Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...
User Info
Welcome, Guest. Please login or register.
22 December 2024, 17:43:22

Login with username, password and session length
Search:     Advanced search
News
ท่านสมาชิกสามารถเปลี่ยนรูปแบบ (Theme) ได้อีกหลายแบบ
เชิญทดลองโดยคลิกที่ลิงค์ข้างล่าง ได้เลยครับ

http://www.smilesiam.net/index.php/topic,3170.msg4713.html
Forum Stats
26,618 Posts in 12,929 Topics by 70 Members
Latest Member: KAN
Home Help Search Calendar Login Register
Smile Siam มาร่วมกันคืน "สยามเมืองยิ้ม" กลับสู่บ้านเรากันนะครับ ...  |  ภาพประทับใจ  |  ผนังเก่าเล่าเรื่อง (Moderator: ผนังเก่าเล่าเรื่อง)  |  [39.1] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน
0 Members and 1 Guest are viewing this topic. « previous next »
Pages: [1] Go Down Print
Author Topic: [39.1] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน  (Read 1016 times)
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« on: 01 June 2023, 08:48:56 »

[39.1] เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ฉบับลมเพลมพัด ตอน ศึกอินทรชิต โดย กลม บางบาน


1 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (1)

-อินทรชิต บิดเบือนกายิน

ยักษ์สารัณทูตผู้มีหน้าที่ส่งข่าวการศึกให้ทางลงกา มารสายสืบรีบวิ่งเข้าวังเพื่อรายงานเจ้าเหนือหัวทศกัณฐ์

...กราบทูลราชาแห่งอสูร บัดนี้พระอนุชาได้สิ้นชีพด้วยศรของมนุษย์รามซะแล้ว ไพร่พลกองทัพพระมหาอุปราชต่างเสียชีวิตจนหมดสิ้น... 
พญาทศกัณฐ์มิเชื่อหูทั้งยี่สิบของตน...

...อะไรนะสารัณทูต น้องข้าตายด้วยเจ้าเดนมนุษย์ตัวเท่านิ้วมือนะหรือ...กุมภกรรณน้องพี่ แม้กองทัพสวรรค์ยังมิกล้าต่อกรกับเจ้า กุมภกรรณผู้คุ้นชินแต่กับคำว่าชัยชนะ ป่านนี้ไอ้พวกศัตรูมนุษย์และลิงป่าคงจะกำเริบกันใหญ่แล้ว แล้วใครหละจะมาช่วยพี่ออกรบต่อไปเล่า ใครหละจะเก่งกล้า สามารถเช่นเจ้า บัดนี้ข้าศึกก็จะประชิดใกล้เข้ามาทุกที เมื่อขาดน้องแล้วใครจะช่วยพี่ จะคิดงานการณ์ อ่านกลศึกต่อไปหละทีนี้...ถึงอย่างไรพี่ก็จะล้างแค้นแทนเจ้า...

ทศกัณฐ์ร้องไห้อย่างไม่อายใคร ขุนมารแทบจะทรงกายไม่อยู่ บ่นเพ้อไม่ได้ศัพท์ สะอื้นเหมือนทารก จนเหล่าเสนานางในต้องกระเถิบหนี พอตั้งสติคืนองค์ได้ ก็ใช้ให้นางกำนัลไปเรียกลูกชายคนโตนาม อินทรชิต ให้เข้าเฝ้าโดยด่วน…
.....

อินทรชิตคือบุตรชายคนโตของทศกัณฐ์และนางมณโฑ หลังจากที่ได้นางมณโฑคืนมาจากพาลี ทศกัณฐ์ก็เฝ้าประคบประหงมภรรยาที่รักมิได้ขาด จนเกิดลูกชายหน้าตาหล่อเหลากว่ายักษ์ กำยำมากกว่าเทพ เพราะพ่อเป็นถึงพญายักษ์ แม่เป็นนางฟ้า

องค์รัชทายาทแห่งลงกามีหน้าสีเขียวมรกตใส ปากขบ มีเขี้ยวแก้วเล็กๆอยู่สองซี่ หรือเรียกว่าเขี้ยวคุด หุ่นบึกบึนเยี่ยงอสูร แต่เอวคอดดั่งเทพบุตร ทรงชฎายอดมนุษย์ มีภรรยาชื่อว่านางสุวรรณกันยุมา มีลูกสองตนชื่อว่า ยามลิวันและกันยุเวก 

ชื่อเดิมของแต่แรกเกิด คือ รณพักตร์ แต่พอรบชนะพระอินทร์ ทศกัณฐ์ภูมิใจในตัวลูกชายมาก จึงเปลี่ยนชื่อให้เป็นอินทรชิต หรือแปลว่า ผู้พิชิตพระอินทร์
หลังจากที่กุมภกรรณตายด้วยศรพระราม อินทรชิตก็ได้เป็นมหาอุปราชแห่งลงกาแทนที่ผู้เป็นอา ยักษ์หนุ่มตนนี้มีฤทธิ์จากการเรียนวิชากับฤาษีโคบุตร และจากความเพียรยังได้พรจากพระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม อีกทั้งยังมีสติปัญญาฉลาดหลักแหลม เดี๋ยวจะเห็นกลศึกต่างๆ ที่อุปราชหนุ่มตนนี้ใช้ในการศึก

...


อินทรชิต


.

อินทรชิต


.

อินทรชิตบิดเบือนกายิน เหมือนองค์อมรินทร์ทรงคชเอราวัณ


.




« Last Edit: 25 May 2024, 09:59:50 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #1 on: 01 June 2023, 08:49:48 »


1 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (2)

-อินทรชิตอาสารบ

นางกำนัลไปทูลเสด็จองค์ชายแห่งลงกาให้มาเข้าเฝ้าพระบิดาอย่างรีบด่วน อินทรชิตเห็นว่าต้องมีกิจสำคัญอย่างแน่นอน โดยไม่จำเป็นต้องถาม...พ่อเรียกก็ต้องรีบเข้าเฝ้า

มาถึงท้องพระโรงก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นสีหน้าทศกัณฐ์ผู้บิดาเศร้าหมองอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหล่าข้าราชบริพารฝ่ายในก็พากันสะอื้นเช็ดน้ำตากันทั่ว เมื่อทศกัณฐ์เห็นลูกชายจึงกวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้ ลูบหลังโน้มคอเข้ากอด

...อินทรชิตลูกรักของพ่อ ท่านอากุมภกรรณของเจ้าได้พลาดพลั้งเสียทีแก่พวกศัตรู ท่านได้สละชีพเพื่อสุริย์วงศ์ซะแล้ว...โศกที่เสียน้อง พ่อเศร้าเพราะสิ้นขุนศึก พ่อทุกข์เพราะขาดคู่คิดที่รู้ใจ บัดนี้พ่อเหลือแต่เจ้าเท่านั้น พ่อจนปัญญาไม่รู้จะแก้แค้นให้กุมภกรรณอย่างไร... 

