Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
15 November 2024, 15:40:57

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,424 Posts in 12,831 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [39.6] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [39.6] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน  (Read 711 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« on: 24 June 2023, 10:22:40 »

[39.6] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน


24 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (51)

-อินทรชิตสั่งลาเมียและลูก

เมื่ออินทรชิตถึงยังวังของตน พบนางสุวรรณกันยุมา ผู้คอยอยู่ ยักษ์หนุ่มเข้าสวมกอดภริยา ร้องไห้ตัวโยนอย่างไม่อายใคร ผู้สามีกลั้นน้ำตา แล้วระบายความในใจ

...วันนี้พี่แพ้อย่างราบคาบ แพ้แก่มนุษย์ตัวเล็ก ไอ้พวกไร้เกียรติ ไร้อารยะ มันทำลายพิธีชุบตัวของพี่ มันฆ่าร้างกองทัพที่ยิ่งใหญ่ของเราอย่างง่ายดาย ทุกสรรพอาวุธที่พี่ส่งออกไป มันหักหาญได้ทั้งสิ้น ดูสิ ดูนี่คือแผลจากอาวุธที่มันฝากไว้ตลอดทั่วร่างพี่ พี่รู้ดีว่าพี่หมดทางรบ ไร้ทางสู้ต่อมนุษย์ผู้นั้น พี่จึงทิ้งศึกมาลาเสด็จพ่อ ท่านแม่ และเจ้าอันเป็นที่รัก โถ น้องนางของพี่ เจ้าต้องเลี้ยงดูลูกทั้งสองตามลำพังซะแล้ว เจ้าจงฝากตัวกับท่านแม่ให้เป็นเกราะคุ้มครองตัวเจ้าและลูกๆซะ พี่ฝากน้องดูแลฝูงนางสนมเหล่านี้ด้วย...

...มามะ ยามลิวัน...มาสิ กันยุเวก มาให้พ่อกอดที... 

อินทรชิตขัดตะหมาดนั่ง เอาลูกทั้งสองขึ้นตัก หอมแก้มซ้ายขวา และบรรจงจูบที่หน้าผากของบุตรทั้งสอง เป็นการจูบสุดท้ายจากพ่อ พลางภาวนา

...ขอให้ลูกข้าจงมีชีวิตที่ดี แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง หัวใจของพ่อจะอยู่ที่หน้าผากของเจ้าทั้งสองตลอดไป... 

นางสุวรรณกันยุมา ผู้บัดนี้ร้องไห้อย่างหัวใจสลาย ได้แต่กอดข้อเท้าพระสวามีไว้

...อย่าเลยเสด็จพี่ของน้อง อย่าไป ชะลอการศึกนี้ออกไปสักสามราตรี ให้พระเคราะห์ร้ายๆ เคลื่อนออกจากชะตาสักหน่อยเถอะ... 

อินทรชิตบ่ายหน้าหนี...จะช้าเร็ว องค์พรหมได้ลิขิตชะตาของพี่ไว้แล้ว ทุกชีวิตมีเกิดก็ต้องตาย พี่เป็นหน่อเนื้อเชื้อพรหมวงศ์ ท่านคงปราณีต่อพี่บ้าง หากพี่ตายจงอย่าเสียดาย เพราะเจ้าก็รู้ดีว่าพี่ตายเพื่อใคร...

เสียงสะอื้นจากเจ้านายและนางกำนัล ดังสนั่นไปทั่วท้องพระโรงน้อย 

อินทรชิตกอดภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วสะบัดหน้าเดินออกจากวัง ปลุกใจตนให้ฮึกเหิม แล้วประกาศสั่งจัดทัพก้อง

...กาลจักรเสนาเรา เจ้าจงจัดทัพม้า เกณฑ์ช้างและไพร่พลอย่าให้ขาด ข้าต้องการจะเดินทัพทันที...

แต่นี่ดูเหมือนเป็นครั้งแรกของกองทัพลงกา ที่ไม่สามารถเกณฑ์ทหารได้ครบตามบัญชีเพราะผู้ชายในพระนคร ต่างหนีหลบซ่อนไม่ยอมออกศึก นายสัสดีต้องลากเอาพวกที่หลบซ่อนมาเฆี่ยนตี แล้วบังคับให้เข้าขบวนพล

เมื่อได้เวลาอันควร อินทรชิตชำระกายแล้วเข้ากราบลามณโฑผู้มารดา ขออโหสิกรรมต่างๆ
.

ครั้นถึงน้อมเศียรบังคมบาท          พระชนนีธิราชยักษา
ทูลว่าลูกรักจักขอลา                    ยกหมู่โยธาพลากร
ออกไปรณรงค์ด้วยพวกพาล         ยังเนินจักรวาลสิงขร
พระองค์ค่อยอยู่สถาวร                 อย่าทุกข์ร้อนโศกาอาลัย
อันตัวของลูกครั้งนี้                      ที่จะรอดชีวีนั้นหาไม่
แม้นไม่ประมาทสิ่งใด                   ให้เคืองใต้เบื้องบาทา
ด้วยกายวาจามโนกรรม                ซึ่งจะนำให้ทุกข์ไปภายหน้า
พระแม่เจ้าจงได้เมตตา                 อย่าให้มีเวราแก่ลูกรัก
ทูลพลางสะท้อนถอนใจ               อาลัยพ่างเพียงอกหัก
ชลนัยน์ไหลลงอาบพักตร์             ขุนยักษ์แสนโศกโศกีฯ 
.

นางมณโฑได้แต่กอดลูก มิอาจกล่าวอะไรได้มากกว่า..เสียดาย...
นางสุวรรณกันยุมาตามมาส่งถึงราชรถ สองนางกษัตริย์ร้องไห้ปานจะขาดใจ

...



นางสุวรรณกันยุมา


.

ยามลิวัน


.

กันยุเวก


.




« Last Edit: 26 May 2024, 10:53:45 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #1 on: 24 June 2023, 10:23:35 »


24 มิถุนายน 2022  ·

ศิลาจำหลักหินอ่อน วัดโพธิ์ เรื่องรามเกียรติ์
แผ่นที่ 132 ตอนอินทรชิตดูดนมแม่มณโฑ

โคลงสี่สุภาพ อธิบายภาพ

      ขึ้นเฝ้าชนนิศไท้             ทูลวอน
เสวยกษิรสินธุ์ศร                  หลุดแล้ว
ทูลลาบาทบิดร                     มาตุเรศ
เตรียมหมู่มารทวยแกล้ว        ออกร้ารณรงค์ ฯ

.....

ขอขอบคุณ...ภาพและเรื่องโดย
บัณฑิต พวงมาลัย – วาดภาพ ,  พระมหากิตติศักดิ์ ไมตรีจิต – แต่งสีภาพ

...


ศิลาจำหลัก อินทรชิตดูดนมแม่มณโฑ


.

ภาพวาด


.

ภาพลอกลาย


.



