Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
23 December 2024, 07:38:22

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [39.3] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [39.3] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน  (Read 493 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 12 June 2023, 08:37:43 »

[39.3] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน


12 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (21)

-พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศ

ในขณะที่ทั้งพระลักษมณ์ ทั้งกองทัพลิงหมดสติ พิเภกผู้อยู่เพียงลำพังกับอินทรชิตและกองทัพลงกา ในภาคนี้ออกจะแสดงถึงเยื่อใยที่ยังมีต่อพี่น้องของตน
อินทรชิตโมโหที่พิเภกกล่าวคำเย้ยหยัน จึงคว้าศรหมายจะฆ่าผู้เคยเป็นอาให้ตายพ้นๆไป แต่พิเภกก็วิ่งหนีอย่างสุดกำลัง เข้าป่าหายตัวไป แต่หากอินทรชิตจะสังหารพิเภกจริงๆ ก็ไม่น่าจะเกินความสามารถ เพราะยังเห็นว่าเป็นอา พอนึกจะฆ่าก็ทำไม่ลง 

เหล่าเสนาทหารมาร ทูลถามว่าจะทำอย่างไรกับพระลักษมณ์ที่โดนนาครัดจนหมดสติ อินทรชิตหัวเราะอย่างเย้ยหยัน

...ปล่อยมันไว้ตรงนี้แหละ นี่ก็จะมืดแล้ว เราควรกลับสู่นครไปพักผ่อนกันเถิด อีกไม่นานเจ้ารามพี่มันก็ต้องออกมาตามหาน้อง พอเจอว่าน้องไม่ไหวติงก็นึกว่าตาย พาลจะเสียใจร้องไห้จนสลบตามไปอีกคน แล้วถึงครานั้นเราจะได้จับฆ่าทั้งพี่ทั้งน้องให้ตายพร้อมกันซะ...
.

จึ่งตรัสแก่หมู่อสูรศักดิ์        อันองค์พระลักษมณ์เรืองศรี
ซึ่งต้องแสงศรนาคี               จะรอดชีวีอย่าสงกา
ทิ้งไว้ให้พี่ออกมาพบ            กอดศพพรํ่ารักกนิษฐา
สลบอยู่กับพื้นพสุธา             จะประหารชีวาเสียด้วยกัน
.

อุปราชแห่งลงกา สั่งไพร่พลให้ถอนทัพกลับเข้าเมือง...

.....
พระลักษมณ์และเหล่าวานร ถูกนาครัดจนหมดสติลง พิเภกวิ่งหนีไปทูลพระรามถึงพลับพลาว่า ขณะนี้พระอนุชาเป็นลมหมดสติอยู่ในสมรภูมิ พระรามมิรอช้า ดีดตัวขึ้นจากอาสน์ รุดตรงสู่สนามรบเพื่อดูอาการของน้องชาย
.

ครั้นมาใกล้ราชรถทรง                   ก็เห็นองค์พระลักษมณ์กนิษฐา
นาคกระหวัดรัดรอบกายา                 แต่บาทาจนถึงพระนาภี
สองกรพระฉวยฉุดกระชาก               เปลื้องนาคบาศยักษี
ไม่เคลื่อนคลายออกจากอินทรีย์       พระจักรีระทดพระทัยนัก ฯ
ลดองค์ลงแอบแนบน้อง                   ค่อยประคองช้อนเกศาขึ้นใส่ตัก
ชลนัยน์ไหลลงโซมพักตร์                 พระทรงจักรครวญครํ่ารำพัน
.

ภาพที่องค์รามเห็นคือ พระลักษมณ์นอนแน่นิ่งไร้สติ หน้าซีดเผือด ลมหายใจระรวยเต็มที ด้วยสภาพของน้อง พระรามแทบขาดใจตายล่วงหน้าพระอนุชาองค์ที่สนิทด้วยเป็นที่สุด   

ท้าวเธอเตือนสติตนให้กลับมา แล้วกระชับจับลูกศรที่ติดอกน้อง หมายออกแรง กระชากออก แต่อย่างไรก็ไม่สำเร็จ จนเหงื่อชุ่มมือ อาบหน้า ศรนาคบาศก็ยังไม่ออกจากอกน้องชายตน...

...





.



.



.



.



.



« Last Edit: 25 May 2024, 22:38:37 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 12 June 2023, 08:38:33 »


12 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (22)

-ทศกัณฐ์ปลื้มปิติในตัวอินทรชิตบุตรชาย

อินทรชิตได้รับชัยชนะอย่างภาคภูมิเหนือมนุษย์เป็นครั้งแรก อุปราชหนุ่มรุดเข้าเฝ้าพระบิดาทันที ทศกัณฐ์ยินดียิ่งเมื่อเห็นลูกกลับมาในลักษณะของผู้มีชัย อินทรชิตน้อมเศียรก้มลงกราบที่บาท แล้วทูลว่า...

...วันนี้ลูกได้ต่อสู้กับเจ้าลักษมณ์อย่างหนักหน่วง จนถึงเวลาใกล้ค่ำ ลูกได้แผลงศรนาคบาศเป็นนาคเข้ารัดกายของเจ้ามนุษย์และเหล่าพลวานรของมัน ตอนนี้พวกศัตรูได้แต่นอนแน่นิ่ง หายใจระทวย รอความตายอยู่ที่สนามรบ... 

ทั้งสิบหน้าของทศกัณฐ์ ยิ้มอย่างชื่นใจ ครานี้ลูกชายไม่เพียงแต่ได้ประกาศเกียรติของเผ่าอสูรให้ลือลั่น แต่ยังนำความภูมิใจมาสู่ผู้เป็นพ่อ

...นี่สิคือลูกข้า นี่สิคือปิ่นเกศลงกาองค์ต่อไป มามะ มาให้พ่อกอดให้ชื่นใจ พอเสร็จศึกนี้พ่อจะยกลงกาให้แก่เจ้าครอง ลูกพร้อมแล้ว ลูกชายของพ่อ... พลางโอบกอดจูบหอมแก้มซ้ายขวาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน แล้วให้เข้าไปพักผ่อนก่อนที่จะจัดการกับเหล่ามนุษย์ให้เสร็จสรรพในวันพรุ่งนี้ 

อินทรชิตกราบลาพ่อ พ่อผู้เป็นเจ้าชีวิตของเหล่ามาร ในบางครั้งเชื่อว่า หากไม่นับเทพเจ้าทั้งสามองค์ พ่อคือผู้สูงสุดของทั้งสามโลกด้วยซ้ำ
อินทรชิตเข้าไปผ่อนคลายจนหลับไป พระราชนิพนธ์ของพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้บรรยายการหย่อนใจไว้อย่างเห็นภาพว่า...
.