อินทรชิตรู้สึกเหมือนโดนบดขยี้หัวใจ เพราะกุมภกรรณเป็นมากกว่าอา เป็นทั้งครูสอนสั่งทุกอย่าง เป็นที่ปรึกษา เป็นขุนศึกที่ร่วมรบกันมาทุกสมรภูมิ
...โถท่านอาของหลาน ไม่น่ามาเสียทีแก่ไอ้พวกมนุษย์นั้นเลย...
.

                   เมื่อนั้น                  ลูกท้าวทศเศียรรังสรรค์
แจ้งว่าพระอากุมภกรรณ                สุดสิ้นชีวันด้วยไพรี
ความรักความเสียดายนั้นสุดคิด     ร้อนจิตดั่งหนึ่งเพลิงจี่
อกใจไม่เป็นสมประดี                    โศกีสะอื้นอาลัย
โอ้ว่าสมเด็จพระเจ้าอา                  ฤทธาไม่มีใครเปรียบได้
ทรงเทพอาวุธเกรียงไกร                ไฉนมาแพ้ปัจจามิตร
ให้ได้อัปยศอดสู                           แก่หมู่สุรารักษ์นักสิทธ์
ร่ำพลางรำพึงคะนึงคิด                   คั่งแค้นแน่นจิตอสุรา
ชิชะสงครามครั้งนี้หนอ                  มาเกิดก่อเคี่ยวเข็ญเข่นฆ่า
ตัวกูก็วงศ์พรหมา                          ฤทธาปราบได้ถึงชั้นอินทร์
อันศึกมนุษย์แต่เพียงนี้                  จะสังหารชีวีเสียให้สิ้น
ไว้เกียรติยศในแดนดิน                   คิดแล้วอสุรินทร์ประนมกร
กราบทูลเสด็จพระบิตุรงค์              ซึ่งข้าศึกอาจองด้วยแสงศร
ลูกขออาสาไปราญรอน                 ต่อกรด้วยราชไพรีฯ
.

เนื่องจากชาวลงกาไม่รู้จักชนเผ่าอื่นๆ ซะเท่าไหร่ ไม่รู้ว่ามนุษย์นี้ก็มีความสามารถเหมือนกัน ชาวลงกาเชื่อเสมอว่าตนเป็นศูนย์กลางของโลกที่ท้าวมหาพรหมได้ประทานให้ ชนเผ่าอสูรในลงกาคือชนที่เทพเจ้าโปรดปรานที่สุด มีฤทธิ์มากที่สุด จนสามารถชนะเทวดาได้ แต่กลับมา...เสียที พลาดพลั้ง...แพ้แก่มนุษย์ตัวเล็ก ไม่มีหัวนอนปลายเท้า

หากจะวิเคาระห์ให้ลึกๆ เหล่าอสูรจะเกรงกลัวเหล่าวานรมากกว่ามนุษย์ซะอีก เพราะเคยเห็นฝีมือมาบ้างแล้ว แต่เมืองมนุษย์เหมือนจะอยู่ห่างไกลจากลงกามากจนไม่เคยเห็นฝีมือของมนุษย์ จนมาเจอกันในสนามรบ แต่เหล่ายักษ์ก็ยังเชื่อว่า ตนไม่ได้แพ้ แต่...พลาด...

...


อินทรชิต อาสาออกรบ


.

อินทรชิต


.

ทศกัณฐ์


.



.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:04:30 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #2 on: 02 June 2023, 08:59:47 »


2 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (3)

-อินทรชิตขอพรจากนางมณโฑ

เมื่ออินทรชิตอาสาออกไปรบเพื่อกู้ชื่อให้เสด็จอา ทศกัณฐ์ดีใจอย่างยิ่ง ชื่นใจที่ลูกชายอาสาออกศึก เพื่อสร้างชื่อให้กระฉ่อนไปทั่วทั้งแผ่นดิน จึงสวมกอดลูกชายอย่างชื่นใจ

...อินทรชิตลูกรัก เพชรยอดมงกุฎแห่งสุริยวงศ์ จงออกไปแสดงฤทธิ์ สร้างเกียรติกำจัดศัตรูให้สิ้นแผ่นดินลงกา...

อินทรชิตกราบลาผู้เป็นพ่อ แล้วถอยออกมาเข้าเฝ้านางมณโฑผู้มารดา ยังปราสาทหลวง

...ท่านแม่ของลูก บัดนี้ลูกจะยกทัพออกไปรบกับข้าศึกรามลักษมณ์ เพื่อขจัดให้พ้นจากลงกาประเทศ ลูกมาขอพรจากเสด็จแม่มาสถิตที่เศียรของลูกด้วยเถิด... 
นางมณโฑถอนใจ อ้าแขนรับลูกมากอดไว้ที่อก
.

               เมื่อนั้น                     นางมณโฑเยาวยอดเสน่หา
ได้ฟังโอรสทูลมา                         กัลยาอัดอั้นตันใจ
สวมสอดกอดองค์พระลูกรัก           นงลักษณ์ทอดถอนใจใหญ่
แล้วมีเสาวนีย์ตรัสไป                     เจ้าดวงฤทัยของมารดา
ซึ่งพ่อจะยกไปสงคราม                 กับด้วยพระรามทรงศร
เรืองเดชดั่งองค์ทินกร                   ขจรฟากฟ้าธาตรี
ทูษณ์ขรตรีเศียรชาญสนาม           อาเจ้าทั้งสามยักษี
พร้อมหมู่พหลโยธี                        ออกไปต่อตีราญรอน
แต่พระรามองค์เดียวเคี่ยวฆ่า         อสุราตายสิ้นด้วยแสงศร
บัดนี้พลวานร                               ทั้งสองพระนครชัยชาญ
แต่ละตนล้วนทรงศักดาฤทธิ์          ทศทิศไม่รอต่อต้าน
ซึ่งเจ้ารับราชโองการ                    จะทวยทาญไปชิงชัย
ด้วยพระนารายณ์สุริย์วงศ์             เร่งรักษาองค์ให้จงได้
แม่นี้มิใคร่จะให้ไป                       จนใจด้วยกลัวพระบิดา
.