« Last Edit: 26 May 2024, 11:03:56 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #2 on: 24 June 2023, 10:24:21 »


24 มิถุนายน 2022  ·

ภาพจำหลัก เรื่องรามเกียรติ์ วัดโพธิ์

เป็นการแกะสลักหินอ่อนเรื่องรามเกียรติ์ลงในช่องสีเหลื่ยมที่แบ่งออกเป็นช่อง ๆ มีทั้งหมด 152 ช่อง รอบพระอุโบสถ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ซึ่งเป็นฝีมือช่างในสมัยรัชกาลที่ 3

บริเวณโดยรอบพระอุโบสถมีแผ่นหินที่แกะสลักเป็นภาพเล่าเรื่อง รามเกียรติ์ ซึ่งมีมากถึง 152 แผ่น ทุกแผ่นมีโคลงกำกับไว้ แต่น่าเสียดายว่าโคลงเหล่านี้เกือบทั้งหมดลบเลือนไปสิ้นแล้ว โดยเล่าเรื่องตั้งแต่ตอนพระรามตามกวาง ทศกัณฑ์ลักพาตัวนางสีดา ไปจนถึงตอนหนุมานประหารสหัสเดชะ

ภาพสลักศิลาเหล่านี้มาจากภาพหนังใหญ่ตอนต่างๆ รัชกาลที่ 3 ทรงมีพระราชปรารภว่า "หนังใหญ่เป็นการเล่นมหรสพของไทยมาแต่อยุธยาตอนต้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์"

ในสมัยก่อนไม่มีใครสนใจ ด้วยเป็นแผ่นหินจำหลักลวดลาย ไร้สีสัน จนกระทั่งจิตรกรชาวเยอรมัน Hampe, Rudolf W. E. ได้ทำการลอกลายบนผนังด้วยกระดาษสาในช่วงปี 2498-2499 หนึ่งภาพไม่รวมกรอบในเวลานั้น มีราคาสูงถึง 500 บาท

ต่อมาก็เป็นไปตามคาด เมื่อคนไทยสามารถลอกเลียนแบบได้ กลายเป็นแหล่งหารายได้สำคัญ การทำซ้ำๆ ไปมา แผ่นหินก็ชำรุด จนในที่สุดทางวัดก็ประกาศห้ามไปในที่สุด กระนั้นในปัจจุบัน แผ่นหินเหล่านั้นก็เจือจางแทบมองไม่เห็น การถ่ายรูปทำได้ยาก

โชคดีที่มีช่างภาพคนหนึ่งชื่อ ร. บุญนาคได้อุทิศตัวถ่ายภาพชุดนี้ไว้ ในช่วงเวลาเดียวกับความเฟื่องฟูของการลอกลายช่วงก่อนปี 2500 เมื่อรวมเข้ากับโคลงภาพรามเกียรติ์ ทำให้เราสามารถย้อนจินตนาการถึงความตั้งใจที่อยู่ในแผ่นศิลาที่ได้บอกเล่าเรื่องราวกล่าวขานเอาไว้

ภาพทั้งหมดมี 152 ภาพ มีโคลงประดับใต้ภาพละหนึ่งบท มีโคลงบทปิดท้ายอีกสอง รวมเป็น 154 บท น่าเสียดายที่ลบเลือนไปหมด แต่โชคดีที่หลงเหลือต้นฉบับตัวคัดในหนังสือชื่อโคลงภาพรามเกียรติ์ จากหอสมุดแห่งชาติ ที่น่าจะถูกคัดลอกไว้ก่อนหน้าในรัชกาลที่ 5

ภาพเหล่านี้เคยถูกคัดลอกและกลายเป็นสินค้าที่ระลึกมีชื่อเสียงของวัดนี้ในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 25
ปัจจุบันก็ยังมีพ่อค้าหน้าวัดโพธิ์บางส่วนยังขายภาพที่ได้จากแผ่นหินสลักชุดนี้อยู่ แต่ไม่ได้คัดลอกกับแผ่นหินของจริงแล้ว

...


คัดลอกลายภาพสลักศิลาชุดภาพรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ พระนคร พ.ศ.๒๕๐๓
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
Wat Phra Chettuphon Wimon Mangkhlaram Ratchaworamahawihan (Wat Pho)
กรุงเทพมหานคร (พระนคร) / Bangkok
ถ่ายเมื่อราวปี ค.ศ.1960 (พ.ศ.๒๕๐๓)
Image Source : Irving Snider, Canada


.

คัดลอกลายภาพสลักศิลาชุดภาพรามเกียรติ์ วัดโพธิ์ พระนคร พ.ศ.๒๕๐๓
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
Wat Phra Chettuphon Wimon Mangkhlaram Ratchaworamahawihan (Wat Pho)
กรุงเทพมหานคร (พระนคร) / Bangkok
ถ่ายเมื่อราวปี ค.ศ.1960 (พ.ศ.๒๕๐๓)
Image Source : Irving Snider, Canada


.

วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์)
Wat Phra Chettuphon Wimon Mangkhlaram Ratchaworamahawihan (Wat Pho)
กรุงเทพมหานคร (พระนคร) / Bangkok
ถ่ายเมื่อราวปี ค.ศ.1962 (พ.ศ.๒๕๐๕)
Image Source : Charles F. Keyes, United States

ปัจจุบัน ทางวัดโพธิ์ ห้ามทำการลอกลายภาพศิลาจำหลัก ชุด “ภาพรามเกียรติ์” แล้ว


.

ภาพสลักศิลาชุดภาพรามเกียรติ์ วัดโพธิ์


.

คัดลอกลายภาพสลักศิลาชุดภาพรามเกียรติ์ วัดโพธิ์


.




« Last Edit: 26 May 2024, 11:06:00 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #3 on: 25 June 2023, 08:10:04 »


25 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (52)

-ลางร้ายก่อนออกศึกครั้งสุดท้าย

อินทรชิตสั่งให้โลทันออกรถศึกทันที แต่เหมือนเกิดรางร้ายต่างๆนานา เช่น ยักษ์สารถีโลทันหน้ากลับกลายเป็นลิง สิงห์เทียมรถหน้ากลายเป็นม้า ลมกรรโชกพัดตีหน้าดั่งหลงทิศ เสียงโห่ฮาของเหล่าทหารก็เหมือนเสียงร้องไห้ แร้งกาโฉบเกาะธงชัย นกไม่ร้อง เครื่องสูงประดับขบวนมีควันลุกเหมือนไหม้ไฟ 

เมื่อขบวนเคลื่อนออกนอกราชฐาน พญามารเห็นยอดปราสาทหลวงก็ถอนใจ ถวายความเคารพเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นขุนมารบ่ายหน้า นำทัพสู่เขาจักรวาล

พระลักษมณ์ยินดียิ่งเมื่อเห็นอินทรชิตยกทัพกลับมา สั่งให้ทหารเฝ้าระวัง อย่าวู่วาม 

อินทรชิตมิรอให้คลีฝุ่นจาง บัญชาให้ทหารกล้าบุกกองทัพวานรทันที แต่บัดนี้ทหารยักษ์เกิดความเกรงกลัวลิงตัวเล็กๆ ถึงที่สุด
.

           บัดนั้น                                พวกพหลพลนิกายนายไพร่
กลัวลิงยิงปืนไปแต่ไกล                        ทั้งธนูหางไก่เกาทัณฑ์
พวกกองหนุนรุนหลังพวกกองหน้า         เข้าไล่วานรรับกลับขยั้น
นายทัพขับพลทะลวงฟัน                      เข้าโรมรันรบลิงเป้นสิงคลีฯ
.

ทหารยักษ์สู้อย่างไม่เป็นขบวน พากันวิ่งหนีคมหอกคมดาบลิง ต่างเอาชีวิตรอด เป็นภาพที่น่าอดสูยิ่งนัก

อินทรชิตโกรธกับความตกต่ำ โกรธกับศักดิ์ศรีของตนที่ไม่เหลืออยู่อีกต่อไป มหาอุปราชแห่งลงกาประทับศรสุรกานต์ แล้วแผลงไปยังเป้าหมายคือพระลักษมณ์ พลังแห่งศรเข้าตัดคอ ตัดตัวพลลิงตายเกลื่อนท้องสนามยุทธ

พระลักษมณ์ชักศรพรหมาสตร์ขึ้นประทับยิงเป็นการตอบโต้ สุดยอดแห่งศรเข้าทำลายรถทรงของอินทรชิต และปลิดชีวิตไล่ฆ่ากองกำลังมาร แถมยังกลายเป็นฝนคอยชุบชีวิตเหล่าวานรที่เสียชีวิตอีก

บัดนี้ ทัพแห่งมหาอุปราช เหลือเพียงอินทรชิตแต่ผู้เดียว ผู้บัดนี้เลือดเข้าตา ทะลวงฟันทหารลิงจนถึงหน้ารถศึกของพระลักษมณ์ อนุชาแห่งรามกระโดดเข้าประลองยุทธกับอุปราชแห่งลงกา ดั่งเป็นครั้งสุดท้าย

