User Info
Welcome,
Guest
. Please
login
or
register
.
23 December 2024, 07:48:17
1 Hour
1 Day
1 Week
1 Month
Forever
Login with username, password and session length
Search:
Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ
http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618
Posts in
12,929
Topics by
70
Members
Latest Member:
KAN
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
|
ภาพประทับใจ
|
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
(Moderator:
ผนังเก่าเล่าเรื่อง
) |
[39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic.
« previous
next »
Pages:
[
1
]
Author
Topic: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน (Read 543 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
[39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
on:
07 June 2023, 09:17:09 »
[39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
7 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (11)
-มังกรกัณฐ์ยาตราทัพเข้าสู่ลงกา
ในขณะที่ลูกชายคนโปรดทำพิธีชุบศรอยู่ พญาทศกัณฐ์จำเป็นที่จะต้องหาใครก็ได้ที่มีฤทธิ์ มีเกียรติพอที่จะออกไปรับหน้าทัพมนุษย์ไว้ก่อน จะส่งขุนศึกทั่วไปออกรับหน้าก็จะเสียชื่อลงกา จะหาใครที่เก่งกล้ากว่าอินทรชิตที่เป็นเชื้อร่วมวงศ์พรหม ก็ดูขัดสนเต็มที
พญามารคิดทบทวนไปมาว่าจะส่งใครออกรบแทนลูกตัว จนนึกขึ้นได้...
...ดูก่อนไวยวาสูร เสนาที่ข้าไว้ใจที่สุด เจ้าจงไปที่นครโรมคัล ไปเชิญ มังกรกัณฐ์ หลานเราให้มาเข้าเฝ้าด่วน...
ไวยวาสูร(ยักษ์ปากขบ สวมกระบังหน้า หน้าสีหงดิน (สีอิฐ) หัวโล้น) ถวายบังคมลาแล้วรีบเหาะมุ่งไปยังนครโรมคัล
.....
เมืองโรมคัล เดิมเป็นของพญาขร ผู้เป็นน้องของทศกัณฐ์ พญาขรหลงเชื่อนางสำมนักขาจนเกิดศึกและต้องศรพระรามจนถึงแก่ความตาย พญาขรมีบุตรสองตนชื่อว่า มังกรกัณฐ์และแสงอาทิตย์ เมื่อผู้เป็นพ่อเสียชีวิต บุตรชายคนโตคือมังกรกัณฐ์จึงสืบวงศ์ผ่านนครโรมคัลต่อมา
บางท่านอาจจะงงว่า...ทำไมยักษ์ตนนี้ถึงชื่อมังกรกัณฐ์ เป็นเพราะที่ศีรษะของอสูรหนุ่มตนนี้สวมชฎายอดนาค จึงมีเอกลักษณ์ที่จำได้ง่ายคือ หน้าสีเขียว (บ้างว่ามีหน้าทอง) เคี้ยวคุด ปากขบ ตาจระเข้ มีมงกุฎยอดนาค มีพระแสงศรและจักรแก้วเป็นอาวุธ
จริงๆแล้วเราคุ้นเคยกับยักษ์ตนนี้มาก่อน เพราะมังกรกัณฐ์คือควายทรพี (ผู้ที่เคยฆ่าพ่อควายทรพา แล้วต่อมาถูกพาลีฆ่าตายในถ้ำ) กลับชาติมาเกิด เป็นบุตรของพญาขรและนางรัชฎาสูร แต่ต่างอยู่ที่ชาตินี้เป็นผู้กตัญญูมาก...
ไวยวาสูรหมอบเฝ้ารอราชาแห่งนครโรมคัลเพียงชั่วครู่ องค์มังกรกัณฐ์ก็เสด็จลงสู่พระที่นั่งแล้วร้องถามว่า...
...ไวยวาสูรขุนเสนีแห่งลงกา ลุงข้าพญาทศกัณฐ์จอมราชาแห่งมารมีสุขดีหรือไม่ แล้วท่านมีเหตุด่วนอันใดจึงมาถึงเมืองเรา...
ไวยวาสูรทูตเอก กราบทูลอย่างฉับไว...บัดนี้ข้าศึกลิงป่าที่นำโดยมนุษย์รามลักษมณ์ยกพลเข้าประชิดนครลงกาของพระปิตุลา เจ้าเหนือหัวจึงมีบัญชาให้ข้าบาทมาเชิญเสด็จยังลงกาเพื่อกวาดล้างเหล่าศัตรู...
เมื่อได้ยินชื่อของสองมนุษย์ พญามังกรกัณฐ์เลือดขึ้นหน้าเพราะยังแค้นครั้งพญาขรผู้เป็นพ่อพลาดพรั้งเสียทีแก่ราม มนุษย์ผู้ไม่คู่ควรแม้แต่จะกล่าวถึง มาบัดนี้บังอาจยกพลวานรป่าจะบุกยึดลงราชธานีของเหล่าอสูร
...ไอ้พวกมนุษย์ มาสร้างความรำคาญไม่รู้สิ้น หากเทียบกับเหล่าอสูรแล้ว มันสองพี่น้องก็เป็นดั่งแมลงวัน ดีหละข้าจะได้ออกศึกเพื่อล้างแค้นแทนพ่อ พ่อผู้ซึ่งปกป้องเกียรติของน้องสาวจนเสียชีวิต พ่อซึ่งเป็นทัพหน้าต้านทานภัยที่จะคุกคามเผ่าพันธุ์ขององค์พรหม แล้ววันนี้ก็มาถึง ดีหละข้าจะได้แสดงฝีมือให้นามกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดินว่าข้ามังกรกัณฐ์ได้ล้างแค้นให้พ่อ และได้ปัดรังควานให้สิ้นจากลงกา...
...วิรุณจักรขุนศึกข้า เจ้าจงจัดทัพเพื่อยาตราสู่ลงกาในยามรุ่ง...
วิรุณจักรรับคำสั่ง ออกเกณฑ์ทหารกล้าที่ฝีมือดีที่สุดในโรมคัล จัดสรรทั้งพลเกาทัณฑ์อาบยาพิษ กองหอกซัด กองพลกระบอง กองทองปราย กองพลง้าว และกองพลถือทวน ล้วนพร้อมรออยู่ที่รถศึกแก้วกุดั่นทองประจำองค์มังกรกัณฐ์
พอยามรุ่ง กษัตริย์แห่งโรมคัลตื่นจากบรรทม มาสรงน้ำอย่างสบายองค์ แต่งตัวอย่างภูมิฐานพร้อมออกเดินทาง (บทชมเครื่องทรงของท้าวมังกรกัณฐ์ รัชกาลที่หนึ่งท่านนิพนธ์ไว้งดงามถี่ถ้วนยิ่งนัก)
.
ไขทิพย์สุหร่ายสายสินธุ์ สุคนธาธารกลิ่นเกสร
ทรงสอดสนับเพลาเชิงงอน เป็นมังกรรัดกระหวัดชงฆ์
ภูษาโขมพัสตร์พื้นม่วง ฉลุดวงแย่งยกกระหนกหงส์
ชายแครงชายไหวฉลององค์ เกราะเกล็ดภุชงค์ประดับพลอย
ทับทรวงตาบทิศเพชรแพร้ว แสงสังวาลแววดั่งหิ่งห้อย
ทองกรแก้วปรุฉลุลอย ธำมรงค์เพชรพร้อยอรชร
ทรงมหามงกุฎดอกไม้ทัด กรรเจียกจำรัสประภัสสร
พระหัตถ์จับศิลป์ฤทธิรอน บทจรไปขึ้นพิชัยรถฯ
.
พร้อมสั่งให้เคลื่อนพลอย่างรโหฐาน เสียงปี่เสียงแตรเสียงร้องทหารฮึกเหิมตลอดทางจนข้ามสมุทรถึงลงกา
...
มังกรกัณฐ์
.
มังกรกัณฐ์ ราชาแห่งนครโรมคัล
.
มังกรกัณฐ์ ราชาแห่งนครโรมคัล บุตรของพญาขรและนางรัชฎาสูร
(ในอดีตชาติ คือ ควายทรพี)
.
แสงอาทิตย์ น้องชายของมังกรกัณฐ์
.