นางมณโฑหนักใจที่ลูกชายจะต้องออกไปรับมือกับพระราม นางทราบว่าศัตรูในครานี้คือพระนารายณ์อวตาร หาใช่ข้าศึกธรรมดาที่องค์ชายเคยพิชิตมา อีกทั้งนางมณโฑเคยเป็นพระราชินีของนครขีดขิน ครั้งเป็นชายาของพญาพาลี จึงรู้ดีว่าฤทธ์เดชของลิงของทั้งขีดขินและเมืองชมพู มีฤทธ์มากมายแค่ไหน มิหนำซ้ำเหล่าประยูรญาติของอินทรชิต ก็ตายกันแบบเรียงตัว ทั้ง ทูษ ขร ตรีเศียร

นี่ขนาดนางมณโฑยังไม่ทราบว่ากุมภกรรณตายจากศรพระรามไปอีกตนแล้ว ตามภาษาคนเป็นแม่ มิอาจทนเห็นลูกออกไปเสี่ยงตาย แล้วนี่ลูกยังต้องไปรับมือกับเหล่าข้าศึกที่กองทัพยักษ์มิคุ้นเคยมากนัก นางมณโฑจะรั้งก็กลัวอาญา ได้แต่เตือนให้ลูกระวังตัว

อินทรชิตผู้มีใจฮึกเหิม รู้สึกไม่พอใจผู้เป็นแม่อย่างยิ่ง

...เหตุใดท่านแม่จึงดูแคลนสุริย์วงศ์ยักษ์เล่า กะอีแค่มนุษย์กระจอกสองคนจะน่ากลัวซะเท่าไหร่ นี่ยังมิรวมอาวุธต่างๆ ที่องค์เทพประทานให้...ลูกยังมองไม่เห็นเหตุผลใดที่จะทำให้แพ้การศึกนี้เลย จงประสาทพรแด่ลูก ลูกขอกราบลาท่านแม่...

ยักษ์หนุ่มออกมาจากปราสาทหลวง ตรงลี่เข้าสั่งมโหทรขุนเสนาให้จัดทัพออกศึก ให้คัดเอาแต่ขุนมารผู้กล้า ทั้งขุนช้าง ขุนม้า ขับรถศึกพรั่งพร้อมด้วยอาวุธชนิดต่างๆ เช่น ง้าว ทวน เกาทัณฑ์ จัดกระบวนเป็นหมวดกอง เตรียมรับเสด็จเจ้าชาย จอมทัพองค์ใหม่แห่งลงกา

...



นางมณโฑ


.

อินทรชิตขอพรจากนางมณโฑ


.

นางมณโฑหนักใจที่ลูกชายจะต้องออกไปรับมือกับพระราม


.

อินทรชิตรู้สึกไม่พอใจผู้เป็นแม่อย่างยิ่ง จึงกราบลา


.

ลูกขอกราบลาท่านแม่...


.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:07:41 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #3 on: 02 June 2023, 09:00:46 »


2 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (4)

-อินทรชิตออกศึก

อินทรชิตแค้นใจที่กุมภกรรณต้องมาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์เดินดิน และไม่เข้าใจว่าพระเจ้าอาของตนพลาดท่าเสียทีได้อย่างไร เพราะอสุรพงศ์คือสุริยวงศ์ที่องค์พรหมพระทานพรมาให้ ไม่มีเทวดาหรือสิ่งมีชีวิตหน้าไหนจะมีอำนาจเหนือกว่า... 

ชาวลงกายอมก้มหัวให้แต่เทพเจ้าสูงสุดทั้งสามพระองค์เท่านั้นคือ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม ผู้เป็นต้นตระกูลของตน

ตามราชประเพณี ก่อนออกศึก อินทรชิตผู้จอมทัพต้องเข้าชำระร่างกาย แต่งองค์ให้สง่างามสมเกียรติชาวกษัตริย์ แต่งตัวด้วยผ้าพื้นเขียว ตบแต่งองค์ด้วยเครื่องประดับมีค่า ใส่แหวนเพชร สวมมงกุฎทัดดอกไม้แดง พญามารคว้าศรศิลป์ขึ้นรถทรงอย่างผ่าเผย พลางร้องสั่งให้เคลื่อนทัพออกขยี้ศัตรูทันที...

อินทรชิตอาสาทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อ จัดทัพเพื่อออกไปกำจัดศัตรูมนุษย์ราม ลักษมณ์และกองทัพลิงป่า ก่อนจะออกรบก็ต้องแต่งองค์ตามราชประเพณีอย่างเหมาะสม
.

สุหร่ายโปรยปรายดั่งสายฝน        สุคนธ์ธารกลิ่นเกสร
ทรงสอดสนับเพลาเชิงงอน          เป็นรูปมังกรเกี่ยวกัน
ภูษาพื้นตองทองยก                    ตรวยกระหนกเกี่ยวกรองทองคั่น
ชายไหวชายแครงเครือวัลย์         เกราะเกล็ดกุดั่นสุพรรณพราย
ฉลององค์ตาบทิศสังวาลแก้ว          ทับทรวงดวงแววจำรัสฉาย
พาหุรัดทองกรมังกรลาย              ธำมรงค์เพชรพรายอรชร
ทรงมหามงกุฎดอกไม้ทัด             กรรเจียดจำรัสประภัสสร
พระหัตถ์จับศิลป์ฤทธิรอน             บทจรขึ้นทรงสุนกานต์ฯ   
.

จากนั้นมหาอุปราชหนุ่มแห่งลงกา ออกเคลื่อนทัพ หมายประจัญบานเหล่าวานรให้เด็ดขาด โดยจัดทัพอย่างเพรียกพร้อมทุกอัตราศึก

...


อินทรชิตออกศึก


.