ทั้งคู่สู้กันแบบถวายชีวิต ฝ่ายขวาสู้เพื่อพ่อ ฝ่ายซ้ายสู้เพื่อพี่ จึงทำให้ทุกชีวิตบริเวณเนินเขาจักรวาลต้องหยุดดู ดูคู่ต่อสู้แห่งยุค ที่ผลัดกันรุกรับอย่างว่องไว พระลักษมณ์หวด อินทรชิตหลบ

ยักษ์หนุ่มคว้าศรสุรกานต์หมายเผด็จศึกศัตรู ยิงศรสิทธิ์เข้าปักที่ไหล่ขวาและด้วยแรงธนูทำให้พระลักษมณ์ซวนเซแทบล้มลง 

พระหน้าทองกลั้นใจ ท่องคาถาได้เจ็ดคาบ เป่าลงที่ไหล่จนลูกธนูหลุดออกอย่างง่ายดาย พระลักษมณ์มิรอให้เสียโอกาส ประทับศรอัคนิวาต แล้วยิงตรงสู่ร่างของอินทรชิต ปักติดที่อกขุนมาร แต่อินทรชิตก็ยังเสกมนตร์สกัดพิษของธนูได้

พญายักษ์รวบรวมเรี่ยวแรง กระโดดเข้าใส่ แต่พระลักษมณ์สามารถคว้าศรของผู้โจมตีเอาไว้ได้ ขึ้นเหยียบบ่า แล้วฟาดกลางหลังอินทรชิตด้วยด้ามศร จนยักษ์หนุ่มล้มลง แต่มีหรือที่อินทรชิตจะยอมแพ้ง่ายๆ

อินทรชิตคว้าจักรซัดเข้าที่ร่างของพระลักษมณ์ แต่น้องพระสี่กรรู้ทัน คว้าศรพรหมาสตร์ แล้วแผลงออกไป ทำลายจักรแห่งอสูร จนแตกละเอียดเป็นผง...

...


ลางร้ายของอินทรชิตในการออกศึกครั้งสุดท้าย


.

ลางร้ายของอินทรชิตในการออกศึกครั้งสุดท้าย


.

ลางร้ายของอินทรชิตในการออกศึกครั้งสุดท้าย (แสงสีเปลี่ยน)


.





« Last Edit: 26 May 2024, 11:07:18 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #4 on: 25 June 2023, 08:11:09 »


25 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (53)

-วาระสุดท้ายของอินทรชิต

อินทรชิตเห็นว่าหมดทางสู้ จึงรวบรวมกำลังครั้งสุดท้าย ร่ายคาถาให้ความมืดเข้าปกคลุมบริเวณนั้น แล้วตนเหาะเข้าซ่อนกายในกลีบเมฆ...แล้วปล่อยห่าฝนอาวุธเข้าทำลายเหล่าวานร

พระลักษมณ์ถามพิเภกว่า...ศัตรูหายไปไหนแล้ว จะแก้ห่าอาวุธนี้อย่างไรดี...

พิเภกคนซื่อทูลว่า...บัดนี้อินทรชิตกำบังกายบนกลีบเมฆ ขอให้พระอนุชาแผลงศรพลายวาตขึ้นฟ้าเพื่อทำลายมัน...

พระลักษมณ์แผลงศรพลายวาต จนสั่นสะเทือนทั่วฟ้า อินทรชิตต้องศรปักทั่วร่าง แต่ครั้งนี้จะร่ายเวทมนต์ใดๆ ศรก็หาหลุดไม่ ยักษ์รูปงามอย่างอินทรชิต บัดนี้เครื่องทรงที่ขาดกระจุย ร่างกายบอบช้ำเป็นที่สุด เลือดไหลโทรมกาย อินทรชิตหมดแรง หมดกำลังใจ ได้แต่ร้องไห้สงสารตัวเอง ที่มาพบจุดจบเช่นนี้...

อินทรชิตสิ้นลม ขาดใจตายอยู่กลางอากาศ...

.....

พระลักษมณ์มิรอช้า ชักศรพรหมาสตร์หมายจะยิงซ้ำ ตัดหัวอินทรชิตให้เสร็จกิจ แต่พิเภกชิงห้ามไว้

...ช้าก่อนพะย่ะค่ะ ยังซ้ำไม่ได้...ด้วยว่า อินทรชิตผู้นี้ได้พรจากพระพรหมว่า หากศีรษะตกสู่แผ่นดิน จะเกิดไฟไหม้จนไม่มีชีวิตใดเหลือรอดอยู่ได้...

พระองค์จงงดอยู่ก่อน           อย่าเพ่อราญรอนยักษา
ตัวมันได้พรพรหมา              ว่าแม้นสิ้นชีพชนมาน
ถ้าเศียรตกพื้นปัถพี              ให้เกิดเป็นอัคคีแสงฉาน
ไหม้ไปทั่วทั้งจักรวาล          ร้อนดั่งเพลิงกาลบรรลัยกัลป์
แล้วองค์บรมพรหมา            ประทานพานแว่นฟ้าฉายฉัน
สำหรับรับเศียรกุมภัณฑ์        เมื่อมันจะสิ้นชีวี
.
เรียกว่าตายยากตายเย็นอยู่ไม่น้อย คือ หัวห้ามตกถึงพื้น เดี๋ยวไฟไหม้เดือดร้อนกันเข้าไปอีก...

...


อินทรชิตหมดทางสู้


.

กูคือ อินทรชิต ผู้ยิ่งใหญ่...


.

อินทรชิตต้องศรพลายวาต ขาดใจตายอยู่กลางอากาศ...


.

...............


ข้าน้อย อินทรชิต...รับใช้พ่อแม่พี่น้องมานานนับหลายเพลา บัดนี้หมดวาระของข้าแล้ว จำต้องขอลาไปก่อน เพราะเขาเขียนบทให้มาเท่านี้ จำใจค้องสิ้นชีพิตักสัย คัลลาไลไปก่อน เด้อออ....


.

ติดตามตอนต่อไปว่า...พระรามจะทำอย่างไรกับเศียรของอินทรชิต

.




« Last Edit: 26 May 2024, 11:08:39 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #5 on: 26 June 2023, 08:57:18 »


26 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (54)

-องคตขอพานแว่นฟ้าจากพระพรหม

พระลักษมณ์ ลดศรลงตามคำเตือนของพิเภก...แล้วเราจะทำอย่างไรต่อดีหละท่าน...

พิเภกสามารถทูลทางออกได้อย่างทุกคราว

...ทูลพระอนุชา ท่านควรบัญชาให้องคตบุตรพญาพาลี ขึ้นไปขอพานแว่นฟ้าจากองค์พรหม เพื่อใช้รองศีรษะอินทรชิต... 
พระลักษมณ์มิรอช้า ร้องสั่งให้องคตขึ้นไปขอพานแว่นฟ้าทันที...
.....

องคตบุตรแห่งพาลี รวบรวมกำลัง กระโดดขึ้นฟ้า มุ่งสู่วิมานท้าวมหาพรหม ผู้ประหลาดใจว่า เหตุใดองคตจึงมาเยือนถึงวิมานอันสงบของท่าน

...บัดนี้น้องพระสี่กรได้พิชิตบุตรแห่งทศกัณฐ์ นามอินทรชิตลงแล้ว พระอนุชาจึงบัญชาให้ข้าบาท มาขอพานแว่นฟ้าแก้วอลงกรณ์ เพื่อใช้รองเศียรของพญายักษ์ ก่อนจะตกสู่พื้นโลก... 