หัวโขนมังกรกัณฐ์ ทรงมงกุฎยอดนาค มีศรเป็นอาวุธ
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 14:55:42 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #1 on:
07 June 2023, 09:18:05 »
7 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (12)
-มังกรกัณฐ์อาสา รบขัดตาทัพ
มังกรกัณฐ์เข้ากราบองค์ปิตุลาผู้ราชาแห่งยักษ์ ทศกัณฐ์ยินดียิ่งนักเข้าประคองกอด ลูบหลัง ต้อนรับอย่างหวานชื่น
...มังกรกัณฐ์หลานรัก ทางโรมคัลอยู่อย่างร่มเย็นดีอยู่หรือ แล้วชนนีเจ้ารัชฎาสูรเป็นอยู่พูลสุขดีอยู่หรือ...
ราชาแห่งโรมคัลน้ำตาคลอ เพราะซาบซึ้งในพระมหากรุณาของพระเจ้าลุงที่ถามถึงทุกข์สุขของตนและเมืองหน้าด่านอย่างโรมคัล
...อันเสด็จแม่ของกระหม่อมและชาวประชานครโรมคัล มีความสถาพรดีครบถ้วนเนื่องด้วยพระบารมีของเสด็จลุงอันเป็นร่มเงาให้หลานได้พึ่งพิง เสียดายแต่เสด็จพ่อพญาขรผู้พลาดท่าเสียชีพด้วยน้ำมือมนุษย์ฤษีพี่น้อง...
เมื่อได้ยินชื่อของ พญาขร น้องชายที่รัก หน้าทั้งสิบของพญาทศกัณฐ์สลดลงทันที
...ที่ลุงด่วนเรียกเจ้ามาในวันนี้ เพราะมีศัตรูกรีฑาหมายจะย่ำยีกรุงลงกา กองทัพอธรรมนั้นนำโดยพี่น้องรามลักษมณ์ ตัวการที่ฆ่าพ่อของเจ้า ฆ่าเหล่าอาของเจ้า เจ้าสองมนุษย์ร้ายได้รับการสนับสนุนจากเหล่าลิงป่า พวกมันเข้ารุกรานลงกาของเราไม่เว้นแต่ละวัน ลุงกุมภกรรณของเจ้ายกทัพออกไป ก็พลาดท่าตายในสนามรบ ขนาดอินทรชิตยังมิอาจเอาชนะมันได้โดยง่าย จนตอนนี้อินทรชิตผู้พี่ของเจ้าต้องออกไปชุบศรนาคบาศที่ยอดเขาอากาศ...
...ลุงเห็นว่าหลานเป็นผู้เก่งกล้าเป็นสามารถ พอที่จะออกไปขัดทัพเหล่าศัตรู แต่คะเนดูแล้วด้วยความสามารถของเจ้า ลุงว่าหลานน่ะจะชนะศึกนี้อย่างมิยากเย็น...
ฝ่ายมังกรกัณฐ์ก้มลงกราบเสด็จลุงแล้วทูลว่า...หลานนี้แค้นเจ้ารามลักษมณ์ยิ่งนัก อยากจะบดขยี้มันให้แหลกคามือ ขอให้เสด็จลุงอย่าห่วง หลานจะทำการกิจนี้ให้สำเร็จตามพระบัญชา... เสด็จลุงหม่อมฉันขอลา...
พญาทศกัณฐ์หัวเราะอย่างชื่นใจ...ฮะ ฮะ ฮะ มังกรกัณฐ์หลานรักของลุง หัวใจเจ้านี้กล้าหาญยิ่ง ไม่ต่างอะไรจากพญาขรน้องข้า มิเสียแรงที่เกิดร่วมวงศ์พรหมเป็นหน่อเนื้อเชื้อสุริย์วงศ์...
...นี่เปาวนาสูร เจ้าจงออกไปเตรียมข้าวปลาอาหารพร้อมสิ่งบันเทิง เลี้ยงรับรองกองทัพแห่งโรมคัล อย่าได้ขาดตกบกพร่องให้เสียชื่อนครลงกา...
นางในแห่งราชสำนักลงกา จัดแต่งเครื่องสำรับคาวหวาน สุรา เครื่องกับแกล้มเพื่อถวายมังกรกัณฐ์ ผู้เป็นทั้งพระนัดดาสืบสายโลหิต เป็นพระราชาต่างเมือง ที่มาช่วยสงครามอันยืดเยื้อครั้งนี้ นางในที่คัดสรรมาอย่างดี เฝ้าดูแลพระราชอาคันตุกะมิบกพร่อง ทั้งพัดวี ครวญขับเพลงกล่อมให้มังกรกัณฐ์หย่อนพระวรกาย
.
ฝ่ายนางบำเรอก็ครวญขับ ร้องรับรี่เรื่อยเฉื่อยฉาน
โหยหวนโอดพันบรรเลงลาน ฉิ่งกรับประสานจังหวะกัน
รำมะนาท้าทัยสลับเสียง สำเนียงดั่งหนึ่งเพลงสวรรค์
กระจับปี่สีซอนี่นัน บำเรอกุมภัณฑ์ผู้ทรงฤทธิ์ฯ
.
หลังจากที่ทั้งมังกรกัณฐ์และไพร่พลอิ่มหนำสำราญจนเมามายแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องทูลท้าวราพณาสูรผู้เป็นลุง ออกรบหมายทำลายกองทัพของพี่น้องรามลักษมณ์ให้ราบเป็นหน้ากอง
...
มังกรกัณฐ์ อดีตชาติคือทรพี มาเกิดเป็นลูกของพญาขรตามคำสาปของพระอิศวร เป็นยักษ์ ตาจรเข้ ปากหุบ มีหนึ่งพักตร์ สองกร กายสีเขียว ทรงมงกุฎยอดนาค มีศรเป็นอาวุธ
.
มังกรกัณฐ์ ทรงมงกุฎยอดนาค
.
มังกรกัณฐ์ ทรงมงกุฎยอดนาค มีศรเป็นอาวุธ
.
......
มังกรกัณฐ์คือควายทรพี กลับชาติมาเกิดเป็นลูกของพญาขร ตามคำสาปของพระอิศวร ต้องตายด้วยศรพระราม
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:26:42 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #2 on:
08 June 2023, 08:45:56 »
8 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (13)
-พระรามออกรับศึก
พระรามตื่นจากบรรทมแล้วลงสู่พลับพลา ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากทัพอสูร จึงถามพญาพิเภกว่า...
...ดูก่อนท่านพิเภกผู้รู้ จงบอกเราเถิดว่าบัดนี้ใครยกทัพมา และเราควรจะใช้ใครให้ออกไปรับศึกครานี้...
พิเภก ทดเลข คำนวณฤกษ์ยาม จนแน่ใจแล้วทูลว่า...
...บัดนี้นายทัพอสูรที่ยกมาคือ มังกรกัณฐ์เจ้าเมืองโรมคัลบุรี ผู้เป็นบุตรขุนมารพญาขร เป็นผู้ชำนาญในการธนูยิ่งนัก หม่อนฉันคะเนดูเห็นว่า ไม่มีผู้ใดสามารถรับมือกับขุนมารตนนี้ได้ จึงขอเชิญพระองค์ออกไปรับศึกด้วยพระองค์เอง...
เมื่อพระรามได้ฟังดังนั้น ก็มิได้มีสีหน้ากังวลใดๆ สั่งให้สุครีพขุนกระบี่จัดทัพหลวงให้พร้อม ทั้งสองกษัตริย์ออกจากพระที่ เพื่อเตรียมองค์ออกสู่สนามรบ ก้าวขึ้นรถทรงที่บังคับโดยสารถีสวรรค์
.....
(งานนี้พระรามออกหน้าเองเลย แต่เอ๊ะ..ตอนรบกับอินทรชิตซึ่งเจ๋งสุดๆในหมู่ยักษ์ ยังใช้แค่พระลักษมณ์ออกสู้ แล้วมังกรกัณฐ์มันเก่งขนาดต้องพระรามเลยหรอ...
ยังจำได้ไหม...ที่พระอิศวรสาปไว้...มังกรกัณฐ์นี้ก็คือ ทรพี ชาติที่แล้วนั่นเอง...ไอ้หมอนี่ต้องตายด้วยศรพระรามไง คนอื่นออกรบเดี๋ยวผิดบท...ไม่ได้นะ 555)
.....