อินทรชิตออกศึก


.

อินทรชิตออกศึก


.

อินทรชิตออกศึก


.

อินทรชิตออกศึก


.





« Last Edit: 25 May 2024, 10:10:48 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #4 on: 02 June 2023, 09:01:42 »


2 มิถุนายน 2022  ·

ในแวดวงนาฏศิลป์ - น้องร็อค-ขวัญลดา รุ่งโรจน์อำภา
ไม่สวยตรงไหน เอาปากกามาวง 555
มี surprise...!?! เด๋วมาเฉลย

.....

ขอขอบคุณ ภาพจาก https://www.facebook.com/Biggyphoto

.....





.



.



.



.



.



.



.



.



.



.



.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:23:08 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #5 on: 02 June 2023, 09:03:09 »


2 มิถุนายน 2022  ·

.

26 เมษายน 2022  (ในแวดวงนาฏศิลป์)

ขอแสดงความยินดีกับ...น้องร็อค-ขวัญลดา รุ่งโรจน์อำภา

นักศึกษารุ่นแรก ของสถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจาก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

(ไม่บอก ไม่รู้ ว่า...เพศสภาพหรืออัตลักษณ์ทางเพศ เป็น สาวประเภทสอง)

ก้าวแรกและก้าวสำคัญในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเสมอภาคของบุคคล และการไม่เลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งความแตกต่างในเรื่องต่างๆ อันรวมถึงเพศสภาพทางกาย ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีวิถีทางเพศหรืออัตลักษณ์ทางเพศรูปแบบใด

ทุกคนควรได้รับสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกซึ่งตัวตนของตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจ
.....
ขอขอบคุณภาพจาก
https://www.facebook.com/Biggyphoto/

...





.



.



.



.



.



.



.



.



.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:28:31 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #6 on: 03 June 2023, 09:02:26 »


3 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (5)

-พระลักษมณ์อาสาออกรบกับอินทรชิต

ในขณะเดียวกัน พระรามก็เพิ่งตื่นจากบรรทม ชมฝูงผึ้งตอมเกษรดอกไม้ ฟังเสียงนกร้อง ดมกลิ่นหอมอบอวนจากสายลมอ่อนที่โชยมา เหมือนทรงไม่รีบร้อนและไม่รู้เลยว่าศึกใหญ่กำลังมาประชิตองค์

จากนั้นเสด็จออกสู่สภาวานร แล้วได้ยินเสียงโห่ร้องของข้าศึกที่ลานหน้าค่าย จึงถามพิเภกที่ปรึกษา

...พิเภก เสียงอึกทึกด้านนอก คงจะเป็นทัพศัตรูที่ตามมาล้างแค้นแทนกุมภกรรณ ท่านรู้หรือไม่ว่า คราวนี้ผู้ใดเป็นแม่ทัพมาร... 

พญาพิเภกประนมมือทูลว่า...กระหม่อมเห็นว่าการศึกนี้หนักหนากว่าทุกครั้งที่ผ่านมา นายทัพที่ยกมานี้ คือมหาอุปราชลงกาองค์ใหม่ นามว่า อินทรชิต เป็นบุตรชายคนโตของพญาทศกัณฐ์ ผู้สามารถทั้งฤทธาและกลศึก ฉลาดหลักแหลมกว่าใครในลงกา... 

พระรามเริ่มมีพระพักตร์กังวล...แล้วนี่เราจะใช้ใครออกไปรับศึก จึงจะคู่ควร... 

พิเภกเรียนทูลตามตรง...การต่อยุทธกับอินทรชิตนี้หนักหนานัก ไม่มีนายทัพนายใดที่จะคู่ควร ทั้งฤทธาและยศฐาในการศึกกับอินทรชิตเท่าองค์ลักษมณ์... 

พระรามผินหน้าไปทางน้องสุดที่รัก พระลักษมณ์ไม่รอให้พี่เอ่ยปากถาม ดูตาก็รู้ใจพี่ จึงชิงขันอาสานำพลออกศึก เพื่อรับมือกับทัพหลวงที่นำโดยพญามารหนุ่มนามว่า...อินทรชิต...

พระลักษณ์อาสาออกรบกับอินทรชิตก่อนที่พระรามจะออกปากร้องขอซะอีก แต่การศึกนี้จะเป็นศึกที่หนักหนาที่สุดในชีวิตของพระลักษมณ์อย่างแน่นอน พระรามจึงบัญชาให้สุครีพจัดทัพให้รัดกุมอย่างที่สุด

เราได้ทราบรายละเอียดการแต่งตัวของอินทรชิตแล้ว ตอนนี้มาดูการแต่งองค์ของพระลักษมณ์บ้าง
.

น้ำทิพย์องค์ท้าวเทเวศร์ถวาย         บุปผาปรุงโปรยปรายหอมหวาน
สุคนธาธารทิพย์สุมามาลย์             สนับเพลาแก้วกาญจน์เป็นเชิงงอน
ภูษาคู่อมรินทร์ทรง                        เครือหงส์คาบช่อเกสร
ชายแครงเครื่องทิพย์อลงกรณ์        ชายไหวอรชรทับทิมพราย
ตามทิศทับทรวงเฟื่องห้อย             สอดสร้อยสังวาลสามสาย
ทรงกรรูปวาสุกรีกลาย                    พาหุรัดพลอยรายธำมรงค์
ทรงมหามงกุฎทิพมาศ                   งามวิลาสดั่งท้าวครรไลหงส์
พระหัตถ์จับพระแสงศรทรง             เสด็จมาลาองค์พระสี่กรฯ
.

พระลักษมณ์ก็แต่งองค์โก้หรูไม่แพ้อินทรชิตเลย แต่ที่น่าสังเกตว่า พระราม พระลักษมณ์ ออกมาเดินดงร่วมสิบกว่าปีแล้ว แม้ช่วงท้ายๆ พระอินทร์นำเครื่องทรงกษัตริย์มาประทานให้ แต่ก็ยังน่าแปลกใจที่มีเครื่องประดับมากมาย นำติดตัวมาเพื่อเปลี่ยนทุกครั้งในการออกศึก ของมีค่าต่างๆ ผ้าทรงและของแต่งองค์ น่าจะเป็นของเทพ ของเทวดาที่สามารถเรียกหายามจำเป็นได้

พระรามเข้าสวมกอดน้อง อวยพรให้มีชัยก่อนจะเดินทัพ ก่อนจะขึ้นรถทรง พระลักษมณ์ก้มกราบแทบเท้าพี่ชายอย่างภักดี จากนั้นเคลื่อนทัพออกรับมือกองทัพมาร

...


