหัสเดชะผู้ที่ได้แต่หลับตาร้องไห้ เบือนหน้าหนีความอัปยศ หนีจากภาพตรงหน้า ภาพที่เหล่าฝูงลิงทำอุบาทว์ลวนลามข้าราชบริพารของตน
จนหนุมานเห็นว่ากิจกรรมเย้ยเยาะศัตรูให้เจ็บแสบนั้นพอสมควรแล้ว วายุบุตรชักตรีเพชรออกจากอก วิ่งเข้าฟันฉับที่คอของสหัสเดชะขาดกระเด็นทันที
.
เศียรนั้นก็ขาดกระเด็นไป ด้วยฤทธิไกรกระบี่ศรี
ล้มลงกับพื้นปถพี สุดสิ้นชีวีวายปราณ ฯ
.
นี่คือการส่งวิญญาณอสูรพรหมให้หลุดออกจากความอัปยศ นี่คือการตอบแทนความกรุณาของสหัสเดชะ ที่มีให้แก่เจ้าลิงน้อยตัวนั้น...
.
ครั้นเสร็จซึ่งล้างกุมภัณฑ์ ลูกพระพายเทวัญใจหาญ
ก็พาวานรบริวาร มาเฝ้าพระอวตารผู้ศักดา ฯ
จึ่งน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล นเรนทร์สูรธิราชนาถา
อันสหัสเดชะอสุรา ข้าฆ่าสุดสิ้นชีวี ฯ
.
หนุมานนำเศียรสหัสเดชะถวายแก่องค์ราม พระองค์ทรงกล่าวชมหนุมานว่าเก่งกล้าสามารถ ใช้ทำการใดก็สำเร็จทุกคราไป แล้วตรัสสั่งให้สารถีกลับรถทรงสุรกานต์ ให้พลวานรกลับยังพลับพลา...
.
หนุมานผู้บัดนี้ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีสี่หน้าแปดกร ฆ่าสมุนมารตายเรียบ สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนู เข้าปักทั่วร่างหนุมาน แต่วายุบุตรกลับมิรู้สึกระคายผิว ดึงลูกธนูออกเล่นดั่งถูกหนามตำ
.
หนุมานผู้บัดนี้ตัวใหญ่เท่าภูเขา มีสี่หน้าแปดกร
สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนู เข้าปักทั่วร่างหนุมาน แต่วายุบุตรกลับมิรู้สึกระคายผิว ดึงลูกธนูออกเล่นดั่งถูกหนามตำ
.
สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนู เข้าปักทั่วร่างหนุมาน
.
สหัสเดชะชึ้นศรแผลงเป็นห่าลูกธนู เข้าปักทั่วร่างหนุมาน
.
หนุมานนำเศียรสหัสเดชะถวายแก่องค์ราม
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:42:15 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #11 on:
06 July 2023, 10:08:04 »
6 กรกฎาคม 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ (ภาคพิเศษ-จบ)
ความคิดเห็นของผู้รู้ท่านหนึ่ง กล่าวไว้ว่า...