พอมาถึงสนามรบ ทั้งสองจอมทัพต้องมีปราศัยกันตามประเพณี โดยมังกรกัณฐ์ชี้หน้าร้องหยามก่อนว่า...
...เหวย เหวย..ไอ้พวกมนุษย์ไร้สมองคิด บังอาจมาเทียบตนกับเหล่ามาร กูคือมังกรกัณฐ์เจ้ากรุงโรมคัล เสด็จลุงพญาทศกัณฐ์ตามกูมาให้มากุดหัวพวกมึงทิ้ง...
พระรามขยับองค์ เอ่ยวาจาโต้ตอบ...
...เจ้ามังกรกัณฐ์ขุนยักษ์ อย่ามาอวดอ้างว่าเก่งกว่ากู ขนาดพ่อมึงยังตายด้วยศรของกูแล้วน้ำหน้าอย่างมึงจะเหลืออะไร...
มังกรกัณฐ์เดือดดาลเมื่อพระรามกล่าววาจาจาบจ้วงพญาขรผู้เป็นพ่อ กระทืบบาท ชี้หน้าพระราม แล้วสั่งให้พหลพลมารโจมตีศัตรูทันที
เพียงครู่ เหล่ายักษ์และวานรต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ดูเหมือนว่าทัพเมืองโรมคัลจะประเมินความสามารถของเหล่าพลลิงต่ำไปมาก มารู้ตัวอีกทีก็ถูกฝูงลิงไล่ฉีกขาฉีกแขน กัดหูควักตา จนพลอสูรวิ่งหนีกันโกลาหล
มังกรกัณฐ์เห็นว่าไพร่พลของตนตายเกลื่อน บ้างก็หนีทัพเข้าป่าดง จึงสั่งให้โลทัน (ยักษ์หัวโล้น หน้าสีฟ้า เคยขับรถทรงให้กุมภกรรณมาก่อน) สารถีประจำองค์ ชักรถเข้าตีฟันเหล่าวานรด้วยตัวเอง จนเหล่าทหารลิงตายเกลื่อนด้วยแรงฟาดของศรมังกรกัณฐ์
พระรามเห็นท่าไม่ดี จึงน้าวศรอัคนิวาต ที่บรรดาลเกิดลูกไฟ ย่างสดเหล่าพลยักษ์ตายเป็นเบือ แต่ไม่ช้ามังกรกัณฐ์ก็แก้ด้วยการขว้างจักรแก้ว แกว่งไกวแหวกอากาศเข้าตัดตัว ตัดหัวพลวานร ขาดกระเด็น...
...
พระราม
.
พระราม
.
มังกรกัณฐ์
.
.
พระรามออกรบ ตอนศึกมังกรกัณฐ์
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:38:14 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #3 on:
08 June 2023, 08:46:59 »
8 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (14)
-มังกรกัณฐ์ต้องศรพรหมาสตร์เศียรขาด
พระรามเห็นว่ามังกรกัณฐ์เริ่มใช้ศาสตราอาวุธหนัก องค์อวตารจึงประทับศรพลายวาตเข้ากำราบจักรแก้วของพญามารแห่งโรมคัลแตกละเอียด
มังกรกัณฐ์เห็นจักรแก้วที่พระพรหมประทานให้ ถูกทำลายอย่างง่ายดาย จึงง้างศรอย่างเต็มแรง หมายเล็งไปที่ร่างขององค์ราม ศรสิทธิ์ต้องกลางอก ตัดเกราะแก้วทะลุถึงอาภรณ์ชั้นในขององค์ราม ขาดกระจุย
พระรามตกใจ อึ้งไปชั่วขณะ ไม่เชื่อว่าตนรอดตายมาได้อย่างไร หลุดปากกล่าวชมถึงความสามารถของมังกรกัณฐ์ อย่างไม่รู้ตัว
.
เมื่อนั้น พระภุชพงศ์องค์นารายณ์นาถา
เห็นศรยักษีมีฤทธา ผ่านฟ้านิ่งนึกตรึงไป
อันมังกรกัณฐ์นี้สามารถ ยิงเกราะกูขาดเข้ามาได้
นับว่าเป็นชายชาญชัย ยิ่งในสุริย์วงศ์พงศ์ยักษ์
ครั้งเมื่อพญาขรรณรงค์ ก็ยิงคันธนูทรงกูหัก
พ่อลูกประเสริฐเลิศนัก ศรศักดิ์ไม่มีใครเทียมทัน
คิดพลางก็ขึ้นธนูศิลป์ ฟ้าดินสะเทือนเลื่อนสั่น
พระกรชักศรพาลจันทร์ พาดสายหมายมั่นแล้วแผลงไปฯ
.
ครั้งก่อนตอนที่ปะทะกับพญาขรผู้พ่อ คันศรของพระรามก็หักเป็นสองท่อน มาครั้งนี้เกราะแก้วก็ขาดด้วยแรงศรของมังกรกัณฐ์ผู้เป็นบุตร พ่อลูกคู่นี้ฝีมือการยิงธนูไม่แพ้ใคร
พระรามต้องเตือนตัวเองให้ทำอะไรซักอย่าง จึงขึ้นพาดศรพาลจันทร์ น้าวอย่างสุดกำลัง ยิงตรงไปต้องศรของมังกรกัณฐ์จนหัก ต้องรถพญามารแหลกละเอียด จนมังกรกัณฐ์ต้องกระโดดลงสู่พื้นดิน
บัดนี้ราชาแห่งโรมคัล เสียทั้งศร เสียทั้งรถ เสียโลทันยอดสารถี ไพร่พลก็ตายเกลื่อนทั่วสนามรบ บัดนี้ยืนอยู่แต่ผู้เดียวในยุทธภูมิ พญามารถอนใจ แล้วเหาะขึ้นไปแอบในก้อนเมฆบนฟ้า
บัดนี้มังกรกัณฐ์เหลือเพียงตัว แต่ยังหมายจะสร้างชื่อให้กระฉ่อนดั่งเคยประกาศไว้ พญามารประนมมือขึ้นเหนือหัว ท่องพระเวทบูชาองค์พรหม แล้วทวนคาถาเนรมิตกระจายตนเป็นร่างนับพัน เกลื่อนกลาดทั่วท้องฟ้า แล้วเสกฝนเพลิงให้ตกลงเผาไหม้กองทัพพระราม เหล่าพลลิงโดนเพลิงเผาย่างสด ตายทั้งเป็นอย่างทรมาน วิ่งแตกหนีกระเจิงไม่เป็นขบวน
พระรามสับสน ไม่รู้ว่าภาพมังกรกัณฐ์ที่อยู่เกลื่อนท้องฟ้า ร่างไหนเป็นร่างจริงกันแน่ จึงถามพิเภกว่า จะทำการศึกต่ออย่างไรดี พญาพิเภกกราบทูลโดยปัญญา
...องค์ราม ท่านจงสั่งศรพรหมาสตร์ ศาสตราที่มีชีวิต ให้เข้าทำลายร่างที่แท้จริงของมังกรกัณฐ์ แล้วจากนั้นศรสั่งจะทำงานเอง...
พระรามไม่มีเวลาตรึกตรอง ชักพรหมาสตร์ออกจากแล่ง แล้วสงบจิต เอ่ยสั่งศร...
...พรหมาสตร์ยอดแห่งอาวุธ เจ้าจงมุ่งตรงเข้าสังหารมังกรกัณฐ์ อย่าได้ช้า...
แล้วองค์รามประทับศร ยิงขึ้นฟ้า พรหมาสตร์มุ่งตรงเข้าตัดเศียรมังกรกัณฐ์ขาดกระเด็นออกจากร่าง สิ้นใจตกลงมาตายกลางสนามรบ รูปมายาที่เสกไว้ หายไปตามวิญญาณที่หลุดลอยของจอมมาร
.....
สารัณทูต ยักษ์ม้าใช้ กลับเข้าลงกา ตรงเข้ารายงานการตายของมังกรกัณฐ์พระนัดดา ว่าได้พลีชีพเยี่ยงกษัตริย์สุริย์วงศ์แล้ว พญาทศกัณฐ์ไม่สามารถทรงองค์ให้ตรงนิ่งไว้ได้ เหงื่อแตกอาบทั่วร่าง
...โอ้หลานข้า ผู้สามารถในวิชาศรเหนือใครในสามโลก แต่เหตุใดมาเสียชีวิตเพราะมนุษย์เดินดินตัวเล็กๆอย่างน่าอนาถ บัดนี้อินทรชิตก็ยังไม่กลับมาจากพิธีชุบศร หรือจะถึงกาลที่ลงกาจะล่มสลายด้วยมนุษย์ในครานี้...