พระลักษมณ์หน้าทอง


.

พระลักษมณ์หน้าทอง ออกศึก


.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:36:34 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #7 on: 03 June 2023, 09:03:18 »


3 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (6)

-อินทรชิตปะทะกับพระลักษมณ์

อินทรชิตมองเห็นทัพวานร นำโดยมนุษย์ มุ่งตรงมายังสมรภูมิ จึงถาม โลทันสารถียักษ์คนสนิทว่า

...โลทัน เจ้ารู้หรือไม่ว่ามนุษย์ผู้ที่นำกองทัพลิงป่ามานี่ คือใคร เจ้ารามหรือน้องของมัน ดูหน้าตางดงามราวกินนร เอวบางร่างน้อย อ้อนแอ้นเชียว... 

โลทันกราบทูลว่า...นายทัพนายนี้คือพระลักษมณ์ มนุษย์คนน้องที่เคยรอดชีวิตจากพิษหอกของท้าวกุมภกรรณมาแล้ว... 

จากนั้นอินทรชิต จึงสั่งให้โลทันชักรถศึกขึ้นไปประจันหน้าศัตรู แล้วตะโกนข่มนามว่า...

...เฮ้ย.ไอ้มนุษย์หน้าขาว เอวอ่อนอ้อนแอ้น มึงช่างโง่เขลานักที่บังอาจมาสู้กับกูผู้เป็นใหญ่ในหมู่มาร เจ้าก็เหมือนกับกวางน้อยที่เดินเข้ามาเป็นเหยื่อถึงปากพญาราชสีห์ จะบอกให้เอาบุญนะ ว่ากูพญาอินทรชิตไม่เคยเกรงใครในสามโลก เว้นแต่เทพเจ้าทั้งห้าพระองค์เท่านั้นคือ พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระนรสิงห์* และพระเป็นเจ้าเต่าทอง** ทางที่ดีเชิญมึงเร่งกลับไปเถอะ เพราะน้ำหน้าอย่างมึง ทนพิษจากศรของกูไม่ได้หรอก...จงกลับไปซะ!!!...

พระลักษมณ์ไม่สามารถทนให้ยักษ์หนุ่มดูถูกต่อไปได้

...เจ้ายักษ์พาล เจ้าอย่ามาเทียบตนเสมอพระเจ้าทั้งห้าเลย ตัวข้านี้เป็นอนุชาของพระรามผู้คือองค์นารายณ์อวตารลงมาพร้อมด้วยศรวิเศษอีกสามเล่ม จะว่าไปเจ้าก็คือหิ่งห้อยแสงน้อยๆ...มีหรือจะมาเทียบกับพี่เราผู้เปรียบดั่งพระอาทิตย์ได้ อย่าว่าแต่ลูกยักษ์อย่างเจ้าเลยนะ แม้แต่ทศกัณฐ์ ก็ต้องตายด้วยศรขององค์รามพี่ข้า!!!... 

อินทรชิตโกรธดั่งไฟลุก เมื่อได้ยินมนุษย์ตัวเล็ก ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ยืนต่อคำอยู่ตรงหน้า

...กูก็อยากเห็นเหมือนกันว่า ผู้อ้างเป็นน้องพระนารายณ์จะเก่งแต่ปากหรือไม่...รณภพ ขุนพลแห่งเรา จงนำพลมารฆ่าพวกมันทุกตัว!!... 

รณภพมิรอช้า นำกองกำลังทัพอสูรเข้าโจมตีกองทัพวานรจากทุกทิศ...

สุรเสนและสุรกานต์ เห็นยักษ์บุกเข้ามา จึงนำพลเข้าปะทะอย่างลืมตายเช่นกัน...
.

ยักษ์แทงลิงปัดกัดตบ                หลีกหลบรวดเร็วดั่งจักรผัน
ถ้อยทีถ้อยหักกล้ากัน                ต่างแข็งต่อขันประจัญบาน
บ้างเข้าเหยียบเอวเหยียบบ่า      ต่างง่าอาวุธจะสังหาร
หมู่ลิงหักโหมโรมราญ             พลมารตายยับไม่สมประดี
.

กองกำลังวานรอาศัยความว่องไว และสู้อย่างไร้กระบวนท่า เข้าต่อตีตอบโต้กองอสูรจนพ่ายแพ้แตกขบวนไป 

รณภพทนเห็นภาพทหารของตนแตกทัพไม่ไหว จึงตะโกนร้องสั่ง

...พวกมึงชาติอสูร จงกลับไปรบ รบเพื่อลงกา เพื่อทศกัณฐ์ผู้เป็นเจ้าแห่งมาร หากไอ้ยักษ์ตนใดจะหนีทัพ กูจะกุดหัวมันด้วยมือกูเอง...จงสู้ สู้เพื่อนายเรา... 

เหล่าทหารเลวแห่งลงกา กลับหัวเข้าประจัญบานต่อ จนศพลิงในสนามรบเริ่มมากขึ้นๆ
.....
*นรสิงห์ เป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์ ที่อวตารลงมาปราบยักษ์ที่ชื่อว่าหิรัณยกศิปุ
**พระเต่าทอง คือปางหนึ่งของพระนารายณ์เช่นกัน เพื่อรองไม่ให้เขาอันเป็นแกนกวนในพิธีกวนน้ำอมฤต ทะลุโลก

...


อินทรชิต


.

พระลักษมณ์


.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:44:38 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #8 on: 03 June 2023, 09:04:07 »


3 มิถุนายน 2022  ·

น้องร๊อค Kwanlada Rungrojampa อีกซักหน่อยนึง

...




.



.



.



« Last Edit: 25 May 2024, 10:49:08 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #9 on: 03 June 2023, 09:04:54 »


3 มิถุนายน 2022  ·

ในแวดวงนาฏศิลป์ - น้องแบม
ขอขอบคุณภาพจาก...
https://www.facebook.com/Biggyphoto/

...





.



.



.



.



.



.



.



.



.