พระพรหมยินดีต่อชัยชนะของพระอวตารอย่างยิ่ง เพราะนี่เท่ากับภารกิจแห่งยุคได้บรรลุไปแล้วครึ่งหนึ่ง

องค์พรหมมิรอช้า มอบพานแก้วให้องคต แล้วอวยพรให้สำเร็จภารกิจโดยเร็ว

องคตถือพานแว่นฟ้า เหาะชูอยู่เหนือสนามรบ เมื่อพระลักษมณ์เห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงประทับศรพรหมาสตร์ ยิงขึ้นฟ้า ตัดมือ ตัดแขน จนสุดท้ายตัดหัวอินทรชิต กระเด็นออกจากร่าง บัดนี้กายของมหาอุปราชแห่งลงกา ตกสู่พื้นอย่างสิ่งที่ไร้ค่า

องคตรีบเหาะเอาพานแก้วรองศีรษะของน้องชายต่างบิดาไว้ วานรสีมรกต กล่าวไว้อาลัยแด่อินทรชิต เป็นครั้งสุดท้าย...

...ถึงเราจะอยู่คนละฝ่าย และต้องมารบกันแบบเอาเป็นเอาตาย ถึงอย่างไรเราก็คือลูกแม่มณโฑเหมือนกัน ท่านจงภูมิใจที่ได้ตายอย่างผู้กล้า ท่านตายด้วยความกตัญญู หลับเถิด หลับให้สบาย...น้องข้า... 

จากนั้นบุตรแห่งพาลีหักใจ นำเศียรอุปราชยักษ์มาถวายนาย พระลักษมณ์ถวายเศียรอินทรชิต ที่บัดนี้ยังดูน่าเกรงขามยิ่ง มิเสื่อมคลาย แด่พระราม

...


วาระสุดท้ายของอินทรชิต


.

องคตขอพานแว่นฟ้าจากพระพรหม


.





« Last Edit: 26 May 2024, 11:10:13 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #6 on: 26 June 2023, 08:58:16 »


26 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (55)

-พระรามยิงศรพรหมาสตร์ทำลายเศียรอินทรชิต

สุครีพ หนุมานและเหล่าเสนาวานร ต่างผลัดกันเล่าความสามารถของพระลักษมณ์ บ้างว่ายักษ์ร้ายส่งอาวุธอะไรมา พระอนุชาตอบโต้ได้ทั้งหมด บ้างว่าถึงจอมอสูรใช้เล่ห์กลสารพัด องค์ลักษมณ์ก็อ่านขาดทุกชุด ต่างสรรเสริญว่า พระน้องเธอสู้อย่างสมเกียรติชาติกษัตริย์ พระรามภูมิใจในตัวน้องอย่างยิ่ง จูงมือขึ้นมาประทับคู่กัน แล้วถามพิเภกว่า

...ท่านผู้รู้พิเภก แล้วเราจะทำอย่างไรกับหัวจอมมารนี้ดีหละ... 

พิเภกทูลตอบทันที เหมือนเตรียมคำตอบไว้แล้ว

...ควรให้องคตทูนพานศีรษะอินทรชิตไว้บนอากาศ แล้วพระองค์แผลงศรเข้าทำลายเศียรให้เป็นผุยผง...

องคตผู้บัดนี้รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะตอนรับหัวก็ต้องตั้งสติ สกัดความเศร้าเอาไว้ ตอนนี้นายยังใช้ให้ยกหัวผู้มีศักดิ์เป็นน้อง เพื่อการทำลายอีก วานรหนุ่มไม่มีทางเลือก ได้แต่รีบถวายบังคม แล้วบรรจงประคองพานแว่นฟ้าที่รองเศียรอินทรชิต แล้วทะยานขึ้นฟ้า จากนั้นองคตชูพานขึ้นสูง

พระรามคว้าศรพรหมาสตร์ น้าวยิงออกอย่างเต็มแรง ด้วยความแม่นยำ ศรสิทธิ์ทำลายเศียรอินทรชิต แหลกเป็นผง ไม่เหลือซาก...

...



หัวโขนอินทรชิต
ลักษณหัวโขนอินทรชิต
กายสีเขียว หนึ่งหน้า สองกร ตาโพลง เขี้ยวคุด (เขี้ยวดอกมะลิ) ปากหุบ ทรงชฎาเดินหน หรือ กาบไผ่ยอดปัด จอนหูมี ๒ แบบ คือจอนหูแบบมนุษย์และจอนหูแบบยักษ์ นอกจากนี้ยังทำหน้าสีทองอีกแบบหนึ่ง และในตอนเป็นเด็กสวมกะบังหน้ามีเกี้ยวรัดจุก(ชฎาเด็กหรือหัวกุมารไว้จุก)กายสีเขียว ๑ พักตร์ ๒ กร


.

องคตถือพานแว่นฟ้า เหาะชูอยู่เหนือสนามรบ เมื่อพระลักษมณ์เห็นว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว จึงประทับศรพรหมาสตร์ ยิงขึ้นฟ้า ตัดมือ ตัดแขน จนสุดท้ายตัดหัวอินทรชิต กระเด็นออกจากร่าง บัดนี้กายของมหาอุปราชแห่งลงกา ตกสู่พื้นอย่างสิ่งที่ไร้ค่า
องคตรีบเหาะเอาพานแก้วรองศีรษะของน้องชายต่างบิดาไว้


.

พระลักษมณ์ประทับศรพรหมาสตร์ ยิงขึ้นฟ้า ตัดมือ ตัดแขน จนสุดท้ายตัดหัวอินทรชิต กระเด็นออกจากร่าง บัดนี้กายของมหาอุปราชแห่งลงกา ตกสู่พื้นอย่างสิ่งที่ไร้ค่า
องคตรีบเหาะเอาพานแก้วรองศีรษะของน้องชายต่างบิดาไว้
จากนั้น พระรามยิงศรพรหมาสตร์ทำลายเศียรอินทรชิต แหลกเป็นผง ไม่เหลือซาก...


.




« Last Edit: 26 May 2024, 11:11:11 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #7 on: 26 June 2023, 08:59:07 »


26 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (ภาคพิเศษ)

-สดุดี...อินทรชิต

บรรดายักษ์ในรามเกียรติ์ที่ออกรบกับพระราม พระลักษมณ์ หรือบรรดาวานรทั้งหลาย อินทรชิต จัดว่าเป็นหมายเลขหนึ่ง อาจจะเก่งกว่าทศกัณฐ์ผู้บิดาเสียด้วยซ้ำ ศึกอินทรชิตนับเป็นศึกที่หนักที่สุด รบพุ่งกันยาวนานที่สุด ใช้ทั้งกลศึกและฝีมือรบ แม้สุดท้ายอินทรชิตจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ก็เป็นศึกที่สมน้ำสมเนื้อและสมศักดิ์ศรีที่สุดก็ว่าได้

อินทรชิต เดิมมีชื่อว่า รณพักตร์ (ในรามายณะ อินทรชิต มีชื่อเดิมว่า เมฆนาท เนื่องจากเวลาเกิด มีเสียงร้องไห้ดังดุจเสียงฟ้าร้อง)

อินทรชิตเป็น บุตรทศกัณฐ์กับนางมณโฑ มีมเหสีชื่อ นางสุวรรณกันยุมา มีบุตรชื่อ ยามลิวันและกันยุเวก

อินทรชิตมีสีกายสีเขียว มีฤทธิ์เก่งกล้ามาก เมื่อโตขึ้นจึงทูลลาพระบิดาและพระมารดาเพื่อไปศึกษาวิชากับพระฤๅษีโคบุตร จนสำเร็จวิชามนต์มหากาลอัคคี จึงกราบลาอาจารย์เพื่อไปบำเพ็ญตบะ เมื่อบำเพ็ญจนเก่งกล้าแล้ว จึงทำพิธีขออาวุธวิเศษต่อมหาเทพ
.
ทั้ง 3 มหาเทพจึงประทานอาวุธวิเศษให้ คือ

-พระอิศวร ประทานศรพรหมาสตร์ และพรสามารถแปลงร่างเป็นพระอินทร์ได้

-พระพรหม ประทานศรนาคบาศ และพรหากเศียรตกลงพื้นจะเกิดไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก ต้องนำพานแว่นฟ้าหรือพานแก้วของพระพรหมเท่านั้นมารองรับเศียรจึงจะระงับเหตุได้

-พระนารายณ์ ประทานศรวิษณุปาณัม
.