ปาดน้ำตาแล้วตั้งสติว่า จะใช้ใครออกไปขัดตาทัพ รออินทรชิตราชบุตร...กวาดสายตาทั่วท้องพระโรง ก็เห็นแต่เห่ลาเสนาผู้มีอายุมากเกินกว่าจะออกศึก แล้วพลันเหลือบเห็นวิรุญมุข ยอดกุมาร จึงกวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้
...วิรุญมุขหลานรัก บัดนี้........”
.....แทรก.....
ขอเพิ่มเติมนะครับ มังกรกัณฐ์มีความเก่งกล้ามากกว่าพญาขรผู้เป็นพ่อด้วยซ้ำ แต่ก็มาตายเพราะศรพระราม จึงทำให้ทศกัณฐ์รู้สึกว่าไม่ต้องเสียเวลาคัดสรรขุนศึกเพื่อออกรบนักหรอก ไม่ต้องคิดถึงความเหมาะสมเรื่องศักดิ์เรื่องฝีมือ ส่งใครออกไปก็ได้เผื่อจะตัดรอนกำลังของพระรามได้บ้าง แล้ววันหนึ่งก็จะถอยทัพกลับแผ่นดินใหญ่ไปเอง
หรือหากการศึกเนิ่นนานไป เหล่าทหารลิงจะเกิดความเบื่อหน่ายเอง เพราะศึกนี้มิใช่ศึกระหว่างลงกาและขีดขินหรือเมืองชมพู ทศกัณฐ์หวังว่าจะสามารถชลอมหายุทธนี้ให้ยาวนานให้มากที่สุด จนเหล่าทหารลิงอยากกลับบ้าน จนละทิ้งนาย พระรามก็จะไม่มีใครช่วยแล้ว จำต้องถอยกลับอโยธยาไปเอง
พญามารใช้ยุทธศาสตร์พิทักษ์เมืองหลวงคือลงกาให้มั่นคง แล้วเชิญขุนศึกจากต่างเมืองมาร่วมรบแบบวันต่อวัน เพื่อถ่วงเวลา ไม่ให้ข้าศึกรุกถึงตัวพระนครลงกา การศึกเช่นนี้เป็นที่นิยมมากในสมัยโบราณ สมัยอยุธยาของไทย ก็ใช้การศึกแบบนี้ จนกรุงแตกครั้งที่หนึ่ง...
.....แทรก.....
...
พระรามแผลงศรพลายวาต
.
พระราม
.
พระรามรบกับมังกรกัณฐ์
.
มังกรกัณฐ์ ต้องศรพรหมาสตร์ของพระราม
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:41:34 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #4 on:
09 June 2023, 08:34:47 »
9 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (15)
-วิรุญมุข ออกรบขัดตาทัพ
เมื่อพระนัดดามังกรกัณฐ์เสียชีวิตลงเพราะศรพระราม แล้วลูกชายในอุดมคติอย่างอินทรชิตก็ยังทำพิธีชุบศรนาคบาศยังไม่สำเร็จ ทศกัณฐ์จึงต้องมองหาขุนศึกนำทัพออกรับหน้ากับข้าศึกที่กระชั้นเข้ามาใกล้ลงกาขึ้นทุกที จะใช้ทหารธรรมดาก็ไม่ได้ เพราะแม่ทัพแห่งลงกาจะต้องเป็นผู้มีเชื้อแห่งพรหมา มิสามารถเอาใครที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามานำทัพได้
เจ้าแห่งอสูรกวาดสายตาไปทั่วมหาสภา เห็นแต่เพียงเสนาอำมาตร์ผู้มีอายุ งุ่มง่ามไม่ทันศึก รบไม่ทันลิง สุดท้ายทศกัณฐ์มาหยุดสายตาทั้งสิบคู่ที่ วิรุญมุข พระนัดดา
วิรุญมุขเป็นลูกของวิรุญจำบัง ผู้เป็นราชาครองเมืองจารึกต่อจากผู้พ่อพญาทูษณ์ ผู้เป็นน้องท้องเดียวกับทศกัณฐ์ วิรุญมุขจึงมีศักดิ์เป็นหลานปู่ของทศกัณฐ์ พ่อส่งมาฝากปู่ทศกัณฐ์เพื่อให้เรียนการอักษร การยุทธ การปกครองจากเหล่าคุรุในลงกา กุมารยักษ์ตนนี้ยังเด็กนัก มีผมจุกบนหัว หน้าเขียวหรือบางที่บอกว่าเป็นสีเขียวเข้ม มีหอกเป็นอาวุธ ทรงม้าฝีเท้าจัด
ผู้เป็นปู่กวักมือเรียกให้หลานชายคลานเข้ามาหา
...วิรุญมุข หลานปู่ เจ้ามาเรียนสรรพวิชาในลงกาก็สมควรแล้ว ปู่จะให้เจ้านำทัพออกศึกไปรับหน้าพวกมนุษย์ จนกว่าลุงอินทรชิตของเจ้าจะกลับมา...
วิรุญมุขไม่เชื่อหูของตนเอง เพราะไม่คาดฝันว่าจะมีโอกาสเป็นแม่ทัพใหญ่เร็วขนาดนี้ ราชกุมารแห่งจารึกนครไม่สามารถเก็บอารมณ์ปิติอันน่าตื่นเต้นไว้ได้ รีบถวายบังคมเสด็จปู่โดยเร็ว แต่เหล่าอำมาตย์ในมหาสภาพากันคุยกันงึมงำ พญาทศกัณฐ์ล่วงรู้ว่าไม่มีผู้ใดเห็นด้วยกับราชโองการของตน จึงประกาศก้องอย่างหนักแน่น...
...สุริยวงศ์พงศ์อสูรคือผู้กล้า แม้จะเป็นเด็กก็สามารถเป็นแม่ทัพได้ โลหิตทุกหยดในตัววิรุญมุขมาจากองค์พรหม หลานปู่จงนำทัพไปปราบศัตรูให้ชื่อก้องทั้งสามภพ สวัสดีจงมีแด่เจ้าวิรุญมุข... มหิตันเสนา จงจัดทัพให้หลานข้าอย่างสมเกียรติ...
มหิตัน (ยักษ์หัวโล้น หน้าสีม่วงครามอ่อน) เสนาแห่งลงกา จึงออกไปจัดทัพให้อย่างว่องไว เหมาะสมกับการ ต้องตามจอมพลผู้ทรงม้า
.
จึ่งเกณฑ์กระบวนม้ารบ เลือกล้วนสินธพตัวกล้า
กองหนึ่งสีดำดั่งกา ขุนม้าถือปืนรางแดง
กองหนึ่งขาวผ่องผิวสังข์ ลำพองกำลังเข้มแข็ง
ผู้ขี่ม้าถือทวนแทง กวัดแกว่งบนหลังสินธพ
กองหนึ่งพื้นผ่านอมฤก ห้าวฮึกหกหมุนดีดขบ
ทหารขี่ถือหอกสำหรับรบ แล่นตลบแลลิบไม่เห็นกาย
กองหนึ่งพื้นพวกผ่านดำ ย่างย่ำทีน้อยเฉิดฉาย
พลขี่มือถือทองปราย ไพร่นายเตรียมท่าอสุรีฯ
.
จะเห็นว่าการจัดทัพลงกาครั้งนี้แตกต่างจากคราวอื่น ศึกนี้แม่ทัพใช้ม้าเป็นพาหนะ ไม่ใช้รถทรงดั่งศึกที่ผ่านมา จึงต้องเตรียมทหารม้าที่มีความเร็วในการขับเคลื่อนสูง ม้าของวิรุญมุขมีหน้าสีดำ ตัวขาว ฝีเท้าจัด มีความเร็วมาก (เมืองจารึกน่าจะเป็นเมืองที่เชี่ยวชาญในการเลี้ยงม้า เพราะตัวผู้พ่อพญาวิรุญจำบังก็ทรงม้าวิเศษเหมือนกัน)
เมื่อได้ฤกษ์ วิรุญมุขชักม้าควงหอกสุรกานต์ นำทัพออกจากเมืองฝุ่นตลบอบอวลไปทั้งนคร
...