                      บัดนั้น                    ฝ่ายนางกำนัลน้อยใหญ่
หมอบเฝ้าเกลื่อนกลาดดาษไป         ล้วนโฉมอำไพวิไลวรรณ
อรชรอ้อนแอ้นจำเริญรัก                   ผิวพักตร์ผ่องเพียงนางสวรรค์
เข้าโบกปัดพัดวีนวดฟั้น                   ชวนกันทำตามพนักงาน
นางบำเรอก็ขับถวายเสียง                สำเนียงรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน
โหยหวนโอดพันบรรเลงลาน            เป็นคำหวานพร้อมเพราะไปในที
รำมะนาท้าทับกรับฉิ่ง                      พร้อมพริ้งจังหวะดีดสี
บำรุงบำเรออสุรี                              ในที่สิริไสยาฯ

                เมื่อนั้น                           อินทรชิตสิริย์วงศ์ยักษา
ฟ้านางอนงค์กัลยา                          อสุราเพลิดเพลินจำเริญใจ
เอนองค์ลงเหนือบรรจถรณ์               สโมสรด้วยความพิสมัย
เย้าหยอกสัพยอกนางใน                  ก็หลับไปในราษราตรี
.

เป็นอันว่าอินทรชิตผ่อนคลายอยู่กลางหมู่นางกำนัลจนหลับไป 

.....
อีกส่วนหนึ่งของพระมหาราชวัง ท้าวทศกัณฐ์ได้แต่เดินยิ้ม อารมณ์ดีไม่หลับนอน เข้าตำหนักนั้นออกปราสาทนี้ จนเข้าสู่ที่ประทับหย่อนองค์ลงพระแท่นใหญ่ ลูบหลังนางมณโฑอัครมเหสี แล้วกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า

...นี่แม่คุณ วันนี้อินทรชิตลูกของเราได้กำหราบศัตรูอย่างราบคาบ ยิงศรนาคบาศเข้ารัดทั้งเจ้ามนุษย์ลักษมณ์ เจ้าลิงป่าหนุมาน องคตและไพร่พลของมันซะแน่นิ่งปางตายทั้งนายบ่าว...พี่หละสะใจนัก ได้ยินว่าเจ้ารามออกมาตามหาน้อง ตอนนี้ก็พลันสลบแทบขาดใจ เดี๋ยวพรุ่งนี้เถิด ทัพเราจะออกไปฆ่าไอ้พวกมนุษย์ พวกลิงให้ตายตามกันไป...

นางมณโฑกลับมีสีหน้ากังวล แล้วกราบทูลตามใจจริง

...ทูลกระหม่อมของน้องอย่าเพิ่งวางใจในศึกนี้ ครั้งก่อนตอนการศึกพระอนุชากุมภกรรณ ตัวพระลักษมณ์ก็ต้องหอกโมกขศักดิ์ จนอาการปางตายกว่าครานี้ซะอีก พิเภกยังหาทางแก้ไขจนฟื้นขึ้นมาสู้ต่อได้ ป่านนี้ฝ่ายนั้นคงหาทางแก้ไขกันอยู่... 

ทศกัณฐ์ฟังคำรานีตน แล้วไม่พอใจที่นางมณโฑกล่าวเชิงนิยมศัตรู ท้าวเธอค้อนควับ สะบัดองค์ ละออกจากพระที่ เสด็จสู่ตำหนักอื่น เพื่อเป็นการประชดพระมเหสี

...





.



.



.




« Last Edit: 25 May 2024, 22:39:39 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 13 June 2023, 08:34:15 »


13 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (23)

-พระรามแผลงศรพลายวาตเรียกพญาครุฑ

ขณะที่เหล่ายักษ์เข้านอนพักผ่อนอย่างสบายใจ พระรามยังไม่สามารถหาทางที่จะช่วยน้อง ได้แต่ลูบหน้า ปาดหงื่อที่โทรมกายน้องรัก กล่าวรำพึงรำพันไม่ได้ศัพท์
.

โอ้อนิจาเจ้าลักษณ์เอ๋ย                ไฉนเลยมาม้วยอาสัญ
ทรงศรสามเล่มดั่งเพลิงกัลป์           ปรากฏทั่วสวรรค์ชั้นฟ้า
สงครามพ่อไม่ระวังองค์               ให้ต้องศรทรงของยักษา
เจ้าก็เป็นบัลลังก์นาคา                 มาแพ้นาคอสุราสาธารณ์

ครั้นก่อนก็ต้องโมกขศักดิ์            เพราะน้องรักอาจองทะนงหาญ
ครั้งนี้ก็ออกมารอนราญ               กับด้วยขุนมารอินทรชิต
ตัวพี่ก็ได้กำชับสั่ง                       ควรหรือยังมาประมาทจิต
ให้เสียทีพาลาปัจจามิตร              ดูดั่งแพ้ฤทธิ์อสุรี

เมื่อเจ้ามาสิ้นชีวัน                       พี่จะรบโรมรันด้วยยักษี
มาตรแม้นมีชัยก็ไม่ดี                   จะรู้ที่ไว้หน้าแห่งใด
ถึงจะได้เมียก็เสียน้อง                 จะต้องการสิ่งใดก็หาไม่
ร่ำพลางแสนโศกาลัย                 นิ่งไปไม่เป็นสมประดี
.