.



.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:52:34 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #10 on: 04 June 2023, 08:31:55 »


4 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (7)

-อินทรชิตแผลงศรปักอกหนุมาน

หนุมานเห็นท่าไม่ดี จึงชักตรีเพชรออกมาจากอก เข้าไล่แทงเหล่าอสูรอย่างไม่เลือกหน้า นอนตายเรียงเป็นทาง จนมาถึงหน้ารถทรงอินทรชิต มหาอุปราชแห่งลงกาเพิ่งเคยเห็นฤทธ์ของหนุมานอย่างเต็มตาเป็นครั้งแรก

...เหม่ๆ ไอ้ลิงป่า มึงไม่กลัวกูผู้เป็นหน่อเนื้อเชื้อวงศ์พรหมหรือไร กูมีอาวุธที่เทพทั้งสามประทานมาให้ อย่ามาสู้กับกูเลย เดี๋ยวมึงพาลจะตายด้วยศรของกูอีกตัว... 

หนุมานตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า...ชิชะ ไอ้อินทรชิตยักษ์เกเร ถึงมึงจะแผลงศรทั้งสามเล่มมา กูก็ไม่ระคายขนหรอก ตัวกูก็สืบสายจากพญาพาลี แล้วตรีเพชรอันนี้พระอิศวรก็ทรงประทานให้กูมากับมือ ตระกูลของมึงนั้นแหละที่จะตายด้วยมือกู...

อินทรชิตขบฟันด้วยความโกรธที่หนุมานกล้ามาท้าทาย พญามารขึ้นศรและแผลงออกแหวกอากาศไปต้องกลางอกหนุมาน จนร่างบุตรพระพายกระเด็นไปยังขอบสนามรบ 

สุครีพและองคต เห็นหนุมานเสียทีแก่ยักษ์หนุ่ม จึงเข้าโจมตีเหล่าหมู่มาร จนหัวขาด ตายเกลื่อน ไปจนถึงรถทรงของอินทรชิต

พญามารเห็นลิงแดงและลิงเขียวบุกมาจนถึงตัว จึงตวาดไปว่า...

...เฮ้ย ไอ้จ๋อหลอกเจ้า ที่มึงสองตัว บังอาจบุกเข้ามาถึงตัวกูนี่ มีดีกว่าไอ้หนุมานหรือไร ดูสิมันยังนอนสลบอยู่ตรงโน่นเลย มึงสองตัวเข้ามาสิ เข้ามาหากูผู้เป็นยมบาลที่จะมาเอาชีวิตมึงในวันนี้... 

สุครีพฉุนเลือดขึ้นหน้า ชี้หน้าอินทรชิต

...ไอ้เด็กเมื่อวานซืนยังไม่หย่านมแม่ มึงอย่ามาอวดฤทธิ์เดชเลย กูเคยจะได้หัวทศกัณฐ์พ่อของมึงแต่ครั้งหักฉัตรแล้ว แต่ดีที่กูเกรงจะทำเกินคำสั่งองค์ราม จึงไว้ชีวิตพ่อมึงไว้ หรือมึงมีอะไรที่ดีกว่าพ่อมึงรึ...ไอ้ยักษ์อัปรีย์... 

อินทรชิตโกรธยิ่งนัก ที่สุครีพมาพาดพิงถึงทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อ จึงขึ้นธนู ท่องมนต์และแผลงศรขึ้นฟ้าจนเสียงสนั่นไปทั่ว ปรากฎเป็นห่าฝนลูกธนูตกลงมาต้องสุครีพ องคตและวานรสิบแปดมงกุฎตัวอื่นๆ ล้มลง

...



อินทรชิตรบกับพระลักษมณ์และหนุมาน


.

หนุมาน


.

อินทรชิตรบกับหนุมาน


.

สุครีพบุกเข้าสู้กับอินทรชิต


.



« Last Edit: 25 May 2024, 10:55:53 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #11 on: 04 June 2023, 08:32:45 »


4 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (8-แปด)

-พระลักษมณ์แผลงศรพลายวาต

พระลักษมณ์เห็นว่า ขณะนี้ทัพของตนเสียเปรียบอย่างมาก หากปล่อยไว้จะพากันตายทั้งหมด จึงขึ้นศร ออกแรงน้าวสุดตัว แผลงไปบนท้องฟ้า เกิดเป็นลมพัด พระพายผ่านมาต้องร่างวานรที่บาดเจ็บจนแทบสิ้นชีพ ให้หายเจ็บและฟื้นกำลังกลับคืนมาสู้ต่อ 

จากนั้นศรแห่งพระอนุชา ก็เข้าโจตีไล่ฆ่าพลอสูร ตายเกลื่อนสนาม หนำซ้ำศรชัยของพระลักษมณ์ยังเข้าสังหารราชสีห์เทียมรถศึก ตลอดจนสารถีของอินทรชิตตายไปตามๆกัน ศรเล่มเดิมยังเข้าทำลายรถศึกของอินทรชิตจนย่อยยับ พอเสร็จกิจศรชัยเล่มดังกล่าว ก็กลับคืนสู่แร่งธนูของพระลักษมณ์ผู้เป็นนายของมัน

เมื่อรถศึกถูกทำลาย อินทรชิตก็ตกลงยังพื้นดิน ด้วยความแค้น ยักษ์หนุ่มทรงกายได้อีกครั้ง กระโจนเข้าโจมตีพระลักษมณ์บนรถทรง ต่างฝ่ายต่างผลัดกันหวดด้วยศร และแล้วอินทรชิตก็พลาดตกลงมาจากรถของพระลักษมณ์สู่พื้นดินอีกครั้ง

คราวนี้พระลักษมณ์กระโดดตามลงมาคว้ายอดชฎาของอินทรชิตไว้ พลางเหยียบเข่าของพญายักษ์ แล้วกระหน่ำตีจนจอมมารเซด้วยแรงศร ขณะนี้อินทรชิตรู้สึกเจ็บปวดทั่วร่างและเสียหน้าต่อไพร่พลอย่างมาก จึงรวบรวมแรง เรียกศรศักดิ์สิทธิ์แผลงไปบนฟ้า เกิดเป็นสายฟ้าแลบเข้าเผาไหม้กองทัพวานร พลลิงวิ่งหนีตายกันสุดชีวิต เพราะทนความร้อนของพระเพลิงไม่ไหว