วิรุญมุข ยักษ์เด็ก หัวจุก ถือหอกสุรกานต์
.
ทศกัณฐ์เรียกวิรุญมุขเข้าพบ
.
โขน-ทศกัณฐ์ ให้วิรุญมุข ออกรบขัดตาทัพ
.
วิรุญมุขรับคำสั่ง อย่างภาคภูมิใจ
.
วิรุญมุข ออกตรวจพล
.
วิรุญมุข จอมพลผู้ทรงม้า
ชักม้า ควงหอกสุรกานต์ นำทัพออกศึก
.
ม้าของวิรุญมุขมีหน้าสีดำ ตัวขาว ฝีเท้าจัด มีความเร็วมาก
................
วิรุญมุข มารายงานตัวแล้วคร๊าาบบบ........
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:49:52 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #5 on:
09 June 2023, 08:36:04 »
9 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (16)
-ชามพูวราช อาสาทำลายพิธีชุบศรของอินทรชิต
พระรามแปลกใจว่า ทำไมไม่มีการรุกรานจากยักษ์มาสองวันแล้ว จึงถามพิเภกผู้รู้...
...เหตุใดสองวันนี้ จึงไม่มีฝ่ายลงกาแต่งทัพมาท้ารบดั่งเคย...
พิเภกโหรใหญ่ตรวจการโคจรของดาว มองดูรูปทรงเมฆ แล้วกราบทูล
...ขณะนี้อินทรชิตอุปราชแห่งเมืองมาร หลบไปทำกิจพิธีชุบศรในโพรงไม้โรทันบนเขาอากาศคีรี อินทรชิตเฝ้าภาวนาเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน เพื่อทรมานเหล่านาคจนฝูงนาคาทนไม่ได้ ต้องขึ้นมาคายพิษอาบปลายศรนาคบาศ หากพิธีนี้สำเร็จ ศรนาคบาศจะสามารถปราบทุกหน้าในสามโลกได้อย่างง่ายดาย...
พระรามถอนหายใจอย่างกังวล...แล้วเราควรทำเช่นไร ท่านโปรดบอกมา...
พิเภกพนมมือ แล้วทูลต่อตามความจริง...บัดนี้พิธีชุบศรได้ดำเนินไปสามวันสามคืนแล้ว จะล้มล้างพิธีเห็นว่าไม่ทัน แต่หากจะลดระดับพิษที่อาบศรก็ยังทันอยู่ หมีคือสัตว์ชนิดเดียวที่มีกำลัง สามารถหักโค่นต้นโรทันใหญ่ได้...
พระรามยิ่งหนักใจเข้าไปใหญ่ เพราะขณะนี้มีแต่ลิงและกับยักษ์อีกตนในกองทัพ แต่โดยไม่คาดคิด ชมพูวราช ผู้ชราก็ขยับกายออกมาหน้าพระพักตร์
...ข้าบาทขออาสาถวายงาน แปลงเป็นหมีเข้าทำลายต้นโรทัน เพื่อเป็นการทำลายพิธีชุบศรของอินทรชิต พะยะค่ะ...
.
.....แทรก.....
ชมพูวราช หรือชมพูหมี หรือในบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่หนึ่ง เรียกว่า ชามพูวราช ได้ขนานนามว่าเป็นลิงตัวแรกของโลก เพราะครั้งกำเนิดโลก ฤๅษีสุขวัฒนบำเพ็ญฌาน จนเกิดเป็นต้นไผ่ผุดขึ้นตรงหน้า จึงนำไผ่ลำดังกล่าวไปถวายพระอิศวร แล้วพระมหาเทพได้นำไปทำคันธนู หลังจากขึ้นสายธนูแล้ว ก็ทรงโก่งเพื่อลองดู แต่ด้วยพละกำลังของพระองค์ทำให้คันธนูหักออกเป็นสองท่อน ส่วนต้นธนูกำเนิดเป็นอสูรชื่อว่าเวรัมภ์ ส่วนท่อนปลายธนูเกิดเป็นลิงชื่อว่านิลเกสร หรือต่อมาชื่อว่าชมพูวราช จึงเป็นลิงตัวแรกของโลก
ชมพูวราชเป็นผู้รู้ประวัติศาตร์ของโลก จึงเป็นที่ปรึกษาของพญาพาลี ต่อมาเป็นผู้อาวุโสในกองทัพของพระราม โดยเสนอให้จองถนนเพื่อเคลื่อนทัพวานรให้ถึงลงกาและเพื่อสร้างพระเกียรติให้อยู่คู่โลก บัดนี้ได้อาสาไปทำลายพิธีของอินทรชิต (ในรามายณะ บอกว่าชมพูหมีคือผู้รู้ เป็นผู้นำกองทัพหมีมาช่วยราชการเมืองขีดขิน จนต่อมาเป็นที่ปรึกษาให้แก่พระราม คอยเล่าตำนานโบราณต่างๆ ให้ทรงเข้าใจ)
.....แทรก.....
ชมพูวราชถีบทะยานเหาะตรงไปยังเขาอากาศคีรี แลเห็นกองกำลังมหาดเล็กอสูรคุ้มกันบริเวณต้นโรทันอย่างหนาแน่น กระบี่ชราแต่มิหลงลืม พรางตัวอยู่ในกอไม้ ร่ายคาถาการแปลงตัวเป็นพญาหมีใหญ่ ขึ้นปีนต้นโรทันอย่างคล่องแคล่ว แล้วโน้มหักกิ่งไม้ใหญ่ด้วยกำลัง ลงมา น้าวโถมหักโคนโรทันใหญ่จนสั่นไหวไปทั่วบริเวณ
เหล่านาคผู้ถูกสะกดให้ขึ้นมาคายพิษ เกิดตกใจ แทรกกายหนีกลับลงสู่พื้นดิน อินทรชิตมิสามารถบริกรรมคาถาต่อไปได้ ส่วนเหล่านาคที่ตนเรียกมา ก็หนีกลับลงดินกันหมด องค์ชายอสูรเดือดดาลยิ่งนัก กระโดดออกตามล่าหมีป่าตัวการทำลายพิธีของตน
ชมพูวราชกลับคืนสู่ร่างวานรตามเดิม วิ่งหนีอินทรชิตเข้าซ่อนหลังต้นไม้ แถมยังตบมือหัวเราะเยาะเย้ย ว่าเป็นถึงอุปราชแห่งมาร แต่ต้องมาเสียงานเพราะหมีป่า อินทรชิตยิ่งเจ็บแค้นยิ่งนัก คว้าศรตามตี แต่ด้วยประสบการณ์ที่ช่ำชองในการรบ ชมพูวราชรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไร ที่จะเข้าต่อกรกับยักษ์หนุ่ม และพระเกียรติแห่งองค์รามาจะไม่สมบูรณ์หากตนทำการเกินคำสั่ง
พญาวานรถีบทะยานหนีขึ้นฟ้า ตรงกลับไปสู่พลับพลา เข้ากราบทูลแจ้งผลงานให้พระรามลักษมณ์ทราบทุกเหตุการณ์ จนสองกษัตริย์มนุษย์ออกปากชม
...ท่านวานรอาวุโสผู้สามารถ มิเสียทีที่เป็นข้ารองบาทพระอิศวร...
...
ชามพูวราช หรือ ชมพูวราช หรือ ชมพูหมี
.
ชมพูวราชถีบทะยานเหาะตรงไปยังเขาอากาศคีรี
.
ชามพูวราช แปลงตัวเป็นพญาหมีใหญ่ ขึ้นปีนต้นโรทันอย่างคล่องแคล่ว แล้วโน้มหักกิ่งไม้ใหญ่ด้วยกำลัง ลงมา น้าวโถมหักโคนโรทันใหญ่
.
ชามพูวราชหรือชมพูหมี ลิงตัวแรกของโลก 555..
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:53:15 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #6 on:
10 June 2023, 09:42:59 »
10 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (17)
-อินทรชิตออกศึกหลังจากพิธีชุบศรถูกทำลาย
อินทรชิตกริ้วโกรธ เนื่องจากโดนศัตรูบุกมาหยามถึงถิ่น โดยเหล่ามหาดเล็กไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าชายเมืองมารตวาดลั่น
...หากสิ้นศึกนี้ กูจะกุดหัวพวกมึงให้หมด เสียชื่อที่เป็นขุนพลแห่งกองทัพอินทรชิต...