...มูลพลัม ทำทุกอย่างเพราะความ “รัก” ในหนังสือแต่ละเล่มไม่เคยกล่าวไว้เลยว่า มูลพลัมเป็นเพื่อนกับทศกัณฐ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ จะจบจากโรงเรียนเดียวกัน หรือมีพ่อเป็นเพื่อนกัน หรืออาจจะรู้จักกันจากค่ายฤดูร้อนเช่นเด็กในปัจจุบัน มูลพลัมน่าจะเป็นเพื่อนที่ทศกัณฐ์สนิทสนมเป็นอันมาก เพราะจากการที่น้องตาย ลูกตายแล้ว ก็ถึงต้องใช้ไหว้วานเพื่อน มูลพลัมคือชื่อแรกที่ทศกัณฐ์นึกถึง
...เมื่อมูลพลัมได้รับสารจากม้าเร็วแล้ว ก็มิได้ถามไถ่รายละเอียดอะไรเลย แต่งตัวเข้าไปลาสหัสเดชะทันที ว่าจะเดินทางไปลงกาเพื่อช่วยเพื่อนนะ จนพี่ขอตามไปช่วยรบด้วย
มูลพลัมมิได้ขอให้สหัสเดชะออกรบพร้อมกับตนเลย แต่ในการศึก กลับต้องมาคอยกังวลว่าพี่จะโกรธเพื่อนหรือไม่ พี่จะเสียเกียรติรึเปล่า พี่จะทิ้งการศึกรึเปล่า ทศกัณฐ์ก็ไม่ได้ขอให้มูลพลัมมารบแทนตน แต่แค่จะเชิญมาปรึกษาว่าจะชนะมนุษย์รามลักษมณ์อย่างไรดี มูลพลัมอาสาจะช่วยทศกัณฐ์รบด้วยความเต็มใจ
...จนถึงวาระสุดท้าย พอสู้ๆไป มูลพลัมเสียท่าเสียอาวุธในการต่อสู้กับพระลักษมณ์ คิดว่าหากสู้ต่อไปต้องตายแน่ๆ ในช่วงนั้นมูลพลัมจะเหาะหนีไปหาพี่ก็ไม่น่ายาก แต่ด้วยความรักศักดิ์ศรีของตน จึงคิดเอาง่ายๆ โดยเหาะขึ้นไปหักยอดเขาเอามาทุ่มใส่พระลักษมณ์ซะ นี่คือสู้จนตัวตายเพื่อเพื่อนจริงๆ ...
...ส่วนสหัสเดชะ ก็มาร่วมศึกเพราะความรักน้อง บางคนอาจถามว่า ทำไมผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพรหมยักษ์ถึงหลงเชื่อลิงตัวเล็กๆได้อย่างราบคาบ
คำว่า “ยิ่งสูงยิ่งเหงา” น่าจะใช้ได้ดีกับกรณีนี้ จอมมารห่างไกลจากการมีใครมาสนทนามาต่อปากต่อคำ มีชีวิตเล็กๆ มาให้ดูแลเช่น พ่อดูแลบุตร ยิ่งสหัสเดชะยิ่งใหญ่เท่าไหร่ผู้คนรอบข้างก็ยิ่งเกรงกลัวมากขึ้น พญามารได้สัมผัสความอ่อนโยนที่ตนไม่ได้รับหรือแสดงออกมาแสนนาน บัดนี้ลิงป่าน่าเอ็นดูเข้ามาซบ มาพักพิงบารมีของตน
.....
เขาอัศกรรณ: เป็นหนึ่งในเทือกเขาทั้งเจ็ดที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ เทือกเขาอัศกรรณอยู่รอบนอกสุด มีความสูงน้อยที่สุดในหมู่เทือกเขาทั้งเจ็ด แต่ยอดเขาก็สูงจนเสียดถึงสวรรค์ มีความใหญ่โต กางกั้นมหาสมุทรตลอดจนทวีปต่างๆ
.
มูลพลัม เป็นอสูรพันธมิตรของทศกัณฐ์ เป็นอุปราชเมืองปางตาล เป็นน้องชายของสหัสเดชะพญารากษส กษัตริย์กรุงปางตาล เป็นหนึ่งในบรรดายักษ์ที่ออกทัพไปรบกับพระรามเพื่อช่วยทศกัณฐ์ ท้ายสุดตายด้วยศรพลายวาตของพระลักษมณ์
.
สหัสเดชะ เป็นเจ้าเมืองปางตาล มี 1000 หน้า 2000 มือ ร่างกายสูงใหญ่ดั่งเขาอัศกรรณ มีกระบองวิเศษที่พระพรหมประทานให้ มีฤทธิ์คือต้นชี้ตายปลายชี้เป็นและได้รับพรเมื่อข้าศึกหรือศัตรูเห็นจงหนีหายไปด้วยความกลัว แต่ด้วยความชะล่าใจของตนจึงถูกหนุมานใช้กลอุบายแปลงเป็นลิงน้อยหลอกเอากระบองวิเศษมาหักทิ้ง และฆ่าสหัสเดชะตายในที่สุด
.
มูลพลัม
.
ท้าวสหัสเดชะ
.
«
Last Edit: 28 May 2024, 21:48:31 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,265
Re: [41] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกมูลพลัมและสหัสเดชะ โดย กลม บางบา
«
Reply #12 on:
28 May 2024, 21:51:05 »
ปรับปรุงภาพใหม่
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.218 seconds with 21 queries.
Loading...