เมื่อได้รับพรและอาวุธวิเศษแล้ว จึงเกิดความหึกเหิม บุกสวรรค์และท้าพระอินทร์รบ และชนะพระอินทร์ ทศกัณฐ์เมื่อทราบข่าวบุตรของตนมีชัยชนะ ก็ดีใจมาก จึงเปลื่ยนชื่อใหม่เป็น อินทรชิต หมายถึง "ชนะพระอินทร์"

แต่ด้วยไม่ตั้งตนอยู่ในธรรมและการประพฤติชั่วของตน ภายหลังถูกศรของพระลักษมณ์สิ้นใจตาย

..........

อินทรชิตออกรบตามบัญชาของพระบิดา ขนาดหนุมาน สุครีพ องคต สามทหารเอกที่ว่าแน่ ๆ ก็ยังเอาชนะอินทรชิตไม่ได้ พระลักษมณ์ก็เคยเกือบเสียท่าเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าอินทรชิตจะจัดการได้เบ็ดเสร็จ สุดท้ายพระเอกย่อมชนะอยู่ดี เมื่ออินทรชิตถูกทำลายพิธีชุบศรจนทำให้อาวุธเด็ดที่ได้จากมหาเทพเสื่อมอำนาจลง คราวนี้อินทรชิตเหลือแต่ตัวกับศักดิ์ศรีของทหารเอก ถึงจะรู้ตัวว่าจุดจบกำลังมาถึง แต่เขาก็กล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับชะตากรรมในฐานะนักรบหมายเลขหนึ่งของลงกา แม้ว่านางมณโฑผู้มารดาจะทักท้วงก็ไม่ฟัง
.

ตัวลูกเกิดมาเป็นชายชาญ            จะกลัวการสงครามกระไรได้
ถึงกรรมแล้วจำจะบรรลัย              ไม่คิดเสียดายชีวา     
มาตรแม้นถึงตายจะไว้ยศ             ให้ปรากฏเกียรติไปภายหน้า
ลูกรักจะถวายบังคมลา                 พระมารดาอย่าทรงโศกี
.

จะว่าไปความพ่ายแพ้ของอินทรชิตมีเหตุมาจาก พิเภก ผู้เป็นอา เพราะพิเภกเป็นผู้วิเคราะห์สถานการณ์และวางกลทำลายพิธีจนทำให้เขาต้องสูญเสียอาวุธสำคัญ ก่อนตายอินทรชิตยังคร่ำครวญว่าที่แพ้ครั้งนี้เพราะกลไม่ใช่เพราะฝีมือ
.

เสียทีที่มีกำลังกล้า                     เสียแรงศึกษาในการศร
เสียชีวิตเพราะน้องพระบิดร         มาเบียดบ่อนสาวไส้ให้กากิน
.

เมื่อหมดฤทธิ์ พระลักษมณ์จึงแผลงศรตัดศีรษะอินทรชิต แล้วองคตจึงนำพานแว่นฟ้าของพระพรหมมารองรับเพื่อไม่ให้ตกถึงพื้นดิน เป็นอันสิ้นศึกที่หนักหนาอีกศึกหนึ่งในมหากาพย์รามเกียรติ์

ไม่น่าเชื่อว่า ยักษ์ฝ่ายกรุงลงกา ที่ว่าเก่งที่สุด อย่าง อินทรชิต จะโดนพระรองอย่าง "พระลักษมณ์" ปราบ มิใช่พระราม หนุมาน หรือ พญาวานรตัวเอกอื่นๆ

ความตายของอินทรชิตทำให้ทศกัณฐ์เสียใจมากจนพาลโกรธไปถึง นางสีดา ว่าเป็นต้นเหตุ (ทั้งที่ต้นเหตุน่ะมาจากตัวเองแท้ ๆ) เลยจะสังหารนางเสีย แต่เปาวราสูรทูลทัดทานไว้เสียก่อน และเมื่อเสียโอรสสุดที่รัก ทำให้ทศกัณฐ์จึงต้องออกศึกด้วยตนเองนับจากนั้น...

...


บทพากย์เอราวัณ
อินทรชิตบิดเบือนกายิน_________เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ


.

อืนทรชิต


.

อืนทรชิต


.

อินทรชิตตัดคอนางสีดาแปลง


.





« Last Edit: 26 May 2024, 11:13:37 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #8 on: 27 June 2023, 08:53:11 »


27 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (56)

-ทศกัณฐ์โศกเศร้าที่สูญเสียอินทรชิต

เหล่าพลยักษ์ที่หนีทัพซ่อนตัวอยู่ในป่า เห็นจอมทัพอินทรชิตตาย ก็ตกใจหน้าซีดตามๆกัน แต่ก็ต้องตัดใจ วิ่งหนีเข้าลงกา เพื่อกราบทูลต่อเหนือหัวทศกัณฐ์ เมื่อพญาทศกัณฐ์รู้ข่าวการตายของลูกชาย พญายักษ์เย็นวาบ ตัวทรุดอย่างอ่อนแรง ร้องไห้โดยมิอายใคร
.

โอ้ว่าอินทรชิตของบิดร             เลื่องชื่อลือขจรทั้งไตรจักร
ยิ่งในสุริย์วงศ์พงศ์ยักษ์             ฤๅมาแพ้ปรปักษ์ปัจจามิตร
เสียแรงเป็นวงศ์พรหมา             รอบรู้วิชาศรสิทธิ์
อานุภาพปราบได้ทั่วทิศ            ฤาแพ้ฤทธิ์มนุษย์เดินดิน
ได้ความอัปยศอดสู                   แก่หมู่ไตรโลกทั้งสิ้น
ทีนี้อริราชไพริน                        จะดูหมิ่นฮึกฮักอหังการ์
อนิจจาเสียน้องแล้วมิหนำ          มาซ้ำเสียลูกรักเสน่หา
จะได้ใครต่างใจต่างตา              อสุราร่ำพลางทางโศกีฯ   
.

ทศกัณฐ์ร้องไห้ฟูมฟายถึงการตายของบุตรชาย แต่ก็มิได้โทษว่าตนเองนั่นแหละคือต้นเหตุของการสูญเสียในครั้งนี้ ได้แต่โทษว่าไม่น่าพลาด พ่ายแพ้จนทำให้วงศ์ตระกูลอับอาย

พอครองสติได้ จึงเรียกมโหทรให้เตรียมทัพ เพื่อยกพลไปยังเขาจักรวาล... 

ขบวนเสด็จหลวงยังคงโอ่อ่าอย่างเคย แต่ครานี้ช่างเงียบเหงาหลือเกิน ไร้ซึ่งเสียงโห่ร้องปลุกใจ มีแต่เสียงสะอื้นเพราะนายเสียลูก ไพร่เสียญาติ นี่คือความสูญเสียที่ใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่ลงกาเคยประสบมา นี่คือขบวนรับศพ มิใช่การเดินทัพอย่างที่คุ้นเคย 

เมื่อเข้าสู่สนามรบ พญาทศกัณฐ์ได้แต่ถอนใจ เพราะเห็นศพทหารตนตายเกลื่อนไปทั่ว เพียงชั่วครู่พญามารก็แทบจะทรงกายไม่อยู่ เมื่อร่างที่ไร้หัวของบุตรชาย นอนอนาถอยู่กับพื้น

...