จะเห็นว่าพระรามได้แต่ตัดพ้อต่างๆ ไม่เห็นคิดหาแนวทางแก้ไข ได้แต่โทษว่าพระลักษมณ์ก็อวตารมาจากบัลลังก์อนันตนาคราชของพระนารายณ์ เหตุใดจึงมาเสียทีแก่หมู่นาคกระจอกเหล่านี้ หากพระลักษมณ์ตาย พระรามก็ต้องสู้ต่อตามลำพัง แต่ถึงจะรบชนะจนได้นางสีดาคืน ก็จะมีประโยชน์อันใด เพราะต้องเสียน้องชายสุดที่รักไป จึงเป็นลมหมดสติอีก (แล้วก็จริงดังคาด...พระเอกของเรา ยังคงบทบาทเจ้าน้ำตาไว้อย่างเหนียวแน่น...)

ทั้งสุครีพและพิเภกเห็นว่านายตนสลบลง ก็เข้าแก้ไข นวดเฟ้น ตักน้ำมาพรมกายเพื่อลดไข้องค์ราม จนกษัตริย์มนุษย์คืนสติกลับมา แล้วถามพิเภกว่า...การนี้จะแก้ไขอย่างไร... 

พญาพิเภกผู้รู้ กราบทูลตามตรงว่า...อันพระอนุชาและเหล่าพลวานรที่ต้องศรอินทรชิต บัดนี้ยังไม่เสียชีวิต ขอพระองค์จงแผลงศรพลายวาต เพื่อให้แสงศรออกไปตามพญาครุฑมาช่วยเหลือ... 

พระรามไม่มีเวลาไตร่ตรองถึงเหตุผลใดๆ ชันกายขึ้นศรอย่างงามสง่า แผลงพลายวาตศาสตราเทพขึ้นฟ้า เล็งตรงสู่วิมานฉิมพลี 

อีกเพียงครู่เดียว พญาสุบรรณเป็นใหญ่ในหมู่นก รู้ว่าพระสี่กรเรียกหา จึงนำเหล่าครุฑบินว่อน เสียงปีกสนั่นทั้งท้องฟ้าจนแผ่นดินสะเทือน เมื่อเห็นว่ากองทัพพระลักษมณ์ถูกนาครัดอยู่ เหล่าครุฑจึงตรงเข้าโฉบจิกฉีกร่างนาคให้ออกจากกายพระอนุชาลักษมณ์ ตลอดถึงกระชากหมู่นาคที่พันรอบกายนายบ่าวกระบี่ต่างๆ ด้วยกงเล็บอันแหลมคม

เหล่านาคเมื่อเห็นว่าฝูงพญาครุฑผู้มีอำนาจเหนือตนบินมา ต่างพากันคลายร่างวานรแล้วเลื้อยแทรกแผ่นดินหนี เพื่อเอาชีวิตรอด 

เมื่อสิ้นกิจ เหล่าครุฑเข้ากราบลาแทบบาทองค์ราม ผู้เป็นอวตารแห่งวิษณุนายตน แล้วบินกลับสู่วิมานตามเดิม

เมื่อร่างของพระลักษมณ์และเหล่าขุนกระบี่ปราศจากนาคที่รัดไว้ กอปรกับละอองน้ำค้างได้ชะพิษแห่งศรหลุดออกจากร่าง จนทุกชีวิตสามารถฟื้นคืนสติ มีแรงลุกขึ้นถวายบังคมแด่พระราม องค์ลักษมณ์ถลาเข้ากอดที่ขาพี่

...น้องมีบุญเหลือเกิน เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ก็เพราะพระองค์ได้ช่วยไว้ จากนี้ไปน้องและเหล่าไพร่พลจะพลีชีวิตเพื่อสนองพระกรุณาธิคุณอย่างมิกลัวใคร... 
พระรามยินดียิ่ง เมื่อเห็นน้องที่รักและขุนศึกผู้ซื่อสัตย์รอดตายอีกครั้ง จึงสั่งให้ถอยทัพกลับพลับพลา เพื่อพักผ่อนเอาแรง

...


พระรามแผลงศรพลายวาตเรียกพญาครุฑ


.

พระรามแผลงศรพลายวาตเรียกพญาครุฑ


.




.



.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:40:57 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #3 on: 13 June 2023, 08:35:16 »


13 มิถุนายน 2022  ·

พญาครุฑ หรือ พญาสุบรรณ

ครุฑ (Garuḷa) เป็นสัตว์ในนิยายในศาสนาฮินดู, พุทธ และเชน และปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง เช่น มหาภารตะ เล่าว่า ครุฑเป็นพี่น้องกับนาคและทะเลาะกันจนเป็นศัตรู นอกจากนี้ ยังมีปุราณะที่ชื่อว่า ครุฑปุราณะ เป็นเรื่องเล่าพญาครุฑ

ตามคติไทยโบราณ เชื่อว่าครุฑเป็นพญาแห่งนกทั้งมวล และเป็นพาหนะของพระวิษณุ ปกติอาศัยอยู่ที่วิมานฉิมพลี มีรูปเป็นครึ่งคนครึ่งนกอินทรี ได้รับพรให้เป็นอมตะ ไม่มีอาวุธใดทำลายลงได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์ก็ได้แต่เพียงทำให้ขนของครุฑหลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "สุบรรณ" ซึ่งหมายถึง "ขนวิเศษ"

ครุฑเป็นสัตว์ใหญ่ มีอานุภาพและพละกำลังมหาศาล แข็งแรง บินได้รวดเร็ว มีสติปัญญาเฉียบแหลม อ่อนน้อมถ่อมตน และมีสัมมาคารวะ

.....

พญาครุฑมี ปีกซ้าย-ขวายาวประมาณข้างละ 50 โยชน์ หางยาว 60 โยชน์ คอยาว 30 โยชน์ ศีรษะยาว 9 โยชน์ เท้าสองข้างยาว 12 โยชน์
เป็นราชาแห่งปักษี มีที่อยู่ ณ ระเบียงชั้นที่ 2 ของภูเขาสุเมรุ พญาครุฑอาศัยอยู่ที่ต้นฉิมพลีใหญ่ อันมีอยู่ในป่าไม้ฉิมพลี ขึ้นล้อมสระใหญ่ยาว 50 โยชน์
เมื่อพญาครุฑทำการบิน สถานที่บริเวณประมาณ 700-800 โยชน์ จะสั่นสะเทือน
(ปีกยาว 50 โยชน์ = 800 กม. แสดงว่าตัวใหญ่กว่าประเทศไทยอีกมั้ง)
จาก ไตรภูมิพระร่วงและโลกทีปสาร

...