...เสนาข้า เจ้าจงไปบอกพ่อข้าด้วยว่า บัดนี้พิธีชุบศรได้ถูกทำลายลง ข้าจะไม่เข้าลงกา แต่จะกรีฑาทัพมุ่งตรงไปทำลายไอ้สองมนุษย์ ฝูงวานรป่าให้สิ้น...
ตรัสเสร็จ เสด็จขึ้นราชรถแก้วสุรกานต์อันเทียมด้วยราชสีห์สองพันตัว วิ่งเร็วดั่งลมกรดแทบจะเหาะแซงรถพระอาทิตย์ได้ มุ่งหน้าสู้สนามรบ
วิรุญมุข ผู้ตั้งทัพคอยอยู่ มีความยินดียิ่งนักเมื่อแลเห็นอินทรชิตผู้มีศักดิ์เป็นลุง กุมารอสูรเข้ากราบที่บาท แล้วแจ้งว่า
...หลานยินดียิ่งนักที่ได้กราบเสด็จลุงในเวลานี้ ขณะที่พระองค์ประกอบพิธีชุบศร ท่านลุงมังกรกัณฐ์ได้ทรงออกขัดตาทัพจนพลีชีพ เสียชีวิตกลางศึกเพื่อพิทักษ์ลงกา เสด็จปู่ทศกัณฐ์จึงรับสั่งให้หลานออกมาขัดตาข้าศึกก่อนที่เสด็จลุงจะชุบนาคบาศสำเร็จ แต่นี่เวลาผ่านไปเพียงสามวัน ทำไมพิธีชุบศรสำคัญเสร็จเร็วนักหละเจ้าค่ะ...
อินทรชิตรู้สึกหนาวจับใจเมื่อได้ยินว่า พระญาติของตนอย่างพญามังกรกัณฐ์ ต้องเสียทีตายด้วยน้ำมือมนุษย์ไปอีกคน แถมพิธีชุบศรนาคบาศของตนก็ไม่สำเร็จครบถ้วนตามตำรา อินทรชิตไม่ตอบคำถามของหลานชาย ได้แต่กำหมัดกัดฟันด้วยความแค้น
...ฤทธิ์เดชของเจ้ามนุษย์สองพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่เล่นๆ มันไม่มีความเกรงกลัวตระกูลอสูรของเราเลย แล้วเราจะได้เห็นดีกัน...
.....
พระรามได้ยินเสียงกองทัพศัตรูดังขึ้นกว่าเดิม แถมแผ่นดินสะเทือนจากการเดินของทัพยักษ์ จึงถามพิเภกว่า...
...ท่านโหราพิเภก เสียงจากด้านนอกอึกทึกแผ่นดินยังสะเทือนไหวอีก ครานี้คืออินทรชิตหรืออสูรตนใดนำทัพมา จงแจ้งเราโดยเร็ว...
พิเภกมารซื่อ กราบทูลดั่งตาเห็น...บัดนี้อินทรชิตถูกทำลายพิธีจนหมดสิ้น มีความแค้นใจยิ่ง ขนาดไม่กลับเข้าเมือง ตรงมาท้ารบกับพระองค์อยู่ในขณะนี้...
พระรามขยับตัวเข้าใกล้พระอนุชา
...ลักษมณ์น้องพี่ น้องจงออกไปต่อกรกับอินทรชิตอีกครั้ง พญาสุครีพจงจัดเตรียมไพร่พลให้พร้อมเพื่อร่วมศึกกับน้องเรา...
พระลักษมณ์และสุครีพกราบลาออกไปเตรียมตัว เพื่อปฎิบัติราชกิจ
พญาสุครีพแต่งตั้งให้หนุมานเป็นกองหน้า แต่งกระบวนทัพกระบี่เป็นรูปครุฑ
พระลักษมณ์เข้าสรงน้ำ แต่งองค์รัดทรงด้วยชุดรบ ย่างขึ้นรถทรงที่เทียมด้วยม้าหกตัว มาตุลีสารถีที่ยืมมาจากพระอินทร์ เป็นผู้บังคับรถเช่นเคย กองทัพองค์ลักษมณ์ได้เคลื่อนออกมาจนถึงสนามรบ โดยมีพญาวานรคุ้มกันองค์พระอนุชาอย่างแน่นหนา โดยพญาพิเภกตามเสด็จในการศึกครานี้ด้วย
เมื่อถึงสมรภูมิ พิเภกต้องสั่นไหวเมื่อเห็นเหล่าพลอสูรที่ต่างมีสีหน้าฮึกเหิม ขยับคอ ขยับแขนเป็นที่น่าเกรงขามยิ่ง ภาพที่พิเภกไม่อยากเชื่อตา คืออินทรชิตผู้เป็นหลาน บัดนี้คือจอมพลแห่งมาร ท่วงท่าผ่าเผย สวมชุดเกราะ พร้อมรบ ถือศรนาคบาศ งามสง่าสมเป็นสุริย์วงศ์ พิเภกจึงทูลเตือนพระลักษมณ์ว่า
...ข้าแต่องค์ลักษมณ์ โปรดอย่าวางใจศึกนี้ เพราะอินทรชิตบัดนี้ไม่ใช่ยักษ์หนุ่มตนเดิมอีกแล้ว ถึงมันจะชุบศรนาคบาศไม่สำเร็จ แต่ศาสตราวุธนี้ยังอานุภาพร้ายแรงยิ่งนัก โปรดจงระวังองค์ด้วย...
พระลักษมณ์พยักหน้าน้อยๆ อย่างไม่กังวล
...ถึงมันจะมีอาวุธมากมายทั้งจักรวาล ข้าก็ไม่กลัว ศรของเรานี่แหละที่จะฆ่ามัน...
...
อินทรชิต
.
วิรุญมุข
.
พระลักษมณ์
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:56:04 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #7 on:
10 June 2023, 09:43:58 »
10 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (18)
-วิรุญมุขร่ายเวทย์พลางตัวล่องหน
อินทรชิตมิรอช้า ไม่ต้องเจรจาให้เสียเวลา สั่งให้ทหารเข้าโจมตีเหล่าวานรทันที เหล่าพลยักษ์เข้าตี เข้าแทงวานรมิเลือกหน้า เหล่าวานรก็หลบหลีกถีบยักษ์ ช่วยกันจับขบกัดจนทัพยักษ์เริ่มเสียเปรียบ แต่ยิ่งฝ่ายลงกาเสียกองกำลังทหารมากเท่าไหร่ ก็ยังมีกองหนุนถาโถมเข้ามาเพิ่มเติม จนฝ่ายวานรทำทีถอยร่นบ้าง แต่ตลอดทางศพยักษ์ตายเกลื่อนทั่วลานยุทธ บ้างคอขาดตัวขาด แขนขากระจายไร้ทิศทาง
อินทรชิตเห็นว่าทัพของตนพลาดท่าเสียทีแก่เหล่าวานร ก็แค้นใจยิ่งนัก ชักศรขึ้นพาดสายยิงแตกออกนับพัน เข้าเสียบที่อกเหล่าวานร นอนตายเกลื่อนเช่นกัน
พระลักษมณ์เห็นว่า พลกระบี่ของตนตายมากมาย จึงแผลงศรตอบโต้ จนเหล่าพลมารตายเกลื่อนบ้าง อินทรชิตนายทัพก็โดนศรแห่งองค์ลักษณ์เข้าที่อกด้วย พญามารเจ็บร้อนไปทั่วร่าง ต้องแข็งใจดึงปลายศรออกจากอก แล้วร่ายเวทย์ทั้งเจ็ดคาบ เอามือเข้าลูบจุดที่บาดเจ็บ เพียงอึดใจก็หายเป็นปลิดทิ้ง
อินทรชิตเห็นท่าไม่ดี จึงสั่งให้วิรุญมุขหลานชายออกไปรบแทนตนก่อนสักชั่วโมงเดียวเนื่องจากผู้เป็นลุงจะปลีกวิเวก ปลุกพลังศรนาคบาศให้เข้มแข็ง...สั่งจบกระชับศร นั่งร่ายเวทปลุกพลังอยู่บนราชรถทรง
วิรุญมุข นำไพร่พลขี่ม้าควงหอกเข้าแทงขุนหมู่วานร ทั้งเสียงม้าเสียงลิงดังลั่นไม่ได้ศัพท์ เพราะต่างสู้กันอย่างไม่คิดถึงชีวิต แต่ในที่สุดเหล่าพลวานรก็ใช้ความเร็ว แย่งเอาอาวุธของเหล่าอสูรไว้ได้ กรูกันเข้าทำร้ายเหล่าทหารม้าแห่งโรมทัน จนตายทั้งนายทั้งม้า
พระนัดดาวิรุญมุขเห็นว่า ทหารตนเสียที จึงยกหอกขึ้นประนมร่ายพระเวทย์ เสกให้ทั้งร่างของตัวและม้าหายตัวโดยไม่มีผู้ใดเห็นได้ แล้วใช้หอกแทงเหล่าวานรจนตายเกลื่อนกลาด
ทั้งพระลักษมณ์ นิลนนท์ ชมพูพานและองคต เห็นลูกน้องของตนตายอย่างไม่เห็นผู้ฆ่า รู้สึกแปลกใจ จึงถามพิเภกผู้รู้
...นี่ท่านพิเภก ขณะนี้เหล่ากองกำลังวานรของเราล้มตายอย่างไร้สาเหตุ ท่านรู้หรือไม่ว่าใครคือผู้สังหารไพร่พลของเรา...