น้ำตาทศกัณฐ์
https://www.youtube.com/watch?v=CNqiByhPaFg

#KengTachaya #เก่งธชย #TACHAYA
TACHAYA (เก่ง ธชย) - น้ำตาทศกัณฐ์ [พอเป็นคนดีก็โดนทำร้าย]

https://youtu.be/CNqiByhPaFg

เพลง น้ำตาทศกัณฐ์ (พอเป็นคนดีก็โดนทำร้าย) เก่ง ธชย

พอเป็นคนดี    หัวใจดวงนี้ก็โดนทำร้าย
พอเป็นตัวร้าย    ผู้คนมากมายบอกว่าฉันเลว
ทุกๆความทรงจำ   ความรักฉันพังแหลกเหลว
ที่บอกฉันเลว    แล้วควรทำไงช่วยบอกฉันที...


.


หัวใจทศกัณฐ์
https://www.youtube.com/watch?v=zYntO183nuY

หัวใจทศกัณฐ์ [Devil's Heart] - เก่ง ธชย (TACHAYA)
ft.ทศกัณฐ์ [Official Lyric Video]

https://youtu.be/zYntO183nuY

ฉันก็มีหัวใจ    ที่เหมือนเหมือนคนทั่วไป
วันที่ถูกทิ้งก็มีน้ำตา   และยังหวั่นไหวกับคำร่ำลา
มีหัวใจ       ที่เหมือนเหมือนคนทั่วไป
ยิ่งคิดถึงยิ่งทำให้เพ้อ   ยิ่งพบเจอยิ่งทำให้มีน้ำตา...


.


หัวอกของคนเป็นพ่อ...
สิ่งที่เลวร้ายสุดของคนเป็นพ่อ คือการที่ต้องมาทำศพลูกชายของตนเอง...



.




« Last Edit: 26 May 2024, 11:16:36 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #9 on: 27 June 2023, 08:54:21 »


27 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (57)

-สิบปากทศกัณฐ์รำพึง

ทศกัณฐ์รีบโดดลงจากรถ ด้วยสันชาตญานของคนเป็นพ่อ พญายักษ์เข้าประคองร่างของบุตรชายไว้บนตัก บัดนี้จอมมารไม่เหลือความยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว ภาพที่เห็นคือยักษ์แก่ตนหนึ่ง ร้องไห้ อาลัยการตายอันน่าอดสูของลูกชาย ลูกชายที่หมายจะให้เป็นเจ้าลงกาต่อจากตน
.

ปากหนึ่งว่าโอ้ลูกเอ๋ย                   ไม่เห็นเลยว่าจะม้วยอาสัญ
ทรงเทพอาวุธดั่งเพลิงกัลป์           สารพันรอบรู้ทุกสิ่งไป

ปากสองว่าโอ้เจ้าดวงเนตร            เลื่องชื่อลือเดชแผ่นดินไหว
ชำนาญในการชิงชัย                  ปราบได้ทั้งสวรรค์ชั้นฟ้า

ปากสามว่าโอ้เสียดายนัก              ลูกรักร่วมชีพสังขาร์
ร่วมสุขร่วมทุกข์ทุกเวลา             ได้เป็นใจเป็นตาของบิดร

ปากสี่ว่าโอ้พ่อจอมภพ                  ปรีชาเลิศลบชาญสมร
ควรฤามาแพ้ฤทธิรอน                แก่มนุษย์สองกรสาธารณ์

ปากห้าว่าเมื่อเจ้าผาดแผลง          แสงศรนาคบาศไปสังหาร
มัดหมู่ปรปักษ์ภัยพาล                วายปราณเกลื่อนกลาดดาษดิน

ปากหกว่าสายสุดสวาท                เจ้าวางพรหมาสตร์ศรศิลป์
ต้องหมู่อริราชไพริน                  วอดวายตายสิ้นด้วยฤทธา

ปากเจ็ดว่าเสร็จศึกแล้ว                หวังจะเสกลูกแก้วเสน่หา
ครอบครองโภไคศวรรยา           ในพิชัยลงกาธานี

ปากแปดว่าโอ้เสียดาย                 มาจำตายด้วยพิเภกยักษี
บอกไส้ใจศึกให้ไพรี                    ลูกจึ่งเสียทีแก่สงคราม

ปากเก้าว่าเจ้ามาพินาศ                เศียรขาดกายกลิ้งกลางสนาม
ไม่สมศักดิ์สุริย์วงศ์ทรงนาม          ดั่งชายทรามชั่วช้าสาธารณ์

สิบปากว่าโอ้จะอยู่ไย                  มาจะไปนิเวศน์วังสถาน
หาพระชนนีนงคราญ                   ร่ำพลางขุนมารก็โศกาฯ 
.

ครั้งนี้ดูเหมือนว่าทศกัณฐ์จะเสียใจมากที่สุดในชีวิต แต่ก็ยังไม่ได้โทษตนเอง กลับย้อนมาโทษพิเภกที่บอกความลับของตนแก่ศัตรู จนทำให้ลูกชายเสียที ต้องมาตายอย่าง อนาถ เหล่าพลมารต่างร้องไห้กันทั่ว เพราะเห็นศพญาติของตนที่ขาขาด แขนขาด หัวหลุดออกจากร่าง สภาพบางร่าง แย่ขนาดไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นใคร

ทศกัณฐ์ช้อนร่างลูกชายขึ้นรถทรง เคลื่อนขบวนกลับราชธานี เมื่อมาถึงลงกา อสูรชราอุ้มร่างของอินทรชิต เข้าสู่พระมหาปราสาทด้วยตนเอง เป็นภาพที่ใครเห็นก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ เพราะสิ่งที่เลวร้ายสุดของคนเป็นพ่อ คือการที่ต้องมาทำศพลูกชายของตนเอง

...


มือของทศกัณฐ์ มีดังกลอนต่อไปนี้

กระทืบบาทผาดโผนโจนร้อง       กึกก้องฟากฟ้าอึงอุด
มือหนึ่งจับศรฤทธิรุทร       มือสองนั้นยุดพระขรรค์ชัย
มือสามจับจักรกวัดแกว่ง       มือสี่จับพระแสงหอกใหญ่
มือห้าจับตรีแกว่งไกว       มือหกฉวยได้คทาธร
มือเจ็ดนั้นจับง้าวง่า          มือแปดคว้าได้พะเนินขอน
มือเก้ากุมเอาโตมร          กรสิบนั้นหยิบเกาทัณฑ์


.


เพลง เป็นไปไม่ได้ - ดิอิมพอสซิเบิ้ล

ถ้าฉันมี สิบหน้า อย่างทศกัณฑ์
สิบหน้านั้น ฉันจะหัน มายิ้มให้เธอ
สิบลิ้น สิบปาก จะฝากคำพร่ำเพ้อ
ว่ารักเธอ รักเธอ เป็นเสียงเดียว

ถ้าฉันมี ยี่สิบตา อย่างทศกัณฑ์
ยี่สิบตา ของฉัน จะมองเธอไม่เหลียว
ยี่สิบแขน จะสวมสอด กอดเธอผู้เดียว
ยี่สิบสีดา อย่ามาเกี้ยว ไม่แลเหลียวมอง

แต่ฉันมี หน้าเดียว ซีดเซียวทุกข์ทน
ด้วยความจน ความขัดสน จนเงินแหละทอง
หนึ่งลิ้น หนึ่งปาก ไม่อาจจักผยอง
ว่าฉันปอง ฉันปอง เธอแม้เงา

แหละฉันมี ตาคู่เดียว แลเหลียวเมียงมอง
อีกมือสอง ของฉัน มันอาภัพอับเฉา
ดาวจากสรวง หรือจะร่วง สู่ทรวงอกเรา
ได้แต่ซบเซา เศร้าลำเค็ญ เป็นไปไม่ได้


.

บัดนี้จอมมารไม่เหลือความยิ่งใหญ่อีกต่อไปแล้ว ภาพที่เห็นคือยักษ์แก่ตนหนึ่ง ร้องไห้ อาลัยการตายอันน่าอดสูของลูกชาย ลูกชายที่หมายจะให้เป็นเจ้าลงกาต่อจากตน


.