.



.



.



.



.



.



.



.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:42:13 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #4 on: 13 June 2023, 08:36:14 »


13 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (24)

-ทศกัณฐ์โกรธพิเภกที่ช่วยทัพพระราม

ฝ่ายสารัณทูตสายสืบฝ่ายลงกา เห็นว่าพระรามสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ จึงรีบกลับเข้าลงกา เมื่อสารัณทูตแจ้งข่าวร้ายนี้แก่องค์ทศกัณฐ์นายตน พญายักษ์โกรธดั่งไฟไหม้วัง

...ไอ้พิเภกตัวดี เข้าช่วยไอ้พวกศัตรูจนมีชีวิตรอดได้อีกครั้ง... แล้วใช้ให้นางกำนัลไปตามให้อินทรชิตลูกแก้ว เข้าเฝ้าทันที 

องค์ชายอินทรชิตเข้าเฝ้าพระบิดากลางดึก ทศกัณฐ์เรียกลูกชายให้เข้ามาใกล้แล้วปรึกษาราชการกันอย่างรอบคอบกว่าเดิม 

...เหล่านาคที่ลูกสั่งให้รัดร่างของมนุษย์และวานรไว้ บัดนี้โดนพวกครุฑถลาลงจิก ฉีกร่างซะย่อยยับหมด บ้างตายด้วยกงเล็บ บ้างตายด้วยจะงอยปากแหลม บ้างเลื้อยหนีลงดินเพื่อเอาตัวรอด จนบัดนี้เจ้าลักษมณ์และบริวารฟื้นคืนสติแล้ว... 

อินทรชิตเจ็บใจยิ่งนัก ตะโกนด่าพิเภกอย่างไม่นับญาติ

...ศรนาคบาศของข้าไม่มีใครสามารถชนะได้ แต่เพราะไอ้พิเภกทรชน บอกทางแก้ให้ศัตรูรู้จนหมด หากคราวหน้าข้าเจอมันอีก มันถูกข้าฆ่าทิ้งเสียมิให้มันมาอวดดีต่อไป...

...บัดนี้ลูกเห็นว่าเราควรรบให้เสร็จศึกและให้เด็ดขาดในเวลาอันรวดเร็วที่สุด ลูกขอลาไปชุบศรพรหมาสตร์ อันเป็นอาวุธประทานจากพระอิศวร อาวุธนี้จะไม่เปิดโอกาสให้พวกมนุษย์มันหายใจอีกต่อไป...ลูกขอลาเสด็จพ่อ... 

ทศกัณฐ์ทึ่งในความเฉียบขาดของลูกชาย ชื่นชมในไหวพริบที่หลักแหลม และบูชาความเพียรเยี่ยงชาวกษัตริย์ของอินทรชิต ราชาแห่งอสูรได้แต่ยิ้ม ยิ้มส่งให้ลูกไปทำในสิ่งที่ควร...

.....

ศรนาคบาศก็ไม่สำเร็จดังประสงค์...แต่อินทรชิตยังไม่ยอมแพ้ ทำพิธีชุบศรอันใหม่ ยี่ห้อ พรหมาสตร์... (เอ๊ะ..ยี่ห้อนี้คุ้นๆว่าพระรามก็มีนี่หว่า...ไม่รู้ใครก๊อปใครเนี่ย)

...


ทศกัณฐ์


.



.



.



.


โปรดติดตามตอนต่อไป...ศึกศรพรหมาสตร์

.




« Last Edit: 25 May 2024, 22:43:29 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #5 on: 14 June 2023, 08:46:12 »


14 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (25)

วันนี้ มาช้าหน่อย เพราะมัวไปแอบส่องดู...เฮียทศฯ ลงสรง...เห็นแม่มณโฑและสนมนางในนับสิบ ช่วยกันขัดสีฉวีวรรณให้ท้าวเธอ จนสะอาดเอี่ยมเรี่ยมเร้เรไร ผ่องผุด ดุจเจ้าสวรรค์ แต่..แม๊..ขี้ไคล..ออกมาเป็นกองเท่าภูเขา ปั้นช้างได้เป็นตัวเลยนะเออ...555

เอ้า..มาเข้าเรื่องรามเกียรติ์ ของเราต่อกันดีกว่า...
.....

-นางมณโฑเป็นห่วงลูกชาย

ศรนาคบาศที่อินทรชิตอุตส่าห์บริกรรมคาถาเรียกเหล่านาคและสัตว์มีพิษให้มาคายพิษอาบลูกธนูวิเศษนี้ พระลักษมณ์และกองทัพวานรถูกพิษแห่งนาคนอนแน่นิ่งรอความตายที่สมรภูมิ ทุกอย่างก็เหมือนจะสำเร็จดั่งใจเจ้าชายอสูรรูปงาม

แต่เพียงไม่ถึงข้ามคืน นอนยังมิทันเต็มตื่น อาวุธที่ดีที่สุดแห่งยุค แผนการที่วางไว้อย่างแยบยลกลับถูกแก้ไขได้โดยง่าย พระลักษมณ์ฟื้นจากอาการเกือบตายอย่างหวุดหวิด เหล่าวานรกลับได้ใจอีกครั้ง ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถทำลายพวกมันได้

อินทรชิตมิได้เพียงเสียดายเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนที่อดทนชุบศร มิได้แค่เสียดายสรรพกำลังที่สูญเสียไป แต่เสียใจเมื่อผู้เป็นอาที่ตนเคยปลอบใจขณะที่ถูกพ่อตะเพิดออกจากเมือง เสียแรงที่ตนเข้าปกป้องจนโดนลูกหลงจากแรงหวดด้ามศรจากพ่อหลายครั้ง เสียดายความรักที่ให้กับญาติสนิทที่ชื่อพิเภก

ด้วยความแค้นใจ ทำให้ขณะนี้อสูรหนุ่มมิต้องการพักผ่อนอีกต่อไป เพียงอย่างเดียวที่เจ้าชายแห่งลงกาอยากทำให้สำเร็จคือ การเอาชนะศัตรูและเด็ดหัวมารร้ายที่ชื่อพิเภก หากไม่มีพิเภก ป่านนี้เจ้าลักษมณ์และเหล่าลิงป่าก็ต้องตาย พี่ของมันก็ต้องตรอมใจตายเมื่อเห็นศพน้องชาย หรือหากไม่ถึงตายก็คงถอยทับกลับขึ้นฝั่งด้วยความหวาดกลัวในฤทธิ์เรา

แต่ตอนนี้มันเหล่านั้นมีแต่ความได้ใจ ป่านนี้มันคงหัวเราะเยาะอาวุธที่พระพรหมประทาน มันคงพูดจาดูถูกศาสตราของเราอย่างสนุกปาก ไอ้พวกไร้อารยะ ข้าอินทรชิตอุปราชแห่งลงกา ยังมีบทเรียนให้พวกมึงอีกมาก...