พระลักษมณ์จึงแก้โดยจับศรพลายวาต ขึ้นสายแผลงไปต้องกลางอกของอินทรชิต พญามารเจ็บแทบขาดใจ รวบรวมแรง ตั้งสติ ยกมือทั้งสองพนมขึ้นเหนือหัว แล้วนึกถึงพรหมคุณ แล้วแข็งใจท่องคาถาได้เจ็ดคาบ แล้วลูบไปทั่วกาย จนศรหลุดออกจากอก 

จวบกับกาลนั้น เป็นเวลาที่พระอาทิตย์จะลดเหลี่ยมขอบฟ้าพอดี อินทรชิตจึงร้องว่า

...นี่พระลักษมณ์ เราทั้งสองก็สู้กันมาตั้งแต่เช้า ผลัดกันรุกรับ จนกาลนี้ใกล้จะค่ำแล้ว เราเห็นควรว่าต่างควรเลิกทัพกันไปก่อน แล้วยามรุ่งพรุ่งนี้ จึงออกมาสู้กันใหม่... 

พญามารหนุ่มไม่รอฟังคำตอบ สั่งไพร่พลที่เหลืออยู่ ถอยทัพกลับเข้าลงกาทันที

พระลักษมณ์เห็นว่าศัตรูไม่ประสงค์จะรบต่อ ตามราชประเพณีที่จะไม่สู้กันในยามวิกาลจึงสั่งให้ถอยทัพกลับค่าย ตรงเข้ารายงานผลงานของตนในวันนี้ต่อพี่ชาย

พระรามรู้สึกภูมิใจในตัวน้องชายยิ่งนัก เข้าสวมกอดแล้วอวยพรให้น้องได้ชัยชนะอันเด็ดขาดในวันพรุ่งนี้ เหล่าพลวานรคุยกันอย่างออกรส ว่าต่างได้ฆ่ายักษ์กันไปกี่ตน เสียงเฮฮาหยอกล้อกันดังสนั่นค่าย...

...


พระหน้าทอง ร่ายมนตร์แผลงศร แก้ไขสถานการณ์


.

พระหน้าทอง เข้าโรมรันกับอินทรชิต


.




« Last Edit: 25 May 2024, 10:57:53 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #12 on: 05 June 2023, 08:40:10 »


5 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (9)

-ทศกัณฐ์ปลอบใจอินทรชิต

ต่างกับบรรยากาศในลงกาที่เงียบเหงาจากการที่อินทรชิตได้คาดคะเนกำลังของข้าศึกต่ำเกินไป จนตนเองก็เกือบจะเอาตัวไม่รอด องค์ชายแห่งอสูรเข้าเฝ้าพระบิดาทศกัณฐ์ ทันที

...ทูลกระหม่อมพ่อ วันนี้ลูกได้สู้รบกับศัตรูนามว่าพระลักษมณ์ ตั้งแต่เช้าจนใกล้ค่ำ ลูกเกือบต้องตายด้วยศรของเจ้ามนุษย์ซะแล้ว แถมยังเสียรถ เสียไพร่พลไปมากมายในวันนี้...

...ลูกยอมรับว่าลูกคาดกำลังของข้าศึกผิดไปอย่างมาก จนลูกแทบจะเอาตัวไม่รอด...อาวุธธรรมดาๆที่เรามี คงไม่สามารถจัดการกับทัพสองมนุษย์พี่น้องรามลักษมณ์ได้แน่...ลูกจึงจะมาขอลาพระบิดาไปชุบศรนาคบาศ ที่เขาอากาศคีรี เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ระหว่างนี้เสด็จพ่อควรจัดทัพไปขัดตาศัตรูไว้ก่อน...

ทศกัณฐ์มิได้แสดงอาการกริ้วแต่อย่างใด ทั้งที่ลูกเหมือนจะพ่ายแพ้กลับมา

...เป็นเรื่องธรรมดาของการศึกที่มีเพลี่ยงพล้ำกันได้ ผู้ที่น่าได้รับการสรรเสริญคือผู้ที่ยอมรับ หมั่นศึกษาจุดอ่อนของตนหลังจากเสร็จศึก...พ่อยินดีที่ลูกมีสติปัญญาหลักแหลม คิดวิธีแก้กลศึก อย่าห่วงทางนี้เลยอินทรชิต พ่อจะจัดหาผู้ไปขัดทัพเอง ลูกจงชุบนาคบาศให้สำเร็จเถิด...

จอมอสูรทศกัณฐ์โอบกอด หอมแกมซ้ายขวาลูกชายสุดที่รักอย่างชื่นใจ

ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น การศึกยังต้องดำเนินต่อไปตามที่อินทรชิตได้ลั่นคำไว้แต่เมื่อวาน ทศกัณฐ์คิดอยู่ว่า จะให้ใครเป็นขุนศึกเพื่อ ออกไปขัดตาทัพของพระลักษมณ์ในช่วงที่อินทรชิตไม่อยู่ดี... 

จึงเรียก วาสูร เสนายักษ์ผู้รู้ใจให้ออกไปเมืองโรมคัล เพื่อตาม...มังกรกัณฐ์...ออกไปรบขัดตาทัพไว้ก่อน


.....แทรก.....
ขอแทรกการเปรียบเทียบระหว่างรามเกียรติ์ และรามายณะของอินเดียบ้างนะครับ
การมโนภาพของเมืองลงกา จะแตกต่างกันค่อนข้างมาก

ในรามเกียรติ์ของไทย จะถือว่าราชสำนักแห่งลงกา มีแบบแผนไม่ต่างอะไรกับราชสำนักฝ่ายอโยธยาเท่าไรนัก
แต่ในรามายณะฉบับดั้งเดิมของอินเดีย จะบรรยายว่า ยักษ์ส่วนใหญ่จะใช้อาวุธหนักเช่นกระบอง ง้าว โตมร ดาบเล่มใหญ่ การบรรยายบทบาทของเหล่าอสูรก็จะป่าเถื่อน มักมากในเรื่อเพศ ไม่มีมารยาทดีเหมือนพวกมนุษย์ เช่น กุมภกรรณคือยักษ์ที่ดุร้าย กินเก่ง นอนเก่ง ใช้กำลังเข้าโจมตีศัตรู ชอบมีหญิงรับใช้มากมาย