« Last Edit: 26 May 2024, 14:16:23 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #10 on: 28 June 2023, 09:02:38 »


28 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (58)

-ทศกัณฐ์จะฆ่านางสีดาต้นเหตุ

บัดนี้นางมณโฑและนางสุวรรณกันยุมา รีบรุดมาดูร่างอันไร้วิญญาณของบุตรและสามี  นาง มณโฑคร่ำครวญอย่างไม่ได้ศัพท์ เพราะอินทรชิตคือสิ่งที่สวยงามที่สุดเท่าที่นางมี สมบัติที่นางมิต้องแบ่งกับใคร

...รณพักตร์คือลูกที่น่ารักของแม่เสมอ เพราะอะไรพระเจ้าต้องพรากลูกจากข้าไป...

นางหวังจะได้พึ่งพาลูกชายสุดที่รักในยามแก่เฒ่า แต่บัดนี้หัวใจของนางได้แตกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี

นางสุวรรณกันยุมา ได้แต่กอดร่างที่ไร้หัว ไร้แขนของสามี รำพึงแต่ว่า ต่อแต่นี้นางจะมีใครเป็นที่พึ่ง แล้วลูกน้อยทั้งสองหละ ใครจะเป็นผู้อบรมให้เติบใหญดั่งชายชาญ

นางมณโฑได้สติก่อนใคร ประกาศกลางมหาสภา อย่างมิเกรงใจ

...ลูกข้าต้องมาตายเพราะผู้พ่อหลงเชื่อสัมนักขาจนลักนางสีดา จากวันนั้นความชิบหายก็ประดังมาสู่ลงกา และบัดนี้ผัวนางก็มาตามจนเกิดเป็นสงครามใหญ่โต ข้าเคยเตือนเสด็จพี่แล้วแต่ก็หาเชื่อข้าไม่ มัวแต่หลงใหลอีมนุษย์ชีไพร สีดานางนี้...

ทศกัณฐ์ได้ยินดังนั้น จึงนึกโกรธตาม...ใช่สินะ สาเหตุทั้งหมดมาจากผู้หญิงเพียงคนเดียว...

จอมมารคว้าพระขรรค์ สั่งให้เปาวนาสูรตั้งขบวน เพื่อจะไปฆ่านางสีดาให้หายแค้น   

เปาวนาสูรเสนาผู้รอบคอบในทุกราชกิจ กังวลว่าหากสีดาตาย พระรามจะต้องมาล้างเผ่าพงศ์อสูรเป็นแน่ จึงทัดทาน

...หากสีดาถูกฆ่าตาย ก็ไม่ได้ทำให้พระโอรสฟื้นคืนมา แล้วชาวโลกจะครหาว่าองค์ราชาฆ่าผู้หญิงด้วยมือตัว ที่สำคัญหญิงงามดั่งสีดา มิใช่จะหาได้อีกง่ายๆ ข้าบาทเห็นควรเลี้ยงไว้ให้เป็นขวัญเมืองดั่งเดิม การศึกจะเป็นอย่างไรต่อ ก็ควรคิดอ่านกันต่อไป ถึงอย่างไรสองมนุษย์กับวานรป่า ก็จะไม่สามารถทัดทานพระบารมีของฝ่าบาทได้อีกนานหรอกพระเจ้าค่ะ... 

เมื่อทศกัณฐ์ได้ยินเปาวนาสูรทูลถึงความงามของสีดา ความเสน่หาในตัวนางก็กลับเข้าครอบงำท้าวเธออย่างเช่นเคย ถึงขนาดพระขรรค์หลุดจากมือโดยไม่รู้ตัว... 
ทศกัณฐ์เสด็จเข้า ขึ้นประทับกับบัลลังก์แล้วบัญชา

...เสนาทั้งหลาย จงเชิญพระศพของมหาอุปราชใส่โกศหลวงเยี่ยงมหากษัตริย์ แล้วเชิญขึ้นยอดเขานิลกาลา เมื่อได้เวลา ตัวข้าและองค์ราชินีจะได้เผาพระศพต่อไป...   

ดูเหมือนคำทัดทานของเปาวนาสูรจะชะลอความชิบหายมาสู่ลงกา แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง ทศกัณฐ์อาจจะเพียงแสดงออกให้นางมณโฑเห็นว่า ตนไม่ได้หลงผู้หญิงมากกว่าลูก ดีนะที่เปาวนาสูรเตือนสติไว้ มิฉะนั้นสีดาตายด้วยคมพระขรรค์ของตนแน่ๆ

...



ทศกัณฐ์พิโรธ โกรธนางสีดา


.


บทพากษ์ชม นางสีดา

พระน้องเอยเสียดายนัก    พระวรพักตรดังดวงเดือน
หาไหนจะได้เหมือน    ไม่มีแล้วในโลกี

มาทแม้นจะหาดวง       วิเชียรช่วงเท่าคีรี
หาดวงพระสุรศรี       ก็จะได้ดุจดังใจ

จะหาโฉมให้เหมือนนุช    จนสุดฟ้าสุราลัย
ตายแล้วและเกิดใหม่    ไม่ได้เหมือนเจ้านฤมล
.
พระราชนิพนธ์ คำพากย์รามเกียรติ์ ในรัชกาลที่ ๒
กาพย์พระราชนิพนธ์ข้างต้นนี้ เป็นคำพิลาปรำพันของ พระราม ในตอน นางลอย


.




« Last Edit: 26 May 2024, 14:18:04 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #11 on: 28 June 2023, 09:03:41 »


28 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (59)

-พระราชพิธีพระศพมหาอุปราชอินทรชิต

พระราชพิธีเชิญพระศพมหาอุปราชอินทรชิต ยุพราชแห่งลงกา ดำเนินไปอย่างภูมิฐานสมดั่งพระอิสริยยศ 

มโหทรมหาอำมาตย์เชิญพระศพขึ้นโกศไม้จันทน์ แล้วเชิญพระโกศขึ้นสู่พิชัยรถทอง จากนั้นเจ้าพนักงานจูงรถพระศพ วนรอบเมืองลงกาให้ประชาชนได้ถวายอาลัยป็นครั้งสุดท้าย พนักงานประโคมกลอง เครื่องเป่า บรรเลงเพลงโศกชวนให้ชาวนครเศร้าสลด ต่างร้องไห้ รอส่งพระศพตลอดถนนหนทางในลงกา

เมื่อขบวนวนรอบนคร เจ้าพนักงานระดมพล ลากราชรถขึ้นสู่ยอดเขานิลกาลา อันเป็นที่พระราชทานเพลิงต่อไป 

เมื่อได้เวลาอันควร พญาทศกัณฐ์และราชินีมณโฑแต่งกายเต็มเครื่องยศ ตามหลังด้วยนางสุวรรณกันยุมา และกุมารน้อยทั้งสองที่แต่งชุดขาวด้วยผ้าโปร่งเช่นคนไว้ทุกข์ สุวรรณกันยุมา สยายผมของนางออก มิมีเครื่องประดับใดๆ ติดกายแม้แต่ชิ้นเดียว

เดิมทีนางตัดสินใจที่จะกระโดดเข้ากองไฟตามสามี เพื่อเป็นการแสดงความซื่อตรงต่ออินทรชิตที่นางรักและจะรักตลอดไปแต่ผู้เดียว หากเหนือหัวทศกัณฐ์และพระแม่มณโฑได้ปรามไว้

...อย่างน้อยลูกก็คือสะใภ้หลวง ผู้ให้กำเนิดหน่อเนื้อเชื้อพรหม หลานเราทั้งสองคน ต่อจากนี้หน้าที่ของสตรีที่ชื่อสุวรรณกันยุมา จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมนัก ลูกสาวข้าเจ้าต้องเลี้ยงดูราชกุมารทั้งสองให้เก่งกว่าพ่อและยิ่งใหญ่กว่าปู่ให้ได้ ลูกสาวข้าบัดนี้เจ้าคือสมบัติชิ้นเดียวที่อินทรชิตทิ้งไว้ให้แก่เรา จงอยู่เถิด อยู่ต่อไปเพื่อลูกของเจ้าและเพื่อพ่อและแม่...