...เสด็จพ่อ ลูกขอพระอนุญาตไปชุบศรพรหมาสตร์ที่พระสังกรประทานให้ หากยังไม่เสร็จพิธี โปรดอย่าให้ใครไปรบกวนเด็ดขาด ลูกถวายบังโคมลา... 

อินทรชิตถอยออกจากพระที่ ทันที โดยไม่ฟังคำอนุญาตจากทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อ กษัตริย์แห่งลงกาได้แต่ชื่นชมในความเด็ดขาดของลูกชาย มิได้กล่าวอะไรมากมายเพียงแต่ยิ้มรับน้อยๆ ด้วยความรักเท่านั้น 

ใครจะสังเกตเห็นร่างบอบบางที่อยู่ข้างบัลลังก์แก้วอันยิ่งใหญ่ ใครจะเห็นนางมณโฑผู้เป็นแม่ นางรู้สึกหนาวเย็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นางมั่นใจในความเก่งกาจของลูกชาย มั่นใจว่าลูกตนมีเทพคุ้มครอง พยายามตอบตนเองว่า ความหนาวเย็นนี้เกิดจากสัญชาติญาณของผู้เป็นแม่ที่เป็นห่วงลูกอย่างหมดหัวใจ นางได้แต่อวยพรลูกชายอย่างเงียบๆ

...รณพักตร์ลูกแม่จงโชคดี หัวใจของแม่จะอยู่ที่กระหม่อมเจ้า จงชนะศัตรู...แต่อินทรชิตจะออกไปรบกับองค์ราม ผู้พระอวตารของพระเจ้า...โถ ลูกแม่จงโชคดี...

...


นางมณโฑ


.

นางมณโฑ


.

นางมณโฑ


.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:44:33 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #6 on: 14 June 2023, 08:47:08 »


14 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (26)

-อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์

อินทรชิตออกจากท้องพระโรงหลวง สั่งให้ทหารหาญจัดทัพตั้งขบวนเพื่อเดินทางไปประกอบพิธีชุบศรพรหมาสตร์ ณ เขาสัตภัณฑ์ โดยให้เตรียมเทียนธูป สัตว์สังเวยประกอบด้วยแพะดำ โคดำ ตลอดจนถั่วงาดำให้พร้อมสรรพ

เมื่อได้เวลา เจ้าชายอสูรลงสรงน้ำ แต่งกายด้วยเครื่องทรงสีดำ ประดับองค์ด้วยมรกต บุษราคัม ทับทิมเช่นเจ้านาย ได้ฤกษ์จึงสั่งเคลื่อนพลสู่เขาสัตภัณฑ์อันตั้งอยู่ริมทะเล

เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณชายหาดตีนเขาสัตภัณฑ์ อินทรชิตสั่งให้หยุดขบวน ผ่านโองการให้พัทกาล เสนาคนสนิท เร่งสร้างโรงพิธีใต้ต้นกร่างริมน้ำ เหล่าทหารพนักงานเร่งสร้างโรงพิธีตามนายสั่งอย่างว่องไว
.

บ้างแบกบ้างขนบ้างลาก             ปักฉลากจับการอึงมี่
ขุดหลุมยกเสาขึ้นทันที               ตามที่ตำแหน่งพนักงาน
สามสิบสามห้องมีเฉลียง             ราชวัติฉัตรเรียงทั้งสี่ด้าน
เบื้องบนนั้นดาดเพดาน               ห้อยพวงกุสุมาลย์โอฬาร์
ท่ามกลางนั้นตั้งบัลลังก์รัตน์           บัตรพลีบายศรีซ้ายขวา
ทั้งเทียนเงินเทียนทองรจนา           เสร็จตามบัญชาอสุรีฯ 
.

จะเห็นว่าการชุบศรพรหมาสตร์ มีการจัดพิธียิ่งใหญ่กว่าพิธีชุบนาคบาศที่อินทรชิตเพียงมุดเข้าไปในโพรงและบริกรรมคาถา ครานี้เจ้าชายให้พนักงานสร้างโรงพิธีที่มีห้องต่างๆ จำนวนถึงสามสิบสามห้อง แสดงว่าพิธีนี้คือการชุมนุมเทวดาที่จำเป็นต้องทำให้แลดูยิ่งใหญ่ สมกับการบวงสรวงพระศิวะเทพเจ้าสูงสุด
เมื่อโรงพิธีเสร็จ อินทรชิตถอดเครื่องทรงออกจนไม่เหลืออะไรติดกาย เสด็จลงจากรถทรง แล้วเดินลงสรงน้ำในทะเลหน้าโรงพิธี แต่งตัวดั่งผู้ถือศีล มีรายละเอียดอันปราณีตยิ่ง ดังนี้
.

ขัดสีธุลีละอองผง                        ชำระมลทินองค์ยักษา
ทรงสุคนธ์ลูบไล้ชโลมทา               ผ้าทิพย์พื้นเขียววรูจี
เกี่ยวกระหวัดรัดโกปินำ               สอดสายธุหร่ำดั่งฤาษี
เจิมจุณมุ่นเกล้าเมาลี                  สอดประคำมณีอลงกรณ์
ทรงสะพักสีเขียวเขียวระยับ         พระหัตถ์จับพรหมาสต์แสงศร
ครั้นได้ศุภฤกษ์สถาวร                 บทจรเข้าโรงพิธีการฯ 
.