พญาพิเภกน้อมเศียร เฉลยกลของอสูรตามจริงที่รู้มา
...อันวิรุญมุข อสูรกุมาร ได้ร่ายวิชาพลางตัวล่องหนโดยไม่มีผู้ใดเห็น เข้าแทงฟันขุนกระบี่ด้วยหอกแหลมจนล้มตาย ขอให้พระองค์จงแผลงศรเป็นตาข่ายคลุมจับยักษ์ตนนี้ด้วยเถิด...
พระลักษมณ์ไม่รอให้เสียเวลา คว้าลูกศรพาลจันทร์ ท่องพระเวทแล้วแผลงไป ศรสิทธิ์เข้าตัดคอม้าทรงของวิรุญมุข แล้วกลายเป็นตาข่ายเข้ารัดกายอสูรน้อย ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด จะกระชากออกก็ยิ่งแน่น ขุนมารได้แต่ร้องไห้ตามภาษาเด็ก เหล่าวานรจับเชลยมาเฝ้าพระลักษมณ์
...นี่เจ้ายักษ์น้อย ข้าสู้กับอินทรชิตอยู่ดีๆ ตอนนี้มันหายไปไหน แล้วมึงเนี่ยเป็นใครถึงบังอาจมาฆ่าไพร่พลของกู...
วิรุญมุขเกรงกลัวนายทัพข้าศึกยิ่งนัก ได้แต่ร้องไห้ ตัวสั่นปากสั่น พูดไม่เต็มคำ จะโกหกก็กลัวจะถูกจับได้แล้วโดนฆ่าทิ้ง จึงต้องแจ้งตามจริง
...อันตัวข้านี้คือวิรุญมุข ที่ออกมาฆ่าเหล่าวานรแทนเสด็จลุงอินทรชิต เพราะบัดนี้ท่านได้เสด็จไปปลุกศร จึงให้เราออกมาปะทะกับทัพท่านก่อน ข้าเข้าใจดีว่าตามกฎอัยการศึกนั้นข้ามีโทษถึงประหาร แต่จะขอพระเมตตาไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด...
...
วิรุญมุข
.
อินทรชิตนำทัพออกศึก
วิรุญมุขทัพหน้า
.
พระลักษมณ์นำทัพออกศึก
.
2 ทัพประจัญหน้ากัน
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 17:58:58 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #8 on:
11 June 2023, 11:51:12 »
11 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (19)
-อินทรชิตแผลงศรนาคบาศ
พระลักษมณ์สุดโกรธที่มารน้อยใช้กลพลางตัวสังหารไพร่พลของตน แต่ก็นึกชมเชยถึงความใจเด็ด ความฉะฉานสมเป็นชาวตระกูลกษัตริย์ จึงทรงผินพักตร์ไปที่สุครีพขุนพลใหญ่สั่งการให้ลงโทษให้หลาบจำ
.
เมื่อนั้น น้องพระหริรักษ์นาถา
ได้ฟังถ้อยคำอสุรา ผ่านฟ้าจึ่งตรัสประภาษไป
แก่ท้าวพญาวานร เสนานิกรน้อยใหญ่
อันวิรุญมุขจังไร ฆ่าเสียก็ไม่ต้องการ
จงเอาไปทะเวนหน้าทัพ เสี่ยงสับให้สมที่มันหาญ
แล้วสักหน้าตราชื่อกุมภัณฑ์พาล เฆี่ยนขับทรมานปล่อยไป
.
การลงโทษนี้ คือการทำให้เชลยอับอาย เริ่มจากการมัดมือเท้ากับหลัก จากนั้นให้ราชมัลสักหน้าด้วยข้อความถากถาง แล้วลงหวายเฆี่ยนจนหลังลาย นำตัวแห่ประจานจากหน้าค่ายวานร จนถึงหน้าทัพยักษ์
.....
วิรุญมุขโดนทำร้ายจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เดินป้อแป้เข้ากราบพระเจ้าลุงอินทรชิต เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง มีหรือที่อินทรชิตจะไม่โกรธ เจ้าชายแห่งลงกาตัวสั่นเพราะเจ็บแค้นแทนหลาน
...นี่ลุงยังปลุกพระเวทไม่ถึงนาฬิกาดีเลย เจ้าก็บอบช้ำถึงเพียงนี้ เอาเถอะวิรุญมุขหลานรัก จงแข็งใจกับการรบครั้งนี้อีกนิด เราจะเผด็จศึกนี้ด้วยกัน หลานจงแปลงกายเป็นลุง ยืนสง่าอยู่บนรถทรงนี้ ส่วนลุงจะเข้าจู่โจมศัตรูจากทิศทางที่มันไม่คาดคิด เร็วเข้าวิรุญมุข ข้าศึกโง่มัวแต่หลงระเริงกับชัยชนะจอมปลอมของพวกมันอยู่...
จากนั้นวิรุญมุขแปลงกายจนเหมือนอินทรชิตทุกอย่างไม่ว่างามทั้งองค์ สง่ายามถือศรตั้งท่าพร้อมบัญชาการศึก ฝ่ายอินทรชิตตัวจริงเหาะขึ้นไปบนฟ้า ร่ายมนต์พลางตัวหลบบนกลีบเมฆ
พระลักษมณ์นึกว่าอินทรชิตปลอม เป็นองค์จริง จึงสั่งให้เหล่ากองทัพกระบี่จู่โจมอย่างสุดกำลัง อินทรชิตรอบนอากาศจนได้โอกาส ตั้งใจยกนาคบาศขึ้นพาดสาย แล้วแผลงไปหมายฆ่าทั้งนายทัพและเหล่าวานร ศรนาคบาศกลายร่างเป็นพญานาคเข้าขดรัดและพ่นพิษจนพระลักษมณ์และไพร่พลกระบี่ แน่นิ่งไม่ได้สติทั้งกองทัพ เว้นแต่พญาพิเภกที่ยังปลอดภัย (เพราะยักษ์มีอำนาจเหนือนาค)
.
เสียงสนั่นลั่นพื้นสุธาดล เป็นนาคเกลื่อนกล่นไม่นับได้
พ่นพิษมืดคลุ้มดั่งควันไฟ ไล่รัดพระศรีอนุชา
เว้นแต่พิเภกผู้เป็นญาติ ไม่ต้องนาคบาศของยักษา
อันหมู่วานรโยธา นาคามัดกลิ้งกับดินดาน
.
(คราวก่อนโดนหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณเกือบตายไปที...ตอนนี้โดนนาคบาศรัดกลิ้งอยู่กับพื้น...เหนื่อยใจจริงๆ...ตกลงเก่งมั้ยเนี่ย พระลักษมณ์จ๋า...)
...
อินทรชิตแผลงศรนาคบาศ
.
อินทรชิตแผลงศรนาคบาศ
.
โขนรามเกียรติ์ ตอน นาคบาศ
.