แต่ของไทยเรา กุมกรรณจะเป็นยักษ์สะอาด กินเจ ใช้เทพอาวุธสังหารศัตรู รักสะอาด   

อีกตัวละครคือ หนุมาน ของไทยเราจะเจ้าชู้ ใจร้อน มักทำเกินคำสั่ง บางครั้งเหมือนทำตามใจตนเอง แต่ของอินเดียจะเป็นลิงรักษาพรหมจรรย์ ใจเย็น ยึดความยุติธรรมและพระรามเป็นที่ตั้ง

แต่ตัวละครที่ดูเหมือนจะบรรยายได้ใกล้เคียงกันที่สุดคือ อินทรชิต ทั้งเล่มของอินเดียและของไทย จะบอกว่าเป็นยักษ์หล่อ หุ่นดี แต่งตัวเนี๊ยบ มีการศึกษาที่ดี รักพ่อ อ้อนแม่ เก่งวิชาธนูอันเป็นศาสตร์ของชาวกษัตริย์ที่นิยมเรียนกันในยุคนั้น ที่สำคัญพูดถึงศรนาคบาศเหมือนกันด้วย ลองติดตามกันดูนะครับว่า ศรนาคบาศจะมีฤทธานุภาพ รุนแรงอย่างไร...

...



ทศกัณฐ์ ปลอบใจอินทรชิต



.



.



.



.




« Last Edit: 25 May 2024, 11:02:14 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #13 on: 05 June 2023, 08:41:32 »


5 มิถุนายน 2022  ·

เล่าเรื่องรามเกียรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต (10)

-อินทรชิตทำพิธีชุบศรนาคบาศ

หลังจากอินทรชิตเกือบเสียทีแพ้พระลักษมณ์ในสนามรบ องค์ชายมารซมซานกลับเข้าเมืองลงกาตัวเปล่า เพราะขณะนี้ทรงเสียไพร่พล เสียรถศึกในการปะทะครั้งแรกกับกองทัพมนุษย์ ยังมิได้พักให้หายเหนื่อย อินทรชิตก็รีบลาทศกัณฐ์ผู้เป็นพ่อไปที่เขาอากาศคีรี เพื่อทำพิธีชุบศรนาคบาศ อันเป็นเป็นสุดยอดอาวุธอีกอย่างหนึ่งของชนเผ่าอสูร 

เมื่อถึงยามรุ่งวันต่อมา อินทรชิตนำมหาดเล็กส่วนพระองค์ทั้งสี่เหล่าออกเดินทาง จนหยุดทัพเมื่อถึงเชิงเขาอากาศคีรี พบเจอชัยภูมิพอเหมาะ จึงสั่งให้กระจายกำลังคุ้มกันรอบเขาให้พร้อมทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นเวลาเจ็ดวัน เจ็ดคืน โดยอย่าให้ใครเข้ามารบกวนได้

ต่อมาพญายักษ์หาทำเลเหมาะเพื่อจะประกอบพิธีชุบศร จนมาเห็นบริเวณถูกใจ ตามลักษณะดังนี้
.

แลเห็นต้นไม้โรทัน              ใบนั้นมีน้ำไหลหยด
หอมกลิ่นรวยรื่นโอชารส         กำหนดแสนอ้อมคณนา
มีโพรงเป็นช่องชั้น                 เทวัญพักทักษ์รักษา
ยอดเขามีท่อธารา                 โปรยปรายลามาเป็นละออง
ภูตพรายกระหึ่มครึมคราง       ปัดรังควานโขมดกู่ก้อง
เยือกเย็นทุกเส้นขนพอง        จักจั่นเรื่อยร้องวังเวงใจ
อสุราจึ่งทำอำนาจ                 กระทืบบาทสนั่นหวั่นไหว
บรรดาภูตผีให้หนีไป              แล้วเข้าในโพรงไม้โรทันฯ
.

เจ้าชายแห่งลงกา พบเจอสถานที่เหมาะแก่การชุบศรพรหมมาศ เห็นโพรงในต้นไม้ใหญ่ แต่ก็มีเทพารักษ์ตลอดจนภูตผีเจ้าถิ่นอาศัยอยู่แล้ว อุปราชแห่งเมืองมารประกาศก้อง

...ข้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ภูตผี วิญญาณที่อยู่ในสถานที่นี้จงออกไปให้พ้น กูคือเจ้าของผืนแผ่นดินนี้... พร้อมกระทืบบาทดังสนั่นทั้งหุบเขา

ผีป่า เจ้าที่ ต่างกระเจิงหนีกันเพราะกลัวเจ้าฟ้าผู้ครองแผ่นดิน อินทรชิตแทรกองค์เข้าไปในโพรง แล้วจุดธูปเทียนนมัสการองค์บรมพรหม แล้วหลับตาตั้งสมาธิ รวบรวมพลังจิตไว้ที่ศรสิทธิ์ บริกรรมคาถาจนเหล่านาคที่อาศัยอยู่ในบริเวณเขาอากาศคีรีทนไม่ไหวด้วยมนตราอันแรงกล้า สามารถบังคับให้เหล่านาคและงูพิษต้องดิ้นรนขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อมาคายพิษอาบศรนาคบาศ ดั่งแรงบริกรรมของอินทรชิต

(สงสัยอินทรชิตคงเคยทำงานสถานเสาวภามาก่อน เพราะว่าพิธีของแกคือ...รีดพิษงู ...แต่แกใช้เวทย์มนต์กดดัน จนบรรดานาคทั้งหลายทนไม่ไหว ต้องยอมคายพิษลงไปที่ศรนาคบาศของแก)

...


อินทรชิตทำพิธีชุบศรนาคบาศ



.



.



.



« Last Edit: 25 May 2024, 11:05:37 by ppsan » Logged
ppsan
Administrator
สยามราษฎร์
*****
Offline Offline

Posts: 9,454


View Profile
« Reply #14 on: 25 May 2024, 11:06:20 »


ปรับปรุงภาพใหม่










Logged
Pages: [1] Go Up Print 
« previous next »
 

SMF 2.0.4 | SMF © 2013, Simple Machines | Theme by nesianstyles | Buttons by Andrea
Page created in 0.09 seconds with 20 queries.