พอเข้าสู่ตัวประรำพิธี มหาอุปราชจุดธูปเทียนนมัสการพระอิศวรเจ้า เอาศรพรหมาสตร์พาดที่ตัก แล้วสำรวมใจอ่านพระเวทอย่างต่อเนื่อง

...


อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์


.

อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์


.

อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์


.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:45:41 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #7 on: 15 June 2023, 08:32:48 »


15 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (27)

-พิเภกอาสาออกไปหาอาหารให้กองทัพ

หลังจากที่ขุนกระบี่พักผ่อนจากการศึกอินทรชิตจนเกือบตายยกค่าย คราวนี้เกิดเรื่องขึ้นอีก สุครีพรีบทูลรายงานพระรามนายตนว่า...

...บัดนี้เสบียงอาหารของเหล่าวานรเกิดร่อยหรอจนจะหมดแล้ว นิลพัทนายเกียกกายไม่ได้ส่งเสบียงอาหารจากนครชมพู มากว่าสิบห้าวันแล้ว ผักผลไม้รอบค่ายที่สามารถประทังชีวิตไพร่พลได้ ก็ถูกเก็บกินจนหมดสิ้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เห็นทีเหล่าพลกระบี่จะหมดเรี่ยวแรง พาลจะต้านกำลังยักษ์ไม่ไหว จึงทูลแจ้งองค์จักรีเพื่อวินิจฉัย... 

พระรามทั้งเป็นห่วงปากท้องของไพร่พล ทั้งโกรธนิลพัทผู้ขาดส่งพลาหารตามหน้าที่ที่มอบหมาย แต่องค์อวตารก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงผินพักตร์ไปทางพิเภกผู้ชำนาญ

พิเภกผู้คุ้นเคยกับเกาะลงกาทูลว่า...หากข้ามทะเลไปทางทิศเหนือ บนแผ่นดินใหญ่มีป่าอันอุดมไปด้วยพืชผล ชื่อว่าป่าสาลวัน ป่านี้มีผลไม้เพียงพอแก่เหล่าไพร่พลเป็นแน่ ข้าพเจ้าขออาสานำเหล่าทหารไปเก็บผลไม้เพื่อหล่อเลี้ยงกองทัพของเรา... 

พระรามยินดียิ่งนัก บัญชาให้พิเภกพาเหล่าพลวานรออกเดินทางสู่ป่าสาลวันโดยเร็ว เพื่อทหารจะได้ไม่หิวโหยต่อไป 

พิเภกน้อมรับพระบัญชา แต่ก็ยังกังวลต่อการศึกที่ติดพัน

...ข้าพเจ้าจะออกเดินทางในทันที แต่ด้วยระยะทางและการเดินทางที่ต้องข้ามน้ำข้ามเขา ข้าบาทไม่สามารถกลับมาในวันนี้เป็นแน่ แล้วหากอินทรชิตยกพลมาโจมตีซ้ำ ขอให้พระองค์โปรดรับมือกับการศึกด้วยความปรีชาด้วยเถิด... 

แล้วพิเภกก็ลาจากพระที่ พาพลลิงจำนวนสองสมุทร เหาะข้ามทะเลข้ามเขามุ่งหน้าสู่ป่าสาลวัน ระหว่างทางเหล่าลิงน้อยใหญ่ พากันหยอกล้อสนุกสนานยิ่ง เพราะนานๆจะได้ออกไปเที่ยวสักครั้ง

...


พิเภกอาสาออกไปหาอาหารให้กองทัพวานรของพระราม


.

พิเภกอาสาออกไปหาอาหารให้กองทัพวานรของพระราม


.

พญาพิเภกยักษี


.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:46:35 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #8 on: 15 June 2023, 08:33:38 »


15 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (28)

-กำปั่นออกศึกขัดตาทัพ

หลังจากที่อินทรชิตลูกชายคนโปรดออกไปชุบศรพรหมาสตร์ ทศกัณฐ์ไม่สามารถอยู่นิ่งพักผ่อนหย่อนพระวรกายได้เลย จะหลับก็ไม่เต็มตา จะตื่นก็กังวลว่าอสูรพงศ์จะสิ้นวงศ์ในรัชกาลตน พลิกไปมาจนสว่าง ลงสรงแล้วออกสู่มหาสภาทันที... (ก็อย่างที่เล่าให้ฟังแล้วว่า เราแอบไปส่องดูเฮียทศฯ ลงสรง ไม่ได้นอกเรื่องนอกราวอะไรมากมายนะครับ เขากำลังจะรบกันเครียดๆ กลัวว่าผู้ฟังจะเบื่อเสียก่อน ก็หาเรื่องเบาสมองมาบอกบ้าง เด๋วนี้เขาอนุญาตเปิดผับเปิดบาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวด อย่างเต็มรูปแบบแล้วนะครับ หลังจากที่ปิดเพราะพิษโควิด-19 ซะอ่วมมาแล้ว)

แล้วตรัสสั่งให้ กำปั่น ยอดขุนพล นำทัพออกไปต่อตีพวกลิงไพรในวันนี้ จนกว่าอินทรชิตจะกลับมาหลังเสร็จพิธีชุบศร กำปั่นน้อมรับราชโองการ เพราะนี่คือโอกาสที่จะสนองคุณแผ่นดิน ทศกัณฐ์พระราชทานไพร่พลจำนวนสิบสมุทร

(ที่ค้นมาท่านบอกว่า หนึ่งสมุทรเท่ากับ ๑ และตามด้วย 0 สิบสี่ตัว – หนึ่งสมุทรเท่ากับ 100,000,000,000,000 หรือเท่ากับหนึ่งร้อยล้านล้าน ไม่น่าเป็นไปได้! ที่ลงกาจะมีทหารถึงพันล้านล้านตน ไม่ทราบเหมือนกันครับว่า หนึ่งสมุทรเท่ากับจำนวนเท่าไหร่กันแน่ ผู้รู้บอกด้วยครับ)

ทศกัณฐ์กำชับให้เปาวนาสูร ตระเตรียมกองทัพให้พร้อม จัดยุทธวิธีให้รัดกุม ที่สังเกตคือทัพที่จัดโดยเปาวนาสูรหรือมโหทรนั้น จะเป็นทัพหลวงที่ได้รับพระราชทานโดยตรงจากท้าวทศกัณฐ์