เจ้าพนักงานเชิญพระศพตั้งไว้บนเชิงตะกอน เมื่อถึงเวลาเหล่าเจ้าหน้าที่ถอยห่างออก ทิ้งไว้แต่ครอบครัวของมหาอุปราช ทศกัณฐ์กุมหอกแก้วกาลาไว้ที่พระหัตถ์แน่น อีกครู่ท้าวเธอกวัดแกว่งหอกวิเศษจนเป็นประกายเพลิง แล้วจุดเข้าที่เชิงตะกอนเพื่อเผาศพลูกชายตน

นางมณโฑและสุวรรณกันยุมาและนางสนมอื่นๆ ต่างนำธูปเทียนดอกไม้มาขอขมาลาโทษต่ออินทรชิตเป็นครั้งสุดท้าย เปลวพระเพลิงเผาร่างกายที่บอบช้ำของอินทรชิต ดั่งลบล้างบาปกรรมที่ยักษ์ตนนี้เคยทำไว้ ควันไฟโพยพุ่งขึ้นฟ้าดั่งกำลังพาวิญญาณบริสุทธิ์ของรณพักตร์สู่สวรรค์ เพราะเกียรติของนักรบคือการตายในสนามรบ กษัตริย์ทุกนามที่ตายเยี่ยงขุนศึก จะได้อยู่บนสวรรค์อย่างมีความสุข   

ความหนาวเย็นเริ่มปกคลุมยอดเขาสูง เพราะบัดนี้พระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว พญาทศกัณฐ์จึงชวนมเหสีและข้าราชบริพารกลับวัง 

เมื่อถึงพระมหาปราสาท พญาทศกัณฐ์เรียกประชุมทันที ราชาแห่งลงกาขึ้นประทับบนแท่นแก้วสีดำสง่า ตรัสสั่งอำมาตย์ซ้ายขวา

...พวกเจ้าจงจัดทัพหลวงให้พร้อม รุ่งพรุ่งนี้กูจะออกศึกด้วยตัวเอง...


..........
จบตอน ศึกอินทรชิต
ตอนต่อไป ทศกัณฐ์ออกรบกับพระรามเป็นครั้งแรก

...


พระราชพิธีเชิญพระศพมหาอุปราชอินทรชิต ยุพราชแห่งลงกา ดำเนินไปอย่างภูมิฐานสมดั่งพระอิสริยยศ

มโหทรมหาอำมาตย์เชิญพระศพขึ้นโกศไม้จันทน์ แล้วเชิญพระโกศขึ้นสู่พิชัยรถทอง จากนั้นเจ้าพนักงานจูงรถพระศพ วนรอบเมืองลงกาให้ประชาชนได้ถวายอาลัยป็นครั้งสุดท้าย พนักงานประโคมกลอง เครื่องเป่า บรรเลงเพลงโศกชวนให้ชาวนครเศร้าสลด ต่างร้องไห้ รอส่งพระศพตลอดถนนหนทางในลงกา

เมื่อขบวนวนรอบนคร เจ้าพนักงานระดมพล ลากราชรถขึ้นสู่ยอดเขานิลกาลา อันเป็นที่พระราชทานเพลิงต่อไป


.

พระเมรุ พระราชพิธีพระศพมหาอุปราชอินทรชิต


.

.....

เดิมทีนางสุวรรณกันยุมาตัดสินใจที่จะกระโดดเข้ากองไฟตามสามี แต่ทศกัณฐ์และพระแม่มณโฑได้ปรามไว้ (พิธีสตี ของอินเดีย-ฮินดูโบราณ)

ขอนำเสนอเรื่อง พิธีสตี เพื่อเป็นความรู้ต่อไป เพื่อให้ทราบถึงสังคมอินเดียในสมัยโบราณว่ามีคติความเชื่อเกี่ยวกับ"ผู้หญิง"อย่างไร มีฐานะเท่าเทียมกับชายหรือไม่ นี่ยังไม่รวมไปถึงเรื่องการแต่งงานนะครับ ที่ฝ่ายหญิงต้องไปขอฝ่ายชาย(อินตระเดียจริงๆ555) แต่งงานแล้วก็ต้องไปเป็นเหมือนกับ ทาสรับใช้ในครอบครัวของสามี เหมือนกับประเพณีของจีนโบราณ เช่นกัน

.




« Last Edit: 26 May 2024, 14:20:50 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #12 on: 28 June 2023, 09:04:49 »


28 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (ภาคพิเศษ 2)

-สตี (พิธีกรรม)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สตี หมายถึงประเพณีการทำศพของชาวฮินดู พบในประเทศอินเดีย พิธีนี้เป็นการบูชายัญตนเองของหญิงหม้ายในพิธีศพของสามี บางครั้งเต็มใจ แต่บางครั้งก็ถูกคนอื่นบังคับ หญิงหม้ายที่ทำพิธีนี้จะถูกยกย่องให้เป็นราณีสตีเทวี และเรียกพื้นที่ที่ประกอบพิธีว่า สตีสถล (สตีสะถะละ) แล้วสร้างโบสถ์หรือวัดเพื่อให้ประชาชนกราบไหว้บูชาต่อไป

คำว่า "สตี" เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า “ภรรยาผู้ซื่อสัตย์” การเป็นสตรีผู้ทรงคุณความดีนั้นต้องซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างสูง และต้องเมตตากรุณาต่อญาติพี่น้อง
พิธีการกระโดดเข้ากองไฟของหญิงหม้าย มีอยู่ 2 ลักษณะ ดังนี้

1.กลุ่มหญิงหม้ายที่มีฐานะต่ำต้อย หากสามีของหญิงหม้ายเสียชีวิต จะมีการจัดงานศพแบบกลางแจ้งนอกเมือง ซึ่งมีกองไฟกองใหญ่กองไว้ เมื่อศพของสามีกำลังถูกเผาอยู่นั้น ภรรยาก็จะกระโจนเข้าไปในกองไฟและถูกเผาตายตามไปด้วยเช่นกัน

2.กลุ่มหญิงที่มีฐานะร่ำรวย หากสามีของหญิงหม้ายที่มีฐานะ และมีทรัพย์สินมากเสียชีวิต ภรรยาของเขาจะจัดงานศพให้สามีเป็นอย่างดี มีการขุดหลุมลึกเท่าความสูงของสามี นำศพไปวาง ใส่เครื่องหอมลงไปและจุดไฟเผาภายในหลุมนั้น

ส่วนหญิงหม้ายก็จะจัดงานรื่นเริง ร่วมงานกันอย่างสนุกสนาน โดยผู้ที่มาร่วมงานก็จะปลอบโยนเธอ หญิงหม้ายจะแจกทรัพย์สินเงินทองให้กับญาติพี่น้องและคนที่มาร่วมงาน จากนั้นก็จะนำหญิงหม้ายขึ้นนั่งบนหลังม้า(ต้องเป็นสีเทาหรือขาวเท่านั้น) และเดินไปยังหลุมที่เผาสามี ระหว่างทางก็จะปลอบโยนเธอตลอดทางจนถึงหลุมเผาศพ

...



หญิงหม้ายกำลังกระโจนลงกองเพลิงตายตามสามี จะเต็มใจตายหรือไม่ แต่ก็ต้องตาย...


.



.



.



.



.



.



.



.




« Last Edit: 26 May 2024, 14:22:42 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #13 on: 28 June 2023, 09:05:51 »


28 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (60)

-รำลึกถึง...อินทรชิต บิดเบือนกายิน...

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ
ชุด “ศึกอินทรชิต ตอน พรหมาศ”

...





.



.



.



.



.



.



.



.



.



.





« Last Edit: 26 May 2024, 14:30:34 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,265


View Profile
« Reply #14 on: 26 May 2024, 14:31:46 »


ปรับปรุงภาพใหม่









Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.065 seconds with 22 queries.