โขนรามเกียรติ์ ตอน นาคบาศ
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 18:01:56 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #9 on:
11 June 2023, 11:52:08 »
11 มิถุนายน 2022 ·
เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (20)
-อินทรชิตตัดญาติกับพิเภก
แล้วอินทรชิตก็เหาะลงมาดูผลงานของตน พลางหัวเราะร่า แต่เมื่อเห็นพิเภกผู้เป็นอาก็โกรธแค้นยิ่งนัก ชี้หน้าด่าอย่างไม่นับญาติอีกต่อไป
.
แลเห็นพิเภกขุนยักษ์ ยิ่งกริ้วโกรธนักดั่งเพลิงจี่
ชี้หน้าแล้วร้องพาที เหวยเหวยอสุรีพาลา
อัปลักษณ์คิดอกตัญญู ไม่รู้คุณญาติพงศา
ไปเข้าด้วยลักษมณ์รามา มีความปรารถนาสิ่งใด
แม้นบิตุเรศกูวายปราณ หมู่มารทั้งหลายจะร้องไห้
วานรจะโห่เอาชัย หัวร่อไยไพอสุรา
ฝ่ายท่านจะไห้หรือจะหัว เป็นไฉนใจตัวให้เร่งว่า
กูนี้ยังคิดสงกา จงบอกมาโดยสัจวาที
.
สมกับที่เป็นองค์ชายเมืองใหญ่ที่ได้รับการศึกษามาอย่างดี อินทรชิตไม่ได้ว่ากล่าวพิเภกอย่างจะแจ้ง แต่โยนคำถามให้คิดจนเจ็บลึก คือหากพ่อของตนหรือทศกัณฐ์ตายลง ยักษ์ทั้งแผ่นดินต้องร้องไห้ ลิงก็ต้องดีใจ แล้วพิเภกหละจะร้องไห้หรือจะหัวเราะเมื่อถึงเวลานั้น ที่ยิ่งเพิ่มความเจ็บแสบคืออินทรชิตใช้คำว่า “ท่าน” เป็นคำยกย่องแกมประชดผู้เป็นอาว่าไม่รู้สึกผิดหรือที่มาทำงานให้แก่พระราม แต่พิเภกก็ใช่ว่าจะไม่โต้ตอบ...
.
เมื่อนั้น พิเภกสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังอินทรชิตอสุรี จึงมีวาจาตอบไป
เหวยเหวยดูกรไอ้ลูกน้อย อหังการ์กล่าวถ้อยหยาบใหญ่
เอ็งจักล่วงลามมาถามไย คือใครอาธรรม์ฉันทา
อันกูกับราพณาสูร ขาดจากประยูรวงศา
ไม่เป็นพี่น้องญาติกา แต่วันนั้นมาคุ้งวันนี้
เขาโห่กูก็ไม่โห่ได้ ถึงใครร้องไห้อึงมี่
ตัวกูไม่ทุกข์ไม่ยินดี จะตั้งอยู่ในที่ทางธรรม์
.
พิเภกประกาศตัวเป็นครั้งแรกว่าได้ตัดญาติกับทศกัณฐ์ไปแล้ว แต่มิว่าอะไรจะเกิดขึ้นตนก็จะไม่รู้สึกเศร้าหรือยินดี เพราะมุ่งเน้นในสิ่งที่ถูกต้อง อิงความเป็นธรรม
.....
แต่ในฉบับของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 2 ได้ทรงนิพนธ์ว่า...
.
พอแลเห็นพิเภกโหราจารย์ ขุนมารดาลเดือดไม่เหือดหาย
จึงร้องเย้ยเหวยอาน่าไม่อาย ทำให้ขายบาทาบิดาเรา
ไปเป็นข้ามนุษย์ทุจริต แล้วบอกกิจการลับให้กับเขา
ไม่รำพึงถึงตัวมัวเมา หมายจะเอาลงกาธานี
เดี๋ยวนี้นายวายวอดมอดม้วย ไยมิช่วยพระลักษมณ์เล่ายักษี
ตัวสิรู้ฤกษ์พาโหราดี ให้นาคีมัดนายไม่อายใจฯ
.
จะเห็นว่าพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 จะออกแนวแดกดันและเน้นย้ำว่าที่พิเภกกระทำอยู่เพื่อหวังที่จะได้ยึดครองลงกาในภายหลังนั้นเอง พิเภกในตำราของล้นเกล้า ร.2 ตอบในแนวทางที่ต่างออกไปดังนี้
.
เมื่อนั้น พิเภกแค้นขัดอัชฌาสัย
จึ่งว่าเหวยอินทรชิตฤทธิไกร กูมิได้ต้องประสงค์ลงกา
เพราะพ่อมึงขึ้งโกรธให้ขับหนี ไม่ปรานีนับวงศ์พงศา
กูจนใจมีที่พึ่งพา ตัวคนเดียวเที่ยวมาในป่าชัฏ
พวกวานรกองทัพเขาจับได้ พระรามให้ถือน้ำกระทำสัตย์
รู้สิ่งไรให้ว่าสารพัด ครั้นทรงตรัสถามไถ่จึงได้ทูล
แม้นไม่ถามถึงรู้กูไม่ว่า เวทนาเผ่าพงศ์วงศ์อสูร
ซึ่งศรต้องน้องนารายณ์วายุกูล เพราะกูไม่ได้ทูลให้แจ้งใจ
แม้นเมื่อกี้นี้บอกออกเสียก่อน ที่ไหนศรมึงจะทันลั่นมาได้
ปานนี้ชีวันจะบรรลัย มิได้ไปลงกาธานี
.
คำตอบของพิเภกในพระราชนิพนธ์ใน ร.2 ยังแสดงถึงความผูกพันที่มีอยู่กับหมู่ญาติเผ่าอสูร แต่ครั้งโดนพี่ชายขับออกจากเมือง ด้วยเหตุการณ์จำเป็นจึงต้องเข้ากับฝ่ายพระราม เหมือนจะโดนบังคับให้ถือน้ำสัตยาบันว่า จะเปิดเผยข้อมูลของฝ่ายยักษ์ แต่ก็ยังออกตัวว่าตนไม่ได้บอกทั้งหมดหรอกนะ จะบอกเมื่อองค์รามถามเท่านั้น เช่นเหตุการณ์เมื่อครู่ถ้าตนบอกก่อน พระลักษมณ์ก็จะไม่เสียทีอย่างที่เป็นอยู่หรอก อินทรชิตน่าจะเป็นผู้ที่ต้องเจ็บตัวด้วยซ้ำ
...
พญาพิเภกยักษี
.
พิเภกยักษี ขอจรลี ณ บัดนี้
.
พญาพิเภก โหราจ่รย์
.
«
Last Edit: 25 May 2024, 18:04:02 by ppsan
»
Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
Offline
Posts: 9,454
Re: [39.2] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
«
Reply #10 on:
25 May 2024, 17:34:57 »
7 มิถุนายน 2022 ·
พระพรต กษัตริย์แห่งกรุงอโยธยา
พระพรต มีกายสีแดง คือจักรแก้วของพระนารายณ์อวตารลงมาพร้อมกับพระราม
พระพรตเป็นโอรสองค์ที่ 2 ของท้าวทศรถกับพระนางไกยเกษี ที่ทูลขอบัลลังก์อโยธยาให้แก่พระพรตโอรสของตน และให้พระรามออกไปเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี พระพรตทราบเรื่องก็เสียใจและโกรธถึงขั้นจะฆ่าแม่ แต่ถูกห้ามไว้ก่อน
พระพรตเดินทางไปเชิญพระรามให้กลับมาครองราชย์ แต่พระรามปฏิเสธ พระพรตจึงนำฉลองพระบาทของพระรามกลับเมืองแทน และถวายคำปฏิญาณว่าหากครบ 14 ปี พระรามยังไม่กลับเมือง ตัวเองจะขอโดดเข้ากองไฟ
ครั้นเวลาผ่านไปครบ 14 ปี พระพรตไม่เห็นพระรามกลับมา ก็เตรียมจะเข้ากองไฟกับพระสัตรุด แต่หนุมานมาห้ามไว้ทัน
...
พระพรต
.
พระพรต ขอฉลองพระบาทของพระราม
.
Logged
Pages:
[
1
]
« previous
next »
SMF 2.0.4
|
SMF © 2013
,
Simple Machines
| Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.092 seconds with 21 queries.
Loading...