แต่ทุกครั้งที่อุปราชอย่างอินทรชิตหรือกุมภกรรณออกรบ จะมีกองกำลังส่วนของตนเอง และให้เสนาในสังกัดของตนจัดแจงแต่งทัพตามที่ตนสั่ง โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากส่วนกลาง นี่คือวัฒนธรรมของไทย อันมีการแยก “วังหน้า” และ “วังหลัง” ที่จะมีการสะสมกำลังพล แยกกันโดยสิ้นเชิงกับกำลังพลหลวง

กำปั่น (ยักษ์เสนาหน้าสีเขียว ปากแสยะตาจระเข้ หรือบางที่ว่า ขบตาโพลง หัวโล้น สวมกระบังหน้า) เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก แต่ต้องมีความสำคัญอันดับต้นๆ ของเหล่าขุนศึกเมืองลงกา เป็นแน่

เพราะขนาดไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พันธมิตรเชื้อพระวงศ์ต่างนคร ทศกัณฐ์ยังใช้ให้ออกไปปฏิบัติหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ และที่น่าสังเกตคือ ยักษ์ตนนี้ถนัดการรบบนหลังช้าง

ตามประเพณีโบราณ ช้างจะใช้สำหรับเชื้อพระวงศ์หรือผู้มีตำแหน่งสูงมากเท่านั้น บุคคลธรรมดาไม่น่าจะมีโอกาสได้ฝึกการยุทธบนหลังช้าง แถมมีควาญบังคับช้างให้ด้วย 

กำปั่นนั่งช้างที่กำลังตกมันสีดำขลับ ขุนยักษ์ถือคทาที่มือขวา มือซ้ายถือคชาธาร (ขอที่ใช้บังคับช้าง) นำพลมาถึงสนามรบ รอท่าศัตรูอย่างใจเย็นตามรับสั่ง เมื่อนายไว้ใจขนาดนี้ มีหรือยักษ์ไร้ศักดินาอย่างกำปั่น จะให้โอกาสทองนี้หลุดมือ...

...


กำปั่นออกศึกขัดตาทัพ


.

กำปั่นออกศึกขัดตาทัพ


.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:47:41 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #9 on: 15 June 2023, 08:35:50 »


15 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (29)

-หนุมานใช้ตรีเพชรฟันคอกำปั่นขาดกระเด็น

อย่างเช่นเคย...พระรามตื่นจากบรรทม ได้ยินเสียงอึกทึกของทัพอสูรที่คุ้นเคย แน่ใจว่าต้องเป็นพวกยักษ์เป็นแน่ แต่พิเภกไม่อยู่ จึงไม่รู้จะถามใครดี จึงสั่งให้พระลักษมณ์อนุชา พาไพร่พลไปจัดการกับเหล่าศัตรู สั่งให้สุครีพจัดทัพอย่างเต็มอัตราศึก
.

เกณฑ์ให้คำแหงหนุมาน              คุมพลทหารเป็นทัพหน้า
กองขันเกสรมาลา                       เกียกกายลูกพญาพาลี
ทัพหลวงโยธาล้วนสามารถ          องอาจดั้งพญาราชสีห์
ยุกกระบัตรนั้นสัตพลี                 กองหนุนกระบี่สุรกานต์
นิลนนท์กองหลังรั้งท้าย               ไพร่นายล้วนมีกำลังหาญ
โยธาทัพน้องพระอวตาร               เลือกล้วนชำยนาญในการยุทธ์
แต่ละตนลำพองคะนองคึก            ห้าวฮึกทั้งห้าสิบสมุทร
พร้อมด้วยเครื่องสรรพอาวุธ        อุตลุดคอยเสด็จยาตราฯ
.

พระลักษมณ์เข้าสรงน้ำ แต่งองค์อย่างภูมิฐาน ขึ้นรถทรงนำหน้ากระบวนทัพรูปปีกกายาตราสู่สนามรบ

กำปั่นเห็นเหล่าวานรเดินทัพกันมาแต่ไกล มิรอช้า สั่งให้พลอสูรเข้าโจมตีทันที...

การศึกดำเนินไปอย่างดุเดือด ยักษ์รุกลิงรับ ลิงกัดยักษ์แทง ต่างฝ่ายต่างสู้กันสุดกำลัง ดูเหมือนหนุมานจะเป็นผู้พิชิตยักษ์ได้มากที่สุด จนกำปั่นนายทัพต้องรีบเข้ารบด้วยตนเอง เพราะเกรงว่าจะสูญเสียชีวิตทหารไปมากกว่านี้

กำปั่นกระโดดถีบหนุมานกระเด็นอย่างมิรู้ตัว แต่ลูกพระพายก็ไม่บาดเจ็บอะไรมากนัก ยันกายเข้าถีบกำปั่นล้มลงด้วยกำลัง และโดยมิให้เสียโอกาส หนุมานเงื้อ ตรีเพชร ฟันคอกำปั่นขาดกระเด็นออกจากร่าง เลือดสาดกระจายไร้ทิศทาง จบชีวิตแม่ทัพจำเป็นแห่งลงกา...เอวัง.

เมื่อสมุนยักษ์เห็นนายคอขาดต่อหน้าแล้ว มีความกลัวลิงยิ่งนัก หนีทัพเอาตัวรอดอย่างไม่เป็นกระบวน สองทหารคนสนิทของกำปั่น รีบเข้าลงกาไปกราบทูลท้าวทศกัณฐ์ว่าบัดนี้นายทัพกำปั่นได้พลีชีพในสนามรบเรียบร้อยแล้ว

เจ้าแห่งอสูรไม่รู้จะทำอย่างไรดี เพราะกำปั่นเพิ่งออกไปตอนเช้ามืด แต่นี่ยังไม่ถึงเที่ยงเลย กำปั่นก็ตายซะแล้ว ด้วยความลนลานจนลืมตัว จึงเผลอสั่งให้ไวยกาสูร เสนามาร ออกไปตามอินทรชิตให้กลับมารบ โดยลืมไปว่า...ลูกเคยสั่งไว้ว่า อย่าให้ใครรบกวนขณะทำพิธีเด็ดขาด... 

ไวยกาสูรรับบัญชา รีบเหาะไปที่เขาสัตภัณฑ์ แจ้งข่าวว่ากำปั่นตายแล้ว และบัดนี้พระชนกเรียกพระราชกุมารกลับลงกา อินทรชิตโกรธอย่างยิ่ง เพราะตนต้องมาถูกทำลายพิธีอีกครั้ง ด่าทอไวยกาสูรด้วยความโมโห

...ไอ้ไวยกาสูรยักษ์อัปรีย์ กูบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ให้ใครรบกวน รอจนกว่าพิธีชุบพรหมมาตร์สำเร็จก่อน ถ้ามึงไม่อ้างว่าพ่อกูเรียก ป่านนี้หัวมึงหลุดจากบ่าแล้ว... 

เหล่าพลอสูรต่างลนลาน ไม่รู้จะทำอย่างไรกับการกริ้วของพระโอรส อินทรชิตสำรวจใจลุกจากอาตพิธี ตะโกนสั่งให้มหาดเล็กลากฝูงสัตว์เข้ามาที่ต่อหน้าประรำพิธี แล้วกลับขึ้นนั่งบนอาตบัลลังก์ ยกศรพรหมาสตร์ ประนมขึ้นที่หว่างคิ้ว เมื่อท่องพระเวทถึงหนึ่งพับจบ แผ่นดินในบริเวณนั้นสะเทือนดั่งเตือนว่า เทวารับรู้แล้ว...

พระโอรสจึงสั่งให้เชือดสัตว์ที่เตรียมไว้ทันที แล้วเอาถาดรองเลือดสัตว์สังเวยใส่ถาดทอง มาอาบศรพรหมาสตร์ ดั่งถวายให้ศาสตราแห่งเทพดื่มกิน ถือเป็นอันเสร็จพิธี...

...


ซ้าย-หนุมานต่อสู้กับกำปั่นบนหลังช้าง
ขวาล่าง-หนุมานใช้ตรีเพชรบั่นคอกำปั่น


.

อินทรชิตโกรธไวยกาสูร


.

อินทรชิตยกศรพรหมาสตร์ ประนมขึ้นที่หว่างคิ้ว เมื่อท่องพระเวทถึงหนึ่งพับจบ แผ่นดินในบริเวณนั้นสะเทือนดั่งเตือนว่า เทวารับรู้แล้ว...
แล้วสั่งให้เชือดสัตว์ที่เตรียมไว้ทันที ให้เอาถาดรองเลือดสัตว์สังเวยใส่ถาดทอง มาอาบศรพรหมาสตร์ ดั่งถวายให้ศาสตราแห่งเทพดื่มกิน ถือเป็นอันเสร็จพิธี...


.

.....
ตอนต่อไป...มาแน่นอนครับ...
อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ...

.




« Last Edit: 25 May 2024, 22:48:58 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #10 on: 16 June 2023, 08:57:25 »


16 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (30)

-อินทรชิตแปลงเป็นพระอินทร์

ถึงแม้อินทรชิตจะทูลสั่งทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อว่า อย่าให้ใครมารบกวนระหว่างมหาพิธีชุบศรพรหมาสตร์ แต่ไม่แคล้วองค์ชายก็ยังถูกพ่อตามกลับเข้าเมืองอย่างรีบด่วน แม้จะโมโหสุดประมาณ อินทรชิตก็ยังทำการชุบศรพรหมาสตร์ได้อย่างสำเร็จจนได้ 

แต่ก็น่าจะเป็นการชุบศรแบบฉบับย่อ หรือแบบหลักสูตรเร่งรัด...จบปริญญาโควิด-19...ไม่ต้องเข้าชั้นเรียน ทันสมัยนะชิตนะ...

ยักษ์หนุ่มร่ายพระเวทถึงหนึ่งพันจบ จนแผ่นดินสะเทือน แล้วจับสัตว์บูชายันต์มาเชือด นำเลือดจากคอโคดำ แพะดำเหล่านั้น มาอาบศรพรหมาสตร์ สรุปว่า เป็นอันเสร็จพิธี 

อินทรชิตมั่นใจว่า ครั้งนี้จะชนะเหล่ามนุษย์วานรได้อย่างง่ายดาย แต่ไหนๆจะออกรบแล้วต้องสร้างชื่อซะหน่อย

โดยตนเองจะแปลงกายเป็นพระอินทร์ ยักษ์สมุนชื่อว่าการุณราช (ยักษ์หัวโล้นสวมกระบังหน้า หน้าสีหงส์เสนหรือสีอิฐส้มอมชมพู) แปลงร่างเป็นช้างเอราวัณ
เหล่าไพร่พลให้แปลงเป็นนักสิทธิ์ คนธรรพ์ และเหล่าเทพบุตรนางฟ้าที่สวยงาม ฟ้อนรำนำหน้าขบวนเสด็จของพระอินทร์แปลง แต่เหล่าชาวสวรรค์แปลง ซ่อนอาวุธไว้ในร่างกาย รอสัญญาณจากนายเพื่อโจมตี...
.....


บทพากย์เอราวัณ (กาพย์ฉบัง ๑๖)
.

อินทรชิตบิดเบือนกายิน          เหมือนองค์อมรินทร์
ทรงคชเอราวัณ

ช้างนิรมิตฤทธิแรงแข็งขัน       เผือกผ่องผิวพรรณ
สีสังข์สะอาดโอฬาร์

สามสิบสามเศียรโสภา           เศียรหนึ่งเจ็ดงา
ดังเพชรรัตน์รูจี
.

...


อินทรชิตแปลงเป็นพระอินทร์
ยักษ์การุณราช แปลงร่างเป็นช้างเอราวัณ
เหล่าไพร่พลให้แปลงเป็นนักสิทธิ์ คนธรรพ์ และเหล่าเทพบุตรนางฟ้า
รูปภาพจาก ภาพฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์ ระเบียงพระอุโบสถวัดพระแก้ว


.

อินทรชิตทำพิธีชุบศรพรหมาสตร์


.





« Last Edit: 25 May 2024, 22:50:09 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #11 on: 25 May 2024, 22:51:05 »


ปรับปรุงภาพใหม่










Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.064 seconds with 20 queries.